00:00:00 → 00:00:02 วันนี้แน่นอนเป็นวันจันทร์นะครับเราก็มี
00:00:02 → 00:00:05 วิทยากรที่มาประจำรายการให้กับเราเป็น
00:00:05 → 00:00:08 ประจำทุกวันจันทร์นะครับเกี่ยวกับเรื่อง
00:00:08 → 00:00:10 จิตวิทยาเกี่ยวกับเรื่องการบาบัตเอ่อ
00:00:10 → 00:00:13 สุขภาพจิตสุขภาพใจนะครับแต่ก่อนอื่นวัน
00:00:13 → 00:00:15 นี้อยู่กับเรานะครับทีมงานสุขภาพดี 22:00
00:00:15 → 00:00:17 นชุดสนะตันตยานนท์ครับเสือโอ๊คครับแลก็
00:00:17 → 00:00:20 พี่ขวัญกมลพรร่มทองคำครับสวัสดีครับพี่
00:00:20 → 00:00:25 ขวัญครับอ่าโอเคเดี๋ยวรอพี่ขวัญสักครู่
00:00:25 → 00:00:28 นึงนะครับวันนี้อยู่กับวิทยากรที่มานั่ง
00:00:28 → 00:00:32 อยู่ในสตูดิโอพร้อมกับเอ่อชุดสีชมพูให้
00:00:32 → 00:00:36 เราสดใสไปกับในรายการของเรานะครับก็ครู
00:00:36 → 00:00:40 ติ๋วคือค่ะอ่าูครูติ๋วนะครับนันทนาวง
00:00:40 → 00:00:43 บุญชูผู้เชี่ยวชาญด้านจีตวิทยาศาสตร์การ
00:00:43 → 00:00:46 บำบัดเยียวยาและการโค้ชนะครับสวัสดีครับ
00:00:46 → 00:00:50 ครูติ๋วครับสวัสดีค่ะสสวัสดีครับโอ้โหวัน
00:00:50 → 00:00:53 นี้มาด้วยสีชมพูที่แบบทำให้รู้สึกมีพลัง
00:00:53 → 00:00:58 ไปด้วยใช่ค่ะค่ะตั้งใจเลยมั้ยตั้งใจเออ
00:00:58 → 00:01:00 ทุกอย่างเป็นพลังงานที่สามารถช่วยบำบัด
00:01:00 → 00:01:03 เยียวยาเราได้นะแสงสีเสียงครับอ่าใช่ๆๆ
00:01:03 → 00:01:07 แสงสีเสียงโอหคิดถึงวงวงวงดนตรีเลยใช่ค่ะ
00:01:07 → 00:01:09 ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องเกี่ยวกับ
00:01:09 → 00:01:13 ดนตรีใช่นข่าวอ่าใช่ๆๆค่ะเออแสงสีเสียง
00:01:13 → 00:01:16 มันมีส่วนทำให้เรื่องของจิตใจนี่มันแบบ
00:01:16 → 00:01:20 เออตื่นเต้นตื่นตัวมีความสุขมีพลังในการ
00:01:20 → 00:01:24 ที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างใชใช่ค่ะใช่
00:01:24 → 00:01:26 ค่ะเช่นเดียวกับวันนี้เลยที่เราตั้งหัว
00:01:26 → 00:01:30 ข้อกันมาครับครูติ๋วครับค่ะคิดเป็นใจเป็น
00:01:30 → 00:01:33 สุขกลายแข็งแรงด้วย cbt ต่อเนื่องจาก
00:01:34 → 00:01:37 สัปดาห์ที่แล้วใช่เออสัปดาห์ที่แล้วก็จะ
00:01:37 → 00:01:40 มีตัวย่อตัวย่อ 2 2 ตัวย่อค่ะแล้วก็
00:01:40 → 00:01:43 เพิ่มมาอีกสักตัวย่อนึงก็คือ cbt เออครู
00:01:43 → 00:01:46 ติ๋วบอกว่า cbt เนี่ยคนค่อนข้างที่จะรู้
00:01:46 → 00:01:49 จักเป็นวงกว้างมากกว่าอก่อนอื่นก่อนก่อน
00:01:49 → 00:01:52 อื่นจะไปที่เรื่องของรายรายละเอียดลึกๆ
00:01:52 → 00:01:55 ค่ะให้ครูติ๋วแนะนำก่อนว่า cbt จริงๆแล้ว
00:01:55 → 00:01:57 เขาคืออะไรให้คุณผู้ฟังคุณผู้ฟังได้รู้
00:01:57 → 00:02:02 จักกันก่อนอ๋อครับเยี่ยมมากเลยก่อนที่จะ
00:02:02 → 00:02:08 ไปรู้จัก cbt ครับทวนนิดนึงค่ะสัปดาห์ที่
00:02:08 → 00:02:11 แล้วเราคุยกันถึง
00:02:11 → 00:02:17 mbsr ครับแล้วก็ mbct ครับเห็นม mbct
00:02:17 → 00:02:21 สังเกตมั้ยมันเลยมีการต่อเนื่องมาเป็น cbt
00:02:21 → 00:02:25 แตกย่อยออกมาแตกย่อยออกมา cbt ใช่ซึ่ง
00:02:25 → 00:02:30 เอ่อตามศาสตร์ที่เรียนเนี่ย C GT อ่ะมัน
00:02:30 → 00:02:34 เกิดก่อนครับอ่าแล้วมันก็มีการพัฒนาต่อ
00:02:34 → 00:02:39 ยอดเอา M เข้าไปใส่ M คืออะไร M คือ
00:02:39 → 00:02:42 mindfulness อืถูกมยครับมันก็เลย
00:02:42 → 00:02:49 เกิด cbt แล้วก็เกิดแตกเป็น mbct ครับ
00:02:49 → 00:02:53 mbct ย่อมาจากอะไร mindfulness based
00:02:53 → 00:02:58 cognitive therapy ออือนะคะครับแล้วก็
00:02:58 → 00:03:01 ต่อมาเป็น cbt
00:03:01 → 00:03:05 cbt cbt ย่อมาจาก cognitive Behavior
00:03:05 → 00:03:09 therapy อืการบำบัดความคิดและพฤติกรรม
00:03:09 → 00:03:14 ค่ะความคิดและพฤติกรรมเอ่อ 2 คำนี้ได้ยิน
00:03:14 → 00:03:18 ในทุกแขนงที่ครูติ๋วเคยอธิบายไว้เสมอๆ
00:03:18 → 00:03:21 ความคิดและพฤติกรรมมักจะไปคู่กันเสมอใน
00:03:21 → 00:03:25 เรื่องของการเรื่องของจิตทั้งใจทั้งกาย
00:03:26 → 00:03:28 ทำไม 2 2 ตัวนี้เขาเป็นเพื่อนสนิทกันล่ะ
00:03:28 → 00:03:32 ฮะอ่าโอหน่าสนใจมากไอเดียเธอสร้างสรรค์
00:03:32 → 00:03:36 มากทันทีที่เราคิดเนี่ยมันจะต้องมี
00:03:36 → 00:03:40 พฤติกรรมตามมาแล้วทุกพฤติกรรมเนี่ยมันจะ
00:03:40 → 00:03:44 มาจากสิ่งที่เรียกว่าจิตใต้สำนึกได้ด้วย
00:03:44 → 00:03:49 นะเพราะมันเข้ามาเค้าเรียกว่าเข้ามามี
00:03:49 → 00:03:52 ส่วนร่วมอยู่ในไม้แท่งเดียวกันอออ่าคราว
00:03:52 → 00:03:55 นี้เนี่ยค่ะก่อนอื่นเนี่ยก่อนที่เราจะไป
00:03:55 → 00:03:58 กันต่อถึงรายละเอียดของ cbt ค่ะคุณผู้ฟัง
00:03:58 → 00:04:03 คะเราในฐานะนักเรียนเนาะก็ต้องกล่าวถึง
00:04:03 → 00:04:07 อาจารย์สักนิดนึงเพราะว่าครับถ้าไม่มีรอง
00:04:07 → 00:04:12 ศาสดาจารย์นายแพทย์ณัฐธรอืครับคือท่าน
00:04:12 → 00:04:16 เนี่ยเป็นผู้นำเข้า cbt ในประเทศไทยอื
00:04:16 → 00:04:19 ท่านเรียนโดยตรงกับผู้ก่อตั้ง cbt ครับ
00:04:19 → 00:04:24 คือแอนเบคครับเนาะเป็นโปรเฟสเซอร์ที่ที่
00:04:24 → 00:04:27 เา้าเรียกว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เกิดมา
00:04:27 → 00:04:30 เพื่อสิ่งนี้หมายถึงอะไรหมายถึงเรื่องของ
00:04:30 → 00:04:33 จิตใจครับอื
00:04:33 → 00:04:37 อืแสดงว่ามันเป็นเอ่อศาสตร์ที่เกิดขึ้น
00:04:37 → 00:04:41 จากในต่างประเทศมาก่อนแล้วก็มีเอ่อใช
00:04:41 → 00:04:45 ดรดรอะไรนะฮะเอ่อเอ่อเบ็กค่ะเรียกคุณเบ็ก
