00:00:00 → 00:00:03 ไขมันพอกตับบางคนอาจจะมองว่ามันเป็น
00:00:03 → 00:00:06 เรื่องธรรมดาแต่รู้ไหมคะว่าถ้าเราปล่อย
00:00:06 → 00:00:09 มันไว้เนี่ยเจ้าไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่
00:00:09 → 00:00:12 ที่ตับของเรามันจะค่อยๆเปลี่ยนสภาพเป็น
00:00:12 → 00:00:14 สารพิษแล้วก็เริ่มทำลายเซลล์ตับอย่าง
00:00:14 → 00:00:18 เงียบๆค่ะจนในที่สุดเซลล์ตับก็ทนไม่ไหว
00:00:18 → 00:00:20 แล้วก็ตายไปในที่สุดค่ะ
00:00:20 → 00:00:23 >> ฟังดูน่ากลัวจริงๆครับคุณเกดแล้วยิ่งถ้า
00:00:23 → 00:00:25 เราพูดถึงเซลล์ตับที่ตายไปเนี่ยมันทำให้
00:00:25 → 00:00:28 ผมนึกถึงเรื่องของน้องcัเฟอร์เซลล์ที่คุณ
00:00:28 → 00:00:31 เกดเคยเล่าให้ฟังเลยนะผมจินตนาการภาพไป
00:00:31 → 00:00:34 ว่านองเม็ดเลือดขาวตัวเล็กๆที่มีชื่อน่า
00:00:34 → 00:00:37 รักๆรแบบนี้กลับต้องรับบทเป็นฮีโร่ผู้โดด
00:00:37 → 00:00:40 เดี่ยวที่ต้องคอยเก็บกวาดเศษซากของเซลล์
00:00:40 → 00:00:42 ตับที่เป็นเพื่อนรักของเขาเองเพื่อนที่
00:00:42 → 00:00:45 เคยทำงานร่วมกันมาตลอดแต่กลับต้องมาตายไป
00:00:45 → 00:00:48 เพราะพิษจากไขมันส่วนเกินแค่คิดก็รู้สึก
00:00:48 → 00:00:49 สงสารแล้วครับ
00:00:49 → 00:00:53 >> ใช่เลยค่ะฟังดูเศร้ามากๆเลยเนอะและเก๋ได้
00:00:53 → 00:00:55 อ่านข้อมูลเพิ่มเติมมาด้วยค่ะว่าตับที่
00:00:55 → 00:00:59 ถูกทำลายไปเรื่อยๆจากไขมันที่สะสมเนี่ย
00:00:59 → 00:01:01 มันจะเริ่มมีพังผืดเข้ามาเติมเต็มพื้นที่
00:01:01 → 00:01:04 ว่างแล้วสุดท้ายก็จะกลายเป็นตับแข็งซึ่ง
00:01:04 → 00:01:07 เป็นภาวะที่ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
00:01:07 → 00:01:10 แล้วและที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือบางคนโชค
00:01:10 → 00:01:13 ร้ายถึงขั้นเป็นมะเร็งตับต่อไปได้อีกเป็น
00:01:13 → 00:01:16 เรื่องที่เราต้องใส่ใจกันมากๆเลยค่ะ
00:01:16 → 00:01:18 >> สุขภาพดีเริ่มต้นจากความเข้าใจ
00:01:18 → 00:01:21 >> ถ้าคุณไม่อยากพลาดเรื่องสุขภาพดีๆที่จะ
00:01:21 → 00:01:23 ช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นอย่าลืมกดติดตาม
00:01:23 → 00:01:26 ช่องสุขภาพสนทนาของเราไว้ด้วยนะคะ
00:01:26 → 00:01:29 >> แล้ววันนี้เราจะพาคุณไปหาคำตอบกันครับว่า
00:01:29 → 00:01:32 เจ้าไขมันพอกตับที่เป็นไผ่เงียบอันตราย
00:01:32 → 00:01:35 เนี่ยมันเกิดขึ้นได้อย่างไรและที่สำคัญ
00:01:35 → 00:01:38 ที่สุดเราจะมาบอกคุณถึงสูตรโกงที่จะช่วย
00:01:38 → 00:01:41 ให้ตับของคุณกลับมาแข็งแรงและสลายไขมัน
00:01:41 → 00:01:45 ส่วนเกินออกไปได้ในแบบที่นักวิจัยค้นพบ
00:01:45 → 00:01:47 ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะเล่าให้ฟังในตอน
00:01:47 → 00:01:50 ต่อไปครับรับรองว่าคุณจะสามารถนำไปปรับ
00:01:50 → 00:01:53 ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดายเลย
00:01:53 → 00:01:53 ครับ
00:01:53 → 00:01:56 >> คุณกันคะเมื่อกี้เราพูดถึงความน่ากลัวของ
00:01:56 → 00:01:59 ไขมันพอกตับไปแล้วแต่สำหรับคุณผู้ฟังที่
00:01:59 → 00:02:02 เพิ่งมารับฟังหรืออาจจะยังไม่เห็นภาพชัด
00:02:02 → 00:02:05 เจนเกดว่าเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีไหม
00:02:05 → 00:02:09 คะว่าไขมันพอกตับเนี่ยมันคืออะไรกันแน่
00:02:09 → 00:02:11 และทำไมมันถึงร้ายกาดถึงขนาดทำให้เซลล์
00:02:11 → 00:02:13 ตับต้องตายได้
