00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีนะครับทุกคนวันนี้ก็จะเป็นตอนที่
00:00:02 → 00:00:04 9 แล้วนะครับเราคุยกันมาเยอะมากเลยนะ
00:00:04 → 00:00:06 ครับถึงตอนที่ 9 และสำหรับซีรีส์ใส่เข้า
00:00:06 → 00:00:08 ไปโอนนะครับหัวข้อในวันนี้นะครับจะค่อน
00:00:08 → 00:00:10 ข้างน่าสนใจมากเพราะว่าเราจะคุยเรื่องของ
00:00:10 → 00:00:13 ออทิสซึ่มกันนะครับซึ่งเป็นโรคของสมองจะ
00:00:13 → 00:00:15 มีโรคนี้ที่น่าสนใจเพราะว่าอันที่ 1 ก็
00:00:15 → 00:00:17 คือเป็นโรคที่เพิ่มขึ้นเร็วมากๆนะคะไม่
00:00:17 → 00:00:20 ช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้วก็เป็นโรคที่ผม
00:00:20 → 00:00:23 เชื่อว่าคนที่จะเป็นพ่อแม่นะครับแล้วคน
00:00:23 → 00:00:25 ที่อยู่ในวัยที่มีลูกมีหลานนะครับก็จะสน
00:00:25 → 00:00:27 ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษอันที่สองหรือว่า
00:00:27 → 00:00:29 เรื่องที่จะเล่าให้ว่าฟังในวันนี้นะครับ
00:00:29 → 00:00:33 คนที่จุดประกายให้เกิดการค้นพบว่าจุดชิ้น
00:00:33 → 00:00:35 นำไส้มันเกี่ยวข้องกับโรคที่ซึมด้วยเนี่ย
00:00:35 → 00:00:38 เป็นคนนอกวงการแพทย์ก่อนที่เราจะเข้า
00:00:38 → 00:00:40 เนื้อหาของเรากันนะครับขอพูดถึงผู้
00:00:40 → 00:00:42 สนับสนุนซีรีส์ Psycho ผลละวันก่อนนะครับ
00:00:42 → 00:00:45 ก็คือบริษัทมดกัดนะครับประชามดกัดนะครับ
00:00:45 → 00:00:48 เป็นใครนะครับเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้น
00:00:48 → 00:00:50 โดยนักเรียนยาศาสตร์หรือนักวิจัยที่
00:00:50 → 00:00:52 เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับไม่
00:00:52 → 00:00:54 ค่อยโอเคนะครับจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า
00:00:54 → 00:00:57 ธนบุรีบางมดทางเพื่อลดการเนี่ยเขาให้
00:00:57 → 00:00:59 บริการตรวจวิเคราะห์จนชินนำไส้กับคนทั่ว
00:00:59 → 00:01:02 ไปและเพื่อให้คนจะไปตรวจเนี่ยรู้ว่าสภาวะ
00:01:02 → 00:01:05 จนซีน้ำไส้ของตัวเองเป็นยังไงไม่ใช่แค่
00:01:05 → 00:01:07 ตรวจให้รู้ว่าจนชินลำไส้ของคุณเป็นยังไง
00:01:07 → 00:01:09 นะครับแต่ว่าทางหมดการ์ดอยากจะมีนัก
00:01:10 → 00:01:12 โภชนาการหรือว่าผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำ
00:01:12 → 00:01:15 แนะนำเรื่องของการกินด้วยเพื่อให้การกิน
00:01:15 → 00:01:17 ของเรานะเหมือนกับไปปรับสมุนของ
00:01:17 → 00:01:19 จุลินทรีย์ในลำไส้ให้อยู่ในสภาพที่ดียิ่ง
00:01:19 → 00:01:22 ขึ้นสำหรับใครที่สนใจและอยากได้ข้อมูล
00:01:22 → 00:01:24 เพิ่มเติมเกี่ยวกับบทการ์ดนะครับเดี๋ยวผม
00:01:24 → 00:01:26 จะแปะลิงค์ไว้ให้ข้างล่างนะครับในทั้งใน
00:01:26 → 00:01:28 Description ในคอมเม้นนะครับสามารถที่จะ
00:01:28 → 00:01:31 เข้าไปดูได้นะครับและในตอนท้ายของคลิปนี้
00:01:31 → 00:01:33 นะครับผมก็จะพูดถึงประวัติมดกัดเพิ่มเติม
00:01:33 → 00:01:35 ให้ฟังอีกทีครับสำหรับเรื่องของ
00:01:35 → 00:01:37 จุลินทรีย์นำไส้กับโรคทางสมองต่างๆนะครับ
00:01:37 → 00:01:40 ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่มาก
00:01:40 → 00:01:42 นะครับแล้วก็ปัจจุบันนี้ตอนที่อัดคลิป
00:01:42 → 00:01:45 อยู่นะครับก็ต้องถือว่ามันยังมีเรื่องของ
00:01:45 → 00:01:47 การดีเบตนะครับมีเรื่องของกระทบเถียงกัน
00:01:47 → 00:01:49 อยู่ค่อนข้างมากนะครับในหลายๆแง่หลายมุม
00:01:49 → 00:01:51 ด้วยกันแต่ถ้าอย่างมาเล่าให้ฟังนะครับ
00:01:51 → 00:01:53 เพราะว่าเรื่องเน็ตต้องบอกว่ามันเป็น
00:01:53 → 00:01:55 เรื่องที่น่าสนใจมากนะครับแล้วผมช่วยอะไร
00:01:55 → 00:01:58 หลายคนก็สนใจอยู่นะครับแล้วก็ไม่มีเรื่อง
00:01:58 → 00:02:00 ใหม่ๆออกมาเรื่อยๆแล้วก็ผมเชื่อว่าสิ่ง
00:02:00 → 00:02:02 ที่จะเล่าเป็นพื้นฐานนะคะที่ทำให้สามารถ
00:02:02 → 00:02:04 ไปอ่านต่อแล้วอ่ะติดตามเรื่องราวต่อนะ
00:02:04 → 00:02:06 ครับง่ายขึ้นครับคนที่สนใจอยากจะอ่าน
00:02:06 → 00:02:09 เพิ่มเติมด้วยตัวเองสำหรับเรื่องราวของ
00:02:09 → 00:02:12 โรคปอดที่ซึมนะครับที่มีความสัมพันธ์กับ
00:02:12 → 00:02:15 จุนจีรับไส้เนี่ยถ้าจะนับเรื่องราวจริงๆ
00:02:15 → 00:02:17 จะถือได้ว่ามันเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกๆนะ
00:02:17 → 00:02:21 ครับในปีคศ 1992 นะครับแล้วถ้าจำปีคศกัน
00:02:21 → 00:02:25 ได้นะครับก็คือจะนึกว่าปี 1992 ธุระจะคุย
00:02:25 → 00:02:28 เรื่องของวันนี้นะครับมันเกิดขึ้นนานก่อน
00:02:28 → 00:02:30 ที่นักวิทยาศาสตร์ในจะเข้าใจความสัมพันธ์
00:02:30 → 00:02:33 ระหว่างลำไส้กับสมองซะอีกนะครับแล้วมัน
00:02:33 → 00:02:34 เกิดขึ้นก่อนที่นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น
00:02:34 → 00:02:36 เฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างจุลินทรีย์ในลำ
00:02:36 → 00:02:40 ไส้กับสมองเนี่ยนานถึง 12 ปีเรื่องราวใน
00:02:40 → 00:02:42 มาเริ่มต้นขึ้นจากคุณแม่คนนึงนะครับเป็น
00:02:42 → 00:02:44 คุณแม่ชาวไหมกันนะครับที่อาศัยอยู่ที่
00:02:44 → 00:02:47 เมืองชิคาโกชื่อว่าเฮเลนบอลนะครับเค้า
00:02:47 → 00:02:49 เนี่ยเป็นแม่ที่มีลูก 2 คนแล้วนะครับแล้ว
00:02:49 → 00:02:51 ก็มีลูกชายข้อที่ 3 เนี่ยเกิดขึ้นในปี
00:02:51 → 00:02:54 1992 คือปีที่เราคุยกันอยู่เนี่ยนะครับ
00:02:54 → 00:02:57 ชื่อว่าแอนดรูว์นี่อันดูเนี่ยในช่วงแรก
00:02:57 → 00:02:59 นั้นเขาก็สังเกตว่าแข็งแรงดีมาตลอดนะครับ
00:02:59 → 00:03:01 กระทั่งถ้าวันหนึ่งตอนที่อยู่ประมาณสัก
00:03:01 → 00:03:04 ขวบกับ 3 เดือนเบานี้ก็พาลูกชายไปตรวจ
00:03:04 → 00:03:07 สุขภาพตามกำหนดแล้วหมอเนี่ยก็บอกว่าครู
00:03:07 → 00:03:11 ชั้นกลางข้าง 2 ข้างของ Andrea ขอมีน้ำ
00:03:11 → 00:03:14 อยู่นะครับแล้วก็วินิจฉัยว่าเป็นโรคขอติด
00:03:14 → 00:03:18 เชื้อนะครับในครูส่วนกลางแล้วก็ให้ยาปฏิ
00:03:18 → 00:03:21 ชีวนะเนี่ยมากินเป็นเวลา 10 วันหลังจาก
00:03:21 → 00:03:23 ที่กินยาครบกำหนดเนี้ยเค้าจะพาแอนดรูเดิน
00:03:23 → 00:03:25 เข้าไปหาหมอออยครั้งหนึ่งแต่หมอก็เพราะ
00:03:25 → 00:03:28 ว่าน้ำในหูนำก็ไม่หายไปหมอใกล้ทดลอง
00:03:28 → 00:03:30 เปลี่ยนญาณปัญญาประชุมรที่ฆ่าเชื้อได้
00:03:30 → 00:03:33 กว้างขวางมากขึ้นนะครับก็คือยาในแรงขึ้น
00:03:33 → 00:03:36 ฆ่าเชื้อได้จำนวนมากขึ้นแล้วก็ให้กินต่อ
00:03:36 → 00:03:39 ปีประมาณ 1 สัปดาห์แต่เมื่อกินครบเสร็จ
00:03:39 → 00:03:41 ปุ๊บกลับไปหาบอยทีนึงอาการในคดีขึ้นหมอก็
00:03:41 → 00:03:44 เลยให้หยุดยาไปแต่ไม่นานนักนะครับหมอนัด
00:03:44 → 00:03:46 จะจดหมายกันเพราะว่ามีน้ำในหัวเลยเพิ่ม
00:03:46 → 00:03:49 ขึ้นอีกก็เลยเปลี่ยนยาคาชิปอติช่วยใน
00:03:49 → 00:03:52 ครั้งนึงนะครับแล้วก็ให้มากินต่อ The cm
00:03:52 → 00:03:54 นะครับแฟนดูเนี่ยได้อย่าไปหลายครั้งนะ
00:03:54 → 00:03:56 ครับประมาณรอบที่สี่ร้อยที่ 5 นะครับแล้ว
00:03:56 → 00:03:59 ก็จะเห็นว่าในช่วงล่างแค่ขวบกว่าๆก็ได้ยา
00:03:59 → 00:04:02 ประชวรณณไปสมัครมาคือยุคสมัยนั้นต้องเข้า
00:04:02 → 00:04:05 ใจว่าต่างจากยุคสมัยนี้ค่อนข้างมากนะครับ
00:04:05 → 00:04:07 ก็คือในปี 1992 นะมันเป็นยุคที่หมอส่วน
00:04:07 → 00:04:10 ใหญ่ยังค่อนข้างไม่กลัวยาปฏิชีวนะนะครับ
00:04:10 → 00:04:13 คือมองว่าจะประชวรณในปัญญานี่ปลอดภัยมาก
00:04:13 → 00:04:16 นะครับแล้วก็เมื่อเทียบกับโทษของการที่
00:04:16 → 00:04:18 ให้ยาปฏิชีวนะและก็คือของการติดเชื้อ
00:04:18 → 00:04:21 เนี่ยมันรุนแรงกวาบอสในก็เลยจากค่อนข้าง
