00:00:06 → 00:00:09 ถ้าแต่งงานเนี่ยเราใฝ่ฝันไม่ว่าที่จะสามี
00:00:09 → 00:00:11 เราจะต้องมีเมียสองเมียสามเมียสี่เนี่ย
00:00:11 → 00:00:14 สามีก็คงไม่ได้คิดว่าถ้าฉันมีภรรยาแล้ว
00:00:14 → 00:00:17 ภรรยาฉันจะมีสามีฉันจะเป็นเบอร์หนึ่งแล้ว
00:00:17 → 00:00:19 จะมีสามีเบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์ 4 เขาก็
00:00:19 → 00:00:21 อยากจะเป็นชายเดียวในใจของภรรยาเขาเหมือน
00:00:21 → 00:00:25 กันเพราะฉะนั้นตรงนี้ถ้าคำถามบอกว่ายังมี
00:00:25 → 00:00:28 ไหมในยุคนี้ก็จะยืนยันว่ายังมีอยู่คนที่
00:00:28 → 00:00:31 จะไม่พารู้จักเขาอย่างดีเนี่ยหลาย
00:00:31 → 00:00:34 ครอบครัวที่เขาก็ยังเป็นลักษณะนี้คนในยุค
00:00:34 → 00:00:36 ปัจจุบันถึงแม้จะมีในเรื่องของความรักที่
00:00:36 → 00:00:39 เปิดเผยมากขึ้นฟรีมากขึ้นอะไรต่างๆเหล่า
00:00:39 → 00:00:43 นี้นะคะก็ยังอยากจะเป็นหนึ่งเดียวถูกไหม
00:00:43 → 00:00:45 [เพลง]
00:00:45 → 00:00:48 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:48 → 00:00:55 การโรงหมอดิฉันสุรีพรวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:55 → 00:00:57 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:57 → 00:01:00 การโรงหมอทาง ThaiPBS port Touch วัน
00:01:00 → 00:01:02 นี้เราคุยกันถึงเรื่องของ monogrammy ยุค
00:01:02 → 00:01:05 นี้ยังมีอีกไหมนะคะแต่ว่าต้องมาทำความ
00:01:05 → 00:01:07 เข้าใจว่า monogrammy คืออะไรกับผู้ช่วย
00:01:07 → 00:01:10 ศาสตราจารย์ดรจันทร์วิภาดิโรสัมพันธ์ผู้
00:01:10 → 00:01:13 ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ
00:01:13 → 00:01:15 เจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์
00:01:15 → 00:01:17 และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์ค่ะสวัสดี
00:01:17 → 00:01:21 ค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่านค่ะถ้าพูด
00:01:21 → 00:01:23 ถึงคำว่า monogrammy อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย
00:01:23 → 00:01:26 นะคะแล้วก็เอ๊ะมันเป็นประเด็นคำถามที่วัน
00:01:27 → 00:01:29 นี้รายการของเราตั้งคำถามขึ้นมาว่ายุคนี้
00:01:29 → 00:01:32 ยังมีอีกไหมหลายคนอาจจะยังงงว่าเอ๊ะมัน
00:01:32 → 00:01:35 ถึงอะไรคืออะไรโมโนกามี่คืออะไรคะอาจารย์
00:01:35 → 00:01:38 ขา monogrammy เนี่ยนะคะถ้าจะแปลเป็นภาษา
00:01:38 → 00:01:41 ไทยง่ายๆก็คือบอกกันรักเดียวใจเดียวนั่น
00:01:41 → 00:01:44 แหละนะฮะ 18 ตรงตัวเพราะว่าในความหมาย
00:01:44 → 00:01:47 เนี้ยมันจะมีความหมายเอ่อไม่ว่าจะในทาง
00:01:47 → 00:01:52 สังคมในทางคนเทเนียมประเพณีในทางกฎหมายนะ
00:01:52 → 00:01:54 คะหรือแม้แต่ในทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน
00:01:54 → 00:01:57 เนี่ยเราถือว่า monogrammy คือการรัก
00:01:57 → 00:01:59 เดียวใจเดียวหรือการโพเดียมเมียเดียวอะไร
00:01:59 → 00:02:02 เงี้ยละกันนะฮะเป็นสิ่งที่มีคุมคุณค่าใน
00:02:02 → 00:02:07 ทุกมิตินะฮะมิติก็คือมิติทางสังคมเอยหมาย
00:02:07 → 00:02:11 ถึงสังคมก็คือการรับรู้ของสังคมนะฮะไอ้
00:02:11 → 00:02:14 แง่ของขนมธรรมเนียมประเพณีนะคะในแง่ของกฎ
00:02:14 → 00:02:17 หมายในแง่ของภาวะเศรษฐกิจนะคะ
00:02:17 → 00:02:21 ไม่ว่าจะศาสนาไหนวัฒนธรรมไหนขนบธรรมเนียม
00:02:21 → 00:02:24 ประเพณีไหนล้วนแต่ยอมรับในยุคนี้นะคะก็
00:02:24 → 00:02:27 รวมแต่ยอมรับในเรื่องของ monogrammy กัน
00:02:27 → 00:02:30 นะคะแต่อันนี้จะนิภาไม่ได้ว่าทั่วโลก
00:02:30 → 00:02:33 เพราะจากผลการวิจัยเลยจะพบว่ามันมีกลุ่ม
00:02:33 → 00:02:36 สังคมกลุ่มย่อยหรือที่เขามีรากฐานมาจาก
00:02:36 → 00:02:39 ดั้งเดิมเนี่ยเขาก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งนะฮะ
00:02:39 → 00:02:43 แต่ส่วนใหญ่นี่เราพูดถึงส่วนใหญ่ยังเป็น
00:02:43 → 00:02:45 ที่ยอมรับกันอยู่ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณ
00:02:45 → 00:02:49 ค่าและส่งคุณค่าเพราะถามตัว
00:02:49 → 00:02:53 คุณศิริพรเองถ้าแต่งงานเนี่ยเราใฝ่ฝันไหม
00:02:53 → 00:02:55 ว่าที่จะสามีเราจะต้องมีเมีย 2 เมีย 3
00:02:55 → 00:02:58 เมีย 4 เนี่ยโอไม่นะคะขอรักเดียวใจเดียว
00:02:58 → 00:03:01 เหมือนกับมีดีกว่าใช่ไหมคะเราก็ยังอยาก
00:03:01 → 00:03:03 ได้อย่างนั้นถูกมั้ยสามีก็คงไม่ได้คิดว่า
00:03:03 → 00:03:06 ถ้าฉันมีภรรยาแล้วเอ่อภรรยาฉันจะมีสามี
00:03:06 → 00:03:08 ฉันจะเป็นเบอร์ 1 แล้วจะมีสามีเบอร์ 2
00:03:09 → 00:03:10 เบอร์ 3 เบอร์ 4 เขาก็อยากจะเป็นชายเดียว
00:03:10 → 00:03:14 ในใจของภรรยาเขาเหมือนกันถูกไหมคะเพราะ
00:03:14 → 00:03:17 ฉะนั้นตรงเนี้ยถ้าคำถามของหัวข้อเราบอก
00:03:17 → 00:03:21 ว่ายังมีไหมในยุคนี้นะฮะอาจารย์วิภาก็จะ
00:03:21 → 00:03:25 ยืนยันว่ายังมีอยู่คนที่จะไม่พารู้จักนะ
