00:00:00 → 00:00:02 ติดเชื้อในกระแสเลือดนะคะมันคืออะไรแล้ว
00:00:02 → 00:00:06 คนเราดีๆอยู่ดีๆติดเชื้อได้ยแล้วเลือดเรา
00:00:06 → 00:00:08 เป็นพิษหรือเราติดจากอะไรเราอยากรู้แล้ว
00:00:08 → 00:00:10 ว่าไอ้ฝุ่นมันเกี่ยวข้องได้ด้วยหรือเปล่า
00:00:10 → 00:00:12 อ่านะคะวันนี้นะคะเราได้รับเกียรตินะคะ
00:00:12 → 00:00:15 จากนะคะผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษนายแพทย์
00:00:15 → 00:00:19 พจน์นะคะอินทราพาพรนะคะอ่าเป็นนะคะหัว
00:00:19 → 00:00:21 หน้านะคะโรคติดเชื้อนะคะกลุ่มงาน
00:00:21 → 00:00:24 ยุธศาสตร์โรงพยาบาลราชวิถีนะคะตอนนี้
00:00:24 → 00:00:26 อาจารย์อยู่ในสายกับเราแล้วอาจารย์คะ
00:00:26 → 00:00:30 สวัสดีค่ะสวัสดีครับคุณหมอครับครับสวัสดี
00:00:30 → 00:00:32 ท่านผู้ดำเนินรายการทั้ง 2 ท่านแล้วก็
00:00:32 → 00:00:35 ท่านผู้ฟังทางบ้านครับค่ะอาจารย์ขาขอ
00:00:35 → 00:00:37 เริ่มเรื่องเลยค่ะพอดีอยากทราบอ่ะค่ะ
00:00:38 → 00:00:40 เรื่องของติดเชื้อในกระแสเลือดค่ะอาจารย์
00:00:40 → 00:00:43 ว่าคนเราอยู่ดีๆจะติดเชื้อในกระแสเลือด
00:00:43 → 00:00:45 ได้มั้ยการติดเชื้อในกระแสเลือดน่ะค่ะมัน
00:00:45 → 00:00:47 เกิดจากอะไรหรือมันเป็นวลีที่เราเขียนไว้
00:00:47 → 00:00:49 คุณหมอบอกเอ้าอย่าไปสงสัยเลยเค้าตายไป
00:00:49 → 00:00:52 แล้วเจบชีวิตลงแล้วหรือว่ามันเป็นเพราะ
00:00:52 → 00:00:55 อะไรคะติดเชื้อในกระแสเลือดครับคือคือ
00:00:55 → 00:00:59 เดิมเนี่ยความเข้าใจเดิมจากเอ่อความรู้
00:00:59 → 00:01:02 ทางการแพทย์เดิมเนี่ยเราเข้าใจว่ามันเป็น
00:01:02 → 00:01:04 เพราะว่ามีเชื้อโรคเเข้าไปอยู่ในเลือด
00:01:04 → 00:01:08 ครับนะครับแต่ว่าในปัจจุบันเนี้ยเ่อในวง
00:01:08 → 00:01:10 การแพทย์วงการวิทยาศาสตร์เนี่ยก้าวหน้า
00:01:10 → 00:01:15 ขึ้นเราก็ทราบสาเหตุได้พอสมควรว่าอืตเหตุ
00:01:15 → 00:01:18 จริงๆก็คือมีเชื้อโรคเข้ามาในร่างกายแล้ว
00:01:18 → 00:01:22 ก็ผลของการติดเชื้อโรคเข้ามาในร่างกาย
00:01:22 → 00:01:26 เนี่ยเกิดภาวะหนึที่เราเรียกภาวะติดเชื้อ
00:01:26 → 00:01:29 ในกระแสเลือดเไปเป็นภาวะที่ร่างกายเรามี
00:01:29 → 00:01:30 อาการ
00:01:30 → 00:01:34 เ่อเช่นไข้นะฮะอาการอ่อนเพียอาการหนาว
00:01:34 → 00:01:38 สั่นเป็นอาการนะแล้วก็ร่วมกับมีอาการแสดง
00:01:38 → 00:01:42 อย่างอื่นหรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเอ่อ
00:01:42 → 00:01:46 สัญญาณชีพเช่นอ่อีประจรเร็วขึ้นความดัน
00:01:46 → 00:01:51 เลือดลดลงนะครับแล้วก็สารเคมีต่างๆในร่าง
00:01:51 → 00:01:54 กายเช่นเช็คเลือดไปอาจจะมีเมเล็ดขาวต่างๆ
00:01:54 → 00:01:58 สูงขึ้นคืออ่าภาวะที่มีอาการต่างๆดัง
00:01:58 → 00:02:02 กล่าวเนี่ยร่วมกับอาการสัญญาณหรืออาการ
00:02:02 → 00:02:06 แสดงเช่นเอ่อเริ่มมีอาการซึมลงมีอาการ
00:02:06 → 00:02:09 หนาวสามากขึ้นเนี่ยหรือร่วมกับอ่อมี
00:02:09 → 00:02:12 สัญญาณชีพที่มันเปลี่ยนแปลงขชนอ่อที่
00:02:12 → 00:02:14 ประจรเร็วขึ้นความดันเลือดตกเนี่ยไอ้ทั้ง
00:02:14 → 00:02:17 หมดที่รุมรมเนี่ยมันเป็นกลุ่มอาการค่ะ
00:02:17 → 00:02:21 เป็นกลุ่มอาการที่ที่เกิดเป็นสัญญาณบอก
00:02:21 → 00:02:23 ว่าเนี่ยร่างกายมันมีการติดเชื้อที่รุน
00:02:23 → 00:02:26 แรงขึ้นอ๋อกลุ่มอาการเนี้ยเราเราเรียก
00:02:26 → 00:02:29 ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดค่ะคือร่างกาย
00:02:29 → 00:02:32 มนุษย์เราเนี่ยอือเอ่อติดเชื้อได้ทุก
00:02:32 → 00:02:37 อวัยวะนะครับอเอ่อเช่นเอ่อทางเดินหายใจ
00:02:37 → 00:02:40 อย่างเช่นโควิดไข้หวัดเก็เป็นเป็นไวรัส
00:02:40 → 00:02:43 ใช่มั้ยฮะแล้วก็อาจจะติดเชื้อที่อวยวะ
00:02:43 → 00:02:49 อื่นเช่นในปอดในทางเดินปัสสาวะนะครับใน
00:02:49 → 00:02:52 ตับในทางเดินน้ำดินในติดเชื้อทางเดิน
00:02:52 → 00:02:54 อาหารอุจจาระร่วงพวกนี้ก็เป็นการติดเชื้อ
00:02:54 → 00:02:57 ทั้งหมดนะครับอันนี้การติดเชื้อเนี่ยเวลา
00:02:57 → 00:03:00 เชื้อโรคเข้ามาในร่างกายเนี่ยครับมันก็มี
00:03:00 → 00:03:03 ทั้งกลุ่มประเภททั้งไวรัสทั้งแบคทีเรีย
00:03:03 → 00:03:07 ทั้งเชื้อราทั้งกลุ่มโปรโตซัวกลุ่มพยาธิ
00:03:07 → 00:03:10 ต่างๆคือเชื้อโรคต่างๆเหล่าเเมื่อติดเข้า
00:03:10 → 00:03:12 มาในร่างกายแล้วเนี่ยเมื่อไหร่ที่ทำให้
00:03:12 → 00:03:17 ร่างกายเรามีสัญญาณหรือภาวะที่เป็นกลุ่ม
00:03:17 → 00:03:19 อาการดังกล่าวเนี้ยที่เราเรียกภาวะติด
00:03:19 → 00:03:22 เชื้อกระแสเลือดก็มันก็จะส่งสัญญาณให้
00:03:22 → 00:03:24 ร่างกายเรารู้ว่าเนี่ยเชื้อโรคที่เข้ามา
00:03:24 → 00:03:27 เนี่ยมันก่อให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นกว่า
00:03:27 → 00:03:30 ปกติอืขณะเดียวกันการติดเชื้อร่างกายมัน
00:03:30 → 00:03:32 มีแบบไม่รุนแรงอย่างเช่นเราเป็นสิวเม็ด
00:03:32 → 00:03:34 นึงอย่างเงี้ยอย่างงี้ก็เป็นการติดเชื้อ
00:03:34 → 00:03:37 นะอืออเหรอฮะอ่าติดเชื้อเป็นสิวเม็ดนึง
00:03:37 → 00:03:39 เนี่ยมีหนองหัวหนองนี่ก็เป็นการติดเชื้อ
00:03:39 → 00:03:42 แต่ว่าการติดเชื้อเฉพาะที่ค่ะและปริมาณ
00:03:42 → 00:03:45 เล็กน้อยเนี่ยหรืออยู่จำกัดเฉพาะที่มันจะ
00:03:45 → 00:03:48 ไม่กระตุ้นให้ร่างกายเรามีสัญญาณหรือภาวะ
00:03:48 → 00:03:53 ของกลุ่มอาการติดเชื้อกระแสเลือดอือืนะฮะ
00:03:53 → 00:03:55 เพราะว่าเมื่อเชื้อโรคมันเข้ามาในร่างกาย
00:03:55 → 00:03:59 โดยกลไกของธรรมชาติร่างกายมนุษย์เนี่ยเ
00:03:59 → 00:04:02 โรคหรือสิ่งแตกฟอมเข้ามาเราจะมีปฏิกิริยา
00:04:02 → 00:04:05 อืนะเมื่ออ่าเมื่อร่างกายเรามีปฏิกิริยา
00:04:05 → 00:04:08 จะจะภูมิต้านทานร่างกายเรานี่แหละมันทำ
00:04:09 → 00:04:12 ให้เ่อร่างกายเรามีการสร้างสารเคมีออกมา
00:04:12 → 00:04:15 หลายชนิดและสารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้น
00:04:15 → 00:04:19 ที่มีปฏิกิริยากับเชื้อโรคเนี่ยทำให้อ่า
00:04:19 → 00:04:23 เรามีอาการหรือภาวะอาการแสดงแบบนี้ออกมา
00:04:23 → 00:04:26 เช่นมันสลสร้างสารเคมีออกมาแล้วทำให้
00:04:26 → 00:04:30 อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเป็นไข้สัสร้างสาร
00:04:30 → 00:04:34 เคมีออกมาแล้วทำให้เ่อชีกจรเต้นเร็วขึ้น
00:04:34 → 00:04:38 แรงด้านเลือดหรือความด้าเลือดตกนะครับอ่า
00:04:38 → 00:04:43 สร้างสารอ่าเคมีออกมาแล้วทำให้มี
00:04:43 → 00:04:48 อ่อความผิดปกติอืๆอีกมากมายเลยเช่นเส้น
00:04:48 → 00:04:52 เลือดการไหลเวียนจิดปกติทำให้เลือดพอแรง
00:04:52 → 00:04:54 ดันเลือดตกไปเลี้ยงสมองน้อยลงก็ทำให้คน
00:04:54 → 00:04:59 ไข้ซึมลงอือ่าถ้าอ่าความดาเลือดตกไปเลือด
