00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับผมชื่อว่าหลายๆท่านนะครับก็คง
00:00:02 → 00:00:06 จะเคยได้ยินว่าใช้ยาไปนานๆแล้วตับไตมันจะ
00:00:06 → 00:00:09 เสียนะครับเหมือนกับผมเนี่ยที่เคยได้ยิน
00:00:09 → 00:00:12 มาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าเวลาที่เราใช้ยา
00:00:12 → 00:00:14 อะไรนานๆเนี่ยนะครับเราก็จะเกรงว่ามันมี
00:00:14 → 00:00:17 ผลต่อร่างกายต่างๆมานานนะครับมันมีข้อ
00:00:17 → 00:00:19 เท็จจริงอย่างไรวันนี้ผมก็จะเอาเรื่องนี้
00:00:19 → 00:00:22 มาเล่าให้ฟังเลยนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:22 → 00:00:24 แพทย์ทันทีทันทีเยาว์นะครับเป็นอาจารย์
00:00:24 → 00:00:26 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับ
00:00:26 → 00:00:28 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายอ่อนและเกล็ด
00:00:28 → 00:00:31 บำบัดนะครับสำหรับเรื่องที่ว่าเราใช้ยา
00:00:31 → 00:00:34 นานๆแล้วเนี่ยตับไตเราจะเสียเนี่ยนะครับ
00:00:34 → 00:00:37 มันมีจริงๆนะครับแต่ต้องมีแต่ด้วยนะครับ
00:00:37 → 00:00:41 มันเป็นเฉพาะกับยาบางชนิดเท่านั้นยาที่
00:00:41 → 00:00:43 ยอดฮิตเลยนะครับที่ใช้นานๆแล้วเนี่ยมันจะ
00:00:43 → 00:00:46 มีปัญหาก็คือยากลุ่มที่เป็นยาแก้ปวดชนิด
00:00:46 → 00:00:49 หนึ่งเช่นยา nsafe นะครับหรือที่มีตัว
00:00:49 → 00:00:52 เต็มว่านอนสเตียรอยด์ก็ anthai
00:00:52 → 00:00:55 stronotorrush นะครับยกตัวอย่างเช่นยา
00:00:55 → 00:00:57 ไอบูโพรเฟนนะครับยา
00:00:57 → 00:01:00 พอนสแตนยานมาพรอกเส้นนะครับพวกเนี้ยเป็น
00:01:00 → 00:01:01 ต้นหรือ
00:01:01 → 00:01:04 ไดโคลฟีแนคโบทาเร็มที่แบบเป็นกินแบบยากิน
00:01:04 → 00:01:06 หรือยาฉีดเนี่ยนะครับพวกนี้ถ้าเราใช้ต่อ
00:01:06 → 00:01:09 เนื่องนานๆนะครับมันจะมีผลทำให้ไตของเรา
00:01:09 → 00:01:12 เนี่ยเสื่อมได้นะครับอ่าไตมันจะเสื่อมได้
00:01:12 → 00:01:15 เราก็มีภาวะอย่างอื่นแทรกซ้อนตามมาเช่น
00:01:15 → 00:01:17 บางคนมีอาการน้ำท่วมปอดได้นะครับโดยเฉพาะ
00:01:17 → 00:01:20 คนที่มีปัญหาทางด้านโรคหัวใจอยู่แล้วนะฮะ
00:01:20 → 00:01:22 หรือมีปัญหาโรคไตอยู่แล้วการใช้ยากลุ่ม
00:01:22 → 00:01:25 นี้เนี่ยก็จะเป็นสิ่งที่หมอไม่แนะนำนะ
00:01:25 → 00:01:29 ครับอ่านี่เป็นตัวซึ่งถามว่าทำไมเราถึง
00:01:29 → 00:01:31 พูดถึงตัวนี้มันก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่
00:01:31 → 00:01:33 เนี่ยเข้าถึงยากลุ่มนี้ได้ง่ายนะครับเป็น
00:01:33 → 00:01:37 อะไรโปรดนิดนึงก็ไปกินนะครับหรือไปหาหมอ
00:01:37 → 00:01:40 เนี่ยนะครับบางทีก็ได้ยาเดิมๆแล้วก็มากิน
00:01:40 → 00:01:42 อยู่เรื่อยๆมันก็เลยทำให้มีปัญหาทางด้าน
00:01:42 → 00:01:44 โรคไตได้นะครับ
00:01:44 → 00:01:48 อย่างไรก็ตามยากลุ่มอื่นๆที่มีปัญหาเนี่ย
00:01:48 → 00:01:53 ถ้ามันจะมีเนี่ยมันมักจะเป็นสิ่งที่หมอจะ
00:01:53 → 00:01:56 ต้องมีการตรวจติดตามอยู่แล้วนะครับเวลา
00:01:56 → 00:01:59 ก่อนที่หมอจะสั่งจ่ายยาชนิดหนึ่งเนี่ยนะ
00:01:59 → 00:02:01 ครับเราจะต้องมีการพิจารณาข้อดีข้อเสีย
00:02:01 → 00:02:06 ก่อนนะครับของการใช้ยาขั้นแรกเราต้องรู้
00:02:06 → 00:02:09 เสมอเลยโอเคทุกๆอย่างในโลกนี้นะครับมัน
00:02:09 → 00:02:12 ไม่มีอะไรปลอดภัย 100% มันจะต้องมีข้อดี
00:02:12 → 00:02:15 และมันก็ต้องมีข้อเสียนะครับถ้าท่านเห็น
00:02:15 → 00:02:18 แต่ข้อดีของมันอันนั้นแปลว่าท่านอาจจะมอง
00:02:18 → 00:02:21 ข้ามอะไรไปสักอย่างนึงนะครับแต่ถ้าท่าน
00:02:21 → 00:02:23 เห็นแต่ข้อเสียของมันอันนั้นก็อาจจะไม่
00:02:23 → 00:02:26 ใช่แล้วนะครับยกตัวอย่างเช่นอะไรนะครับ
00:02:26 → 00:02:30 ถ้าท่านเป็นเบาหวานบางคนก็บอกว่าเนี่ยกิน
