00:00:00 → 00:00:04 สวัสดีครับคุณอั๋นสวัสดีครับคุณโอ๊คแล้ว
00:00:04 → 00:00:07 ก็คุณผู้ชายทางบ้านนะครับครับสวัสดีครับ
00:00:07 → 00:00:10 อาจารย์ครับอาจารย์อธิบายให้ฟังหน่อยครับ
00:00:10 → 00:00:15 ว่าน้ำคร่ำเนี่ยคืออะไรมามันเกิดได้จาก
00:00:15 → 00:00:18 อะไรบ้างครับอาจารย์ครับผมอย่างที่เรา
00:00:18 → 00:00:21 ทราบนะครับเวลาเราตั้งครรภ์เนี่ยนะครับ
00:00:21 → 00:00:24 ทารกที่อยู่ในครรภ์ลูกของเราเนี่ยเขาจะ
00:00:24 → 00:00:27 อยู่ในถุงนะครับในถุงที่คอยห่อหุ้มเขา
00:00:27 → 00:00:30 อยู่เราเรียกว่าอันนี้นะครับแล้วก็ตัว
00:00:30 → 00:00:33 ทารกเองเนี่ยเขาก็จะลอยอยู่ในน้ำซึ่งอยู่
00:00:33 → 00:00:35 ในถุงนั่นเองนะครับซึ่งแน่นอนก็แสดงว่า
00:00:35 → 00:00:38 ถุงคือถุงน้ำคร่ำก็น้ำหยดแรกเราก็เรียก
00:00:38 → 00:00:41 ว่าน้ำข้ามนะครับซึ่งน้ำข้ามเนี่ยเอ่อ
00:00:41 → 00:00:43 ภาษาเอ่ออังกฤษภาษาราชการแพทย์ก็เลยไป
00:00:43 → 00:00:48 amdot
00:00:48 → 00:00:54 ตามท่อประปาอะไรมากกว่านะครับเอ่อ
00:00:54 → 00:00:57 เป็นสิ่งที่มีประโยชน์หลายๆอย่างครับต้อง
00:00:57 → 00:01:00 เพิ่มเงินนะครับเอาๆๆดูง่ายๆเลยนะครับ
00:01:00 → 00:01:04 หน้าที่อันที่ 1 ก็คือช่วยของหุ้มร่างกาย
00:01:04 → 00:01:07 ของทารกเอาไว้นะครับขอบคุณการแข่งทารกก็
00:01:07 → 00:01:10 จะสามารถต้องขี่รถทุกแรงกระแทกต่างๆจาก
00:01:10 → 00:01:12 ภายนอกเวลาเราไปเกิดที่อุบัติเหตุไปล้มไป
00:01:12 → 00:01:16 กระแทกไปถูกอะไรมาโดนกระทบเนี่ยมันก็จะ
00:01:16 → 00:01:19 เหมือนกับผ่อนแรงจากหลักเป็นเบานะครับอัน
00:01:19 → 00:01:20 ที่ 2 นะครับน้ำคลั่งเนี่ยช่วยรักษา
00:01:21 → 00:01:23 อุณหภูมินะครับของทารกให้อยู่ในสภาวะที่
00:01:23 → 00:01:26 อุณหภูมิที่คงที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปตาม
00:01:26 → 00:01:29 สภาวะแวดล้อมภายนอกคือจึงทำให้ไม่มีผลต่อ
00:01:29 → 00:01:32 การเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจหรือการ
00:01:32 → 00:01:35 ทำงานของอวัยวะต่างๆนะครับอันที่ 3 นั้น
00:01:35 → 00:01:38 ครับเป็นเสมือนเอ่อช่องเป็นตัวตันให้
00:01:38 → 00:01:42 เหมือนกับมันมีโพรงที่เป็นช่องให้ทารก
00:01:42 → 00:01:46 เนี่ยมีที่ในการเจริญเติบโตนะครับแล้วก็
00:01:46 → 00:01:50 สามารถเอ่อพัฒนาอวัยวะต่างๆให้ให้เจริญ
00:01:50 → 00:01:52 เติบโตไปตามเวลาได้อย่างยกตัวอย่างสมมุติ
00:01:52 → 00:01:55 ว่าน้ำค่ำเรามีน้อยๆเนี่ยแทนที่แขนขาจะ
00:01:55 → 00:01:57 เหยียดไปได้ดีหรือว่ากระดูกยืดไปได้ดี
00:01:57 → 00:02:00 เนี่ยอาจจะทดลองก็ได้เพราะว่ามันไม่มี
00:02:00 → 00:02:04 พื้นที่อะไรต่างๆนะครับเพราะฉะนั้นในอ่าว
00:02:04 → 00:02:06 แล้วก็น้ำคร่ำเนี่ยนะครับเป็นสิ่งที่
00:02:06 → 00:02:08 เหมือนกับช่วยหล่อลื่นครับหล่อลื่นก็ทำ
00:02:08 → 00:02:10 ให้ในช่วงเวลาที่ต้องคลอดออกมาทางช่อง
00:02:10 → 00:02:13 คลอดเองเนี่ยมันก็ทำให้คลอดออกมาได้ง่าย
00:02:13 → 00:02:15 ขึ้นง่ายขึ้นกว่ากรณีที่สมมุติเราไม่มี
00:02:15 → 00:02:18 น้ำเลยเป็นแค่ร่างกายเราลงมาฝืดๆเลยเนี่ย
00:02:18 → 00:02:20 อันนี้มันก็จะคลอดยากขึ้นนะครับเพราะ
00:02:20 → 00:02:22 ฉะนั้นกล้องเนี่ยก็เป็นของที่ธรรมชาติ
00:02:22 → 00:02:24 สร้างมาไม่มีประโยชน์ในเรื่องของการตั้ง
00:02:24 → 00:02:27 ครรภ์และการคลอดอันนี้ถามว่าเพราะฉะนั้น
00:02:27 → 00:02:30 ถ้ามันมาจากไหนนะครับส่วนประกอบหลักๆเลย
00:02:30 → 00:02:33 นะครับส่วนใหญ่จะสร้างมาจากผนังของถุงน้ำ
00:02:33 → 00:02:36 คร่ำนั่นเองด้านในของผนังครับเนี่ยจะมี
00:02:36 → 00:02:38 พื้นที่ที่เป็นต่อมที่คอยสร้างพวกสาร
00:02:38 → 00:02:42 สำคัญออกมานะครับอันที่ 2 นะครับน้ำคร่ำ
00:02:42 → 00:02:45 เนี่ยก็จะได้มาจากการผลิตปัสสาวะของทารก
00:02:45 → 00:02:48 นั่นเองนะครับในระหว่างที่ทารกอยู่ข้างใน
00:02:48 → 00:02:51 ท้องเราเนี่ยนะครับเอ่อเมื่อเจริญเติบโต
00:02:51 → 00:02:55 ไปเนี่ยนะครับระบบเกี่ยวกับอ่าการทำงาน
00:02:55 → 00:02:57 ของไตในเรื่องของการผลิตปัสสาวะเนี่ยนะ
00:02:57 → 00:03:00 ครับนะตรงเนี้ยจริงๆเขาก็จะการพัฒนาทำงาน
00:03:00 → 00:03:02 เริ่มมาตั้งแต่เมื่อย่างเข้าสู่ประมาณ
00:03:02 → 00:03:05 สัปดาห์ที่ 12-13 นะครับก็จะเริ่มมีการ
00:03:05 → 00:03:07 พูดง่ายๆว่าช่วงแรก
00:03:07 → 00:03:11 ก่อน 12 13 สัปดาห์ไตรมาสที่ 1 เนี่ยบาง
00:03:11 → 00:03:12 ครั้งส่วนใหญ่ก็สร้างมาจากสร้างมาจากผนัง
00:03:12 → 00:03:16 ของของถุงน้ำคร่ำนั่นเองแต่พอทารกพัฒนาคน
00:03:16 → 00:03:19 ช่วงนี้ไปแล้วเนี่ยไตเริ่มทำงานก็จะมีการ
00:03:19 → 00:03:24 ผลิตซ้ำข้ามออกมาเป็นผ่านไปซึ่งขาดไปมัน
00:03:24 → 00:03:26 ก็เป็นปัสสาวะก็พูดง่ายๆว่าเหมือนพวกเรา
00:03:26 → 00:03:28 อ่ะก็นอนนอนจมกองถี่ของเรามาตั้งแต่อยู่
00:03:28 → 00:03:29 ในท้อง
00:03:29 → 00:03:32 แล้วก็น้ำคร่ำซึ่งเป็นที่มาว่าน้ำค่ำ
00:03:33 → 00:03:34 เนี่ยมักจะมีลักษณะที่เป็นสื่อใสๆบ้างจะ
00:03:34 → 00:03:37 ปวดเหลืองต่างๆนิดหน่อยเพราะว่าอันนี้
00:03:37 → 00:03:39 เป็นลักษณะของสีของปัสสาวะที่ออกมาเพราะ
00:03:39 → 00:03:41 ฉะนั้นเนี่ยอายุครรภ์มากขึ้นเรื่อยๆเนี่ย
00:03:41 → 00:03:43 ตัวน้ำคร่ำแห่งสัดส่วนส่วนใหญ่มากขึ้นก็
00:03:43 → 00:03:47 จะมาจากในส่วนของไฟของทารกผลิตปัสสาวะออก
00:03:47 → 00:03:50 มานั่นเองนะครับคราวนี้น้ำเนี่ยก็จะมี
00:03:50 → 00:03:53 เอ่อความสมดุลในเรื่องของปริมาตรของน้ำ
00:03:53 → 00:03:56 คร่ำอยู่นะครับโดยที่ทั้งค่ำที่ไหลเวียน
00:03:56 → 00:03:58 ออกมาจากการสร้างกันนะครับแล้วร่วงลอย
00:03:58 → 00:04:26 อยู่นะครับตัว
00:04:26 → 00:05:59 [เพลง]
00:05:59 → 00:06:02 ด้านหลังกว่ากว่าช่องช่องทางช่องคอช่อง
00:06:02 → 00:06:05 อาหารแต่ปรากฏว่าหลอดลมของเราเนี่ยดันมา
00:06:05 → 00:06:07 อยู่ที่ด้านหน้าชิดมาทางลูกกระเดื่องมาก
00:06:07 → 00:06:09 กว่าในขณะที่หลอดอาหารเนี่ยไปอยู่ด้าน
00:06:09 → 00:06:12 หลังนะครับเพราะฉะนั้นตอนที่เขาห้ามกัน
00:06:12 → 00:06:15 เองครับมันจะมีระบบของร่างกายที่จะมีลิ้น
00:06:15 → 00:06:19 คอยปิดเปิดเป็นจังหวะปกติได้ว่าเราไม่
00:06:19 → 00:06:23 สามารถหายใจไปพร้อมๆกับการกลืนน้ำกลืน
00:06:23 → 00:06:24 อาหารได้
00:06:24 → 00:06:28 จังหวะหายใจในการบินหรือว่าเข้าจังหวะที่
00:06:28 → 00:06:30 เรากลางคืนอย่างเงี้ยมันจะกลั้นหายใจมัน
00:06:30 → 00:06:32 จะหยุดไปแป๊บนึงนะครับเพื่อไม่ให้เกิดการ
