00:00:00 → 00:00:02 จะค่ะรบกวนค่ะขอความรู้อาจารย์หน่อยค่ะ
00:00:02 → 00:00:05 อาจารย์ว่าทำไมช่วงนี้ค่ะมันเป็นเพราะ
00:00:05 → 00:00:08 อะไรคะทำไมเราแบบโอ้โหเราเจอแบบเอ๊ะทำไม
00:00:09 → 00:00:11 คนถึงแบบท้องร่วงหรือว่ามีอาการเกี่ยวกับ
00:00:11 → 00:00:14 เรื่องของโรคทางเดินอาหารกันได้ง่ายทั้ง
00:00:14 → 00:00:17 ที่มันเข้าสู่ฤดูฝนแล้วปกติเราจะรู้สึก
00:00:17 → 00:00:20 ว่าฤดูร้อนเท่านั้นที่จะใช้โควต้าของโลก
00:00:20 → 00:00:22 นี้เท่านั้นทำไมหน้าฝนถึงได้รับโควต้านี้
00:00:22 → 00:00:24 ด้วยค่ะอาจารย์
00:00:24 → 00:00:27 ครับ
00:00:27 → 00:00:33 หรือว่าลำไส้อักเสบเนี่ยก็อาจจะพบว่า
00:00:33 → 00:00:41 อากาศร้อนก็ไม่ดีนะครับ
00:00:41 → 00:00:48 เวลาถูกความร้อน
00:00:48 → 00:00:51 แล้วก็เชื้อโรคก็สามารถแบ่งตัวได้ไวนะ
00:00:51 → 00:00:53 ครับ
00:00:53 → 00:00:58 อากาศที่เย็นและซื้อเนี่ยมันก็มีเชื้อโรค
00:00:58 → 00:01:02 ซึ่งมันสามารถเจริญเติบโตได้ดีนะครับ
00:01:02 → 00:01:05 เชื้อที่จะเจริญเติบโตได้ดีในกลุ่มนี้ก็
00:01:05 → 00:01:08 จะเป็นเชื้อที่พูดกันบ่อยๆก็คือพวกเชื้อ
00:01:08 → 00:01:12 ไวรัสบางตัวแล้วก็เชื้อแบคทีเรียพวกนี้ก็
00:01:12 → 00:01:14 จะเป็นเกียร์ซึ่งอาจจะพบได้มากขึ้นในกรณี
00:01:14 → 00:01:19 ที่มีอันที่ 1 ก็คืออากาศซึ่งเย็นแล้วก็
00:01:19 → 00:01:22 ชื้นซึ่งเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของ
00:01:22 → 00:01:25 เชื้อโรคนะครับอันที่ 2 ก็เป็นเรื่องของ
00:01:25 → 00:01:29 สุขลักษณะเพราะว่าช่วงนี้ต้องยอมรับว่า
00:01:29 → 00:01:32 ประเทศเราตอนนี้ก็นักท่องเที่ยวเข้ามา
00:01:32 → 00:01:35 เยอะขึ้นนะครับนะแล้วก็ยังกู้เก็ดเนี่ยก็
00:01:36 → 00:01:39 จะมีคนช่วงนี้เยอะมากเลยทั้งนักท่อง
00:01:39 → 00:01:43 เที่ยวทั้งชาวไทยต่างประเทศนะครับแล้วก็
00:01:43 → 00:01:47 เรื่องของสุขลักษณะอะไรเนี่ยก็จะมีความ
00:01:47 → 00:01:49 สำคัญพอสมควรซึ่งเวลาคนเยอะปุ๊บเนี่ย
00:01:49 → 00:01:53 เรื่องของการดูแลสิ่งพวกนี้ก็อาจจะมี
00:01:53 → 00:01:57 ความที่เรียกว่าอาจจะไม่ได้
00:01:57 → 00:02:00 ทำได้ดีเท่าที่ควรนะครับก็ทำให้เรามี
00:02:00 → 00:02:07 ปัญหาได้นะครับ
00:02:07 → 00:02:10 เช่นการผลิตน้ำแข็ง
00:02:10 → 00:02:14 น้ำแข็งนี้เป็นตัวนึงซึ่งคนไทยเวลาดื่ม
00:02:14 → 00:02:16 น้ำอะไรจะต้องใช้น้ำแข็งอยู่แล้วเนี่ยถ้า
00:02:16 → 00:02:19 เกิดว่าการผลิตขั้นตอนไม่สะอาดหรือว่าการ
00:02:19 → 00:02:22 ขนส่งนะฮะใส่ภาชนะเนี่ยไม่สะอาดเนี่ยมี
00:02:22 → 00:02:25 การเจือปนก็มีปัญหาได้
00:02:25 → 00:02:28 อันนี้ 2 ก็คือเรื่องของน้ำดื่มนะครับน้ำ
00:02:28 → 00:02:30 ดื่มเราเองก็มีความสำคัญเพราะว่า
00:02:30 → 00:02:34 ส่วนน้ำดื่มเองเนี่ยถ้าเกิดว่าไม่ไม่
00:02:34 → 00:02:37 สะอาดพอเนี่ยก็เป็นแหล่งที่มีการ
00:02:37 → 00:02:39 แพร่เชื้อได้เร็วมากเพราะว่าน้ำดื่มนี้
00:02:39 → 00:02:41 เวลาดื่มสมมุติในโรงเรียนหรือว่าอะไรก็
00:02:41 → 00:02:44 ตามบางทีเราก็ยังใช้เป็นคูลเลอร์เป็นน้ำ
00:02:45 → 00:02:47 เป็นแก้วอะไรอย่างเงี้ยครับซึ่งถ้าเกิด
00:02:47 → 00:02:47 ว่า
00:02:47 → 00:02:51 อันที่ 1 ถ้าเกิดไอ้ตัวตัวที่เป็น
00:02:51 → 00:02:55 ขวดใหญ่ๆอะไรอย่างนี้ไม่สะอาดอะไร
00:02:55 → 00:02:58 หรือว่าภาชนะที่เด็กดื่มกันอย่างนี้เมื่อ
00:02:58 → 00:03:01 กี้เด็กบางทีดื่มมันก็คงคงจะไม่ได้มี
00:03:01 → 00:03:05 ประจำทุกคนเลยนะ
00:03:05 → 00:03:09 ครับก็จะเป็นอันนึงนะ
00:03:09 → 00:03:12 ฮะ
00:03:12 → 00:03:14 จากข่าวค่ะอาจารย์เราจะเห็นว่ามันบอกว่า
00:03:14 → 00:03:18 เป็นเชื้ออะไร No ไวรัส
00:03:18 → 00:03:21 ขอโทษค่ะขอโทษค่ะ
00:03:21 → 00:03:25 อันนี้ค่ะมันมันเป็นยังไงอ่ะคะอยากให้
00:03:25 → 00:03:27 อาจารย์อธิบายให้เราเข้าใจอ่ะค่ะเพราะว่า
00:03:27 → 00:03:29 เชื้อไวรัสมันมีหลายตัวเหลือเกินชื่อนู่น
00:03:29 → 00:03:31 ชื่อนี่อะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วเจ้าตัวนี้
00:03:31 → 00:03:35 ค่ะมันมันคือสะอาดจะมีอิทธิฤทธิ์ยังไง
00:03:35 → 00:03:39 หรือว่าเราแบบจะรู้ได้ยังไงว่าอ๋อเรา
00:03:39 → 00:03:40 อาการแบบนี้เราติดเชื้อตัวนี้แหละอะไร
00:03:40 → 00:03:46 อย่างเงี้ยค่ะอาจารย์
00:03:46 → 00:03:50 ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ 2 กลุ่มนะครับ
00:03:50 → 00:03:55 เพราะฉะนั้นจะมีอยู่ 2 ตัวคือ
00:03:55 → 00:03:58 พวกนี้เนี่ยก็จะเป็นเกียร์ที่อยู่ในอาหาร
00:03:58 → 00:04:00 น้ำดื่มแล้วก็
00:04:00 → 00:04:04 ภาชนะที่ใส่อาหารญี่ปุ่นเชื้อโรคสามารถ
00:04:04 → 00:04:07 รู้ได้ยังไงพวกนี้โดยมากถ้าเป็น
00:04:07 → 00:04:09 ก็คือว่า
00:04:09 → 00:04:13 มีประวัติเช่นไปกินน้ำดื่มหรือว่ามี
00:04:13 → 00:04:17 ลักษณะของอาหารแล้วก็มีคนเป็นร่วมกันแล้ว