00:04:59 → 00:05:02 ไปเลี้ยงที่ไลดลงก็ทำให้ปัสสาวะน้อยลงไต
00:05:02 → 00:05:05 วายอืนะครับอันนี้เป็นพวกเมันเป็นผลจาก
00:05:05 → 00:05:08 สารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อมี
00:05:08 → 00:05:11 ปฏิกิริยาต้างกับเชื้อโรคอนะฮะแล้วก็ทำ
00:05:11 → 00:05:13 ให้ร่างกายแย่ลงจนมีกลุ่มอาการของติด
00:05:13 → 00:05:16 เชื้อกระแสเลึกขึ้นมาค่ะนะครับแต่อ่ามัน
00:05:16 → 00:05:19 เป็นอย่างนั้นอืค่ะเป็นกลุ่มอาการค่ะ
00:05:19 → 00:05:21 อาจารย์แต่พอส่วนใหญ่อ่ะค่ะเราจะมีความ
00:05:21 → 00:05:25 รู้สึกว่าเราได้ยินปุ๊บคำว่าติดเชื้อใน
00:05:25 → 00:05:27 กระแสเลือดเหมือนอาการมันอยู่ไม่นานเป็น
00:05:27 → 00:05:30 แป๊บเดียวไปเลยออื
00:05:30 → 00:05:33 ครับคือคือบางครั้งเนี่ยพอติดเชื้อพอ
00:05:33 → 00:05:35 เชื้อเนี่ยมันสมมุติติดอยู่ในปอดหรือในท
00:05:35 → 00:05:40 เดินปัสสาวะเสร็จแล้วเ่อิศของเชื้อโรคอาจ
00:05:40 → 00:05:42 จะเข้าสู่กระแสเลือดหรือว่าตัวเชื้อโรค
00:05:42 → 00:05:45 เองก็อาจจะเข้าสู่กระแสเลือดได้ึถ้าเมื่อ
00:05:45 → 00:05:47 ไหร่ที่เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดเนี่ย
00:05:47 → 00:05:50 บางครั้งนะบางครั้งเราอาจจะเอาเลือดไป
00:05:50 → 00:05:52 เพาะเชื้ออาจจะพบเชื้อโรคได้เป็นบางครั้ง
00:05:52 → 00:05:55 นะไม่ได้ทุกครั้งออแต่ว่าบางแต่ว่าบาง
00:05:55 → 00:05:58 ครั้งเชื้อโรคไม่ได้เข้ากระแสเลือดแต่
00:05:58 → 00:06:00 อยู่ในอวยวะที่มันก่อโรคเช่นอยู่ในตับ
00:06:00 → 00:06:03 อยู่ในาเนิน้ำดีหรืออยู่ในปอดเงี้ยแต่ว่า
00:06:03 → 00:06:05 พิษของมันเข้ากระแสเลือดอันนี้เราเพาะ
00:06:05 → 00:06:07 เชื้อไม่ขึ้นแต่พิษของมันก็กระตุ้นให้
00:06:07 → 00:06:09 ร่างกายเรามีสารเคมีออกมาแล้วทำให้มี
00:06:09 → 00:06:12 อาการเหมือนติดเชื้อกระแสเลือดค่ะอือ่า
00:06:12 → 00:06:16 เพราะงั้นสรุปติดเชื้อในร่างกายส่วนหนึ่ง
00:06:16 → 00:06:18 ทำให้มีภาวะแบบติดเชื้อกระแสเลือดออกมา
00:06:18 → 00:06:20 แสดงอาการให้เราเห็นแต่ส่วนหนึ่งติดเชื้อ
00:06:20 → 00:06:23 แล้วอาการไม่รุนแรงอยู่เงียบๆอย่างเช่น
00:06:23 → 00:06:24 เป็นสิวเม็ดนึงอย่างเงี้ยมีหนองเนี่ยเรา
00:06:24 → 00:06:26 เอาหนองไปเพาะเชื้อก็มีเชื้อโรคอแหละอยู่
00:06:26 → 00:06:29 นี้แต่มันเป็นเฉพาะที่มันไม่รุนแรงอือัน
00:06:29 → 00:06:32 นี้จะรุนแรงหรือไม่รุนแรงเนี่ยมันขึ้นกับ
00:06:32 → 00:06:35 1 ชนิดของเชื้อโรคอค่ะอ่านะเชื้อโรคที่
00:06:35 → 00:06:38 ชนิดก่อโรครุนแรงก็อาจจะรดเร็วรุนแรงอัน
00:06:38 → 00:06:40 ที่ 2 ขึ้นกับเชื้อโรคนี้ความหมายนี้ส่วน
00:06:41 → 00:06:42 ใหญ่จะเป็นแบคทีเรียแต่อาจจะเป็นเชื้อรา
00:06:42 → 00:06:46 ก็ได้นะครับค่ะอันที่อันที่ 2 ถ้ากรณีนอก
00:06:46 → 00:06:48 จากความชนิดเชื้อโรคที่รุนแรงที่ 2 คือ
00:06:49 → 00:06:51 ปริมาณที่เข้ามาในร่างกายถ้าเข้ามาปริมาณ
00:06:51 → 00:06:54 มากก็อาจจะก่อโรคได้รุนแรงจนกระทั่งมี
00:06:54 → 00:06:58 ภาวะติดเชื้อกระแสเลือดอือันต่อมาคืออ
00:06:58 → 00:07:01 เข้ามาไม่เยอะเชื้อโรคเข้ามานิดเดียวเช่น
00:07:01 → 00:07:05 ถูกตะกูตำที่ขารูเล็กๆแต่เอ่อไม่รักษา
00:07:05 → 00:07:08 เป็นนานเชื้อมันก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
00:07:08 → 00:07:10 จากเชื้อที่ปริมาณน้อยกลายเป็นนานเข้า
00:07:10 → 00:07:14 เชื้อเยอะก็ทำให้อาการรุนแรงได้อนะครับ
00:07:14 → 00:07:16 อันนี้คือถ้าดูจากปัจจัยทางด้านเชื้อโรค
00:07:16 → 00:07:20 ค่ะอันต่อมาคือปัจจัยทางด้านตัวผู้ป่วย
00:07:20 → 00:07:24 เองถ้าเมื่อไหร่ที่อ่ามีทุ้งกันต่ำร่าง
00:07:24 → 00:07:26 กายเราคุ้มกันน้อยก็อาจจะทำให้เชื้อโรค
00:07:26 → 00:07:28 มันแพร่กระจายได้เร็วก็อาจจะทำให้การ
00:07:28 → 00:07:30 รุนแรงเช่น
00:07:30 → 00:07:33 ผู้ป่วยกลุ่ม 608 อย่างเงี้ยนะฮะค่ะอายุ
00:07:33 → 00:07:36 สูงอายุมีโรคประจำตัวเรื้อรังต่างๆหรือ
00:07:36 → 00:07:39 ว่ากินยากดภุมิคุ้มกันหรือภุมการบกพร่อง
00:07:39 → 00:07:43 จากอ่อติดเชื้อ hiv หรือกลุ่มภุมการบก
00:07:43 → 00:07:47 พร่องจากการกินยากดภูมิเขปลูกไถ่อวัยวะ
00:07:47 → 00:07:50 หรือโรคประจำตัวอะไรก็ตามก็ทำให้ภุมกัน
00:07:50 → 00:07:52 เนี่ยบกพร่องแล้วทำให้เชื้อโรคมันเพิ่ม
00:07:52 → 00:07:56 จำนวนและก่อโรครุนแรงได้อืนะครับมันขึ้น
00:07:56 → 00:08:00 กับปัจจัยหลายๆอย่างตรงนั้นด้วยออค่ะครับ
00:08:00 → 00:08:02 อาจารย์คะสอบถามนิดนึงค่ะอย่างเงี้ยค่ะ
00:08:02 → 00:08:05 ส่วนใหญ่จะเห็นจะเป็นอยู่ในสาเหตุของการ
00:08:05 → 00:08:08 เสียชีวิตกี่เปอร์เซ็นต์นะคะที่เราแทง
00:08:08 → 00:08:10 เรื่องว่าเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดหรือ
00:08:11 → 00:08:14 มันเป็นวลีฮิตว่าอ่ะสมมุติว่าโอเคเราพบ
00:08:14 → 00:08:17 แล้วะคุมีคุณมีอาจจะมีภาวะอย่างที่
00:08:17 → 00:08:19 อาจารย์บอกไปว่าไม่ว่าจะมีไข่สูงอ่อน
00:08:19 → 00:08:22 เพลียอะไรอย่างเงี้ยค่ะหรือเริ่มพบเชื้อ
00:08:22 → 00:08:25 โรคในสมมุติถ้าเจอเชื้อโรคในเลือดก็โอเค
00:08:25 → 00:08:28 อันนั้นไปแต่ว่าการที่คุณหมอจะระบุว่าคน
00:08:28 → 00:08:31 เนี้ยติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นสาเหตุแห่ง
00:08:31 → 00:08:34 การเสียชีวิตเนี่ยค่ะมันจะต้องระบุจาก
00:08:34 → 00:08:37 อะไรอ่ะคะอาจารย์ก็คือเ่อ 1 ก็มีหลักฐาน
00:08:37 → 00:08:39 ว่ามีติดเชื้อโรคอยู่ในร่างกายเช่นอาจจะ
00:08:39 → 00:08:43 อยู่ในปอดอนะครับอ่าหรือว่าอยู่ในทางเ
00:08:43 → 00:08:45 ปัสสาวะอาจจะเพาะเชื้อโรคขึ้นในปอดในทาง
00:08:45 → 00:08:49 เดือนปัสสาวะในทางอุจจาระเป็นต้นเพเพราะ
00:08:49 → 00:08:51 เชื้อโรคขึ้นจากตำแหน่งอวัยวะนั้นๆแล้ว
00:08:51 → 00:08:55 ร่วมกับก็มีอาการมีสัญญาณอย่างเงี้ไข้สูง
00:08:55 → 00:08:59 คนไข้ซึมลงความดเลือดตกออมีอวัยวะต่าง
00:08:59 → 00:09:03 ต่างๆทำงานบกพร่องนะไปเกิดในเวลาพร้อมๆ
00:09:03 → 00:09:07 กันเช่นไตวายอนะครับความดันเลือดตกจนต้อง
00:09:07 → 00:09:10 ใช้ยาเพื่อที่จะเพิ่มความดันเลือดนะครับ
00:09:10 → 00:09:13 เป็นต้นอ่าระบบหายใจล้มเหลวจะต้องใส่เ่า
00:09:13 → 00:09:17 ช่วยหายใจนะคือจะมีการทำงานเอ่อบกพร่อง
00:09:17 → 00:09:20 หรือล้มเหลวของอวัยวะต่างๆหลายๆอวัยวะ
00:09:20 → 00:09:24 พร้อมๆกันแล้วก็มีหลักฐานว่ามีติดเชื้อ
00:09:24 → 00:09:27 โรคจากอวัยวะไหนอัยวะนึงก็ได้ไม่ถ้าเพาะ
00:09:27 → 00:09:29 เชื้อในเลือดไม่ขึ้นก็อาจจะเพาะเชื้อจาก
00:09:29 → 00:09:33 ในเสมหะในปอดพบเชื้อโรคเงี้ยเป็นต้นอนะก็
00:09:33 → 00:09:37 ก็จะแล้วภาวะนั้นก็ทำให้เอ่อใช้ยา