00:02:30 → 00:02:34 ยาเบาหวานนานๆไตมันเสื่อมนะอ่าไตมัน
00:02:34 → 00:02:35 เสื่อมแล้วเนี่ยลองดูสิที่พี่คนนั้นเนี่ย
00:02:35 → 00:02:38 เขาเป็นเบาหวานเขากินยาแล้วหมอไปถึงปุ๊บ
00:02:38 → 00:02:40 น้ำตาลไม่ลงก็ให้ยาเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น
00:02:40 → 00:02:41 เพิ่มขึ้นสุดท้ายแล้วเนี่ยเห็นมั้ยต้องไป
00:02:41 → 00:02:44 ฉีดอินซูลินไต่เขาก็เสื่อมเคยได้ยินไหม
00:02:44 → 00:02:48 ครับอ้าถามว่าทำไมตายถึงเสื่อมตอบนี้นะ
00:02:48 → 00:02:50 ครับมันไม่ใช่เพราะยาครับมันเป็นเพราะว่า
00:02:50 → 00:02:54 เบาหวานคุมไม่ได้ครับมันไม่เกี่ยวอะไรกับ
00:02:54 → 00:02:56 ยานะแล้วบางคนอาจจะบอกว่าเฮ้ยไม่จริงหรอก
00:02:56 → 00:02:59 เพราะว่าเวลาที่ไตเสื่อมทำไมหมอให้ถึงถึง
00:02:59 → 00:03:02 ให้หยุดยาเบาหวานถ้ายาเบาหวานไม่ทำให้ไต
00:03:02 → 00:03:05 เสื่อมทำไมต้องหยุดยามันเป็นอย่างนี้ครับ
00:03:05 → 00:03:10 เวลาที่เบาหวานทำให้มันไตเสียนะฮะไตมัน
00:03:10 → 00:03:13 เสียจากเบาหวานไปแล้วแล้วเราไปกินยาลดน้ำ
00:03:13 → 00:03:17 ตาลบางชนิดนะครับมันต้องขับออกทางไต
00:03:17 → 00:03:20 แล้วถ้าไตเราเสียมันขับไม่ออกแล้วจะเกิด
00:03:20 → 00:03:24 อะไรขึ้นครับเกิดน้ำตาลต่ำน้ำตาลต่ำแบบ
00:03:24 → 00:03:27 รุนแรงทำให้มีปัญหาได้นั่นจึงเป็นสาเหตุ
00:03:27 → 00:03:30 ที่ทำไมหมอจึงหยุดยาเบาหวานในคนที่มีโรค
00:03:30 → 00:03:33 ไตแล้วจะต้องไปฉีดอินซูลินแทนนะครับโดย
00:03:33 → 00:03:37 อินซูลินก็จะต้องมีการประมาณขนาดที่เพียง
00:03:37 → 00:03:40 พอนะครับถ้ามันมากจนเกินไปก็จะเกิดน้ำตาล
00:03:40 → 00:03:42 ต่ำเช่นกันและถ้าเกิดคนที่เป็นโรคไตแบบ
00:03:42 → 00:03:46 มากๆจากเบาหวานนี้บางครั้งสามารถหยุดยา
00:03:46 → 00:03:49 ได้มีเหมือนกันนะครับมีเหมือนกันไม่ใช่
00:03:49 → 00:03:52 เพราะว่ายาเบาหวานทำให้ไตเสื่อมนะครับอัน
00:03:52 → 00:03:54 นั้นเข้าใจผิดเข้าใจผิดอย่างมหันต์เลย
00:03:54 → 00:03:57 ด้วยซ้ำไปนะฮะที่ยาเบาหวานไม่สามารถให้ใน
00:03:57 → 00:04:00 คนที่เป็นโรคไตได้เพราะว่ามันขับทางไปใน
00:04:00 → 00:04:02 หลายๆตัวแล้วมันจะทำให้น้ำตาลมันต่ำได้นะ
00:04:03 → 00:04:05 ครับอ่านี้ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดเพราะ
00:04:05 → 00:04:08 ว่าผมเคยได้ยิน influencer หลายๆท่าน
00:04:08 → 00:04:10 เนี่ยพูดว่ายาเบาหวานทำให้ไต่เสี่ยมัน
00:04:10 → 00:04:12 เกี่ยวอะไรกันเลยนะครับ
00:04:12 → 00:04:16 อีกอย่างหนึ่งก็คือว่าอย่ายกตัวอย่างเม็ด
00:04:16 → 00:04:19 ฟอร์มินนะครับเม็ดฟอร์มินเนี่ยเป็นยาซึ่ง
00:04:19 → 00:04:22 บางคนเอาไปใช้ชะลอวัยนะฮะแล้วเม็ดฟอร์มิน
00:04:22 → 00:04:24 เนี่ยมันมีผลต่อตับแล้วมันก็มีผลต่อไต
00:04:24 → 00:04:27 เช่นกันก็คือมันต้องมันต้องมีการผ่านการ
00:04:27 → 00:04:30 ทำงานที่ตัดแล้วก็ผ่านที่ไตถ้าคนไหนตัด
00:04:30 → 00:04:32 เสียเราไปกินแพลตฟอร์มเนี่ยเกิดเรื่อง
00:04:32 → 00:04:35 ครับเกิดเรื่องนะฮะถ้าไตเสียมากๆแล้วกิน
00:04:35 → 00:04:38 แมคฟอร์เมนก็เกิดปัญหาเช่นกันนะครับอ่า
00:04:38 → 00:04:40 บางคนมีภาวะกดในเลือดสูงจากตัวเม็ด
00:04:40 → 00:04:43 ฟอร์มินนะครับหรือว่ามันทำให้ระบบอ่า
00:04:43 → 00:04:45 ไมโตคอนเรลหรือระบบสร้างพลังงานของร่าง
00:04:45 → 00:04:48 กายมันผิดปกติไปจากตัวนี้ก็ได้แต่ถ้าเกิด
00:04:48 → 00:04:50 คนไหนที่มีโรคตับโรคไตแล้วจะไปกินเนี่ย
00:04:50 → 00:04:52 โดยไม่รู้ตัวเนี่ยก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้น
00:04:52 → 00:04:56 มาได้นะครับอ่าดังนั้นก่อนที่หมอเขาจะ
00:04:56 → 00:04:58 จ่ายยาอะไรเนี่ยเขาต้องประเมินก่อนโอเค
00:04:58 → 00:05:02 ถ้าคุณเป็นเบาหวานแล้วคุณปล่อยให้เบาหวาน
00:05:02 → 00:05:04 เนี่ยคุมไม่ได้แน่นอนมันจะมีผลข้างเคียง