00:04:45 → 00:04:48 ดรเบกก็เผยแพร่มาให้กับ
00:04:48 → 00:04:53 เอ่อกับทั่วโลกเกิดขึ้นแล้วก็กระจายความ
00:04:53 → 00:04:56 ความรู้เชในศาสตร์นี้เข่าไปซึ่งซึ่งแน่
00:04:56 → 00:04:59 นอนว่าแสดงว่ามันจะต้องเกิดผลที่มันเป็น
00:04:59 → 00:05:02 ผลที่เชิงประจักษ์เชิงที่แบบเอ้ยได้ผลกับ
00:05:02 → 00:05:05 คนที่กลุ่มที่เขาทำการดูแลหรือว่าเยียวยา
00:05:05 → 00:05:09 ด้วย cbt แล้วมันเกิดอะไรครับูติ๋วใช่ค่ะ
00:05:09 → 00:05:12 คือมันอย่างเช่นกรณีเนี้มันเริ่มจากที่
00:05:12 → 00:05:16 ศาสตร์จิตวิทยาเนี่ยมันมีมานานแล้วละซึ่ง
00:05:16 → 00:05:18 เาเรียกว่าเราทุกคนเนี่ยก็รู้จักกันอย่าง
00:05:18 → 00:05:22 ดีว่าอจิตวิทยาเนี่ยมันก็อยู่คู่โลกมานาน
00:05:22 → 00:05:24 แล้วะถูกมั้ยใช่ใช่่ครับแล้วศาสตร์การ
00:05:24 → 00:05:28 บำบัดต่างๆเนี่ยมันก็จะเป็นการต่อยอดอื
00:05:28 → 00:05:31 ศาสตร์จิตวิทยาขึ้นไปอีกอืเหมือนกับเอ่อ
00:05:31 → 00:05:35 โปรเฟสเซอร์เบคเนี่ยค่ะที่ที่ท่านเป็นผู้
00:05:35 → 00:05:38 ก่อตั้ง cbt อ่ะท่านก็สอนทั่วโลกเลยค่ะ
00:05:38 → 00:05:43 แล้วหมอโจอาจารย์โจที่เราเรียกกันในในใน
00:05:43 → 00:05:45 กลุ่ม cbt เนี่ยนะคะอาจารย์โจเนี่ยไป
00:05:45 → 00:05:47 เรียนรู้มาไปเรียนรู้มาไปฟังเลคเชอร์
00:05:47 → 00:05:49 อาจารย์ที่ประเทศอังกฤษท่านไปเรียนทาง
00:05:49 → 00:05:53 ด้านจิตแพทย์เนี่ยค่ะอืโดยเฉพาะพอท่านไป
00:05:53 → 00:05:57 ฟังเรื่อง cbt เนี่ยท่านก็สนใจอืทั้งหมด
00:05:57 → 00:06:00 ทั้งมวลเนี่ยเหมือนที่ต้นโอ๊คพูดนะคะถูก
00:06:00 → 00:06:04 ว่ามันเข้ามารวมกันเป็นแก่นมันก็ไม่พ้น
00:06:04 → 00:06:08 เรื่องอความคิดพฤติกรรมอารมณ์ถูกมั้ยมัน
00:06:08 → 00:06:10 ก็จะ
00:06:10 → 00:06:16 เป็นเป็นเหมือนกับเส้นเส้นทางของเรื่อง
00:06:16 → 00:06:19 ของจิตใจจิตวิทยาซึ่งมนุษย์เราเนี่ยก็มี
00:06:19 → 00:06:22 แค่ 2 อย่างร่างกายกับจิตใจออือและในความ
00:06:22 → 00:06:26 เป็นจริงคืออะไรร่างกายและจิตใจเนี่ยมัน
00:06:26 → 00:06:29 เป็นหนึ่งเดียวกันอืมเพราะฉะนั้นวันนี้ก็
00:06:30 → 00:06:33 เลยถ้าใครได้ฟังอยู่ก็จะได้บำบัดหัวจิต
00:06:33 → 00:06:36 บำบัดใจของเราไปด้วยกันใช่มยเพราะว่าเขา
00:06:36 → 00:06:39 บอกว่าอย่างที่ครูติ๋วแนะนำว่าถ้าเรารู้
00:06:39 → 00:06:44 จัก cbt มากขึ้นเราก็จะคิดเป็นใจเป็นสุข
00:06:44 → 00:06:47 ร่างกายแข็งแรงด้วยอุ้ยมันเป็นมันเป็นไป
00:06:47 → 00:06:51 อย่างงั้นโอ 3 3 ส่วนเนี่ยถ้าเพียงแค่
00:06:51 → 00:06:54 เราด้วยทำด้วย cbt มันมันมันเป็นไปได้
00:06:54 → 00:06:56 จริงๆหรือเปล่าครู
00:06:56 → 00:07:00 ติ๋วมันมีอย่างงี้ต้นโอ๊ครูปแบบความคิด
00:07:00 → 00:07:04 และพฤติกรรมซึ่งเป็นแก่นหลักของ cbt นะคะ
00:07:04 → 00:07:09 ครับมนุษย์จะเริ่มจากเหตุการณ์อืพอมีเหตุ
00:07:09 → 00:07:11 การณ์เข้ามาใช่มั้ยคะครับมนุษย์ก็จะคิด
00:07:11 → 00:07:15 อือและให้ความหมายครับมันก็จะเป็นเกิด
00:07:15 → 00:07:18 ความคิดขึ้นมาถูกมยอ่ามันเกิดความคิดขึ้น
00:07:18 → 00:07:20 มาสมมุติว่ามีเหตุการณ์เหตุการณ์นึงเกิด
00:07:20 → 00:07:25 ขึ้นอ่าชอบเล่นชอบเล่นกีฬาอ่าใช่มีคนเตะ
00:07:25 → 00:07:30 ฟุตบอลครับเข้ามาใส่หน้าเราอืในขณะที่เรา
00:07:30 → 00:07:33 กำลังเดินอยู่ในสนามฟุตบอลนแหละเราไม่ได้
00:07:33 → 00:07:36 เล่นครับเดินข้ามสนามเดินผ่านสนามเนี่ย
00:07:36 → 00:07:38 แหละเออใช่
00:07:38 → 00:07:44 ใช่ปึ้งเออถูกมั้ยครับมันเกิดความคิดขึ้น
00:07:44 → 00:07:47 มาทันทีอืมใคร
00:07:47 → 00:07:54 นะอะไรนะมาโดนเราอ่าใครทำใช่ค่ะเออใช่ค่ะ
00:07:54 → 00:07:58 มาจากไหนความคิดเริ่มออกมาและใช่ถ้าให้
00:07:58 → 00:08:03 เดาก่อนคิดว่าความคิดแวบแรกเนี่ยในทาง cbt
00:08:03 → 00:08:06 เนี่ยเขาจะเรียกว่า automatic th คือ
00:08:06 → 00:08:08 ความคิดอัตโนมัติอ่ะ
00:08:08 → 00:08:12 เจ็บใช่มั้ยเจ็บป่ะหรือว่าเจ็บเจ็บนั่นก็
00:08:12 → 00:08:15 เป็นเหมือนความรู้สึกนะความรู้สึกถูกมั้ย
00:08:15 → 00:08:18 แต่ถามถึงความคิดก่อนว่าเห็นความคิดตัว
00:08:18 → 00:08:22 เองมั้ยความคิดตัวเองอ่าเอ่อก็น่าจะคิด
00:08:22 → 00:08:26 ว่าไอ้ลูกลูกบอลเมันมามันใครเป็นคนเตะมา
00:08:26 → 00:08:31 นะอืเออใครเป็นคนเตะมาจากที่ไหนนะเออเตะ
00:08:31 → 00:08:33 มาโดยชันทำไมนะมันเริ่มจะเริ่มเริ่มจะมี
00:08:33 → 00:08:37 คำถามขึ้นมาเรื่อยๆเออ
00:08:37 → 00:08:41 ถ้าถ้าเป็นความคิดในเชิงบวกเนี่ย
00:08:41 → 00:08:45 ครับมันจะมีอารมณ์เชิงบวกเข้ามาอ่าใช่ๆ
00:08:45 → 00:08:48 อ่ากูติ๋วพูดถูกอ่าถ้าเป็นความคิดเชิงบวก
00:08:48 → 00:08:51 มันก็จะเอ้ยมันก็ไม่ได้ไม่ได้มีอารมณ์
00:08:51 → 00:08:54 โกรธเข้ามาเกี่ยวข้องใช่มั้ยอ่าใช่ฮะแล้ว
00:08:54 → 00:08:57 จินตนาการดูว่าถ้าเป็นความคิดที่ไม่บวก
00:08:57 → 00:09:02 อ่ะโอ้มาเต็มเลยหัวร้อนโกรธใครเอาคืนใ
00:09:02 → 00:09:05 มั้ยอะไรอย่างงี้เริ่มมาเต็มเริ่มเริ่มมา
00:09:05 → 00:09:08 แบบเยอะแยะมากมายเห็นชัดเลยมั้ยตัวอย่าง
00:09:08 → 00:09:11 นี้ได้ๆอารมณ์เราอ่ะค่ะมันจะเปลี่ยนตาม
00:09:11 → 00:09:16 ความคิดเราค่ะอือืความคิดคำว่าความคิด
00:09:16 → 00:09:19 เป็นบวกก็มีอารมณ์ที่เป็นบวกตามมาด้วย
00:09:19 → 00:09:22 ความคิดเป็นเป็นลบอารมณ์เราก็อาจจะ
00:09:22 → 00:09:24 หงุดหงิดนิดหน่อยไม่รู้แหละหงุดหงิดมาก