00:09:37 → 00:09:40 ปฏิชีวนะแล้วไม่ได้ผลใช้ยาคุมความดัน
00:09:40 → 00:09:43 เลือดไม่ได้ผลนะฮะจนกระทั่งเอ่อการทำาง
00:09:43 → 00:09:46 หัวใจบกพร่องจนหยุดเต้นไปนะครับค่ะเ่อ
00:09:46 → 00:09:49 อันเนี้ยก็จะสรุปว่าภาวะทั้งหมดที่เกิดมา
00:09:49 → 00:09:52 เนี่ยเป็นผลจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
00:09:52 → 00:09:56 ซึ่งอาจจะมีต้นตอการติดเชื้อจากอวัยวะไหน
00:09:56 → 00:09:59 อวัยวะหนึ่งหรือพร้อมๆกันหลายอวัยวะก็ได้
00:09:59 → 00:10:02 อืนะครับอ่าก็จะทำให้เกิดกลุ่มอาการนี้
00:10:02 → 00:10:06 ขึ้นมาครับครับค่ะอาการที่ว่าเคุณนี้อัน
00:10:06 → 00:10:09 นี้สถิติสถิติที่พบเนี่ยบ่อยแค่ไหนเอ่อ
00:10:09 → 00:10:12 จากข้อมูลประเทศไทยเท่าที่ติดตามดูจาก
00:10:12 → 00:10:18 ศูนย์เอ่อข้อมูลเอ่อเกี่ยวกับอ่าโรคของ
00:10:18 → 00:10:21 กระทรวงสาสุขเนี่ยครับที่ติดตามมาต่อ
00:10:21 → 00:10:24 เนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีเนี่ยอในกรณีถ้า
00:10:24 → 00:10:26 ติดเชื้อมาจากที่บ้านนะฮะแล้วแล้วต้อง
00:10:26 → 00:10:28 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนี่ยแล้วมี
00:10:28 → 00:10:31 การมีกลุ่มอาการหรือภาวะติดเชื้อสายเลือด
00:10:31 → 00:10:34 ที่รุนแรงเนี่ยเ่าอัตราการเสียชีวิตของคน
00:10:34 → 00:10:38 ไทยเนี่ยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ในเฉลี่ย
00:10:38 → 00:10:39 ประมาณ
00:10:39 → 00:10:42 อ่อ 26 -
00:10:42 → 00:10:47 34% นะครับอประมาณนะครับอืถ้าถ้าติด
00:10:47 → 00:10:49 เชื้อกระแสเลือดแล้วอันนี้เป็นเชื้อโรค
00:10:49 → 00:10:53 ที่มาจากป้าไม่ไม่นับรวมเอ่อกรณีถ้านอน
00:10:53 → 00:10:55 โรงพยาบาลนานแล้วติดเชื้อจากในโรงพยาบาล
00:10:55 → 00:10:58 หรือเชื้อด้วยยาในโรงพยาบาลนะครับถ้าติด
00:10:58 → 00:11:00 เชื้อมันจากอวยวะไหนว่านึงแล้วเดินทางจาก
00:11:01 → 00:11:03 บ้านเข้ารับการรึกษาในโรงพยาบาลนะประมาณ
00:11:03 → 00:11:09 26-3 4% อือัตราเสียชีวิตค่ะคือฟังจาก
00:11:09 → 00:11:12 ที่อาจารย์พูดเนี่ยหยกจินตนาการเลยว่าทุก
00:11:12 → 00:11:14 ทุกคนที่คือปัจจัยเสี่ยงสมมติว่าคนที่ไป
00:11:15 → 00:11:16 นอนที่ห้องฉุกเฉินเพราะส่วนใหญ่ก็คนก็จะ
00:11:17 → 00:11:19 มีอาการแบบเพียบเพราะคำว่าฉุกเฉินใช่มั้ย
00:11:19 → 00:11:23 คะคือคุณมีโอกาสถ้าคุณไม่สามารถแก้อาการ
00:11:23 → 00:11:25 ไม่ว่าจะเป็นอ่อนเพียหรือการติดเชื้อใน
00:11:26 → 00:11:29 จุดสำคัญของร่างกายทำให้คุณก็เป็นสาเหตุ
00:11:29 → 00:11:33 แห่งการเสียชีวิตได้ถูกมยคะใช่ครับออ
00:11:33 → 00:11:37 อาการที่คุณหมอครับค่ะครับคุณหมอเชิญครับ
00:11:37 → 00:11:41 เชิญเชฮก็เอ่อทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยเอ่อ
00:11:41 → 00:11:42 ประเด็นสำคัญคือ
00:11:42 → 00:11:46 เอ่อการเข้ารับการรักษาได้เร็วมยคือถ้ามา
00:11:46 → 00:11:49 โรงพยาบาลได้เร็วทันกาแล้วถูกได้รับการ
00:11:49 → 00:11:53 วินิจฉัยเร็วได้ยาเริ่มยาปฏิชีวนะได้เร็ว
00:11:53 → 00:11:57 การให้น้ำเกลือหรือสารน้ำเพื่อเพิ่มเ่อ
00:11:57 → 00:11:59 ความดันเลือดในร่างกายเพิ่มสารน้ำในร่าง
00:12:00 → 00:12:05 กายได้เร็วเนี่ยหรืออเ่อกรณีสามารถเพาะ
00:12:05 → 00:12:08 เชื้อหาสาเหตุได้เร็วก็จะทำให้โอกาสรอด
00:12:08 → 00:12:09 ชีวิตสูงกว่า
00:12:09 → 00:12:14 อืครับค่ะอ่าเพราะงั้นครับเคยเคยมีโอกาส
00:12:14 → 00:12:17 อ่ะค่ะได้เจอทั้งคนใกล้ตัวคืออาจจะเจอคุณ
00:12:17 → 00:12:19 แม่หรือว่าคนที่รู้จักได้ยินว่าพอสักพัก
00:12:19 → 00:12:22 ก็บอกว่าเนี่ยถ้าพาคุณป้าคุณยายมาไม่นาน
00:12:22 → 00:12:25 นะถ้าเราไม่ได้รักษานจะติดเชื้อในกระแส
00:12:25 → 00:12:27 เลือดแลโหพอเราฟังคำว่าติดเชื้อในกระแส
00:12:27 → 00:12:29 เลือดดูมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยแต่ก็จะ
00:12:29 → 00:12:32 เห็นคุณหมอบอกว่าจะเล่นแบบแก้อาการโดยแบบ
00:12:32 → 00:12:34 เติมเกลือแร่เติมอะไรอย่างที่อาจารย์บอก
00:12:34 → 00:12:36 สารน้ำนี่คืออย่างงนี้ใช่มั้ยคะเพื่อฟื้น
00:12:36 → 00:12:40 ฟูร่างกายหรอคะก็คือมันก็จะมีชนิดหรือ
00:12:40 → 00:12:43 ประเภทของน้ำเกลือที่มีคุณสมบัติในการ
00:12:43 → 00:12:47 ช่วยเพิ่มความดันเลือดแล้วก็ทดแทนเ่อสาร
00:12:47 → 00:12:49 น้ำของร่างกายที่หายไปเช่นเวลาไข้สูง
00:12:49 → 00:12:52 เนี่ยนะฮะออก็เพราะฉะนั้นเนี่ยก็จะต้อง
00:12:53 → 00:12:56 ให้เพิ่มเพื่อให้ความดันเลือดเฉลี่ยใน
00:12:56 → 00:12:59 ร่างกายเนี่ยสูงเพียงพอที่จะทำให้
00:12:59 → 00:13:03 เลือดเนี่ยนำเอาออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะ
00:13:03 → 00:13:07 ต่างๆได้ทันเวลาได้เพียงพอเพื่อให้อวัยวะ
00:13:07 → 00:13:11 ต่างๆไม่ล้มเหลวอืนะเช่นไปเลี้ยงเ่อไป
00:13:11 → 00:13:14 เลี้ยงสมองทำให้สมองไม่ขาดออกซิเจนไป
00:13:14 → 00:13:18 เลี้ยงไปไปเลี้ยงหัวใจเลี้ยงปอดนะฮเพื่อ
00:13:18 → 00:13:20 ให้อวัยวะต่างๆที่สำคัญเหล่าเนี้ยได้
00:13:20 → 00:13:24 ออกซิเจนจากเลือดที่ที่มี
00:13:24 → 00:13:28 อ่าความดันที่สูงเพียงพอที่จะดันออกซิเจน
00:13:28 → 00:13:31 เข้าไปในเนื้อเยื่อนะครับซึ่งต้องอาศัย
00:13:31 → 00:13:34 ปริมาณน้ำเลือดหรือน้ำเกลือเข้าไปให้ทัน
00:13:34 → 00:13:37 ให้เพียงพอนะครับอืค่ะแต่อันนี้ทั้เสร็จ
00:13:37 → 00:13:40 ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยจริงๆแล้วเ่อเราอาจ
00:13:40 → 00:13:44 จะดูแล้วเอ๊ะทำไมเป็นสาเหตุการเสียชีวิต
00:13:44 → 00:13:47 อันดับต้นๆเสมอไปมยเนี่ยจริงๆแล้วส่วน
00:13:47 → 00:13:50 ใหญ่เลยก็คือมักจะต้องมีโรคประจำตัวบาง
00:13:50 → 00:13:53 อย่างอยู่อยู่เป็นเป็นพื้นฐานหรือเป็น
00:13:53 → 00:13:57 เหตุออเป็นฐานส่วนใหญ่นะครับอืใช่ครับ
00:13:57 → 00:13:59 เช่นเช่นอาจจะเป็นมะเร็งระยะท้ายหรือ
00:13:59 → 00:14:03 มะเร็งที่อยู่ระหว่างรักษาอืนะครับแล้วก็
00:14:03 → 00:14:06 ภูมิต้านทานอ่อนแอแล้วก็เกิดอ่อการติด
00:14:06 → 00:14:09 เชื้อขึ้นนะครับซึ่งบางครั้งเชื้อโรค
00:14:09 → 00:14:11 เหล่านี้ไม่ได้เป็นเชื้อที่ไปรับเพิ่มมา
00:14:11 → 00:14:13 จากภายนอกนะบางคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นเชื้อ
00:14:13 → 00:14:15 ภายนอกจริงๆแล้วส่วนหนึ่งเนี่ยเป็นเชื้อ
00:14:15 → 00:14:18 ในร่างกายของมนุษย์เราเองอ๋อค่ะคือในร่าง
00:14:18 → 00:14:21 กายมนุษย์เราเนี่ยไม่ว่าจะส่วนไหนในทาง
00:14:21 → 00:14:25 เดินหายใจในช่องปากในลำไส้อุจจาระทวาร
00:14:25 → 00:14:29 หนักตามผิวหนังพวกเนี้ยมีเชื้อโรคอาศัย
00:14:29 → 00:14:32 อยู่เป็นเชื้อประจำถิ่นอยู่แล้วอืเพียง