00:05:04 → 00:05:07 เยอะเช่นอัตราเบาหวานขึ้นตาตาเสียนะครับ
00:05:07 → 00:05:10 เบาหวานลงไปไตเสียเบาหวานไปตามหลอดเลือด
00:05:10 → 00:05:13 หลอดเลือดตีบไอ้พวกนี้เป็นต้นเป็นโรคหัว
00:05:13 → 00:05:16 ใจเป็นโรคหลอดเลือดสมองปรับถ้าท่านกินยา
00:05:16 → 00:05:18 แล้วท่านบอกว่ากลัวว่ามันจะเป็นโรคไตโรค
00:05:18 → 00:05:21 อะไรหรือเปล่าท่านต้องมองอย่างนี้ครับถ้า
00:05:21 → 00:05:23 ท่านปล่อยเบาหวานคุณไม่ได้แล้วล่ะก็มัน
00:05:23 → 00:05:26 อันตรายมากกว่าการที่ท่านมีผลข้างเคียง
00:05:26 → 00:05:29 จากยาอีกเยอะแยะเลยนะครับนี่คือการชั่ง
00:05:29 → 00:05:33 น้ำหนักนะครับความดีแล้วก็ปัญหาของมันนะ
00:05:33 → 00:05:37 แล้วทีนี้บางคนบอกว่าเป็นเบาหวานเนี่ยนะ
00:05:37 → 00:05:40 ฮะเรามีวิธีให้มันหายขาดเราไปเอ่อทำ If
00:05:40 → 00:05:44 เราไปงดคาร์โบไฮเดรตเราไปออกกำลังกายทำ
00:05:44 → 00:05:45 ให้เบาหวานมันลดลงมาแล้วมันหายได้ไหมนะ
00:05:45 → 00:05:47 ครับก็ต้องตอบว่ามันสามารถที่จะช่วย
00:05:47 → 00:05:49 เรื่องของเบาหวานได้แล้วหมอก็แนะนำอยู่
00:05:49 → 00:05:52 แล้วตั้งแต่แรกนะครับเวลาไปหาหมอคนที่
00:05:52 → 00:05:54 เป็นเบาหวานเนี่ยเหมาะทุกคนก็จะพูดครับ
00:05:54 → 00:05:57 ว่างดของหวานนะงดคาร์โบไฮเดรตกินให้มัน
00:05:57 → 00:06:00 น้อยลงหน่อยนะครับอ่าน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่
00:06:00 → 00:06:02 มันกินเข้าไปแล้วดูดซึมเลยพวกน้ำอัดลม
00:06:02 → 00:06:04 อะไรพวกนี้เลี่ยงซะน้ำผลไม้อะไรพวกนี้
00:06:04 → 00:06:07 เลี่ยงซะนะครับแต่ว่ามีสักกี่คนที่จะทำ
00:06:07 → 00:06:09 อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันนะครับแต่
00:06:09 → 00:06:11 ว่าเท่าที่ผมเคยมีประสบการณ์รักษาคนไข้
00:06:11 → 00:06:14 ที่ทายมาเนี่ยก็มีคนไข้จำนวนมากเลยที่ไม่
00:06:14 → 00:06:18 ทำตามนะครับแต่พอเขาไปได้ยิน influencer
00:06:18 → 00:06:20 บางท่านบอกว่าทำแบบนี้สิเบาหวานหายขาด
00:06:20 → 00:06:23 กลับไปทำเฉยเลยในสิ่งที่แบบเฮ้ยแนะนำก็
00:06:23 → 00:06:25 แนะนำเหมือนกันนะครับไม่ได้มีอะไรแล้วบอก
00:06:25 → 00:06:28 ว่าเนี่ยไปหาหมอทีไรนะหมอเขาให้ยาเพิ่ม
00:06:28 → 00:06:31 ขึ้นเรื่อยๆแต่เราทำตามคนเนี้ยเฮ้ยหยุดยา
00:06:31 → 00:06:36 ได้เลยเฮ้ยเรารู้สึกโอ้โหประทับใจมากมัน
00:06:36 → 00:06:38 ไม่มีอะไรน่าประทับใจครับเพราะว่าถ้าท่าน
00:06:38 → 00:06:40 ทำแบบเดียวกันเนี่ยแล้วไปหาหมอเนี่ยนะ
00:06:40 → 00:06:42 ครับแล้วท่านงดคาร์โบไฮเดรตออกกำลังกายนะ
00:06:42 → 00:06:45 ครับหน้าตามันก็ลดลงอยู่แล้วครับหมอเขา
00:06:45 → 00:06:47 ไม่เพิ่มยาหรอกครับแต่ถ้าท่านยังกินของ
00:06:47 → 00:06:49 พวกนั้นน้ำตาลมันเพิ่มขึ้นอยู่แล้วแล้ว
00:06:49 → 00:06:52 หมอทำไงอ่ะครับบอกให้ท่านหยุดกินท่านก็
00:06:52 → 00:06:54 ไม่หยุดก็ต้องเพิ่มยาเพราะว่าถ้าไม่เพิ่ม
00:06:54 → 00:06:56 ยามันคุมไม่ได้คุมไม่ได้ก็เกิดผลข้าง
00:06:56 → 00:06:58 เคียงแทรกซ้อนไงครับอ่า
00:06:58 → 00:07:01 ต่อเรื่องยาความดันผมก็ได้ยินบ่อยเลยบอก
00:07:01 → 00:07:04 ว่ากินนานๆแล้วมันจะกินไม่ได้ตลอดชีวิต
00:07:04 → 00:07:06 เหรอกินแล้วเดี๋ยวเนี่ยตับมันเสียใจมัน
00:07:06 → 00:07:09 พังก็บอกอย่างนี้แหละครับยาความดันเนี่ย
00:07:09 → 00:07:12 มันไม่ทำให้ตับไตเสียอะไรหรอกครับมียาตัว
00:07:12 → 00:07:15 นึงซึ่งดีซะด้วยนะครับแต่คนก็อาจจะไม่
00:07:15 → 00:07:18 เข้าใจเช่นยากลุ่มที่เรียกว่า Actor นะ
00:07:18 → 00:07:21 ครับแองจูน converting Inside Inverter
00:07:21 → 00:07:25 นะครับยกตัวอย่างเช่น Listen in April
00:07:25 → 00:07:30 นะครับพวกนี้นะฮะหรือว่ากลุ่มที่เป็น arb
00:07:30 → 00:07:32 นะครับ Angle