00:06:32 → 00:06:36 ไหลย้อนเข้าไปทำให้เอ่อสารอาหารหรือน้ำ
00:06:36 → 00:06:39 ที่เราทานเนี่ยไหลรั่วผ่านเข้าไปในเอ่อ
00:06:39 → 00:06:41 หลอดลมและก็มีพื้นที่ปลอดซึ่งทำให้เกิด
00:06:41 → 00:06:44 อันตรายได้นะครับซึ่งซึ่งที่เราเรียกว่า
00:06:44 → 00:06:46 สำลักก็คือมันก็จะมีบางจังหวะเช่นเรากิน
00:06:46 → 00:06:49 เร็วเกินไปกินไปพูดไปหัวเราะอะไรอย่าง
00:06:49 → 00:06:51 เงี้ยนะครับเราจะเห็นเม็ดข้าวบ้างหรือน้ำ
00:06:51 → 00:06:55 เนี่ยมันไหลลงก่อนไหลลงหลอดลมเพราะมัน
00:06:55 → 00:06:59 เกิดภาพรถเนี่ยจะเกิดภาวะที่มันร่างกาย
00:06:59 → 00:07:01 มันจะมีการไปอย่างรุนแรงครับเหมือนเหมือน
00:07:01 → 00:07:03 กับพยายามขับสิ่งเหล่านี้ออกมาอ่าเพื่อ
00:07:03 → 00:07:06 เป็นกระบวนการที่ที่เกิดขึ้นนะครับคราว
00:07:06 → 00:07:10 นี้เวลาเราพูดถึงการสำลักน้ำคร่ำก็คือใน
00:07:10 → 00:07:12 ความหมายก็คือการที่มีน้ำถ้ำเนี่ยนะครับ
00:07:12 → 00:07:15 ไหลเข้าไปอยู่ในเอ่อทางเดินหายใจของทารก
00:07:15 → 00:07:18 ในครรภ์นะครับซึ่งถ้าพูดกันตามความเป็น
00:07:18 → 00:07:22 จริงถามว่าในใจของเธอเนี่ยเขามีน้ำคร่ำ
00:07:22 → 00:07:25 อยู่ข้างในแล้วหรือเปล่าจริงๆมันก็มี
00:07:25 → 00:07:28 การอธิบายเรื่องการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ให้
00:07:28 → 00:07:32 ฟังกันก่อนนะครับเอ่อในระบบของการหายใจ
00:07:32 → 00:07:34 ของทารกเนี่ยนะครับเอ่อช่องออกของทารก
00:07:34 → 00:07:36 เนี่ยนะครับเราตรวจพบว่าจะมีการเริ่ม
00:07:36 → 00:07:39 เคลื่อนไหวก็คือมีการขยับขึ้นลงของกระบัง
00:07:39 → 00:07:41 ลมซึ่งนั่นหมายความว่าปอดก็เริ่มขยายเข้า
00:07:41 → 00:07:45 ขยายออกแล้วนะครับตั้งแต่เราตั้งครรภ์ได้
00:07:45 → 00:07:47 อายุประมาณสัก 11 สัปดาห์เองนะครับก็คือ
00:07:47 → 00:07:50 ประมาณสักไม่ถึง 3 เดือนดีนะครับแล้ว
00:07:50 → 00:07:53 เมื่อเราติดตามดูไปนะครับพอเข้าสู่เดือน
00:07:53 → 00:07:55 ที่ 4 คืนเลยจาก 12 13 สัปดาห์มาแล้ว
00:07:55 → 00:07:58 เนี่ยจะเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวของช่องอก
00:07:58 → 00:08:01 ของทารกเนี่ยในลักษณะที่เหมือนอาการหายใจ
00:08:01 → 00:08:04 มากขึ้นนะครับและในระหว่างที่หายใจเนี่ย
00:08:04 → 00:08:06 ต้องมีการไหลเข้าออกของน้ำคร่ำในช่องออก
00:08:06 → 00:08:09 เกิดขึ้นด้วยเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเนี่ยใน
00:08:09 → 00:08:12 ช่องอกที่ที่เป็นทางเดินหายใจเนี่ยมันก็
00:08:12 → 00:08:14 มีน้ำค่ำอยู่ไหลเข้าไปอยู่ข้างในนะครับ
00:08:14 → 00:08:16 เพียงแต่ว่าในช่วงเริ่มต้นของการรบในการ
00:08:16 → 00:08:18 หายใจเนี่ยเขาจะแบ่งเป็น 2 แบบก็คือเป็น
00:08:18 → 00:08:22 แบบลักษณะของหายใจเป็นช่วงๆสั้นๆนะครับ
00:08:22 → 00:08:25 ที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอนะครับก็อาจจะตรวจพบ
00:08:25 → 00:08:28 ได้ตั้งแต่หายใจประมาณสัก 30 ครั้งต่อ
00:08:28 → 00:08:30 นาทีนะครับหรืออาจจะเป็นช่วงที่เร็วขึ้น
00:08:30 → 00:08:33 ถึง 70 ครั้งต่อนาทีก็ได้นะครับอันนี้
00:08:33 → 00:08:35 เป็นลักษณะอันที่ 1 คือการหายใจเป็นช่วงๆ
00:08:35 → 00:08:38 การอีกแบบนึงก็คือเป็นการเสียหายใจที่แบบ
00:08:38 → 00:08:40 หายใจลึกหน่อยนะครับลึกเหมือนคล้ายๆ
00:08:40 → 00:08:42 เหมือนเราเหมือนเราเฮ้อถอนหายใจอะไร
00:08:42 → 00:08:45 ปุ๊บเนี่ยมันจะดึงน้ำเข้าไปได้มากกว่า
00:08:45 → 00:08:49 ซึ่งไอ้การการหายใจของทารกแบบลึกเนี่ยมัน
00:08:49 → 00:08:53 อาจจะเกิดสักประมาณเอ่อ 1 ครั้งจะเกิดภาย
00:08:53 → 00:08:56 ในช่วง 1-4 นาทีนะครับเพราะฉะนั้นลักษณะ
00:08:57 → 00:08:58 ที่เราเป็นเนี่ยปัจจุบันเนื่องจากเรามี
00:08:58 → 00:09:01 อัลตราในการเวลาคุณหมอตรวจเนี่ยคุณหมอ
00:09:01 → 00:09:03 เค้าจะดูลักษณะตรงนี้ด้วยครับถ้าเกิดมี
00:09:03 → 00:09:06 ลักษณะแบบนี้นะครับในช่วงอายุครรภ์อันนี้
00:09:06 → 00:09:09 ก็จะถือว่าเป็นลักษณะที่ปกตินะครับเพราะ
00:09:09 → 00:09:12 ว่าจะมีลักษณะอย่างนี้อยู่แล้วถ้าเกิดเรา
00:09:12 → 00:09:14 ตรวจไม่พบนะครับหรือว่าพบว่าช่วงการหายใจ
00:09:14 → 00:09:17 เนี่ยมันลดลงผิดปกติเนี่ยอันนี้เราจะ
00:09:17 → 00:09:19 สามารถทำนายได้เลยว่าอาจจะมีภาวะบางอย่าง
00:09:19 → 00:09:22 ที่ทารกมีการขาดออกซิเจนก็คือออกซิเจนใน
00:09:22 → 00:09:24 เลือดแม่ที่ส่งผลลบมาเนี่ยมาไม่มาไม่ถึง
00:09:24 → 00:09:28 ลูกนะครับหรือว่าลูกมีภาวะที่ขาดขาดพลัง
00:09:28 → 00:09:32 งานคือกลูโคสนะครับทารกที่เขาใช้น้ำตาลใน
00:09:32 → 00:09:34 เลือดเนี่ยเต็มเป็นแหล่งพลังงานสำคัญนะ
00:09:34 → 00:09:38 ครับหลังจากนั้นเนี่ยไอ้ช่วงการหายใจจะมี
00:09:38 → 00:09:40 การเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะมีการกระตุ้นเช่น
00:09:40 → 00:09:42 คุณพ่อคุณแม่เนี่ยเป็นลูกท้องและคุยกับ
00:09:42 → 00:09:45 เขานะครับหรือว่าในในทางการแพทย์เนี่ยเรา
00:09:45 → 00:09:47 ก็จะมีเครื่องที่กระตุ้นผ่านทางหน้าท้อง
00:09:47 → 00:09:49 เนี่ยตรงเนี้ยเราพบว่าก็ใช้เครื่องหรือ
00:09:49 → 00:09:52 ใช้การสัมผัสและกระตุ้นเนี่ยก็จะมีมีผล
00:09:52 → 00:09:55 ต่อระบบการหายใจของดวงใจด้วยนะครับอันนี้
00:09:55 → 00:09:57 เราพูดถึงน้ำคร่ำที่เข้าในระบบหายใจนะ
00:09:57 → 00:10:00 ครับคราวนี้พูดถึงน้ำที่อยู่ในระบบทาง
00:10:00 → 00:10:02 เดินอาหารบ้างนะครับต้องขอโทษที่อธิบาย
00:10:02 → 00:10:05 กันยานิดนึงเวลาโยงมาจะได้เข้าใจว่าท่าน
00:10:05 → 00:10:08 มาสำรับเข้าไปได้ยังไงนะครับระบบทางเดิน
00:10:08 → 00:10:10 อาหารเนี่ยเราพบว่าทารกเนี่ยจะเริ่มมีการ
00:10:10 → 00:10:13 กลืนนะครับได้ประมาณเดือนที่ 4 เพราะใกล้
00:10:13 → 00:10:14 ก็ใกล้เคียงกับที่เราไฮเปอร์หายใจนั่นเอง
00:10:14 → 00:10:17 นะครับแล้วก็กลางคืนมั่งคั่งเข้าไปเนี่ย
00:10:17 → 00:10:20 นะครับแต่ถือเป็นการช่วยควบคุมปริมาณน้ำ
00:10:20 → 00:10:23 คร่ำอ่ะอย่างยกตัวอย่างที่หมอบอกแล้วลูก
00:10:23 → 00:10:25 ลอยน้ำข้ามก็จริงแล้วขั้นที่สร้างขึ้นมา
00:10:25 → 00:10:27 ทั้งจากปัสสาวะทั้งอย่างถูกเนี่ยมันมี
00:10:27 → 00:10:29 โครงสร้างขึ้นมาก็จะมีการกลืนผ่านเข้าไป
00:10:29 → 00:10:31 บอกทางเดินอาหารของลูกเนี่ยนะครับอ่านมา
00:10:31 → 00:10:34 ความร้อนอาหารผ่านลงไปที่กระเพาะเข้าไปใน
00:10:34 → 00:10:36 ลำไส้อันนี้คือเรื่องของการไหลเวียนของ
00:10:36 → 00:10:40 สงครามนะครับคราวนี้ถ้าเกิดทางรถมีการคืน