00:14:32 → 00:14:35 แต่ว่าร่างกายมนุษย์ที่แข็งแรงเนี่ยภุม
00:14:35 → 00:14:38 กันดีก็จะปกป้องไม่ให้อ่าเชื้อโรคเหล่า
00:14:38 → 00:14:41 นี้เนี่ยอลุกรามเข้าไปเล่นงานร่างกายแต่
00:14:41 → 00:14:44 ถ้าเมื่อไหร่ภูมิต้านทานอ่อนแอจากโรค
00:14:44 → 00:14:47 เรื้อรังต่างๆเนี่ยก็จะทำให้เชื้อโรคที่
00:14:47 → 00:14:49 เป็นเชื้อประจำถิ่นิที่อยู่ใสในร่างกาย
00:14:50 → 00:14:53 หรือในลำไส้สามารถเข้ากระแสเลือดได้นะ
00:14:53 → 00:14:56 ครับในทางดนหายใจอาจจะสำลักลงปอดกอโรคได้
00:14:56 → 00:14:58 นะครับแต่เชื้อส่วนหนึ่งเนี่ยจากร่างกาย
00:14:58 → 00:14:59 มนุษย์เราเอง
00:14:59 → 00:15:04 ครับอืโอๆๆเป็นอย่างงี้นะค่ะแต่ว่าการติด
00:15:04 → 00:15:06 เชื้อค่ะอาจารย์อย่างฟังที่อาจารย์บอกมา
00:15:06 → 00:15:09 คือเชื้อโรคบางครั้งเราก็ไม่ได้เจอแต่ว่า
00:15:09 → 00:15:11 มันเป็นเหมือนแบบการอ่าเค้าเรียกว่า
00:15:11 → 00:15:15 อักเสบเ่อแบบว่าหรือว่าร่างกายของเราทุก
00:15:15 → 00:15:18 ระบบมันมีปัญหาคือนี่มันคือการกู้ระบบถ้า
00:15:18 → 00:15:20 แบบมองเป็นคอมพิวเตอร์คือเราต้องบูท
00:15:20 → 00:15:23 เครื่องใหม่ทั้งหมดป่ะคะหรือว่าถ้าถ้ามอง
00:15:23 → 00:15:25 แบบคนที่แบบไม่รู้จักอันนี้มาก่อนก็ว่า
00:15:25 → 00:15:27 อ้าวถ้าเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดไม่หา
00:15:27 → 00:15:29 เชื้อโรคออกเปลี่ยนเลือดออกได้มั้ยแล้ว
00:15:29 → 00:15:31 เอาเลือดดีเข้ามาเราจะหายมั้ยอะไรอย่าง
00:15:31 → 00:15:35 เงี้ยค่ะอาจารย์อ๋อครับคืออย่างดังกล่าว
00:15:35 → 00:15:38 ว่าเ่อตัวเชื้อโรคเนี่ยเ่อบางทีมันไม่ได้
00:15:38 → 00:15:41 เข้ากระแสเลือดโดยตรงอนะเป็นเป็นพิษของ
00:15:41 → 00:15:43 มันเข้าไปในกระแสเลือดแล้วก็บางครั้ง
00:15:43 → 00:15:44 เนี่ย
00:15:44 → 00:15:49 เอ่อร่างกายเรามีการหลั่งสารเคมีตอบสนอง
00:15:49 → 00:15:51 กับเชื้อโรคเพราะฉะนั้นไอ้สารเคมีที่
00:15:51 → 00:15:53 หลั่งออกมาพวกเนี้ยมันก็พออยู่ในเลือดมัน
00:15:53 → 00:15:56 ก็กระตุ้นให้เกิดความผิดปกติทั้งหลายทั้ง
00:15:56 → 00:15:59 มวลที่เล่ามานะครับอันนี้ว่าถ้าถ้าเราไป
00:16:00 → 00:16:03 เอาเอาเลือดออกมาเอาเลือดมาฟอกอย่างเดียว
00:16:03 → 00:16:06 เนี่ยจะช่วยมั้ก็ในการศึกษาวิจัยในต่าง
00:16:06 → 00:16:09 ประเทศก็มีอยู่พอสมควรก็พบว่ามันก็ไม่ได้
00:16:09 → 00:16:13 เ่อสามารถแก้ได้ทั้งหมดนะครับอืเ่อเพราะ
00:16:13 → 00:16:14 ว่า
00:16:14 → 00:16:17 เอ่อที่สำคัญเนี่ยก็คือแหล่งเชื้อโรคมัน
00:16:17 → 00:16:20 ต้องมีการอ่าจัดการกับแหล่งเชื้อโรคด้วย
00:16:20 → 00:16:23 อืเช่นเชื้อโรคอยู่ในทางเดินปัสสาวะก็
00:16:23 → 00:16:25 ต้องไปกำจัดเชื้อโรคออกให้หมดเชื้อโรค
00:16:25 → 00:16:29 เป็นฝีในตับก็ต้องไประบายหนองในตับออกไป
00:16:29 → 00:16:32 อย่างเงี้ยเป็นต้นอ่าเเชื้อโรคอยู่ตรงไหน
00:16:32 → 00:16:34 ก็ต้องไปจัดการตรงนั้นแหล่งเชื้อโรคด้วย
00:16:34 → 00:16:38 นะครับการที่เอาเฉพาะพิษเชื้อโรคหรือสาร
00:16:38 → 00:16:42 เคมีที่สร้างขึ้นมาจากเชื้อโรคในเลือดออก
00:16:42 → 00:16:45 ไปอย่างเดียวมันก็ไม่ไม่สามารถจะแก้ปัญหา
00:16:45 → 00:16:50 ได้ทั้งหมดนะครับอืครับๆๆอ่ามันจะต้องแก้
00:16:50 → 00:16:52 ตรงนั้นแล้วก็อันต่อมาคือภูมิต้านทานร่าง
00:16:52 → 00:16:56 กายค่ะถ้าถ้าไม่เพิ่มไม่หาวิธีที่จะทำให้
00:16:56 → 00:16:59 ภูมิต้านทานร่างกายมันสูงขึ้นก็อาจจะได้
00:16:59 → 00:17:03 ผลไม่ดีเ่อในการติดเชื้อบางอย่างเนี่ยเ่อ
00:17:03 → 00:17:07 วิทยาการของการแพทย์ใหม่ๆก็อาจจะมีการเ่อ
00:17:07 → 00:17:11 ไปสร้างเ่อคล้ายๆกับภูมคุ้มกันที่เกิด
00:17:11 → 00:17:14 เลียนแบบคุ้มกันธรรมชาติของมนุษย์แล้วก็
00:17:14 → 00:17:17 ฉีดเข้าไปที่เรียกอูบิเนี่ยฉีดเข้าไป
00:17:17 → 00:17:22 เพื่อที่จะไปอ่อบล็อกตัวเชื้อโรคนะครับ
00:17:22 → 00:17:25 มันก็อาจจะได้ผลเป็นบางเชื้อโรคแล้วก็
00:17:25 → 00:17:30 ต้องเอ่อให้ในระยะเริ่มแรกใหม่ๆนะครับถ้า
00:17:30 → 00:17:33 ปล่อยให้เอ่อการติดเชื้อมันลุกลามมากแล้ว
00:17:33 → 00:17:36 เนี่ยก็ไม่ค่อยได้ผลเหมือนกันนะครับอื
00:17:36 → 00:17:40 ครับผมคุณหมอครับเอ่อมีข้อสงสัยว่าไอ้
00:17:40 → 00:17:44 เจ้าไวรัสเอยแบคทีเรียเอยเชื้อราเอยเวลา
00:17:44 → 00:17:46 มันเข้าไปในร่างกายของเราเนี่ยแต่ละชนิด
00:17:46 → 00:17:49 เนี่ยความรุนแรงมันแตกต่างกันมยครับหรือ
00:17:49 → 00:17:51 ว่าอาการเนี่ยมันจะมีความเหมือนหรือว่า
00:17:51 → 00:17:55 ต่างกันยังไงบ้างมยครับคุณหมอครับอาจจะมี
00:17:55 → 00:17:59 ความแตกต่างเอ่อได้บ้างเป็นชนิดของเชืโรค
00:17:59 → 00:18:02 เ่อเชื้อโรคบางอย่างเนี่ยเ่อที่เล่นงาน
00:18:02 → 00:18:05 เข้าทางผิวหนังก็อาจจะทำให้มีสัญญาณทาง
00:18:05 → 00:18:09 ผิวหนังให้เราเห็นบ้างบวมแดงเป็นเอ่อ
00:18:09 → 00:18:12 อักเสบขึ้นมามีตุ่มน้ำพองใสให้เห็นอย่าง
00:18:12 → 00:18:16 เงี้ยเป็นต้นคือถ้าถ้าเชื้อโรคบางประเภท
00:18:16 → 00:18:18 ที่เล่นงานเ่อผิวหนังใต้ผิวหนังก็อาจจะมี
00:18:18 → 00:18:21 อาการแสดงลักษณะนี้ก็อาจจะเป็นสัญญาณ
00:18:21 → 00:18:23 เบื้องต้นที่แพทย์ที่ดูแลเขอาจจะวินิจฉัย
00:18:23 → 00:18:27 ได้คร่าวๆว่าน่าจะเป็นกลุ่มเชื้อโรคไหนนะ
00:18:27 → 00:18:29 ครับหรือว่าประวัติที่ที่ผู้ป่วยไปรับ
00:18:29 → 00:18:32 ประทานอาหารบางอย่างเช่นอาหารทะเลอย่าง
00:18:32 → 00:18:35 เงี้ยซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคบางประเภทเยอะก็
00:18:35 → 00:18:38 อาจจะแล้วก็มาด้วยอาการผิวหนักอักเสบเป็น
00:18:38 → 00:18:42 ตุ่มหนองมีตุ่มน้ำใสขึ้นอย่างเงี้ยเป็น
00:18:42 → 00:18:44 ตุ่มพองอย่างเงี้ยก็อาจจะพอจะคาดการณ์ว่า
00:18:44 → 00:18:48 เป็นเชื้อประเภทไหนนะครับอ่อเชื้อบางชนิด
00:18:48 → 00:18:51 ทำให้เป็นอื่นแบบจ้ำเลือดออกผิวหนังก็อาจ
00:18:51 → 00:18:53 จะพอคาดการเบื้องต้นได้บ้างนะครับนั้น
00:18:53 → 00:18:57 ส่วนใหญ่เวลาที่อ่าดูจากสัญญาณของติด
00:18:57 → 00:19:00 เชื้อที่เอาวว่าวไหนวนึงอย่างดังกล่าว
00:19:00 → 00:19:03 แล้วเนี่ยแพทย์ที่ดูแลเาก็สันนิษฐานว่า
00:19:03 → 00:19:06 อาจจะเป็นเชื้อกลุ่มที่ออกอาการลักษณะนี้
00:19:06 → 00:19:08 เขาก็จะให้ยาปฏิชวนะที่จะคุมเชื้อดัง
00:19:08 → 00:19:11 กล่าวไปก่อนในระหว่างล้อผลเาะเชื้ออืนะ
00:19:11 → 00:19:14 ครับเพื่อเอ่อคุมเชื้อโรคเพื่อเป็นการลด
00:19:14 → 00:19:17 ความรุนแรงลดเชื้อโรคลงก่อน
00:19:17 → 00:19:20 ที่จะรอแต่ผลเพเชื้อมาแล้วค่อยไปเริ่มยาว
00:19:20 → 00:19:24 นะส่วนใหญ่เจะเริ่มเร็วทันทีที่มีอ่าไข้