00:02:13 → 00:02:15 >> เป็นคำถามที่ดีมากเลยครับคุณเกดพูดให้
00:02:15 → 00:02:19 เข้าใจง่ายที่สุดก็คือไขมันพอกตับหรือที่
00:02:19 → 00:02:23 ในทางการแพทย์เรียกว่า MASLD Metabolic
00:02:23 → 00:02:25 Dysfunction Associated Seatic River
00:02:25 → 00:02:28 Disease เนี่ยมันคือภาวะที่ไขมันเข้าไป
00:02:28 → 00:02:31 สะสมอยู่ในเซลล์ตับของเราในปริมาณที่มาก
00:02:31 → 00:02:34 เกินไปครับปกติแล้วตับของเราก็มีไขมัน
00:02:34 → 00:02:37 อยู่บ้างนะครับแต่ถ้ามันมากเกินไปมันจะ
00:02:37 → 00:02:39 เริ่มส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับครับ
00:02:40 → 00:02:42 >> แล้วมันร้ายยังไงคะคุณกันทำไมไขมันที่
00:02:42 → 00:02:45 สะสมอยู่ถึงกลายเป็นสารพิษได้
00:02:45 → 00:02:48 >> อธิบายแบบนี้ครับคุณเกดคือเวลาที่ร่างกาย
00:02:48 → 00:02:51 เราได้รับไขมันหรือน้ำตาลมากเกินไปตับของ
00:02:51 → 00:02:54 เราก็จะทำหน้าที่เปลี่ยนส่วนเกินเหล่า
00:02:54 → 00:02:57 นั้นให้เป็นไขมันเพื่อเก็บสะสมไว้ครับที่
00:02:57 → 00:03:00 นี่นี้พอมีไขมันสะสมมากจนล้นออกมาจากคลัง
00:03:00 → 00:03:03 เก็บมันก็จะเปลี่ยนเป็นสารพิษที่คล้ายกับ
00:03:03 → 00:03:07 dag หรือเอซิมคีทีนครับสารพิษพวกนี้แหละ
00:03:07 → 00:03:09 ครับที่จะค่อยๆเข้าไปทำลายเซลล์ตับอย่าง
00:03:09 → 00:03:11 เงียบๆและต่อเนื่องครับ
00:03:11 → 00:03:13 >> เหมือนกับระเบิดเวลาที่ซ่อนอยู่ในตับเลย
00:03:13 → 00:03:17 นะคะพอเซลล์ตับโดนทำร้ายไปนานๆมันก็เลยทน
00:03:17 → 00:03:20 ไม่ไหวและพากกันตายไปในที่สุดเรื่องนี้
00:03:20 → 00:03:22 มันเศร้ามากเลยค่ะคุณกัน
00:03:22 → 00:03:24 >> จริงครับและเมื่อเซลล์ตับเริ่มตายไปก็ถึง
00:03:25 → 00:03:27 คราวที่น้องcูฟอร์เซลล์หรือเม็ดเลือดขาว
00:03:28 → 00:03:30 ที่ประจำการอยู่ในตับของเราต้องออกมาทำ
00:03:30 → 00:03:33 หน้าที่อันแสนจะเจ็บปวดครับคือการไล่เก็บ
00:03:33 → 00:03:36 กลิ่นซากเซลล์ที่ตายไปครับผมจินตนาการภาพ
00:03:36 → 00:03:39 ตามไปว่าน้องcoฟอร์เซลเนี่ยอาจจะเคยเป็น
00:03:39 → 00:03:42 เพื่อนร่วมงานที่สนิทกันกับเซลล์ตับแต่พอ
00:03:42 → 00:03:45 เพื่อนต้องมาตายไปเพราะไขมันส่วนเกินหนอง
00:03:45 → 00:03:47 ก็ต้องทำใจแข็งเพื่อทำความสะอาดบ้านให้
00:03:47 → 00:03:50 กลับมาเป็นระเบียบอีกครั้งแต่ในหลายๆ
00:03:50 → 00:03:53 ครั้งหนองก็ต้องทำงานหนักจนตัวเองตายไปก็
00:03:53 → 00:03:53 มีครับ
00:03:53 → 00:03:56 >> โอ้โหฟังแล้วรู้สึกเห็นใจเลยค่ะแล้วเมื่อ
00:03:56 → 00:03:59 มีเซลล์ตับที่ตายไปเรื่อยๆนี่แหละใช่มั้
00:03:59 → 00:04:02 คะที่ตับของเราจะเริ่มมีปัญหาตามมา
00:04:02 → 00:04:04 >> ใช่ครับแล้วเมื่อเซลล์ตับถูกทำลายไป
00:04:04 → 00:04:07 เรื่อยๆร่างกายเราก็จะซ่อมแซมตัวเองด้วย
00:04:07 → 00:04:10 การสร้างพังผืดเข้ามาแทนที่ครับซึ่งถ้า
00:04:10 → 00:04:13 เรายังไม่หยุดพฤติกรรมเดิมๆที่ทำให้เกิด
00:04:13 → 00:04:16 ไขมันพอกตับเนี่ยพังผืดมันก็จะมากขึ้น
00:04:16 → 00:04:19 เรื่อยๆจนในที่สุดก็จะกลายเป็นตับแฉงซึ่ง
00:04:19 → 00:04:22 เป็นภาวะที่ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
00:04:22 → 00:04:24 แล้วครับและอย่างที่คุณเกตบอกไปตอนต้น
00:04:24 → 00:04:27 หลายคนก็มีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็ง
00:04:27 → 00:04:30 ตับต่อได้อีกซึ่งจะเป็นเร็วหรือช้าเนี่ย