00:10:40 → 00:10:42 ทั้งๆที่ผิดปกติเหลือเกินไม่ได้เช่นมีการ
00:10:42 → 00:10:46 หลอดอาหารปีเนี่ยจะส่งผลทำให้เคารพมีภาวะ
00:10:46 → 00:10:48 ที่นำถ้ำมันเยอะเกินก็คุณแม่ท่านนั้นก็จะ
00:10:48 → 00:10:51 ตั้งครรภ์แล้วมีท้องขนาดใหญ่มากๆเลยนะ
00:10:51 → 00:10:54 ครับจะในๆๆภาษาโบราณเขาเรียกเงินทองมา
00:10:54 → 00:10:56 อะไรเงี้ยมันก็เหมือนแบบมีน้ำอยู่แล้วก็
00:10:56 → 00:10:59 ตัวลูกจริงๆยังเล็กแต่ว่าพื้นที่
00:10:59 → 00:11:01 ตัวท้องมันใหญ่ก็เพราะว่ามันใหญ่ที่น้ำ
00:11:01 → 00:11:04 เท่านั้นเองนะครับ
00:11:05 → 00:11:09 นะแต่เมื่อลูกกรวยเท่านั้นนะครับเวลาผ่าน
00:11:09 → 00:11:13 ไปเรื่อยๆเนี่ยเศษเศษของเซลล์ผิวหนังของ
00:11:13 → 00:11:16 ลูกนะครับที่มันหลุดลอกอ่านะครับหรือเศษ
00:11:16 → 00:11:17 ของ
00:11:17 → 00:11:20 ทีมงานของลูกเนี่ยเขาจะมีขนอ่อนๆปกคลุม
00:11:21 → 00:11:24 ร่างกายอยู่นะครับพวกนี้มันจะหลุดลอกออก
00:11:24 → 00:11:27 มาแล้วก็รออยู่นะครับเพราะฉะนั้นเหล่านี้
00:11:27 → 00:11:29 เมื่อไหร่เข้าไปในทางเดินอาหารนะครับและ
00:11:29 → 00:11:32 ไอ้พวกเศษต่างๆของเซลล์เหล่านี้มันจะกลาย
00:11:32 → 00:11:37 เป็นกากนะครับค้างอยู่ในลำไส้นะครับเพราะ
00:11:37 → 00:11:40 ว่าเนื่องจากระบบลำไส้ของของลูกในทางเดิน
00:11:40 → 00:11:42 อาหารเขาเนี่ยมันก็คือน้ำค่ำเข้าไปแต่เขา
00:11:42 → 00:11:45 ไม่ได้เขายังไม่ได้ย่อยอาหารเพราะว่าจริง
00:11:45 → 00:11:47 ๆเขายังได้รับอาหารผ่านกระแสเลือดของแม่
00:11:47 → 00:11:49 ผ่านสายสะดือมาอยู่เพราะฉะนั้นการเคลื่อน
00:11:49 → 00:11:52 ไหวของทางเดินอาหารเขาที่เหมือนกับบาง
00:11:52 → 00:11:54 ครั้งก็ไปเนี่ยมันเหมือนกับเป็นระบบที่ลำ
00:11:54 → 00:11:57 ไส้มันฝึกการดีดตัวฝึกการกลืนอาหารเท่า
00:11:57 → 00:12:01 นั้นเองแต่มันยังไม่ได้มีการจริงๆเพราะ
00:12:01 → 00:12:03 ฉะนั้นเมื่อไม่มีการย่อยเจ้าสัวเซลล์ต่าง
00:12:03 → 00:12:05 ๆที่ไหลเข้าไปเนี่ยนะครับค้างอยู่นานๆ
00:12:05 → 00:12:08 เนี่ยมันก็จะกลายเป็นเหมือนแบบเหมือนกาก
00:12:08 → 00:12:11 อันนึงนะครับเป็นกากที่ค้างอยู่ในลำไส้นะ
00:12:11 → 00:12:14 ครับนอกจากนี้ในส่วนของลำไส้นั่นเองเขาก็
00:12:14 → 00:12:16 จะมีต่อมที่ผลิตสารกลับหลั่งต่างๆนะครับ
00:12:16 → 00:12:19 นะเหมือนกับที่เราตอนโตเนี่ยเราก็มีการ
00:12:19 → 00:12:20 ผลิตสารคัดหลั่งต่างๆเหมือนกันนะครับ
00:12:20 → 00:12:24 เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้นะครับกราบต่างๆ
00:12:24 → 00:12:26 ที่รวมตรงนี้ทางการแพทย์เราเรียกกันว่า
00:12:26 → 00:12:30 ให้คนเงียบหรือภาษาไทยเราเรียกว่าขี้เทา
00:12:30 → 00:12:34 นี้ความสำคัญที่เราพูดถึงบางทีเผ่าออกมา
00:12:34 → 00:12:38 ว่าเราจะพบว่าลูกเนี่ยเขาก็ลอยอยู่ในน้ำ
00:12:38 → 00:12:41 ข้ามปกติปกติถูกไหมครับก็อย่างมันก็มีน้ำ
00:12:41 → 00:12:43 คร่ำไหลเวียนอยู่ในทั้งทางเดินหายใจให้
00:12:43 → 00:12:45 ทางเดินอาหารเพราะฉะนั้นมันก็ไม่น่าจะ
00:12:45 → 00:12:48 เรียกว่าสำลักนะครับคือการที่มีน้ำคร่ำ
00:12:48 → 00:12:51 ปกติไหลเข้าไปในๆทางเดินหายใจเนี่ยมันก็
00:12:51 → 00:12:52 จึงไม่ได้ส่งผลอะไรเพราะมันเป็นเรื่องโดย
00:12:52 → 00:12:55 ธรรมชาติอยู่แล้วแต่ถ้าเป็นงั้นที่มีเจ้า
00:12:55 → 00:12:59 กากหรือว่าขี้เข่าเนี่ยนะครับไหลคนอยู่
00:12:59 → 00:13:01 เนี่ยนะครับอันนี้จะเป็นจะเป็นสิ่งสำคัญ
00:13:01 → 00:13:05 ที่ทำให้เกิดอันตรายกับลูกได้คราวนี้เจ้า
00:13:05 → 00:13:07 ที่ทองที่อยู่เป็นกะของเศษๆต่างๆที่อยู่
00:13:07 → 00:13:11 ในในลำไส้เนี่ยปกติเนี่ยจะถูกเก็บกักไว้
00:13:11 → 00:13:13 นะครับคือทารกที่ยังไม่ถ่ายออกมานะครับ
00:13:13 → 00:13:16 เพราะฉะนั้นต่อให้มีเสียงต่างๆเนี่ยเพราะ
00:13:16 → 00:13:18 มันไหลกลืนเข้าไปเนี่ยมันก็จะค้างอยู่ใน
00:13:18 → 00:13:21 ทางเดินอาหารของลูกนั่นแหละแล้วก็เขายัง
00:13:21 → 00:13:22 ไม่ได้กินอาหารจริงๆแล้วยังไม่ได้ขับถ่าย
00:13:22 → 00:13:25 ไม่มีระบบอะไรไม่มีกากอาหารเหมือนที่เป็น
00:13:25 → 00:13:29 อุจจาระอะไรนะครับแต่ว่าเอ่อกลไกพวกนี้จะ
00:13:29 → 00:13:33 ถูกควบคุมโดยเอ่อหูรูดของทวารของลูกเนี่ย
00:13:33 → 00:13:36 มันจะมีการปิดสนิทอยู่นะครับจนกว่าเขาจะ
00:13:36 → 00:13:39 คลอดออกมาแล้วนะครับเราถึงพบว่าทารกถึงจะ
00:13:39 → 00:13:41 เริ่มมีการถ่ายเอาสิ่งเหล่านี้ออกมาก็คือ
00:13:41 → 00:13:44 จะเริ่มมีการถ่ายอุจจาระภัยจากของขี้เทา
00:13:44 → 00:13:47 พวกเนี้ยออกมาภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก
00:13:47 → 00:13:51 คลอดอันนี้เป็นคนไทยปกติคราวนี้ถ้ามีภาวะ
00:13:51 → 00:13:54 อะไรต่างๆที่เกิดอันตรายกับลูกนะครับโดย
00:13:54 → 00:13:56 เฉพาะที่เราพบมากภาวะการขาดออกซิเจนเนี่ย
00:13:56 → 00:13:59 นะครับจะทำให้
00:13:59 → 00:14:02 ใต้สมองของตัวทารกเนี่ยนะครับมีการผลิต
00:14:02 → 00:14:05 ฮอร์โมนนะครับที่มากระตุ้นให้เหมือนกับ
00:14:05 → 00:14:07 กล้ามเนื้อเรียบของพลังลำไส้เกิดมันโผล่
00:14:07 → 00:14:10 รูดมันเปิดออกแล้วก็จะปล่อยให้ขี้เพลา
00:14:10 → 00:14:13 เนี่ยมันไหลออกมาทางทวารหนักเพราะฉะนั้น
00:14:14 → 00:14:17 เนี่ยก็จะเป็นรอยอยู่ในนั้นทำถลอก
00:14:17 → 00:14:20 มาอยู่ข้างในข้างนอกเนี่ยจะเกิดกลายเป็น
00:14:20 → 00:14:23 ลูกเนี่ยนอนแช่อยู่ในน้ำคร่ำที่มันมีขี้
00:14:23 → 00:14:24 เทา
00:14:24 → 00:14:27 นี้เพราะเขาอยู่ปุ๊บเนี่ยนะครับนะแล้วไอ้
00:14:27 → 00:14:29 ที่เหล่าพวกเนี้ยมันสำลักตรงไปในทางเดิน
00:14:29 → 00:14:31 หายใจเนี่ยอันเนี้ยนะครับจะเป็นจะเป็น
00:14:31 → 00:14:34 ปัญหาและเพราะว่าถ้าพี่ทำพวกนี้จะไปอุด
00:14:34 → 00:14:37 ตันตามหลอดลมเล็กๆนะครับตามผนังของถุงลม
00:14:37 → 00:14:39 เล็กๆซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุดที่ลูกจะหาย
00:14:39 → 00:14:44 ใจพอตอนเขาเกิดออกมานะครับเอ่อเวลาเวลา
00:14:44 → 00:14:47 เกิดมาโดยครั้งแรกเนี่ยนะครับเอ่อเราก็จะ
00:14:47 → 00:14:49 คุณหมอก็จะมีการช่วยกระตุ้นนะครับมีการ
00:14:49 → 00:14:52 เอาลูกเอาลูกยางแดงเนี่ยไปดูดเอาน้ำอะไร
00:14:52 → 00:14:54 ต่างๆที่อยู่ในปอดใดทางเดินหายใจของลูก
00:14:54 → 00:14:56 ออกมานะครับเสร็จแล้วพอกระตุ้นให้ร้อง
00:14:56 → 00:14:59 เนี่ยก็จะเป็นอากาศที่เข้าไปแทนที่
00:14:59 → 00:15:03 นะครับดังนั้นถ้าเกิดมีมีการร้องแล้วก็