00:19:24 → 00:19:26 หนาวมีประวัติไข้หนาวสั่นมาสัญญาณชีพ
00:19:26 → 00:19:28 เปลี่ยนแปลงเนี่ยแล้วผลเลือดเบื้องต้นมี
00:19:28 → 00:19:31 ไม่เทาในเลือดสูงเนี่ยจากการตรวจเลือด
00:19:31 → 00:19:34 เบืนต้นเคก็จะให้ยาปฏิชีวนะไปก่อนเลยอ๋อ
00:19:34 → 00:19:37 ครับออค่ะอ่าแล้วก็พอผลเพาะเชื้อออกมาถ้า
00:19:37 → 00:19:40 ถ้ามีหลักฐานว่าพบเชื้อโรคตรงตำแหน่งที่
00:19:40 → 00:19:44 มันก่อนโรคก็ค่อยอ่าเลือกลิกยาที่มันแคบ
00:19:45 → 00:19:47 เฉพาะกับเชื้อโรคชนิดนั้นอีกครั้งนึงอื
00:19:47 → 00:19:50 ค่ะอาจารย์คะแต่พอคนเราพอรู้ว่าติดเชื้อ
00:19:50 → 00:19:54 ในกระแสเลือดแล้วคนจะแบบตกใจโโอตายแล้ว
00:19:54 → 00:19:58 มัจจุราชมาเคาะประตูรอะแน่นอนม้วยแน่เลย
00:19:58 → 00:20:02 อืตรงเค่ะเวลาเราสื่อสารกับญาติหรือเรา
00:20:02 → 00:20:04 จริงๆแล้วติดเชื้อในกระแสเลือดทุกคน
00:20:04 → 00:20:08 จำเป็นต้องปายทางไปหมดมคะหรือว่าจริงๆเรา
00:20:08 → 00:20:13 กู้แล้วกลับมามันก็กลับมามันรอดก็ก็ถ้า
00:20:13 → 00:20:16 ภูมิคุ้มกันยังไม่ถึงกับแย่มากแล้วก็เ่อ
00:20:16 → 00:20:20 เริ่มให้การรักษาได้เร็วเ่อก็คนไข้ส่วน
00:20:20 → 00:20:23 หนึ่งเอย่างที่เคยให้ข้อมูลไว้เมื่อสัก
00:20:23 → 00:20:26 ครู่ว่าในประเทศไทยเราเนี่ยถ้าติดเชื้อมา
00:20:26 → 00:20:28 จากบ้านเนี่ยเขต้องการศึษาโรงพยาบาลเนี่ย
00:20:28 → 00:20:34 ก็เ่อ 24 -36 30 26-3 4% ที่เสีย
00:20:34 → 00:20:38 ชีวิตก็ที่รอดก็เอ่อประมาณในส่วนที่เหลือ
00:20:38 → 00:20:42 ก็ประมาณ 70 ประมาณ 70% นะหรือ 60 กว่า
00:20:42 → 00:20:45 เปอร์เซที่รอดชีวิตอันนั้นก็คืออาจจะ 1
00:20:45 → 00:20:49 มาเร็วเชื้อยังไม่มากหรือภูมิต้านทางยัง
00:20:49 → 00:20:51 ไม่ถึงกับแย่มากหรือว่าชนิดเชื้อโรคไม่
00:20:51 → 00:20:55 ได้รุนแรงหรือมาะพบแพทย์ได้เร็วสามารถ
00:20:55 → 00:20:58 เริ่มการรักษาได้เร็วนะครับอันนี้ก็จะทำ
00:20:58 → 00:21:02 ให้เอการและชีวิตได้มากงั้นอ่าเชื้อบาง
00:21:02 → 00:21:05 ชนิดเราวิจัยแล้วมันมีวัคซีนที่ใช้ป้อง
00:21:05 → 00:21:09 กันเนี่ยเอ่อการฉีดวัคซีนบางชนิดก็อาจจะ
00:21:09 → 00:21:12 ช่วยป้องกันเชื้อโรคได้อย่างเช่นอเ่อ
00:21:12 → 00:21:16 เชื้อโรคปอดอักเสบที่อ่อเป็นเชื้อกลุ่ม
00:21:16 → 00:21:20 นโมคอกคัสอย่างเช่นเตกันมนที่เป็นเชื้อ
00:21:20 → 00:21:24 ที่มักจะก่อโรคเ่อที่นอกจากสำเร็จปอดในคน
00:21:24 → 00:21:27 สูงอายุหรือในเด็กเล็กเนี่ยอมันก็อาจจะ
00:21:27 → 00:21:29 แพร่กระจายเข้ากระแสเลือดหรือว่าไปที่
00:21:29 → 00:21:32 อวยวะอื่นได้อย่างเงี้ยอืก็ก็จะมีแวคกีน
00:21:32 → 00:21:35 ในอ่ายุคใหม่ๆก็จะมีวัคซีนที่ฉีดป้องกัน
00:21:35 → 00:21:39 นะฮะก็จะลดความรุนแรงได้ลดโอกาสเสียชีวิต
00:21:39 → 00:21:41 ได้มากนะครับเอออันนี้อยู่ขึ้นขึ้นกับว่า
00:21:41 → 00:21:44 มีวัคซีนด้วยก็อาจจะช่วยได้ด้วยแต่ว่าเ่อ
00:21:44 → 00:21:47 ที่ปัจจุบันก็ไม่ได้ว่าทุกชนิดของเชื่อ
00:21:47 → 00:21:49 โลกยังมีแวกซี่ยังมีค่อนข้างจำกัดอยู่นะ
00:21:49 → 00:21:53 ครับเออค่ะอันนี้พอดีแอบเห็นพอดีพทางคณะ
00:21:53 → 00:21:57 แพทย์จุฬาเขาก็ส่งมาว่ารณรงค์ว่าหรือไม่
00:21:57 → 00:22:00 ไม่เชิญรณรงค์แบบเชิญชวว่าอ่าถ้าใครอยาก
00:22:00 → 00:22:02 สนใจไปฉีดวัคซีนนะคะอย่างที่อาจารย์บอก
00:22:02 → 00:22:04 เลยติดเชื้อปลอดอักเสบแต่ว่าก็มีจัดว่า
00:22:04 → 00:22:06 ราคาค่อนข้างแรงแต่ว่าฉีดครั้งเดียวนี่
00:22:06 → 00:22:08 คืออยู่ไปยาวเลยใช่มั้คะอาจารย์ทั้งชีวิต
00:22:08 → 00:22:09 ของ
00:22:09 → 00:22:14 เราก็เ่อมันขึ้นกับคือถ้าฉีดในวัยเด็ก
00:22:14 → 00:22:18 เนี่ยก็บางประเภทเอ่อหรือวัคซีนบางรุ่นก็
00:22:18 → 00:22:21 อาจจะต้องมีการเอไปฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ
00:22:21 → 00:22:24 มากขึ้นนะครับค่ะอ่าวัคซีนบางประเภทก็อาจ
00:22:24 → 00:22:27 จะอ่า 2 เข็มห่างกัน 2 เดือนอย่าเงี้เป็น
00:22:27 → 00:22:32 ต้นนะครับเมื่ออายุเ่อเกินเ่อ 60 ขึ้นไป
00:22:32 → 00:22:35 หรือ 65 ขึ้นไปแต่ว่าเ่อรุ่นใหม่ๆก็อาจจะ
00:22:35 → 00:22:38 เข็มเดียวอยู่ได้ยาวเลยนะครับอือค่ะเพราะ
00:22:38 → 00:22:41 ว่าอาจจะครอบคลุมชนิดของสายพันธุ์ได้ดี
00:22:41 → 00:22:44 กว่าก็อาจจะอยู่ได้ยาวนะครับก็ขึ้นกับ
00:22:44 → 00:22:48 ชนิดวัคซีนแล้วก็ขึ้นกับรุ่นของวัคซีนนะ
00:22:48 → 00:22:52 ครับขึ้นกับตรงนั้นด้วยคุณหมอเรื่องของ
00:22:52 → 00:22:56 เอ่อการที่มีอาการนะครับคุณหมอครับมัน
00:22:56 → 00:23:01 ขึ้นอยู่กับช่วงไวมยขึ้นอยู่กับคนที่มี
00:23:01 → 00:23:04 โรคประจำตัวด้วยหรือไม่หรือว่ายังไงดี
00:23:04 → 00:23:07 ครับคุณหมอครับเอ่อ
00:23:07 → 00:23:11 เอ่อการติดเชื้อเ่อที่จะรุนแรงไม่รุนแรง
00:23:11 → 00:23:14 นี่ขึ้นขึ้นกับปัจจัยกลุ่มอย่างดังกล่าว
00:23:14 → 00:23:18 นะกลุ่มเสี่ยงก็คือเอายุน้อยเด็กเล็กนะ
00:23:18 → 00:23:22 ครับอันที่ 2 ก็คือถ้าผู้ใหญ่ถ้าแข็งแรง
00:23:22 → 00:23:26 ทั่วไปเนี่ยอายุ 18-60 ปีก็โดยทั่วไปถ้า
00:23:26 → 00:23:29 สุขภาพแข็งแรงความเสี่ยงก็จะน้อยั้นกลุ่ม
00:23:29 → 00:23:32 60 ปีขึ้นไปก็มีความเสี่ยงมากขึ้นอันที่
00:23:32 → 00:23:35 2 คือโรคประจำตัวเ่า 8 กลุ่มโรคอนะครับ
00:23:35 → 00:23:39 เ่อโรคเรื้อรังพวกตับไตหัวใจปอดที่เรื้อ
00:23:39 → 00:23:43 รังนะครับโรคมะเร็งเบาหวานครับนะครับคน
00:23:43 → 00:23:48 อ้วนนะครับคนตั้งาพวกเนี้ยก็จะหรือว่าุ้ม
00:23:48 → 00:23:50 การบกพร่องพวกเนี้ยเป็นกลุ่ม 8 กลุ่มโรค
00:23:50 → 00:23:53 เยที่มีโอกาสหรือมีความเสี่ยงถ้าติดเชื้อ
00:23:53 → 00:23:56 ก็อาจจะมีอาการรุนแรงนะครับค่ะอ๋อหลักๆก็
00:23:56 → 00:24:00 คือถ้าเป็นเด็กเล็กๆเล็กคนสูงอายุสูงอายุ
00:24:00 → 00:24:03 แล้วก็คนมีโรคประจำตัวหลักๆใช่มั้ยครับ
00:24:03 → 00:24:07 ใช่ครับอาการก็จะรุนแรงนะครับอคือมีหลาย
00:24:07 → 00:24:09 คนก็สงสัยแล้วก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคือ
00:24:09 → 00:24:12 การสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะพวกเม็ดเลือด
00:24:12 → 00:24:14 ขาวให้มันให้มันเพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะ
00:24:14 → 00:24:17 ต่อสู้กับพวกเชื้อโรคต่างๆอะไรเงี้ยใช่
00:24:17 → 00:24:19 อาจารย์บอกว่าเม็ดเลือดขาวมันเยอะเกินไป
00:24:19 → 00:24:22 มันถึงเป็นบ่งชีว่าติดเชื้อในกระแสเลือด
00:24:22 → 00:24:24 แต่ทีนี้การป้องกันน่ะค่ะอาจารย์คือว่า
00:24:24 → 00:24:28 ไม่ให้เม็ดเลือดข่ะให้ทุกอย่างมันดูสมดุล
00:24:28 → 00:24:32 ว่าจะเป็นแ่เราไม่มีไข้หือเราป้องกันได้
00:24:32 → 00:24:35 คะติดเชื้อในกระสเลือดหรือว่ามันป้องกัน