00:04:30 → 00:04:32 ก็ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของแต่ละคนด้วย
00:04:32 → 00:04:32 ครับ
00:04:32 → 00:04:35 >> คุณกันคะเมื่อเราเข้าใจแล้วว่าไขมันพอก
00:04:35 → 00:04:39 ตับมันอันตรายแค่ไหนเกดว่าเราต้องมาไขข้อ
00:04:39 → 00:04:42 ข้องใจกันหน่อยค่ะว่าแล้วเจ้าไขมันพวกนี้
00:04:42 → 00:04:45 มันมาจากไหนกันแน่ทำไมมันถึงมาสะสมอยู่
00:04:45 → 00:04:46 ที่ตับของเราได้
00:04:47 → 00:04:50 >> ครับคุณเกพูดง่ายๆก็คือตับของเราเนี่ยถือ
00:04:50 → 00:04:52 ว่าเป็นศูนย์กลังของการเผาผลาญอาหารเลย
00:04:52 → 00:04:55 ครับไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตหรือไขมัน
00:04:55 → 00:04:58 ที่เรากินเข้าไปเนี่ยมันก็จะถูกส่งมาที่
00:04:58 → 00:05:00 ตับของเราก่อนเป็นอันดับแรกมันเลยกลาย
00:05:00 → 00:05:03 เป็นตัวโชคร้ายที่ต้องแบกรับภาระหนักที่
00:05:03 → 00:05:06 สุดไงครับโดยสรุปแล้วเนี่ยการเกิดไขมัน
00:05:06 → 00:05:10 พอกตับมันก็มาจาก 3 สาเหตุหลักๆครับคือ
00:05:10 → 00:05:13 เข้าเยอะออกไม่ทันและมีตัวป่วนครับ
00:05:13 → 00:05:17 >> เข้าเยอะออกไม่ทันมีตัวป่วนน่าสนใจค่ะคุณ
00:05:17 → 00:05:19 กันช่วยขยายความแต่ละข้อหน่อยได้มั้ยคะ
00:05:19 → 00:05:22 >> ได้เลยครับเริ่มจากเข้าเยอะก่อนเลยครับ
00:05:22 → 00:05:25 คุณเกดคือการที่เรากินอาหารเข้าไปในปริม
00:05:25 → 00:05:27 ปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกาย
00:05:27 → 00:05:31 โดยเฉพาะน้ำตาลประเภทฟรุกโตสมันจะอันตราย
00:05:31 → 00:05:34 ที่สุดเลยครับเพราะ 90% ของฟรุกโตสที่เรา
00:05:34 → 00:05:37 กินเข้าไปเนี่ยจะพุ่งตรงไปที่ตับเพื่อ
00:05:37 → 00:05:39 เปลี่ยนเป็นไขมันนี่คือเหตุผลว่าทำไม
00:05:39 → 00:05:42 เครื่องดื่มที่ผสมน้ำเชื่อมต่างๆหรือ
00:05:42 → 00:05:45 ผลไม้รสหวานจัดๆเนี่ยถึงอันตรายต่อตับมาก
00:05:45 → 00:05:45 ๆ
00:05:45 → 00:05:49 >> อ๋อแบบนี้นี่เองคนส่วนใหญ่จะคิดว่าไขมัน
00:05:49 → 00:05:52 พอกตับต้องมาจากการกินของมันๆอย่างเดียว
00:05:52 → 00:05:54 แต่จริงๆแล้วน้ำตาลก็เป็นสาเหตุหลักเลย
00:05:54 → 00:05:55 ใช่มั้คะ
00:05:55 → 00:05:58 >> ถูกต้องครับและอีกอย่างคือถ้าเรามีภาวะ
00:05:58 → 00:06:02 อ้วนเซลล์ไขมันก็จะส่งกรดไขมันออกมาทะลัก
00:06:02 → 00:06:04 เข้ามาในกระแสเลือดเยอะแยะไปหมดเลยครับ
00:06:04 → 00:06:07 ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะไปรวมตัวกันที่ตับทำ
00:06:07 → 00:06:09 ให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นไปอีกครับ
00:06:09 → 00:06:12 >> งั้นสาเหตุที่ 2 คือออกไม่ทันก็คงจะ
00:06:12 → 00:06:14 เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายใช่ไหมั้คะ
00:06:14 → 00:06:17 >> ใช่ครับก็คือการที่เราไม่ค่อยได้ออกกำลัง
00:06:17 → 00:06:20 กายเลยไม่มีระบบที่เร่งการเผาผลาญไขมัน
00:06:20 → 00:06:23 ออกไปร่างกายเราก็เหมือนกับรถยนต์ที่วิ่ง
00:06:23 → 00:06:26 ช้าๆครับน้ำมันในถังก็ไม่ค่อยได้ใช้ทีนี้
00:06:26 → 00:06:29 พอเติมน้ำมันใหม่เข้าไปมันก็เลยล้นถังออก
00:06:29 → 00:06:30 มาครับ
00:06:30 → 00:06:33 >> แล้วคำว่ามีตัวป่วนนี่ล่ะคะหมายถึงอะไร
00:06:33 → 00:06:35 หรอคะฟังดูแล้วน่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยว
00:06:35 → 00:06:37 ข้องกับระบบในร่างกายของเราใช่มั้คะ
00:06:37 → 00:06:40 >> ตัวป่วนที่ผมพูดถึงเนี่ยก็คือภาวะดื้อ