00:15:03 → 00:15:06 เกิดในทางเดินอาหารอะไรจากทางไหนจะรู้
00:15:06 → 00:15:09 เนี่ยเขาที่มันลอยอยู่บนก็จะเกิดการสำลัก
00:15:09 → 00:15:12 อันนี้ลงลึกเข้าไปในทางเดินทางเดินหายใจ
00:15:12 → 00:15:15 มากขึ้นเหมือนกับยิ่งเขาร้องยิ่งเขาเริ่ม
00:15:15 → 00:15:18 หายใจปุ๊บเนี่ยไอ้ที่ทำอันนี้ก็จะลงไปลึก
00:15:18 → 00:15:22 ขึ้นพอลงไปเนี่ยเขาก็จะไปเกิดการอุดกั้น
00:15:22 → 00:15:25 ทำให้ลูกเนี่ยมีปัญหาของการหายใจคือไม่
00:15:25 → 00:15:28 สามารถหายใจได้ปกติแล้วก็ทำให้เกิดการขาด
00:15:28 → 00:15:30 ออกซิเจนแล้วก็เป็นภาวะที่อันตรายถึง
00:15:30 → 00:15:31 ชีวิตของลูกได้
00:15:32 → 00:15:34 ดังนั้นดังนั้นอย่างที่อย่างที่คุณอ่าน
00:15:34 → 00:15:37 คุณคนถามหมอมาเนี่ยนะครับว่างั้นไอ้
00:15:37 → 00:15:40 เรื่องเกี่ยวกับเรื่องการสำลักน้ำค่ำคือ
00:15:40 → 00:15:42 อะไรในประเด็นทางการแพทย์เนี่ยเรามองอัน
00:15:42 → 00:15:45 นี้แหละครับสำลักน้ำค่ำที่มันมีขี้เข่า
00:15:45 → 00:15:49 ป่นนี่แหละครับที่เป็นอันตราย
00:15:49 → 00:15:52 ไม่ดีนะครับที่เทามันเหมือนเป็นเศษของ
00:15:52 → 00:15:55 เซลล์ครับมันเป็นความสกปรกมีอะไรต่างๆ
00:15:55 → 00:16:00 ค้างอยู่นะครับเหมือนทำทุกอย่างเลยว่าพี่
00:16:00 → 00:16:04 เจ้าสิ่งพวกนี้มันก็จะมีโอกาสทำให้ปอดติด
00:16:04 → 00:16:07 เชื้อเกิดการเกิดการอักเสบที่รุนแรงนะ
00:16:07 → 00:16:11 ครับนำไปสู่การเสียชีวิตของลูกได้ด้วย
00:16:11 → 00:16:16 แล้วปัจจัยเสี่ยงของของการคลอดที่แบบจะทำ
00:16:16 → 00:16:20 ให้เกิดทารกในครรภ์เนี่ยสำลักน้ำคร่ำที่
00:16:20 → 00:16:22 มีขี้เทาปนเนี่ยมันมีปัจจัยอะไรบ้างเข้า
00:16:22 → 00:16:23 ภาษาอังกฤษ
00:16:23 → 00:16:26 อย่างที่เราบอกแล้วครับสิ่งที่ทำให้เจ้า
00:16:26 → 00:16:29 หน้าที่ทำมันหลุดรอดออกมาจากรูทวารของลูก
00:16:29 → 00:16:32 ได้เนี่ยก็คือภาวะที่ร่างกายของลูกเนี่ย
00:16:32 → 00:16:35 ขาดออกซิเจนนะครับเพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่
00:16:35 → 00:16:37 เราเจอได้บ่อยๆเลยนะครับไม่ต้องมีความผิด
00:16:37 → 00:16:40 ปกติอะไรเลยในการตั้งครรภ์ก็ได้แต่ถ้าการ
00:16:40 → 00:16:42 ตั้งครรภ์นั้นเนี่ยมันเป็นการตั้งครรภ์
00:16:42 → 00:16:45 ที่เริ่มนานจนเลยกำหนด
00:16:45 → 00:16:48 [เพลง]
00:16:48 → 00:16:52 เรื่องการกำหนดอายุครรภ์นิดนึงเอ่อปกติ
00:16:52 → 00:16:55 เนี่ยเราถือว่าการตั้งครรภ์เนี่ยนะครับจะ
00:16:55 → 00:16:58 ครบกำหนดคลอดเนี่ยนะครับเรานัดที่ 40
00:16:58 → 00:16:58 สัปดาห์
00:16:58 → 00:17:02 นะครับ 40 สัปดาห์เนี่ยนะครับหรือ 280
00:17:02 → 00:17:06 วันโดยเรานับจุดตั้งต้นเนี่ยจากวันแรกของ
00:17:06 → 00:17:08 ประจำเดือนครั้งสุดท้าย
00:17:08 → 00:17:11 จริงๆการนับแบบนี้ก็ไม่ค่อยถูกต้องนักนะ
00:17:11 → 00:17:13 ครับเพราะว่าสมมุติเรามีประจำเดือนมาที่ 1
00:17:13 → 00:17:16 ใช่ไหมครับถ้าเรานับตั้งต้นแบบนี้กลาย
00:17:16 → 00:17:18 เป็นว่าสมมุติไปถึงวันที่ 7 เนี่ยแปลว่า
00:17:18 → 00:17:21 เราตั้งครรภ์ 1 สัปดาห์แล้วในความเป็น
00:17:21 → 00:17:22 จริงเนี่ยมันอย่างนั้นมันไม่ถูกเพราะว่า
00:17:22 → 00:17:25 สมมุติเรานับจากประจำเดือนมา 7 วันเนี่ย
00:17:25 → 00:17:27 ไข่ยังไม่ตกด้วยซ้ำมันต้องไป 4 วันไข่ถึง
00:17:27 → 00:17:29 จะเริ่มตกถึงจะเริ่มปฏิสนธิถูกไหมครับ
00:17:29 → 00:17:31 เพราะฉะนั้นการนับอายุครรภ์จริงๆแล้ว
00:17:31 → 00:17:34 เนี่ยเราเราถ้าจะเอาให้ถูกต้องเลยมันต้อง
00:17:34 → 00:17:37 เริ่มนับจากวันปฏิสนธิอ่ะที่ที่เป็นตัว
00:17:37 → 00:17:40 อ่อนแล้วก็เป็นปัญหาก็คือถ้าเรานับแบบนี้
00:17:40 → 00:17:43 จะทำให้เราไม่สามารถเทียบระหว่างระหว่าง
00:17:43 → 00:17:46 คนแต่ละคนได้เพราะว่าในแต่ละคนเราจะไปรู้
00:17:46 → 00:17:48 ได้ไงว่าใครเขาตกวันไหนแต่ละคนไม่ตกถึง 4
00:17:48 → 00:17:51 วันเสมอกันนะครับแล้วก็สมมุติในคนคนเดียว
00:17:51 → 00:17:53 กันนั้นเนี่ยเราบอกว่าเอ้ยเราเรามี
00:17:54 → 00:17:55 เพศสัมพันธ์บางทีก็มีเพื่อนทำหลายครั้งไง
00:17:55 → 00:17:59 ฮะวันนี้แบบอีก 2 วันมาอีก 3 วันก็ไม่รู้
00:17:59 → 00:18:00 ท้องแต่ครั้งไหน
00:18:00 → 00:18:04 ดังนั้นเราจะไปหาจุดตั้งต้นของการเริ่ม
00:18:04 → 00:18:05 เริ่มตั้งครรภ์จากเพศสัมพันธ์จริงๆว่า
00:18:06 → 00:18:08 ปกติของที่ตรงไหนเนี่ยมันจะมันจะวัดใน
00:18:08 → 00:18:11 ความเป็นจริงได้ยากนะครับดังนั้นถ้างั้น
00:18:11 → 00:18:14 แค่เราจึงถือว่างั้นในเมื่อเราไม่สามารถ
00:18:14 → 00:18:17 หาจุดกำเนิดของการฝังตัวของการปฏิสนธิได้
00:18:17 → 00:18:19 โดยธรรมชาติเพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่ามัน
00:18:19 → 00:18:23 จริงๆของครั้งไหนวันไหนเราก็จะย้อนไปดู
00:18:23 → 00:18:26 สิ่งสุดท้ายที่เราเห็นนั่นเองก็คือก่อน
00:18:26 → 00:18:28 ที่จะไปเกิดการตั้งครรภ์เนี่ยมันมีประจำ
00:18:28 → 00:18:29 เดือนแล้วประจำเดือนมันจะหายไป
00:18:29 → 00:18:32 เพราะฉะนั้นเราจะมีครั้งสุดท้ายเนี่ยเรา
00:18:32 → 00:18:35 ก็ไปนับจากจุดตั้งต้นตรงนั้นอ่ามันมาวัน
00:18:35 → 00:18:37 แรกวันที่เท่าไหร่นะครับเพราะว่าสุดท้าย
00:18:37 → 00:18:39 ก่อนจะหายไปเนี่ยนะครับแล้วเราติดตามดู
00:18:39 → 00:18:42 มนุษย์ทั่วโลกเป็นเวลาโอ้โห 560 ปีเป็น
00:18:42 → 00:18:46 พันล้านคนทั่วโลกแล้วติดตามไปดูวัดค่าได้
00:18:46 → 00:18:49 ว่าถ้าเราตั้งต้นนับจากตรงเนี้ยมนุษย์เรา
00:18:49 → 00:18:52 จะไปคลอดลูกเมื่อครบ 40 สัปดาห์หรือ 280
00:18:52 → 00:18:54 บาทอ่าจากนั้นการนับอายุครรภ์เราจึงนับ
00:18:54 → 00:18:58 ตรงนี้นะครับคราวนี้เมื่ออายุการผ่านไป
00:18:58 → 00:19:00 เรื่อยๆนะครับถามว่าลูกอ่ะได้ออกซิเจนจาก
00:19:00 → 00:19:02 ไหนคือเราโยนมาถึงเรื่องว่าขี้เทามันจะ
00:19:02 → 00:19:05 ออกมาปนในน้ำคร่ำเนี่ยถ้าหูรูดเปิดเนื่อง
00:19:05 → 00:19:08 จากขาดออกซิเจนใช่ไหมครับลูกได้ออกคิวจาก
00:19:08 → 00:19:10 ไหนได้จาก Factory อย่างเดียวเลยเขายัง
00:19:10 → 00:19:12 เขายังไม่ได้หายใจอะไรเลยธรรมชาติเพราะ
00:19:12 → 00:19:15 ฉะนั้นใครก็ดูเนี่ยนะครับมันก็รับเลือก
00:19:15 → 00:19:20 ที่ส่งมาผ่านรกรกเนี่ยเกาะผนังมดลูกใช่
00:19:20 → 00:19:21 ไหมครับแล้วก็รวบรวมเส้นเลือดเล็กๆเนี่ย
00:19:21 → 00:19:25 รวมมาถ้าอธิบายให้คุณที่ยังไม่เคยเห็นรถ
00:19:25 → 00:19:28 เนี่ยรถมาจากเป็นแผ่นพิซซ่ากลมๆฮะนะครับ
00:19:28 → 00:19:31 โดยที่ด้านหลังแผ่นพิซซ่าเนี่ยมันจะไปแปะ
