00:00:06 → 00:00:08 ปริศนามีอยู่ว่า:
00:00:08 → 00:00:11 แฝดแท้เกิดมาจากดีเอ็นเอชุดเดียวกัน
00:00:11 → 00:00:14 แล้วทำไมพวกเขาถึงต่างกัน
00:00:14 → 00:00:17 แม้แต่ในลักษณะหลัก ๆ ที่เป็นผลจากพันธุกรรม
00:00:17 → 00:00:21 ตัวอย่างเช่น ทำไมแฝดคนหนึ่ง จึงเป็นโรคหัวใจตอนอายุ 55
00:00:21 → 00:00:25 ในขณะที่น้องสาววิ่งมาราธอน และแข็งแรงดี
00:00:25 → 00:00:27 ธรรมชาติและการเลี้ยงดู มีส่วนสำคัญอย่างมาก
00:00:27 → 00:00:33 แต่คำตอบที่ลึกซึ้งกว่านั้น อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า เอพิเจเนติกส์
00:00:33 → 00:00:35 คือการศึกษาว่า ดีเอ็นเอมีปฏิสัมพันธ์อย่างไร
00:00:35 → 00:00:39 กับโมเลกุลเล็ก ๆ ทั้งหลายในเซลล์
00:00:39 → 00:00:43 ซึ่งสามารถกระตุ้นหรือยับยั้งยีนได้
00:00:43 → 00:00:45 ถ้าเปรียบดีเอ็นเอเป็นตำราอาหาร
00:00:45 → 00:00:49 โมเลกุลเหล่านี้จะกำหนดว่า อะไรจะถูกปรุงขึ้นเมื่อไร
00:00:49 → 00:00:53 พวกมันไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
00:00:53 → 00:00:58 แต่การมีอยู่และความเข้มข้นของพวกมัน ภายในเซลล์ต่างหากที่สร้างความแตกต่าง
00:00:58 → 00:01:00 กระบวนการเป็นอย่างไร
00:01:00 → 00:01:05 ยีนในดีเอ็นเอจะถูกแสดงออกเมื่อถูกอ่าน และถ่ายทอดสู่อาร์เอ็นเอ
00:01:05 → 00:01:10 ซึ่งจะถูกแปลรหัสไปเป็นโปรตีน โดยโครงสร้างที่ชื่อว่า ไรโบโซม
00:01:10 → 00:01:15 และโปรตีนเป็นส่วนสำคัญ ในการกำหนดลักษณะและหน้าที่ของเซลล์
00:01:15 → 00:01:21 การเปลี่ยนเอพิเจเนติกส์สามารถเร่ง หรือรบกวนการลอกรหัสของบางยีน
00:01:21 → 00:01:25 วิธีการรบกวนที่พบได้ทั่วไปที่สุด ก็คือดีเอ็นเอ
00:01:25 → 00:01:27 หรือโปรตีนที่มันพันรอบ
00:01:27 → 00:01:30 มีสารเคมีเล็ก ๆ ติดอยู่เหมือนป้ายฉลาก
00:01:30 → 00:01:33 ชุดของฉลากสารเคมีทั้งหมด ที่ติดอยู่กับจีโนม
00:01:33 → 00:01:35 ของเซลล์หนึ่ง ๆ
00:01:35 → 00:01:37 เรียกว่า เอพิจีโนม
00:01:37 → 00:01:41 บางตัว อย่างเช่น หมู่เมธิล ยับยั้งการแสดงออกของยีน
00:01:41 → 00:01:44 โดยขัดขวางกลไกการลอกรหัสของเซลล์
00:01:44 → 00:01:48 หรือทำให้ดีเอ็นเอขดแน่นขึ้น
00:01:48 → 00:01:49 และเข้าถึงได้ยาก
00:01:49 → 00:01:52 ยีนยังอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ทำงาน
00:01:52 → 00:01:55 การเร่งการลอกรหัสนั้นตรงกันข้าม
00:01:55 → 00:02:00 บางฉลากเคมีจะคลายเกลียวดีเอ็นเอให้ ลอกรหัสได้ง่ายขึ้น
00:02:00 → 00:02:04 ซึ่งเร่งการผลิตโปรตีนที่เกี่ยวข้อง
00:02:04 → 00:02:07 การเปลี่ยนเอพิเจเนติกส์ยังคงอยู่ หลังจากการแบ่งเซลล์
00:02:07 → 00:02:11 ซึ่งแปลว่า ยังคงมีผล ต่อสิ่งมีชีวิตไปตลอดชีวิต
00:02:11 → 00:02:13 บางครั้ง ก็เป็นเรื่องดี
00:02:13 → 00:02:16 การเปลี่ยนเอพิเจเนติกส์เป็นส่วนหนึ่ง ของการเจริญเติบโตตามปกติ
00:02:16 → 00:02:19 เซลล์ในเอ็มบริโอเริ่มต้น ด้วยจีโนมหลักชุดเดียว
00:02:19 → 00:02:22 เมื่อเซลล์แบ่งตัว บางยีนจะถูกกระตุ้นให้ทำงาน
00:02:22 → 00:02:24 และบางยีนถูกยับยั้งการทำงาน
00:02:24 → 00:02:27 เมื่อเวลาผ่านไป การจัดระบบด้วย เอพิเจเนติกส์นี้ทำให้
00:02:27 → 00:02:29 บางเซลล์กลายเป็นเซลล์หัวใจ
00:02:29 → 00:02:31 และเซลล์อื่นกลายเป็นเซลล์ตับ
00:02:31 → 00:02:34 เซลล์ประมาณ 200 ชนิดในร่างกายของคุณ