00:07:32 → 00:07:35 blocker นะครับเช่นตัวไหนบ้างโลซอสท่าน
00:07:35 → 00:07:38 นะครับ can designalsar แทนเรา Sound
00:07:38 → 00:07:41 Time ตรงเนี้ยนะครับกลุ่มพวกนี้เวลาเรา
00:07:41 → 00:07:43 กลิ่นแล้วเนี่ยนะครับบางคนจะรู้สึกว่า
00:07:43 → 00:07:45 เฮ้ยค่าไตมันสูงขึ้น
00:07:45 → 00:07:48 เป็นทำไมทำไมถึงฆ่าตายสูงขึ้นตัวเนี้ยนะ
00:07:48 → 00:07:52 ครับมันมีข้อดีอย่างนึงนะฮะอืมแต่ว่ามัน
00:07:52 → 00:07:55 ก็มีข้อเสียก็คือว่าเวลาที่เรากินนะครับ
00:07:55 → 00:07:58 มันจะไปยุ่งกับหลอดเลือดที่ไต่นะครับไต
00:07:58 → 00:07:59 นี้มันจะมีหลอดเลือดขาดเข้าแล้วก็หลอด
00:07:59 → 00:08:04 เลือดขาออกนะครับตัวนี้มันจะทำให้ไปยุ่ง
00:08:04 → 00:08:06 กับหลอดเลือดพวกนี้เวลามันยุ่งกับหลอด
00:08:06 → 00:08:08 เลือดพวกนี้เนี่ยมันจะทำให้เหมือนค่า
00:08:08 → 00:08:10 Clear gene ซึ่งเป็นค่าที่เราใช้วัดการ
00:08:10 → 00:08:12 ทำงานของไตมันดูสูงขึ้นแต่มันจะสูงขึ้น
00:08:12 → 00:08:15 ไม่มากหรอกครับสูงขึ้นเล็กน้อย
00:08:15 → 00:08:18 ระยะยาวเนี่ยมันไม่ได้ทำให้ค่าตัวนี้สูง
00:08:18 → 00:08:21 ขึ้นไปเรื่อยๆหรอกครับมันป้องกันการ
00:08:21 → 00:08:24 เสื่อมของไตซะด้วยซ้ำไปยากลุ่มนี้ดังนั้น
00:08:24 → 00:08:26 เนี่ยบางคนบอกว่ากินแล้วนี่ค่าไตสูงขึ้น
00:08:26 → 00:08:29 เหมือนที่ influencer บางคนบอกเลยว่าค่า
00:08:29 → 00:08:32 ไตสูงขึ้นก็แปลว่าเฮ้ยหมอให้ยาตัวนี้หมอ
00:08:32 → 00:08:34 ไม่รู้เหรอว่ากินแล้วไตเสื่อมนะครับผิด
00:08:34 → 00:08:37 แล้วครับยาตัวเนี้ยมันมีวิจัยชัดเจนนะ
00:08:37 → 00:08:39 ครับว่าจริงๆแล้วมันช่วยให้ไตไม่เสื่อม
00:08:39 → 00:08:41 แล้วที่สำคัญคนที่เป็นเบาหวานแล้วกินยา
00:08:41 → 00:08:43 กลุ่มพวกเนี้ยมันช่วยชะลอการเสื่อมของไต
00:08:43 → 00:08:46 ด้วยซ้ำไปแต่สิ่งที่เราจะเห็นก็คือช่วง
00:08:46 → 00:08:48 แรกในค่าการทำงานของไตเนี่ยมันจะดูเหมือน
00:08:48 → 00:08:50 สูงขึ้นค่า creatin เนี่ยมันจะดูเหมือน
00:08:50 → 00:08:52 สูงขึ้นนะฮะแค่นั้นเองแล้วมันจะเป็นชั่ว
00:08:52 → 00:08:55 คราวแล้วมันก็ไม่ได้สูงเป็นไปตลอดมันสูง
00:08:55 → 00:08:56 ขึ้นถึงจุดหนึ่งแล้วมันก็จะหยุดอยู่แค่
00:08:56 → 00:08:58 นั้นนะในคนที่มันสูงขึ้นแล้วมันไม่หยุด
00:08:58 → 00:09:02 พวกนั้นน่ะแปลว่ามีโรคไตอยู่ก่อนแล้วแล้ว
00:09:02 → 00:09:05 เราไม่ทราบนะครับนี่เป็นสาเหตุอย่างหนึ่ง
00:09:05 → 00:09:10 ยายกลุ่มหนึ่งซึ่งคนกังวลกันมากก็คือยาลด
00:09:10 → 00:09:12 ไขมันยา statin แปลว่าเฮ้ยกินแล้วกล้าม
00:09:12 → 00:09:16 เนื้อสลายไตวายตับเสียมันไปยุ่งกับตับนะ
00:09:16 → 00:09:19 ครับเพราะว่าบางคนบอกว่าเรากินไปแล้วค่า
00:09:19 → 00:09:22 เอนไซม์ตับมันขึ้นน่ะนี่เป็นสิ่งที่หมอ
00:09:22 → 00:09:25 รู้อยู่แล้วครับเวลาที่หมอให้กินสแปร์ติน
00:09:25 → 00:09:28 นะครับหรือยาลดไขมันตัวใดก็ตามหมอเขาจะ
00:09:28 → 00:09:30 ตรวจติดตามฆ่ากันทำงานของตับเพราะว่าต้อง
00:09:30 → 00:09:32 บอกอย่างนี้ครับมีบางคนที่ฆ่ากันทำงานของ
00:09:32 → 00:09:35 ตับมันผิดปกติขึ้นมาจริงๆถ้าเกิดแบบนั้น
00:09:35 → 00:09:37 ปุ๊บหมอก็อาจจะต้องเปลี่ยนชนิดของยา
00:09:37 → 00:09:41 สแตนตินหรือลดขนาดยาซาตินหรือให้ยาตัว
00:09:41 → 00:09:44 อื่นอ่าอย่างนั้นนะครับแต่คนส่วนมากไม่มี
00:09:44 → 00:09:48 ปัญหาครับไม่มีปัญหาและปัญหาเรื่องค่าตัด
00:09:48 → 00:09:51 ผิดปกตินั้นมันจะเป็นแค่ช่วงแรกของการกิน
00:09:51 → 00:09:54 เท่านั้นถ้าผ่านระยะหนึ่งไปได้เช่นหาก
00:09:54 → 00:09:56 ช่วง 3 เดือนแล้วการกินเนี่ยมันไม่มี
00:09:56 → 00:09:58 ปัญหานะครับค่าตัดของท่านเป็นปกติที่ 3
00:09:58 → 00:10:02 เดือนนับตั้งแต่ท่านทานยาสแตตินขนาดโดส
00:10:02 → 00:10:04 เท่านี้แล้วถ้าไม่มีปัญหาในการเจาะเลือด