00:04:21 → 00:04:24 จะใช้ภาษาแบบทั่วไปคือกับคนข้างมือหนักนะ
00:04:24 → 00:04:26 ครับในการใช้ยาปฏิชีวนะจะยุคปัจจุบันหมอ
00:04:26 → 00:04:28 หรือค่อนข้างกลัวนะครับที่จะให้ยา
00:04:28 → 00:04:30 ปฏิชีวนะได้มากเกินไปสิ่งที่เกิดขึ้นนะ
00:04:30 → 00:04:33 ครับก็คือว่าในช่วงเวลาที่ได้ยาปฏิชีวนะ
00:04:33 → 00:04:35 ประมาณรอบที่ 5 เนี่ยมันก็มีปัญหาใหม่
00:04:35 → 00:04:38 หรือว่ามีอาการใหม่เกิดขึ้นเริ่มต้นเนี่ย
00:04:38 → 00:04:40 ก็เริ่มมาจากอาการท้องเสียนะครับซึ่งหา
00:04:40 → 00:04:42 สาเหตุของการท้องเสียนะไม่ชัดเจนนะครับ
00:04:42 → 00:04:44 หลังจากนั้นเนี่ยเอ็นดูก็มีพฤติกรรมใหม่ๆ
00:04:44 → 00:04:48 นะครับที่ทำแปลกๆเกิดขึ้นเช่นแต่เดิมที่
00:04:48 → 00:04:50 เป็นเด็กที่ค่อนข้างสนใจพ่อแม่นะครับสนใจ
00:04:50 → 00:04:53 คนอื่นก็เริ่มไม่สนใจคนรอบข้างนะครับไม่
00:04:53 → 00:04:56 สบตาคนอื่นถ้าเดินนะครับแปลกนะครับก็คือ
00:04:56 → 00:04:59 เดินเขย่งจากที่จะเกาะนั้นก็เดินปกติแล้ว
00:04:59 → 00:05:02 ก็แต่ดูท่าทางจะมีเหมือนกับเป็นอารมณ์
00:05:02 → 00:05:04 เนี่ยคนให้เปลี่ยนไปคือพุ่งหยุดง่ายขึ้น
00:05:04 → 00:05:07 นะครับมีอะไรรบกวนหน่อยนะก็จะกรีดร้องนะ
00:05:07 → 00:05:10 ครับแล้วก็ปลอบให้หยุดยากในแง่ของการพูด
00:05:10 → 00:05:13 ตอนนั้นดูเริ่มพูดคำเป็นบังคับออกมาแล้ว
00:05:13 → 00:05:16 แต่ว่าอยู่การพูดเนี่ยจะหยุดไปน้องเลยจาก
00:05:16 → 00:05:18 นั้นนะครับก็มีความชอบที่ค่อนข้างเหมือน
00:05:18 → 00:05:20 กันหมกมุ่นกับเรื่องบางอย่างนะครับเป็น
00:05:20 → 00:05:23 พิเศษคือสนใจเรื่องอย่างนานเป็นพิเศษนะ
00:05:23 → 00:05:26 ครับเช่นรู้นะยืมกดเปิดปิดสวิทช์ไฟไปมา
00:05:26 → 00:05:28 ได้หลายสิบนาทีนะครับขึ้นเล่นการปลดเปิด
00:05:28 → 00:05:31 ปิดเปิดปิดเปิดปิดไปเรื่อยๆและถ้าใครมา
00:05:31 → 00:05:32 ห้ามนะครับหรือบอกให้หยุดเนี่ยก็จะกรีด
00:05:32 → 00:05:35 ร้องนะครับแล้วก็ไม่สนใจใครเลยสุดท้าย
00:05:35 → 00:05:37 เนี่ยเมื่อนั้นดูอายุประมาณ 2 ขวบเนี่ย
00:05:37 → 00:05:40 หมอคนนึงนะครับก็แจ้งข่าวร้ายนะครับก็คือ
00:05:40 → 00:05:43 บอกว่า and ดูเนี่ยน่าจะป่วยเป็นโรคที่
00:05:43 → 00:05:48 เรียกว่าโลกกว่าจะซึม
00:05:48 → 00:05:51 ที่นี่ก่อนที่เราจะไปต่อนะครับเรามาคุย
00:05:51 → 00:05:53 กันซักนิดนึงนะครับว่าโรคออทิซึมที่ว่าใน
00:05:53 → 00:05:55 คืออะไรนะครับเพราะอันที่เสนอเป็นโรคที่
00:05:55 → 00:05:57 ถูกบรรยายไว้ครั้งแรกนะครับโดยจิตแพทย์
00:05:57 → 00:06:00 ทำไมการคนนึงนะครับที่ว่าลีโอแคนน่อนที
00:06:00 → 00:06:03 เด็ดปี 1943 เด็กที่จะเห็นหนึ่งว่าโรคนี้
00:06:03 → 00:06:05 เนี่ยมันเป็นโรคที่เพื่อนรู้จักมาไม่นาน
00:06:05 → 00:06:07 นะครับปี 1943 เนี่ยถ้าณเวลานั้นก็ประมาณ
00:06:07 → 00:06:10 สักแปดสิบปีที่แล้วนี่เองก็คือแค่ 1 ช่วง
00:06:10 → 00:06:13 ชีวิตอายุคนโดยในครั้งแรกหมอแคนน่อเนี่ย
00:06:13 → 00:06:16 เขาเขียนรายงานถึงโรคเนี่ยนะครับในเด็ก
00:06:16 → 00:06:19 ทั้งหมด 11 คนที่เค้าเจอด้วยกันเขาบอกว่า
00:06:19 → 00:06:22 เด็กเป็นคนมีอาการป่วยที่ต่างกันไปแต่ว่า
00:06:22 → 00:06:24 จะมีอาการป่วยบางอย่างในที่มันเป็นลักษณะ
00:06:24 → 00:06:28 ร่วมกันก็คือว่าเด็กจะไม่สามารถที่จะสื่อ
00:06:28 → 00:06:30 สารกับสังคมหรือว่าสื่อสารกับคนรอบตัวได้
00:06:30 → 00:06:34 แล้วก็จะไม่สนใจคนอื่นแล้วก็มีลักษณะเด่น
00:06:34 → 00:06:35 ก็คือชอบทำอะไรซ้ำๆ
00:06:35 → 00:06:38 แคนเนอร์เนี่ยเขาตอนนั้นเดี๋ยวจะไม่มีคำ
00:06:38 → 00:06:41 เรียกโลกเรานี้นะครับก็เลยตั้งคำขึ้นมา
00:06:41 → 00:06:44 คำนึงเค้าเอาที่ซึมซึ่งคำนี้เนี่ยมันมี
00:06:44 → 00:06:47 รากมาจากภาษากรีกที่หมายถึงกันแยกตัวเอง
00:06:47 → 00:06:49 เดี๋ยวออกมาจากเกาะสังคมนะครับหรือว่า
00:06:49 → 00:06:51 หมายถึงว่าอยู่ในโลกส่วนตัวเพราะคำว่า
00:06:51 → 00:06:53 เด็กเหมือนกับสร้างเกราะบางอย่างที่บอก
00:06:53 → 00:06:55 ว่าเห็นขึ้นมานะครับแล้วก็แยกตัวออกจาก
00:06:55 → 00:06:57 สังคมนะครับอย่างตัวจากคนรอบข้างไม่สนใจ
00:06:57 → 00:07:00 คนอื่นเลยคราวนี้เรามาดูบ้างนะมีอาการของ
00:07:00 → 00:07:02 - อาทิตย์เริ่มแบบไปในปัจจุบันนะครับมัน
00:07:02 → 00:07:08 ดีมีอะไรบ้างนะครับ
00:07:08 → 00:07:12 โรคนี้นะครับมันเป็นโรคที่โดยรวมๆภาพใหญ่
00:07:12 → 00:07:14 มันคือโรคที่เป็นเรื่องของความผิดปกติของ
00:07:14 → 00:07:17 การพัฒนาการของเด็กนะครับแต่ความพิเศษก็
00:07:17 → 00:07:19 คือว่าในออทิสติกอย่างการพัฒนาการนำมันจะ
00:07:19 → 00:07:22 เสียไปในหลายๆด้านด้วยกันนะครับที่เราใช้
00:07:22 → 00:07:24 คออทิสติกเนี่ยจะบอกว่าเด็กที่ป่วยมันจะ
00:07:24 → 00:07:27 มีอาการที่แตกต่างกันหลากหลายรูปแบบมากนะ
00:07:27 → 00:07:29 ครับคือเรียกว่าเด็ก 10 คนนะครับเปิดเช็ค
00:07:29 → 00:07:32 คนเดียวก็มีอาการต่างไปสิบแบบแต่อย่างที่
00:07:32 → 00:07:33 บอกไปก็คือมีลักษณะร่วมอย่างหนึ่งก็คือ
00:07:33 → 00:07:35 ว่าเด็กเดี๋ยวมันจะอยู่ในโลกของตัวเอง
00:07:35 → 00:07:37 แล้วด้วยความที่อาการในวันมีความหลากหลาย
00:07:37 → 00:07:40 มานะครับมีบางคนจะเป็นน้อยนะคะบางคนเป็น
00:07:40 → 00:07:43 มากมาคนอาการไม่เยอะนะครับมันทำให้ในช่วง
00:07:43 → 00:07:45 หลายปีที่ผ่านมาในประมาณ 80 ปีที่ผ่านมา
00:07:45 → 00:07:48 เนี่ยมันมีชื่อเรียกโลกนี้หลายโรคด้วยกัน
00:07:48 → 00:07:50 นะครับผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำ
00:07:50 → 00:07:53 ว่าออทิสติกเธอไม่พอที่ซื้อมาที่สติกส์นะ
00:07:53 → 00:07:54 ครับบอกถ้าน่าจะแค่นี้เพราะว่า
00:07:54 → 00:07:57 แอสเปอเกอร์นะครับก็จะได้ยินคำว่าพีดีนะ
00:07:57 → 00:08:00 ครับซึ่งมันเป็นตัวอย่างคำว่าเพลงเสียบ
00:08:00 → 00:08:02 ตัวแทนเท่า disorder นะครับก็คือปลาตรง
00:08:02 → 00:08:04 ตัวคือมันมีความบกพร่องนะครับหรือว่ามี
00:08:04 → 00:08:07 ปัญหาในแง่ของการพัฒนาการเนี่ยในรอบด้าน
00:08:07 → 00:08:10 เลยแต่ด้วยความที่มันมีความหลากหลายมากนะ
00:08:10 → 00:08:12 ครับก็ปัจจุบันก็เลยบอกว่าโรคเนี้ยพวกนี้
00:08:12 → 00:08:14 นะครับว่าที่ซื้อมาเป็นโรคที่ขึ้นว่าเป็น
00:08:14 → 00:08:16 สเปกตรัมนะครับก็คือเหมือนกับมีหลายเฉดสี
00:08:16 → 00:08:19 นะครับมีหลายแบบด้วยกันแต่สามารถจากกลุ่ม
00:08:19 → 00:08:21 รวมเป็นคลุมโรคเดียวกันได้ด้วยเป็นอ่อน
00:08:21 → 00:08:24 ที่เสริมสเปคตรัมรีสอร์ทเด้อแต่เพื่อให้
00:08:24 → 00:08:26 เกิดความสับสนกับชื่อที่มันหลากหลายมากนะ
00:08:26 → 00:08:28 ครับปกติในภาษาไทยว่าจะใช้คำเดียวคือคำ
00:08:28 → 00:08:30 ว่าออทิสติกนะครับร้อนที่ซึมเนี่ยแล้วก็
00:08:30 → 00:08:33 เรียกรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันที่นี้ของ
00:08:33 → 00:08:34 อาการก็อย่างที่ว่าไปก็คือมันจะมีปัญหา
00:08:34 → 00:08:37 เรื่องของพัฒนาการนะครับเป็นเรื่องของ
00:08:37 → 00:08:41 ทักษะทางสังคมเรื่องของทักษะทางภาษาที่
00:08:41 → 00:08:44 นี่ในภาพกว้างเนี่ยมันก็จะอาการอาจจะไป
00:08:44 → 00:08:46 ได้เป็นสองอย่างนี้กันนะครับก็คืออย่าง
00:08:46 → 00:08:48 แรกก็คือเป็นเรื่องของพัฒนาการทางด้าน
00:08:48 → 00:08:50 สังคมต่างๆก็คือเด็กในจะไม่ค่อยมี
00:08:50 → 00:08:53 ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้านะครับไม่สบตาใคร
00:08:53 → 00:08:56 นะครับไม่มองหน้าเวลาเรียกชื่อไหนก็จะไม่
00:08:56 → 00:08:58 ค่อยหารนะครับแล้วก็เด็กไม่สามารถที่จะ