00:06:40 → 00:06:43 อินซูลินและน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่ตลอด
00:06:43 → 00:06:45 เวลาครับรวมถึงการดื่มเครื่องดื่ม
00:06:45 → 00:06:48 แอลกอฮอล์ด้วยครับเพราะสิ่งเหล่านี้มันจะ
00:06:48 → 00:06:51 ไปรบกวนระบบขนส่งไขมันในร่างกายทำให้ไข
00:06:51 → 00:06:54 มันที่ควรจะถูกนำไปใช้กลับไปสะสมอยู่ที่
00:06:54 → 00:06:57 ตับแทนครับเหมือนกับว่าระบบจราจรในร่าง
00:06:57 → 00:07:00 กายมันติดขัดครับทำให้รถขนส่งไขมันมันไป
00:07:00 → 00:07:03 ไม่ถึงที่หมายมันก็เลยต้องไปกองรวมกัน
00:07:03 → 00:07:04 อยู่ที่ตับแทนครับ
00:07:04 → 00:07:07 >> ฟังดูแล้วสาเหตุแต่ละอย่างนี่ก็ล้วนแล้ว
00:07:07 → 00:07:09 แต่เป็นเรื่องที่เราทำกันอยู่ในชีวิต
00:07:09 → 00:07:12 ประจำวันเลยนะคะไม่ว่าจะเป็นการกินการไม่
00:07:12 → 00:07:15 ออกกำลังกายหรือการดื่มมันทำให้เห็นภาพ
00:07:15 → 00:07:18 ชัดเลยค่ะว่าทำไมไขมันพอกตับถึงเป็น
00:07:18 → 00:07:20 เรื่องใกล้ตัวเราทุกคนขนาดนี้
00:07:20 → 00:07:23 >> จริงครับคุณเกตการเข้าใจสาเหตุที่มาที่ไป
00:07:23 → 00:07:26 เนี่ยจะทำให้เราสามารถหาทางแก้ไขอย่างตรง
00:07:26 → 00:07:29 จุดครับเราคุยกันถึงสาเหตุและที่มาที่ไป
00:07:29 → 00:07:32 ของไขมันพอกตับแล้วใช่มั้ครับตอนนี้ผมว่า
00:07:32 → 00:07:35 ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาพูดถึงทางออกกัน
00:07:35 → 00:07:38 บ้างซึ่งจากข้อมูลที่ผมศึกษามาเนี่ยวิธี
00:07:38 → 00:07:40 ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการกับไข
00:07:41 → 00:07:43 มันพอกตับเนี่ยหนีไม่พ้น 2 อย่างนี้เลย
00:07:43 → 00:07:47 ครับนั่นก็คือการออกกำลังกายและการเพิ่ม
00:07:47 → 00:07:49 ช่วงเว้นมื้ออาหารหรือที่เราเรียกกันว่า
00:07:49 → 00:07:50 fasting ครับ
00:07:50 → 00:07:53 >> ทำไม 2 วิธีนี้ถึงได้ผลดีเป็นพิเศษคะเกด
00:07:53 → 00:07:55 สงสัยจังเลยว่ามันมีอะไรพิเศษกว่าวิธี
00:07:56 → 00:07:57 อื่นๆหรอคะ
00:07:57 → 00:07:59 >> มีครับเพราะ 2 วิธีนี้เนี่ยมันจะไป
00:07:59 → 00:08:02 กระตุ้นสูตรโกงในการสลายไขมันที่พอกตับ
00:08:02 → 00:08:05 เลยครับซึ่งสูตรโกงที่ว่าเนี่ยก็คือกลไก
00:08:05 → 00:08:09 ที่เรียกว่าลิปโพฟาจีหรือกลไกการกินไขมัน
00:08:09 → 00:08:12 ตัวเองครับอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆก็คือถ้า
00:08:12 → 00:08:15 เราสลายไขมันแบบปกติมันก็เหมือนกับการ
00:08:15 → 00:08:18 ค่อยๆเลาะไขมันออกทีละนิดทีละหน่อยแบบช้า
00:08:19 → 00:08:19 ๆครับ
00:08:19 → 00:08:21 >> เหมือนเรานั่งแกะเม็ดถั่วลิส่งทีละเม็ด
00:08:21 → 00:08:22 เลยใช่ไหมคะ
00:08:22 → 00:08:25 >> ใช่ครับแต่สูตรโกงที่ว่านี้เนี่ยมัน
00:08:25 → 00:08:28 เหมือนกับการที่เราเอาคลังเก็บไขมันทั้ง
00:08:28 → 00:08:30 หมดในเซลล์ตับของเราเนี่ยปาเข้าเครื่อง
00:08:30 → 00:08:33 ย่อยเลยครับทำให้มันถูกกำจัดออกไปได้ไว
00:08:33 → 00:08:36 มากๆและมีประสิทธิภาพกว่าการเผาผลาญแบบ
00:08:36 → 00:08:38 ธรรมดาหลายเท่าตัวเลยครับ
00:08:38 → 00:08:41 >> โอ้โหฟังดวงมหัศจรรย์มากเลยค่ะแล้วเงื่อน
00:08:41 → 00:08:44 ไขของการเปิดใช้งานสูตรโกงนี้คืออะไรคะ
00:08:44 → 00:08:46 เกดว่าคุณผู้ฟังทุกคนคงอยากรู้คำตอบแล้ว
00:08:46 → 00:08:46 ค่ะ
00:08:47 → 00:08:49 >> เงื่อนไขก็คือต้องทำให้เซลล์ตับอยู่ใน
00:08:49 → 00:08:53 สภาวะที่มีพลังงานต่ำๆครับซึ่งสภาวะภาวะ