00:09:24 → 00:09:27 หงิดๆน้อยแล้วแต่แล้วแต่ตัวบุคคลนั้นแหละ
00:09:27 → 00:09:30 อถูกต้องถูกต้องแล้วระดับของแต่ละคนก็จะ
00:09:30 → 00:09:33 ไม่เท่ากันมันเริ่มจากเหตุการณ์มากระทบ
00:09:33 → 00:09:35 เนี่ยอาจจะมีทั้งคนที่คิดบวกแล้วก็ไม่บวก
00:09:36 → 00:09:39 ก็ได้ถูกมยแล้วคิดบวกเนี่ยมันก็มีหลาย
00:09:39 → 00:09:42 ระดับเหมือนกันอืคิดไม่บวกก็มีหลายระดับ
00:09:42 → 00:09:46 ครับซึ่งใดๆอ่ะพอเหตุการณ์มากระทบความคิด
00:09:47 → 00:09:51 เกิดขึ้นอารมณ์ตามมาค่ะคุณผู้ฟังเออถูกม
00:09:51 → 00:09:53 แน่นอนตามมา
00:09:53 → 00:10:00 แล้วอารม์ตามมาพออารมณ์ตามมาปุ๊บ
00:10:00 → 00:10:02 ถ
00:10:02 → 00:10:06 ที่ดของท่านให้เรียบร้อยมีเสียงพี่ขวัญ
00:10:06 → 00:10:10 อยู่ในสายพี่ขวัญพี่ขวัญมาแล้วสวัสดีพี่
00:10:10 → 00:10:13 ขวัญสวัสดีค่ะโอ๊คสวัสดีค่ะพุคพพี่ขวัญนะ
00:10:14 → 00:10:18 ครับขวผู้ฟังด้วยนะคะเอ่าพี่ขวัมาแล้วนะ
00:10:18 → 00:10:21 ก็อยู่บนเขาเรียกว่าอยู่ณระหว่างการเดิน
00:10:21 → 00:10:25 ทางนะติอ่าอาจจะมีเสียงแทรกนิดหน่อยนะ
00:10:25 → 00:10:27 ครับอ่ะเราไปกันต่อที่เรื่องเกี่ยวกับการ
00:10:27 → 00:10:30 จัดการเรื่องของเมื่อกถึง
00:10:30 → 00:10:36 ค่ะพอมีเหตุการณ์เข้ามามีอารมณ์เข้ามาใช้
00:10:36 → 00:10:39 ในกรณีฉุกเสินเท่านั้นถ้าเราอารมณ์ดีอื
00:10:39 → 00:10:43 ถูกมถ้าเราคิด
00:10:43 → 00:10:48 ดีโอเคขอบคุณมากค่ะขอบคุณมากค่ะถ้าเราคิด
00:10:48 → 00:10:54 ดีเนี่ยอารมณ์เราก็จะดีครับแล้วในรูปแบบ
00:10:54 → 00:10:58 ความคิดและพฤติกรรมอ่ะค่ะอืมันเริ่มจากวง
00:10:58 → 00:11:02 จรคือ 1 ความคิดครับคุณผู้ฟังตามไปกับเรา
00:11:02 → 00:11:08 ด้วยนะคะ 1 ความคิดอ 2 อารมณ์ค่ะครับและ 3
00:11:08 → 00:11:13 พฤติกรรมอื 3 อย่างความคิดอารมณ์พฤติกรรม
00:11:13 → 00:11:17 อแล้วสุดท้ายมันจะเป็นการแสดงออกทางร่าง
00:11:17 → 00:11:21 กายอืครูก็เลยจะสต็ปสเต็ปแบบนี้มาเลยพา
00:11:21 → 00:11:26 โอ๊คมาดูไล่สเต็ปดูว่าครับจินตนาการดูว่า
00:11:26 → 00:11:30 ถ้าเราอารมณ์ดีอืครับสมมุติว่าเดินร้อง
00:11:30 → 00:11:33 เพลงผิวปากไปลูกบอลมาปั้งเออเฮ้ยโอเคไม่
00:11:33 → 00:11:36 เป็นไรดีนะมึงเป็นแค่นี้ดีแล้วไม่เป็นไร
00:11:36 → 00:11:40 น้อยคนนะทำได้กูติ๋วถูกมั้ยเอน้อยคนทำได้
00:11:40 → 00:11:42 จริงๆเพราะอยู่ดีไม่รู้อะไรมาโดนเราอ่ะ
00:11:42 → 00:11:45 มันต้องมีอารมณ์เอ่อคิดแล้วมันมันมันมัน
00:11:45 → 00:11:47 ต้องมาคิดคิดเป็นลบก่อนส่วนใหญ่อ่ะใช่
00:11:48 → 00:11:51 มั้ยใช่เออเลยชวนคุณผู้ฟังเนี่ยให้ลอง
00:11:51 → 00:11:54 เรียนรู้แล้วก็จินตนาการไปกับเราเนาะจะ
00:11:54 → 00:11:58 ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกันสมมุติว่าครับเรา
00:11:58 → 00:12:02 อารมณ์ดีอืเอ้ยเพราะเราคิดดีไงครับเราคิด
00:12:02 → 00:12:05 ดีว่าอือโอยโชคดีนะโดนแค่นี้ไม่เป็นไร
00:12:05 → 00:12:10 เอ้ยดีเว้ยอๆๆคิดว่าคิดดีอารมณ์ดีครับ
00:12:10 → 00:12:14 พฤติกรรมอะไรที่จะตามมาพฤติกรรมก็ผมว่า
00:12:14 → 00:12:19 ถ้าเราคิดดีอารมณ์ดีแล้วพฤติกรรมก็คงอภัย
00:12:19 → 00:12:22 อ่ะก็ปล่อยๆไปเเดินถ้าถ้าเราไม่บาดเจ็บ
00:12:22 → 00:12:24 มากนะถ้าเราไม่บาดเจ็บมากมันจะเป็นไร่มาก
00:12:24 → 00:12:27 เราก็มุ่งไปสู่ที่เป้าหมายที่เราจะไปต่อ
00:12:27 → 00:12:30 อาจจะเดินข้ามกลับบงกลับบ้าอะไรต่อต่อไป
00:12:30 → 00:12:34 เลยใช่ค่ะๆค่ะอ่าคุณผู้ฟังเห็นตัวอย่าง
00:12:34 → 00:12:36 ที่ 1 ใช่มั้ยคะคราวนี้ลองดูตัวอย่างที่ 2
00:12:36 → 00:12:41 อืปึงความคิดครับมาเลยอืเช่นยังไงดีอ่ะ
00:12:41 → 00:12:45 ความคิดที่ไม่บวกไม่บวกเหรอโอนี้ใครน้า
00:12:45 → 00:12:47 มันตั้งใจหรือเปล่าน้าใครใครเป็นคนทำน้า
00:12:47 → 00:12:51 อ่ามาละอารมณ์จะเป็นยังไงคะผมต้องหาตัว
00:12:51 → 00:12:55 ต้นตอให้ได้อ่ะอืตงตัวตตโอ้โหเดี๋ยวๆๆๆๆ
00:12:55 → 00:12:58 มีเคลียร์ใช่มั้ยอ่ามีเคลียร์อารมณ์ตอน
00:12:58 → 00:13:00 นั้นน่าจะเป็นอารมณ์อะไรโกรธและโมโหแล้ว
00:13:00 → 00:13:04 ใช่่มใช่มั้เนาะอ่าโกรธและโมโหต้องมีแบบ
00:13:04 → 00:13:07 อุยต้องมีคำพูดอะไรออกมาบ้างบางอย่างแหละ
00:13:07 → 00:13:10 อืต้องถ้าผู้ปรึกษาชาวบ้านก็ด่ากันแน่นอน
00:13:10 → 00:13:13 น่ะเออถูกมั้ยเนี่ยค่ะพฤติกรรมที่ตามมา
00:13:13 → 00:13:18 มันก็จะตามอารมณ์มาเออถูกมั้ยครับอ่าครับ
00:13:18 → 00:13:22 เราจะเห็นวงรอบที่ชัดเจนมากขึ้นแล้วสุด
00:13:22 → 00:13:27 ท้ายอ่ะค่ะหลังจากพฤติกรรมครับครูจะทวนไป
00:13:27 → 00:13:28 เรื่อยๆเนาะเพราะว่าอยากให้คุณผู้ฟัง
00:13:28 → 00:13:29 เนี่ยได้
00:13:30 → 00:13:33 ตามได้ตามได้ตามได้เนว่ารูปแบบความคิดและ
00:13:33 → 00:13:36 พฤติกรรมเนี่ยมันเกิดขึ้นอย่างไร 1 มี
00:13:36 → 00:13:39 เหตุการณ์เข้ามา 2 มีความคิด 3 อารมณ์
00:13:39 → 00:13:42 อารมณ์พฤติกรรมและสุดท้ายเนี่ยมันจะแสดง
00:13:42 → 00:13:46 ออกทางอาการทางร่างกายร่างกายอืนึกออกมย
00:13:47 → 00:13:49 เวลาที่เราเกิดความเครียดเนี่ยบางครั้ง
00:13:49 → 00:13:53 ร่างกายเนี่ยมันจะมีการเจ็บปวดแสดงออกมา
00:13:53 → 00:13:54 ให้เห็น
00:13:54 → 00:13:57 ออซึ่งแน่นอนนี่เป็นตัวอย่างเป็นตัวอย่าง
00:13:57 → 00:14:00 ที่ให้เห็นภาพง่ายๆแล้วก็เอ่อแน่นอนว่า
00:14:00 → 00:14:05 เอ่อการที่เราคุยกันเรื่องของ cbt ค่ะมัน
00:14:05 → 00:14:08 จะโยงไปเกี่ยวกับเรื่องของการลำดับความ