00:19:31 → 00:19:33 ผนังมดลูกนะครับแล้วก็เป็นเส้นเลือดฝอย
00:19:33 → 00:19:37 เล็กๆเต็มไปหมดเลยครับทางด้านหลังเขาจะ
00:19:37 → 00:19:39 ผ่านเนื้อรกรวบรวมออกซิเจนลดสารอาหารมา
00:19:39 → 00:19:42 เสร็จแล้วพอมาด้านหน้าของรถเนี่ยมันจะรวบ
00:19:42 → 00:19:44 รวมมารวมตรงผลกลางและก็กลายเป็นเส้นเลือด
00:19:45 → 00:19:46 ที่เป็นสายสะดือออกมา
00:19:46 → 00:19:48 เพราะฉะนั้นก็รวมเส้นเลือดฝอยทั้งหมด
00:19:48 → 00:19:51 เนี่ยแล้วส่งอาหารผ่านไปส่งออกซิเจนผ่าน
00:19:51 → 00:19:54 สายซื้อมาให้ลูกเพราะฉะนั้นเนี่ยจึงมี
00:19:54 → 00:19:57 ความสำคัญมากๆนะครับดังนั้นเมื่อการตั้ง
00:19:57 → 00:20:00 ครรภ์เนี่ยนะครับที่เราบอก
00:20:00 → 00:20:03 ถ้าเกิดการตั้งครรภ์ไปครบ 4 สัปดาห์แล้ว
00:20:03 → 00:20:06 เรายังไม่เก็บของคลอดสักทียังไม่ยังไม่มี
00:20:06 → 00:20:08 อาการของการคลอดเกิดขึ้นพอดีเพราะว่าเรา
00:20:08 → 00:20:11 สังเกตมันแล้วแต่ธรรมชาติกันหมดไงเราก็
00:20:11 → 00:20:14 บอกไม่ได้ถูกไหมครับท่านเลย 40 สัปดาห์ไป
00:20:14 → 00:20:16 แล้วเนี่ยเราพบว่ารถมันจะเริ่มเสื่อม
00:20:16 → 00:20:17 เสื่อมลงเรื่อยๆครับ
00:20:17 → 00:20:21 เพราะฉะนั้นถ้าเกิดยิ่งการสมมุติถ้าเรา
00:20:21 → 00:20:23 คลอดก่อนจะคบกำหนดก่อนจะครบ 42 สัปดาห์
00:20:23 → 00:20:26 เนี่ยนะครับนะอันนี้เราถือว่าปัญหาพวก
00:20:26 → 00:20:30 เอ่อการสำลักน้ำเนี่ยจะน้อยกว่าแต่ที่เรา
00:20:30 → 00:20:33 เจอกันคือถ้าเกิดสมมุติว่ายิ่งคลอดเมื่อ
00:20:33 → 00:20:35 นานไปนะครับสมมุติเลย 40 สัปดาห์ไปแล้ว
00:20:35 → 00:20:38 เนี่ยยังไม่คลอดนะครับยิ่งเวลาผ่านไปแล้ว
00:20:38 → 00:20:40 นั่นเหมือนจุดตั้งต้นที่เราจะต้องเสี่ยง
00:20:40 → 00:20:42 ว่ารถมันจะเริ่มเสื่อมเสื่อมลงจนกระทั่ง
00:20:42 → 00:20:45 ออกซิเจนลดลงถึงวันไหนก็ไม่รู้นะครับเข้า
00:20:45 → 00:20:47 ไปในจุดที่ออกเช่นลดลงมากๆเนี่ยปัญหาก็
00:20:47 → 00:20:51 คือสิ่งที่ตามมาก็คือเอ่อเนี่ยครับจะเกิด
00:20:51 → 00:20:53 ปัญหาที่หูรูดทวารหนักเปิดแล้วก็ลูกก็จะ
00:20:54 → 00:20:56 ขับขี้เพลาออกมาแล้วก็เมื่อลูกคลอดก็อาจ
00:20:56 → 00:21:58 จะเกิดการสำลักที่พาไปใน
00:21:58 → 00:22:00 เราอยู่ในพื้นที่ในหนังค่ำใช่ไหมครับสาย
00:22:00 → 00:22:03 สุดนี้ก็ลอยอยู่ในบริเวณรอบๆนั้นถ้าเกิด
00:22:03 → 00:22:05 เป็นกรณีที่เรามีน้ำคร่ำที่อยู่รอบๆตัว
00:22:05 → 00:22:07 ลูกน้อยเช่นตัวทองคำมันเกิดสร้างน้อยเกิน
00:22:07 → 00:22:11 ไปนะครับนะหรือว่ามีการดูดกลืนของไปในทาง
00:22:11 → 00:22:14 เดินอาหารของลูกมากทำให้พื้นที่ของน้อง
00:22:14 → 00:22:16 ข้ามภายนอกเนี่ยมันเหลือน้อยนะครับ
00:22:16 → 00:22:19 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือแทนที่ใส่สะดือเนี่ย
00:22:19 → 00:22:22 เขาจะลอยอยู่อิสระนะครับเหมือนกับลอยอยู่
00:22:22 → 00:22:24 ในน้ำเพื่อที่โล่งๆอ่ะสามารถส่งออกซิเจน
00:22:24 → 00:22:27 ส่งเลือดได้ดีปรากฏว่าใส่สะดือเนี่ยก็จะ
00:22:27 → 00:22:29 ไปถูกเบียดด้วยร่างกายของลูกเองไงเพราะ
00:22:29 → 00:22:31 ว่ามันไม่มีพื้นที่ไงมันมันล้ำค่ามันน้อย
00:22:31 → 00:22:33 ใช่มั้ยฮะก็เหมือนตัวลูกไปเบียดกับผนัง
00:22:33 → 00:22:36 แต่ก็คืออยู่ตรงกลางก็จะไปเบียดกันก็ทำ
00:22:36 → 00:22:38 ให้ออกซิเจนเนี่ยที่ไปที่ลดลงได้
00:22:38 → 00:22:41 เพราะฉะนั้นภาวะที่มีน้ำคร่ำน้อยนะครับก็
00:22:41 → 00:22:43 อาจจะเกิดขึ้นเกิดความเสี่ยงในเรื่องของ
00:22:43 → 00:22:46 การสำลักน้ำคร่ำตามมาได้เหมือนกันนะครับ
00:22:46 → 00:22:49 ก็คือพูดง่ายๆก็คือสำนักที่เขาเข้าไปนี่
00:22:49 → 00:22:52 แหละนะครับซึ่งไอ้ภาวะที่น้ำถ้ำน้อยนะ
00:22:52 → 00:22:55 ครับอย่างที่บอกการจะสร้างมันจะสร้างน้อย
00:22:55 → 00:22:57 ผิดปกติเรามักจะเจอในทารกที่มีปัญหา
00:22:57 → 00:23:00 เรื่องการเจริญเติบโตช้าในครรภ์เช่นมี
00:23:00 → 00:23:03 ความผิดปกติของการเจริญของโรคเองมาตั้ง
00:23:03 → 00:23:05 แต่ตลอดทางทั้งคันอยู่แล้วหรือว่าเป็น
00:23:05 → 00:23:09 ทารกที่มีความผิดปกติในในยีนในโครโมโซม
00:23:09 → 00:23:11 ของที่ทำให้การพัฒนาเนี่ยมันช้ากว่าปกติ
00:23:11 → 00:23:14 พวกนี้ก็จะทำให้มันพัฒนามันก็ช้าทั้งร่าง
00:23:14 → 00:23:17 กายตัวก่อนเล็กแล้วก็มันก็ช้าในการสร้าง
00:23:17 → 00:23:19 น้ำคร่ำอะไรต่างๆทุกอย่างไปด้วย
00:23:19 → 00:23:22 นะครับเพราะฉะนั้นใดๆก็ตามที่ทำให้เกิด
00:23:22 → 00:23:26 ภาวะที่คล่องออกซิเจนเนี่ยอันนี้จะเป็น
00:23:26 → 00:23:29 อันตรายมากขึ้นทำให้เสี่ยงต่อการทำมาก
00:23:29 → 00:23:31 ขึ้น
00:23:31 → 00:23:35 อาจารย์แล้วอย่างเอ่อสมมติอันนี้ก็คือ
00:23:35 → 00:23:38 หลักๆมันจะมีอยู่ประมาณ 2 สาเหตุใช่ไหม
00:23:38 → 00:23:41 อาจารย์แล้วแล้วจำนวนอัตราที่เกิดขึ้นนะ
00:23:41 → 00:23:44 ครับอาจารย์มันๆมีเยอะมากไหมครับอาจารย์
00:23:44 → 00:23:47 เอ้อความเสี่ยงของการเกิดภาวะเอ่อสำนัก
00:23:47 → 00:23:49 น้ำคร่ำเนี่ยนะครับจริงๆเนี่ยเกิดไม่บ่อย
00:23:49 → 00:23:51 ครับอุบัติการณ์ของเรื่องนี้นะครับถ้า
00:23:51 → 00:23:55 เป็นถือว่าในเรื่องของประชากรที่สถิติที่
00:23:55 → 00:23:58 เราเก็บในเมืองไทยเนี่ยนะครับนะเราพบว่า
00:23:58 → 00:24:00 อย่างนี้ด้วยครับนอกเหนือจากการสำลักน้ำ
00:24:00 → 00:24:02 ค่ำเนี่ยนะครับนะอันหนึ่งที่อยากใช้ทำนาย
00:24:02 → 00:24:05 ภาวะตรงนี้ได้ก็คือเวลาลูกคลอดออกมาเนี่ย
00:24:05 → 00:24:08 ถ้าเราเห็นมีไอ้ขี้เทาเนี่ยนะครับเหมือน
00:24:08 → 00:24:11 กับเคลือบฉาบอยู่บนผนังของรกหรือฉากอยู่
00:24:11 → 00:24:14 บนผนังอยู่ข้างๆอยู่เยอะๆเนี่ยอันนี้ค่อน
00:24:14 → 00:24:17 ข้างจะค่อนข้างจะน่าสงสัยว่าจะมีความ
00:24:17 → 00:24:19 เสี่ยงเรื่องนี้ได้ซึ่งปฏิบัติการโดยรวม
00:24:19 → 00:24:21 เนี่ยนะครับของในเรื่องของการเกิดตรง
00:24:21 → 00:24:24 เนี้ยเราจะถือว่ามีความเสี่ยงอยู่ประมาณ
00:24:24 → 00:24:27 สัก
00:24:27 → 00:24:28 [เพลง]
00:24:28 → 00:24:33 ที่เป็นหมื่นนะฮะจะมีประมาณสัก 2-3 เคสนะ
00:24:33 → 00:24:36 ครับจริงๆก็ไม่ได้เยอะมากนะครับเพียงแต่
00:24:36 → 00:24:38 ว่าถ้ามันเป็นภาวะที่เกิดแล้วเนี่ยมันก็
00:24:38 → 00:24:42 ค่อนข้างจะรุนแรงถ้าเกิดขึ้นนะครับ
00:24:42 → 00:24:45 คราวนี้ถ้าเราพูดถึงในแง่ของในเมื่อมัน
00:24:45 → 00:24:48 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ของคำแนะนำ