00:02:34 → 00:02:37 ล้วนมีจีโนมเหมือนกัน
00:02:37 → 00:02:39 แต่มีเอพิจีโนมที่แตกต่างกันออกไป
00:02:39 → 00:02:43 เอพิจีโนมยังกำกับการสื่อสาร
00:02:43 → 00:02:45 ระหว่างยีนกับสิ่งแวดล้อมไปตลอดชีวิต
00:02:45 → 00:02:48 ฉลากสารเคมีที่เปิดและปิดยีน
00:02:48 → 00:02:51 เปลี่ยนไปตามหลายปัจจัย เช่น การบริโภค
00:02:51 → 00:02:52 การสัมผัสสารเคมี
00:02:52 → 00:02:54 และการใช้ยา
00:02:54 → 00:02:58 ผลจากการเปลี่ยนเอพิเจเนติกส์ อาจนำไปสู่โรคในที่สุด
00:02:58 → 00:03:04 ตัวอย่างเช่น ถ้าหากมันปิดการทำงาน ของยีนที่สร้างโปรตีนยับยั้งเนื้องอก
00:03:04 → 00:03:07 การเปลี่ยนแปลงเอพิเจเนติกส์จาก สิ่งแวดล้อมเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง
00:03:07 → 00:03:13 ว่าทำไมแฝดที่มียีนเหมือนกัน จึงเติบโตขึ้นมามีชีวิตที่แตกต่างกันมาก
00:03:13 → 00:03:16 เมื่อแฝดทั้งคู่อายุมากขึ้น เอพิจีโนมของพวกเขาก็ยิ่งแตกต่าง
00:03:16 → 00:03:20 ซึ่งส่งผลต่อการชราภาพ และความอ่อนไหวต่อโรคของพวกเขา
00:03:20 → 00:03:24 แม้แต่ประสบการณ์ทางสังคมก็ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเอพิเจเนติกส์
00:03:24 → 00:03:26 ในการทดลองหนึ่งที่โด่งดัง
00:03:26 → 00:03:29 เมื่อแม่หนูไม่ได้ให้การดูแลลูก ๆ ของมัน อย่างเพียงพอ
00:03:29 → 00:03:34 ยีนในลูกหนูที่ช่วยให้พวกมัน จัดการความเครียดถูกติดหมู่เมธิล
00:03:34 → 00:03:36 และปิดการทำงาน
00:03:36 → 00:03:38 และอาจไม่ได้หยุดอยู่แค่หนูรุ่นนั้น
00:03:38 → 00:03:43 ร่องรอยเอพิเจเนติกส์ส่วนใหญ่ จะหายไปเมื่อสร้างเซลล์ไข่และสเปิร์ม
00:03:43 → 00:03:47 แต่ตอนนี้ นักวิจัยคิดว่าบางร่องรอย สามารถคงอยู่
00:03:47 → 00:03:51 และถ่ายทอดลักษณะทางเอพิเจเนติกต่อไป ยังรุ่นต่อไป
00:03:51 → 00:03:55 ประสบการณ์วัยเด็กของแม่หรือพ่อของคุณ
00:03:55 → 00:03:57 หรือทางเลือกเมื่อเป็นผู้ใหญ่
00:03:57 → 00:04:00 อาจปรับแต่งเอพิจีโนมของคุณ
00:04:00 → 00:04:02 แต่แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเอพิเจเนติกส์ จะฝังแน่น
00:04:02 → 00:04:04 แต่ก็ไม่อยู่อย่างถาวรเสมอไป
00:04:04 → 00:04:07 การใช้ชีวิตอย่างสมดุลที่มี การบริโภคอย่างถูกสุขลักษณะ
00:04:07 → 00:04:08 การออกกำลังกาย
00:04:08 → 00:04:10 และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งเจือปน
00:04:10 → 00:04:14 อาจช่วยสร้างเอพิจีโนมที่สมบูรณ์แข็งแรง ในระยะยาว
00:04:14 → 00:04:17 ตอนนี้เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้น ในการศึกษาเอพิเจเนติกส์
00:04:17 → 00:04:19 นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะเริ่มเข้าใจ
00:04:19 → 00:04:24 ว่าเอพิเจเนติกส์จะอธิบายกลไกการเติบโต และการแก่ชราในมนุษย์ได้อย่างไร
00:04:24 → 00:04:26 รวมถึงการเกิดมะเร็ง
00:04:26 → 00:04:27 โรคหัวใจ
00:04:27 → 00:04:28 โรคทางประสาท
00:04:28 → 00:04:29 การเสพติด
00:04:29 → 00:04:31 และอาการอื่น ๆ
00:04:31 → 00:04:35 เทคโนโลยีใหม่ในการแก้ไขจีโนม ทำให้ระบุได้ง่ายขึ้น
00:04:35 → 00:04:40 ว่าการเปลี่ยนแปลงเอพิเจเนติกส์ไหน ที่สำคัญต่อสุขภาพและการเกิดโรค
00:04:40 → 00:04:44 เมื่อเราเข้าใจว่าเอพิจีโนม มีอิทธิพลต่อเราอย่างไร
00:04:44 → 00:04:46 เราก็อาจจะสามารถมีอิทธิพลเหนือมันได้เช่นกัน