00:14:08 → 00:14:11 คิดการลำดับเรื่องอารมณ์เพื่อให้ร่างกาย
00:14:11 → 00:14:16 ของเรามันมีสุขภาพที่ดีขึ้นใช่ๆใชเหมือน
00:14:16 → 00:14:18 ที่เราคุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วใน
00:14:18 → 00:14:20 เรื่องการบำบัดทั้ง
00:14:20 → 00:14:25 mbsr mbct ครับมันจะเกิดการทำงานที่ไว
00:14:25 → 00:14:32 มากอืของร่างกายและจิตใจมันเชื่อมกันแบบ
00:14:32 → 00:14:34 แยกไม่ออกเลยค่ะทันทีที่เรามีความคิด
00:14:34 → 00:14:36 เนี่ย
00:14:36 → 00:14:40 ค่ะเคมีในร่างกายฮอร์โมน Everything ทุก
00:14:40 → 00:14:43 อย่างเนี่ยกล้ามเนื้อเซลล์มันเปลี่ยนแปลง
00:14:43 → 00:14:46 เร็วมากอ๋อเหรอฮะอ่าถูกต้องค่ะแล้วมัน
00:14:46 → 00:14:49 เปลี่ยนแปลงตามอะไรมันเปลี่ยนแปลงตามความ
00:14:49 → 00:14:52 คิดเพราะคำว่าอารมณ์เนี่ยฮอร์โมนมันมาจาก
00:14:52 → 00:14:55 อะไรฮอร์โมนมาจากเรื่องของสมองเรื่องของ
00:14:55 → 00:14:59 ระบบภายในร่างกายความเอ่อการพักผ่อนความ
00:14:59 → 00:15:01 เครียดต่างๆมันเกี่ยวข้องกันหมดเลยใช่
00:15:01 → 00:15:04 มั้ยใช่ค่ะใช่ค่ะซึ่งเอ่อในทางจิตวิทยา
00:15:04 → 00:15:08 เนี่ยเราอาจจะชวนเรียกแบบชั้นๆว่ามันมี
00:15:08 → 00:15:10 อารมณ์เข้ามาเกี่ยวถูกมั้ยอครับถ้าเรา
00:15:10 → 00:15:13 อารมณ์เป็นบวกอ่ะค่ะอารมณ์ดียิมแยมแจ่มใส
00:15:13 → 00:15:17 หัวเราะร่าเริงเคมีในร่างกายของเราอ่ะค่ะ
00:15:17 → 00:15:19 หรือฮอร์โมนอ่ะมันก็จะหลั่งออกมาเป็นตัว
00:15:19 → 00:15:22 นึงอเคยได้ยินมั้ยเคได้ยินเอนโดฟินพี่ดา
00:15:22 → 00:15:25 เอนโดฟินครับเคยได้ยินเออครับหรือกำังสาร
00:15:25 → 00:15:28 แห่งความสุขเาเรียกว่าสารแห่งความสุขอ่า
00:15:28 → 00:15:30 แม้กระทั่งมีเซ็ก์หรือทุกอย่างที่มันทำ
00:15:30 → 00:15:33 ให้คุณมีความสุขอ่ะออกกำลังกายความส
00:15:33 → 00:15:38 โดพามีนหลังค่ะเนี่ยมันมีผลมาจากอารมณ์ออ
00:15:38 → 00:15:41 นี่คือในเรื่องของฮอร์โมนเคมีในร่างกาย
00:15:41 → 00:15:45 ถูกมั้ยครับเวลาที่คนเป็นซึมเศร้าอหรือ
00:15:45 → 00:15:50 โรคทางระบบสมองระบบประสาททางจิตเวทเนาะ
00:15:50 → 00:15:54 เรามักจะได้ยินคำว่าเคมีในสมองไม่เท่ากัน
00:15:54 → 00:15:57 เคยได้ยินมั้ยเคยได้ยินเคยได้ยินมันมีของ
00:15:57 → 00:16:00 เรื่องเอ่อในในทางการแพทย์เขาจะบอกว่ามัน
00:16:00 → 00:16:03 เป็นปัญหาทางเรื่องของการหลั่งเคมีในสมอง
00:16:03 → 00:16:08 เนี่ยมันทำให้สมองคิดเขาเรียกว่าคิด
00:16:08 → 00:16:12 เอ่อเห็นผิดเป็นชอบคิดคิดบวกคิดลบอ่ะได้
00:16:12 → 00:16:15 ได้ได้ผิดผิดปกติไปจากเดิมโเยี่ยมมากเลย
00:16:15 → 00:16:19 ใช่มากเลย่ผมก็ผมก็นึกคำไม่ค่อยออกนะเอ
00:16:19 → 00:16:22 ประมาณนี้ประมาณนี้ครูติ๋วอืถูกต้องเลย
00:16:22 → 00:16:28 ค่ะเห็นมยว่าไอ้สิ่งเแหละมันเป็นต้นตอที่
00:16:28 → 00:16:33 จะจะทำให้เกิดสิ่งต่างๆตามมาสิ่งต่างๆครู
00:16:33 → 00:16:37 กำลังหมายถึงฮอร์โมนที่ตามมาครับอือืคราว
00:16:37 → 00:16:40 นี้ถ้าเรามีความเครียด
00:16:40 → 00:16:44 เนี่ยมันก็จะมีฮอร์โมนอีกพวกหนึหลั่งออก
00:16:44 → 00:16:48 มาเหมือนกันหรือแม้แต่การทำงานของระบบ
00:16:48 → 00:16:52 ประสาทครับถูกมยเคยได้ยินมย
00:16:52 → 00:16:58 ระบบาติระบบพาซิซึ่งระบบเหล่าเนี้ยค่ะมัน
00:16:58 → 00:16:59 ก็จะ
00:16:59 → 00:17:03 เรียกว่าไปในทิศทางเดียวกันถ้าเรามีความ
00:17:03 → 00:17:08 เครียดมีอารมณ์เชิงลบอืฮอร์โมนก็จะหลั่ง
00:17:08 → 00:17:12 มาอีกพวกหนึพวกลบๆมันก็จะมากันเป็นทีมเลย
00:17:12 → 00:17:16 นะอ่าการทำงานของระบบสมองระบบประสาทเนี่ย
00:17:16 → 00:17:20 มันก็จะเป็นอีกฝั่งนึงเหมือนกันออืแล้ว
00:17:20 → 00:17:24 มันจะเชื่อมอ่ะค่ะเหมือนที่ครูให้ให้เอ่อ
00:17:24 → 00:17:28 เค้าเรียกว่าอีกข้อนึงของรูปแบบความคิด
00:17:28 → 00:17:31 และพพฤติกรรมว่ามันจะออกมาทางร่างกายอือ
00:17:31 → 00:17:35 เหมือนกับถ้าเรามีความเครียดถูกมยการทำ
00:17:35 → 00:17:38 งานของฮอร์โมนเป็นกลุ่มนึงการทำงานของ
00:17:38 → 00:17:43 ระบบประสาทเป็นกลุ่มนึงมันก็จะเป็นโหมด
00:17:43 → 00:17:47 การทำงานที่เปลี่ยนครับถ้าเรา
00:17:47 → 00:17:51 เครียดอาหารเราย่อยมยอาหารอมีคำนึงที่ผม
00:17:51 → 00:17:54 ได้ยินไปเป็นประจำค่ะเครียดลงกระเพาะนั่น
00:17:54 → 00:17:59 แหละค่ะเออคือทำให้เราไม่สบายไม่สบายตัว
00:17:59 → 00:18:02 มีต้องเจ็บเจ็บป่วยเจ็บไข้เ็ป่วยเลยแหละ
00:18:02 → 00:18:04 แล้วก็มีขั้นอาจงอาเจียนะเครียดลงกระเพาะ
00:18:04 → 00:18:07 เขาเรียกว่าเครียดลงกระเพาะกันเออเครียด
00:18:07 → 00:18:11 ลงกระเพาะกรดไหลย้อน
00:18:11 → 00:18:16 ครับจำนวนมากเลยค่ะหลายโลกเลยอือฮึมาจาก
00:18:16 → 00:18:19 ต้นตอเดียวกันคืออะไรคะความคิดความคิด
00:18:19 → 00:18:22 ความคิดค่ะเพราะความคิดมันจะสั่งให้เกิด
00:18:22 → 00:18:25 สิ่งต่างๆตามมาเออใช่ความคิดมาอารมณ์
00:18:25 → 00:18:29 อารมณ์อารมณ์มาพฤติกรรมโอ๊ยเธอจำแม่นและ
00:18:29 → 00:18:33 วงไซเคิลของเขา 4 อันอ่าอ่าถูกมั้ยครับ 1
00:18:33 → 00:18:37 ความคิด 2 อารมณ์ 3 พฤติกรรม 4 ก็อาการ
00:18:37 → 00:18:41 ทางร่างกายมันก็จะออกมาถูกมั้ย่าอเหมือน
00:18:41 → 00:18:46 ใครล่ะที่เดี๋ยวนี้มีเอ่อออกมาแบบคุณสน
00:18:46 → 00:18:49 คุณสนอ้อคุณสนยุคอ่าคุณสนยุคใช่ค่ะคุสน
00:18:49 → 00:18:52 ยุคเค้าก็จะมีอาการต่างๆเป็นหลายโรคอะไ