00:04:17 → 00:04:19 ก็อาจจะไปสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นอยู่
00:04:19 → 00:04:20 แล้ว
00:04:20 → 00:04:24 เวลาสัมผัสจะเป็นเพื่อนๆจะเร็วนะประมาณ 12
00:04:24 → 00:04:26 48 ชั่วโมง
00:04:26 → 00:04:30 เพราะอาการเขาก็จะมีอาการที่อาการมีค่อน
00:04:30 → 00:04:33 ข้างจะแยกยากนิดนึงนะเพราะมันจะคล้ายๆกัน
00:04:33 → 00:04:38 เรื่องท้องเสียอาเจียนมีไข้ปวดเมื่อยนะ
00:04:38 → 00:04:41 ครับซึ่งเดินมากตัวนี้เนี่ยอาการก็จะไม่
00:04:41 → 00:04:45 ค่อยรุนแรงมากเท่าไหร่ยกเว้นที่เราจะมี
00:04:45 → 00:04:48 ปัญหาการเยอะนะครับ
00:04:48 → 00:04:50 ถ้าเกิดอาการเยอะก็เช่นบางคนก็จะมีเรื่อง
00:04:50 → 00:04:54 ของถ่ายคนเลือดหรือถ้าเด็กชายมากหรือ
00:04:54 → 00:04:57 อาเจียนมากหรือว่ามีอาการขาดสารน้ำตาก
00:04:57 → 00:05:01 แห้งคอแห้งก็จะมีปัญหาได้
00:05:01 → 00:05:07 นะอ่าอีกตัวนึงก็คือตัวโลตะนะฮะรถตาไป
00:05:07 → 00:05:13 แล้วเนี่ยตัวนี้ก็จะเป็นตัวซึ่ง
00:05:13 → 00:05:16 ความรุนแรงอาจจะมากกว่า
00:05:16 → 00:05:21 แต่ว่าเวลาเกิดโรคก็จะใช้เวลานานกว่า
00:05:21 → 00:05:24 ประมาณสัก 12-24 ชั่วโมงครับแต่รอสระนี้
00:05:24 → 00:05:26 ประมาณ 2-3 วัน
00:05:26 → 00:05:29 ก็อาจจะมีอาเจียนนำมาก่อนต่อมาก็มีไข้
00:05:30 → 00:05:34 ท้องเสียตัวนี้ก็บางคนก็มีอาการรุนแรงได้
00:05:34 → 00:05:38 นะครับเพราะฉะนั้นถามว่าการ 2 ตัวนี้ก็จะ
00:05:38 → 00:05:40 มากก็ต้องพยายามพยายามซักว่าเข้าไปสัมผัส
00:05:40 → 00:05:44 กับผู้ป่วยหรือไปดื่มน้ำอะไรมาเนี่ย
00:05:44 → 00:05:50 เป็นถ้าเกิดเร็วมากๆก็ถึง
00:05:50 → 00:05:54 โอกาสนี้ก็จะกินมาสัก 2-3 วันแล้วค่อยมี
00:05:54 → 00:05:57 อาการ
00:05:57 → 00:06:01 มากกว่ามีไข้สูงมีอะไรได้เยอะกว่านะฮะ
00:06:01 → 00:06:04 ซึ่ง 2 ตัวนี้จะเป็นไวรัสซึ่งเจอบ่อยใน
00:06:04 → 00:06:09 เด็กนะอายุก็กว่าเด็กผู้ใหญ่ทั่วๆไปเพราะ
00:06:09 → 00:06:10 อะไร
00:06:10 → 00:06:13 เนื่องจากว่าในเด็กหรือผู้ใหญ่เนี่ยภูมิ
00:06:13 → 00:06:16 คุ้มกันเขาจะไม่ค่อยแข็งแรงนะฮะเพราะ
00:06:16 → 00:06:19 ฉะนั้นช่วงนี้ก็จะติดเชื้อง่ายที่ผู้ใหญ่
00:06:19 → 00:06:22 ทั่วไปเนี่ยบางทีคุ้มกันดีกว่าพรุ่งนี้ก็
00:06:22 → 00:06:27 อาจจะไม่ไม่ได้ทำให้เกิดโรคมั่งนะครับนะ
00:06:27 → 00:06:30 ครับผมแล้วก็อีกตัวนึงที่เขาพูดถึงก็คือ
00:06:30 → 00:06:32 เชื้อแบคทีเรียยิ่งแบคทีเรียก็มีหลายตัว
00:06:33 → 00:06:35 ที่ทำให้เกิดโรคได้นะครับแต่ตัวที่พบบ่อย
00:06:35 → 00:06:39 ก็คือตัว ecoli นะครับที่มัน ecola ก็คือ
00:06:39 → 00:06:43 เป็นแบคทีเรียแกรมลบซึ่งปกติอยู่ในลำไส้
00:06:43 → 00:06:45 เราอยู่แล้วมันมีหลายสายพันธุ์นะครับบาง
00:06:45 → 00:06:48 สายพันธุ์ก็ทำให้เกิดโรคต้องสายพันธุ์ก็
00:06:48 → 00:06:52 ทำให้เกิดลำไส้อักเสบมีเลือดออกได้
00:06:52 → 00:06:55 พวกนี้ก็เดินมากก็อาการนี้ค่อนข้างจะเกิด
00:06:55 → 00:06:57 ค่อนข้างจะ
00:06:57 → 00:07:00 เกิดได้ตั้งแต่หลังสัมผัสโลก 1 วันถึง 10
00:07:00 → 00:07:02 วันนะครับนะ
00:07:02 → 00:07:05 อาจารย์ก็จะมีท้องเสียปวดท้องคลื่นไส้
00:07:05 → 00:07:08 อาเจียนมันเหมือนคล้ายๆกันแล้วก็ไม่ต้อง
00:07:08 → 00:07:10 ร้ายก็มีอาการรุนแรงได้เหมือนกันนะครับ
00:07:10 → 00:07:14 พวกนี้โดยมากก็ความรุนแรงของโรคก็กิน
00:07:14 → 00:07:16 อาหารนิดหน่อยก็เป็นได้ครับตัวนี้ค่อน
00:07:16 → 00:07:20 ข้างจะแรงนิดนึงเช่นอาหารเม็ดสะอาดหรือ
00:07:20 → 00:07:23 ว่าเก็บรักษาอาหารไม่เหมาะสมนะครับลักษณะ
00:07:23 → 00:07:28 ให้เกิดส่วนนี้ได้ครับอ่า
00:07:28 → 00:07:34 ถูกต้องครับ
00:07:34 → 00:07:37 อาจจะไม่ใช่กรณีที่ภูเก็ตนะครับเช่นพวก
00:07:37 → 00:07:41 ติดเชื้อพวกบิดเป็นลูกเลือดเงี้ยะก็จะมี
00:07:41 → 00:07:45 ทั้งบิดมีตัวบิดไม่มีตัวนะฮะหรือว่าจะ
00:07:45 → 00:07:47 เป็นการติดเชื้อพวกปรสิตกันอย่างเงี้ยนะ
00:07:48 → 00:07:55 ครับ
00:07:55 → 00:07:59 สาเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่การติดเชื้อได้ด้วย
00:07:59 → 00:08:03 เช่นไปรับประทานยาบางอย่างครับซึ่งอาจจะ
00:08:03 → 00:08:06 ทำให้ท้องเสียได้หรือว่าบางท่านที่มี
00:08:06 → 00:08:09 เรื่องของการ
00:08:09 → 00:08:12 ได้รับสารบางอย่างเข้าไปซึ่งกระตุ้นให้
00:08:12 → 00:08:15 ท้องเสียได้แต่ว่าพวกนี้ก็เจอน้อยพวกสาร
00:08:15 → 00:08:18 ตะกั่วพวกอะไรพวกนี้ครับ
00:08:18 → 00:08:21 หลักๆน่าจะเป็นเรื่องของการติดเชื้อจาก
00:08:21 → 00:08:23 น้ำดื่มที่ไม่สะอาดแล้วก็น้ำแข็งมากที่
00:08:23 → 00:08:25 สุด
00:08:25 → 00:08:27 อาจารย์คะบ้านเราอ่ะชอบทานน้ำแข็งนะคะ
00:08:27 → 00:08:31 น้องโอ๊คก็ชอบทานอาหารใส่น้ำแข็งเลย
00:08:31 → 00:08:34 ค่ะความสะอาดหรือไม่สะอาดเลยค่ะแค่ตา
00:08:34 → 00:08:36 เปล่าเนี่ยค่ะเราเราสามารถหรือเราดูแค่