00:03:25 → 00:03:28 คะรู้จักเขาอย่างดีเนี่ยหลายครอบครัวที่
00:03:28 → 00:03:32 เขาก็ยังเป็นลักษณะนี้แล้วถึงเราเองคนใน
00:03:32 → 00:03:34 ยุคปัจจุบันถึงแม้จะมีในเรื่องของความรัก
00:03:34 → 00:03:37 ที่เปิดเผยมากขึ้นฟรีมากขึ้นอะไรต่างๆ
00:03:37 → 00:03:40 เหล่านี้นะคะก็ยังอยากจะเป็นหนึ่งเดียว
00:03:40 → 00:03:43 ถูกไหมนั่นคือความอยากนะแต่ในทางเป็นจริง
00:03:43 → 00:03:47 เดี๋ยวเรามาหาคำตอบกันนะคะฟังดูแล้วก็
00:03:47 → 00:03:50 กำลังจะชื่นใจแต่ว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้น
00:03:50 → 00:03:53 ซ่อนอยู่ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยคือถ้ามองย้อน
00:03:53 → 00:03:57 ไปในอดีตเนี่ยนะคะอาจารย์คะว่าอ่าเราอาจ
00:03:57 → 00:04:00 จะเคยรู้สึกว่าการเป็นรักเดียวใจเดียว
00:04:00 → 00:04:03 เป็นอะไรที่แบบว่ายิ่งใหญ่มากนะคะไม่แน่
00:04:03 → 00:04:05 ใจว่าอย่างคนในสมัยก่อนเนี่ยค่ะอันที่เคย
00:04:05 → 00:04:08 ได้ยินมาเขาจะมีความรักเดียวใจเดียวรัก
00:04:08 → 00:04:10 ครอบครัวดูแลครอบครัวอย่างดีอาจจะไม่ว่า
00:04:10 → 00:04:12 จะเป็นฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายนะเอาจริงๆนะคะ
00:04:12 → 00:04:15 ไม่ใช่ว่าคำว่ารักเดียวใจเดียวจะไปผูก
00:04:15 → 00:04:16 อยู่กับผู้ชายอย่างเดียวค่ะหรือว่าผู้
00:04:16 → 00:04:19 หญิงอย่างเดียวค่ะก็ต้องทั้งคู่ด้วยค่ะใน
00:04:19 → 00:04:23 อดีตเนี่ยเราความรักเดียวใจเดียวเนี่ยมัน
00:04:23 → 00:04:26 มีมาแต่ดั้งเดิมอยู่แล้วใช่ไหมคะใช่ค่ะ
00:04:26 → 00:04:30 แต่ทีนี้ต้องใช้คำนี้ว่าถ้าดูสังคมโลกนะ
00:04:30 → 00:04:35 คะมันก็จะมียุคต่างๆที่ผ่านมาในยุคของ
00:04:35 → 00:04:37 Victoria เคยได้ยินใช่ไหมคะที่เขาเรียก
00:04:37 → 00:04:40 ว่าอุ๊ยสมัย Victoria หรือยุควิคตอเรียก็
00:04:40 → 00:04:42 เป็นยุคที่จะให้เกียรติในเรื่องของการมี
00:04:42 → 00:04:46 ผัวเดียวมีเดียวแต่ถ้าเราไปดูประวัติน่ะ
00:04:46 → 00:04:50 กษัตริย์ของทางยุโรปบางองค์เนี่ยมีพระ
00:04:50 → 00:04:53 มเหสีหรือมีพระราชินีเอาอย่างนี้แล้วกัน
00:04:53 → 00:04:58 นะคะตามกฎศาสนาเนี่ยได้ทีละคนแต่ก็ทรงพระ
00:04:58 → 00:05:03 มีทรงมีพระกั๊กนะคะที่เรียกว่าสนมลับหรือ
00:05:03 → 00:05:06 อะไรต่างๆเหล่านี้แต่ก็ไม่เปิดเผยเห็นไหม
00:05:06 → 00:05:08 คะเพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นคือไม่ได้มาออก
00:05:08 → 00:05:12 สู่สังคมว่าเอ่อคนนี้มีตำแหน่งเป็นเอ่อ
00:05:12 → 00:05:15 พระชูหลวงอะไรอย่างเงี้ยมันก็ไม่มีใช่ไหม
00:05:15 → 00:05:18 คะเพียงแต่คนในสังคมก็ปิดกันให้แทรกแต่
00:05:18 → 00:05:21 ว่าคนนี้เป็นสนมลับของคิงนะคิงนี้อะไร
00:05:21 → 00:05:24 อย่างเงี้ยนะคะทีนี้ในตรงนั้นเนี่ยมันก็
00:05:24 → 00:05:28 ผ่องถ่ายมาทางทางมาเลเซียเราก็เป็นลักษณะ
00:05:28 → 00:05:31 ที่อันนี้หมายถึงว่าเอเซียเราเนี่ยไปรับ
00:05:31 → 00:05:35 อิทธิพลของยุค Victoria ของยุโรปมาเพราะ
00:05:35 → 00:05:37 แต่เดิมมาเนี่ยถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์
00:05:37 → 00:05:40 ไทยเราก็จะพบว่าเป็นเจ้าขุนมูลนายเนี่ย
00:05:40 → 00:05:44 การมีภรรยาไม่ได้แปลว่ามากด้วย
00:05:44 → 00:05:49 อะไรนะคะกามอารมณ์อย่างเดียวนะคะแต่บาง
00:05:49 → 00:05:54 ครั้งมันเป็นการแสดงถึงแสดงถึงอะไรคะ
00:05:54 → 00:05:58 บารมีเอาอย่างนี้ละกันนะคะเพราะดูจาก
00:05:58 → 00:06:00 ประวัติศาสตร์เนี่ยนะคะในสมัยสมเด็จพระ
00:06:00 → 00:06:02 นารายณ์เนี่ยมีฝรั่งที่เขาเขียนบันทึกเอา
00:06:02 → 00:06:05 ไว้อ่ะนะของสี่โมงเดอร์ลูแบร์เนี่ยเขาบอก
00:06:05 → 00:06:06 ว่า
00:06:06 → 00:06:09 เขาซึ่งเขาไปอยู่ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่
00:06:09 → 00:06:12 14 นะคะเอ่อที่ที่อาจารย์วิภาชอบอ่าน
00:06:12 → 00:06:14 ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งเขียนให้ก็เพราะว่า
00:06:14 → 00:06:17 เขาไม่เข้าข้างใครเขาจะเขียนในสายตาที่
00:06:17 → 00:06:19 เขามองเห็นแต่เราต้องไปวิเคราะห์นะคะว่า
00:06:19 → 00:06:22 สิ่งที่เขามองเห็นน่ะมันคืออะไรนะคะเพราะ
00:06:22 → 00:06:24 เขาก็เขียนหรือวิจารณ์ไปตามความคิดของเขา
00:06:24 → 00:06:27 หรือเปรียบเทียบกับวัฒนธรรมของเขาซึ่งตรง
00:06:27 → 00:06:29 นี้น่าสนใจมากเลยเขาเขียนบอกว่าคนไทยใน
00:06:30 → 00:06:32 ยุคนั้นซึ่งเขาเป็นราชทูตในสมัยพระเจ้า
00:06:32 → 00:06:34 หลุยส์ที่ 14 ก็ตรงกับสมัยของสมเด็จพระ
00:06:34 → 00:06:38 นารายณ์ถูกไหมคะเขาก็บอกว่าคนไทยเนี่ยอาจ
00:06:38 → 00:06:41 มีภรรยาได้หลายคนนะนะฮะเฉพาะคนที่มั่งมี
00:06:42 → 00:06:44 เท่านั้นที่จริงมีภรรยาหลายๆคนได้ก็คือมี
00:06:44 → 00:06:48 มากกว่า 1 คนได้ถ้าคนยากจนเนี่ยมันก็จะ