00:08:53 → 00:08:55 แบบนี้เนี่ยเราจะเจอมันได้ตอนที่เราเว้น
00:08:55 → 00:08:58 มื้ออาหารกับตอนที่เราเร่งออกกำลังกายนี่
00:08:58 → 00:09:01 แหละครับเรามาเจาะลึกกันทีละวิธีนะครับ
00:09:01 → 00:09:04 เริ่มจากการออกกำลังกายก่อนเลยครับคุณเกด
00:09:04 → 00:09:07 อาจจะสงสัยว่าต้องออกกำลังกายแบบไหนถึงจะ
00:09:07 → 00:09:08 เห็นผลใช่ไหมครับ
00:09:08 → 00:09:10 >> ใช่ค่ะบางคนอาจจะคิดว่าต้องไปเข้ายิ้ม
00:09:10 → 00:09:13 อย่างหนักถึงจะช่วยได้หรือแค่เดินเฉยๆก็
00:09:13 → 00:09:16 พอแล้วมันควรจะเป็นแบบไหนดีคะ
00:09:16 → 00:09:18 >> จริงๆแล้วเนี่ยการออกกำลังกายที่เน้นการ
00:09:18 → 00:09:21 เผาผลาญไขมันหรือที่เรียกว่าคาร์ดิโอเช่น
00:09:21 → 00:09:25 การวิ่งว่ายน้ำปั่นจักรยานหรือแม้แต่การ
00:09:25 → 00:09:28 เดินเร็วๆก็ช่วยได้มากเลยครับเพราะมันจะ
00:09:28 → 00:09:30 ไปกระตุ้นให้ร่างกายดึงเอาไขมันส่วนเกิน
00:09:30 → 00:09:33 ที่สะสมอยู่ออกมาใช้เป็นพลังงานซึ่งแน่
00:09:33 → 00:09:36 นอนว่ารวมถึงไขมันที่พอกตับด้วยและถ้าใคร
00:09:36 → 00:09:39 อยากเห็นผลไวขึ้นอีกก็อาจจะลองเพิ่มระดับ
00:09:39 → 00:09:41 ความเข้มข้นขึ้นมาหน่อยครับ
00:09:41 → 00:09:43 >> แล้วสำหรับคนที่ไม่มีเวลาไปเข้ายิมหรือ
00:09:43 → 00:09:46 ไม่ชอบการออกกำลังกายหนักๆหรอคะมีอะไรแนะ
00:09:46 → 00:09:47 นำ
00:09:47 → 00:09:50 >> มีแน่นอนครับคุณเกดการออกกำลังกายที่บ้าน
00:09:50 → 00:09:52 ก็ช่วยได้นะครับไม่จำเป็นเป็นต้องใช้เวลา
00:09:52 → 00:09:56 นานเลยแค่ 20-30 นาทีต่อวันก็ช่วยได้มาก
00:09:56 → 00:09:59 แล้วครับอย่างเช่นการทำฮิตที่เป็นการออก
00:09:59 → 00:10:02 กำลังกายสลับช่วงหนักและเบาก็ช่วยกระตุ้น
00:10:02 → 00:10:05 การเผาผลาญได้ดีมากครับเพราะมันจะช่วยให้
00:10:05 → 00:10:08 ร่างกายของคุณเผาผลาญพลังงานได้อย่างรวด
00:10:08 → 00:10:10 เร็วแม้จะทำในเวลาสั้นๆก็ตามครับ
00:10:10 → 00:10:13 >> อ๋อเกดเคยได้ยินว่าการเวทเทรนนิ่งก็ช่วย
00:10:13 → 00:10:15 สลไขมันได้เหมือนกันจริงมั้ยคะ
00:10:15 → 00:10:18 >> ถูกต้องครับและผมอยากจะแนะนำเป็นพิเศษเลย
00:10:18 → 00:10:21 ก็คือการเวทยเทรนนingหรือการออกกำลังกาย
00:10:21 → 00:10:25 ที่ใช้แรงต้านเช่นการยกดัมเบลหรือการเล่น
00:10:25 → 00:10:28 bodyight อย่างเช่นการวิดพื้น squat
00:10:28 → 00:10:30 หรือแพลงเพราะมันจะช่วยเพิ่มมวลกล้าม
00:10:30 → 00:10:32 เนื้อครับซึ่งกล้ามเนื้อเนี่ยเปรียบ
00:10:32 → 00:10:35 เสมือนเตาเผาผลาญไขมันชั้นดีเลยครับยิ่ง
00:10:35 → 00:10:38 เรามีกล้ามเนื้อเยอะเท่าไหร่การเผาผลาญไข
00:10:38 → 00:10:41 มันในร่างกายของเราก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
00:10:41 → 00:10:41 ครับ
00:10:41 → 00:10:45 >> อ๋อฟังดูไม่ยากเลยนะคะแค่หาเวลา 20-30
00:10:45 → 00:10:48 นาทีในแต่ละวันมาขยับตัวก็ช่วยตับของเรา
00:10:48 → 00:10:51 ได้แล้วแต่คุณกันคะสำหรับเรื่องของfastิ
00:10:51 → 00:10:54 หรือการเพิ่มช่วงเว้นมื้ออาหารเนี่ยหลาย
00:10:54 → 00:10:56 คนยังเข้าใจผิดว่าเป็นการอดอาหารใช่ไหมคะ
00:10:56 → 00:10:59 >> ใช่เลยครับคุณเกดหลายคนคิดว่ามันคือการอด
00:11:00 → 00:11:03 อาหารแบบทรมานตัวเองแต่จริงๆแล้วมันคือ
00:11:03 → 00:11:05 การเพิ่มช่วงเวลาให้ร่างกายได้พักจากการ
00:11:05 → 00:11:08 ย่อยอาหารครับเพราะในแต่ละวันเนี่ยร่าง