00:08:58 → 00:09:01 สื่อสารความต้องการเล่นเพลงให้กับคนอื่น
00:09:01 → 00:09:03 รู้อย่างปกติได้ทั่วไปในต้องการอะไรเนี่ย
00:09:03 → 00:09:06 ถ้าพูดไม่ได้ก็ใช้นิ้วชี้ถูกไหมครับที่จะ
00:09:06 → 00:09:08 เอานู่นเอานี่ถูกไหมครับแต่เด็กเราเนี่ย
00:09:08 → 00:09:11 ก็จะไม่ทำไม่ไม่ใช่พฤติกรรมนี้จะไม่มีการ
00:09:11 → 00:09:14 ฉี่แล้วก็ได้แยกของการแสดงออกของอารมณ์
00:09:14 → 00:09:16 ทางสีหน้าเนี่ยก็จะไม่ค่อยแสดงออกครับคือ
00:09:16 → 00:09:19 ไม่ค่อยยิ้มไม่หัวเราะเห็ดนะครับเด็กๆชอบ
00:09:19 → 00:09:21 เล่นคนเดียวอย่างที่ว่าไปนะครับว่าอยู่คน
00:09:21 → 00:09:24 เดียวไม่ค่อยเล่นคนอื่นไม่ค่อยสนใจที่
00:09:24 → 00:09:26 เลี้ยงนะครับไม่เข้าใจพ่อแม่นอกเหนือไป
00:09:26 → 00:09:28 จากนี้นะครับก็จะมีพฤติกรรมบางอย่างนะ
00:09:28 → 00:09:30 ครับที่ต่างไปจากเด็กทั่วไปเช่นเด็กในจะ
00:09:30 → 00:09:33 ชอบทำอะไรซ้ำๆนะครับขอลักษณะทำมันจะเป็น
00:09:33 → 00:09:36 ลักษณะเหมือนแบบทำซ้ำๆเป็นแบบแผนนะครับ
00:09:36 → 00:09:38 ใครๆอ่านดูที่เราไปเมื่อกี้นะครับก็คือ
00:09:38 → 00:09:40 เค้าชอบไปปิดสวิตซ์เปิดสวิตซ์ปิดสวิชท์
00:09:40 → 00:09:44 เปิดสวิทซ์ 3 ไปเรื่อยๆในแง่ของอย่างอื่น
00:09:44 → 00:09:47 ก็ซ้ำๆเช่นในของการกินอาหารก็ชอบกินอาหาร
00:09:47 → 00:09:49 ซ้ำเดิมนะครับใส่เสื้อผ้าก็ชอบใส่เสื้อ
00:09:49 → 00:09:52 ผ้าตัวเดิมกิจวัตรประจำวันก็ต้องทำซ้ำ
00:09:52 → 00:09:54 เดิมถ้าไปเปลี่ยนกิจวัตรของข้าวในเด็กนะ
00:09:54 → 00:09:57 จะอาละวาดนะครับโวยวายแล้วก็กรีดร้องเวลา
00:09:57 → 00:10:00 เล่นของเล่นนะครับก็จะสนใจแค่เฉพาะบางพบ
00:10:00 → 00:10:02 กับของเล่นเท่านั้นเช่นรถทั้งคันเนี่ยก็
00:10:02 → 00:10:04 จะไปเล่นรถเหมือนเด็กทั่วไปเล่นคือเล่นรถ
00:10:04 → 00:10:07 มาเขียนไปเขียนมานะคะจะโฟกัสแค่ที่รอของ
00:10:07 → 00:10:09 ก่อนอย่างเดียวคือหมุนล้อไปเรื่อยๆนะครับ
00:10:09 → 00:10:12 ก็โฟกัสเล่นแต่ดูเพราะที่มันบ่นไปเรื่อยๆ
00:10:12 → 00:10:14 ในงานของปฏิสัมพันธ์กับคนที่เหมือนกันอาจ
00:10:14 → 00:10:17 จะสนใจแค่บางส่วนของร่างกายคนเช่นถ้าเป็น
00:10:17 → 00:10:19 เด็กทั่วไปเวลาเล่นกับพ่อแม่บางครั้งก็จะ
00:10:19 → 00:10:21 มาเล่นจับมากหน้านะครับหัวเราะคุยเล่นกับ
00:10:21 → 00:10:24 แม่จะเด็กออทิสติกในบางครั้งถ้าเล่น
00:10:24 → 00:10:25 เดี๋ยวจะเล่นแค่เล่นมือของพ่อแม่อย่าง
00:10:25 → 00:10:27 เดียวนะครับดูแต่มื้อนะครับหรือว่าจับ
00:10:27 → 00:10:30 นิ้วนะครับอยากไปขยับมาสำหรับอาการเดี๋ยว
00:10:30 → 00:10:33 ส่วนก็จะเริ่มเห็นค่อนข้างเร็วนะครับก็
00:10:33 → 00:10:35 คือว่าในช่วงปีแรกในชั้นการในจากสังเกต
00:10:35 → 00:10:37 ค่อนข้างยากนะครับแต่พ่อแม่ส่วนใหญ่จะ
00:10:37 → 00:10:40 เริ่มสังเกตุอาการว่าเด็กเนี่ยมีอะไรที่
00:10:40 → 00:10:42 ตอบอย่างในคนอื่นตอนที่อายุประมาณสักสอง
00:10:42 → 00:10:45 ขวบสำหรับในด้านของสติปัญญานะครับประมาณ
00:10:45 → 00:10:46 ครึ่งหนึ่งของเด็กที่เป็นโรคนี้นะครับ
00:10:46 → 00:10:49 ประมาณ 50% หรือประมาณ 70% อ่ะอาจจะมี
00:10:49 → 00:10:52 ความบกพร่องทางสติปัญญาร่วมด้วยก็คือว่า
00:10:52 → 00:10:55 จะเรียนเรียนรู้ช้ากว่าคนอื่นแต่ว่าก็จะ
00:10:55 → 00:10:57 มีนะครับประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของเด็ก
00:10:57 → 00:10:59 ออทิสติกจะมีความสามารถพิเศษเหนือคนทั่ว
00:10:59 → 00:11:02 ไปเช่นเอ่ออาจารย์เก่งคณิตศาสตร์ฝากคน
00:11:02 → 00:11:05 อื่นครับเรียกว่าขนาดชยเลยก็ได้นะครับบาง
00:11:05 → 00:11:07 คนในจำเก่งดนตรีนะครับจะเมาคนเดียวจะเก่ง
00:11:07 → 00:11:10 ระยะการวาดภาพหรือว่าบางคนจะมีความจำที่
00:11:10 → 00:11:13 ดีเลิศนะครับดีแบบดีเหนือมนุษย์เลยนั้นก็
00:11:13 → 00:11:15 เป็นอาการแบบคร่าวๆนะครับให้นึกภาพออกนะ
00:11:15 → 00:11:18 คะไว้โลกนี้เนี่ยมันเบียร์การยังไงนะครับ
00:11:18 → 00:11:21 คำๆถัดไปที่เราสนใจก็คือว่าโรคนี้เนี่ยพบ
00:11:21 → 00:11:24 บ่อยแค่ไหนนะครับแล้วก็โรคนี้พบมากขึ้น
00:11:24 → 00:11:26 เหมือนในโลกอื่นที่เราคุยในซีรีส์ในกันไป
00:11:26 → 00:11:30 หรือเปล่า
00:11:30 → 00:11:33 ฉันว่าคำตอบของคำถามนี้นะครับก็บอกว่า
00:11:33 → 00:11:36 จริงๆมันง่ายนะครับเพราะว่าตั้งแต่ที่วง
00:11:36 → 00:11:38 การแพทย์รู้จักโรคนี้เมื่อประมาณ 70-80
00:11:38 → 00:11:41 ปีก่อนหมอจะพบว่าโรงนี้มันมีความซับซ้อน
00:11:41 → 00:11:43 แล้วก็มีความหลากหลายมากกว่าที่คิดไว้นะ
00:11:43 → 00:11:46 ครับทำให้เกณฑ์ในการวินิจฉัยโรคเนี่ยมัน
00:11:46 → 00:11:48 ยากนะครับแล้วก็ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
00:11:48 → 00:11:50 นั้นมีการเปลี่ยนเกณฑ์การวินิจฉัยเนี้ย
00:11:50 → 00:11:53 หลายครั้งด้วยกันแต่ถ้าเราดูแค่ตัวเลขนะ
00:11:53 → 00:11:55 ครับที่มีปันทึกเอาไว้ครับคือดูข้อมูลที่
00:11:55 → 00:11:58 เรามีเนี่ยจะพบว่าโลกนี้มันเพิ่มขึ้นเร็ว
00:11:58 → 00:12:00 มากๆนะครับจากเดิมนะคะช่วงแรกๆที่เรารู้
00:12:00 → 00:12:02 จักโรงเรียนใหม่ๆนะครับชื่อว่าโรงเรียน
00:12:02 → 00:12:04 เป็นนกที่พบน้อยมากนะครับคือประมาณหนึ่ง
00:12:04 → 00:12:07 ในหมื่นของประชากรเด็กแล้วก็โรคนี้จะพบ
00:12:07 → 00:12:10 เฉพาะในคนที่นึกว่าเป็นลูกของคนที่มีฐานะ
00:12:10 → 00:12:13 ดีนะครับว่าลูกของคนที่การศึกษาแต่พอใน
00:12:13 → 00:12:16 ประมาณทศวรรษที่ 16 นะครับก็คือประมาณสัก
00:12:16 → 00:12:19 50 60 ปีที่แล้วเนี่ยก็มีตัวเลขใหม่ออก
00:12:19 → 00:12:21 มาเพราะว่าโรงเรียนปบ่อยขึ้นประมาณหนึ่ง
00:12:21 → 00:12:25 ในสองพันห้าร้อยคนนะครับแต่ว่าในปีคศ 2000
00:12:25 → 00:12:28 2000 ที่ผ่านมาเนี่ยนะครับขอ CDC นะครับ
00:12:28 → 00:12:31 หรือว่าศูนย์ควบคุมรับประกันโรคของในการ
00:12:31 → 00:12:33 เนี่ยเขาก็สำรวจครั้งนึงก็เพราะว่าความ
00:12:33 → 00:12:36 ความชุกของโรคนี้นะครับเราคำไหวของการพบ
00:12:36 → 00:12:39 โลกนี้น่าอยู่ประมาณ 150 บาทและในปี 2004
00:12:39 → 00:12:41 นะเพราะว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นอีกนะครับคือไป
00:12:41 → 00:12:43 อยู่ที่ประมาณหนึ่งในร้อยยี่สิบห้านะครับ
00:12:43 → 00:12:45 แล้วในบางพื้นที่นะครับหรือในบางการศึกษา
00:12:45 → 00:12:48 นะครับเพราะว่าตัวเลขรางวัลสูงถึงหนึ่งใน
00:12:48 → 00:12:50 เจ็ดสิบนะครับแต่ว่าตัวเลขเหล่านี้อย่าง
00:12:50 → 00:12:52 ที่ว่าไปนะครับก็มีการถกเถียงว่าตัวเลข
00:12:52 → 00:12:55 ที่เห็นเนี่ยมันเป็นสะท้อนการเพิ่มขึ้น
00:12:55 → 00:12:58 ของโรงจริงมากน้อยแค่ไหนเพราะว่าฝ่ายที่
00:12:58 → 00:13:00 ปรางคนเขาก็มองแล้วก็ออกมาตัวเลขที่เพิ่ม
00:13:00 → 00:13:02 ขึ้นเร็วในจริงๆจะเป็นเพราะหมอวินิจฉัย
00:13:02 → 00:13:05 โรคนี้เพิ่มขึ้นหรือว่าจะเป็นเพราะว่ามี
00:13:05 → 00:13:07 การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักโรคนี้
00:13:07 → 00:13:10 มากขึ้นประชาชนนั้นก็เลยเห็นอาการของลูก
00:13:10 → 00:13:12 นะครับถ้าสงสัยกันไปหาหมอมาขึ้นบอกเลย
00:13:12 → 00:13:15 ขยันวินิจฉัยให้มากขึ้นแล้วก็บางคนจะโทษ
00:13:15 → 00:13:17 หมอด้วยนะครับว่าอาจจะเป็นที่หมอบางคน
00:13:17 → 00:13:19 วินิจฉัยโรคเกินจริงนะครับแล้วก็รายงาน
00:13:19 → 00:13:22 โรคนี้ไปทำให้ตัวเลขมันดูเพิ่มมามากเกิน
00:13:22 → 00:13:26 จริงอย่างไรก็แล้วแต่นะครับว่าจะมีการถก
00:13:26 → 00:13:28 เถียงว่าโรคเพิ่มขึ้นเร็วแค่ไหนนะครับแต่