00:06:48 → 00:06:50 มักจะผัวเดียวเมียเดียวอะไรทำนองนี้นี่
00:06:50 → 00:06:52 คือความสิ่งที่เราเห็นนะคะเขาบอกว่าเพื่อ
00:06:52 → 00:06:54 แสดงถึง
00:06:54 → 00:06:58 บุญญาบารมีนะคะไม่ใช่แสดงว่าเป็นการมัก
00:06:58 → 00:07:01 มากทางการอารมณ์เสมอไปอ่าซึ่งอันนี้ก็
00:07:01 → 00:07:03 เป็นเรื่องจริงเพราะว่าในประวัติศาสตร์
00:07:03 → 00:07:06 ไทยที่ผ่านมานะคะทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา
00:07:06 → 00:07:10 เนี่ยมันก็จะมีคนเอาอย่างเช่นอยากจะรักษา
00:07:10 → 00:07:15 น้ำใจข้าราชบริพารหรือว่าคนที่มาเสริมให้
00:07:15 → 00:07:18 บัลลังก์เข้มแข็งขึ้นเขาถวายลูกสาวให้
00:07:18 → 00:07:22 เนี่ยท่านจะไม่รับเหรอใช่ไหมคะเพื่อจะยึด
00:07:22 → 00:07:24 โยงจีนก็เหมือนกันค่ะญี่ปุ่นก็เหมือนกัน
00:07:24 → 00:07:28 นะเขมรลาวเป็นลักษณะนี้ทั้งนั้นนะคะนี่ก็
00:07:28 → 00:07:32 คือข้าราชบริพารหรือเจ้าเมืองขึ้นเจ้า
00:07:32 → 00:07:35 ประเทศราชเขาก็ส่งลูกสาวมาบรรณาการถูกไหม
00:07:35 → 00:07:39 คะซึ่งบางทีอ่ะไม่อยากหรอกท่านก็อาจจะรัก
00:07:39 → 00:07:41 เดียวใจเดียวของท่านแต่ว่าท่านก็ต้องรับ
00:07:41 → 00:07:44 ถูกไหมคะนี่การบริหารจัดการเนี่ยมันแตก
00:07:44 → 00:07:48 ต่างกันนะคะเพราะฉะนั้นในกษัตริย์ของเรา
00:07:48 → 00:07:51 เนี่ยหลายพระองค์ที่ท่านก็จำเป็นที่ท่าน
00:07:51 → 00:07:54 จะต้องรับหรือต้องมีไว้เยอะๆอะไรอย่าง
00:07:54 → 00:07:58 เงี้ยนะคะก็เพราะว่ามันเป็นการเรียกว่า
00:07:58 → 00:08:01 อะไรครับผูกสัมพันธ์หรือรวมให้มันเป็น
00:08:01 → 00:08:04 แผ่นดินเดียวกันนะคะมันเป็นการวิธีเสาใบ
00:08:04 → 00:08:07 อย่างนึงทางการทูตหรือทางอะไรอย่างเงี้ย
00:08:07 → 00:08:09 แต่อันนั้นมันเป็นยุคก่อนที่อาจจะเป็น
00:08:09 → 00:08:13 เรื่องของอ่านำหญิงสาวหรือแบบอะไรอย่าง
00:08:13 → 00:08:16 นี้มานะฮะให้ดูนะทีนี้ของไทยเราก็เป็น
00:08:16 → 00:08:19 อย่างนี้มาตลอดนะฮะจนถึงรัชกาลที่ 5
00:08:19 → 00:08:22 เนี่ยซึ่งท่านก็เลิกทาสใช่ค่ะแล้วท่านก็
00:08:22 → 00:08:27 เอ่อรับเอ่อสาวๆเอางี้แล้วกันนะคะที่เข้า
00:08:27 → 00:08:31 มาเป็นพระสนมพระเป็นพระสนมเป็นเจ้าจอม
00:08:31 → 00:08:34 เป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามอะไรก็แล้วแต่เนี่ย
00:08:34 → 00:08:36 นะคะในสมัยก่อนที่เราเรียกกันว่าเจ้าจอม
00:08:36 → 00:08:38 หม่อมห้ามจริงๆแล้วมันก็แบ่งบรรดาศักดิ์
00:08:38 → 00:08:42 ของของคนที่เป็นพระสวามีเนี่ยแตกต่างกัน
00:08:42 → 00:08:47 นะคะทีนี้อันนึงที่อาจารย์วิภาชื่นชมมาก
00:08:47 → 00:08:50 เลยก็คือในแง่ของการที่รัชกาลที่ 5 เนี่ย
00:08:50 → 00:08:53 ท่านท่านไปศึกษาละเอียดซึ่งวันนี้ไม่มี
00:08:53 → 00:08:56 เวลาเล่าหรอกนะคะท่านปราดเปรื่องมากด้วย
00:08:56 → 00:09:00 การที่เอ่อได้พระชายาพระราชชายาคือเจ้า
00:09:00 → 00:09:04 จอมเอ่อโทษค่ะพระราชาดารารัศมีนะคะทำให้
00:09:04 → 00:09:07 ไทยไม่ต้องรบกับเชียงใหม่นะคะแล้วรวมเป็น
00:09:07 → 00:09:09 ปฐพีเดียวกันก่อนหน้านั้นเนี่ย
00:09:09 → 00:09:15 เชียงใหม่เลยนะคะเดี๋ยวก็โดนเอ่อพม่าลาก
00:09:15 → 00:09:18 ไปเดี๋ยวก็โดนทางนี้จูงไปทางลาวจูงไป
00:09:18 → 00:09:22 เดี๋ยวก็ทางไทยคือเขาก็เป็นดินแดนที่เอ่อ
00:09:22 → 00:09:25 มีความสำคัญมากแล้วทุกคนก็อยากได้
00:09:25 → 00:09:28 แต่รัชกาลที่ 5 เนี่ยท่านสามารถรวม
00:09:28 → 00:09:30 ปัฐวิธีเดียวกันได้โดยไม่เสียเลือดเนื้อ
00:09:30 → 00:09:33 แม้แต่หยดเดียวด้วยการเจริญพระราชไมตรี
00:09:33 → 00:09:35 ซึ่งตอนนั้นเนี่ยก็มีตัวคู่แข่งก็คือ
00:09:35 → 00:09:40 อังกฤษค่ะพยายามจะดึงเอาเจ้าดารารัศมี
00:09:40 → 00:09:45 เนี่ยไปไปเป็นลูกเลี้ยงของพระราชินีนะคะ
00:09:45 → 00:09:47 เพื่อที่จะดึงเข้าไปเพราะว่าตอนนั้นเขา
00:09:47 → 00:09:50 ได้พม่าแล้วนึกออกไหมจะเอาเชียงใหม่ไป
00:09:50 → 00:09:53 อะไรอย่างนี้นะคะอุ๊ยเล่าแล้วสนุกสนานไม่
00:09:53 → 00:09:56 จบนะคะเขายกกลับมาตรงนี้ทีนี้พอรัชกาลที่
00:09:56 → 00:09:59 5 เนี่ยท่านมองแล้วว่าการที่เราจะรอดจาก
00:09:59 → 00:10:02 ฝรั่งเศสกับอังกฤษซึ่งตอนนั้นเป็นเรื่อง
00:10:02 → 00:10:07 ของการล่าอาณานิคมเนี่ยนะคะท่านก็ให้พระ
00:10:07 → 00:10:09 ราชโอรสของท่านเนี่ยไปศึกษาในต่างประเทศ
00:10:09 → 00:10:12 ในยุโรปอะไรต่างๆแล้วพระราชโอรสองค์หนึ่ง
00:10:12 → 00:10:14 เนี่ยก็คือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า
00:10:14 → 00:10:18 อยู่หัวเนี่ยนะฮะท่านก็ไปศึกษาที่อังกฤษ
00:10:18 → 00:10:22 ท่านก็ไปรับอิทธิพลของทางอังกฤษมานะคะที่
00:10:22 → 00:10:24 เราเรียกกันว่าเป็นสังคมยุควีครอสตราเดีย
00:10:24 → 00:10:28 ท่านก็กลับมาท่านจึงคิดในเรื่องของการที่
00:10:28 → 00:10:32 จะทำยังไงมีกฎหมายนะคะอยากจะสร้างกฎหมาย
00:10:32 → 00:10:35 ที่ให้เป็นระบบหัวเดียวเมียเดียวเพราะ