00:10:04 → 00:10:08 เจาะออกมาที่ 6 6 อาทิตย์ที่ 12 อาทิตย์
00:10:08 → 00:10:10 หรือ 3 เดือนมันปกติมันก็จะปกติไปตลอด
00:10:10 → 00:10:13 ชีวิตแล้วครับมันไม่ได้อยู่ๆเฮ้ยเดี๋ยว
00:10:13 → 00:10:16 ตอนนี้ปกติแล้วอนาคตมันจะผิดปกติไม่ใช่
00:10:16 → 00:10:20 ครับนะไม่ใช่นะครับหรือบางทีเราก็จะตรวจ
00:10:20 → 00:10:23 ติดตามให้ 3 เดือน 6 เดือน 6 เดือนปกติ
00:10:24 → 00:10:26 ตรวจที่ปีนึงถ้ามันปกติมันก็จะปกติไปตลอด
00:10:26 → 00:10:28 ระยะเวลาที่ท่านรับประทานแต่ตีนแล้วครับ
00:10:28 → 00:10:31 ไม่มีปัญหาต่อต่ำอย่างงั้นเป็นตอนนะฮะแต่
00:10:31 → 00:10:33 ในบางคนมันมีปัญหามันก็จะมีให้เราเห็น
00:10:33 → 00:10:35 ตั้งแต่ตอนแรกๆแล้ววิธีก็คือเปลี่ยนชนิด
00:10:35 → 00:10:38 ของยาหรือให้ยากลุ่มโต๊ะอื่นๆไปมันก็จะ
00:10:38 → 00:10:41 หายไปได้นะครับอย่างนี้เป็นต้นส่วนยาที่
00:10:41 → 00:10:44 มีปัญหาตอนตับส่วนอื่นที่เรามักจะเจอแล้ว
00:10:44 → 00:10:46 มันเจอแน่ๆนะครับเจ้ายกตัวอย่างเช่นยา
00:10:46 → 00:10:50 รักษาวัณโรคยากันชักบางชนิดนะครับพวกนี้
00:10:50 → 00:10:52 เวลาที่หมอเขาให้กินเนี่ยเขาก็จะตรวจค่า
00:10:52 → 00:10:55 เอนไซม์ของตับเป็นประจำนะฮะหรือยาโรค
00:10:55 → 00:10:58 พังผืดปอดเป็นต้นนะครับอ่าเช่นยา
00:10:58 → 00:10:59 perfectin
00:10:59 → 00:11:02 พวกนี้นะครับมันก็จะมีการตรวจค่าการทำงาน
00:11:02 → 00:11:04 ของตับเพราะว่าบางคนเนี่ยค่าการทำงานของ
00:11:04 → 00:11:06 ตับมันจะผิดปกติจนกินยาเหล่านั้นไม่ได้นะ
00:11:06 → 00:11:09 ครับหมอเขาจะตรวจติดตามนะครับแต่หมอเขา
00:11:09 → 00:11:11 ให้ยานั้นเพราะว่าเขารู้อยู่แล้วว่า
00:11:11 → 00:11:14 ประโยชน์มันมากกว่าโทษนะครับแต่ถ้า
00:11:14 → 00:11:17 บังเอิญถ้าท่านทานไปแล้วเนี่ยมันมีค่า
00:11:17 → 00:11:20 เอนไซม์ของต่ำสูงมากขึ้นอันนั้นน่ะแปลว่า
00:11:20 → 00:11:23 กรณีของท่านยาตัวนี้มีโทษมากกว่าประโยชน์
00:11:23 → 00:11:27 จึงจำเป็นจะต้องทำการหยุดยาไม่ใช่ว่าผล
00:11:27 → 00:11:30 แบบนี้จะเกิดขึ้นในทุกๆคนบนโลกนี้เพราะ
00:11:30 → 00:11:31 ว่าถ้ามันเกิดขึ้นกับทุกคนบนโลกนี้แล้ว
00:11:31 → 00:11:34 เนี่ยไม่มีการทำยาชนิดนั้นออกมาขายหรอก
00:11:34 → 00:11:37 ครับเพราะว่าก่อนจะขายข้อทดลองมาหมดเรียบ
00:11:37 → 00:11:39 ร้อยแล้วนะฮะไม่ใช่ว่าหมออยากจะสั่งยานะ
00:11:39 → 00:11:43 ครับหมอสั่งยาเพราะว่าต้องการให้มันมีผล
00:11:43 → 00:11:45 ดีมากกว่าผลเสียนะครับแต่บางคนมันเกิดผล
00:11:45 → 00:11:47 ข้างเคียงเราก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนการ
00:11:47 → 00:11:51 รักษานะฮะหรือบางคนกิน Standing ก็กลัว
00:11:51 → 00:11:53 มันเหลือเกินว่ากินไปแล้วจะกล้ามเนื้อ
00:11:53 → 00:11:54 สลายจะปวดกล้ามเนื้ออะไรพวกนี้ขึ้นมาบ้าง
00:11:54 → 00:11:58 หรือเปล่าคำตอบก็คือมันเป็นแค่บางคนครับ
00:11:58 → 00:12:01 มันไม่ใช่ทุกคนแล้วมันไม่ได้เป็นตลอดเวลา
00:12:01 → 00:12:02 เช่นถ้าเรากินไปแล้วเนี่ย 6 เดือนแล้วก็
00:12:02 → 00:12:05 กล้ามเนื้อโลกปกติดีกล้ามเนื้อไม่มีการ
00:12:05 → 00:12:08 ปวดแล้วตรวจค่าเอนไซม์กล้ามเนื้อค่า cpk
00:12:08 → 00:12:10 ตรวจมาปกติไม่เป็นอะไรมันก็ไม่เป็นอะไร
00:12:10 → 00:12:13 อีกแล้วครับมันก็กินไปได้ตลอดชีวิตนะ
00:12:13 → 00:12:16 ยาบางชนิดเนี่ยยากลุ่มพวกนี้บางทีกินไป
00:12:16 → 00:12:19 ตลอดชีวิตได้ไม่มีปัญหานะครับแต่เราต้อง
00:12:19 → 00:12:22 รู้ด้วยว่ากินเพราะว่าอะไรกินแล้วมันมีผล
00:12:22 → 00:12:25 ข้างเคียงอย่างไรนะครับผลข้างเคียงในแต่
00:12:25 → 00:12:27 ละคนอาจจะไม่เหมือนกันอาจจะมีผลข้างเคียง
00:12:27 → 00:12:30 หลักซึ่งเขาเขียนไว้ที่ฉลาดแต่ว่ามันจะมี