00:13:28 → 00:13:30 ยังไงผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ในก็ยังเห็นตรง
00:13:30 → 00:13:32 กันว่าโลกนี้ในช่วงประมาณหลายสิบปีที่
00:13:32 → 00:13:34 ผ่านมาเนี่ยเพิ่มขึ้นจริงและก็เพิ่มขึ้น
00:13:34 → 00:13:37 ค่อนข้างเร็วนะครับแล้วก็ไอ้ตัวเลขที่
00:13:37 → 00:13:38 เพิ่มขึ้นเนี่ยมันมีแนวโน้มที่จะเพิ่ม
00:13:38 → 00:13:41 ขึ้นในเกือบทุกประเทศทั่วโลกเมื่อเกิดคำ
00:13:41 → 00:13:43 ถามสำคัญคำถามหนึ่งขึ้นมานะครับว่าทำไม
00:13:43 → 00:13:46 โลกนี้มาถึงได้พบเพิ่มขึ้นนะครับซึ่งการ
00:13:46 → 00:13:48 ที่โลกนะคะที่มันเพิ่มขึ้นเวลาแบบนี้นะ
00:13:49 → 00:13:51 ครับแสดงมันจะสะท้อนให้เห็นว่าโลกเรา
00:13:51 → 00:13:54 เนี้ยมันจะต้องมีสิ่งแวดระวังอย่างเนี่ย
00:13:54 → 00:13:56 เปลี่ยนแปลงไปนะคะว่าสิ่งแวดล้อมเนี่ยมัน
00:13:56 → 00:13:59 ทำให้เกิดโรคเพิ่มขึ้นคำถามก็คือว่าสิ่ง
00:13:59 → 00:14:01 แวดล้อมที่ปต่อไปอะไรในช่วงหลายๆสิบปีนี้
00:14:01 → 00:14:03 นะครับที่ทำให้เหมือนกับว่าโรคนี้เนี่ย
00:14:04 → 00:14:08 มันเพิ่มขึ้นเร็ว
00:14:08 → 00:14:11 สำหรับสาเหตุของโรคนี้นะครับก็เหมือนกับ
00:14:11 → 00:14:13 ร่วมต่างที่เราคุยกันไปในชีวิตนี้นะครับ
00:14:13 → 00:14:16 ก็คือว่าสาเหตุจริงๆเรายังไม่เข้าใจทั้ง
00:14:16 → 00:14:18 หมดนะครับแล้วก็ยังไม่มีใครที่รู้แน่ชัด
00:14:18 → 00:14:21 ว่าให้โรคนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่ว่า
00:14:21 → 00:14:24 การที่บอกว่าเราไม่รู้แน่ชัดมันไม่ได้แปล
00:14:24 → 00:14:26 ว่าเราไม่รู้อะไรนะครับปัจจุบันเนี่ยรู้
00:14:26 → 00:14:28 ว่ามันมีสาเหตุก็รู้ว่ามีปัจจัยเสี่ยงใน
00:14:28 → 00:14:30 หลายปัจจัยด้วยกันนะครับและเชื่อว่า
00:14:30 → 00:14:33 ปัจจัยเหล่าเนี่ยมันทำงานร่วมกันแล้วเรา
00:14:33 → 00:14:35 ก็เชื่อว่าในสเปกตรัมของเรานะครับก็คือใน
00:14:35 → 00:14:37 โลกที่มันมีความต่างๆกันเนี่ยที่มีความ
00:14:37 → 00:14:39 รุนแรงต่างกันมีอาการที่ต่างกันไปเนี่ยก็
00:14:39 → 00:14:42 น่าจะมีปัจจัยเสี่ยงและมีสาเหตุที่ต่าง
00:14:42 → 00:14:44 กันไปด้วยและที่เรารู้แน่อย่างหนึ่งก็คือ
00:14:44 → 00:14:46 ว่าโลกนี้มันเกี่ยวข้องกับการเจริญและ
00:14:46 → 00:14:49 พัฒนาของสมองซึ่งมันจะทำให้ตัวโครงสร้าง
00:14:49 → 00:14:51 ของสมองในผิดปกติไปหรือถ้าไม่ใช่เรื่อง
00:14:51 → 00:14:53 ของโครงสร้างก็จะเรื่องของสารเคมีในสมอง
00:14:53 → 00:14:57 ที่มันผิดปกติไปเด็กจะมีปัญหาเรื่องของ
00:14:57 → 00:14:59 การพัฒนาการในหลายๆด้านโดยเฉพาะเรื่องของ
00:14:59 → 00:15:01 การสื่อสารและสังคมนะครับแล้วก็การพัฒนา
00:15:01 → 00:15:04 ทางด้านภาษาในอดีตนะครับเคยเชื่อว่าโรค
00:15:04 → 00:15:06 นี้เกิดจากการเลี้ยงดูนะครับก็คือรักษา
00:15:06 → 00:15:08 ที่เหมือนกับแม่เย็นช้านะคะไม่ค่อยสนใจ
00:15:08 → 00:15:11 ลูกโดยที่เน้นภาษาเกิดในนิยมเรียกว่าเป็น
00:15:11 → 00:15:13 เวทย์จะเรเตอร์มาสเตอร์นะครับก็คือแม่
00:15:13 → 00:15:16 เย็นชาเหมือนตู้เย็นก็เลยยกสมัยนึงเนี่ย
00:15:16 → 00:15:19 เวลาที่ลูกป่วยเป็นโรคนี้หลายครั้งก็จะ
00:15:19 → 00:15:21 เป็นลักษณะการที่หมอนะครับหรือว่าเป็นคน
00:15:21 → 00:15:23 รอบข้างเดียวโทษว่าแม่เนี่ยก็เลี้ยงลูก
00:15:23 → 00:15:25 ไม่ดีนะครับแต่ปัจจุบันนี้เรารู้ว่าไม่
00:15:25 → 00:15:27 เกี่ยวแล้วนะครับว่าคือคนทำมันใจเพราะโลก
00:15:27 → 00:15:29 นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูนะครับ
00:15:29 → 00:15:32 เพราะฉะนั้นจะมีการโทษพ่อแม่เด็กที่ป่วย
00:15:32 → 00:15:35 เป็นโรคนี้แล้วนะครับคันนี้เรามาดูสัก
00:15:35 → 00:15:37 หน่อยนะครับว่าปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่างที่
00:15:37 → 00:15:39 ว่าไปมันมีอะไรบ้างอย่างแรกสุดเลยนะครับ
00:15:39 → 00:15:41 เชื่อว่าโลกนี้มันเกี่ยวข้องหรือว่า
00:15:41 → 00:15:44 สัมพันธ์กับความผิดปกติของพันธุกรรมบาง
00:15:44 → 00:15:47 อย่างเพราะว่าเพราะว่าในครอบครัวในที่มี
00:15:47 → 00:15:49 คนที่ป่วยเป็นโรคที่ซึมและเด็กเปิดโลกที่
00:15:49 → 00:15:51 ซึมเนี่ยในครอบครัวนะเนี่ยมันจะมีความ
00:15:51 → 00:15:55 เสี่ยงและเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถชี้
00:15:55 → 00:15:57 ชัดได้ชัดเจนนะครับว่าเป็นความผิดปกติของ
00:15:57 → 00:16:00 พันธุกรรมไหนแล้วก็เป็นไปได้ว่าความ The
00:16:00 → 00:16:02 Cinema จะเกิดขึ้นจากหลายๆตำแหน่งใน
00:16:02 → 00:16:05 โครโมโซมหรือในพันธุกรรมของเราปัจจัยที่
00:16:05 → 00:16:07 สอนนะครับเชื่อว่าโรคนี้เนี่ยมันอาจจะ
00:16:07 → 00:16:10 เกี่ยวข้องกับเรื่องของฮอร์โมนนะครับพอ
00:16:10 → 00:16:13 ด้วยความที่ว่าโรคนี้เนี่ยจะพบในเด็กชาย
00:16:13 → 00:16:16 มากยิงประมาณ 3 สีเท่ามันก็เลยเคยมี
00:16:16 → 00:16:18 สมมุติฐานเข้ามาลงนี้อาจจะเกี่ยวกับ
00:16:18 → 00:16:20 ฮอร์โมนเพศชายหรือถือว่าเป็น Extreme
00:16:20 → 00:16:23 elbrus นะครับอันนี้ก็เป็นชื่อภาษา
00:16:23 → 00:16:25 อังกฤษก็คือว่าข้อมูลเพศชายที่มากเกินไป
00:16:25 → 00:16:28 เนี่ยมันไปมีผลต่อพัฒนาการของสมองที่จะ
00:16:28 → 00:16:31 ว่าระยะหลังสวัสดีฐานเนี่ยจะไม่ได้มีข้อ
00:16:31 → 00:16:33 มูลสับสนุนออกมาเพิ่มเติมมากนะครับทำให้
00:16:33 → 00:16:37 คนเนี่ยค่อนข้างเชื่อน้อยลงนะครับพี่จะ
00:16:37 → 00:16:39 ว่ายังอยู่ใน List ที่อาจจะเป็นไปได้อยู่
00:16:39 → 00:16:41 ตรงนี้จากนี้นะครับก็มีสวัสดิการที่ว่า
00:16:41 → 00:16:44 การปนเปื้อนของโลหะหนักในสิ่งแวดล้อมนะ
00:16:44 → 00:16:45 ครับเป็นอาจจะเป็นโลหะหนักหลายชนิดด้วย
00:16:45 → 00:16:48 กันเนี่ยมันมีความเสี่ยงนะครับเพิ่มความ
00:16:48 → 00:16:50 เสี่ยงให้กับการเกิดโรคนี้หรือว่าทำให้
00:16:50 → 00:16:53 การพัฒนาการของสมองเนี่ยมันเปลี่ยนไปแต่
00:16:53 → 00:16:55 ข้อมูลหลักฐานที่มีเนี่ยมันก็ยังบวกลบนะ
00:16:55 → 00:16:58 ครับไม่ชัดเจนมากต่อเนื่องจากนี้ก็จะมี
00:16:58 → 00:17:00 ปัจจัยเชิงอื่นๆนะครับเช่นเมื่อพร้อมอยาก
00:17:00 → 00:17:02 รู้มากขึ้นในลูกจะมีความเสี่ยงมากขึ้นก็
00:17:02 → 00:17:04 เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม
00:17:04 → 00:17:07 ที่สะสมมากขึ้นเมื่อพ่อแม่อายุมากขึ้นก็
00:17:07 → 00:17:09 ทำให้ความเสี่ยงของโรงเรียนมากขึ้นหรือ
00:17:09 → 00:17:11 ว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนดมากๆนะครับเช่น
00:17:11 → 00:17:14 คอร์ดเกาะนะอายุครรภ์ครบ 6 เดือนก็จะมี
00:17:14 → 00:17:16 ความเสี่ยงของโรคนี้เพิ่มขึ้นก็เชื่อ
00:17:16 → 00:17:18 เหมือนกันว่าบายจะเป็นเรื่องของการที่ว่า
00:17:18 → 00:17:20 เด็กยังไม่พร้อมนะครับก็เลยมีปัญหากับการ
00:17:20 → 00:17:22 พัฒนาการของสมองทำให้มีความเสี่ยงที่จะ
00:17:22 → 00:17:25 เกิดโรคนี้มากขึ้นและเอกกะใจนึงนะครับ
00:17:25 → 00:17:28 เป็นปัจจัยสำคัญเลยนะครับซึ่งหลังๆการมี
00:17:28 → 00:17:30 การพูดถึงกันมากขึ้นนะครับและมีการดีเด่น
00:17:30 → 00:17:32 กันมากขึ้นและเป็นหนึ่งที่เราจะคุยในที่
00:17:32 → 00:17:34 สุดนี้ก็คือเรื่องของจุลินทรีย์ในลำไส้นะ
00:17:34 → 00:17:36 ครับหลังจากที่พอรู้แล้วนะคะว่าโรคอันที่
00:17:36 → 00:17:39 ขึ้นมันคืออะไรนะครับเรากลับไปที่เรื่อง
00:17:39 → 00:17:42 เขากันต่อนะครับก็คือคุณแม่บนนะครับแม่
00:17:42 → 00:17:44 เช้าไม่การคนนี้นะครับหลังจากที่รู้ว่า
00:17:44 → 00:17:46 ลูกป่วยเป็นก่อนที่เสริมเนี่ยเธอก็ไม่