00:11:08 → 00:11:10 กายของเราต้องทำงานหนักกับการย่อยอาหาร
00:11:10 → 00:11:13 เกือบตลอดเวลาพอเราให้มันได้พักบ้างเนี่ย
00:11:14 → 00:11:16 ระดับฮอร์โมนอินซูลินก็จะลดลงแล้วมันจะไป
00:11:16 → 00:11:19 กระตุ้นให้ร่างกายเริ่มดึงเอาพลังงานจาก
00:11:19 → 00:11:22 คลังสำรองออกมาใช้ซึ่งก็คือไขมันที่สะสม
00:11:22 → 00:11:23 อยู่นั่นเองครับ
00:11:23 → 00:11:26 >> อ๋อแล้วเราควรจะเริ่มต้นยังไงดีคะสำหรับ
00:11:26 → 00:11:28 มือใหม่ที่ยังไม่เคยลองเลย
00:11:28 → 00:11:30 >> ง่ายที่สุดเลยครับคุณเกดคือการลองเริ่ม
00:11:30 → 00:11:35 จาก IF แบบ 12/12 ก็คือการอด 12 ชม.และ
00:11:35 → 00:11:39 กิน 12 ชม.ครับสมมุติว่าเรากินข้าวเย็น
00:11:39 → 00:11:42 เสร็จตอน 19:00 น.เราก็งดกินอะไรเลยจนถึง
00:11:42 → 00:11:45 7:00 น.เช้าของอีกวันแค่นี้ร่างกายเราก็
00:11:46 → 00:11:48 ได้เข้าสู่โหมดพักและเริ่มสลายไขมันส่วน
00:11:48 → 00:11:49 เกินแล้วครับ
00:11:49 → 00:11:52 >> แค่เลิกกินมื้อดึกก็ช่วยได้มากแล้วใช่ไหม
00:11:52 → 00:11:52 คะ
00:11:52 → 00:11:55 >> ถูกต้องครับและถ้าทำได้ดีขึ้นก็อาจจะลอง
00:11:55 → 00:11:58 ขยับไปเป็น IF แบบ 16:8 หรือถ้าใครที่ทำ
00:11:59 → 00:12:02 อยู่แล้วก็อาจจะลองทำ Fasting 24 ชมง
00:12:02 → 00:12:05 สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ช่วยได้มากครับที่
00:12:05 → 00:12:08 สำคัญคือเราไม่ได้ต้องการให้ทุกคนอดอาหาร
00:12:08 → 00:12:11 จนทรมานแต่เราต้องการให้ร่างกายของเรามี
00:12:11 → 00:12:14 ช่วงเวลาที่ได้ใช้พลังงานจากไขมันที่สะสม
00:12:14 → 00:12:14 ไว้บ้างครับ
00:12:14 → 00:12:17 >> ฟังดูแล้วทั้งการออกกำลังกายและการfastิ้
00:12:17 → 00:12:19 เนี่ยมันเป็นสูตรโกงที่เราทุกคนทำได้เลย
00:12:20 → 00:12:20 นะคะ
00:12:20 → 00:12:23 >> ใช่ครับและสิ่งที่น่าสนใจก็คือ 2 วิธีนี้
00:12:24 → 00:12:26 เนี่ยมันจะช่วยจัดการกับสาเหตุหลักที่เรา
00:12:26 → 00:12:29 คุยกันไปในส่วนที่แล้วด้วยนะครับทั้งการ
00:12:29 → 00:12:32 ออกไม่ทันก็ถูกแก้ด้วยการออกกำลังกายและ
00:12:32 → 00:12:35 การเข้าเยอะก็ถูกจัดการด้วยการfastิ้ที่
00:12:35 → 00:12:38 ช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่เรากินเข้าไปในแต่
00:12:38 → 00:12:41 ละวันและยังช่วยลดภาวะดื้ออินซูลินซึ่ง
00:12:41 → 00:12:43 เป็นตัวป่วนได้อีกด้วยครับ
00:12:43 → 00:12:45 >> โอ้โหเป็นการแก้ปัญหาที่ครอบคลุมมากๆเลย
00:12:46 → 00:12:46 นะคะ
00:12:46 → 00:12:49 >> จริงๆครับคุณเกดแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการออก
00:12:49 → 00:12:53 กำลังกายและการfastิ้ควรทำควบคู่ไปกับการ
00:12:53 → 00:12:55 กินอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมด้วยนะ
00:12:55 → 00:12:58 ครับเพราะการที่เราไปออกกำลังกายหนักๆ
00:12:58 → 00:13:00 หรือทำฟาสติ้งแล้วกลับมากินอาหารที่ไม่มี
00:13:00 → 00:13:03 ประโยชน์เยอะๆก็อาจจะทำให้ตับของเราต้อง
00:13:03 → 00:13:05 ทำงานหนักขึ้นไปอีกครับ
00:13:05 → 00:13:08 >> คุณกันคะเมื่อกี้เราได้เรียนรู้สูตรโกง
00:13:08 → 00:13:11 ที่ทรงพลังไปแล้วทั้งการออกกำลังกายและ
00:13:11 → 00:13:14 การ fasting แต่เกดเชื่อว่าคุณผู้ฟังหลาย
00:13:14 → 00:13:17 คนก็คงอยากได้เคล็ดลับเพิ่มเติมเล็กๆน้อย
00:13:17 → 00:13:20 ๆที่จะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อ