00:18:52 → 00:18:57 ภูมิแพ้ครับเป็นเอ่ออาการด่างขาวอะไอด่าง
00:18:57 → 00:19:00 ขาวที่เขาเคยให้ให้ให้สัมภาษณ์อยู่ใช่ค่ะ
00:19:00 → 00:19:03 ใช่ค่ะเออซึ่งโเป็นโรคด่างขาวหรือว่า
00:19:03 → 00:19:06 ออโตอิมมูนใช่มั้ยคะใช่ค่ะซึ่งโรคพวกนี้
00:19:06 → 00:19:09 มันมาจากเขาบอกว่าส่วนหนึ่งมาจากเรื่อง
00:19:09 → 00:19:13 ของอความเครียด Yes เป็นหลักเลยใช่ค่ะ
00:19:13 → 00:19:16 เรื่องของพักผ่อนไม่พอความเครียดเป็นหลัก
00:19:16 → 00:19:20 เลยใช่ค่ะคืออย่างงี้ความเครียดเนี่ยนะคะ
00:19:20 → 00:19:24 ครับคนจำนวนมากเนี่ยจะเข้าใจแค่ว่าความ
00:19:24 → 00:19:28 เครียดอ่ะคือความทุกข์ใจอือนึกออกมั้ย
00:19:28 → 00:19:31 ซึ่งความเครียดอ่ะค่ะมันมีความเครียดทาง
00:19:31 → 00:19:35 ร่างกายด้วยนะคะถ้าร่างกายไม่ได้รับการ
00:19:35 → 00:19:38 พักผ่อนครับอย่างเพียงพอครับร่างกายเกิด
00:19:38 → 00:19:42 ความเครียดนะคะอืมอ่าพอจะเห็นภาพถูกมั้ย
00:19:42 → 00:19:45 ร่างกายไม่ได้กินตามเวลาที่ควรกินโวันนี้
00:19:46 → 00:19:49 คี้เลดหนักเลยถูกมั้ยอ่าเราเคยได้ยินคำ
00:19:49 → 00:19:51 ว่านาฬิกาชีวิตเคยได้ยินซึ่งแต่ละคนน่ะ
00:19:51 → 00:19:54 มันไม่เหมือนกันค่ะถูกมันไม่เหมือนกันอ่า
00:19:54 → 00:19:59 คราวเนี้ยค่ะพอเราเหมือนเราโปรแกรมอือไม่
00:19:59 → 00:20:03 ตงมันก็จะมีผลลัพธ์ที่ไม่เค้าเรียกว่าไม่
00:20:03 → 00:20:06 พึงประสงค์เกิดขึ้นถูกมั้ยคะออือแล้วมัน
00:20:06 → 00:20:10 ไม่เกี่ยวกับอายุนะครับเด็กที่มีเค้า
00:20:11 → 00:20:15 เรียกว่ามีรูปแบบลักษณะเนี้ยมีรูปแบบความ
00:20:15 → 00:20:19 คิดและพฤติกรรมอ่ะค่ะครับเด็กก็เป็นได้
00:20:19 → 00:20:22 ความหมายคือเด็กก็ไม่สบายได้นะเด็กก็
00:20:22 → 00:20:25 เครียดเป็นเอาว่าง่ายๆพูดง่ายๆเด็กก็
00:20:25 → 00:20:28 เครียดเป็นพูๆเพราะเคสที่มาหาครูเนี่ย
00:20:28 → 00:20:34 เด็กสุดเนี่ย 3 ขวบหะ 3 ขวบยังเพิ่งกำลัง
00:20:34 → 00:20:37 จะเข้าอนุบาลเองนะครูติ๋วใช่ค่ะก็โชคดี
00:20:37 → 00:20:41 ว่าแม่เเห็นการเขาเครียดอะไรอ่ะใช่มั้
00:20:41 → 00:20:45 เด็กเล่นของเล่นกินก็มีคนหาให้กินแล้วใน
00:20:45 → 00:20:48 ความเป็นจริงที่ครูอยู่ในเส้นทางของการ
00:20:48 → 00:20:53 บำบัดและการเยียวยาทางจิตวิทยา
00:20:53 → 00:20:56 เนี่ยเหมือนที่เราคุยกันครั้งที่แล้วไง
00:20:56 → 00:20:57 ว่าเด็กอ่ะเรียนรู้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
00:20:58 → 00:21:01 ถูกมั้ยคะใช่ครับเรับอารมณ์ความรู้สึกทุก
00:21:01 → 00:21:04 อย่างแล้วเด็กที่เกิดมาเนี่ยที่บอกว่า
00:21:04 → 00:21:05 เด็กเครียด
00:21:05 → 00:21:10 เลยเค้าเกิดมาแล้วสภาพแวดล้อมสภาพแวดล้อม
00:21:10 → 00:21:12 เช่นยกตัวอย่างเช่นพ่อแม่ทะเลาะกันมากๆ
00:21:12 → 00:21:16 เนี่ยอผมเห็นภาพผู้ใหญ่หลายท่านได้ยินจะ
00:21:16 → 00:21:19 อาจจะเคยคิดว่าเด็กไม่รู้ครับเราเคยได้
00:21:19 → 00:21:22 ยินคำนี้ใช่มั้ยคะอ้อเด็กไม่ยังไม่รู้
00:21:22 → 00:21:24 ภาษาเด็กยังไม่รู้หรอกเด็กรับรู้หมดทุก
00:21:24 → 00:21:27 อย่างค่ะอืมเพียงแต่เขาจะสื่อสารออกมาได้
00:21:27 → 00:21:30 ตรงแบบผู้ใหญ่ไม่ใช่แต่เขาจะจะแสดงออกมา
00:21:31 → 00:21:33 ในลักษณะของความเป็นเด็กนั่นแหละแต่เขาก็
00:21:33 → 00:21:36 เครียดได้เขาเครียดได้ค่ะแล้วมันก็จะเกิด
00:21:36 → 00:21:39 อาการทางร่างกายเหมือนที่เราคุยกันเมื่อ
00:21:39 → 00:21:42 สักครู่ใช่ค่ะออเพราะเด็กก็มีความคิดนะคะ
00:21:42 → 00:21:45 ครับเด็กก็มีความรู้สึกอืเด็กก็มีอารมณ์
00:21:45 → 00:21:49 ค่ะถูกมั้ยคะอือแล้วเกิดอะไรครับที่ครู
00:21:49 → 00:21:51 จิ๋วไปเจอมาเด็ก 3 ขวบคนนั้นเขาเขาเป็น
00:21:51 → 00:21:54 อะไรเขาเครียดยังไงอย่างเคสที่พูดถึง
00:21:54 → 00:21:56 เนี่ยก็คือมีประเด็นในบ้านคือพ่อแม่
00:21:57 → 00:21:59 ทะเลาะกันเนี่ยแหละอื
00:21:59 → 00:22:02 อันนี้คือเราอาจจะเคยได้ยินกันบ่อยๆแหละ
00:22:02 → 00:22:06 ว่าอย่าไปทะเลาะกันให้ลูกได้ยินอครับอย่า
00:22:06 → 00:22:09 ทะเลาะกันให้ลูกเห็นอ่ามันมีผลตามนั้น
00:22:09 → 00:22:13 จริงๆค่ะเพราะเด็กอ่ะค่ะการการคิดไตร่ตอง
00:22:13 → 00:22:16 การให้ความหมายของเด็กอ่ะยังไม่เท่ากับ
00:22:16 → 00:22:20 ผู้ใหญ่ครับเรื่องเล็กๆที่ผู้ใหญ่มองว่า
00:22:20 → 00:22:23 ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรเนี่ยอือสำหรับเด็ก
00:22:23 → 00:22:29 อ่ะค่ะอือมีเคสนึงที่เอ่อครูครูไปทำงาน
00:22:29 → 00:22:32 ที่โรงเรียนแห่งนึงเนี่ยครับเด็กฆ่าตัว
00:22:32 → 00:22:33 ตาย
00:22:33 → 00:22:37 อืจนกระทั่งเขาเชิญครูไปอีกแล้วมีเด็กคน
00:22:38 → 00:22:41 นึงเดินเข้ามาหาเามีความคิดลักษณะเนี้ย
00:22:41 → 00:22:46 ค่ะมาตั้งแต่ประถมเลยค่ะอืที่ตื่นขึ้นมา
00:22:46 → 00:22:50 กลางดึกแล้วพ่อแม่ทะเลาะกันอ๋ออ่าๆพอพ่อ
00:22:50 → 00:22:54 แม่ทะเลาะกันครับคุณพ่อให้เลือกข้างจะ
00:22:54 → 00:22:57 อยู่ฝั่งอยู่กับพ่อหรืออยู่กับแม่อืสิ่ง
00:22:57 → 00:23:00 ที่ครูสื่อสารเมื่อสักคู่ค่ะตอนที่เรา
00:23:00 → 00:23:03 เป็นเด็กอ่ะจินตนาการดูนะสมมุติว่าเรา 3
00:23:03 → 00:23:08 ขวบครับเราถือเงาะสัก 5 กกเนี่ยเราถือไหว
00:23:08 → 00:23:12 มั้ยอไม่ไหวไม่ไหวแน่ๆเออถูกมั้ย
00:23:12 → 00:23:16 ฮะเหมือนกันค่ะกล้ามเนื้อทางความคิดจิตใจ
00:23:16 → 00:23:19 กล้ามเนื้อทางร่างกายเด็กรับไม่ไหวอื
00:23:19 → 00:23:22 เชื่อว่าคุณผู้ฟังกำลังเรียนรู้ไปกับพวก