00:17:46 → 00:17:48 สามารถที่จะทำใจยอมรับได้นะครับโดยเฉพาะ
00:17:48 → 00:17:51 เมื่อหมอได้บอกว่ามันไม่สามารถทำอะไรได้
00:17:51 → 00:17:53 มากนักนะครับเธอก็เลยคิดว่าถ้าหมอทำอะไร
00:17:53 → 00:17:55 ไม่ได้นะครับเดี๋ยวแม่เนี่ยจะช่วยลูกเอง
00:17:55 → 00:17:58 สิ่งที่กระทำนะครับก็คือว่าเริ่มจากไป
00:17:58 → 00:17:59 กว่าหนังสือเกี่ยวกับโลกตอนที่ซึมทุกเล่ม
00:17:59 → 00:18:02 นี้และสื่อเนี่ยหรือว่าในห้องสมุดเลยมา
00:18:02 → 00:18:04 นั่งงานนะครับหลังจากที่อ่านหนังสือจะโลก
00:18:04 → 00:18:07 ครบทุกเล่มเท่าที่จะหาได้แล้วเนี่ยก็
00:18:07 → 00:18:10 เริ่มไปหาอ่านในห้องสมุดของโรงเรียนแพทย์
00:18:10 → 00:18:12 ต่อก็คือไปที่คณะแพทย์นะครับไปอ่านตำรา
00:18:12 → 00:18:14 แพทย์ที่หมอใช้เรียนเลยนะครับอ่านเล่ม
00:18:14 → 00:18:17 เดียวกับที่หมออ่านซึ่งถูกๆนะครับเพราะ
00:18:17 → 00:18:18 ว่าอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับว่ามีคำ
00:18:18 → 00:18:21 ศัพท์ที่ไม่เข้าใจในเยอะมากแต่ก็พยายามนะ
00:18:21 → 00:18:23 ครับพยายามไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีความคุ้น
00:18:23 → 00:18:26 เคยกับศัพท์มากขึ้นจนกระทั่งอ่านพวกตำรา
00:18:26 → 00:18:29 แพทย์ต่างๆที่กับออทิซึมได้จนจบจากนั้นก็
00:18:29 → 00:18:31 เริ่มขยับไปอ่านพวกงานวิจัยต่างๆมากขึ้น
00:18:31 → 00:18:34 ทั้งงานวิจัยที่เคยทำในอดีตกับโลกตอนที่
00:18:34 → 00:18:36 ซึมนะครับแล้วก็งานวิจัยใหม่ที่เครื่องตี
00:18:36 → 00:18:39 พิมพ์ออกมาใหม่แต่ที่สุดในเธอก็เหมือนกับ
00:18:39 → 00:18:41 เพราะว่ามันมีงานวิจัยส่วนนึงนะพูดถึง
00:18:41 → 00:18:43 ความสัมพันธ์ระหว่างจุลินทรีย์ที่อยู่ใน
00:18:43 → 00:18:46 ลำไส้นะครับผู้ประเทศต่างๆนะครับพูดถึง
00:18:46 → 00:18:48 เรื่องของการใช้ยาปฏิชีวนะแล้วก็อาการ
00:18:48 → 00:18:51 ท้องเสียที่พบในผู้ป่วยเด็กออทิสซึมซึ่ง
00:18:51 → 00:18:54 ได้สมมติฐานเนี่ยมันก็พูดถึงเรื่องของสาร
00:18:54 → 00:18:56 พิษบางอย่างที่เกิดขึ้นในทางเดินอาหาร
00:18:56 → 00:18:59 แล้วแล้วแม่นะครับเธอคนนี้เนี่ยก็ไปอ่าน
00:18:59 → 00:19:02 เชิงเข้าใจดีว่าไอ้พวกสารพิษต่างๆที่เกิด
00:19:02 → 00:19:05 ขึ้นในทางเดินอาหารเนี่ยมันสามารถไม่มีผล
00:19:05 → 00:19:08 กระทบต่อสมองได้โดยอาจจะทำงานผ่านเส้น
00:19:08 → 00:19:10 ประสาทที่เราคุยกันไปนะครับหรือเส้น
00:19:10 → 00:19:12 ประสาทในการเสนอแม่บ้านเนี่ยก็เลยนำ 2
00:19:12 → 00:19:14 เรื่องนี้มาเชื่อมเข้าด้วยกันแล้วก็ตั้ง
00:19:14 → 00:19:16 สมมติฐานแล้วก็คิดกันเองหรือว่าเป็นไปได้
00:19:16 → 00:19:19 ไหมว่าที่ Andrew ได้รับยาปฏิชีวนะเป็น
00:19:19 → 00:19:23 เวลานานๆคือได้เป็นเดือนได้ยาปฏิชีวนะแรง
00:19:23 → 00:19:25 ๆเนี่ยมันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของ
00:19:25 → 00:19:27 จุลินทรีย์ในลำไส้แล้วกันไปที่เกิดขึ้น
00:19:27 → 00:19:29 เนี่ยมันได้รับอาจจะมีผลที่ทำให้เกิด
00:19:29 → 00:19:31 เหมือนกับเป็นสารพิษหรือว่าสารเคมีบาง
00:19:31 → 00:19:35 อย่างเกิดขึ้นแล้วสารพิษในลำไส้เนี่ยมัน
00:19:35 → 00:19:38 เป็นมีผลต่อการทำงานของสมองได้โดยผ่าน
00:19:38 → 00:19:40 เส้นประสาท Vegas ทั้งหมดนี้มากเลยนำไป
00:19:40 → 00:19:43 สู่พัฒนาการของสมองของลูกเนี่ยที่เปลี่ยน
00:19:43 → 00:19:46 ไปเมื่อคิดแบบนี้นะครับเราก็ตั้งสวัสดี
00:19:46 → 00:19:48 ครับแบบนี้ขึ้นมาเนี่ยบอกเลยนำไอเดียนี้
00:19:48 → 00:19:50 ไปคุยกับหมอต่างๆทั้งบ่อที่เชี่ยวชาญทาง
00:19:50 → 00:19:54 ด้านสมองบอดที่ฉันทางดังทางเดินอาหารนะ
00:19:54 → 00:19:56 ครับแล้วก็หมอโรคติดเชื้อไอเดียของเธอนะ
00:19:56 → 00:19:58 ครับที่ไปเสนอก็คืออยากจะให้หมอช่วยใจ
00:19:58 → 00:20:02 อย่าไปช่วยนะและกำจัดไปเทรนลำไส้บางอย่าง
00:20:02 → 00:20:04 ที่เธอชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค
00:20:04 → 00:20:08 นี้ขึ้นมาแต่สมมุติฐานที่แม่ both นะครับ
00:20:08 → 00:20:11 นำไปเสนอไว้คุยกับหมอเนี่ยต้องบอกว่ามัน
00:20:11 → 00:20:13 เป็นไอเดียที่แปลกมากๆสำหรับวงการแพทย์
00:20:13 → 00:20:16 ยุคนั้นก็อย่างที่ว่าไปนะครับต้องเข้าใจ
00:20:16 → 00:20:18 ว่าในปีนี้ปีที่เกิดเหตุการณ์เรียนยุคคือ
00:20:18 → 00:20:22 ช่วงประมาณปีคศ 1992 ซึ่งคศ 1992 เนี่ย
00:20:22 → 00:20:25 ตอนนี้ไอเดียที่บอกว่ากัด friend
00:20:25 → 00:20:27 Connection รสกัดเบ noxus จะไม่เกิดขึ้น
00:20:27 → 00:20:30 ด้วยซ้ำนะครับซึ่งเกิดขึ้นประมาณปี 1998
00:20:30 → 00:20:32 วันที่เราคุยกันไปพิสูจน์ที่แล้วก็เคย
00:20:32 → 00:20:35 ประมาณ 6 ปีในถึงจะมีคนพูดเรื่องนี้ขึ้น
00:20:35 → 00:20:37 มานั่นไอเดียที่ว่าลำไส้นะครับหรือสิ่ง
00:20:37 → 00:20:39 ที่เกิดขึ้นในลำไส้มาสามารถเป็นมีผลต่อ
00:20:39 → 00:20:41 สมองเนี่ยโดยเฉพาะผ่านเส้นประสาทเชื่อ
00:20:41 → 00:20:43 Vegas love love มันเป็นไอเดียที่บ่
00:20:43 → 00:20:46 เนี่ยถ้าไม่เคยได้ยินเลยนะครับฉะนั้น
00:20:46 → 00:20:49 เมื่อเธอไปคุยกับหมอคนไหนนะครับบอกกี่คน
00:20:49 → 00:20:51 ต่อกี่คนเนี่ยทุกคนเดียวก็ปฏิเสธหมดนะ
00:20:51 → 00:20:54 ครับแต่หลังจากที่โดนปฏิเสธจากหมอไปทั้ง
00:20:54 → 00:20:57 หมด 36 ครั้งนะครับพกไปเจอหมอคนที่ 37 นะ
00:20:57 → 00:21:00 ครับที่ชื่อว่าริชาร์ด Sailor คุณหมอ
00:21:00 → 00:21:02 เสร็จแล้วคนนี้นะครับเป็นกุมารแพทย์อยู่
00:21:02 → 00:21:04 ที่โรงพยาบาลรัฐเช่น Hospital ที่เมือง
00:21:04 → 00:21:07 ชิคาโกนะครับเป็นหมอที่ชื่อฉันจะได้พวก
00:21:07 → 00:21:09 ของทำเดือนอาหารคือไม่ใช่หมอของโรคสมอง
00:21:09 → 00:21:12 และหมอซะเลยจริงๆเขาก็รู้สึกนะครับว่า
00:21:12 → 00:21:14 ไอเดียของเบาเนี่ยเป็นไอเดียที่ 8 นะครับ
00:21:14 → 00:21:17 แล้วก็ไม่เห็นด้วยแต่ที่เขาตัดสินใจนั่ง
00:21:17 → 00:21:19 ฟังไปเรื่อยๆเนี่ยเพราะว่าเขาสรุปกัน
00:21:19 → 00:21:21 เรื่องบางอย่างขึ้นในหลายปีที่เขาทำงาน
00:21:21 → 00:21:25 เป็นหมอเด็กนะครับมาละแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
00:21:25 → 00:21:28 ทางด้านระบบทางเดินอาหารเขามีโอกาสให้เจอ
00:21:28 → 00:21:29 เด็กอ่อนที่ส่วนเด่นหลายคนได้กันนะครับ
00:21:29 → 00:21:32 เพราะว่าใดที่สุดหลายคนมีปัญหาเรื่องของ
00:21:32 → 00:21:34 อาการท้องเสียนะครับช่วงแรกๆจะเริ่มด้วย
00:21:34 → 00:21:37 การท้องเสียก่อนตามมารึพิกัดที่เปลี่ยนไป
00:21:37 → 00:21:39 และสุดท้ายเนี่ยก็มีหมอเป็นชายว่าลูกเป็น
00:21:39 → 00:21:42 โลกของที่ซึมแต่ว่าพอได้ฟังเรื่องของเด็ก
00:21:42 → 00:21:44 ชายแดนดูนะครับก็รู้สึกสะดุดใจขึ้นมานะ
00:21:44 → 00:21:46 ครับแล้วก็คิดว่ามันอาจจะมีบางอย่างนะ
00:21:46 → 00:21:48 ครับที่เขาไม่รู้หรือว่าการแพทย์ไม่รู้
00:21:48 → 00:21:51 เนี่ยซ่อนอยู่ไม่ได้หมอเส้นแล้วเนี่ยก็
00:21:51 → 00:21:54 เลยยังไม่รีบปฏิเสธแม่บทนะครับเพราะแต่
00:21:54 → 00:21:56 ว่าขอเวลาไปศึกษาเพิ่มเติมแล้วก็ปรึกษา
00:21:56 → 00:21:59 ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นก่อนแล้วจากที่เงียบหา
00:21:59 → 00:22:01 อยู่ไปช่วง 1 2 สัปดาห์นะครับสุดท้ายหมอ
00:22:01 → 00:22:03 จะเริ่มนะก็ติดต่อกลับไปแล้วก็ให้คำตอบ
00:22:03 → 00:22:07 ว่าทดลองดูก็ได้หนึ่งในคนสำคัญนะครับที่
00:22:07 → 00:22:08 หมอซันเลยนะครับปรึกษานะครับแล้วก็ทำให้
00:22:08 → 00:22:11 เข้ากล้าทดลองก็คือหมอที่ชื่อว่าซิปนี้
00:22:11 → 00:22:14 แฟนเก่ามาฟันเก่าในเป็นหมอที่เชี่ยวชาญ