00:13:20 → 00:13:23 ช่วยให้ตับของเราทำงานได้ง่ายขึ้นด้วยใช่
00:13:23 → 00:13:24 มั้คะ
00:13:24 → 00:13:26 >> ถูกต้องครับคุณเกตนอกจาก 2 วิธีหลักที่
00:13:26 → 00:13:29 เราคุยกันไปแล้วเนี่ยยังมีอีกหลายวิธีที่
00:13:29 → 00:13:32 เราสามารถทำได้เลยครับอย่างแรกที่สำคัญ
00:13:32 → 00:13:35 มากเลยก็คือการดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
00:13:35 → 00:13:37 ครับเพราะน้ำจะช่วยให้กระบวนการเผาผลาญใน
00:13:37 → 00:13:41 ร่างกายทำงานได้ดีขึ้นช่วยขับของเสียและ
00:13:41 → 00:13:43 ยังช่วยลดภาระการทำงานของตับได้อีกทาง
00:13:43 → 00:13:44 หนึ่งด้วยครับ
00:13:44 → 00:13:47 >> ใช่เลยค่ะแค่เปลี่ยนจากเครื่องดื่มหวานๆ
00:13:47 → 00:13:49 มาเป็นน้ำเปล่าอย่างเดียวก็ช่วยได้มาก
00:13:49 → 00:13:50 แล้วใช่มั้คะ
00:13:50 → 00:13:52 >> ถูกต้องครับและอีกอย่างที่อยากจะเน้นย้ำ
00:13:52 → 00:13:55 เลยก็คือการลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฟอล
00:13:55 → 00:13:58 ครับเพราะอย่างที่เราได้คุยกันไปแล้วว่า
00:13:58 → 00:14:00 แอลกอฮอล์ก็เป็นหนึ่งในตัวป่วนที่ทำให้
00:14:00 → 00:14:04 ตับทำงานหนักและสะสมไขมันได้ง่ายขึ้นครับ
00:14:04 → 00:14:06 การลดหรือเลิกดื่มได้ก็จะยิ่งเป็นการช่วย
00:14:06 → 00:14:09 ให้ตับของเราได้พักผ่อนและฟื้นตัวได้ดี
00:14:09 → 00:14:11 ขึ้นมากๆเลยครับ
00:14:11 → 00:14:13 >> นอกจากเรื่องกินเรื่องดื่มแล้วเนี่ยมี
00:14:13 → 00:14:14 อะไรอีกมั้ยคะ
00:14:14 → 00:14:17 >> มีครับเราอาจจะต้องมองหาตัวช่วยจาก
00:14:17 → 00:14:20 ธรรมชาติบ้างอย่างเช่นกาแฟดำครับมีงาน
00:14:20 → 00:14:23 วิจัยหลายชิ้นเลยนะครับที่ชี้ว่าการดื่ม
00:14:23 → 00:14:26 กาแฟดำในปริมาณที่เหมาะสมเนี่ยสามารถช่วย
00:14:26 → 00:14:29 ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะไขมันพอกตับ
00:14:29 → 00:14:32 ได้ครับเพราะสารประกอบในกาแฟจะช่วยลดการ
00:14:32 → 00:14:35 อักเสบในตับและช่วยปกป้องเซลล์ตับได้ครับ
00:14:35 → 00:14:38 >> ว้าวแบบนี้นี่เองที่เขาถึงบอกว่ากาแฟดี
00:14:38 → 00:14:41 ต่อสุขภาพแต่ก็ต้องเป็นกาแฟกดำที่ไม่ใส่
00:14:41 → 00:14:43 น้ำตาลหรือครีมเทียมใช่ไหมคะ
00:14:43 → 00:14:46 >> ใช่เลยครับคุณเกดต้องเป็นกาแฟดำเพียวๆเลย
00:14:46 → 00:14:48 ครับและอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็
00:14:48 → 00:14:51 คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอครับเพราะ
00:14:51 → 00:14:54 ร่างกายของเราจะใช้ช่วงเวลานอนหลับเนี่ย
00:14:54 → 00:14:57 ในการฟื้นฟูตัวเองครับถ้าเรานอนไม่พอตับ
00:14:57 → 00:15:00 ของเราก็จะฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่แถมยังทำ
00:15:00 → 00:15:03 ให้ระบบเผาผลาญในร่างกายรวนและทำให้เรา
00:15:03 → 00:15:06 อยากกินอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูงๆใน
00:15:06 → 00:15:07 วันถัดไปอีกด้วยครับ
00:15:07 → 00:15:10 >> ฟังดูแล้วทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมดเลย
00:15:10 → 00:15:13 นะคะคุณกันตั้งแต่การกินการออกกำลังกาย
00:15:13 → 00:15:14 การดื่มและการนอน
00:15:14 → 00:15:17 >> คุณเกดครับตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงช่วง
00:15:17 → 00:15:20 สุดท้ายของรายการแล้วนะครับตลอดการสนทนา
00:15:20 → 00:15:23 ที่ผ่านมาผมว่าเราได้เห็นภาพที่ชัดเจน