00:08:36 → 00:08:39 ภาชนะคะอาจารย์เพื่อให้แบบเป็นความรู้กับ
00:08:39 → 00:08:42 คนทั่วไปเพราะว่าส่วนใหญ่ก็ตายด้วยน้ำ
00:08:42 → 00:08:44 แข็งทั้งนั้น
00:08:44 → 00:08:48 เราถ้าเราเห็นเวลาเค้าขนน้ำแข็งมาให้เรา
00:08:48 → 00:08:49 นะฮะเคยเห็นก่อน
00:08:49 → 00:08:51 เขาก็จะใส่ไอ้เนี่ยครับ
00:08:51 → 00:08:55 ใส่ถุงที่มันเป็นถุง
00:08:55 → 00:09:02 ขาวๆผมเลี้ยงในถุงอะไรไม่ชอบนะ
00:09:02 → 00:09:07 ที่มันเป็นพลาสติกนะครับแล้วก็มาตัดนะ
00:09:07 → 00:09:10 ตั้งแต่การความสะอาดเนี่ยมันอยู่ตั้งแต่ 1
00:09:10 → 00:09:12 ขั้นตอนการผลิต
00:09:12 → 00:09:17 น้ำที่เขาเอามาผลิตนะครับแล้วก็ภาชนะของ
00:09:17 → 00:09:20 ที่เขาผลิตเสร็จแล้วผลิตเสร็จแล้วเขาก็
00:09:20 → 00:09:23 ใส่อะไรเช่นในบางครั้งถ้าเราไปตามร้าน
00:09:23 → 00:09:26 อาหารอะไรพวกนี้เขาก็คงจะใช้น้ำแข็งซึ่ง
00:09:26 → 00:09:29 เขาคงไม่ได้เอาแบบน้ำแข็งที่เป็นถุง
00:09:29 → 00:09:33 พลาสติกเนี่ยใยเซเว่นมานะครับเป็นแบบที่
00:09:33 → 00:09:36 ตำราเค้าก็จะมาส่งนี่ครับซึ่งแบบว่าที่จะ
00:09:36 → 00:09:38 มาส่งเนี่ยเขาขั้นตอนการไปเป็นไงแล้วก็
00:09:38 → 00:09:41 ถุงนี้ก็เอามาใส่น้ำแข็งมาส่งให้ร้าน
00:09:41 → 00:09:44 เนี่ยมันสะอาดนั่งน้อยแค่ไหนซึ่งพวกนี้
00:09:44 → 00:09:46 มันก็คงเป็นสิ่งที่ลำบากนิดนึงเหมือนกัน
00:09:46 → 00:09:49 ตอนนี้ถ้าเกิดว่าเราจะมั่นใจว่ามันสะอาด
00:09:49 → 00:09:52 จริงๆเนี่ยก็ถ้าแน่ๆก็คือถ้าเป็นน้ำแข็ง
00:09:52 → 00:09:56 ซึ่งมาจากเอ่อมีการบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นถุง
00:09:56 → 00:10:00 พลาสติกปิดมิดชิดเนี่ยไอ้นี่ก็ค่อนข้างจะ
00:10:00 → 00:10:02 มั่นใจว่ามันจะนี่
00:10:02 → 00:10:05 แต่ถ้าเกิดในกรณีที่เราไปรับประทานอาหาร
00:10:05 → 00:10:08 ในบางร้านเราก็อาจจะต้องสังเกตดูว่าถ้า
00:10:08 → 00:10:11 เกิดเราน้ำแข็งก็ให้เรามาเนี่ยมันมีอะไร
00:10:11 → 00:10:14 เจือปนหรือว่ามีสิ่งอะไรที่ดูแล้วเนี่ย
00:10:14 → 00:10:18 มันไม่สะอาดหรือเปล่า
00:10:18 → 00:10:21 เราต้องการดื่มน้ำเย็นเราก็อาจจะใช้เป็น
00:10:21 → 00:10:25 ลักษณะของการดื่มน้ำซึ่งบรรจุขวดมาแล้วนะ
00:10:25 → 00:10:28 ครับอะไรเงี้ยครับหรือว่าเป็นน้ำซึ่งผ่าน
00:10:28 → 00:10:31 การแช่เย็นมาก็จะปลอดภัยกว่า
00:10:31 → 00:10:36 นี้การกินพวกนี้ก็ต้องใส่ใจมากขึ้นนะคุณ
00:10:36 → 00:10:39 หมอหลายๆหลายๆร้านเราก็ยังเห็นในเรื่อง
00:10:39 → 00:10:44 ของการผสมผสานระหว่างสิ่งของในตู้แช่อยู่
00:10:44 → 00:10:49 น้ำแข็งแช่กับผักแช่กับที่ใช้ให้เราตัด
00:10:49 → 00:10:53 ให้เรากินก็บางร้านเขาก็ไว้แช่พวกอาหาร
00:10:53 → 00:10:59 พวกหมูอะไรเนี่ยด้วยซึ่งมันก็เอ่อมันมี
00:11:00 → 00:11:03 ถุงแยกแต่จริงๆมันแช่อยู่ในอยู่ในภาชนะ
00:11:03 → 00:11:08 เดียวกันซึ่งมันก็มีการเสียฝนได้
00:11:08 → 00:11:11 อาจจะต้องใส่ใจรั้งร้านรวงอาจจะต้องใส่ใจ
00:11:11 → 00:11:15 กรณีแบบนี้สักนิดนึงในช่วงต่างๆเนอะ
00:11:15 → 00:11:19 ค่ะอาจารย์ระหว่างท้องเสียกับท้องร่วงอ่ะ
00:11:19 → 00:11:21 ค่ะอาจารย์เวลาดูเราดูยังไงคะที่แบบว่า
00:11:21 → 00:11:24 อันนี้ร่วงแล้วล่ะหรือว่าอันนี้คือเสีย
00:11:24 → 00:11:26 เพราะบางคนเสียมากเสียน้อยไปเหมือนกัน
00:11:26 → 00:11:30 แล้วก็ถ่ายเหลวเหมือนกันนะคะ
00:11:30 → 00:11:34 คือคำว่าท้องร่วงกับท้องเสียจริงๆมันก็
00:11:34 → 00:11:36 คือคำเดียวกัน
00:11:36 → 00:11:39 ความหมายไม่ได้แตกต่างก็คือหมายความว่ามี
00:11:39 → 00:11:43 ความจุติของอุจจาระก็คือ
00:11:43 → 00:11:49 เช่นหนึ่งชายเลว 2 ก็คือถ่ายบ่อยคำว่า
00:11:49 → 00:11:51 บ่อยก็คือมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
00:11:51 → 00:11:55 อันที่ 3 ก็คือถ่ายผิดปกติเช่นถ่ายเป็น
00:11:55 → 00:11:57 มูกเลือดแถวนี้เรียกว่าท้องเสียหรือท้อง
00:11:57 → 00:11:58 ร่วง
00:11:59 → 00:12:02 เนี่ยเรามักจะใช้ในคนที่แบบขายเยอะๆนะ
00:12:02 → 00:12:05 เป็น 10 ครั้งหรือถ่ายจนเป็นลม
00:12:05 → 00:12:09 เพราะว่าพอเรารู้สึกว่าร่วงเนี่ยมันต้อง
00:12:09 → 00:12:11 แบบรุนแรงกว่าเสียแน่ๆเลย
00:12:11 → 00:12:14 ก็จะเป็นจะเป็นเป็นภาษาที่เราอาจจะใช้ใน
00:12:14 → 00:12:18 การแปลว่าเสร็จแล้วร่วงก็คือหมายความว่า
00:12:18 → 00:12:21 ปริมาณออกมาเยอะแต่จริงๆแล้วเนี่ยคำว่า
00:12:21 → 00:12:23 ท้องเสียหรือท้องร่วงเนี่ยจริงๆก็ความ
00:12:23 → 00:12:26 หมายก็ใกล้เคียงกันก็คือมีการเปลี่ยนแปลง
00:12:26 → 00:12:28 ของเนื้ออิสระ
00:12:28 → 00:12:33 พอดีมาและความถี่แล้วก็ลักษณะซึ่งผิดปกติ
00:12:33 → 00:12:36 ไปจากเดิม
00:12:36 → 00:12:39 ซึ่งจะมีความรุนแรงต่างกันเช่นถ้าเกิดว่า
00:12:39 → 00:12:41 เป็นไม่มากก็อาจจะมีแค่กระหายนะฮะนิด
00:12:42 → 00:12:42 หน่อย
00:12:42 → 00:12:46 นะความดันก็ยังดีอยู่