00:22:14 → 00:22:16 เรื่องโรคติดเชื้อนะครับแล้วก็ได้ชื่อว่า
00:22:16 → 00:22:18 เป็นหนึ่งในคนที่มีความรู้เกี่ยวกับแตก
00:22:18 → 00:22:20 ทุเรียนนะครับช่วยไปเคลียร์ที่ไม่ใช้
00:22:20 → 00:22:23 ออกซิเจนเนี่ยดีที่สุดคนหนึ่งของบริการยง
00:22:23 → 00:22:26 นั้นเลยแล้วด้วยความที่เขาเป็นคนที่มี
00:22:26 → 00:22:27 ชื่อเสียงนะครับก็พูดง่ายๆคือมันมอเตอร์
00:22:28 → 00:22:30 เซ็นเซอร์เนี่ยก็มีเหมือนมีเกราะนะครับ
00:22:30 → 00:22:33 ป้องกันสุราเกิดมีใครต่อว่านะครับหรือว่า
00:22:33 → 00:22:35 โดนด่าขึ้นมาเนี่ยเขาก็ Smart พูดทำนอง
00:22:35 → 00:22:38 ได้ว่าปรึกษากับหมอไฟโครงแล้วนะครับซึ่ง
00:22:38 → 00:22:40 ก็ปรึกษากับคนที่เรียกว่ามีความเชื่อใช้
00:22:40 → 00:22:43 มากที่สุดแล้วคนหนึ่งที่นี่หมอฟันโกนแล้ว
00:22:43 → 00:22:44 ก็เห็นว่าไอเดียที่เหมาะฉันเลยมาปรึกษา
00:22:44 → 00:22:47 เนี่ยมันก็ฟังดูน่าสนใจนะครับที่จะเหมือน
00:22:47 → 00:22:50 กับทำการทดลองแล้วก็หาคำตอบดูทั้งคู่ไกล
00:22:50 → 00:22:52 จากใจที่อย่าทำการทดลองเรื่องนี้ร่วมกัน
00:22:52 → 00:22:55 คำถามคือว่าแล้วผลการักษานะเป็นยังไงบ้าง
00:22:55 → 00:22:58 เขาตอบก็คือเนื่องจากรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
00:22:58 → 00:23:01 ไปได้เพียงแค่หน้าตาเท่านั้นนะครับอาการ
00:23:01 → 00:23:03 คะแนนรูปเนี่ยก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดี
00:23:03 → 00:23:07 ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือเขาเริ่มสบตาพอเรา
00:23:07 → 00:23:09 ก็แม่มาคืนนะครับเริ่มกลับมาพูดอีกครั้ง
00:23:09 → 00:23:12 หนึ่งเพราะรักษาไปได้ประมาณสัก 4 สัปดาห์
00:23:12 → 00:23:14 นั้นดูก็สามารถที่จะหัดนั่งส้วมได้นะครับ
00:23:14 → 00:23:17 แต่เดิมที่มีอาการเหมือนกับกรีดร้องเสียง
00:23:17 → 00:23:20 ดังเวลาที่โดนขัดใจเนี่ยก็หายไปแล้วก็ยอม
00:23:20 → 00:23:22 ให้แม่เนี่ยสามารถที่จะแต่งตัวนะครับใส่
00:23:22 → 00:23:25 เสื้อผ้าโดยที่ไม่เคยดองที่นี่ก่อนการ
00:23:25 → 00:23:27 เริ่มการทดลองเนี่ยก็จะมีนักจิตวิยานะ
00:23:27 → 00:23:28 ครับมาช่วยประเมินอาการก่อนเพราะจะเที่ยว
00:23:28 → 00:23:30 ว่าก่อนและหลังล้างสารอเมียอาการเป็นยัง
00:23:30 → 00:23:33 ไงบ้างและจิรญาไม่เห็นอาการที่เปลี่ยนไป
00:23:33 → 00:23:36 เนี่ยเขาพูดว่าอาการมันดีขึ้นในขณะที่
00:23:36 → 00:23:38 เรียกว่าถ้าไม่ต้องตรวจเลยทำให้เรา
00:23:38 → 00:23:41 ประเมินเลยคือดูยูดูหาในก็ดูออกว่าการไหน
00:23:41 → 00:23:45 ดีขึ้นอย่างชัดเจนแต่ว่าอาการที่ดีขึ้น
00:23:45 → 00:23:46 เนี่ยมันดีอยู่แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเรา
00:23:46 → 00:23:50 ก็นิ่งไปนะครับสุดท้ายหมอแซนด์เลอร์เนี่ย
00:23:50 → 00:23:52 ก็ต้องยอมแพ้แล้วก็หยุดการทดลองรักษา
00:23:52 → 00:23:54 ครั้งนี้ไปการทดลองรักษาครั้งนี้นะครับ
00:23:54 → 00:23:56 ฟังดูเพื่อนๆเหมือนจะล้มเหลวถูกไหมครับ
00:23:56 → 00:23:59 แน่นอนว่าคือล้มเหลวสำหรับตัวผู้ป่วยเอง
00:23:59 → 00:24:02 นะครับคือแต่ดูท่าจะเห็นว่าการที่คุณแม่
00:24:02 → 00:24:04 บนเนี่ยเค้าไม่ไม่ยอมแพ้นะครับแคมที่จะหา
00:24:04 → 00:24:07 วิธีช่วยเลยลูกชายตัวเองเนี่ยมันเหมือน
00:24:07 → 00:24:10 กับทำให้ประตูบานใหม่ที่ไม่มีใครเคยปรอง
00:24:10 → 00:24:12 เปิดมาเกาะเนี่ยมันถูกเปิดออกและการที่ดี
00:24:12 → 00:24:14 ขึ้นเล็กน้อยนะครับหรือว่าดีขึ้นช่วงระยะ
00:24:14 → 00:24:16 เวลาหนึ่งของแอนดูเนี่ยมันเหมือนเป็นการ
00:24:16 → 00:24:19 จุดประกายไฟนะครับที่ทำให้นักเรียนสารคาม
00:24:19 → 00:24:22 อ๋อเนี่ยรู้สึกว่าทางเนี่ยน่าจะเป็นทาง
00:24:22 → 00:24:25 ที่สามารถที่จะไปต่อได้นะค้นหาต่อและจาก
00:24:25 → 00:24:26 นั้นทั้งหมอฉันเลยแล้วก็หมอฟัน Colgate
00:24:26 → 00:24:28 ก็จะไม่รู้ใจร่วมกันต่อนะครับก็เพื่อจะ
00:24:28 → 00:24:31 อย่ามาศึกษานะครับว่าจุลินทรีย์นำใช่
00:24:31 → 00:24:33 เดี๋ยวมันสัมพันธ์กับโลกที่เชื่อมยังไง
00:24:33 → 00:24:35 บ้างแล้วสุดท้ายทั้งคู่นะครับเป็นทีมแรก
00:24:35 → 00:24:37 นะครับที่ตีพิมพ์ผลงานวิจัยเรื่องนี้นะ
00:24:38 → 00:24:40 ครับในปีค.ศ 2000 นะครับที่ยอมให้เห็น
00:24:40 → 00:24:42 ความสัมพันธ์ระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้กับ
00:24:42 → 00:24:45 โรค decem หลังจากนั้นมาความสนใจอยาก
00:24:45 → 00:24:48 จุลินทรีย์นำไส้กับโรคที่เสริมแบบเกาะ
00:24:48 → 00:24:50 เริ่มจริงจังว่าขึ้นนะครับมีหมอแล้วนะคะ
00:24:50 → 00:24:52 เดียวสาในครรภ์ว่าสนใจศึกษาด้วยเนี้ยมาก
00:24:52 → 00:24:55 มายแต่ก็จะไปต่อนะครับผมอยากจะเน้นให้
00:24:55 → 00:24:57 เข้าใจตรงกันทั้งจุดหนึ่งก่อนนะคะว่า
00:24:57 → 00:24:59 ปัจจุบันข้อมูลที่เรามีนะครับจากการศึกษา
00:24:59 → 00:25:02 ที่อากู๋มากพอเนี่ยมันค่อนข้างชี้ชัดแล้ว
00:25:02 → 00:25:04 นะคะว่าการใช้ยาปฏิชีวนะแบบที่ใช้กันทั่ว
00:25:04 → 00:25:07 ไปเนี่ยมาว่าจะใช้ในเด็กอายุในน้อยเนี่ย
00:25:07 → 00:25:09 ไม่สัมพันธ์กับการเกิดโรคตาที่ซึมนะครับ
00:25:09 → 00:25:13 คือผมอยากให้พ่อแม่ที่ลูกรวดเร็วยา
00:25:13 → 00:25:15 ปฏิชีวนะเนี่ยไม่ต้องกลัวหรือกังวลใน
00:25:15 → 00:25:17 เรื่องนี้และเหตุผลหนึ่งก็คือว่าหมอในยุค
00:25:17 → 00:25:20 ปัจจุบันเนี่ยจะค่อนข้างพูดนี่คือไม่หนัก
00:25:20 → 00:25:22 นะครับคือไม่ได้ใช้อยากช่วยน้ำมันมากมัน
00:25:22 → 00:25:25 จะไปก่อนคือถ้าจะใช้ก็คือจะใช้ในกรณีที่
00:25:25 → 00:25:27 จำเป็นจริงๆคราวนี้เรามาดูกันต่ออีกสัก
00:25:27 → 00:25:29 นิดนะครับว่างานวิจัยที่บอกว่าเกิดขึ้น
00:25:29 → 00:25:32 มากมายนะครับหลังปี 2000 มาเนี่ยเขาไปกัน
00:25:32 → 00:25:34 บ้างนะครับที่จะช่วยให้เห็นความสัมพันธ์
00:25:34 → 00:25:37 ระหว่างจุลินทรีย์ลำไส้กับโรคอติเซอร์มาก
00:25:37 → 00:25:41 ขึ้นผมจะเล่าให้ฟังแบบรวมๆนะครับคือฟัง
00:25:41 → 00:25:43 แบบเร็วๆนะครับเป้าหมายอยากเห็นภาพว่าตอน
00:25:43 → 00:25:46 นี้มันมีความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นมานะครับ
00:25:46 → 00:25:49 ซึ่งมันก็มีการดีเบตทั้งที่สนับสนุนแล้ว
00:25:49 → 00:25:52 ก็ไม่สับสนุนตัวอย่างแรกๆนะครับงานวิจัย
00:25:52 → 00:25:54 หนึ่งเกิดขึ้นในปี 2014 นะครับซึ่งมาจาก
00:25:54 → 00:25:57 นะคะยาศาสตร์ชาวไอร์แลนด์ข้อสังเกตว่าหนู
00:25:57 → 00:25:59 ปลอดเชื้อเนี่ยซึ่งปกติหนูมันจะเป็นสัตว์
00:25:59 → 00:26:02 สังคมเสื้อชนิดนึงนะครับแต่หนูปลาเชื่อ
00:26:02 → 00:26:04 มันจะมีพฤติกรรมที่ต่างไปจากหนูปกติก็คือ
00:26:04 → 00:26:07 มันจะไม่ค่อยมันก็ไม่ค่อยสุงสิงกับหนู
00:26:07 → 00:26:09 อื่นเท่าไหร่นะครับเหมือนกับพฤติกรรมใน
00:26:09 → 00:26:11 สังคมเนี่ยมันไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ต้อง
00:26:11 → 00:26:13 เหลือจากการที่มันจะไม่ค่อยพยายามเข้า
00:26:13 → 00:26:16 ใกล้หนูตัวอื่นนะครับมันจะไม่ชอบเลยรู้
00:26:16 → 00:26:17 อะไรใหม่ๆด้วยค่ะเพียงเลี่ยงสิ่งใหม่ๆ
00:26:17 → 00:26:20 แล้วก็มักจะมีพฤติกรรมที่เหมือนกับทำซ้ำๆ
00:26:20 → 00:26:23 คล้ายๆกับเด็กที่ด้อยที่ซึมเช่นจะเรียกคน
00:26:23 → 00:26:26 ตัวเองซ้ำๆนะครับจะค่อนข้างมากกว่าที่พบ
00:26:26 → 00:26:29 ในหลวงทั่วไปเข้าไปตั้งสวัสดิการว่ามัน
00:26:29 → 00:26:30 อาจจะมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับ
00:26:30 → 00:26:33 จุลินทรีย์ที่เป็นมีผลต่อการพัฒนาการของ