00:23:22 → 00:23:26 เราอ่านะคะเออก็จริงนะคุณติ๋วคือบางสิ่ง
00:23:27 → 00:23:29 บางอย่างเขาถึงบอกว่าเด็กบางอย่างไม่
00:23:29 → 00:23:32 จำเป็นต้องอยากให้เขอเห็นในช่วงวัยนี้วัย
00:23:32 → 00:23:36 นั้นมันมีคือมันมีความจำกัดเฉพาะของของ
00:23:36 → 00:23:40 ช่วงวัยเหมือนกันในการรับรู้ในการที่จะ
00:23:40 → 00:23:43 เอ่อให้ความเข้าใจได้ใช่ถูกต้องค่ะอื
00:23:43 → 00:23:48 เพราะว่า 0-7 ปีเนี่ยครับมันเป็นช่วงที่
00:23:48 → 00:23:51 เขาเรียกภาษาทางจิตวิทยาเเรียก inint
00:23:51 → 00:23:53 ครับเขาเก็บหมดทุกอย่างเลยค่ะข้อมูลเขา
00:23:53 → 00:23:56 เก็บหมดทุกอย่างเลยนะำแม่นอะไรแม่นทำตาม
00:23:56 → 00:24:00 ได้ใช่เพราะเเว่างเยังมีพื้นที่ว่างครับ
00:24:00 → 00:24:04 ถ้าถ้าเป็นเมก็มีพื้นที่มากมายถูกมั้ยคะ
00:24:04 → 00:24:07 แล้วหลังจากนั้นเนี่ย 7-14 เขาเริ่ม
00:24:07 → 00:24:11 moding ค่ะอือคือเลียนแบบปปรับใช้เลียน
00:24:11 → 00:24:14 แบบอเป็นสร้างเป็นตัวตนของตัวเองละใช่ค่ะ
00:24:14 → 00:24:18 อ่าฮะถูกต้องพอ 14 - 21 เนี่ยเขาก็จะ
00:24:18 → 00:24:23 เริ่มมีโซเชียลมครับสังคมใช่ค่ะเริ่มมี
00:24:23 → 00:24:27 เพื่อนถูกต้องเริ่มมีตัวตนถูกต้องถูกต้อง
00:24:27 → 00:24:31 อืเนี่ยค่ะค่ะมันก็จะเป็นสเต็ปอือซึ่ง
00:24:31 → 00:24:34 อย่างกรณีที่ครูพูดถึงเด็กเมื่อสักครู่
00:24:34 → 00:24:39 อ่ะค่ะเคเก็บความเครียดเนี้ยอือมาตั้งแต่
00:24:39 → 00:24:43 ประถมอือจนกระทั่งมาเอฟเฟคถึงมัธยมพอครู
00:24:44 → 00:24:47 ทำกระบวนการแล้วก็ช่วยบำบัดเขเนี่ยเค
00:24:47 → 00:24:50 ขอบคุณตัวเองที่วันนั้นเขาไม่โดด
00:24:50 → 00:24:55 อ๋อแล้วตัวเเนี่ยมีลอยแผลเต็มไปหมดเทำ
00:24:55 → 00:24:57 ร้ายตัวเองโชว์ให้ดูโชว์ให้ดูใช่ค่ะคราว
00:24:57 → 00:25:00 นี้เนี่ยค่ะลองจินตนาการดูว่าถ้าเด็กสัก
00:25:00 → 00:25:04 คนนึงเนี่ยมีเรื่องอยู่ในหัวเนี่ยเาจะมี
00:25:04 → 00:25:07 สมาธิเรียนหนังสือมออก็แน่นอนมันขณะผู้
00:25:08 → 00:25:10 ใหญ่ยังไม่ผู้ใหญ่ยังไม่มีสมาธิทำอะไรเลย
00:25:10 → 00:25:13 เด็กก็จะคามดตามใช่มันมันก็จะเป็นการสะสม
00:25:13 → 00:25:17 อ่ะค่ะต้นโอ๊คมันก็เก็บๆๆๆๆไว้หมดเลยครับ
00:25:17 → 00:25:21 ครับเนี่ยค่ะอย่างอีกเคสนึงอ่ะป 2 ไม่น่า
00:25:21 → 00:25:23 จะมีความเครียดนะก็โอ้โหก็ขยับมาจาก
00:25:23 → 00:25:26 อนุบาลไม่ไม่กี่ระดับชั้นเองถูกมั้ยเออ
00:25:26 → 00:25:29 แต่เคเครียดจนกระทั่ง
00:25:29 → 00:25:33 เอ่อไม่สามารถไปโรงเรียนได้เพราะมันมัน
00:25:33 → 00:25:36 ตามที่เราคุยกันว่า Circle อ่ะอือๆครับ
00:25:36 → 00:25:38 สุดท้ายมันมาแสดงออกทางร่างกายร่างกาย
00:25:38 → 00:25:41 ป่วยแม่พาไปหาหมอถูกมั้ยแต่จริงๆอ่ะมัน
00:25:41 → 00:25:45 ไม่ได้เป็นทางกายภาพอย่างเดียวจิตเราความ
00:25:45 → 00:25:49 คิดเราอารมณ์เราอ่ะมันส่งผลให้มีพฤติกรรม
00:25:49 → 00:25:52 ที่มาแสดงออกทางร่างกายร่างกายของเราอ่ะ
00:25:52 → 00:25:56 ค่ะสามารถเจ็บป่วยได้แบบมีเหตุผลด้วยครับ
00:25:56 → 00:26:00 อหมายความว่าเอ่อเด็กคนนั้นน่ะมีอาการ
00:26:00 → 00:26:03 ป่วยป่วยให้เห็นเ่อร่างกายมีอาการอ่อนแอ
00:26:03 → 00:26:06 ให้เห็นผู้ปกครองพาไปหาหมอแต่ว่าต้นตอน
00:26:06 → 00:26:09 จริงๆมันไม่ใช่เป็นหวัดนะใช่ค่ะมันไม่ใช่
00:26:09 → 00:26:14 หกล้มมันไม่ใช่เอ่อหัวไปฟาดอะไรนะแต่ต้น
00:26:14 → 00:26:16 สายปายเหตุก็คือความเครียดความเครียดจาก
00:26:16 → 00:26:19 อะไรไม่รู้แหละที่เขาอาจจะเจอในในชีวิต
00:26:19 → 00:26:21 ของเขามาถูกต้องในชีวิตของเขาอย่างเคส
00:26:21 → 00:26:24 เนี้ยทะเลาะทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน
00:26:24 → 00:26:29 หนักมากอือ่าๆๆๆๆหนักมากจนไม่อยากไปโรง
00:26:29 → 00:26:33 เรียนอืไม่อยากขึ้นป 3 ครับเพราะไม่อยาก
00:26:33 → 00:26:36 ไม่อยากจะอยู่เจอกับเพื่อนนี้แล้วอ่าๆๆเห
00:26:36 → 00:26:38 ซึ่งอย่างที่เราเกริ่นกันเมื่อสักครู่อ่ะ
00:26:38 → 00:26:43 ค่ะว่าปัญหาของเด็กเนี่ยค่ะครับเขาก็มีใน
00:26:43 → 00:26:46 รูปแบบของเขาฮะ
00:26:46 → 00:26:51 อ่าอืมก็จริงนะก็เรื่องแบบนี้คือมันกลาย
00:26:51 → 00:26:55 เป็นว่าปัจจุบันเ่ะต้องบอกว่าเปิดกว้างใน
00:26:55 → 00:26:59 เรื่องจิตวิทยาในเรื่องของอการบำบัตจิตที
00:26:59 → 00:27:01 นี้แหละเดี๋ยวช่วงหน้าเดี๋ยวเรามาคุยกัน
00:27:01 → 00:27:05 แล้วว่าใครที่เครียดแล้ว cbt จะเข้าไปมี
00:27:05 → 00:27:08 บทบาทยังไงจะเข้าไปเอ่อทำอะไรได้บ้างแล้ว
00:27:08 → 00:27:11 มันจะช่วยบำบัดจิตใจให้ร่างกายดีขึ้น
00:27:11 → 00:27:13 สุขภาพจิตดีขึ้นได้อย่างไรนะครับเดี๋ยว
00:27:13 → 00:27:17 ช่วงนี้เราพักกันสักครู่ก่อนนะครับเอ่อ
00:27:17 → 00:27:19 เมื่อกี้เมื่อช่วงที่ผ่านมาพี่พี่ขวัญ
00:27:19 → 00:27:21 เอ่อเราคุยกันถึงในเรื่องของเคสตัวอย่าง
00:27:21 → 00:27:24 ที่เกิดขึ้นจากเรื่องของความเครียดความ
00:27:24 → 00:27:27 ความเครียดที่มาจากทั้งมาจากความคิดก่อน
00:27:27 → 00:27:30 เริ่มจากความคิดนะครูติ๋วนะค่ะความเครียด
00:27:30 → 00:27:33 มาจากความคิดมาสู่เรื่องของส่งผลมาถึง
00:27:33 → 00:27:36 อารมณ์อารมณ์แล้วก็กลายมาเป็นพฤติกรรมบาง
00:27:36 → 00:27:38 อย่างที่แปลผลออกมาไม่ว่าจะเครียดมาก
00:27:38 → 00:27:41 เครียดน้อยก็แปลเป็นพฤติกรรมและสุดท้าย
00:27:41 → 00:27:43 ออกมาทางร่างกายใช่ค่ะอ่ะมีเคสบางอย่าง