00:12:30 → 00:12:32 ผลข้างเคียงรองซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดทุก
00:12:32 → 00:12:34 คนเพราะว่าบางคนเนี่ยไปดูที่ฉลาดยาแล้วตก
00:12:34 → 00:12:38 ใจมากเฮ้ยยาตัวนี้บอกว่ามันให้กินแล้วมี
00:12:38 → 00:12:41 โอกาสตับไวฮะกินโยงยาตัวนี้มีโอกาสซึม
00:12:41 → 00:12:43 เศร้าฆ่าตัวตายได้เฮ้ยไม่กินดีกว่าว่ะกิน
00:12:43 → 00:12:46 แล้วเดี๋ยวเกิดเราเป็นทำยังไงมันอย่างนี้
00:12:46 → 00:12:50 ครับเวลาที่เราทดลองยาทุกตัวเนี่ยยาที่
00:12:50 → 00:12:52 ฉลาดมันจะเขียวอยู่และ
00:12:52 → 00:12:54 state หรือว่าผลข้างเคียงตั้งแต่มาก
00:12:54 → 00:12:56 อย่างน้อยแล้วมันต้องเขียนไว้หลายๆอย่าง
00:12:56 → 00:13:00 ครับแต่สิ่งที่มันไม่เขียนนั้นก็คือโอกาส
00:13:00 → 00:13:02 ในการเกิดมีกี่เปอร์เซ็นต์แล้วส่วนใหญ่
00:13:02 → 00:13:05 แล้วเนี่ยแน่นอนยาทุกตัวกินแล้วมันต้อง
00:13:05 → 00:13:07 มันตายได้ครับเช่นท่านกินไทลินอลมากจน
00:13:07 → 00:13:10 เกินไปท่านก็ตายนะครับแต่มันมีประโยชน์
00:13:10 → 00:13:13 มากกว่าโทษไงครับแล้วยาเนี่ยมันโปร่งใส
00:13:13 → 00:13:15 อย่างหนึ่งก็คือว่าก่อนที่จะออกมาเป็นยา
00:13:15 → 00:13:17 ได้เราจะต้องมีการทดลองจะต้องมีการบอกว่า
00:13:17 → 00:13:19 ยาตัวไหนเนี่ยมีสรรพคุณอย่างไรไปทำงาน
00:13:19 → 00:13:21 หน้าที่อย่างไรอยู่ในร่างกายเราได้มาก
00:13:21 → 00:13:24 น้อยแค่ไหนจะต้องปรับขนาดในคนที่เป็นโรค
00:13:24 → 00:13:27 ตับโรคไตอย่างไรแล้วผลข้างเคียงที่มีมัน
00:13:27 → 00:13:29 มีอะไรบ้างเขียน List ออกมาให้หมดนะครับ
00:13:29 → 00:13:32 แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องเจอปัญหาพวกนั้น
00:13:32 → 00:13:34 หมดทุกอย่างนะครับซึ่งนี่เป็นสิ่งซึ่งแตก
00:13:34 → 00:13:38 ต่างอย่างสิ้นเชิงกับอะไรครับวิตามิน
00:13:38 → 00:13:42 อาหารเสริมและสมุนไพรถามว่าทำไมถึงแตก
00:13:42 → 00:13:45 ต่างก็เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นเวลาที่เขา
00:13:45 → 00:13:49 โฆษณาท่านจากโฆษณาแต่ในแง่ดีเช่นเกมตัว
00:13:49 → 00:13:55 นี้เอ่อผมขนเล็บจะแข็งแรงผมดกดำนะครับไม่
00:13:55 → 00:13:59 มีสารเคมีทำด้วยวิธีสกัดเย็นเราไม่สก
00:13:59 → 00:14:01 เดือดร้อนเพื่อที่จะคงคุณค่าของสารอาหาร
00:14:01 → 00:14:03 เหล่านี้ไว้อย่างดีมันสามารถช่วยลดความ
00:14:03 → 00:14:07 ดันโลหิตได้ช่วยเรื่องความจำต่างๆและเขา
00:14:07 → 00:14:08 บอกผลเสียท่านไหมครับ
00:14:08 → 00:14:12 ผมยังไม่เคยเห็นเลยนะครับที่เขียนว่าไอ้
00:14:12 → 00:14:15 นี้มีผลเสียยังไงบ้างไปอ่านฉลากก็ไม่
00:14:15 → 00:14:16 เขียน
00:14:16 → 00:14:19 อย่างนี้แหละครับเวลาที่ท่านเห็นแต่ข้อดี
00:14:19 → 00:14:21 แล้วไม่เห็นข้อเสียนั่นแหละครับมันมี
00:14:21 → 00:14:26 ปัญหาแต่ยาเนี่ยตัวนี้เป็นยาแก้ปวดมันบอก
00:14:26 → 00:14:28 ไว้เลยว่าเฮ้ยถ้าท่านเป็นโรคกระเพาะเนี่ย
00:14:28 → 00:14:29 ท่านอาจจะแสบท้องได้นะมันเป็นโรคกระเพาะ
00:14:30 → 00:14:31 ได้มีความเกี่ยวข้องโน้นนี่นั่นนะครับ
00:14:31 → 00:14:34 ท่านสามารถไปอ่านฉลากยาได้ถ้าที่ฉลาดไม่
00:14:34 → 00:14:36 เขียนถ้า Google ขึ้นมามันก็มีเว็บไซต์
00:14:36 → 00:14:38 ของยาตัวนั้นมันก็บอกไว้ละเอียดท่านก็หา
00:14:38 → 00:14:40 อ่านได้แต่สมุนไพรท่าน Google แล้วมันเจอ
00:14:40 → 00:14:44 ไหมครับเจอเหมือนกันครับแต่เจอยากหน่อยนะ
00:14:44 → 00:14:47 ฮะเจอยากหน่อยนะครับแล้วมันก็ไม่รู้ด้วย
00:14:47 → 00:14:50 ว่าไอ้ตัวไหนมันเป็นอย่างไรกินแล้วเกิดผล
00:14:50 → 00:14:52 ข้างเคียงแล้วจะยังไงนะครับดังนั้นเนี่ย
00:14:52 → 00:14:55 เราจะรู้ว่าข้อแรกแล้วกลุ่มที่ไม่มีการ
00:14:55 → 00:14:59 ควบคุมแบบยาเขาก็มักจะไม่ได้บอกเรื่อง
00:14:59 → 00:15:01 เสียหรือบางครั้งอาจจะมีข้อเสียแต่ถ้าไม่