00:24:35 → 00:24:38 ไม่ได้เลยคือคืออย่างงี้ครับเ่อเม็ดเลือด
00:24:38 → 00:24:42 ขาวร่างกายเนี่ยเมันเป็นธรรมชาติที่ให้มา
00:24:42 → 00:24:44 สำหรับมนุษย์เพื่อเอาไว้สู้กับเชโลกค่ะ
00:24:44 → 00:24:48 ครานี้การสร้างไมเล็กขาวเนี่ยส่วนนึงก็
00:24:48 → 00:24:52 คือจากไขกระดูกอืนะครับจากระบบของท่อน้ำ
00:24:52 → 00:24:55 เลือดต่อมน้ำเหลืองแล้วก็ไข่กระดูกานี้ใน
00:24:55 → 00:24:57 คนที่การทำงานไข่กระดูกปกติการสร้างไม่
00:24:57 → 00:24:59 เลือกขา
00:24:59 → 00:25:02 ปกติเนี่ยเวลามีเชืโลกเข้ามาร่างกายมันก็
00:25:02 → 00:25:05 จะกระตุ้นให้มีการสร้างไมลึกขาวมาจากไข่
00:25:05 → 00:25:08 กระดูกค่ะเพื่อมาสู้มารับมือกับเชื้อโลก
00:25:08 → 00:25:10 เมเลขาวที่สร้างขึ้นมามันก็เหมือนทหารไว้
00:25:10 → 00:25:12 ป้องกันประเทศอ่ะเมื่อไหร่ที่มีค่าศึก
00:25:12 → 00:25:15 ศัตรูเชื้อโลกเนี่ยเข้ามาก็จะเพิ่มกำลัง
00:25:16 → 00:25:18 ทหารออกไปรับมือกับค่าศึกศัตรูก็จะระดม
00:25:18 → 00:25:23 ทหารจากเ่อที่อยู่ตามค่ายทหารออกไปอไข
00:25:23 → 00:25:24 กระดูกมันก็เหมือนกับเป็นค่ายทหารที่มี
00:25:24 → 00:25:28 เม็ดเล็ดขาวสะสมอยู่อืแล้วก็สร้างได้ไป
00:25:28 → 00:25:32 เรื่อยๆเพราะฉะนั้นก็จะถูกเอ่อับให้ออกมา
00:25:32 → 00:25:35 จากไข่กระดูกแล้วไปตามกระแสเลือดเพื่อจะ
00:25:35 → 00:25:38 ไปอวัยวะที่มีเชื้อโรคอยู่ไขกระดูกไอ้ไอ
00:25:38 → 00:25:40 ตัวเมเลกขาวที่ออกมาแล้วไปตามกระแสเลือด
00:25:40 → 00:25:43 ไปรับมือกับเชื้อโรคมันก็จะช่วยจับกิน
00:25:43 → 00:25:46 เชื้อโรคทำให้เชื้อโรคมันตายไปไม่ไม่ลุก
00:25:46 → 00:25:51 ลามออกไปอันนี้เอ่อเวลามีอายุมากขึ้นหรือ
00:25:51 → 00:25:55 ว่าไอ้ 8 กลุ่มโรคที่ว่าเนี่ยอไข่กระดูก
00:25:55 → 00:25:57 มันอาจจะทำงานไม่ได้ดีนักการสร้างเม็ด
00:25:57 → 00:26:00 เล็ดขาวเพื่อออกไปรับมือกับเชื้อโรคมันก็
00:26:00 → 00:26:04 อาจจะช้าอหรือว่าสร้างได้น้อยหรือว่าใน
00:26:04 → 00:26:08 บางภาวะเช่นคนไข้ที่รักษามะเร็งด้วยเคมี
00:26:08 → 00:26:12 บำบัดก็อาจจะทำให้อ่าเมลึดขาวที่ไข่
00:26:12 → 00:26:16 กระดูกเนี่ยมันลดลงอืทำให้ไม่เพียงพอที่
00:26:16 → 00:26:19 จะสร้างแล้วออกมารับมือกับเชื้อโรคอนะก็
00:26:19 → 00:26:23 จะทำให้อ่าเชื้อโรคมันลุกรามเร็วนะฮะงั้น
00:26:23 → 00:26:27 อ่อถ้าเรารักษาสุขภาพแข็งแรงรับประทานให้
00:26:27 → 00:26:31 อาหารให้ครบ 5 หมู่อืนะครับค่ะส่วนใหญ่
00:26:31 → 00:26:35 แล้วร่างกายเราก็จะสามารถสร้างเม็ดเล็ก
00:26:35 → 00:26:38 ขาวจากไขกระดูกและส่วนต่างๆได้เหมือน
00:26:38 → 00:26:43 เหมือนปกติอืนะฮเป็นส่วนใหญ่อ๋อนะอมัน
00:26:43 → 00:26:48 ขึ้นก็เราสามารถดูแลทั่วไปนะแล้วก็วัคซีน
00:26:48 → 00:26:52 ก็เฉพาะกรณีอ่อที่มีวัคซีนสำหรับเฉพาะ
00:26:52 → 00:26:56 เชื้อค่ะนะครับก็ก็ก็ไปฉีดเอ่อถ้าเห็นว่า
00:26:56 → 00:27:00 มีครอบบงชี้ก็ไปฉีดทาเข้าถึงวัคซีนได้ก็
00:27:01 → 00:27:05 จะช่วยได้ส่วนหนึ่งอคือคือมันไม่มีวิธี
00:27:05 → 00:27:09 ที่จะไปกระตุ้นเมเล็กขาวมากขึ้นยกเว้นบาง
00:27:09 → 00:27:12 กรณีเช่นคนไข้ที่ดังกล่าวที่ว่าอ่าได้
00:27:12 → 00:27:15 เคมีบำบัดไปเมเล็กขาวตกเนี่ยถ้าคุณหมอที่
00:27:15 → 00:27:18 อยู่โรงพยาบาลเเห็นว่าูเมล็กขาวเนี่ยมี
00:27:18 → 00:27:22 น้อยเก็อาจจะมียาฉีดกระตุ้นไข่กระดูกให้
00:27:22 → 00:27:24 สร้างเมเล็ดขาวเพิ่มขึ้นได้ในคนไข้บางราย
00:27:24 → 00:27:28 อือนะครับค่ะอจะเป็นอย่างนั้นมากกว่าบาง
00:27:28 → 00:27:30 คนเท่านั้น่ะเนาะเออที่อาจจะต้องจำเป็นจะ
00:27:31 → 00:27:33 ต้องกระตุ้นอะไรงี้กระตุ้นไม่ใช่ทุกคนอ่า
00:27:34 → 00:27:37 อาจารย์คะแล้วเนี่ยค่ะคำว่าติดเชืในกระแส
00:27:37 → 00:27:38 เลือกอย่างที่อาจารย์อธิบายบอกมาอันนี้
00:27:38 → 00:27:42 หนูสงสารคนจัดข้างๆหนูการนอนน้อยค่ะ
00:27:42 → 00:27:46 อาจารย์พักผ่อนไม่เพียงพอมันจะเป็นสาเหตุ
00:27:46 → 00:27:50 โอตให้เราแบบว่าให้เราแบบติดเชื้อในกระแส
00:27:50 → 00:27:52 เลือดได้ั้ยคะเหมือนว่าการแบบคนเราแบบ
00:27:52 → 00:27:55 ร่างกายมันแบบระบบรวนอย่างที่มีค่ายหนาว
00:27:55 → 00:27:57 สั่นถ้าคนที่แบบร่างกายอ่อนแออย่างที่
00:27:57 → 00:28:00 อาจารยบนอนน้อยมันเป็นส่วนของทำให้ร่าง
00:28:00 → 00:28:03 กายเราอ่อนแอด้วยมคะคือก็อาจจะเป็นปัจจัย
00:28:03 → 00:28:06 ทางอ้อมได้ถ้าเกิดว่าเอ่อบังเอิญพักผ่อน
00:28:06 → 00:28:09 ไวพอแล้วมีปัจจัยอย่างอื่นมันพร้อมด้วย
00:28:09 → 00:28:12 อย่างเงี้ยเป็นต้นเช่นอ่าบังเอิญนอนน้อย
00:28:12 → 00:28:16 แล้วบังเอิญอ่าก้านปัสสาวะบ่อยๆทำให้
00:28:16 → 00:28:19 เชื้อโรคในกระเพาะปัสสาวะมันเพิ่มจำนวน
00:28:19 → 00:28:21 ขึ้นแลไม่ถูกระบายออกไปทางน้ำปัสสาวะ
00:28:21 → 00:28:23 อย่างเงี้ยเป็นต้นบังเอิญเกิดพร้อมๆกันก็
00:28:23 → 00:28:27 อาจจะทำให้ติดเชื้ออทำให้ติดเชื้อในทาง
00:28:27 → 00:28:29 เดินปัสสาวะแล้วก็าอาจจะรุนแรงถึงติด
00:28:29 → 00:28:31 เชื้อในกระแสเลือดได้เหมือนกันเป็นต้นนะ
00:28:32 → 00:28:34 ต้องเป็นปัจจัยเบอื่นทางทางปัจจัยทางตรง
00:28:34 → 00:28:36 มันพอดีด้วยแล้วก็ปัจจัยทางอ้อมเข้ามา
00:28:36 → 00:28:38 พร้อมกันด้วยอย่างนี้ก็อาจจะเพิ่มความ
00:28:38 → 00:28:42 เสี่ยงได้เออค่ะครับเห็นบางคนท้องเสียค่ะ
00:28:42 → 00:28:46 อาจารย์พอสุดท้ายปุ๊บเออถึงขติดชื่อในกส
00:28:46 → 00:28:49 เลิศมีนะใช่ท้องเสียก็เข้าไปโรงพยาบาลดีๆ
00:28:49 → 00:28:53 อ้าท้องเสียก็เราก็เข้าใจว่าเออถ่ายถ่าย
00:28:53 → 00:28:56 เนี่ยโอเคแน่นอนอาการก็เพียบอย่าแต่ว่า
00:28:56 → 00:28:58 อย่างที่อาจารย์บอกเลยว่าอ่อนเพลียไขขึ้น
00:28:58 → 00:29:01 สูงหนาวสั่นท้องเสียก็เป็นเหมือนกันแต่
00:29:01 → 00:29:05 สุดท้ายปลายทางอ้าติดเชื้อในกระแสเลือดก็
00:29:05 → 00:29:07 เป็นได้ใช่มั้คะอันนี้ก็เป็นเพราะว่าเป็น
00:29:07 → 00:29:12 ได้ได้ครับคือจริงๆแล้วการที่ที่ร่างกาย
00:29:12 → 00:29:15 เราการมีท้องเสียเนี่ย่างใจเราจะเสียน้ำ
00:29:15 → 00:29:18 และเกินแร่ไปทางอุจจาระอืนะเพราะฉะนั้น
00:29:18 → 00:29:22 เนี่ยอ่าน้ำนะองค์ประกอบของน้ำที่อยู่ใน
00:29:22 → 00:29:24 เส้นเลือดเรามันก็จะลดลงไปด้วยอยู่แล้วอื
00:29:24 → 00:29:27 ครับเพราะมันสิวน้ำออกไปนอกร่างกายทาง
00:29:27 → 00:29:30 อุจจาระนะนั้นในน้ำเลือดเนี่ยมันจะมีน้ำ
00:29:31 → 00:29:33 น้อยอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเนี่ยพอมีน้อย
00:29:33 → 00:29:36 อยู่แล้วความดันเลือดมันจะต่ำอยู่ะแล้ว
00:29:36 → 00:29:38 ความดันเลือดพอมันต่ำเนี่ยหัวใจมันก็ต้อง
00:29:38 → 00:29:41 ทำงานหนักเพื่อที่จะปั๊มเลือดออกไปให้พอ