00:10:35 → 00:10:38 สมัยก่อนในตั้งแต่สมัยอยุธยามาเนี่ยนะคะ
00:10:38 → 00:10:41 มันมีกฎหมายตราสามดวงซึ่งจะจัดเมียเอาไว้
00:10:41 → 00:10:44 3 ประเภทตั้งแต่ยุคโบราณนะคะแต่มันก็
00:10:44 → 00:10:47 เปลี่ยนมาหลายรุ่นหลายสมัยเขาจะนิภาขอ
00:10:47 → 00:10:50 เริ่มแรกก่อนว่าในยุคนั้นเนี่ยเราจะมี 1
00:10:50 → 00:10:52 คือเมียกลางเมืองเมียกลางเมืองเนี่ยหมาย
00:10:52 → 00:10:55 ถึงเมียที่แต่งงานด้วยตามประเพณีนะคะมี
00:10:55 → 00:10:59 ได้แค่คนเดียวนะคะก็คือถ้าเทียบสมัยนี้
00:10:59 → 00:11:02 ภาษาง่ายๆคือเมียหลวงนั่นแหละนะแล้วก็ 2
00:11:02 → 00:11:05 มีอาการนอกก็หมายถึงเมียรองหรือเมียน้อย
00:11:05 → 00:11:09 นะคะซึ่งจะมีกี่คนก็ได้ตามใจสมัครนะไม่
00:11:09 → 00:11:11 ได้ไปฉุดฆ่าเอาหรอกเขามาอะไรอย่างนี้นะคะ
00:11:11 → 00:11:16 ตามใจสมัครแล้วก็เมียที่ 3 ประเภทที่ 3
00:11:16 → 00:11:19 ก็คือเมียกลางทาสีนะคะเมียพวกนี้อาจจะ
00:11:19 → 00:11:23 ซื้อมาหรือคนเอามาไถนาเอาลูกสาวมาแลกนะคะ
00:11:23 → 00:11:26 เป็นลักษณะเมียทาสอันนี้เขาจะมีกี่คนก็
00:11:26 → 00:11:29 ได้ดูเป็นชนชั้นเหมือนเดิมเพราะฉะนั้นคือ
00:11:29 → 00:11:33 ยุคตั้งแต่เริ่มต้นกรุงศรีอยุธยามันก็
00:11:33 → 00:11:36 เปลี่ยนมาเรื่อยๆๆๆๆนะคะจนกระทั่งมาถึง
00:11:36 → 00:11:39 รัชกาลที่ 5 เนี่ยคือยุครัตนโกสินทร์แล้ว
00:11:39 → 00:11:41 นะคะพระรัตนโกสินทร์เนี่ยรัชกาลที่ 6
00:11:42 → 00:11:45 เพราะท่านไปได้ศึกษาที่อังกฤษนะคะท่านก็
00:11:45 → 00:11:48 นำนำแนวคิดอย่างเงี้ยกลับมาเมืองไทยท่าน
00:11:48 → 00:11:50 ก็เลยคิดที่จะ
00:11:50 → 00:11:53 ปรากฏหมายขึ้นมานะฮะซึ่งตอนแรกก็ไม่ค่อย
00:11:53 → 00:11:56 จะสำเร็จหรอกนะคะยังไม่สำเร็จจนกระทั่ง
00:11:56 → 00:12:00 ประมาณสักปีพ.ศ 2478 นะคะแอดมีการปรับ
00:12:00 → 00:12:03 เปลี่ยนระบบกฎหมายเป็นระบบหัวเดียวเมีย
00:12:03 → 00:12:06 เดียวนะคะก็มีการประมวลกฎหมายแพ่งและ
00:12:06 → 00:12:10 พาณิชย์มาตรา 1452 นะคะซึ่งบัญญัติว่าชาย
00:12:10 → 00:12:13 หรือหญิงนั้นจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่
00:12:13 → 00:12:18 สมรสอยู่ไม่ได้อ้านั่นก็หมายถึงว่านั่น
00:12:18 → 00:12:22 แหละค่ะตั้งแต่ 2478 มาเนี่ยเราจึงได้มี
00:12:22 → 00:12:25 ผัวเดียวเมียเดียวตามกฎหมายแบบจริงๆจริงๆ
00:12:25 → 00:12:28 นะคะคือตอนรัชกาลที่ 6 มาท่านก็พยายาม
00:12:28 → 00:12:31 อยู่นะคะแต่ยังไม่สำเร็จต้องใช้คำนั้นคือ
00:12:31 → 00:12:34 ท่านก็อยากจะให้มีความศิวิไลนะคะที่จะมี
00:12:34 → 00:12:37 ทุกคนมีภรรยาออกหน้าออกตาได้แค่คนเดียว
00:12:37 → 00:12:40 อะไรอย่างนี้เพราะมันก็ต้องค่อยๆเป็นค่อย
00:12:40 → 00:12:44 ๆไปถูกไหมคะอย่างนี้ค่ะนี่ก็คือความเป็น
00:12:44 → 00:12:46 มาของไทยแล้วเราก็ยังยึดกฎหมายฉบับนี้กัน
00:12:46 → 00:12:49 อยู่จนปัจจุบันถูกไหมคะแต่ก็อาจจะมีการ
00:12:49 → 00:12:51 ปรับปรุงคำพูดหรืออะไรเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะ
00:12:51 → 00:12:56 คะตามตามวาระโอกาสไม่น่าเชื่อเลยค่ะคุณ
00:12:56 → 00:12:58 ผู้ฟังว่า monogrammy นะคะร่างเดียวใจ
00:12:58 → 00:13:00 เดียวจะมีมีความเป็นมายาวนานได้ฟัง
00:13:00 → 00:13:03 ประวัติศาสตร์ด้วยนะคะแล้วก็คือจริงๆแล้ว
00:13:03 → 00:13:07 ถ้าเทียบกันกับในในสังคมปัจจุบันเนี่ย
00:13:07 → 00:13:09 ก็มีอยู่บ้างนะคะอาจารย์ที่เคยเห็นว่าแบบ
00:13:09 → 00:13:13 อ่าเวลาออกงานออกหน้าออกตาก็คือคนนี้แหละ
00:13:13 → 00:13:15 หรืออะไรอย่างเงี้ยนะคะแต่ว่าส่วนข้าง
00:13:15 → 00:13:19 หลังค่ะอาจจะมีอยู่ค่ะก็เพราะฉะนั้นมัน
00:13:19 → 00:13:23 เป็นเรื่องอันนึงที่เอ่อหลายคนไม่ทราบว่า
00:13:23 → 00:13:27 การที่สมมติว่าเขามีภรรยาหลวงอยู่แล้วไม่
00:13:27 → 00:13:29 อยากจะใช้คำว่าภรรยาหลวงเพราะไม่มีใคร
00:13:29 → 00:13:31 อยากเป็นภรรยาหลวงอยากเป็นภรรยาคนเดียว
00:13:31 → 00:13:35 เค้ามีภรรยาที่ถูกต้องอยู่แล้วนะคะแล้วไป
00:13:35 → 00:13:38 ควงคนอื่นออกงานเนี่ยมันเป็นการเสีย
00:13:38 → 00:13:41 มารยาทอย่างยิ่งเป็นการไม่ให้เกียรติกับ
00:13:41 → 00:13:44 ภรรยาตัวเองอย่างยิ่งนะคะแล้วเพื่อนที่ไป
00:13:44 → 00:13:47 ไปไหนก็จะทำหน้ากันปูเลี่ยนปูเลี่ยนแบบ
00:13:47 → 00:13:51 เพราะว่าถ้าไปด้วยหรือร่วมวงอยู่ด้วยก็จะ
00:13:51 → 00:13:54 กลายเป็นว่าทำร้ายภรรยาที่บ้านถูกไหมคะ
00:13:54 → 00:13:57 อะไรอย่างนี้เป็นต้นแต่จริงๆท้ายสุดเราก็
00:13:57 → 00:14:00 ต้องรู้แหละเชื่อว่าน่าจะรู้ว่าแต่บางที
00:14:00 → 00:14:05 ก็ทำเป็นไม่รับรู้ไงคะ
00:14:05 → 00:14:09 อาจจะด้วยความที่ถ้าเราจะไปยึดโยงว่าโอ๊ย
00:14:09 → 00:14:12 มันเป็นการเสริมบุญบารมีก็ไม่ใช่เพราะว่า
00:14:12 → 00:14:17 ในอะไรหลายๆคนในในยุคปัจจุบันเนี่ยหลายๆ