00:24:48 → 00:24:51 เกี่ยวกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่ดูน่ากลัว
00:24:51 → 00:24:54 กับลูกอ่ะแล้วเราจะดูแลเป็นยังไงอันที่ 1
00:24:54 → 00:24:56 ครับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เนี่ยต้องดูแล
00:24:56 → 00:25:00 สุขภาพตัวเองให้ดีทั้งในแง่ของโภชนาการนะ
00:25:00 → 00:25:03 ครับการพักผ่อนที่เพียงพอนะครับนะทาน
00:25:03 → 00:25:05 อาหารครบ 5 หมู่ดื่มน้ำไม่เพียงพออะไร
00:25:05 → 00:25:08 ต่างๆเหล่านี้นะครับโดยเฉพาะยิ่งสารอาหาร
00:25:08 → 00:25:10 ในกลุ่มโปรตีนเนี่ยจะมีผลต่อการสร้างน้ำ
00:25:10 → 00:25:12 คร่ำมากเลยนะครับเพราะฉะนั้นดูแลตัวเอง
00:25:12 → 00:25:15 ตรงนี้ให้ดีอันที่ 2 จะต้องมีการฝากขัดนะ
00:25:15 → 00:25:18 ครับการตั้งปัจจุบันนี้หูการฝากครรภ์ไม่
00:25:18 → 00:25:20 ได้ยากเย็นอะไรครับเราอยู่ในยุคที่การ
00:25:20 → 00:25:22 คมนาคมสะดวกแล้วไม่เหมือนสมัยก่อนโหยุน
00:25:22 → 00:25:24 อยู่ตามเขาไว้ท้องนามาโรงพยาบาลไม่สะดวก
00:25:24 → 00:25:27 เพราะฉะนั้นควรจะมีการฝากครรภ์แล้วก็ไป
00:25:27 → 00:25:29 ติดตามตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอนะครับเมื่อ
00:25:29 → 00:25:32 ไปติดตามตรวจครรภ์เนี่ยตลอดการทั้งคัน
00:25:32 → 00:25:34 เนี่ยคุณหมอจะมีการอัลตร้าซาวด์ครับนะใน
00:25:34 → 00:25:35 โรงพยาบาลหลายๆแห่งที่มีอัลตร้าซาวด์เยอะ
00:25:36 → 00:25:38 ๆเนี่ยปฏิกรณ์จะสาธุการที่ไปฝากครรภ์เลย
00:25:38 → 00:25:40 จนกระทั่งอันนั้นก็จะยิ่งปลอดภัยแต่ว่า
00:25:40 → 00:25:43 ต้องแน่นอนว่าในโรงพยาบาลเล็กๆหรือโรง
00:25:43 → 00:25:44 พยาบาลที่มีเครื่องอัลตร้าซาวด์น้อยเนี่ย
00:25:44 → 00:25:46 ก็อาจจะไปทำอย่างนั้นทั้งหมดก็ไม่ไหว
00:25:46 → 00:25:49 เพราะว่าคนไข้จำนวนเยอะก็อาจจะตลอดการ
00:25:49 → 00:25:51 ทั้งคันเนี่ยอาจจะได้อัลตร้าซาวด์สัก 1-2
00:25:51 → 00:25:54 ครั้งซึ่งก็จะมีโอกาสได้สังเกตนะครับว่า
00:25:54 → 00:25:55 มีความผิดปกติในเรื่องของปริมาณน้ำคร่ำ
00:25:55 → 00:25:58 ที่มันน้อยเกินไปซึ่งต่อไปในทางของเจริญ
00:25:58 → 00:26:01 เติบโตช้าหรือว่าของการขาดออกซิเจนได้
00:26:01 → 00:26:05 หรือไม่ที่ผมประสบมาเลยคุณหมอเวลา
00:26:05 → 00:26:09 ภรรยาอยากจะ Ultra Sound ดูก็จะโดนคุณ
00:26:09 → 00:26:19 หมอบอกว่าจะไปดูอะไรเยอะแยะบ่อยๆ
00:26:19 → 00:26:22 แต่ว่าเขาเจริญเติบโตใช่มั้ยหรือว่าบางคน
00:26:22 → 00:26:23 อย่างนี้เป็นอัลตร้าซาวด์เป็นสีนี้ปี
00:26:23 → 00:26:26 เนี้ยเราสามารถมองเห็นหน้าลูกได้เลยอ่ะนะ
00:26:26 → 00:26:28 แต่ว่าในแง่ของคุณหมอเวลาหมอดูก็ดูพวกนี้
00:26:28 → 00:26:31 ด้วยครับดูตัวลูกการเจริญเติบโตวัดขนาดดู
00:26:31 → 00:26:34 ทั้งค่ำดูรกดูทุกอย่างนะครับเพราะฉะนั้น
00:26:34 → 00:26:36 อย่างน้อยๆปัจจุบันเนี้ยการไปฝากครรภ์
00:26:36 → 00:26:39 เนี่ยก็จะทำให้เราสามารถตรวจสอบภาวะต่างๆ
00:26:39 → 00:26:43 เหล่านี้ได้เร็วขึ้นนะครับอันต่อมาที่เรา
00:26:43 → 00:26:47 ที่เราแนะนำนะครับก็คือเอ่อเมื่อเราติด
00:26:47 → 00:26:49 ตามฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอนะครับแล้วตก
00:26:49 → 00:26:51 อยู่ในภาวะอย่างนี้เช่นจะคลอดก่อนเกิน
00:26:51 → 00:26:54 กำหนดหรือมีภาวะที่ผิดปกติเนี่ยจริงๆแล้ว
00:26:54 → 00:26:56 นอกเหนือจากการอัลตร้าซาวด์เนี่ยเรายังมี
00:26:56 → 00:26:59 เครื่องมือนะครับเอ่อในคนที่คนที่เคยไป
00:26:59 → 00:27:00 คลอดลูกอาจจะทราบนะครับมันจะมีเครื่องมือ
00:27:00 → 00:27:03 ที่คุณหมอเอามาติดคล้ายๆกับหัวอะไรกลมๆ
00:27:03 → 00:27:06 อ่ะติดอยู่บริเวณหน้าท้องแล้วก็ติดไป
00:27:06 → 00:27:08 เสร็จก็จะได้ยินเสียงหัวใจลูกตึ๊กๆๆไป
00:27:08 → 00:27:11 ด้วยอ่ะมันบอกว่าติดยาวไว้อันนี้จะเป็น
00:27:11 → 00:27:13 ตัววัดที่สำคัญคือมันใช้ในการวัดการแข็ง
00:27:13 → 00:27:16 ตัวของมดลูกด้วยว่าตอนนี้เรามีการเจ็บ
00:27:16 → 00:27:18 ท้องคลอดที่แรงหรือยังถ้ายังไม่แรงให้ยา
00:27:18 → 00:27:20 เร่งช่วยมั้ยอะไรเงี้ย
00:27:20 → 00:27:23 แล้วก็จะมีหวยอีกอันนึงที่เป็นตัวติดคู่
00:27:23 → 00:27:25 กันไปครับหัวที่ 2 เนี่ยจะไปติดที่หัวใจ
00:27:25 → 00:27:29 ลูกเราจะสามารถตรวจได้เลยครับว่าถ้า
00:27:29 → 00:27:31 จังหวะที่มดลูกมีการบีบตัวคือจังหวะที่
00:27:31 → 00:27:33 คุณแม่เจ็บท้องอยู่เนี่ยเป็นครั้งๆเนี่ย
00:27:33 → 00:27:35 นะครับถ้าหัวใจลูกเนี่ยมีอัตราการเต้นที่
00:27:35 → 00:27:38 ช้าลงเนี่ยอันเนี้ยบ่งบอกถึงการขาด
00:27:38 → 00:27:41 ออกซิเจนซึ่งถ้าเป็นกรณีแบบนี้แล้วคุณหมอ
00:27:41 → 00:27:44 เห็นเยอะๆเนี่ยระหว่างรอคลอดอยู่คุณหมอจะ
00:27:44 → 00:27:47 ใช้คุณหมอจะเจาะน้ำคร่ำดูเลยครับคือคือ
00:27:47 → 00:27:49 ใช้ใช้วัสดุเนี่ยไปเจาะให้ถุงน้ำคร่ำแตก
00:27:49 → 00:27:51 แล้วก็ดูเลยครับว่าสีค่อนข้างที่ไหลออกมา
00:27:51 → 00:27:55 เนี่ยเป็นสีใสๆหรือว่าเป็นสีสีขี้เทาปน
00:27:55 → 00:27:58 เนี่ยมันจะเป็นสีเทาๆเขียวๆครับ
00:27:58 → 00:28:00 เคยเห็นแล้วตอบแบบนี้เนี่ยโอ้เราจะรู้เลย
00:28:00 → 00:28:02 ว่าภาวะเนี้ยเด็กมีการไม่ค่อยดีแล้ว
00:28:02 → 00:28:05 ออกซิเจนเราอาจจะต้องคิดถึงการคลอดพยายาม
00:28:05 → 00:28:08 กระตุ้นให้คลอดเร็วขึ้นแต่ให้มันเนิ่นนาน
00:28:08 → 00:28:10 เกินไปไม่งั้นมันสำลักลงไปได้แล้วก็อาจจะ
00:28:10 → 00:28:12 ถ้ามันดูอันตรายมากๆเนี่ยแบบหัวใจลูกตก
00:28:12 → 00:28:14 เรื่อยๆเนี่ยเราจะต้องคุยกันพ่อกับแม่ว่า
00:28:14 → 00:28:16 โหอย่างนี้เปลี่ยนไม่ผ่านเลยดีกว่า
00:28:16 → 00:28:20 นะครับอันนี้มันเป็นการแบบการทั้งการป้อง
00:28:20 → 00:28:22 กันและก็การติดตามดูแลนะครับในขณะตั้ง
00:28:22 → 00:28:24 ครรภ์ขณะนี้สิ่งที่สำคัญอีกอันนึงก็คือ
00:28:24 → 00:28:28 เวลาที่คลอดบุตรนะครับเรามักจะเห็นว่า
00:28:28 → 00:28:31 อย่างนี้ครับเวลาที่คลอดบุตรเนี่ยเอ่อเรา
00:28:31 → 00:28:34 เห็นภาพมันพิมพ์ตาคือก็จะมีคุณหมอไป
00:28:34 → 00:28:37 กระตุ้นลูกอ่ะเหมือนกับที่เราเห็นว่าหยิบ
00:28:37 → 00:28:39 จับขาลุกขึ้นมาตีก้นให้ร้องอะไรเงี้ยครับ
00:28:39 → 00:28:42 คือพอร้องเนี่ยก็จะมีเหมือนกับมีลูกก็ยัง
00:28:42 → 00:28:44 ทุกครั้งทุกครั้งที่เราจะร้องอ่ะสังเกต
00:28:44 → 00:28:46 เราต้องหายใจเข้าไปเครื่องนึงก่อนเราถึง
00:28:46 → 00:28:48 จะมีแรงเป็นเสียงออกมาถูกมั้ยเพราะฉะนั้น
00:28:48 → 00:28:50 วันนี้ครับเป็นการกระตุ้นให้ร้องใช่ไหม
00:28:51 → 00:28:53 ครับรุ่นให้เด็กในการหายใจแล้วก็เหมือน