00:12:46 → 00:12:51 เป็นปานกลางก็อาจจะเริ่มมีปากแห้งคอแห้ง
00:12:51 → 00:12:55 รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วความดันก็เริ่มต่ำ
00:12:55 → 00:12:56 ๆ
00:12:56 → 00:12:58 บางคนเป็นมากก็คือลุกไม่ไหวเลยเข้าห้อง
00:12:58 → 00:13:01 น้ำก็จะเป็นลมหรือว่ามีผิวเย็น
00:13:01 → 00:13:21 กระสับกระส่ายต้องมีบ้างครับ
00:13:21 → 00:13:25 ถ้าไม่ไปร่างกายก็สูญเสียสารน้ำและเกลือ
00:13:25 → 00:13:29 แร่นะครับก็ถ้าเป็นมากๆความดันโลหิตก็ตาม
00:13:29 → 00:13:34 ชีพจรเต้นเร็วก็สามารถช็อคได้
00:13:34 → 00:13:38 เลื่อนไปเลี้ยงใจไม่ดีภาวะไตวายได้
00:13:38 → 00:13:41 รุนแรงชีวิตได้เหมือนกันเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:13:41 → 00:13:44 บางครั้งเราอาจจะเคยมีข่าวเหมือนกันว่า
00:13:44 → 00:13:48 บางบางเค้าบางคนที่ท้องเสียรุนแรงมากไม่
00:13:48 → 00:13:50 ได้ไปโรงพยาบาลก็ถึงกับเสียชีวิตได้นะ
00:13:50 → 00:13:53 ครับเพราะว่าเวลาสูญเสียน้ำมากๆเนี่ยมัน
00:13:53 → 00:13:55 ก็ช็อคได้เหมือนกัน
00:13:55 → 00:13:57 เหมือนกับคนที่มีเลือดออกอ่ะครับเยอะๆ
00:13:57 → 00:14:00 เนี่ยครับคล้ายๆกันเพราะว่าการสูญเสียน้ำ
00:14:00 → 00:14:03 ก็เป็นสิ่งสำคัญหรือว่าน้ำเป็นส่วนประกอบ
00:14:03 → 00:14:05 สำคัญของร่างกายของเรา
00:14:05 → 00:14:09 แต่เสียมากกว่า Shop ได้เลยทำให้หัวใจวาย
00:14:09 → 00:14:11 ไตวายได้เลยครับ
00:14:11 → 00:14:14 ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะใครบอกว่าแค่ท้อง
00:14:14 → 00:14:15 เสียเอง
00:14:15 → 00:14:17 กินน้ำเกลือแร่ก็หาย
00:14:17 → 00:14:21 แต่ฉันหนักไปนี้ปล่อยมันจับความรุนแรง
00:14:21 → 00:14:24 โดยทั่วไปเนี่ยการรักษาโรคกลุ่มนี้เนี่ย
00:14:24 → 00:14:28 ก็โดยทั่วไปเราก็จะแนะนำให้ถ้าเกิดอาการ
00:14:28 → 00:14:32 ไม่รุนแรงมากทานได้นะครับความดันโลหิตยัง
00:14:32 → 00:14:33 ดี
00:14:33 → 00:14:38 แล้วก็สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว
00:14:38 → 00:14:42 ก็ทานน้ำเกลือแล้วก็ยาพวกดูดซับสารพิษพวก
00:14:42 → 00:14:46 คาร์บอนพวกนี้นะครับแล้วก็ดูว่าโอเคไหม
00:14:46 → 00:14:49 ถ้าเกิดว่าทานแล้วดีขึ้นวันสองวันก็ไม่
00:14:49 → 00:14:53 เป็นไร
00:14:53 → 00:14:57 เลยหรือว่าทานยาแล้ว 2 วัน 3 วันก็ยังไม่
00:14:57 → 00:15:02 ดีนะครับหรือมีลักษณะของไข้สูงหนาวสั่นนะ
00:15:02 → 00:15:05 ครับ
00:15:05 → 00:15:08 แล้วก็อีกกลุ่มนึงที่ต้องระวังก็คือกลุ่ม
00:15:08 → 00:15:11 ที่เป็นกลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
00:15:11 → 00:15:16 และร่างกายอ่อนแอ
00:15:16 → 00:15:21 6 เดือนนะครับผู้ป่วยสูงอายุมีโรคประจำ
00:15:21 → 00:15:24 ตัวเช่นเป็นโรคหัวใจ
00:15:24 → 00:15:29 โรคไตหรือภูมิคุ้มกันบกพร่องนะครับหรือ
00:15:29 → 00:15:32 ว่าบางท่านเป็นโรคบางอย่างซึ่งต้องรับ
00:15:32 → 00:15:35 ประทานยาหดภูมิอย่างนี้ครับอย่างนี้ก็ควร
00:15:35 → 00:15:38 จะยึดมาโรงพยาบาลพบแพทย์เพราะว่าช่องได้
00:15:38 → 00:15:42 แบบการรักษาแล้วก็ตรวจเพิ่มเติมครับ
00:15:42 → 00:15:46 อาจารย์คะรบกวนสอบถามอาจารย์แบบนี้ค่ะ
00:15:46 → 00:15:48 เป็นความสงสัยของผู้ฟังทางบ้านว่าทำไม
00:15:48 → 00:15:53 ท้องเสียท้องร่วงและหัวใจถึงเต้นเร็วราคา
00:15:53 → 00:15:58 ที่ดีมากครับเวลาเราท้องเสียหรือท้องร่วง
00:15:58 → 00:16:02 สิ่งที่เราสูญเสียคือ 1 นะน้ำนะครับ 2
00:16:02 → 00:16:06 คือเกลือแร่นะครับว่าจะมีเรื่องเกี่ยว
00:16:06 → 00:16:09 ข้องกับเรื่องของพลังงานต่างๆเช่นสาร
00:16:09 → 00:16:11 อาหารอะไรพวกนี้นะครับ
00:16:11 → 00:16:14 โดยเราสูญเสียน้ำหรือเกลือแร่
00:16:14 → 00:16:18 มันก็จะทำให้ร่างกายเราอ่อนเพลียเพราะว่า
00:16:18 → 00:16:21 ปริมาณเลือดหรือออกซิเจนที่บริเวณร่างกาย
00:16:21 → 00:16:25 ก็จะลดลงเพราะฉะนั้นเนี่ยร่างกายก็พยายาม
00:16:25 → 00:16:30 ที่จะชดเชยเพื่อให้เลือดเพื่อให้ออกซิเจน
00:16:30 → 00:16:33 ในร่างกายได้เท่าเดิมโดยการเพิ่มอัตรา
00:16:33 → 00:16:34 เส้นของหัวใจ
00:16:35 → 00:16:39 เพราะฉะนั้นหัวใจปกติสมมติเช่น 60 ครั้ง
00:16:39 → 00:16:45 พอแล้วพอเลือดน้อยลงน้ำน้อยลงการที่จะให้
00:16:45 → 00:16:50 ร่างกายเราอวัยวะต่างๆได้รับน้ำได้รับ
00:16:50 → 00:16:54 ออกซิเจนได้เพียงพอหัวใจต้องทำงานหนักมาก
00:16:54 → 00:16:57 ขึ้นเพราะฉะนั้นการทำงานหัวใจทำให้หนัก
00:16:57 → 00:16:59 มากขึ้นก็ยังมีอยู่ 2 อย่างก็คือการเหน็บ
00:17:00 → 00:17:03 บีบตัวแรงขึ้นอันที่ 2 ก็เป็นก็คือต้อง
00:17:03 → 00:17:06 เต้นบ่อยขึ้นกว่าปกติ
00:17:06 → 00:17:09 ก็ทำให้เรามีเรื่องของหัวใจเต้นเร็วนะ
00:17:09 → 00:17:13 ครับบางคนถ้าเกิดว่าหัวใจทำงานไม่ทันก็มี
00:17:13 → 00:17:18 ปัญหาเรื่องเกี่ยวข้องกับอาการช็อกได้
00:17:18 → 00:17:21 อาจารย์ค่ะน้ำเกลือแร่ค่ะที่เราเห็นกัน
