ทำไมผู้ป่วยโรคไตควรระวังการดื่มน้ำต้มใบยอและมะตูมแห้ง

ใบยอ มะตูม รักษาโรคไต เบาหวาน ได้จริงหรือ? | รู้ทันข่าวลวงสุขภาพ [Mahidol Channel]

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:05 [เสียงดนตรี]

00:00:0500:00:09 จากกระแสข่าวในโลกโซเชียล ที่มีการแชร์ต่อ ๆ กันว่า

00:00:0900:00:14 สมุนไพรสามารถรักษาโรคเรื้อรัง อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคไตได้

00:00:1400:00:18 เดี๋ยววันนี้เราจะมาดูกันว่า ข่าวที่แชร์กันนั้นมันจริงหรือลวง

00:00:1800:00:20 [เสียงดนตรี]

00:00:2000:00:25 เรื่องที่มีการแชร์กันมาก ก็คือ การใช้ใบยอต้มคู่กับมะตูมแห้ง

00:00:2500:00:30 เรื่องนี้ยังไม่มีรายงานการวิจัย ทั้งในสัตว์ทดลองและในคน

00:00:3000:00:33 ที่บอกว่าสามารถช่วยในการรักษาโรคไตได้

00:00:3500:00:37 ปกติแล้ว โรคไตเอง

00:00:3700:00:42 ด้วยความที่ไตทำหน้าที่ ในการกรองของเสียออกจากร่างกาย

00:00:4200:00:44 ถ้าผู้ป่วยโรคไตก็คือ

00:00:4400:00:47 การที่ไตทำหน้าที่ในการกรองได้แย่ลง

00:00:4700:00:50 ก็คือ ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง

00:00:5000:00:53 ทำให้การขับของเสียบางอย่างทำได้ไม่ดี

00:00:5300:00:57 กรณีผู้ป่วยโรคไต แล้วไปรับประทาน หรือว่าดื่มน้ำต้มประเภทนี้

00:00:5700:01:01 ก็จะยิ่งส่งผลทำให้โรคไตอาจจะแย่ลงได้

00:01:0100:01:03 ในสูตรที่เขาแชร์กัน

00:01:0300:01:06 ตัวที่ต้องระวังเลยก็คือเรื่องของโพแทสเซียม

00:01:0600:01:08 เนื่องจากว่าในตัวมะตูมแห้งเอง

00:01:0800:01:10 ก็มีโพแทสเซียมค่อนข้างเยอะเลย

00:01:1000:01:14 สูงถึง 1,000 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ของมะตูมแห้ง

00:01:1400:01:17 รวมถึงใบยอก็มีโพแทสเซียม

00:01:1700:01:20 สูงประมาณ 270 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ของใบยอดิบ

00:01:2000:01:23 ปริมาณโพแทสเซียมผู้ป่วยโรตไต

00:01:2300:01:27 ก็คือให้รับประทาน น้อยกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน

00:01:2700:01:31 อย่างที่บอกไปแล้วว่า การกรองหรือการขับของเสียทำได้ยาก

00:01:3100:01:34 โพแทสเซียมก็ถูกขับออกได้ยากเหมือนกัน

00:01:3400:01:37 เพราะฉะนั้น ทำให้เกิดการคั่งในกระแสเลือด

00:01:3700:01:40 ยิ่งถ้ามันเกินระดับที่ควรจะเป็น

00:01:4000:01:42 ก็ส่งผลทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

00:01:4200:01:44 ถึงแก่ชีวิตได้

00:01:4400:01:46 [เสียงดนตรี]

00:01:4600:01:49 อีกข่าวหนึ่งที่แชร์กัน เรื่องของมะตูมแห้งที่เอาไปต้มน้ำ

00:01:4900:01:52 แล้วสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

00:01:5200:01:53 อันนี้ก็ไม่จริงค่ะ

00:01:5500:01:59 ในผู้ป่วยเบาหวาน จำเป็นที่จะต้อง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

00:01:5900:02:03 ตัวมะตูมแห้งเองก็มีปริมาณของน้ำตาล

00:02:0300:02:06 จาก 100 กรัม มีน้ำตาลถึง 40 กรัม

00:02:0600:02:11 การนำไปต้ม ก็เหมือนเป็นการชะตัวน้ำตาล ไปอยู่ในน้ำมากขึ้น

00:02:1100:02:16 เวลาดื่มอาจจะรู้สึกสดชื่น แต่ว่าก็จะได้น้ำตาลพ่วงเข้าไปด้วย

00:02:1600:02:20 ในผู้ป่วยเบาหวาน จริง ๆ การดื่มน้ำมะตูมสามารถทำได้

00:02:2000:02:23 แต่ว่าก็ไม่แนะนำให้ดื่มทุก ๆ วัน

00:02:2300:02:26 เนื่องจากว่าตัวมะตูมเอง ก็ยังมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบ

00:02:2600:02:29 รวมถึงวิธีการในการต้ม

00:02:2900:02:32 ถ้าเราใส่น้ำตาล หรือเราใส่สารให้ความหวานเพิ่มขึ้น

00:02:3200:02:34 เราก็จะยิ่งติดหวานมากขึ้น

00:02:3400:02:37 [เสียงดนตรี]

00:02:3700:02:40 สำหรับผู้ป่วยโรคไตและโรคเบาหวาน

00:02:4000:02:45 ถ้าอยากจะใช้ยาสมุนไพรต่าง ๆ มาใช้ในการรักษาร่วมด้วย

00:02:4500:02:48 แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่านก่อน

00:02:4800:02:51 เนื่องจากว่าจะมีปัญหาเรื่องของยาตีกัน

00:02:5100:02:53 ยาเสริมฤทธิ์กัน

00:02:5300:02:59 การที่ได้สมุนไพร บางทีคุณหมอไม่รู้ว่า เราได้สมุนไพรพวกนี้มา

00:02:5900:03:01 ก็จะทำให้คุณหมอปรับยายากอันที่หนึ่ง

00:03:0100:03:02 อันที่สองเลยก็คือ

00:03:0300:03:07 คุณหมอเองก็จะไม่รู้ว่ายาที่ให้ไป ได้ผลดีหรือเปล่า

00:03:0700:03:10 [เสียงดนตรี]

00:03:1000:03:12 ในทางโภชนาการ

00:03:1200:03:16 แนะนำให้รับประทานสมุนไพร ในรูปแบบของอาหาร

00:03:1600:03:20 อย่างเช่น ห่อหมกใบยอ หรือว่าแกงส้มมะรุม

00:03:2000:03:23 เนื่องจากว่าจะได้รับสารอาหารที่ดี ๆ

00:03:2300:03:27 อย่างเช่น พวกสารแอนติออกซิแดนท์ สารพฤกษเคมีต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย

00:03:2700:03:28 แต่ในทางกลับกัน

00:03:2800:03:33 ผู้ป่วยบางรายเลือกรับประทานเป็น สมุนไพรที่เป็นสารสกัดแบบอัดเม็ด

00:03:3300:03:37 หรือว่าแบบแคปซูล แบบนี้ต้องระมัดระวังให้มาก

00:03:3700:03:39 ในระยะสั้นอาจจะเกิดผลดี

00:03:3900:03:44 แต่ในระยะยาว อาจจะมีพิษบางอย่างที่เราไม่รู้เลย

00:03:4400:03:52 [เสียงดนตรี]