00:28:53 → 00:28:55 กับเอาอากาศเนี่ยเข้าไปแทนที่นำค่ำเดิม
00:28:55 → 00:28:58 ที่อยู่ในฟอร์ดก็คือเหมือนกับว่าก็จะทำ
00:28:58 → 00:29:00 ให้เกิดลูกก็จะแบบหลังจากนั้นเราก็ตัดใส่
00:29:00 → 00:29:02 เข้าดึงใช่ไหมลูกก็ไม่มีออกซิเจนมาทางสาย
00:29:02 → 00:29:04 สะดือแล้วแต่ก็ใช้การสนใจทางอากาศเข้าไป
00:29:04 → 00:29:07 แทนนะครับกรณีถ้าเป็นคนที่เราตรวจได้ว่า
00:29:07 → 00:29:11 ลูกมีภาวะน้ำคร่ำเป็นสีมีขี้เถ้าบนเนี่ย
00:29:11 → 00:29:14 นะครับหรือว่าตรวจในขณะรอคลอดได้ว่ามีการ
00:29:14 → 00:29:16 ขับรถเช่นเนี่ยพฤติกรรมดูแลของคุณหมอจะ
00:29:16 → 00:29:18 เปลี่ยนไปก็คือเมื่อคลอดออกมาปุ๊บเนี่ย
00:29:18 → 00:29:22 เราจะไม่รีบกระตุ้นครับเพราะเราเกรงว่า
00:29:22 → 00:29:25 ถ้ากระตุ้นเนี่ยจะยิ่งทำให้ไอ้พวกขี้เทา
00:29:25 → 00:29:28 ที่มันที่มันค้างอยู่เนี่ยมันยิ่งลงไปใน
00:29:28 → 00:29:29 ปอดลึกขึ้น
00:29:29 → 00:29:32 มันจะไม่อุดกั้นในปอดได้มากขึ้นนะครับ
00:29:32 → 00:29:34 เพราะฉะนั้นถ้าเป็นกรณีแบบนี้เนี่ยเมื่อ
00:29:34 → 00:29:38 ออกมาเนี่ยคุณหมอจะจะเน้นไปที่การเอาลูก
00:29:38 → 00:29:40 ยางเนี่ยดูดนะครับหรือว่าใส่สายเข้าไปใน
00:29:40 → 00:29:43 ช่องปากของลูกในหลอดลมของลูกเพื่อดูดเอา
00:29:43 → 00:29:45 น้ำข้ามเก่าออกมาให้มากที่สุด
00:29:45 → 00:29:48 อ่าจะได้ไม่เหลือไอ้ขี้เถ้าที่มันเป็นปน
00:29:48 → 00:29:51 เปื้อนอยู่ในในปอดลึกๆเข้าไปอีก
00:29:51 → 00:29:55 ถ้าตรงนี้สำคัญเลยนะครับเพราะฉะนั้นถ้า
00:29:55 → 00:29:57 เกิดในภาวะอย่างเงี้ยสมมุติคุณพ่อคุณพ่อ
00:29:57 → 00:29:59 ได้เข้าไปรอบางคนก็ว่าจะแปลกแต่ว่าเอ๊ะ
00:29:59 → 00:30:01 ไม่เห็นเหมาะกระตุ้นอะไรลูกให้ร้องเลยจะ
00:30:01 → 00:30:03 ปล่อยให้ลูกเหมือนกับไม่ได้ร้องไปตั้งนาน
00:30:03 → 00:30:06 เนี่ยอันนั้นน่ะเป็นวิธีการดูแลที่เราจะ
00:30:06 → 00:30:08 ดูแลในคนที่เรากลัวว่าจะสมรักษ์น้ำท่อมลง
00:30:08 → 00:30:10 ไปผมแล้วคิดถึง
00:30:10 → 00:30:13 อาจารย์มีคำถามจากคุณผู้ฟังนิดนึงฮะบอก
00:30:13 → 00:30:16 ว่าเอ๊ะอย่างที่อาจารย์บอกว่าทารกเนี่ย
00:30:16 → 00:30:19 ถ้าอยู่ในครรภ์เนี่ยเออเขาก็ไม่ได้มีการ
00:30:19 → 00:30:22 ขับถ่ายหรืออะไรแบบนี้คุณผู้ฟังเลยสงสัย
00:30:22 → 00:30:25 ว่าอย่างคนเราทั่วไปเนี่ยถ้าไม่ขับถ่าย
00:30:25 → 00:30:28 เนี่ยก็จะมี 2 กลุ่มแต่ทำไมทารกเนี่ยอยู่
00:30:28 → 00:30:31 ในครรภ์ได้ตั้ง 9 เดือนโดยไม่มีปัญหาอะไร
00:30:31 → 00:30:36 เลยเพราะว่าในความเป็นจริง
00:30:36 → 00:30:39 อันนี้หมออธิบายอันนี้คือเราเทียบกับตัว
00:30:39 → 00:30:41 เราที่เป็นผู้ใหญ่ใช่ไหมครับผู้ใหญ่เวลา
00:30:41 → 00:30:43 ทานอาหารเราทานข้าวมื้ออื่นก็ได้ทานข้าว
00:30:43 → 00:30:46 ทั้งกราบพอไหลผ่านเข้าไปในช่องปากของเรา
00:30:46 → 00:30:48 เนี่ยสิ่งแรกที่เราเริ่มย่อยคือการบด
00:30:48 → 00:30:51 เคี้ยวโดยฟันและเหงือกนะครับแล้วก็ขบๆ
00:30:51 → 00:30:53 เคี้ยวไปจนเป็นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆลงใช่
00:30:53 → 00:30:55 ไหมครับเล็กลงพอที่จะกลืนแล้วก็กลืนผ่าน
00:30:55 → 00:30:58 หลอดอาหารลงไปในกระเพาะอาหาร
00:30:58 → 00:31:02 ก็จะเป็นตัวบีบตัวย่อยอาหารที่ที่ย่อยที่
00:31:02 → 00:31:04 สันหลังผ่านการเคี้ยวลงไปแล้วอ่ะนะครับ
00:31:04 → 00:31:07 โดยในกระเพาะอาหารเนี่ยจะมีน้ำย่อยที่มี
00:31:07 → 00:31:09 ฤทธิ์เป็นกรดเนี่ยช่วยกัดช่วยสลายสาร
00:31:09 → 00:31:11 อาหารพวกนี้ให้มันแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ
00:31:11 → 00:31:15 ไงแตกตัวเป็น applic เป็นคาร์โบไฮเดรต
00:31:15 → 00:31:17 เป็นไขมันอะไรต่างๆตัวออกมาใช่ไหมครับ
00:31:17 → 00:31:19 เสร็จแล้วอาหารเนี่ยก็จะเคลื่อนผ่าน
00:31:19 → 00:31:22 กระเพาะอาหารของเราลงไปสู่ลำไส้นะครับ
00:31:22 → 00:31:25 เบื้องต้นก็จะเป็นลำไส้เล็กนะครับซึ่ง
00:31:25 → 00:31:27 ผ่านไปแล้วก็เล็กโอเคลำไส้ก็จะเป็นตัว
00:31:27 → 00:31:29 ช่วยบีบบีบให้ไอ้ตัวอาหารเนี่ยมันไหลผ่าน
00:31:29 → 00:31:34 ไปไปด้วยนะครับซึ่งระหว่างที่เอ่อสาร
00:31:34 → 00:31:36 อาหารน่ะเดินทางผ่านนะครับซึ่งมันก็เดิน
00:31:36 → 00:31:39 ผ่านผ่านในรูปของของเหลวแล้วล่ะก็คือมี
00:31:39 → 00:31:41 น้ำย่อยไปต่างๆซึ่งน้ำย่อยเนี่ยนอกจากจะ
00:31:41 → 00:31:43 ออกมาจากไอ้ที่มาจากกระเพาะอาหารแล้วนะ
00:31:43 → 00:31:46 ครับในลำไส้เราก็ยังมีระบบที่ปล่อยน้ำ
00:31:46 → 00:31:48 ย่อยออกมานะครับแล้วก็เรายังมีน้ำย่อยที่
00:31:48 → 00:31:51 มาจากถุงน้ำดีด้วยช่วยย่อยพวกพวกไขมัน
00:31:51 → 00:31:53 อะไรต่างๆพวกเนี้ยมันก็จะไหลรวมรวมปนกับ
00:31:53 → 00:31:57 อาหารไหลลำไส้แล้วเมื่อผ่านไปในส่วนต่างๆ
00:31:57 → 00:31:59 ของลำไส้นะครับขอบผนังของลำไส้เนี่ยจะมี
00:31:59 → 00:32:01 จุดที่คอยดูดเอาสารอาหารที่เป็นประโยชน์
00:32:01 → 00:32:04 กับข้าวร่างกายเราก็คือเรากินไปทั้งหมด
00:32:04 → 00:32:07 เนี่ยนะครับนะมันย่อยที่ปากค่ะย่อยที่
00:32:07 → 00:32:09 กระเพาะเสร็จแล้วถึงไปดูดค่อยๆดูดซึมกลับ
00:32:09 → 00:32:10 ที่ลำไส้
00:32:10 → 00:32:14 การดูดกลับไปเรื่อยๆนะครับในส่วนของสาร
00:32:14 → 00:32:17 ที่มันเป็นของไม่มีประโยชน์ที่จะดูดกลับ
00:32:17 → 00:32:20 ได้อ่ะครับก็คือกากใยต่างๆที่ไม่ได้ดูด
00:32:20 → 00:32:22 ซึมเนี่ยมันก็จะยังเหลือคงค้างแล้วก็ไหล
00:32:22 → 00:32:25 ผ่านเข้าไปอยู่ลำไส้ใหญ่
00:32:25 → 00:32:29 ครับกากใยพวกนี้เมื่อค้างในลำไส้ใหญ่นะ
00:32:29 → 00:32:31 ครับลำไส้ใหญ่ก็จะมีหน้าอีกอันนึงก็คือ
00:32:31 → 00:32:33 โอเคส่วนลำไส้เล็กเนี่ยเขาดูดสารอาหาร
00:32:33 → 00:32:35 อย่างอื่นไปหมดแล้วแต่เราก็ใหญ่เนี่ยจะ
00:32:35 → 00:32:37 ดูดส่วนที่เหลือคือดูดส่วนที่เป็นน้ำ
00:32:37 → 00:32:38 เนี่ยกลับเข้าไปเรื่อยๆ
00:32:38 → 00:32:42 ก็จะทำให้ไอ้ตัวกากใยอาหารนะครับที่มัน
00:32:42 → 00:32:44 ไหลผ่านมาถึงลำไส้ใหญ่กำลังจะมาออกทวาร
00:32:44 → 00:32:47 หนักเนี่ยนะครับมันก็เลยมันน้ำถูกดึงออก
00:32:47 → 00:32:50 ไปมันก็กลายเป็นก้อนที่แข็งขึ้นในที่สุด
00:32:50 → 00:32:53 ก็จะกลายเป็นก้อนอุจจาระไงนะครับเราถึงจะ
00:32:53 → 00:32:56 เห็นว่าถ้าท่านไหนที่ที่ถ่ายทุกวันน่ะก็
00:32:56 → 00:33:54 ไม่เป็นไรผมจะรับมันก็จะนุ่มๆไหลออก
00:33:54 → 00:33:57 [เพลง]
00:33:57 → 00:34:00 แล้วตกใจมาก
00:34:00 → 00:34:03 อย่างนี้ครับ