00:26:33 → 00:26:36 สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมสังคม
00:26:36 → 00:26:39 ทั้งหลายแล้วก็มีงานวิจัยอื่นนะครับที่มา
00:26:39 → 00:26:42 ช่วยสนับสนุนสวัสดีขานะครับเช่นมีนัก
00:26:42 → 00:26:44 เรียนศาสตร์อีกทีมนะครับที่เพราะว่าการมี
00:26:44 → 00:26:47 จุลินทรีย์ในลำไส้บางสายพันธุ์มากหรือ
00:26:47 → 00:26:49 น้อยเนี่ยมันจะมีผลต่อประมาณสารสื่อ
00:26:49 → 00:26:52 ประสาทที่สร้างขึ้นนำไส้ได้เช่นนะครับตัว
00:26:52 → 00:26:54 อย่างคือถ้ามีแบคทีเรียกลุ่มที่ชื่อว่า
00:26:54 → 00:26:57 พวกวีดีโอแบบทุเรียนน้อยเนี่ยมันจะทำให้
00:26:57 → 00:26:59 มีการสร้างสารสื่อประสาทที่ชื่อว่าชนนิดๆ
00:26:59 → 00:27:02 ลดลงแต่ก็อย่างที่คุยกับมันพี่สอนนะครับ
00:27:02 → 00:27:04 ว่าสาวชุดประสาทเหล่านี้ที่ช่างในลำไส้
00:27:04 → 00:27:06 สุดท้ายในวันสามารถที่จะไปมีผลต่อการทำ
00:27:06 → 00:27:09 งานของสมองได้หรือว่ามีผลต่อการพัฒนาการ
00:27:09 → 00:27:12 ของสมองได้ตัวเองการวิจัยนะครับว่าถ้ามี
00:27:12 → 00:27:14 ไปเรียกกลุ่มที่ชื่อว่าพวกพระทีเดียว
00:27:14 → 00:27:17 เนี่ยเยอะนะครับมันจะมีผลให้เกิดการสร้าง
00:27:17 → 00:27:19 กดให้มั่นใจสั้นที่ช่วยเพราะเพียวในเกม
00:27:20 → 00:27:22 มากขึ้นที่นี่เราคุยกันไปก่อนหน้านะครับ
00:27:22 → 00:27:24 ว่าพวกกรดไขมันสายสั้นล่ะพวกนี้มันมี
00:27:24 → 00:27:27 ประโยชน์กับร่างกายนะครับแต่ว่ากฎโตเกียว
00:27:27 → 00:27:30 หนิกนะครับถ้ามันมีมากเกินไปนะครับที่พบ
00:27:30 → 00:27:32 ในสัตว์ทะเลาะก็คือว่ามันจะทำให้สัตว์มี
00:27:32 → 00:27:35 พฤติกรรมหลายๆอย่างที่คล้ายกับเด็กที่
00:27:35 → 00:27:37 เป็นโรคออทิซึมเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจ
00:27:37 → 00:27:40 นะครับซึ่งมาจากเขา text นะครับไม่ว่าจะ
00:27:40 → 00:27:42 เป็นงานวิจัยเล็กๆแต่ก็เชื่อไม่เห็นกลไก
00:27:42 → 00:27:45 คนไก่หนึ่งก็คือนักเดียวสารเค้าคิดว่า
00:27:45 → 00:27:47 สเกล Smart มาเนี่ยนะครับเข้าศึกษาหนู
00:27:47 → 00:27:50 ปลอดเชื้อด้วยข้าวหรือปากเชื้อได้แบ่ง
00:27:50 → 00:27:52 เป็น 2 กลุ่มด้วยกันกลุ่มนึงเนี่ยนำ
00:27:52 → 00:27:54 จุลินทรีย์จากลำไส้ของเด็กนะครับที่เปิด
00:27:54 → 00:27:57 รางวัลที่ซึมแบบใส่เข้าไปในหนูกลัวคนที่ 2
00:27:57 → 00:28:00 ดูปล่อยเชื่อคนที่สองก็นำจุลินทรีย์จ๊ะ
00:28:00 → 00:28:02 ร้านขายของเด็กปกตินะครับเด็กจะมีเปิด
00:28:02 → 00:28:04 เวลาที่เสื่อมและใส่เข้าไปก็ดูเพชรกรรม
00:28:04 → 00:28:07 ของหนูสองคนนี้มันจะต่างกันไหมผมก็คือว่า
00:28:07 → 00:28:09 หนูที่ได้จุลินทรีย์นะครับจากลำไส้ของ
00:28:09 → 00:28:12 เด็กที่บวชรอบที่เสริมเนี่ยมีพฤติกรรมบาง
00:28:12 → 00:28:15 อย่างที่ดูคล้ายกับขอโรคอาทิตย์ซึมและ
00:28:15 → 00:28:16 เมื่อนักเรียนศาสน์ศึกษาต่อนะครับเพื่อ
00:28:16 → 00:28:19 พยายามดูว่าสารเคมีในเลือดหรือจะรักของ
00:28:19 → 00:28:21 หนูทั้งสองกลุ่มเนี่ยมันมีอะไรที่ต่างกัน
00:28:21 → 00:28:23 ไหมเพราะว่าสารเคมีเหล่านั้นอาจจะเป็นตัว
00:28:23 → 00:28:27 ที่บายนะครับว่ามันมีผลต่อสมองได้ยังไงก็
00:28:27 → 00:28:30 เพราะว่ามีสารเคมีบางตัวนะครับที่ต่างกัน
00:28:30 → 00:28:32 ไปแล้วก็มันอาจารย์อธิบายพฤติกรรมที่ต่าง
00:28:32 → 00:28:35 กันได้ซึ่งผมคงจะไม่ลงรายละเอียดในตอนนี้
00:28:35 → 00:28:37 นะครับแค่อยากจะเล่าให้ภาพให้เห็นวงกว้าง
00:28:37 → 00:28:39 นะครับว่ามีคนไก่ที่เป็นไปได้หลายคนไทย
00:28:39 → 00:28:42 ด้วยกันมีคนการหนึ่งที่น่าสนใจมากนะครับ
00:28:42 → 00:28:45 แล้วก็เป็นคนไกลที่เราคุยกันไปได้หลายๆ
00:28:45 → 00:28:47 พิเศษที่เราเคยมาก่อนหน้านะครับก็คือ
00:28:47 → 00:28:50 เรื่องที่จุลินทรีย์เนี่ยทำงานผ่านระบบ
00:28:50 → 00:28:53 ภูมิคุ้มกันเครื่องนี้ครับมันเป็นที่
00:28:53 → 00:28:55 สังเกตกันมานานครับว่าแม่ที่เราตั้งครรภ์
00:28:55 → 00:28:57 เนี่ยถ้าเกิดแม่ติดเชื้อนะครับช่วงที่
00:28:57 → 00:29:00 ตั้งครรภ์ลูกที่อยู่ในท้องแม่เนี่ยแต่ตอน
00:29:00 → 00:29:02 ที่เกิดมาแล้วจะมีความเสี่ยงเจ็บปวดกัน
00:29:02 → 00:29:05 โรคก่อนที่เซ่อเนี่ยเพิ่มขึ้นคำอธิบายนะ
00:29:05 → 00:29:07 ครับที่น่าจะเป็นไปได้ครับที่มาจากการทด
00:29:07 → 00:29:09 ลองในสัตว์เนี่ยก็คือว่าเมื่อการติดเชื้อ
00:29:09 → 00:29:11 เนี่ยมันเหมือนไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
00:29:11 → 00:29:14 ของแม่เนี่ยให้ทำงานมากขึ้นแล้วตอนที่
00:29:14 → 00:29:16 ระบบคู่กันทำงานว่ามีการสร้างสารเคมีบาง
00:29:16 → 00:29:19 อย่างมานะครับพวกกลุ่มไซโตไคน์เสร็จแล้ว
00:29:19 → 00:29:21 แต่ลูกค้าที่มันสามารถที่จะไปที่จะบอกว่า
00:29:21 → 00:29:24 มีผลต่อไปทำงานของรู้ว่าพัฒนาการของสมอง
00:29:24 → 00:29:27 ทารกในท้องแม่ได้ที่จุดที่น่าสนใจก็คือ
00:29:27 → 00:29:30 ว่าในการทดลองเพราะว่าไม่ใช่แม่ทุกตัวที่
00:29:30 → 00:29:33 ติดเชื้อเนี่ยจะลูกจะมีความเสี่ยงเพิ่ม
00:29:33 → 00:29:36 ขึ้นแสดงว่าอาจจะต้องมีปัจจัยร่วมบาง
00:29:36 → 00:29:39 อย่างที่ทำให้ผมกันของแม่เนี่ยตอบสนอง
00:29:39 → 00:29:42 ต่างกันไปคำถามว่าคือว่าปัจจัยร่วมที่ว่า
00:29:42 → 00:29:45 นี่คืออะไรนะครับข้อมูลที่ได้จะลองใน
00:29:45 → 00:29:47 สัตว์นะครับอันนี้เป็นเครื่องในสัตว์นะ
00:29:47 → 00:29:50 ครับชีว่าปัจจัยร่วมตัวนี้เป็นไปได้ก็คือ
00:29:50 → 00:29:52 เรื่องของจุลินทรีย์นะครับซ้ายของแม่ก็
00:29:52 → 00:29:54 คือว่าถ้าสมมติมีจุลินทรีย์บางอย่างนะ
00:29:54 → 00:29:57 ครับอยู่ในลำไส้มันจะมีผลให้ระบบของการ
00:29:57 → 00:30:00 เนี่ยมีแนวโน้มที่จะตอบสนองมากเกินไปนะคะ
00:30:00 → 00:30:02 หรือว่าตอบน้องแรงกว่าปกติหรือสร้างสรรค์
00:30:02 → 00:30:06 เคมีบางตัวออกมาแล้วสารเคมีตัวนี้มันไปมี
00:30:06 → 00:30:08 ผลต่อพัฒนาการของสมองและทำให้สัตว์มี
00:30:08 → 00:30:11 พฤติกรรมคล้ายออทิสติกซึ่งได้โดยสรุปนะ
00:30:11 → 00:30:13 ครับที่เรามาตรงนี้นะครับค่ะอยากให้เห็น
00:30:13 → 00:30:15 ว่ามันมีคนไก่เนี่ยที่เป็นไปได้นะครับมาก
00:30:15 → 00:30:17 มายดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจนะครับถ้า
00:30:17 → 00:30:20 จุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมันจะสามารถไปมีผล
00:30:20 → 00:30:23 ต่อพัฒนาการของสมองและเพิ่มความเสี่ยงของ
00:30:23 → 00:30:25 โรคที่ซึมได้ที่พูดไปนี้เป็นตัวอย่างของ
00:30:25 → 00:30:28 ข้อมูลที่สนับสนุนนะครับที่แย้งในมันก็มี
00:30:28 → 00:30:29 นะครับทำให้ทุกวันนี้เนี่ยก็จะมีเรื่อง
00:30:29 → 00:30:32 ของการดีเบตในแง่มุมต่างๆอยู่ซึ่งเป็น
00:30:32 → 00:30:35 เรื่องปกติในวงการวิทยาศาสตร์และตอนนี้นะ
00:30:35 → 00:30:37 ครับก็คือเรื่องของจุลินทรีย์ในลำไส้นะ
00:30:37 → 00:30:39 ครับว่าไม่มีความสัมพันธ์กับโลกที่สุดยัง
00:30:39 → 00:30:42 ไงนะครับคิดว่าน่าจะทำให้เห็นภาพได้ชัด
00:30:42 → 00:30:45 ขึ้นนะครับก่อนที่จะจบคลิปสอนนี้นะครับ
00:30:45 → 00:30:46 เราก็มาสรุปเนื้อหาทั้งหมดกันอีกครั้งนะ
00:30:46 → 00:30:48 ครับว่าเราคุยกันได้บ้างข้อที่ 1 นะครับ
00:30:48 → 00:30:51 เพราะเปิดแอพโซนี่มาเรื่องที่น่าสนใจมาก
00:30:51 → 00:30:53 เรื่องนะครับเพราะเป็นเรื่องของแม่ที่
00:30:53 → 00:30:55 พยายามหาวิธีช่วยเหลือลูกชายนะครับที่
00:30:55 → 00:30:58 เป็นรถ koisome แต่ด้วยความพยายามของคุณ
00:30:58 → 00:31:00 แม่คนนี้นะครับแม่บอกเนี่ยแต่มันก็เหมือน
00:31:00 → 00:31:02 การจุดกระแสให้วงการแพทย์และวิทยาศาสตร์