00:15:01 → 00:15:02 รู้หรือบางท่านท่านก็ต้องถามคนอื่นเอาเอง
00:15:02 → 00:15:04 ว่าข้อเสียมันมีอะไรบ้างบางคนแบบกินไอ้
00:15:04 → 00:15:10 เนี่ยสาร nmn นิโคตินามโนโนในโกรทไทย
00:15:10 → 00:15:14 เพื่อชะลอวัยหรือกิน redal เพื่อชะลอวัย
00:15:14 → 00:15:16 ให้ปลอดภัยดีไม่มีปัญหาหรอกแต่บางคนกิน
00:15:16 → 00:15:20 แล้วปวดท้องแต่ไม่รู้ว่าทำไมปวดแล้วมัน
00:15:20 → 00:15:24 เขียนไว้ไหมครับไม่เขียนท่านต้องรู้เองนะ
00:15:24 → 00:15:26 ครับท่านต้องรู้เอาเองแต่ส่วนใหญ่แล้วมัน
00:15:26 → 00:15:28 ก็ปลอดภัยเราที่ผมพูดเล่นๆเฉยๆนะครับว่า
00:15:28 → 00:15:29 มันมียกตัวอย่างว่ามันบางคนกินแล้วปวด
00:15:30 → 00:15:32 ท้องนะครับแต่ผมไม่ได้บอกท่านนะครับว่า
00:15:32 → 00:15:35 เฮ้ยท่านต้องหยุดกินถ้าท่านกินอยู่แล้ว
00:15:35 → 00:15:37 มันปวดท้องขึ้นมาหรืออะไรเงี้ยนะครับท่าน
00:15:37 → 00:15:38 ต้องไปหาวิธีเอาเองนะฮะเรื่องนั้นผมยัง
00:15:38 → 00:15:40 ไม่ชี้โพรงให้กระรอกหรืออะไรอย่างนี้ท่าน
00:15:40 → 00:15:43 สามารถหาข้อมูลได้เองนะครับเนี่ยพวกของ
00:15:43 → 00:15:46 เหล่านี้มันจะไม่บอกท่านว่าผลเสียมันคือ
00:15:46 → 00:15:48 อะไรนะครับแล้วมันก็ไม่บอกด้วยว่าปริมาณ
00:15:48 → 00:15:51 ของมันมีเท่าไหร่บางอย่างมันมีผลต่อตับ
00:15:51 → 00:15:55 ต่อไตจริงๆนะครับอ่าถ้าท่านกินฟ้าทะลาย
00:15:55 → 00:15:58 โจรมากๆมีปัญหาไหมมีมันปรับเสียได้นะครับ
00:15:58 → 00:16:01 ถ้าท่านกินเกินขนาดนะครับแต่เขาบอกไหม
00:16:01 → 00:16:03 ครับว่าตับเสียบางทีเขาเขียนไว้แล้วสั้นๆ
00:16:03 → 00:16:05 เล็กๆว่ามันมีปัญหาจะปรับได้นะคนที่มี
00:16:06 → 00:16:08 ปัญหาโรคต่ำมากๆก็ก็ต้องระวังนิดนึงนะ
00:16:08 → 00:16:10 ครับแต่ไม่ได้บอกว่าห้ามกินนะครับต้อง
00:16:10 → 00:16:12 ระวังนิดนึงแล้วท่านก็มีหน้าที่ไปรู้ไว้
00:16:12 → 00:16:14 ได้ว่ามันมีข้อเสียประมาณพวกนั้นอยู่นะ
00:16:14 → 00:16:17 ครับอ่างั้นพวกนี้สิ่งหนึ่งซึ่งแตกต่างก็
00:16:17 → 00:16:20 คือแบบนี้และอีกอย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างคือ
00:16:20 → 00:16:23 ยาที่เรารู้นะครับว่ามันจะสร้างปัญหาเช่น
00:16:23 → 00:16:25 อันนี้ยาลดไขมันอาจจะมีปัญหาต่อกล้าม
00:16:25 → 00:16:29 เนื้อต่อตับได้หมอเขาทำอะไรครับเขาตรวจ
00:16:29 → 00:16:33 เลือดติดตามไงครับแต่ยาสมุนไพรมีไหมครับ
00:16:33 → 00:16:35 อาหารเสริมมีไหมครับ
00:16:35 → 00:16:37 วิตามินมีไหม
00:16:37 → 00:16:40 ท่านไปตรวจติดตามอะไรหรือเปล่า
00:16:40 → 00:16:43 ผมเชื่อว่าไม่มีใครตรวจติดตามหรอกครับนะ
00:16:43 → 00:16:46 กินเข้าไปแล้วเออมันคงดีมั้งแต่ไม่มีการ
00:16:46 → 00:16:47 ตรวจต่าง
00:16:47 → 00:16:50 ตรวจติดตามอะไรตรวจติดตามในแง่ผลข้าง
00:16:50 → 00:16:52 เคียงผลข้างเคียงบอกว่าเฮ้ยเรากินเข้าไป
00:16:52 → 00:16:53 แล้วสบายดี
00:16:53 → 00:16:56 สบายดีไหมมันแปลว่ามันแปลว่าปกติหรือ
00:16:57 → 00:16:59 เปล่าไม่จำเป็นนะครับถ้าได้ตรวจเลือดดู
00:16:59 → 00:17:02 ตรวจเลือดหาในสิ่งที่สงสัยว่ามันผิดปกติ
00:17:02 → 00:17:05 หรือเปล่านะครับเดี๋ยวกินไปมากๆอาจจะผิด
00:17:05 → 00:17:07 ปกติก็ได้ท่านก็ไม่รู้นะครับอันนี้คือผล
00:17:07 → 00:17:09 ในแง่ไม่ดีผลในแง่ดีล่ะท่านตรวจติดตาม
00:17:09 → 00:17:12 หรือเปล่าเช่นรู้สึกว่าเฮ้ยเรากินตัวนี้
00:17:12 → 00:17:15 แล้วมัน
00:17:15 → 00:17:19 น่าจะดีแหละเขาว่าดีนะกินตัวนี้วิตามินดี
00:17:19 → 00:17:22 กินเยอะๆน่าจะดีแล้วถ้ารู้ได้ไงว่ามันดี
00:17:22 → 00:17:26 อ่ะใช้อะไรวัดท่านต้องไปตรวจสิครับนะถ้า
00:17:26 → 00:17:28 ไปตรวจโอเคเรากินวิตามินดีนะกินเข้าไป
00:17:28 → 00:17:30 แล้วไปตรวจเลือดโอ้วิตามินดีอยู่ในระดับ
00:17:30 → 00:17:34 ปกติดีมากนะก็แปลว่าเรากินได้นะครับแต่