00:14:17 → 00:14:20 คนเลยนะคะก็ยังรู้สึกว่าการรักเดียวใจ
00:14:20 → 00:14:22 เดียวเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ใช่ค่ะในความรู้
00:14:22 → 00:14:25 สึกแล้วก็ไม่มีใครที่อยากจะบอกว่ามานั่ง
00:14:25 → 00:14:27 ทุกข์ใจกับเรื่องที่แบบเอ๊ะยังไงเขามีคน
00:14:27 → 00:14:29 อื่นไหมหรืออะไรอย่างเงี้ยเออเพราะฉะนั้น
00:14:30 → 00:14:32 เราจึงอันนี้ก็เป็นสาเหตุของการหย่าร้าง
00:14:32 → 00:14:34 อย่างหนึ่งนะคะที่บอกว่าทำไมคนสมัยนี้
00:14:34 → 00:14:36 อยากกันง่ายก็เพราะบางคนเนี่ยเขาไม่
00:14:36 → 00:14:39 ต้องการที่จะเป็นเบอร์ 1 ของใครนั่นหมาย
00:14:39 → 00:14:41 ความว่าต้องมีเบอร์ 22 เบอร์ 4 เพราะ
00:14:41 → 00:14:43 ฉะนั้นเมื่อฉันเธอไม่ให้ตำแหน่งคนเดียว
00:14:43 → 00:14:46 ของฉันฉันก็ไปจากเธอดีกว่า
00:14:46 → 00:14:49 อะไรอย่างนี้เป็นต้นเพราะฉะนั้นบางคนก็
00:14:49 → 00:14:53 บอกว่าแม้ขอโทษนะคะใช้เดี๋ยวอาจจะฟังแล้ว
00:14:53 → 00:14:55 ดูเหมือนแรงที่บอกแม้ดูสิสัตว์บางอย่าง
00:14:55 → 00:14:58 เนี่ยมันยังหัวเดียวเมียเดียวเลยทำไมคน
00:14:58 → 00:15:01 เรามันอย่างนั้นอย่างนี้สัตว์บางอย่างมัน
00:15:01 → 00:15:03 ยังรักเดียวใจเดียวเลยมันก็เป็นสัตว์บาง
00:15:03 → 00:15:05 ประเภทอีกล่ะค่ะนะคะถ้าเรามาศึกษาในกรณี
00:15:05 → 00:15:08 ของสัตว์เนี่ยนะคะแล้วก็จะพบว่าเพราะ
00:15:08 → 00:15:10 มนุษย์เราก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งถูกไหมคะ
00:15:10 → 00:15:12 เขาก็บอกว่าจะสังเกตได้ว่าสัตว์ที่มันมี
00:15:12 → 00:15:15 ลักษณะของคู่ครองคนเดียวเนี่ยหรือตัว
00:15:15 → 00:15:19 เดียวไปตลอดชีวิตเนี่ยนะคะมันมันถ้าแบ่ง
00:15:19 → 00:15:22 ตามลักษณะของรูปร่างเนี่ยเขาก็จะบอกว่า
00:15:22 → 00:15:25 สัตว์พวกนี้มันขี้มักจะเป็นสัตว์ที่มี
00:15:25 → 00:15:29 ลักษณะของสระเออโทษๆค่ะอ่าตัวผู้กับตัว
00:15:29 → 00:15:32 เมียเนี่ยขนาดใกล้เคียงกันพวกนี้มักจะรัก
00:15:32 → 00:15:36 เดียวใจเดียวนะฮะเช่นเป็ดมันจะรินเช่นนก
00:15:36 → 00:15:38 บางชนิด
00:15:38 → 00:15:42 แต่ว่าถ้าเป็นสัตว์ที่มีลักษณะตัวผู้ใหญ่
00:15:42 → 00:15:45 กว่านะฮะมากๆหรือใหญ่กว่าจนเห็นได้ชัด
00:15:45 → 00:15:49 เนี่ยมันขี้มักจะเป็นแบบโพลี่แกรมมี่นะคะ
00:15:49 → 00:15:53 ก็คือโพริกัมมี่ก็คือมีเมียหลายคนเช่นโดย
00:15:53 → 00:15:56 เฉพาะสัตว์ที่กินเนื้อ
00:15:56 → 00:15:59 อ่านักล่านักล่าหาซึ่งซึ่งมันต้องอาศัย
00:15:59 → 00:16:03 บารมีจ่าฝูงนึกออกไหมคะนะฮะหรือบางทีจ่า
00:16:03 → 00:16:07 ฝูงเนี่ยเช่นเอาง่ายๆลิงนะคะลิงเนี่ยพอ
00:16:07 → 00:16:09 ใครเป็นจ่าฝูงเนี่ยมันก็จะได้มีสิทธิ์ที่
00:16:09 → 00:16:13 จะขอโทษนะคะมีเมียเยอะๆคือผสมพันธุ์กับ
00:16:13 → 00:16:15 ตัวเมียทุกตัวขยายเบาหวานแล้วตัวเมียทุก
00:16:15 → 00:16:18 ตัวก็ต้องยอมศิโรจน์ให้
00:16:18 → 00:16:23 มันก็จะกำจัดลูกลิงตัวผู้ที่เป็นลูกของ
00:16:23 → 00:16:29 ของเจ้าแหละๆจ่าฝูงกล่าวเนี่ยออกให้หมดนะ
00:16:29 → 00:16:32 คะเพื่อที่จะพรากลูกเล็กเนี่ยออกจากตัว
00:16:32 → 00:16:34 เมียแล้วก็ตัวเมียได้พร้อมที่จะผสมพันธุ์
00:16:34 → 00:16:37 ใหม่อย่างนี้ค่ะเพราะฉะนั้นมนุษย์เนี่ย
00:16:37 → 00:16:40 โดยเฉลี่ยแล้วมนุษย์ผู้ชายจะสูงมนุษย์ผู้
00:16:40 → 00:16:44 หญิงประมาณ 10% เขาก็เลยกะจัดว่ามนุษย์
00:16:44 → 00:16:48 เราเนี่ยเป็นโพลี่แกรมมี่ค่ะอ๋อเอาอย่าง
00:16:48 → 00:16:50 นั้นเลยแต่ว่าก็ได้ยินคำนี้อีกเหมือนกัน
00:16:50 → 00:16:54 ค่ะว่าแบบว่าโดยเฉพาะในในแวดวงเพื่อนๆผู้
00:16:54 → 00:16:59 ชายก็จะบอกว่าเฮ้ยผู้ชายก็เป็นนักล่ามี
00:16:59 → 00:17:02 สัญชาตญาณอะไรอย่างนี้อันนี้คุยกันแซวๆ
00:17:02 → 00:17:05 กันนะคะก็คือเหมือนกับหาเหตุผลรองรับใน
00:17:05 → 00:17:08 การกระทำของตัวเองว่าเออที่เราแบบอาจจะมี
00:17:08 → 00:17:10 คนอื่นกิ๊กกั๊กอะไรว่าไปเนี่ยมันไม่ได้
00:17:10 → 00:17:14 เป็นเรื่องผิดค่ะอันนั้นคือธรรมชาติแต่
00:17:14 → 00:17:16 อย่าลืมว่ามนุษย์เราเนี่ยสิ่งที่เหนือ
00:17:16 → 00:17:18 สัตว์ทั้งหลายคือเราต้องมีในเรื่องของ
00:17:18 → 00:17:21 จริยธรรมถูกไหมคะบางทีเห็นผู้หญิงอื่น
00:17:21 → 00:17:25 อยากจะตายไปแต่จริยธรรมของความเป็นสามี
00:17:25 → 00:17:29 ความเป็นพ่อนะคะมันทำให้เราเนี่ยต้องควบ
00:17:29 → 00:17:32 คุมตัวเองให้ได้ว่าถ้าเราเกิดนอกใจในผู้
00:17:32 → 00:17:35 ชายบางคนนะคะเป็นสิ่งที่ภรรยารับไม่ได้
00:17:35 → 00:17:39 เด็ดขาดเพราะนั่นบ้านแตกแน่เขาก็จะเขาก็
00:17:39 → 00:17:44 จะอดใจค่ะอดใจหรือมีตัวรั้งและยิ่งบางคน
00:17:44 → 00:17:45 เนี่ยนะคะมีลูกสาว
00:17:45 → 00:17:48 หลายคนจะบอกว่าแหมเรื่องสามีภรรยาเนี่ย
00:17:48 → 00:17:50 เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยวไม่
00:17:50 → 00:17:53 จริงค่ะจะให้พาก็ย้ำทุกครั้งเหมือนที่เคย