00:15:23 → 00:15:26 ขึ้นมากเลยนะครับว่าไขมันพอกตับเนี่ยไม่
00:15:26 → 00:15:28 ใช่เรื่องไกล่ตัวเลยครับมันเป็นภัยเงียบ
00:15:28 → 00:15:31 ที่ค่อยๆทำร้ายเราได้อย่างที่เราไม่รู้
00:15:31 → 00:15:32 ตัวจริงๆ
00:15:32 → 00:15:35 >> ใช่ค่ะคุณกันแล้วเราก็ได้รู้ด้วยค่ะว่า
00:15:35 → 00:15:38 สาเหตุหลักๆของมันก็มาจากพฤติกรรมในชีวิต
00:15:38 → 00:15:41 ประจำวันของเราเองทั้งการกินการไม่ออก
00:15:41 → 00:15:43 กำลังกายและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
00:15:43 → 00:15:46 >> แต่ข่าวดีก็คือเราก็ได้ค้นพบสูตรโก่งที่
00:15:47 → 00:15:49 ส่งพลังแล้วนะครับนั่นก็คือการออกกำลัง
00:15:49 → 00:15:52 กายและการเพิ่มช่วงเว้นมื้ออาหารหรือ
00:15:52 → 00:15:55 fasting ที่จะช่วยกระตุ้นกระบวนการสลาย
00:15:55 → 00:15:58 ไขมันที่เรียกว่าลิโปฟี้ให้ทำงานได้อย่าง
00:15:59 → 00:15:59 เต็มที่
00:15:59 → 00:16:02 >> เกตว่าสิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้ไม่ใช่แค่
00:16:02 → 00:16:05 การที่เราได้รู้ข้อมูลพวกนี้ค่ะแต่คือการ
00:16:05 → 00:16:08 ที่เราจะลงมือทำมันจริงๆค่ะเพราะทุกๆก้าว
00:16:08 → 00:16:11 ที่คุณลุกขึ้นมาออกกำลังกายทุกๆครั้งที่
00:16:11 → 00:16:14 คุณเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวานๆ
00:16:14 → 00:16:16 หรือทุกๆครั้งที่คุณเลือกที่จะเว้นมื้อ
00:16:16 → 00:16:19 อาหารการกระทำเล็กๆน้อยๆเหล่านี้มีความ
00:16:19 → 00:16:22 หมายตดตับของคุณมากๆเลยค่ะ
00:16:22 → 00:16:24 >> จริงๆครับและอย่าปล่อยให้น้อง
00:16:24 → 00:16:26 coofฟอร์เซลล์ของเราต้องทำงานหนักจนตัว
00:16:26 → 00:16:29 เองตายไปเพื่อเก็บกวาดเศษซากของเพื่อนเลย
00:16:29 → 00:16:32 นะครับเพราะมันคือหน้าที่ของพวกเราทุกคน
00:16:32 → 00:16:34 ที่จะช่วยให้เพื่อนที่ชื่อว่าตับของเรา
00:16:34 → 00:16:37 ได้มีสุขภาพที่แข็งแรงและอยู่กับเราไปนาน
00:16:37 → 00:16:38 ๆครับ
00:16:38 → 00:16:41 >> เกดอยากให้คุณผู้ฟังลองคิดตามนะคะว่าหลัง
00:16:41 → 00:16:43 จากฟังเราในวันนี้แล้วคุณจะเริ่มต้นดูแล
00:16:43 → 00:16:46 ตับของตัวเองอย่างไรลองคอมเมนต์มาบอกพวก
00:16:46 → 00:16:49 เราหน่อยนะคะเผื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ
00:16:49 → 00:16:50 ให้คนอื่นๆได้ด้วย
00:16:50 → 00:16:53 >> สำหรับวันนี้พวกเรา 2 คนต้องขอตัวลาไป
00:16:53 → 00:16:56 ก่อนนะครับอย่าลืมนะครับว่าสุขภาพดีเริ่ม
00:16:56 → 00:16:58 ต้นจากความเข้าใจ
00:16:58 → 00:17:00 >> เกตว่าสิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้ไม่ใช่แค่
00:17:01 → 00:17:03 การที่เราได้รู้ข้อมูลพวกนี้ค่ะแต่คือการ
00:17:03 → 00:17:07 ที่เราจะลงมือทำมันจริงๆค่ะเพราะทุกๆก้าว
00:17:07 → 00:17:10 ที่คุณลุกขึ้นมาออกกำลังกายทุกๆครั้งที่
00:17:10 → 00:17:12 คุณเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวานๆ
00:17:12 → 00:17:15 หรือทุกๆครั้งที่คุณเลือกที่จะเว้นมื้อ
00:17:15 → 00:17:18 อาหารการกระทำเล็กๆน้อยๆเหล่านี้มีความ
00:17:18 → 00:17:20 หมายต่อตับของคุณมากๆเลยค่ะ
00:17:20 → 00:17:23 >> สำหรับวันนี้พวกเรา 2 คนต้องขอตัวลาไป
00:17:23 → 00:17:26 ก่อนนะครับอย่าลืมนะครับว่าสุขภาพดีเริ่ม
00:17:26 → 00:17:28 ต้นจากความเข้าใจ
00:17:28 → 00:17:30 >> แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าสวัสดีค่ะ
00:17:30 → 00:17:33 >> สวัสดี Cra