00:29:41 → 00:29:45 เพราะฉะนั้นอ่อมันก็จะหัวใจก็จะเต้นถี่ชิ
00:29:45 → 00:29:49 ประจรก็จะถี่ขึ้นคือสัญญาณเวลาร่างกายเรา
00:29:49 → 00:29:52 ขาดน้ำจากอุจจระร่วงเนี่ยมันมันก็จริงๆ
00:29:52 → 00:29:55 แล้วมันก็คล้ายๆกับภาวะติดเชื้อกระแส
00:29:55 → 00:29:58 เลือดอยู่แล้วส่วนหนึ่งอืเป็นเพะอืร่าง
00:29:58 → 00:30:01 กายขาดน้ำอยู่แล้วแต่ทีนี้พอเชื้อโรคที่
00:30:01 → 00:30:05 อยู่ในทางเดินอาหารเอ่อเพิ่มเป็นจำนวนลุก
00:30:05 → 00:30:08 รามขึ้นหรือเชื้อโรคนั้นเข้าไปในกระแส
00:30:08 → 00:30:11 เลือดผ่านทางผนังลำไส้ได้ด้วยก็อาจจะทำ
00:30:11 → 00:30:13 ให้
00:30:13 → 00:30:17 เอ่อผลของการปิดเชื้อโรครุนแรงขึ้นเพิ่ม
00:30:17 → 00:30:20 เติมไปอีกจากภาวะขาดน้ำที่มีอยู่แล้วอืนะ
00:30:20 → 00:30:23 ก็ก็ทำให้ความรันเลือดที่น้อยก็น้อยลงไป
00:30:23 → 00:30:26 อีกนะครับปริมาณน้ำเลือดก็น้อยลงไปอีก
00:30:26 → 00:30:28 ครับมากกว่าเดิมมันก็ซ้ำเิมกันเพราะ
00:30:28 → 00:30:32 ฉะนั้นถ้าไม่สามารถจะเข้าดูแลรักษาได้
00:30:32 → 00:30:35 เร็วไม่ไม่ได้ยาปฏิชีวนะรดเชื้อโรคเร็ว
00:30:35 → 00:30:37 ไม่ได้ยาสารน้ำหรือน้ำเกลือเข้าไปชดเชย
00:30:37 → 00:30:40 น้ำแต่เกลือแรกที่ร่างกายเสียไปได้เร็ว
00:30:40 → 00:30:45 เนี่ยก็อาจจะทำให้อาการรุนแรงกว่าปกติโ
00:30:45 → 00:30:48 นี่เป็นอาการท้องเสียเนาะที่อาจจะทำให้
00:30:48 → 00:30:51 ติดเชื้อในกระแสเลือดได้คือไนๆคุณหมอก็มา
00:30:51 → 00:30:54 แล้วอยากจะถามกันช่วงนี้คุณหมอครับฝุ่น
00:30:54 → 00:30:58 มันเยอะเหลือเกินการสูดฝุ่นสูดเอาฝุ่น
00:30:58 → 00:31:00 เข้าไปในร่างกายของเรามันมีโอกาสที่จะนำ
00:31:00 → 00:31:02 ไปสู่เรื่องของการติดเชื้อในกระแสเลือด
00:31:02 → 00:31:07 ได้บ้างไหมมครับคุณหมอครับมีมีโอกาสได้
00:31:07 → 00:31:11 บ้างถ้าเกิดบังเอิญว่าเอ่อปุ่นที่สูดเข้า
00:31:11 → 00:31:15 ไปเนี่ยบังเอิญเอ่อมันมีเชื้อโรคปนปะปน
00:31:15 → 00:31:19 อยู่ในนั้นด้วยอือนะครับถ้ามีเชื้อโรคปะ
00:31:19 → 00:31:23 ปนอยู่เช่นอนุภาคของเชื้อโรคที่เอ่อปุง
00:31:23 → 00:31:27 อยู่ในกระจายอยู่ในอากาศครับเช่นคนคนรอบ
00:31:27 → 00:31:30 ตัวเนี่ยมีการไอการจามแล้วก็มีเชื้อโรค
00:31:30 → 00:31:32 อยู่ในทางเดือนหายใจของคนรอบข้างและมัน
00:31:32 → 00:31:35 ฟุ้งกระจายออกมาพร้อมกับฝุ่นที่มีอยู่
00:31:35 → 00:31:38 แล้วอย่าเงี้ยนะครับแล้วแล้วสูดเข้าไป
00:31:38 → 00:31:42 เนี่ยไอ้ละอองของอเสมหะหรือน้ำลายที่เป็น
00:31:42 → 00:31:44 ละอองฝอยเล็กๆที่มองไม่เห็นเนี่ยก็อาจจะ
00:31:45 → 00:31:49 นำพาชโรคจากคนรอบข้างเข้าไปแล้วก็อาจจะลง
00:31:49 → 00:31:53 ไปที่ปอดนะลงไปทในใจส่วนล่างก็เมื่อเชื่อ
00:31:53 → 00:31:55 โรคเพิ่มจำนวนในปอดก็อาจจะทำให้ปอดอักเสบ
00:31:55 → 00:31:59 ได้ง่ายเหมือนกันก็เป็นได้ครับเออเท่าที่
00:31:59 → 00:32:02 โฟังได้ฟังคุณหมอพูดแล้วก็อยากจะหยิบหน้า
00:32:02 → 00:32:04 กากมาใส่ตอนนี้เลยกลัวเลยกลัวเหมือนกัน
00:32:04 → 00:32:08 ครับคุณหมอแล้วแล้วอาการเนี่ยบางคนอาจจะ
00:32:08 → 00:32:10 รุนแรงโดยเฉพาะคนที่ป่วยด้วยโรคทางเดือใจ
00:32:10 → 00:32:14 เรือรังอยู่แล้วเช่นถุงลมปกพองครับหรือ
00:32:14 → 00:32:17 ว่าคนที่เป็นภูมิแพ้ที่แพ้ง่ายเวลาแพ้ที
00:32:17 → 00:32:20 ไรเเป็นหอบขืดทุกทีอย่างเงี้ยเป็นต้นคือ
00:32:20 → 00:32:23 คนที่แพ้ง่ายอยู่แล้วเนี่ยได้ฝุ่นเหล่า
00:32:23 → 00:32:27 นี้เข้าไปเนี่ยมันจะกระตุ้นให้อ่าทางเดิน
00:32:27 → 00:32:30 หายใจเช่นหลอดลมหรืออ่าถุงลมข้างในปอด
00:32:30 → 00:32:33 เนี่ยมันมีปฏิกิริยาแล้วก็อาจจะทำให้มี
00:32:33 → 00:32:38 อาการเอ่ออัเสบขึ้นมาจากจากฝุ่นอืแล้วก็
00:32:38 → 00:32:41 มีอาการแพ้ที่เกิดจากฝุ่นทำให้หลอดลมมัน
00:32:41 → 00:32:44 ตีบลงเหมือนคนเอ่อเป็นหอกอื่นเนี่ยนะเป็น
00:32:44 → 00:32:46 ได้ง่ายอยู่แล้วแล้วซ้ำเติมด้วยเชื้อโรค
00:32:46 → 00:32:49 ไปอีกก็จะทำให้เวลาติดเชื้อโรคเนี่ยใน
00:32:49 → 00:32:52 กลุ่มนี้อาจจะอาการอาจจะหนักกว่าปกติทั่ว
00:32:52 → 00:32:56 ไปอืค่ะอขอยกคำโบราณนิดนึงผีซ้ำด้ำพลอย
00:32:56 → 00:33:00 มากๆใช่ๆๆกระนำกันมาเลยเหมือนขาวเาะ
00:33:00 → 00:33:03 เหมือาเคระระวังคือติดเชื้อในกระแสเลือด
00:33:03 → 00:33:07 ก็ก็เป็นได้ทุกอย่างมีเอี่ยวใช่ๆๆงใช่
00:33:07 → 00:33:09 ครับเพราะเพราะงั้นช่วงอากาศลักษณะแบบนี้
00:33:09 → 00:33:12 อากาศที่มีฝุ่นเยอะในสภาพที่อากาศเย็น
00:33:12 → 00:33:15 เนี่ยเชื้อหลายๆอย่างทางเดินหายใจเนี่ย
00:33:15 → 00:33:18 มันก็จะเสี่ยงติดได้ง่ายนะเช่นไขหวัดใหญ่
00:33:18 → 00:33:22 covid 19 นะครับครับค่ะหรือว่าไวรัส
00:33:22 → 00:33:25 อื่นเช่น rsv และอื่นๆหรือรวมรวมถึงไอ้
00:33:25 → 00:33:29 พวก hntv หรือ H met ไวรัสเนี่ยค่ะก็มี
00:33:29 → 00:33:34 โอกาสติดอ่าผ่าผ่านเอ่อทางเดินหายใจใน
00:33:34 → 00:33:36 สภาพอากาศเย็นแบบนี้ได้อยู่แล้วด้วยนะ
00:33:36 → 00:33:41 ครับอืก็ควรจะไปฉีดวัคซีนสำหรับเชื้อโรค
00:33:41 → 00:33:43 ที่มีวัคซีนก็แนะนำให้ไปฉีดป้องกันในผู้
00:33:43 → 00:33:46 ที่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงที่จะที่จะป่วย
00:33:46 → 00:33:48 ง่ายของทางเดินหายใจอย่างเงี้ยอย่างเช่น
00:33:48 → 00:33:51 อ่าหอบหือถุงลมโป่งพองอยู่แล้วที่จะเป็น
00:33:51 → 00:33:54 ได้ง่ายอยู่แล้วแล้วก็คนคนไข้กลุ่มุงลม
00:33:54 → 00:33:58 โป่งพองเนี่ยจากการสุบุหรี่เนี่ยเอ่อการ
00:33:58 → 00:34:00 ศึกษาวิจัยทางการแพทย์เราพบว่ามันจะมี
00:34:00 → 00:34:02 เชื้อแบคทีเรียดื้อยาบางชนิดอาศัยอยู่ใน
00:34:02 → 00:34:06 ถุงลมออและที่ที่โป่งพองอยู่แล้วได้ง่าย
00:34:06 → 00:34:11 กว่าคปกติอยู่แล้วค่ะแล้วเวลาเวลาที่ป่วย
00:34:11 → 00:34:14 จากหวัดหรืออะไรก็จะไอแบไอ้แบคทีเรียที่
00:34:14 → 00:34:16 มันอาศัยอยู่แล้วโดยมากกว่าคนทั่วไปนี่
00:34:17 → 00:34:20 แหละจะเป็นตัวซ้ำเติมอืนะฮะ
00:34:20 → 00:34:24 อืค่ะเออเพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวังกัน
00:34:24 → 00:34:26 นะยิ่งช่วงนี้ด้วยโอ้โหเรื่องของฝุ่นก็
00:34:26 → 00:34:30 ต้องกลัวเชื้อโรคก็ต้องเฝ้าระวังไปอีก
00:34:30 → 00:34:33 ด้วยเนี่ยนะฮะค่ะอาจารย์คหนูขอถามอีกนิด
00:34:33 → 00:34:35 นึงค่ะพอดีเมื่อกี้ตอนนั้นอาจารย์ที่พูด
00:34:35 → 00:34:38 ถึงเรื่องว่าถ้าเรานอนเราอยู่เฉยๆแล้วเรา
00:34:38 → 00:34:40 แบบกลั้นปัสสาวะเราอาจจะติดเชื้อในท่อ
00:34:40 → 00:34:42 ปัสสาวะหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะติดเชื้อมัน
00:34:42 → 00:34:45 ต้องขนาดไหนคะอาจารย์ครั้งแรกหนนเดียวยัง