00:34:03 → 00:34:06 ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงในที่สุดถ้าเราคลอด
00:34:06 → 00:34:08 ผ่านทางช่องคลอดเนี่ยมันก็ต้องมีส่วนที่
00:34:08 → 00:34:10 อยู่ต่ำสุดเราเรียกว่าส่วนนำเนี่ยเป็นตัว
00:34:10 → 00:34:12 ไหลออกมาเป็นอันดับแรกนะครับโดยทั่วไป
00:34:12 → 00:34:14 เนี่ยนะครับในร่างกายของลูกถ้าเราไปเห็น
00:34:14 → 00:34:16 เด็กที่แรกเกิดใหม่ๆเราจะเห็นเลยว่าทำไม
00:34:16 → 00:34:19 หัวดูใหญ่จังนะครับเป็นอย่างนั้นจริงๆ
00:34:19 → 00:34:22 ครับในทารกเนี่ยเพื่อแลกเกิดเนี่ยเอ่อ
00:34:22 → 00:34:25 ศีรษะจะเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในปีศาจใหญ่
00:34:25 → 00:34:26 ที่สุดเนี่ยศีรษะมันเป็นไปด้วยกะโหลกครับ
00:34:26 → 00:34:29 เพราะฉะนั้นก็จะมีความหนามีความแข็งและมี
00:34:29 → 00:34:31 ความหนักมากที่สุดเมื่อที่กว่าตัวลูกซึ่ง
00:34:31 → 00:34:33 เป็นลักษณะนุ่มๆนิ่มๆแล้วมีขนาดเล็กกว่า
00:34:33 → 00:34:36 เมื่อเทียบกับศีรษะเพราะฉะนั้นถ้าลูกลอย
00:34:36 → 00:34:38 อย่างนั้นค่ำโดยทั่วๆไปนะตามแรงโน้มถ่วง
00:34:38 → 00:34:42 อ่ะของหนักตกอยู่ข้างล่างไงมันก็คล้ายๆ
00:34:42 → 00:34:44 กับกระบวนการโดยธรรมชาติเนี่ยจึงทำให้
00:34:44 → 00:34:46 ส่วนใหญ่นะครับในการคลอดเนี่ยหัวจะกลาย
00:34:46 → 00:34:49 เป็นสวนนำที่ออกมาก่อนเวลาเบรกคลอดออกมา
00:34:49 → 00:34:53 ถ่ายช่องคลอดคราวนี้ในคำถามเนี่ยนะครับก็
00:34:53 → 00:34:56 จะมีบางกรณีครับที่ทางที่หัวจะลงมาแต่ก็
00:34:56 → 00:34:59 อาจจะเป็นลักษณะของมดลูกของคนอาจจะมี
00:34:59 → 00:35:02 เนื้องอกหรืออะไรต่างๆหรือสภาพของโครง
00:35:02 → 00:35:04 มดลูกที่มันแบบบิดเบี้ยวครับทำให้เหมือน
00:35:04 → 00:35:07 กับพื้นที่ส่วนล่างเนี่ยซึ่งเรานึกถึง
00:35:07 → 00:35:09 มนุษย์เราถ้ามันเป็นกลมๆทั้งหมดใช่ไหมฮะ
00:35:09 → 00:35:11 กลมๆเรียบๆทั้งหมดเท่ากันทั้งบนทั้งล่าง
00:35:11 → 00:35:14 เนี่ยยังไงหัวที่หนักกว่ามันควรจะไหลมา
00:35:14 → 00:35:16 อยู่ข้างล่างแต่ถ้าเกิดสมมุติเรามีเนื้อ
00:35:16 → 00:35:18 งอกหรือมีอะไรต่างๆที่ลักษณะรูปทรงมันบิด
00:35:18 → 00:35:20 เบี้ยวทำให้พื้นที่ส่วนล่างเนี่ยมันแคบ
00:35:20 → 00:35:24 กว่าส่วนบนหัวที่ใหญ่กว่าเนี่ยมันก็จะลอย
00:35:24 → 00:35:26 กับกลับขึ้นไปอยู่ข้างบนนะฮะเพราะมันไม่
00:35:26 → 00:35:30 มีพื้นที่ไงพอต้องรอในเทศกาลเป็นข้อเท็จ
00:35:30 → 00:35:34 ธนกลือหรือสมมุติว่าเกิดลักษณะของเนื้อ
00:35:34 → 00:35:36 งอกหรือทรงของมดลูกเนี่ยมันไปอยู่ใน
00:35:36 → 00:35:39 ลักษณะที่ทำให้ลูกไปอยู่ในท่าขวาทารกก็จะ
00:35:39 → 00:35:41 คลอดเป็นซ้ายขวาลงมาซึ่งถ้าเป็นข้างขวาง
00:35:41 → 00:35:44 เนี่ยเหมือนๆเรานอนตะแคงไงบางทีโผล่มา
00:35:45 → 00:35:48 ปึ๊บพอเป็นทอดปุ๊บมือออกมาก่อนอ้างว่าเรา
00:35:48 → 00:35:50 ตะแคงไงเอาแขนลงมันก็มือเราก็ไหลออกมา
00:35:50 → 00:35:52 ก่อนใช่ไหมครับเพราะฉะนั้นโดยการคลอด
00:35:52 → 00:35:54 เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยถ้าจะให้เป็นธรรมชาติ
00:35:54 → 00:35:56 ที่สุดแล้วก็เมื่อเป็นธรรมชาติก็แปลว่า
00:35:56 → 00:36:01 สิ่งนั้นก็นั่นคือ
00:36:01 → 00:36:51 [เพลง]
00:36:57 → 00:37:01 แม่ก็รู้อยู่แล้วไงแต่ว่าถ้าเป็นหรือธาตุ
00:37:01 → 00:37:04 อื่นๆเนี่ยลูกจะหลุดออกมาได้ก่อนนะฮะแล้ว
00:37:04 → 00:37:07 จะไปติดเฉพาะหัวถ้าเป็นคนติดเฉพาะหัวทำไง
00:37:07 → 00:37:12 นะ
00:37:12 → 00:37:15 เราไม่สามารถไปตักแบ่งแยกร่างกายลูกได้
00:37:15 → 00:37:17 ว่าเอาตัวของเราข้างบนเราก็ต้องบอกลูก
00:37:17 → 00:37:18 ทั้งหมดที่หลุดออกมาทั้งข้างนอกแล้วเนี่ย
00:37:18 → 00:37:21 ดันกลับผ่านเข้าไปเพื่อให้กลับไปอยู่ใน
00:37:21 → 00:37:25 โพรงมดลูกแล้วไปผ่าคลอดเพราะหัวติดซึ่ง
00:37:25 → 00:37:26 การทำแบบนั้นเนี่ยนะครับจะเกิดการฉีกขาด
00:37:26 → 00:37:30 ในช่องทางคลอดของคุณแม่มหาศาลนะครับอ๋อ
00:37:30 → 00:37:32 อือเพราะฉะนั้นจากความจริงในข้อนี้นะครับ
00:37:32 → 00:37:36 ปัจจุบันนะครับเมื่อการดูแลในการผ่าตัด
00:37:36 → 00:37:39 คลอดเนี่ยมันปลอดภัยมากๆตอนนั้นมากคือ
00:37:39 → 00:37:41 อะไรเทคนิคในการดมยาผ่าตัดมันปลอดภัยมาก
00:37:41 → 00:37:43 ขึ้นไหมเนี่ยอันตรายต่อแม่และลูกนะครับ
00:37:43 → 00:37:47 เอ่อเอ่อยาต่างๆที่เราใช้ไม่มีผลกระทบต่อ
00:37:48 → 00:37:49 ลูกไม่มีผลต่อแม่อะไรต่างๆนะครับแล้วก็
00:37:49 → 00:37:52 เอ่อความเสี่ยงในเรื่องการติดเชื้อคือ
00:37:52 → 00:37:54 สมัยก่อนเนี่ยที่เราพูดถึงความการผ่าตัด
00:37:54 → 00:37:56 ที่เราไม่ค่อยอยากผ่าตัดกันก็เพราะว่า 1
00:37:56 → 00:38:01 เทคนิคการดมยามันไม่
00:38:01 → 00:38:04 ช่วงติดเชื้อระบบของยาปฏิชีวนะที่ป้องกัน
00:38:04 → 00:38:06 เชื้อก็ยังไม่ดีนะครับเพราะฉะนั้นการผ่า
00:38:06 → 00:38:08 ตัดจึงเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงดังนั้น
00:38:08 → 00:38:10 เราจึงพยายามถูกรู้ถูกการให้ข้อกันเองให้
00:38:10 → 00:38:13 ได้พยายามไม่ผ่านแต่ปัจจุบันเนี่ยนะครับ
00:38:13 → 00:38:16 ถ้าเราพบว่าเอ่อ
00:38:16 → 00:38:19 ควรนำของลูกคือลูกไม่ได้เอาหัวลงมาเนี่ย
00:38:19 → 00:38:23 นะครับนะเราผ่าหมดเพราะเราถือว่าการผ่า
00:38:23 → 00:38:25 เนี่ยมันปลอดภัยกว่าที่ไปปล่อยให้เสียง
00:38:25 → 00:38:27 โดยการคลอดแล้วตัวหลุดออกมาแล้วกลายเป็น
00:38:27 → 00:38:28 หัวติด
00:38:28 → 00:38:31 เกิดการติดขัดระหว่างเส้นเอาแขนออกมาแล้ว
00:38:31 → 00:38:34 ก็ออกไม่ได้อะไรอย่างเงี้ยนะครับเพราะ
00:38:34 → 00:38:36 ฉะนั้นปัจจุบันเนี้ยนะครับถ้าไม่ใช่ค่า
00:38:36 → 00:38:39 หัวนะเอ่อคุณหมอมักจะแนะนำให้ผ่าทั้งหมด
00:38:39 → 00:38:42 นะครับเพราะว่ามันเสีย
00:38:42 → 00:38:45 ก็วันนี้ขอบพระคุณอาจารย์มากเลยนะครับ
00:38:45 → 00:38:48 ครอบคลุมหลายๆเรื่องเลยนะครับนอกจาก
00:38:48 → 00:38:50 เรื่องของน้ำคร่ำนะครับวันนี้ขอบพระคุณนะ
00:38:50 → 00:38:55 ครับอาจารย์ครับครับ
00:38:55 → 00:38:58 เราจะได้เห็นเลยครับว่าการไปฝากครรภ์ทำไม
00:38:58 → 00:39:00 จะมีความสำคัญไม่ใช่แค่ไปแต่ละเดือนคุณ
00:39:00 → 00:39:02 หมอตรวจตัวท้องดูก็ให้เอามาลงมากินอีก
00:39:03 → 00:39:04 เดือนนึงก็เหมือนกันให้เรามากินจะไปทำไม
00:39:04 → 00:39:07 อะไรเงี้ยมันไปเพราะว่าจริงๆมันมีสิ่ง
00:39:07 → 00:39:11 อื่นๆที่คุณหมอท่านดูอยู่ครับ
00:39:11 → 00:39:14 ขอบคุณครับคุณหมอครับขอบพระคุณครับสวัสดี
00:39:14 → 00:39:18 ครับนะครับ