00:17:21 → 00:17:24 อยู่ในนี้ค่ะคือแบบมีแบบมากมายหลายสูตร
00:17:24 → 00:17:28 ถ้าสมมติว่าเราไม่เอาอ่ะน้ำผงเกลือแร่
00:17:28 → 00:17:30 อย่างนี้ค่ะส่วนใหญ่เราจะได้ยินทฤษฎีนี้
00:17:30 → 00:17:34 มากๆเลยก็คือว่าน้ำอัดลมแบบสีใสๆขวดเขียว
00:17:34 → 00:17:37 ๆเนี่ยเขาบอกว่าใส่เกลือก็ทานได้อันนี้
00:17:37 → 00:17:40 จริงๆทานได้ไหมคะหรือว่าเราควรเป็นแบบ
00:17:40 → 00:17:42 เครื่องดื่มชูกำลังที่เขาแบบว่าสารพัด
00:17:42 → 00:17:45 ทั้งหลายที่เขาแบบนั้นมันจะสามารถมาชดเชย
00:17:45 → 00:17:48 แทนได้ไหมคะอาจารย์
00:17:48 → 00:17:52 สูญเสียน้ำและเกลือแร่เวลาท้องเสียครับ
00:17:52 → 00:17:55 การสูญเสียน้ำมันเกลือแร่เวลาออกกำลังกาย
00:17:55 → 00:17:58 เนี่ยปริมาณเกลือแร่สูญเสียมันจะไม่เท่า
00:17:58 → 00:18:01 กันนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยน้ำเกลือแร่ที่
00:18:01 → 00:18:04 สำหรับคนแก้ท้องเสียก็คือต้องเป็นน้ำ
00:18:04 → 00:18:06 เกลือแร่สำหรับ
00:18:06 → 00:18:10 รักษาคนไข้อาการท้องเสียโดยตรงเพราะมันจะ
00:18:10 → 00:18:14 มีปริมาณโซเดียมสูงกว่าในคนไข้ที่ใน
00:18:14 → 00:18:17 เครื่องดื่มชูกำลังหรือว่าน้ำอัดลมนะครับ
00:18:17 → 00:18:19 เพราะฉะนั้นเนี่ยบางท่านบอกว่าน้ำอัดลม
00:18:19 → 00:18:22 เนี่ยเกลือมันต่ำก็เลยมีการเติมเกลือเข้า
00:18:22 → 00:18:25 ไปถามว่าพอใช้ได้ไหมก็ใช้ได้แต่มันก็จะ
00:18:25 → 00:18:29 ไม่ดีเท่าๆกันน้ำเกลือแร่โดยตรงที่สำหรับ
00:18:29 → 00:18:32 ผลิตออกมาสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาเรื่อง
00:18:32 → 00:18:35 ท้องเสียนะครับพวกนี้ก็จะมีประโยชน์มาก
00:18:35 → 00:18:40 กว่าแล้วก็ตรงตรงจุดประสงค์มากกว่าครับ
00:18:40 → 00:18:43 คือใช้ทดแทนได้ในระดับหนึ่งถ้าเกิดหา
00:18:43 → 00:18:45 เกลือแร่ไม่ทันเหมือนช่วงนั้นต้องขาดการ
00:18:45 → 00:18:48 นำชดเชยก็พอที่จะช่วยได้
00:18:48 → 00:18:52 ก็เบื้องต้นได้แต่ว่าปริมาณเกลือแร่เวลา
00:18:52 → 00:18:54 เจอเวลาทานเข้าไปพวกนี้จะมีพวก Sony
00:18:54 → 00:18:58 เยี่ยมแล้วก็มีพวกเราก็มีน้ำตาลนะฮะช่วย
00:18:58 → 00:19:01 ในการดูดดูดสัญญาณกันดูดดูดเกลือแร่ดูด
00:19:01 → 00:19:03 สารอาหารก็อยู่ร่างกายนะฮะ
00:19:03 → 00:19:07 ถ้าเกิดว่าเป็นพวกเครื่องทรูกำลังว่าอะไร
00:19:07 → 00:19:10 พวกนี้เนี่ยมันก็จะปริมาณเกลือแร่มันก็จะ
00:19:10 → 00:19:13 ไม่ได้ตามที่จำไม่คือมันไม่เหมาะสำหรับคน
00:19:13 → 00:19:16 ท้องเสียครับ
00:19:16 → 00:19:19 แบบว่าอย่างเอ่อมันมีเครื่องดื่มเค้า
00:19:19 → 00:19:20 เรียกว่าเครื่องดื่มน้ำเกลือแร่ใช่มั้ย
00:19:20 → 00:19:24 คุณหมอจนถึงหน้าที่เหมาะกับนักกีฬาคนละ
00:19:24 → 00:19:28 อย่างเลย
00:19:28 → 00:19:32 จริงๆเนี่ยในๆความจริงเนี่ยมันก็จะไม่ได้
00:19:32 → 00:19:34 ไม่ได้เหมือนกันอย่างที่เราคิดนะครับ
00:19:34 → 00:19:37 อ๋อจะเข้าใจกันถูกต้องเนาะเออเนี่ยค่ะพอ
00:19:37 → 00:19:40 ดีคุณผู้ฟังทางบ้านอีกคนก็ถามมาแบบนี้เลย
00:19:40 → 00:19:42 ค่ะที่อาจารย์บอกเลยว่าแล้วบางคนที่ดื่ม
00:19:42 → 00:19:44 แบบนักกีฬาดื่มนี่เราสามารถใช้แทนกันได้
00:19:44 → 00:19:46 ไหมเนี่ยค่ะ
00:19:46 → 00:19:50 เป๊ะเลยถ้าเกิดว่าเราไม่มีจริงๆก็สามารถ
00:19:50 → 00:19:54 ใช้ได้แต่ว่าไอ้พวกเกลือแร่ปริมาณโซเดียม
00:19:54 → 00:19:57 มันจะไม่เท่ากันนะครับเพราะว่าเวลาเป็น
00:19:57 → 00:20:00 ไส้ที่ทานมาเยอะๆเนี่ยตัวเกลือแร่ที่จะ
00:20:00 → 00:20:02 สูญเสียมากก็คือโซเดียมกับขวดรัสเซีย
00:20:02 → 00:20:06 แล้วก็ปริมาณมันเยอะมากถ้าเกิดเรารับ
00:20:06 → 00:20:08 ประทานเข้าไปสมมุติเราทานโซเดียมในปริมาณ
00:20:08 → 00:20:11 ที่ต่ำเนี่ยการเข้าไปเลือดมันก็ยังจะมา
00:20:11 → 00:20:13 ตรวจเยี่ยมเหมือนก็อาจจะมีปัญหาเรื่อง
00:20:13 → 00:20:16 โซเดียมในเลือดต่ำจะได้พอโซเดียมในเลือด
00:20:16 → 00:20:20 ต่ำก็ทำให้เรามีอาการอ่อนเพลียเวียนศีรษะ
00:20:20 → 00:20:23 อะไรได้นะครับเพราะว่าปริมาณโซเดียมของ
00:20:23 → 00:20:27 เราเนี่ยมันก็จะต่ำกว่าทุนต่ำกว่าภาวะ
00:20:27 → 00:20:30 ปกติคือแต่ควรจะเป็น
00:20:30 → 00:20:33 แล้วอย่างเด็กๆเล็กอ่ะครับมันต้องใช้วิธี
00:20:33 → 00:20:35 การเดียวแบบแบบผู้ใหญ่มั้ยก็ได้ชดเชยก่อน
00:20:35 → 00:20:38 ในระยะแรกและก็รับประทานยา
00:20:38 → 00:20:41 ลักษณะของเด็กเนี่ยก็จะมี
00:20:41 → 00:20:45 เอ่อโอกาสที่เขาจะมีอาจารย์รุนแรงมากกว่า
00:20:45 → 00:20:47 ผู้ใหญ่นะครับ
00:20:47 → 00:20:49 อันนี้ถ้าเกิดเด็กสามารถดื่มน้ำเกลือแร่
00:20:49 → 00:20:53 ได้ก็สามารถดื่มได้เพราะหลักการรักษาของ
00:20:53 → 00:20:56 ท้องเสียหรือท้องร่วงเหมือนกันก็คือเขา
00:20:56 → 00:21:00 เรียกว่าการรักษาโดยการทดแทน
00:21:00 → 00:21:03 ทดแทนหมายความว่าเราสูญเสียน้ำและสูญเสีย