00:27:43 → 00:27:45 ที่เป็นตัวอย่างให้คุณผู้ฟังได้เห็นภาพ
00:27:45 → 00:27:50 ตามแล้วล่ะอ่ะหลังจากนั้นเรามาหาต้นหาทาง
00:27:50 → 00:27:53 ออกกันดีกว่าคุณิวเอ่อเรามาหาทางออก
00:27:53 → 00:27:55 เกี่ยวกับความเครียดกันดีกว่าว่าก็มาดู
00:27:55 → 00:27:58 ใช่มั้ยว่า cbt มาหาทางออกเรื่องนี้ได้
00:27:58 → 00:28:02 ยังไงใช่เออมันมันจะไปได้ยังไงเราจะแก้
00:28:02 → 00:28:05 แก้ความเครียดขจัดความเครียดให้สุขภาพจิต
00:28:05 → 00:28:07 สุขภาพร่างกายดีขึ้นด้วย cbt ได้ยังไงคุณ
00:28:07 → 00:28:08 จิว
00:28:08 → 00:28:14 ครับมันมีเทคนิคที่มาช่วยครับจำได้มั้ยคะ
00:28:14 → 00:28:16 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนี่ยเรามีเทคนิคตอน
00:28:16 → 00:28:20 ที่เราเรียนกันเรื่อง mbct เทคนิค Stop
00:28:21 → 00:28:24 ครับขัญจำ Stop ได้มั้ยอือ่าจำได้ค่ะเนาะ
00:28:24 → 00:28:29 เราต้องหยุดแล้วก็หายใจ
00:28:29 → 00:28:32 แล้วก็ observer เป็นผู้สังเกตแล้วก็
00:28:32 → 00:28:36 ปล่อยให้มันดำเนินการต่อไปซเนาะนี่คือ
00:28:36 → 00:28:42 เทคนิค Stop อือฮึคราวนี้พอมาพูดถึง cbt
00:28:42 → 00:28:46 cognitive behavioral therapy หรือการ
00:28:46 → 00:28:50 ใช้ความคิดและพฤติกรรมบำบัดอือฮึมันก็จะ
00:28:50 → 00:28:54 ต้องทำอย่างไรให้ความคิดของเราอ่ะค่ะ
00:28:54 → 00:28:59 พัฒนาไปได้ครับถูกมยอ่ะลองดูสิในในรูปแบบ
00:28:59 → 00:29:01 ของ cbt อ่ะมันมีความคิดหลายรูปแบบหลาย
00:29:02 → 00:29:06 แบบมากเลย 10 กว่าแบบอ่ะลองยกตัวอย่างให้
00:29:06 → 00:29:08 ทุนผู้ฟังความคิดเอาอันแรกเลยแล้วกันนะ
00:29:08 → 00:29:12 ค่ะความคิดสุดขั้วอือืมความคิดสุดขั้วนี่
00:29:12 → 00:29:18 ก็หมายถึงว่าเอ่อถ้าเราไม่ชอบใครเราก็จะ
00:29:18 → 00:29:22 ไม่สุงสิงกับคนนั้นเลยตัดขาดเยื่อใยกันไป
00:29:22 → 00:29:25 เลยอืสุดขัมั้ยอย่างงี้สุดขั้วมั้ดขสุด
00:29:25 → 00:29:28 ขั้วนะอเนาะอ่าหรือแม้กระทั่งการที่ที่
00:29:28 → 00:29:34 เราคิดเกินจริงคิดเกินจริงคิดเกินจริงคือ
00:29:34 → 00:29:38 เหมือนกับว่าอันเนี้ยเราอยากได้อันเนี้ย
00:29:38 → 00:29:42 แต่แต่ด้วยด้วยบางอย่างมันทำให้เราเอื้อม
00:29:42 → 00:29:45 ไปตรงจุดนั้นไม่ถึงอ่ะหรือถ้าฉันไม่ได้
00:29:45 → 00:29:49 สิ่งนี้ฉันตายแน่ๆเลยเออคิดเกินจริงเกิน
00:29:49 → 00:29:51 มั้ยเกเกินไปเพราะว่ามันไม่มีก็ก็ไม่ไม่
00:29:51 → 00:29:55 ไม่ถึงกับต้องตายใช่มยถ้าไม่ได้ลดคันใหม่
00:29:56 → 00:29:58 ก็ก็ก็อยู่ได้เหมือนกันก็ยังอยู่ได้ได้
00:29:58 → 00:30:01 ใช้ชีวิตปกติได้ถูกมเอออ่าหรือถ้าเราเคย
00:30:01 → 00:30:06 ชินตอนเด็กๆถ้าไม่ได้ลูกฟุตบอลลูกใหม่เออ
00:30:06 → 00:30:09 ชีวิตฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้วก็อ่ามันมัน
00:30:09 → 00:30:11 เกินจริงไปหน่อยถูกมั้ยมันเกินจริงไปอ่า
00:30:11 → 00:30:14 นี่ก็คือความคิดหรือแม้กระทั่งคิดถ่อมตน
00:30:14 → 00:30:17 มากๆอืมคิดถ่อมตนก็เหมือนทำให้ตัวเองดู
00:30:18 → 00:30:22 แบบดูถูกความสามารถตัวเองอ่ะใช่ชั้ทำไม่
00:30:22 → 00:30:24 ได้ฉันไม่ไหวหรอกทั้งที่ที่จริงยังไม่ได้
00:30:24 → 00:30:28 ลองเลยหรือว่ายังประเมินตัวเองต่ำเอใช่
00:30:28 → 00:30:31 ครับไม่ได้คิดตามความเป็นจริงไงก็จะคิด
00:30:31 → 00:30:35 ถ่อมตนมากๆอครับคิดโดยใช้ความรู้สึกหรือ
00:30:35 → 00:30:40 ว่าคิดตีตาในแง่ลบใช้ความรู้สึกอืชอบไม่
00:30:40 → 00:30:46 ชอบใช้ความรู้สึกตัดสินเลยเอออ่านั่นล่ะ
00:30:46 → 00:30:48 เราจะช่วยกันยกตัวอย่างความคิดในหลายๆรูป
00:30:48 → 00:30:51 แบบเนาะให้คุณผู้ฟังเนี่ยได้จินตนาการ
00:30:51 → 00:30:53 แล้วก็ได้คิดตามไปกับเราว่าเฮ้ยไอ้ความ
00:30:53 → 00:30:58 คิดเนี่ยมันมีอะไรบ้างเนาะอเช่น
00:30:58 → 00:31:01 คิดขยายให้มันใหญ่หรือเล็กเกินจริง
00:31:01 → 00:31:06 อันเนี้ยผมว่าสังคมปัจจุบันเห็นภาพบ่อยนะ
00:31:06 → 00:31:09 ค่ะคือทั้งเอ่อด้วยโซเชียลมีเดียที่มัน
00:31:09 → 00:31:13 เยอะขึ้นเราเห็นจากภาพบางส่วนอเห็นจากข้อ
00:31:13 → 00:31:16 ความบางอย่างโดยเฉพาะข้อความนะคุณติ๋วนะ
00:31:16 → 00:31:19 เราได้เห็นข้อความเ้ยพิมพ์มาฉันไม่ชอบเธอ
00:31:19 → 00:31:21 ทั้งจริงๆแล้วมันอาจจะเขาอาจจะล้อเล่นกัน
00:31:21 → 00:31:24 อยู่ใช่ๆเอ้ยไม่ชอบจริงรเปเอาไปขยายความ
00:31:24 → 00:31:26 ให้มันใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นไม่ชอบเพราอะไร
00:31:26 → 00:31:30 ทะเลาะบานปลายกันไปใช่ค่ะใช่ค่ะหรือแม้
00:31:30 → 00:31:34 กระทั่งการคิดที่คิดเลือกเฉพาะสิ่งที่
00:31:34 → 00:31:41 เชื่ออืครับเอออือค่ะค่ะเนาขวัญคือว่าค่ะ
00:31:41 → 00:31:44 ถ้าฉันสมมุติว่าถ้าเป็นนักเรียนเนาะครับ
00:31:45 → 00:31:50 ฉันได้ 3.9 เนี่ยโอ้โหฉันถือว่าแย่มาก
00:31:51 → 00:31:53 เพราะความเชื่อของฉันเนี่ยมันจะต้องเป็น
00:31:53 → 00:31:56 แบบนี้เท่านั้นเอออันเนี้ยอันนี้เคยได้
00:31:56 → 00:32:02 ยินจริงๆนะเออๆๆยุคสมัยใหม่อืได้ยินกัน
00:32:02 → 00:32:05 เยอะขึ้นซึ่งเราเราย้อนกลับไปนะพี่ขวัญนะ
00:32:05 → 00:32:07 อือย้อนกลับไปสมัยผมเรียนอ่ะเอ่อผมผ่าน
00:32:07 → 00:32:11 เกณฑ์ 2.5 ผมก็ดีใจมาก
00:32:11 → 00:32:16 ะออคนอื่นแข่งแ 3 กว่าออโชคดีเพื่อนไม่
00:32:16 → 00:32:21 เป็นไรเราพอใจของเราเนี่ก็คือรูปแบบความ
00:32:21 → 00:32:23 คิดของเราซึ่งมันอาจจะทำให้เราเนี่ยอยู่