00:31:02 → 00:31:04 เนี่ยหันมาสนใจถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
00:31:04 → 00:31:07 จุลินทรีย์ลำไส้แล้วก็โรคข้อที่เสื่อมมาก
00:31:07 → 00:31:10 ขึ้นข้อที่สองนะครับเราได้เรียนรู้นะครับ
00:31:10 → 00:31:11 แล้วก็รู้จักกับโรคออทิซึมเหมือนมากขึ้น
00:31:11 → 00:31:14 นะครับก็คุยว่าทำไมโลกนี้ถึงหรือว่าเป็น
00:31:14 → 00:31:17 Steak กล้ำนะครับก็คือว่าตัวโลกเลยไม่มี
00:31:17 → 00:31:20 ความหลากหลายมานะครับทั้งๆลักษณะที่แสดง
00:31:20 → 00:31:21 ออกมาหรือว่าอาการของโรคนะครับหรือว่า
00:31:21 → 00:31:24 ความรุนแรงถ้าเราพูดถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
00:31:24 → 00:31:26 นะครับโดยเฉพาะเรื่องของจุลินทรีย์ในลำ
00:31:26 → 00:31:28 ไส้กันข้อที่ 3 เราพูดถึงข้อมูลปัจจุบัน
00:31:28 → 00:31:31 นะครับที่สอบสมุดว่าจนชินน้ำไส้เนี่ยมัน
00:31:31 → 00:31:33 เกี่ยวข้องกับพระองค์กรที่เซ่อมอย่างไร
00:31:33 → 00:31:36 บ้างและเราก็ได้เห็นตัวอย่างของบางคนไกล
00:31:36 → 00:31:38 นะครับว่าจากจุลินทรีย์ที่มันอาศัยอยู่ใน
00:31:38 → 00:31:41 ลำไส้เนี่ยมันไปมีผลต่อการเกิดโรคของสมอง
00:31:41 → 00:31:43 ดีได้ยังไงแล้วก็คิดว่าทั้งหมดนี้นะครับ
00:31:43 → 00:31:46 ก็น่าจะช่วยให้พอจะเข้าใจอย่างโลกอาทิ
00:31:46 → 00:31:48 เสื้อมากขึ้นนะครับชื่อว่าถ้าเริ่มต้นจาก
00:31:48 → 00:31:51 ที่เดิมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโรคนี้เลยนะ
00:31:51 → 00:31:53 ครับในเวลาแค่ 30 นาทีเนี่ยผมเชื่อว่าน่า
00:31:53 → 00:31:55 จะเห็นภาพได้มากขึ้นแล้วก็เข้าใจว่า
00:31:55 → 00:31:58 จุลินทรีย์นำไส้ของเราเนี่ยนอกจากสำคัญ
00:31:58 → 00:32:00 กับโรคต่างๆที่เราคุยกันไปมีงานเข้ากัน
00:32:00 → 00:32:02 เช่นโรคหัวใจโรคเบาหวานนะครับลดความดัน
00:32:02 → 00:32:06 โลหิตสูงโรคภูมิแพ้จน C ในลำไส้ยังสำคัญ
00:32:06 → 00:32:08 กับโรคที่อาจจะส่งต่อข้าม Generation จาก
00:32:08 → 00:32:11 แม่ไปสู่ลูกอย่างรั่วกันซึมได้ด้วยชอบใน
00:32:11 → 00:32:14 พี่สนหน้านะครับเราก็ยังคุยกันเรื่องของ
00:32:14 → 00:32:16 จุลินทรีย์นำใส้ที่เกี่ยวข้องกับโรคทาง
00:32:16 → 00:32:18 สมองอยู่นะครับโดยจะไปเก็บตกเรื่องของโลก
00:32:18 → 00:32:20 ทั้งสองคนอื่นที่น่าสนใจนะครับอย่างเช่น
00:32:20 → 00:32:23 พาร์กินสันนะครับเราเอาใส่มาเลยนะครับและ
00:32:23 → 00:32:26 ก็โรคไมเกรนกันแล้วก็ไปถึงส่วนสำคัญอีก
00:32:26 → 00:32:28 ส่วนนะครับของคลิปนะครับก็คือพูดถึงผู้
00:32:28 → 00:32:31 สนับสนุนซีรีส์สมัยโคมไฟโคมของเรานะครับ
00:32:31 → 00:32:34 บริษัทมดกัดครับเรามาทำรู้จักบริษัทมดกัด
00:32:34 → 00:32:36 นะครับซึ่งสับสนซีรีส์ไมโครไบโอมของเรานะ
00:32:36 → 00:32:38 ครับเพราะฉะนั้นการนะครับเป็นบริษัทที่
00:32:38 → 00:32:40 ก่อตั้งขึ้นโดยนักเรียนศาสตร์นักวิจัยนะ
00:32:40 → 00:32:42 คะที่ชำนาญนะครับทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยว
00:32:42 → 00:32:45 กับไม่เข้าไปโอมห์จากมหาวิทยาลัย
00:32:45 → 00:32:48 เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีบางมดที่บด
00:32:48 → 00:32:51 สำหรับการเข้าทำอะไรนะครับเขามีให้บริการ
00:32:51 → 00:32:53 นะครับตรวจวิเคราะห์จุลินทรีย์นำไส้กับ
00:32:53 → 00:32:56 บุคคลทั่วไปเพื่อให้เรารู้ว่าสภาวะของ
00:32:56 → 00:32:58 จุลินทรีย์ในลำไส้ของเราเนี่ยเป็นยังไง
00:32:58 → 00:33:00 บ้างคะนี่จุดเด่นนะครับมีความพิเศษของมด
00:33:00 → 00:33:04 กัดนะครับก็คือจะเป็นการตรวจที่ตรวจทุนซี
00:33:04 → 00:33:06 ครบนะครับครบทุกตัวที่ปัจจุบันเรามีข้อ
00:33:06 → 00:33:09 มูลสำคัญต่อสุขภาพทั้งจุลินทรีย์ที่
00:33:09 → 00:33:12 เกี่ยวข้องกับการทำงานจากปกติของร่างการ
00:33:12 → 00:33:13 ครับคือจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
00:33:13 → 00:33:16 ดีแล้วก็จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับอาการ
00:33:16 → 00:33:19 เจ็บป่วยแล้วก็มีความแม่นยำนะครับเพราะ
00:33:19 → 00:33:20 ว่าฐานข้อมูลที่นำมาเปรียบเทียบในจะเป็น
00:33:20 → 00:33:23 ฐานข้อมูลที่เทียบกับข้อมูลคนไทยด้วยกัน
00:33:23 → 00:33:26 นะครับประชากรไทยซึ่งจะมีความต่างไปจากคน
00:33:26 → 00:33:28 ชาติอื่นแล้วก็ต่างไปจัดชาวตอนตกแล้วการ
00:33:28 → 00:33:30 ตรวจก็จะมีลักษณะเป็นองค์รวมนะครับก็คือ
00:33:30 → 00:33:32 จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับบอกต่างๆของ
00:33:32 → 00:33:35 ร่างกายนะครับตัวอย่างเช่นระบบจุลินทรีย์
00:33:35 → 00:33:37 ที่เกี่ยวข้องกับระบบเมตาบอริซึ่มนะครับ
00:33:37 → 00:33:39 หรือระบบเผาผลาญของร่างกายซึ่งเป็นระบบ
00:33:39 → 00:33:41 ที่จะบอกว่าเราอ้วนง่ายหรือว่าเราอ้วนยาก
00:33:41 → 00:33:44 นะครับก็จนในเซตที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
00:33:44 → 00:33:46 ของระบบภูมิคุ้มกันนะครับเกี่ยวข้องกับ
00:33:46 → 00:33:49 ภาวะเกษตรที่เราคุยกันไปในไลค์พิโสดนะ
00:33:49 → 00:33:50 ครับต้องหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของ
00:33:50 → 00:33:52 จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ
00:33:52 → 00:33:55 ระบบทางเดินอาหารและการย่อยอาหารแล้วก็
00:33:55 → 00:33:57 เป็นพวกจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค
00:33:57 → 00:33:59 ต่างๆนะครับตัวอย่างเช่นครับพวกลำไส้แปร
00:33:59 → 00:34:02 ปรวนนะครับที่เราคุยกันไปแล้วนะครับแล้ว
00:34:02 → 00:34:03 ก็จุลินทรีย์ที่สัมพันธ์กับโลกคนอื่นๆ
00:34:04 → 00:34:06 เช่นโรคเบาหวานนะครับกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:34:06 → 00:34:08 เป็นต้นยังไงของการรายงานผลนะครับก็จะราย
00:34:08 → 00:34:11 งานปวดมาในรูปแบบที่สามารถเข้าใจง่ายนะ
00:34:11 → 00:34:13 ครับคือมีการใช้ชาร์จนะครับใช้พกกราฟ
00:34:13 → 00:34:15 เนี่ยมาเพื่อให้อ๋อสามารถที่จะเข้าใจผล
00:34:15 → 00:34:18 การตรวจได้ง่ายต่อเนื่องจากนั้นในทั้งหมด
00:34:18 → 00:34:21 ก็มีผู้เชี่ยวชาญนะคะที่คอยแนะนำวิธีการ
00:34:21 → 00:34:24 เพาะกินนะครับหรือว่าปรับปรุงให้จนสินำ
00:34:24 → 00:34:27 ใช่ของเราเนี่ยพอดีขึ้นด้วยที่จะอิงจาก
00:34:27 → 00:34:29 ข้อมูลที่ตรวจได้นะครับคำแนะนำอาหารที่
00:34:29 → 00:34:32 เหมาะสมกับจุลินทรีย์ของเราด้วยทั้งหมดคะ
00:34:32 → 00:34:35 เนี่ยก็จะมีแพ็คเกจหลายแพ็คเกจนะครับเป็น
00:34:35 → 00:34:37 แพ็คเกจสวยหลายแบบที่จะเหมาะกับคนที่มี
00:34:37 → 00:34:39 ความต้องการต่างกันไปแล้วก็เหมาะกับแต่ละ
00:34:39 → 00:34:42 ช่วงวัยที่ต่างไปและที่สำคัญข้อนะครับก็
00:34:42 → 00:34:44 คือการตรวจกับมดการเนี่ยคือทำง่ายมากนะ
00:34:44 → 00:34:46 ครับไม่ต้องเดินทางไปไหนนะครับเพราะว่า
00:34:46 → 00:34:48 เราสามารถที่จะเก็บอุจจาระเองจากที่บ้าน
00:34:48 → 00:34:51 ได้แล้วก็ส่งผ่านชุดตรวจที่ทั้งหมดกัน
00:34:51 → 00:34:53 เนี่ยเตรียมไว้ให้เนี่ยกับไอ้ทิศทางลับ
00:34:53 → 00:34:56 ของทั้งหมดการ์ดแล้วถ้าใครฟังถึงตอนนี้สน
00:34:56 → 00:34:58 ใจบริการของมันก๊าซนะครับก็สามารถที่จะ
00:34:58 → 00:35:00 เข้าไปดูได้นะครับผมจะแปะลิงค์ไว้ให้ทำ
00:35:00 → 00:35:01 งานครับ Description นะครับหรือว่าใน
00:35:01 → 00:35:03 คอมเม้นนะครับก็สามารถที่เข้าไปดูราย
00:35:03 → 00:35:05 ละเอียดเพิ่มเติมหรือว่าสอบถามเพิ่มเติม
00:35:05 → 00:35:05 ได้
00:35:05 → 00:35:17 [เพลง]