00:17:53 → 00:17:56 ย้ำว่าอาจารย์อยู่กับเด็กมาเยอะการที่พ่อ
00:17:56 → 00:18:00 นอกใจแม่เนี่ยไม่ว่าลูกของคุณจะเป็นหญิง
00:18:00 → 00:18:03 หรือชายเด็กเจ็บปวดทั้งนั้นค่ะอืมเด็ก
00:18:03 → 00:18:06 เจ็บปวดทั้งนั้นเพราะฉะนั้นเด็กบางคนใน
00:18:06 → 00:18:08 เด็กผู้หญิงบางคนเนี่ยที่รักพ่อมากๆเนี่ย
00:18:08 → 00:18:12 พ่อนี่คือสมมติเทพสำหรับเขาเลยเป็นเทวดา
00:18:12 → 00:18:16 แล้วณวันนึงที่พ่อทำแบบเนี้ยภาพเทวดานั้น
00:18:16 → 00:18:20 มันแตกเป็นเสียงเสียงนึกออกไหมคะส่วนเด็ก
00:18:20 → 00:18:24 ผู้ชายที่รักแม่มากๆก็คิดมักจะคิดว่าพ่อ
00:18:24 → 00:18:28 ทำร้ายแม่ได้ขนาดนี้อืมนึกออกไหมคะมันก็
00:18:28 → 00:18:31 จะทำให้เกิดผลที่เกี่ยวข้องกับลูกเนี่ย
00:18:31 → 00:18:35 มากมายซึ่งเด็กเนี่ยคุณอาจจะเห็นว่าเขาไป
00:18:35 → 00:18:38 โรงเรียนได้เขาดูมีความสุขแต่ในใจเขา
00:18:38 → 00:18:40 ทุกข์ค่ะแล้วมันเป็นแบบแผลที่อาจจะทำให้
00:18:40 → 00:18:44 เขาเนี่ยเกิดอะไรขึ้นในอนาคตเราไม่รู้ใช่
00:18:44 → 00:18:48 ไหมคะเพราะเด็กเนี่ยจะรับใช้คำว่าอะไร
00:18:48 → 00:18:52 มีปฏิกิริยาที่โต้ตอบกับปัญหาที่แตกต่าง
00:18:52 → 00:18:54 กันเด็กบางคนอาจจะเห็นชัดเจนก็คือทำตัว
00:18:54 → 00:18:58 เกมอะไรเกเรอะไรไปเลยแต่บางคนดูเหมือนสงบ
00:18:58 → 00:19:02 นะแต่ในใจเนี่ยแผลเยอะเลยและเขาก็ไม่รู้
00:19:02 → 00:19:04 หรอกว่าจะมีผลในเรื่องของการที่เขาจะมี
00:19:04 → 00:19:08 คู่ครองในอนาคตอย่างไรอาจจะกลัวไปเลยหรือ
00:19:08 → 00:19:10 อาจจะไม่เคยไว้ใจผู้ชายหน้าไหนอีกเลยก็
00:19:10 → 00:19:13 ได้เพราะขนาดพ่อซึ่งเป็นพ่อพระของเขา
00:19:13 → 00:19:16 เนี่ยยังเป็นอย่างนี้คือมันอาจจะมีมุมที่
00:19:16 → 00:19:18 บางคนอาจจะรับได้ในที่สุดในวันหนึ่งนะคะ
00:19:18 → 00:19:22 แต่ว่ามันถูกฝังอยู่ในใจไปละภาพมันเกิด
00:19:22 → 00:19:24 ขึ้นแล้วเพราะว่าสิ่งที่เห็นความทุกข์ที่
00:19:24 → 00:19:26 เกิดขึ้นอย่างเงี้ยเมื่อวันสองวันนะคะได้
00:19:26 → 00:19:29 เห็นคลิปที่เขาส่งกันนะแล้วขำอ่ะลูกชาย
00:19:29 → 00:19:32 อายุประมาณสัก 2 ขวบมั้งคะไปเห็นรูปพ่อ
00:19:32 → 00:19:37 แต่ว่าแม่แล้วร้องไห้ร้องไห้นะคะแล้วก็
00:19:37 → 00:19:40 บอกว่าพ่อไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นไปรักคน
00:19:40 → 00:19:43 อื่นนี่ขนาดแก 2 ขวบนะทั้งๆที่ลูกผู้หญิง
00:19:43 → 00:19:45 คนนั้นคือแม่ตัวเองใช่มั้ย
00:19:45 → 00:19:48 แต่ตอนนี้คุณแม่มีน้ำหนักขึ้นอีก 15 กก
00:19:48 → 00:19:52 มันก็เลยเปลี่ยนไปแล้วคุณแม่ก็สวยขึ้นใช่
00:19:52 → 00:19:55 ไหมคะคุณแม่ก็หน้าตาสวยขึ้นกว่าเดิมพ่อ
00:19:55 → 00:19:58 ต้องปลอบว่าไม่ใช่ลูกนี้แม่ยังไม่เชื่อ
00:19:58 → 00:20:02 เลยนะคะต้องมายืนยันเห็นเชื่อว่าว่าเนี่ย
00:20:02 → 00:20:04 ค่ะมันมีผลขนาดเด็กเล็กและเด็กผู้ชายด้วย
00:20:04 → 00:20:08 เห็นไหมคะคืออันนี้อาจจะเป็นด้วยความที่
00:20:08 → 00:20:13 ยุคตอนนี้มันเป็นเขาเรียกว่า Gen Zen
00:20:13 → 00:20:15 Alpha หรืออะไรเราอาจจะไม่คิดว่าเขาจะ
00:20:15 → 00:20:18 รู้สึกหรืออะไรแบบนั้นนะคะแต่ว่าจริงๆเขา
00:20:18 → 00:20:20 ๆมีความรู้สึกนะแล้วเขาอาจจะไม่ได้เหมือน
00:20:20 → 00:20:23 เราตอนสมัยเด็กๆที่แบบเราอาจจะยังไม่เข้า
00:20:23 → 00:20:26 ใจอะไรแต่เด็กยุคนี้สมัยนี้เขาเรียนรู้
00:20:26 → 00:20:29 ได้เร็วแล้วเขาเห็นเขารู้อ่ะเหมือนแบบ
00:20:29 → 00:20:33 เอ่อเรียกว่าอะไรดีอ่ะเขาๆเขาจะเห็นปัญหา
00:20:33 → 00:20:36 เขาจะเข้าใจอะไรได้แบบมากกว่าที่ตอนที่
00:20:36 → 00:20:39 เรายังค่ะเป็นเด็กดีด้วยซ้ำ
00:20:39 → 00:20:42 หรอกแต่เด็กเล่นค่ะเขารู้มากเพราะว่าช่อง
00:20:42 → 00:20:45 ทางแชนเนลเขาเยอะจึงจะรับข่าวสารอะไรต่าง
00:20:45 → 00:20:46 ๆจริงซึ่ง
00:20:46 → 00:20:49 เอ่อถ้าอย่างเงี้ยโมโนราห์มี่รักเดียวใจ
00:20:49 → 00:20:52 เดียวเนี่ยคือเราควรจริงๆจะให้มันเป็น
00:20:52 → 00:20:53 พื้นฐานของ
00:20:53 → 00:20:56 สังคมจริงๆมันเป็นพื้นฐานที่ถูกต้องมา
00:20:56 → 00:20:58 อยู่แล้วแหละเพียงแต่ว่าตอนเนี้ยมันกลาย
00:20:58 → 00:21:02 เป็นเรื่องของการที่เราจะไม่ค่อยได้ให้
00:21:02 → 00:21:06 ความสำคัญน่ะกลายเป็นแบบเออการนักเดียวใจ
00:21:06 → 00:21:08 เดียวมันเป็นเรื่องที่แบบเราต้องยกย่อง
00:21:08 → 00:21:10 เชิดชู
00:21:10 → 00:21:13 คือเป็นการที่มองใช้คำว่าอะไรคะเดี๋ยวนี้
00:21:13 → 00:21:16 หลายคนอันนี้เคยเจอนะคะเคยเจอแล้วกันว่า
00:21:16 → 00:21:20 มีมีสาวๆเนี่ยก็บอกว่าเราจะไปรักเดียวใจ
00:21:20 → 00:21:23 เดียวทำไมผู้ชายยังหลายใจได้เลยเราก็หลาย
00:21:23 → 00:21:27 ใจได้เหมือนกันเพราะสิทธิเสรีภาพ
00:21:27 → 00:21:29 เพราะฉะนั้นบางทีเนี่ยอาจารย์ก็จะบอกว่า
00:21:29 → 00:21:33 สิทธิเสรีภาพเนี่ยมันมีก็จริงนะคะแต่เรา