00:21:03 → 00:21:07 เกลือออกมาแล้วก็พยายามที่จะเติมเข้าไป
00:21:07 → 00:21:11 โดยหวังว่าโลกมันดีขึ้นแล้วอาการก็จะดี
00:21:12 → 00:21:12 ขึ้น
00:21:12 → 00:21:15 [เพลง]
00:21:15 → 00:21:18 แต่ในบางกรณีเนี่ยอย่างที่บอกถ้ารุนแรง
00:21:18 → 00:21:21 มากแต่ก็ต้องพิจารณาว่าถ้าเกิดทานไม่ได้
00:21:21 → 00:21:24 จริงๆอาจจะต้องให้น้ำเกลือแถวเส้นเส้น
00:21:24 → 00:21:27 เลือดนะครับหรือในบางกรณีมีไข้ติดเชื้อมี
00:21:27 → 00:21:29 มูกเลือดอะไรพวกนี้ครับแต่อาจจะต้องมีการ
00:21:30 → 00:21:33 ให้ยาฆ่าเชื้อเพิ่มเติม
00:21:33 → 00:21:35 แค่ลำพังคาร์บอนพอดีมีคุณผู้ฟังทางบ้าน
00:21:36 → 00:21:38 ถามบางคนบอกว่าคาร์บอนเนี่ยค่ะมากลไกของ
00:21:38 → 00:21:41 คาร์บอนนะคะมันจะทำยังไงมันจับตัวแล้วเรา
00:21:41 → 00:21:44 ยังจะต้องทานเกลือแร่เสริมไหมคะ
00:21:44 → 00:21:49 เอ่อตัวคาร์บอนจริงๆเนี่ยหลักการของมันก็
00:21:49 → 00:21:52 จะเป็น 3 ซึ่งไปดูทรัพย์พวกสารแปลกปลอม
00:21:52 → 00:21:55 ทั้งหลายที่อยู่ในแต่ละเดือนทหารอย่างเรา
00:21:55 → 00:21:59 นะฮะแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นสีดำๆ
00:21:59 → 00:22:02 เพราะฉะนั้นถามว่าจริงๆแล้วเนี่ยตัว
00:22:02 → 00:22:04 คาร์บอนเองก็มีประโยชน์ระดับหนึ่งแต่ว่า
00:22:04 → 00:22:05 มันก็ไม่ได้ว่า
00:22:05 → 00:22:10 จะช่วยได้แบบ 100% นะครับนะมันก็คือหมาย
00:22:10 → 00:22:13 ความว่าเหมือนกับมีเชื้อโรคอยู่มีสารพิษ
00:22:13 → 00:22:16 อยู่เช่นเส้นท้องเสียบางอย่างเนี่ยมันก็
00:22:16 → 00:22:20 เกิดจากพวกสารพิษหรือว่าตัวเชื้อโรคเองก็
00:22:20 → 00:22:22 ได้อย่างนี้เราทานคาร์บอนเข้าไปมันก็ไม่
00:22:22 → 00:22:26 สามารถจับพวกนี้ได้แล้วก็รถเรื่องของ
00:22:26 → 00:22:28 ปริมาณเชื้อที่ทำให้เกิดปัญหา
00:22:28 → 00:22:30 [ปรบมือ]
00:22:30 → 00:22:32 อาจารย์คะ
00:22:32 → 00:22:36 ว่ามันมีน้ำเกลือแร่ที่มันมีส่วนผสมของ
00:22:36 → 00:22:38 คาร์บอนรวมอยู่ด้วยไหมคะแล้วมันจะต่างกับ
00:22:38 → 00:22:41 น้ำเกลือแร่ยังไงมันมีไหมคะหนูก็เลยไม่
00:22:41 → 00:22:42 รู้
00:22:42 → 00:23:00 น้ำเกลือแร่ที่มีส่วนผสมใช่ไหมครับ
00:23:00 → 00:23:03 ใช่อันที่ 2 ให้น้ำเกลือแร่ที่ผสมคาร์บอน
00:23:03 → 00:23:06 เนี่ยเอ่อโดยทั่วไปมันจุดประสงค์มันแย้ง
00:23:06 → 00:23:09 กันอยู่เหมือนกันนะเพราะว่าไม่แน่ใจว่า
00:23:09 → 00:23:11 มันจะเกิดประโยชน์ได้มากขึ้นในอะไรอย่าง
00:23:11 → 00:23:14 เงี้ยนะครับตามหลักควรจะกินแยกกันต่างแต่
00:23:14 → 00:23:18 ดีกว่าเพราะว่าคาร์บอนเรากินให้มันดูซับ
00:23:18 → 00:23:21 สารพิษส่วนเกลือแร่ที่ไปเรื่อยๆเพื่อทด
00:23:21 → 00:23:24 แทนน้ำที่เราเสียนะครับ
00:23:24 → 00:23:27 อาจารย์คะแล้วมีคำถามยอดคลาสสิคอันนึงเลย
00:23:27 → 00:23:29 ค่ะอาจารย์บอกว่าคุณผู้ฟังทางบ้านถามมา
00:23:29 → 00:23:32 แบบนี้ค่ะน้องโอ๊คถามว่าทำไมเวลาเราถ่าย
00:23:32 → 00:23:35 ติดๆกันหลายครั้งค่ะเราถึงแสบตรงแบบรู
00:23:35 → 00:23:39 ทวารแบบแสบก้นนะคะอาจารย์แล้วแบบว่าพอแสบ
00:23:39 → 00:23:41 เนี่ยมันก็ทำให้ทั้งแบบเราก็อยากเข้าห้อง
00:23:41 → 00:23:44 น้ำแล้วเราก็แสบไปด้วยเราทำยังไงดีคะ
00:23:44 → 00:23:48 อาจารย์เออทำไมมันแบบมันก็ไม่อยากนะทั้ง
00:23:48 → 00:23:50 แบบโอ้ยไม่ไหวแล้วอะไรอย่างนี้มันทรมาน
00:23:50 → 00:23:52 ค่ะอาจารย์ก็เลยถามเพราะว่าทำไมมันถึงมี
00:23:52 → 00:23:55 อาการแบบนี้ค่ะ
00:23:55 → 00:23:59 เวลาเราถ่ายออกมาเนี่ยมันก็ขึ้นอยู่กับ
00:23:59 → 00:24:03 ว่าอุจจาระของเรามันมีอะไรอยู่บ้างครับ
00:24:03 → 00:24:07 เพิ่งกลับเช่นชนิดของอาหารที่รับประทาน
00:24:07 → 00:24:10 หรือว่าอาหารบางอย่างซึ่งมี
00:24:10 → 00:24:14 เอ่อสารอาหารบางอย่างเช่นยกตัวอย่างที่
00:24:14 → 00:24:17 เจอบ่อยคือทานพวกเผ็ดๆ
00:24:17 → 00:24:21 มามันก็ตัวพริกออกมามันก็มันก็สามารถ
00:24:21 → 00:24:24 ระคายเคืองพอดีเวณน่ะได้
00:24:24 → 00:24:28 ที่ 2 ถึงแม้จะไม่ทันพวกนั้นเนี่ย
00:24:28 → 00:24:32 นะฮะก็มีมิตรเครือข่ายเสี่ยงได้เหมือนกัน
00:24:32 → 00:24:36 ถ้าเราตายบ่อยๆเนี่ยมันก็สามารถทำให้
00:24:36 → 00:24:39 บริเวณสวรรค์นำเราเนี่ยมีการระคายเคือง
00:24:39 → 00:24:41 อักเสบได้นะฮะ
00:24:41 → 00:24:44 วันนั้นก็ต้องระวัง 1 ถ้าเกิดถ่ายเนี่ยก็
00:24:44 → 00:24:47 พยายามทำความสะอาดโดยที่ท่านหลีกเลี่ยง
00:24:47 → 00:24:50 การเช็ดโดยการใช้กระดาษซึ่งอาจจะต้องใช้
00:24:50 → 00:24:54 กระดาษนิ่มๆนิดนึงนะครับในการล้างแล้วก็
00:24:54 → 00:24:57 ซับนะก็จะช่วยได้นอกนั้นก็จะถ้าเกิดว่า
00:24:57 → 00:25:01 ถ่ายท่านถ่ายมากจริงๆจนกระทั่งแบบว่ามี
00:25:01 → 00:25:05 เรื่องของอักเสบเป็นแผลก็ต้องใช้ครีมใน
00:25:05 → 00:25:08 พวกครีมพวกสมาธิสำหรับบริเวณทวารหนักได้
00:25:08 → 00:25:10 ครับ
00:25:10 → 00:25:13 นอกจากนั้นเนี่ยถ้าเกิดว่าเราถ่ายมากจริง