00:34:45 → 00:34:47 ได้หรือว่าปริมาณเชื้อมันเยอะขึ้นอย่าง
00:34:47 → 00:34:50 ที่ใช้ทฤษฎีที่อาจารย์บอกคือเชื้อเยอะมัน
00:34:50 → 00:34:53 ก็เลยทำให้เข้าสู่ร่างกายแค่ครั้งแรกก็
00:34:53 → 00:34:55 เป็นแล้วหรือบ่อยครั้งเราถึงจะเป็นได้อคะ
00:34:55 → 00:34:58 เพราะบางคนส่วนใหญ่ผู้สูงอายุในบ้านก็แต่
00:34:58 → 00:35:00 ละคนก็อาจจะอาจจะไม่เท่ากันอีกความเสี่ยง
00:35:00 → 00:35:04 ไม่เท่ากันใช่ครับบางคนกั้นบ่อยๆซ้ำๆ
00:35:05 → 00:35:08 อย่างเช่นอ่าบางบางบางคนเดินทางไกลเงี้ย
00:35:08 → 00:35:12 ก็ไม่กล้าเข้าห้องน้ำระหว่างทางเงี้ยอืนะ
00:35:12 → 00:35:15 เป็นบ่อยๆสังเกตเลยว่าพอหลังการเดินทางมา
00:35:15 → 00:35:18 ปั๊บก็จะเริ่มมีอาการปัสสาวะขัดกระปิ
00:35:18 → 00:35:21 กระปอยละนะครับอ๋ออย่างเงี้ยต้องเข้าห้อง
00:35:21 → 00:35:23 น้ำบ่อยๆหลังจากนั้นแล้วอย่างเงี้ยเพราะ
00:35:23 → 00:35:26 อันนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าอ่าอาจจะ
00:35:26 → 00:35:29 มีกระเพาะปัสวะเสกโลกอาจจะเพิ่มจำนวนมาก
00:35:29 → 00:35:32 เนี่ยเป็นต้นเพราะงั้นอืก็มันก็ขึ้นกับ
00:35:32 → 00:35:35 ปัจจัยหลหๆอย่างคือขึ้นกับว่ากล้านบ่อย
00:35:35 → 00:35:39 มั้ยอืแล้วก็เชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายคนๆ
00:35:39 → 00:35:42 นั้นมันมีอยู่แล้วเติมเยอะมั้ยแล้วชนิด
00:35:42 → 00:35:44 เชื้อโรคนั้นมันเป็นเชื้อดื้อยามั้ยอืนะ
00:35:44 → 00:35:47 ครับมันขึ้นกับหลายๆอย่างตรงนั้นด้วยนะ
00:35:47 → 00:35:51 ครับค่ะบวกกับสภาพภูมิต้านทานณขณะนั้นที่
00:35:51 → 00:35:55 ที่กำลังเ่อมีปัจจัยเสี่ยงอยู่นะว่าว่า
00:35:55 → 00:35:58 สภาภูมิการเป็นยังไงด้วยแต่ถ้าทุกอย่าง
00:35:58 → 00:36:00 ปัจจัยทุกอย่างมันเกิดพร้อมพอดีพอดีใน
00:36:00 → 00:36:03 เวลาเดียวกันก็อาการมันก็อาจจะเป็นได้
00:36:03 → 00:36:07 เร็วแล้วก็รุนแรงได้อือค่ะมีหลายปัจจัยนะ
00:36:07 → 00:36:10 มีหลายอย่างมีหลายอย่างเหมือนกันนะครับผม
00:36:10 → 00:36:12 เอ่อช่วงท้ายแล้วครับคุณหมอครับอยากจะให้
00:36:12 → 00:36:17 คุณหมอช่วยทิ้งท้ายเรื่องของวิธีการทำให้
00:36:17 → 00:36:19 ร่างกายแข็งแรงเพื่อจะป้องกันการติดเชื้อ
00:36:19 → 00:36:22 ในกระแสเลือดอีกสักครั้งนึงครับคุณหมอ
00:36:22 → 00:36:26 ครับก็จริงๆแล้วเอ่อวิธีปฏิบัติตัวก็
00:36:26 → 00:36:29 เหมือนกับเราดูแลรักษาสุขภาพทั่วไปนะคือ
00:36:29 → 00:36:33 พักผ่อนให้เพียงพอนะครับรับประทานอาหาร
00:36:33 → 00:36:37 ให้ครบมื้อแล้วก็กินอาหารอ่าให้ครบ 5
00:36:37 → 00:36:41 หมู่ครับเ่อนะครับออกกำลังกายนะครับแล้ว
00:36:41 → 00:36:42 ก็
00:36:42 → 00:36:46 เอ่อหมั่นสังเกตดูแลสุขภาพโดยสม่ำเสมออื
00:36:46 → 00:36:53 อ่ามีวัคซีนก็ให้เอ่อไปฉีดนะครับถ้าถ้า
00:36:53 → 00:36:56 คิดว่ามีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากเชื้อ
00:36:56 → 00:36:59 โรคที่มีวัคซีนเนี่ยเควรจะไปฉีดอืนะครับ
00:36:59 → 00:37:03 ค่ะแล้วก็ที่สำคัญคือเ่อถ้ามีสมาชิกใน
00:37:03 → 00:37:06 บ้านที่เป็นเ่อผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง
00:37:06 → 00:37:09 หรือเป็นผู้สูงอายุเงี้ยนะฮะสมาชิกในบ้าน
00:37:09 → 00:37:11 อาจจะต้องช่วยกันสังเกตดูอาการโดยเฉพาะ
00:37:11 → 00:37:16 ผู้สูงอายุเนี่ยบางครั้งอ่ามีไข้เอ่อเล็ก
00:37:16 → 00:37:19 น้อยบางทีก็ซึมลงละ้าเราไม่ได้สังเกตเรา
00:37:19 → 00:37:22 ก็ไม่เห็นหรือว่าบางทีอ่าผู้กวนบางลายติด
00:37:22 → 00:37:26 เตียงอืเอ่อปัสสาวะเอ่อบางทีก็ใส่สายสวน
00:37:27 → 00:37:30 ไว้บางทีทีก็ใส่ถุงปเอาไว้เงี้ยก็อาจจะ
00:37:30 → 00:37:32 ต้องสังเกตว่าเอ๊ะสีปัสสาวะนไมขุ่นขึ้น
00:37:32 → 00:37:35 หรือเปล่ากลิ่นมันฉุนผิดปกติเหมือนที่เคย
00:37:35 → 00:37:39 เป็นมยนะครับหรือว่าเวลาเช็ดตัวดูแลเ
00:37:39 → 00:37:42 เนี่ยก็อาจจะต้องดูว่ามีขื่นผิดปกติมีบวม
00:37:42 → 00:37:45 แดงอักเสบอยู่ตรงไหนของร่างกายหรือเปล่า
00:37:45 → 00:37:49 นะครับค่ะอ่าหรือว่าดูเไอมากผิดปกติกว่า
00:37:49 → 00:37:51 อะไที่ผ่านมามยอย่างเงี้ยนะครับคือต้อง
00:37:51 → 00:37:56 มันสังเกตเพราะว่าอาการผิดปกติดังกล่าว
00:37:56 → 00:37:58 เหล่านี้บางทีมันเป็นสยาเริ่มต้นของการ
00:37:58 → 00:38:01 ติดเชื้อหรือภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดนะ
00:38:01 → 00:38:04 ครับค่ะอย่างเช่น
00:38:04 → 00:38:08 ไ้ซึมลงผิดปกติอันนี้เป็นเรื่องที่พบบ่อย
00:38:08 → 00:38:11 นะครับแล้วก็อาการของแต่ละวัยวะดังกล่าว
00:38:11 → 00:38:15 อย่างที่บอกไปนะว่าอ่าการทำปัสสาวะที่ผิด
00:38:15 → 00:38:18 ปกติอย่าเป็นต้นสัญญาณต่างๆเหล่านี้ที่
00:38:18 → 00:38:21 ที่มีเนี่ยถ้าเราสามารถอ่าตรวจพบได้เร็ว
00:38:21 → 00:38:24 และรีบพาเข้ามาโรงพยาบาลได้เร็วก็จะลด
00:38:24 → 00:38:27 โอกาสเคียงที่จะต้องเจ็บป่วยจากภาวะแล้ว
00:38:27 → 00:38:29 ก็มีภาวะติดเชื้อกระแสเลือดจน
00:38:29 → 00:38:33 เอ่อมีความยุ่งยากในการดูแลอนะครับ้าถ้า
00:38:34 → 00:38:37 รุนแรงมากก็บางครั้งแม้ว่าเราจะมี
00:38:37 → 00:38:39 เทคโนโลยีดีขนาดไหนบางทีก็อาจจะไม่สามารถ
00:38:39 → 00:38:44 จะควบคุมภาวะดังกล่าวได้นะครับอืก็คือถ้า
00:38:44 → 00:38:47 คุณมีอาการอย่างที่อาจารย์บอกไปไ้สูงหนาว
00:38:47 → 00:38:50 สั่นอ่อนเพลียใช่มั้ยคะก็ให้สังเกตได้ว่า
00:38:50 → 00:38:52 เอ๊ะอาจจะมีติดเชื้อแต่ว่าคุณอาจจะมีโรค
00:38:52 → 00:38:55 พื้นฐานของคุณก่อนหรือว่าคุณอาจจะมีภาวะ
00:38:55 → 00:38:57 การอักเสบหรือติดเชื้อในอวัยวะอื่นๆแล้ว
00:38:57 → 00:39:00 ค่อยมันก็ค่อยลุกลมาไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆทุก
00:39:00 → 00:39:03 คนจะเป็นติดเชื้อในกระแสเรืองถูกมั้ยคะ
00:39:03 → 00:39:06 อาจารย์ใช่ครับใช่ครับอ่านะคะวันนี้ต้อง
00:39:06 → 00:39:09 บอกว่าขอบพระคุณอาจารย์มากนะคะไขข้อสงสัย
00:39:09 → 00:39:12 ในหลายปีเรียกว่าเรียกว่าตลอดเลยดีกว่า
00:39:12 → 00:39:15 สบายติดเชื้อในกระแสเลือดติดเชื้อในกระแส
00:39:15 → 00:39:17 เลือดนะคะได้ครับวันนี้ต้องขอขอบพระคุณ
00:39:17 → 00:39:18 คุณหมอมากๆนะครับคุณหมอ
00:39:18 → 00:39:21 ครับครับยินดี
00:39:21 → 00:39:24 ครับท่านผู้อำนวบการทั้ง 2 ท่านแล้วก็
00:39:24 → 00:39:27 ท่านผู้ฟังทางบ้านครับครับสวัสคณหมสวัสดี
00:39:27 → 00:39:32 ค่ะครับสวัสดีครับสวัสดีค่ะอ่าคุณผู้ฟัง
00:39:32 → 00:39:34 ค่ะที่จบไปนะคะก็คือผู้ช่วยศาสตราจารย์
00:39:34 → 00:39:38 พิเศษนายแพทย์พจน์นะคะอินทลาภาพรนะคะหัว
00:39:38 → 00:39:40 หน้างานนะคะโรคติดเชื้อกลุ่มงานยุธศาสตร์
00:39:40 → 00:39:44 โรงพยาบาลราชวิถีค่ะ