00:17:34 → 00:17:37 ถ้าไปตรวจอีกทีนึงวิตามินบีวัดออกมาได้
00:17:37 → 00:17:41 โอ้โหวิตามินดีของเรามันสูงชะลูดเลยสรุป
00:17:41 → 00:17:44 สูงปรี๊ดเลยเฮ้ยนั่นน่ะถ้าขืนท่านเป็นแบบ
00:17:44 → 00:17:47 นั้นเรากินต่อไปอ่ะกดผิดขึ้นมานะครับ
00:17:47 → 00:17:49 วิตามินดีก็เป็นพิษได้นะถ้าท่านกินมันมาก
00:17:49 → 00:17:52 จนเกินไปแล้วท่านไม่รู้ตัวก่อนจะเกิดพิษ
00:17:52 → 00:17:55 อ่ะมันไม่มีอาการหรอกครับมันจะมีอาการก็
00:17:55 → 00:17:57 ต่อเมื่อมันเกิดไปเรียบร้อยแล้วแล้วท่าน
00:17:57 → 00:18:31 ก็มาแก้ตอนนี้มันเกิดเรื่องแล้ว
00:18:31 → 00:18:57 [เพลง]
00:18:58 → 00:19:02 นะยาฆ่าเชื้อยาแก้อักเสบที่ท่านไปหามากิน
00:19:02 → 00:19:04 บางทีกินนานๆกินด้วยตัวเองมันเกิดอะไร
00:19:04 → 00:19:06 ครับชัวร์ดื้อยา
00:19:06 → 00:19:10 เชื้อดื้อยาอย่างนี้กิน nsaid เยอะๆ
00:19:10 → 00:19:14 เป็นไรครับบางคนตับอักเสบขึ้นมาเลยเอ็น
00:19:14 → 00:19:16 เศษกินมากๆบางคนตับอักเสบบางคนไตวายได้
00:19:16 → 00:19:19 ครับบางคนกินแล้วเอาน้ำท่วมปอดได้ครับ
00:19:19 → 00:19:20 นั่นคือเพราะว่าท่านไม่เอามากินเองไงครับ
00:19:21 → 00:19:24 นะเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวข้องนะครับท่านก็
00:19:24 → 00:19:27 จะต้องรู้ด้วยว่าข้อดีข้อเสียมันคือยังไง
00:19:27 → 00:19:28 หมอเค้าเลยไม่หมดท่านก็มีหน้าที่ไปศึกษา
00:19:28 → 00:19:31 ถามว่าเฮ้ยท่านจะโยนให้เป็นหน้าที่หมอ
00:19:31 → 00:19:33 อย่างเดียวมันไม่ได้ครับเพราะว่าใครรับขอ
00:19:33 → 00:19:36 ขับร่างกายท่านไงครับท่านก็จะต้องรู้
00:19:36 → 00:19:37 หน่อยว่าเอ้ยยาที่เรากินเนี่ยมันยาอะไรนะ
00:19:37 → 00:19:40 เราถามหมอเขาให้ชัดเจนถ้าถามหมอไม่ชัดเจน
00:19:40 → 00:19:43 ท่านก็ไปหาข้อมูลให้ชัดเจนถามเภสัชก็ได้
00:19:43 → 00:19:46 นะครับง่ายๆเลยนะฮะและยาพวกนี้ถ้ามัน
00:19:46 → 00:19:48 จำเป็นก็กินได้ตลอดชีวิตมันไม่ได้มีปัญหา
00:19:48 → 00:19:51 อะไรขนาดที่หลายๆคนพูดนะครับบางคนกลัวสาร
00:19:51 → 00:19:54 เคมีก็ไม่รู้ด้วยว่าจริงๆของทุกอย่างใน
00:19:54 → 00:19:55 โลกเราเนี่ยมันคือสารเคมีที่ท่านกินเข้า
00:19:55 → 00:19:59 ไปนะฮะแล้วก็คนที่แบบโอ้เราต้องอาหาร
00:19:59 → 00:20:00 เสริมตัวนี้ต้อง
00:20:00 → 00:20:04 เป็นไอ้ตัวนั้นตัวนี้ท่านมองข้อดีของมัน
00:20:04 → 00:20:07 ทุกอย่างท่านต้องรอให้ออกครับข้อเสียคือ
00:20:07 → 00:20:11 อะไรถ้าท่านหาข้อเสียไม่เจอนั่นแหละครับ
00:20:11 → 00:20:13 มีปัญหามันไม่มีใครหรอกครับไม่มีอะไรทั้ง
00:20:13 → 00:20:15 ทุกอย่างในโลกนี้ที่มันดีทุกอย่างนะครับ
00:20:15 → 00:20:18 โอเควันนี้ผมก็จะมาไขข้อข้องใจประมาณนี้
00:20:18 → 00:20:22 นะครับส่วนว่ามียาตัวอื่นที่ผมอาจจะไม่
00:20:22 → 00:20:24 ได้กล่าวถึงแล้วมันอาจจะมีผลต่อตับต่อไต
00:20:24 → 00:20:27 ต่อร่างกายต่างๆนั้นท่านอาจจะต้องไปศึกษา
00:20:27 → 00:20:29 ด้วยตัวเองเพิ่มเติมนะครับหรือว่าถ้าท่าน
00:20:29 → 00:20:31 สงสัยมากๆจริงๆก็สอบถามผมมาได้นะครับแต่
00:20:31 → 00:20:34 ผมแนะนำว่าเวลาสอบถามผมเนี่ยใส่ชื่อจริงๆ
00:20:34 → 00:20:39 มันมาให้ผมเช่นยาไทลินอลนั้นจริงๆมันชื่อ
00:20:39 → 00:20:42 Assistant หรืออะไรเซตามอลนะฮะบอกชื่อ
00:20:42 → 00:20:44 ตัวนั้นผมมาเพราะว่าแต่ละประเทศเนี่ยมัน
00:20:44 → 00:20:47 ใช้ยี่ห้อไม่เหมือนกันนะครับผมก็อาจจะไม่
00:20:47 → 00:20:49 ทราบยี่ห้อที่ท่านใช้ก็ได้นะครับไม่งั้น
00:20:49 → 00:20:52 บอกมาตรงนี้บอกชื่อเต็มมาผมก็จะพออธิบาย
00:20:52 → 00:20:54 ท่านได้ว่าเออตัวนี้มันมีผลยังไงนะผลเสีย
00:20:54 → 00:20:57 ผลดีอย่างไรบ้างนะครับโอเควันนี้ก็เท่า
00:20:57 → 00:21:00 นี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