00:25:13 → 00:25:17 ๆเนี่ยอาจจะต้องมีการใช้ยาพวกลดการขาย
00:25:17 → 00:25:21 สามารถที่จะช่วยได้ซึ่งเราจะเลือกใช้ใน
00:25:21 → 00:25:24 LINE ที่มีการถ่ายของอุจจนะเยอะแต่ว่า
00:25:24 → 00:25:28 ไม่มีมูกเลือดออกมาอย่างเงี้ยก็สามารถจะ
00:25:28 → 00:25:31 ใช้ยาในกลุ่มนี้ได้เพราะว่าถ้าเกิดเรา
00:25:31 → 00:25:33 ถ่ายแล้วมันมีมูกมีเลือดด้วยเนี่ยพวกนี้
00:25:33 → 00:25:38 เราจะให้ยาไปเนี่ยบางทีมันทำให้ตัวเชื้อ
00:25:38 → 00:25:41 โรคเนี่ยมันคลั่งอยู่ในลำไส้นั้นทำให้
00:25:41 → 00:25:43 เกิดปัญหาตามมาได้เช่นลำไส้อาจจะมีการ
00:25:43 → 00:25:47 อักเสบรุนแรงแล้วก็เกิดการปุ่มพองได้นะ
00:25:47 → 00:25:49 ครับ
00:25:49 → 00:25:51 ซึ่งในกรณีนี้เนี่ยเราสามารถเลือกใช้ยา
00:25:51 → 00:25:56 ที่ทำให้การถ่ายได้
00:25:56 → 00:25:58 แล้วอย่างกรณีคุณผู้ฟังถามมาเพิ่มเติม
00:25:58 → 00:26:02 ครับคุณหมอคนที่เสียน้ำสูญเสียน้ำจากท้อง
00:26:02 → 00:26:05 เสียท้องร่วงเองเนี่ยแต่เป็นคนไข้โรคไต
00:26:05 → 00:26:10 เออมีโรคไตไม่ถูกกับเกลือโซเดียมอยู่แล้ว
00:26:10 → 00:26:15 นะกรณีจะกินน้ำเกลือแร่ชดเชยได้ไหม
00:26:15 → 00:26:18 ว่ามีการสูญเสียน้ำมากก็สามารถรับประทาน
00:26:18 → 00:26:22 ได้เพียงแต่ว่าอาจจะต้องรับประทานใน
00:26:22 → 00:26:26 ปริมาณที่ไม่มากเกินไปนักเพราะว่าถ้าเกิด
00:26:26 → 00:26:30 ถึงแม้จะเป็นโรคไตก็ตามถ้าเกิดว่าคนใช้
00:26:30 → 00:26:33 สูญเสียเกลือแร่มากก็สามารถช็อคได้เหมือน
00:26:33 → 00:26:36 กันนะครับเพราะว่าไตเนี่ยก็คือว่าขับน้ำ
00:26:36 → 00:26:40 ได้ไม่ค่อยดีทุกฝ่ายก็จะมีอยู่ 2 กรณี
00:26:40 → 00:26:44 ครับและที่ 1 โรคไตซึ่งไตยังสามารถทำงาน
00:26:44 → 00:26:48 ได้ระดับหนึ่งเพียงแต่ว่าทำงานลดลงโดยที่
00:26:48 → 00:26:51 ยังไม่จำเป็นต้องฟอกเลือดนะครับแต่อีก
00:26:51 → 00:26:53 กลุ่มนึงก็คือเป็นโรคไตซึ่งจำเป็นต้องมี
00:26:53 → 00:26:55 การฟอกเลือดหรือว่ามีการล้างไตทางหน้า
00:26:55 → 00:26:57 ท้อง
00:26:57 → 00:26:57 นะ
00:26:57 → 00:27:01 ในกลุ่มที่เอ่อถ้าเกิดว่ายังไม่ฟอกเลือด
00:27:01 → 00:27:05 เนี่ยเราก็สามารถรับประทานน้ำ
00:27:05 → 00:27:08 หรือเกลือแร่ได้ปริมาณนึงเหมือนกันครับ
00:27:08 → 00:27:11 เพราะว่าถ้าเกิดว่าเรามีการสูญเสียน้ำ
00:27:11 → 00:27:14 หรือเกลือแร่มากๆเนี่ยมันก็ทำให้ไตของเรา
00:27:14 → 00:27:16 เนี่ยคือไม่ดีอยู่แล้ว
00:27:16 → 00:27:19 ไปเลี้ยงไตลดลงแต่ไม่ตายเราแย่ลงด้วยซ้ำ
00:27:19 → 00:27:21 ครับ
00:27:21 → 00:27:25 มีผู้ฟังอีกท่านอันนี้อันนี้เป็นน่าจะ
00:27:25 → 00:27:27 ประสบการด้วยแหละบอกว่า
00:27:27 → 00:27:33 มันจริงไหมครับที่แบบกินของเปรี้ยวๆผลไม้
00:27:33 → 00:27:37 เปรี้ยวมะม่วงเปรี้ยวส้มเปรี้ยวๆหรืออะไร
00:27:37 → 00:27:39 ก็แล้วแต่ที่เป็นเปรี้ยวๆอย่างนี้มันมัน
00:27:39 → 00:27:41 มีส่วนทำให้ท้องร่วงได้
00:27:41 → 00:27:45 หรือว่ามันแค่ถ่ายเยอะขึ้น
00:27:45 → 00:27:50 จริงๆเปรี้ยวๆมันก็จะมีพวกกดออกมานะครับ
00:27:50 → 00:27:53 ตัวกดเนี่ยจริงๆถ้าเกิดทานฟรีมามากจริงๆ
00:27:53 → 00:27:57 เนี่ยจริงๆปัญหาเรื่องท้องเสียเนี่ยอาจจะ
00:27:57 → 00:27:59 มีได้เหมือนกันเพราะว่ามันไปเปลี่ยนแปลง
00:27:59 → 00:28:03 เรื่องของการทำงานของภาวะความเหมาะสมของ
00:28:03 → 00:28:06 การทำงานของน้ำย่อยของร่างกายครับมันก็ทำ
00:28:06 → 00:28:12 ให้น้ำย่อยที่อยู่ในระดับทำงานได้ไม่ดี
00:28:12 → 00:28:17 เนี่ยมันก็ทำให้มีการย่อยเอ่อพวกสารอาหาร
00:28:17 → 00:28:21 อะไรเงี้ยน้อยกว่าปกติมันจะทำให้ที่ไม่
00:28:21 → 00:28:23 ถูกย่านมันก็ผ่านมา
00:28:23 → 00:28:26 ก็เลยทำให้มีแบคทีเรียให้ใหญ่สามารถที่ทำ
00:28:26 → 00:28:31 ให้ย่อยอาหารที่มีผ่านลงมาเนี่ยก็จะทำให้
00:28:31 → 00:28:34 เกิดท้องเสียได้ก็เป็นไปได้ครับนะฮะ
00:28:34 → 00:28:37 ก็เป็นเป็นจุดหนึ่งแต่พวกนี้ก็คือต้องกิน
00:28:37 → 00:28:40 ก็คงจะต้องเปรี้ยวพอสมควรเยอะเพราะต้อง
00:28:40 → 00:28:43 เยอะด้วยใช่ไหมเพราะว่าเพราะว่าการย่อย
00:28:43 → 00:28:44 อาหาร
00:28:44 → 00:28:48 สภาวะของการย่อยเนี่ยก็จะแต่ละตำแหน่งของ
00:28:48 → 00:28:52 การย่อยก็จะมีความเป็นกรดด่างที่ต่างกัน
00:28:52 → 00:28:54 นะฮะเช่นในกระเพาะเนี่ยมันก็ต้องมีความ
00:28:54 → 00:28:55 เป็นกรดเยอะ
00:28:55 → 00:28:58 มีแต่ว่ากระเพาะก็มีเซลล์ที่หลังกดออกมา
00:28:58 → 00:29:02 ก็จะมีการย่อยสารอาหารบางอย่างพอลงมาในลำ
00:29:02 → 00:29:04 ไส้เล็กส่วนต้นที่ยังมีการย่อยอยู่เนี่ย
00:29:04 → 00:29:08 จะเปลี่ยนจาก
00:29:08 → 00:29:11 ซึ่งก็จะเหมาะสมในการย่อยสารอาหารของเขา
00:29:11 → 00:29:14 เองเพราะฉะนั้นสมมุติว่าถ้าเกิดเราไปกิน
00:29:14 → 00:29:17 เปรี้ยวมากๆเนี่ยเกิดว่าความเปรี้ยวเนี้ย
00:29:17 → 00:29:21 มันลงมาถึงตัวลำไส้ได้พวกนี้ก็สามารถเกิด