00:21:33 → 00:21:35 ควรใช้หรือเปล่าในบางเรื่อง
00:21:35 → 00:21:38 นั่นคือเราต้องคิดใช่ไหมคะแต่ถ้าคนเรามี
00:21:38 → 00:21:42 มโนธรรมมีจริยธรรมในตัวเองที่จะคิดว่า
00:21:42 → 00:21:46 อะไรดีอะไรไม่ดีเนี่ยเมื่อเราไม่ชอบให้
00:21:46 → 00:21:49 ใครเขาทำอะไรกับเราเราก็ไม่ควรทำสิ่งนั้น
00:21:49 → 00:21:53 กับคนอื่นใช่ไหมคะเช่นการนอกใจเนี่ยเราก็
00:21:53 → 00:21:56 ไม่อยากให้คนอื่นแล้วนอกใจเราเราก็ควรจะ
00:21:56 → 00:21:59 ไม่นอกใจคนอื่นด้วยถ้าทุกคนคิดอย่างเงี้ย
00:21:59 → 00:22:03 มันก็คงจะสงบนะคะแต่วันนี้บางคนมันก็มี
00:22:03 → 00:22:05 หลักคิดแปลกๆนะฮะแปลกแปลกกว่าเราแล้วกัน
00:22:05 → 00:22:08 นะคะแปลกกว่าเราจะมาบอกว่าเขาแปลกหรือเขา
00:22:08 → 00:22:10 จะเคืองเราเอาอีกนะคะก็คือ
00:22:10 → 00:22:12 สมมุติว่าคนนี้เขามีคู่แล้วแต่แอนชอบอ่ะ
00:22:12 → 00:22:17 ฉันจะเอาอ่ะเออแล้วฉันก็จะเอาให้ได้อ่ะก็
00:22:17 → 00:22:20 จะทำทุกวิถีทางที่จะต้องแย่งคู่ของคนอื่น
00:22:20 → 00:22:21 เข้ามาให้ได้
00:22:21 → 00:22:25 มันก็เป็นความคิดของเขาใช่ไหมคะแต่ถามว่า
00:22:25 → 00:22:27 มันถูกหรือผิดล่ะมันก็ไม่ถูกอ่ะมันก็ไม่
00:22:27 → 00:22:30 ถูกใช่ไหมคะเหมือนเราไปขโมยของคนอื่นเข้า
00:22:30 → 00:22:32 มาแล้วขโมยซึ่งๆหน้าด้วยอะไรอย่างงี้เป็น
00:22:32 → 00:22:35 ต้นเพราะฉะนั้นอย่างนี้โลกมันก็ไม่มีไม่
00:22:35 → 00:22:38 มีความสงบอ่ะค่ะเพราะหลายคนในยุคใหม่
00:22:38 → 00:22:40 เนี่ยเฮ้ยจะบอกชีวิตมันสั้น
00:22:40 → 00:22:43 อะไรโกยได้เป็นความสุขของเราแล้วก็โกยมา
00:22:43 → 00:22:47 ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรกับใครหรอกต่อให้ถึง
00:22:47 → 00:22:49 ยังไงเนี่ยถ้าเกิดว่าฝั่งนั้นเขาไม่รู้
00:22:49 → 00:22:53 ว่าเรานึกว่ามีเราก็ไม่เป็นไรเพราะว่าเขา
00:22:53 → 00:22:56 ไม่ไม่ได้รู้สึกก็เป็นเหตุผลที่เข้าข้าง
00:22:56 → 00:22:58 ตัวเองทั้งนั้นแหละค่ะเป็นเพื่อนบอกฉัน
00:22:58 → 00:23:00 ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนฉันจะอยู่ในส่วน
00:23:00 → 00:23:03 ของฉันแต่มันไม่จริงหรอกค่ะสมมุติว่าผู้
00:23:03 → 00:23:07 ชายคนนี้เขามีลูกมีภรรยาเวลาคนเรามี 24
00:23:07 → 00:23:08 ชั่วโมง
00:23:08 → 00:23:11 คุณดึงของเขาไป 3 ชั่วโมงลูกเมียเขาเสีย
00:23:11 → 00:23:14 ไปแล้ว 3 ชั่วโมงเห็นไหมคะจะมาบอกว่าเรา
00:23:14 → 00:23:17 ไม่ไม่ไม่ได้ไปเอาอะไรของใครเนี่ยมันไม่
00:23:17 → 00:23:20 ได้หรอกถึงต่อให้คนนั้นน่ะจะมาหาเราเถอะ
00:23:20 → 00:23:24 เออแต่ว่าในความรู้สึกของของดีคือว่าคำ
00:23:24 → 00:23:26 ว่ารักเดียวใจเดียวอ่ะมันจะอยู่กับผู้
00:23:26 → 00:23:29 หญิงมากกว่าอันนี้ส่วนตัวเพราะว่าจาก
00:23:29 → 00:23:32 สถิติเนี่ยโอ้ยนี่เอาสถิติมาให้ดูเยอะเลย
00:23:32 → 00:23:36 นะคะจากการวิจัยเนี่ยเราพบว่าเอาทั่วๆไป
00:23:36 → 00:23:38 แล้วกันนะคะที่เขาทำวิจัยเนี่ยมีคนที่ทำ
00:23:38 → 00:23:41 ไว้ใจในกลุ่มประเทศนะฮะมีประเทศไทย
00:23:41 → 00:23:45 แทนซาเนียไอ้ very close นะคะเขาจะบอก
00:23:45 → 00:23:48 ว่าใน 3 ประเทศเนี่ยเขาเอาโดยรวมนะคะจะพบ
00:23:48 → 00:23:51 ว่าคนที่มีมีเซ็กส์นอกสมรสเนี่ยนะฮะก็คือ
00:23:51 → 00:23:56 มีเอ่อประมาณ 16 ถึง 34% ในผู้ชายและใน
00:23:56 → 00:23:59 ผู้หญิงเนี่ยน้อยกว่ามากเลยนะคะในประเทศ
00:23:59 → 00:24:03 ในซีเรียนะคะผู้ชายเนี่ยจะมีเซ็กส์นอก
00:24:03 → 00:24:05 สมรสประมาณ 47-53
00:24:05 → 00:24:08 % ในขณะที่ผู้หญิงเนี่ยมีแค่ 18 ถึง 3
00:24:08 → 00:24:13 16% ในสหรัฐอเมริกาผู้ชายจะมี Sex นอก
00:24:13 → 00:24:16 สมรสเนี่ย 14-43% น้อยกว่าแทนซาเนียนะคะ
00:24:16 → 00:24:20 เพราะว่าสหรัฐเนี่ยเขาฟรีเซ็กส์มาตลอดนึก
00:24:20 → 00:24:22 ออกไหมคะแต่พอแต่งงานปุ๊บเนี่ยเขาจะหยุด
00:24:22 → 00:24:25 ฟรีเซ็กซ์โดยปกตินะคะเพราะฉะนั้นอาการมี
00:24:25 → 00:24:28 Sex นอกสมรสคือแต่งงานแล้วเนี่ยมันจึง
00:24:28 → 00:24:32 น้อยกว่านะคะก็คือ 15 ประมาณถึง 43% ผู้
00:24:32 → 00:24:35 หญิงเนี่ยมีประมาณ 12 ถึง 26% เพราะ
00:24:35 → 00:24:39 ฉะนั้นมันมันก็เห็นในแง่ของในเรื่องของ
00:24:39 → 00:24:42 กายวิภาคและสรีระวิทยานะคะว่าผู้หญิงเรา
00:24:42 → 00:24:44 เนี่ยมันมีฮอร์โมนมีอะไรบางตัวที่แตกต่าง
00:24:44 → 00:24:47 จากผู้ชายนะคะในเรื่องของการควบคุมหรือใน
00:24:47 → 00:24:50 เรื่องเซ็กส์ในเรื่องคุมความอยากของตัว
00:24:50 → 00:24:52 เองอะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็ทำได้มากกว่า
00:24:52 → 00:24:55 ผู้ชายแล้วก็ผู้หญิงมีอ๊อกซี่โตซินที่มัก
00:24:55 → 00:24:59 จะซื่อสัตย์ต่อคู่ครองนะในขณะที่ผู้ชาย
00:24:59 → 00:25:03 ไม่มีตัวนี้ค่ะฮ่าๆๆตรงไหนได้บ้าง
00:25:03 → 00:25:05 ฉีดเข้าเส้นเลยค่ะเออ
00:25:05 → 00:25:09 คือมันมันก็มีเป็นสถิติมาอันนี้อันนี้โดย