00:29:21 → 00:29:23 ปัญหาได้เหมือนกันแต่ในความเป็นจริงก็คือ
00:29:23 → 00:29:27 เราก็คงต้องทานถ้าเกิดขนาดนั้นก็คงจะทาน
00:29:27 → 00:29:32 เยอะพอสมควรจะนะฮะ
00:29:32 → 00:29:36 ขึ้นอยู่กับปริมาณด้วยแต่ว่าก็มีส่วนพอสม
00:29:36 → 00:29:37 ควร
00:29:37 → 00:29:42 เป็นไปได้ครับ
00:29:42 → 00:29:45 อีกลักษณะหนึ่งอ๋อลำไส้เล็กก็ย่อยก่อนที่
00:29:45 → 00:29:50 เป็นด่างอ๋อนึกว่าแบบทุกทั้งลำไส้ทั้งหมด
00:29:50 → 00:29:55 มันเหมือนกันอ๋อมันมีจุดเฉพาะของมัน
00:29:55 → 00:29:59 ก็จะมีภาวะเหมาะสมในการย่อยของแต่ละอย่าง
00:29:59 → 00:30:03 อันที่ 2 ก็คือว่าศาลทหารแต่ละชนิดก็มี
00:30:03 → 00:30:05 การย่อยแต่ละที่ไม่เหมือนกัน
00:30:05 → 00:30:08 ยกตัวอย่างเช่นถ้าเป็นในกระเพาะก็จะมีการ
00:30:08 → 00:30:11 ย่อยโปรตีนเป็นหลักนะครับ
00:30:11 → 00:30:14 แล้วก็ส่วนในลำไส้ก็จะมีการย่อยเรื่องของ
00:30:14 → 00:30:17 พวกโปรตีนและไขมันร่วมด้วย
00:30:17 → 00:30:21 ไขมันก็ต้องอาศัยน้ำดีจากทางเดินน้ำดีทำ
00:30:21 → 00:30:24 ให้ไขมันแตกตัวตัดสินใจน้ำย่อยจากตับอ่อน
00:30:24 → 00:30:28 ซึ่งจะหลั่งลงไปในลำไส้เล็กย่อยอีกทีนึง
00:30:28 → 00:30:31 อ่าก็จะเป็นชั้นก่อนเพราะฉะนั้นไขมันก็จะ
00:30:31 → 00:30:33 ไม่ย่อยในกระเพาะนะครับ
00:30:33 → 00:30:35 [เพลง]
00:30:35 → 00:30:38 มีคุณผู้ฟังถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณหมอ
00:30:38 → 00:30:41 อันนี้อันนี้เป็นน่าจะขอคำแนะนำแล้วแหละ
00:30:41 → 00:30:45 ถ้าท้องเสียท้องร่วงอยู่เนี่ยระหว่างป่วย
00:30:45 → 00:30:47 เองมันก็ต้องมีการเข้าห้องนอนห้องน้ำมือ
00:30:47 → 00:30:51 ไม้ก็ต้องจับแล้วจะทำอย่างไรล้างมือขนาด
00:30:51 → 00:30:55 ไหนให้มันปลอดเชื้อสบายใจได้ว่าล้างแล้ว
00:30:55 → 00:30:58 เนี่ยเชื้อโรคที่ประสบเผชิญอยู่จะไม่ติด
00:30:58 → 00:31:03 ไม้ติดมือออกมาคุณหมอต้องขนาดไหน
00:31:03 → 00:31:07 คือตรงนี้เนี่ยมันก็มันก็ขึ้นอยู่กับว่า
00:31:07 → 00:31:11 ตอนที่เราไปสัมผัสเวลาทำความสะอาดหรือ
00:31:11 → 00:31:13 อะไรอย่างนี้
00:31:13 → 00:31:17 เราเราไปสัมผัสมากน้อยแค่ไหนเหมือนกันนะ
00:31:17 → 00:31:18 ครับ
00:31:18 → 00:31:23 เราใช้สมมุติ
00:31:23 → 00:31:27 โอกาสที่เชื้อโรคมันจะมาติดเยอะๆอะไร
00:31:27 → 00:31:30 เนี่ยก็จะน้อยบางท่านเช่นว่าถ่ายแล้วมัน
00:31:30 → 00:31:33 ต้องใช้กระดาษใช้อะไรพวกนี้โอกาสที่มันจะ
00:31:33 → 00:31:37 สัมผัสก็จะเยอะถามว่าล้างแค่ไหนโดยทั่วไป
00:31:37 → 00:31:40 เนี่ยถ้าเราล้างอาจจะล้างน้ำเปล่าล้าง
00:31:40 → 00:31:42 สบู่ธรรมดาก็น่าจะพอแล้ว
00:31:42 → 00:31:45 เพียงแต่ว่าเอาอาจจะต้องล้างให้มันใช้น้ำ
00:31:45 → 00:31:49 ปริมาณเยอะนิดนึงครับ
00:31:49 → 00:31:53 แล้วก็หลังจากนั้นควรจะทำเช็คให้แห้งก็จะ
00:31:53 → 00:31:56 ดีที่สุดบางทีถ้ายังแฉะอยู่ใดอยู่อะไร
00:31:56 → 00:31:59 อย่างนี้บางทีไปจับนู่นจับนี่ไปมันก็อาจ
00:31:59 → 00:32:01 จะมีช่วงอยู่ได้เหมือนกัน
00:32:01 → 00:32:04 แต่ว่าช่วงนี้เนี่ยโดยทั่วไปเขาก็จะบอก
00:32:04 → 00:32:06 เน้นเรื่องของ
00:32:06 → 00:32:10 การล้างมือนะครับเราก็บางคนก็อีกอันที่
00:32:10 → 00:32:13 พูดถึงบ่อยๆคือการใช้พวกน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
00:32:13 → 00:32:14 นะครับ
00:32:14 → 00:32:18 ก็เหมือนกับเรามันจะคล้ายๆกับเรื่องของ
00:32:18 → 00:32:21 โควิดนั้นเองเพียงแต่ว่าถ้าเกิดเป็นพวก
00:32:21 → 00:32:24 การขับถ่ายเนี่ยจะต้องมีการล้างร่วมด้วย
00:32:24 → 00:32:26 เพราะว่าเราเราเป็นการเจือปนเรื่องของ
00:32:26 → 00:32:31 เพราะว่ามันจะได้ที่จะไม่ได้ดีเฉพาะแบบ
00:32:31 → 00:32:34 เชื้อโรคอย่างเดียวมันก็มีพวกมีร่วมด้วย
00:32:34 → 00:32:37 พวกเศษอาหารของเก่าอะไรพวกนี้ซึ่งบางที
00:32:37 → 00:32:40 มันมันติดมาด้วยนะการล้างเราก็คงจะล้าง
00:32:40 → 00:32:44 ทั่วๆไปคงจะต้องล้างทั้งน้ำร่วมกับการใช้
00:32:44 → 00:32:47 พวกสบู่ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการกำจัด
00:32:47 → 00:32:49 เชื้อโรคได้ครับ
00:32:49 → 00:32:54 ก็หลักการทำความสะอาดเบื้องต้นนะคะแต่ว่า
00:32:54 → 00:32:57 ยังไงก็ตามก็ต้องดูแลความสะอาดให้ดีนะคะ
00:32:57 → 00:32:59 เพราะว่าอย่างที่อาจารย์บอกในอุจจาระมัน
00:32:59 → 00:33:01 ไม่ได้มีแค่เศษอาหารมันจะมีชื่อว่ามีอะไร
00:33:01 → 00:33:04 อย่างนี้ก็ล้างให้สะอาดหูเรียกว่าวันนี้
00:33:04 → 00:33:06 เราได้ข้อมูลความรู้นะคะหลากหลายในเรื่อง
00:33:06 → 00:33:09 ของไวรัสที่เรากำลังเป็นกันอยู่ที่กำลัง
00:33:09 → 00:33:12 เป็นข่าวที่คนสงสัยว่ามันเกิดจากอะไรแล้ว
00:33:12 → 00:33:15 วิธีการป้องกันเราต้องดูแลยังไงนะคะวัน
00:33:15 → 00:33:17 นี้ต้องแบบขอบพระคุณอาจารย์มากเลยนะคะ
00:33:17 → 00:33:22 อาจารย์
00:33:22 → 00:33:26 สวัสดีค่ะสวัสดี