00:25:09 → 00:25:13 คร่าวๆนะคะค่ะเพราะฉะนั้นก็จริงๆ
00:25:13 → 00:25:16 monogrammy รักเดียวใจเดียวมีอยู่แหละมี
00:25:16 → 00:25:18 ค่ะมีอยู่ค่ะยังยืนยันว่ามีเพราะคนที่จะ
00:25:18 → 00:25:20 ไม่พารู้จักเนี่ยหลายคู่
00:25:20 → 00:25:23 นะคะเขาก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้นแต่ถ้า
00:25:23 → 00:25:25 เกิดหาไม่เจอไม่เป็นไรเราก็รักตัวเราเอง
00:25:25 → 00:25:29 ไปก่อนนะคะรักตัวเองให้เป็นค่ะและรับรอง
00:25:29 → 00:25:31 ว่าตัวเราเองไม่ทรยศเราตัวเราแน่เลยค่ะ
00:25:31 → 00:25:34 ใช่ๆนะคะอะไรสิ่งที่มันถูกต้องทำให้มัน
00:25:34 → 00:25:35 ถูกต้องให้มันก็จะมีความสุขค่ะมันก็จะไม่
00:25:36 → 00:25:38 มีปัญหาแต่ถ้าเกิดทำอะไรที่มันไม่ถูกต้อง
00:25:38 → 00:25:40 เมื่อไหร่ปัญหามันตามมาแน่แค่ช้าหรือเร็ว
00:25:40 → 00:25:43 นะคะฝากเอาไว้ให้คิด
00:25:43 → 00:25:46 วันนี้ขอบคุณอาจารย์คะที่มาร่วมพูดคุยนะ
00:25:46 → 00:25:49 คะสวัสดีค่ะอาจารย์คะค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะ
00:25:49 → 00:25:51 ค่ะคุณผู้ฟังทั้งหมดเวลาแล้วนะคะกับราย
00:25:51 → 00:25:53 การโรงหมอของเราในวันนี้ค่ะพบกันใหม่
00:25:54 → 00:25:55 ครั้งหน้านะคะขอบคุณที่ติดตามรับฟังค่ะ
00:25:55 → 00:25:59 วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ This Is Choice
00:25:59 → 00:26:02 เมื่อหมดหน้าร้อนก็ต่อด้วยหน้าฝนร่างกาย
00:26:02 → 00:26:05 ปรับตัวไม่ทันเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทาง
00:26:05 → 00:26:08 เดินหายใจเสี่ยงอย่างไรแพทย์หญิงกิตติยา
00:26:08 → 00:26:11 ศรีเลิศฟ้าท่านอายุรกรรมฝ่ายการแพทย์ AIA
00:26:11 → 00:26:12 มาเล่าให้ฟังครับ
00:26:12 → 00:26:16 ฤดูฝนเนี่ยมันเสี่ยงต่อการเกิดโรคแล้วเรา
00:26:16 → 00:26:19 คิดว่าตอนนี้สภาพอากาศร้อนจัดกำลังจะผ่าน
00:26:19 → 00:26:22 ไปก็จะเริ่มเข้าสูงฤดูกาลที่สร้างความ
00:26:22 → 00:26:25 ชุ่มฉ่ำให้อากาศเย็นสบายมากขึ้นวงเล็บ
00:26:25 → 00:26:28 ร้อนน้อยลงแล้วก็ความชื้นยังไงความชื้นก็
00:26:28 → 00:26:30 จะเพิ่มขึ้นใช่ไหมอันนี้เป็นสาเหตุทำให้
00:26:30 → 00:26:33 โรคหลายชนิดเลยเนี่ยแพร่ระบาดได้ง่ายแล้ว
00:26:33 → 00:26:36 ก็รวดเร็วสภาพร่างกายในช่วงที่มีอากาศ
00:26:36 → 00:26:39 เย็นและก็ชื้นจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายโรค
00:26:39 → 00:26:44 ที่มากับหน้าฝนเนี่ยกรมควบคุมโรคเนี่ยได้
00:26:44 → 00:26:47 ออกประกาศเตือนประชาชนนะส่วนใหญ่ก็จะมี
00:26:47 → 00:26:51 กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจก็เป็นไข้หวัด
00:26:51 → 00:26:56 ไข้หวัดใหญ่คออักเสบหลอดลมอักเสบปอด
00:26:56 → 00:27:00 อักเสบนะคะหรือว่าเราเรียกว่าปอดบวมโรค
00:27:00 → 00:27:03 หวัดเนี่ยจริงๆมันก็พบได้ตลอดปีแหละอาจจะ
00:27:03 → 00:27:06 พบมากในฤดูฝนนะถึงแม้จะไม่รุนแรงนะแต่ว่า
00:27:06 → 00:27:10 บางคนปล่อยทิ้งไว้เรื้อรังเลยเนี่ยก็อาจ
00:27:10 → 00:27:12 จะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณโพรง
00:27:12 → 00:27:16 จมูกก็ทำให้เกิดโรคไซนัสแล้วก็เป็นหวัด
00:27:16 → 00:27:19 เรื้อรังต่อไปได้นะฮะไข้หวัดธรรมดานี่
00:27:19 → 00:27:23 แหละทีนี้ประสำคัญคือไข้หวัดใหญ่นี่สิไข้
00:27:23 → 00:27:25 หวัดใหญ่เนี่ยมันก็จะรุนแรงกว่าไข้หวัด
00:27:25 → 00:27:29 หน่อยนะคะมีไข้สูงเฉียบพลันหนาวสั่นปวด
00:27:29 → 00:27:32 ศีรษะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมากอ่อนเพลียมาก
00:27:32 → 00:27:37 ไอมีน้ำมูกเจ็บคอที่สำคัญคือเขาจะพบภาวะ
00:27:37 → 00:27:40 แทรกซ้อนมากกว่าไข้หวัดถูกไหมโดยเฉพาะ
00:27:40 → 00:27:44 กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่พวกที่มีโรค
00:27:44 → 00:27:48 ประจำตัวเรื้อรังเช่นโรคปอดโรคหัวใจโรคไต
00:27:48 → 00:27:52 เบาหวานผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
00:27:52 → 00:27:56 กลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินมากกว่าร้อยกิโล
00:27:56 → 00:28:00 หญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 3 แล้ว
00:28:00 → 00:28:02 ก็กลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปีอันนี้
00:28:02 → 00:28:05 ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิด
00:28:05 → 00:28:10 ภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ได้
00:28:10 → 00:28:15 This Is Choice
00:28:15 → 00:28:18 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:18 → 00:28:20 ของไทย
00:28:20 → 00:28:23 spotify Sound Cloud Google podcast
00:28:23 → 00:28:25 Apple podcast และ YouTube Channel
00:28:25 → 00:28:28 Thai PBS port
00:28:28 → 00:28:32 ค่ะ beautiful
00:28:32 → 00:28:38 [เพลง]