00:32:23 → 00:32:26 ในสภาวะที่สมดุลที่เราอ่ะรู้สึกปกติถูก
00:32:26 → 00:32:29 มั้ยมันจะมีความคิดอีกอย่างนึงนะคะคุณผู้
00:32:29 → 00:32:32 ฟังที่เป็นความคิดที่คนเป็นกันเยอะคือคิด
00:32:32 → 00:32:35 แบบเหมารวมค่ะเหมารวมอเอออันนี้อันนี้คือ
00:32:35 → 00:32:38 ยังลักษณะแบบไหนครับกูติ๋วอ่ามันจะเป็น
00:32:38 → 00:32:41 ยังไงได้บ้างเหมารวมคือแบบ
00:32:41 → 00:32:45 ว่าฉันเนี่ยอาจจะเรียก
00:32:45 → 00:32:49 ว่าอเหมาสมมุติว่าคนเนี้ย
00:32:49 → 00:32:52 เคยเคยทำไม่ดี 1 ครั้งเนี่ยก็จะเหมาไปเลย
00:32:52 → 00:32:58 อ่าโอเคหรือว่าถ้าคนหน้าตาแบบนี้นะอืๆมัน
00:32:58 → 00:33:00 ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆเลยเหมาไปก่อนไอ้นี่
00:33:00 → 00:33:04 เคยขโมยแล้วเคยขโมยแล้วเหมได้ของหายต่อไป
00:33:04 → 00:33:08 ต้องเป็นคนเแหละอ่าเมื่อกี้ขวัญขวัญจะว่า
00:33:08 → 00:33:12 ยังไงนะกำลังจะบอกว่าคนที่ออคนนี้เฟรนลี่
00:33:12 → 00:33:15 เยอะๆอคนนี้ต้องเจ้าเจ้าชู้แน่ๆเลยหมาย
00:33:15 → 00:33:18 ถึงหมายถึงใครไม่ใช่ผมใช่มั้ยพูดรอบรวม
00:33:18 → 00:33:21 พูดพอบรใครต้องเดือดร้อนอึเออนึกว่าหมาย
00:33:21 → 00:33:25 ถึงผมจะเถียงซะหน่อยอืนี่แหละค่ะคือรูป
00:33:26 → 00:33:28 แบบความคิดและแลสุดท้ายไออีกตัวอย่างนะ
00:33:28 → 00:33:35 คือครับคิดสรุปเหตุการณ์เข้าหาตัวเองออ
00:33:35 → 00:33:38 คิดสรุปเหตุการณ์เข้าหาตัวเองก็คือเหมือน
00:33:38 → 00:33:40 กับว่าเอาตัวเองเนี่ยเป็นเป็นเป็นจุด
00:33:40 → 00:33:43 ศูนย์กลางอืเอ่อทุกอย่างทุกสิ่งทุกอย่าง
00:33:43 → 00:33:48 ฉันไม่ผิดค่ะเออคนอื่นผิดอืแนวๆนี้แนวๆ
00:33:48 → 00:33:50 นี้ก็ได้แนวนนี้ก็ได้แนวนี้ก็ได้แต่อีก
00:33:50 → 00:33:53 แนวนึงคือโทษตัวเองทุกอย่างตัวเองคือจุด
00:33:53 → 00:33:55 ดอดของเรื่องจุดตัวเองถ้าไม่มีตัวเองแล้ว
00:33:55 → 00:33:59 มันจะดีกว่านี้อือเสิ่งที่ไม่ดีของเรื่อง
00:33:59 → 00:34:01 นี้แล้วก็โทษแล้วก็กดผิดเองอะไรประมาณเ
00:34:01 → 00:34:04 เหรอฉันผิดเองอะไรประมาณนี้หรือว่าเป็น
00:34:04 → 00:34:07 เพราะฉันเป็นเพราะฉันเถึงอย่างงี้อย่าง
00:34:07 → 00:34:11 งี้อ่าเอาเป็นเพราะฉันมันจนนิเถึงไม่สนใจ
00:34:11 → 00:34:15 ฉันอะไรงเงี้ยอื่าครับเนี่ยค่ะมันเป็น
00:34:15 → 00:34:21 ความคิดซึ่งถ้าความคิดที่มันไม่บวกอ่ะค่ะ
00:34:21 → 00:34:25 ครับค่ะถูกมยเนี่ยรูปแบบความคิดต่างๆที่
00:34:25 → 00:34:30 เราคุยกันถูกมั้ยคะครับความคิดมันก็จะส่ง
00:34:30 → 00:34:32 ผลไปที่อารมณ์ไงอื
00:34:32 → 00:34:36 ค่ะเหมือนที่เราคุยกันเลยมันง่ายมากพอมี
00:34:36 → 00:34:39 อารมณ์แบบนี้พฤติกรรมมันก็ตามอารมณ์อื
00:34:39 → 00:34:44 ครับแล้วร่างกายมันก็ตามพฤติกรรมอตัว cbt
00:34:44 → 00:34:47 มันจะช่วยเรื่องนี้ยังไงบ้างคะูิวค่ะอื
00:34:47 → 00:34:51 ชื่อตรงๆของเขาอ่ะเขาก็บอกอยู่ว่าบำบัด
00:34:51 → 00:34:53 ความคิดและพฤติกรรมครับเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:34:53 → 00:34:56 ทำอย่างไรเราจะเปลี่ยนความคิดเราได้
00:34:56 → 00:35:00 ล่ะอ่าทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนความคิดเรา
00:35:00 → 00:35:04 ได้โอ๊ยนี้ยากนะต้องรู้เท่าทันตัวเองเออ
00:35:04 → 00:35:06 ถ้าคนแบบไม่ยอมรับความจริงไม่ยอมรับตัว
00:35:06 → 00:35:10 เองก็ก็หาหนทางที่จะเจอทางออกที่ยากแต่
00:35:10 → 00:35:14 ถ้าเราเข้าไปพูดคุยหรือว่าหาทางออกที่ตัว
00:35:14 → 00:35:16 เองอยากจะปรับเปลี่ยนะเอ่อต้องต้องเริ่ม
00:35:16 → 00:35:18 จากตัวเองะเริ่มเปลี่ยนความคิดตัวเองก่อน
00:35:18 → 00:35:22 อย่างแรกใช่ค่ะใช่ค่ะใช่ค่ะถูก
00:35:22 → 00:35:26 ต้องวันเนี้ยครูจะนำเทคนิคของ cbt มาฝาก
00:35:26 → 00:35:30 ครับดีมยค่ะได้เลยฮะอ่าเชื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:35:30 → 00:35:32 ที่ฟังเราอยู่เนี่ยต้องอยากรู้แน่ๆเลยว่า
00:35:32 → 00:35:36 จะสามารถนำเทคนิคของ cbt ไปใช้ได้อย่างไร
00:35:36 → 00:35:39 ในชีวิตประจำวันเลยซึ่งมันง่ายมากค่ะคุณ
00:35:39 → 00:35:44 ผู้ฟังอ cbt เนี่ยเป็นศาสตร์การบำบัติที่
00:35:44 → 00:35:47 เน้นในการตั้งคำถามด้วยเหมือนกันว่าอือคำ
00:35:47 → 00:35:50 ถามเนี่ยจะสามารถช่วยเปลี่ยนความคิดได้
00:35:50 → 00:35:52 ครับถูกมยอือเมื่อสักครู่ที่เราเรียนรู้
00:35:52 → 00:35:56 กันว่าพอเกิดเหตุการณ์เหตุการณ์นึงขึ้นมา
00:35:56 → 00:36:01 ครับมันจะจะมีการคิดการตีความครับการให้
00:36:01 → 00:36:03 ความหมายของเหตุการณ์นั้นๆเหมือนเมื่อสัก
00:36:03 → 00:36:07 ครู่อเดินเล่นอยู่ดีๆครับผิวปากด้วย
00:36:07 → 00:36:13 อารมณ์อันสุนทรีลูกฟุตบอลก็ปั้งเข้ามาอ่า
00:36:13 → 00:36:17 ถูกมยแต่ด้วยความที่เราอาจจะเคยเทรนความ
00:36:17 → 00:36:20 คิดเรามาดีแล้วจนมันเป็นกล้ามเนื้อที่
00:36:20 → 00:36:23 แข็งแรงของเราอ่ะครับ automatic thought
00:36:23 → 00:36:26 หรือความคิดอัตโนมัติของเรามันก็เลยคิดใน
00:36:26 → 00:36:30 เรื่องดีๆได้อืถูกมั้ยคะอืเอ่าพอเราคิดดี
00:36:30 → 00:36:33 อารมณ์เราก็ดีครับค่ะคราวเนี้ยเราจะมี
00:36:33 → 00:36:38 เทคนิคอะไรที่จะสามารถเทนความคิดเราได้อื
00:36:38 → 00:36:43 มันคือการท้าทายความคิดค่ะครับสมมุติว่า
00:36:43 → 00:36:46 มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาสักเรื่องนึงเนี่ย
00:36:46 → 00:36:50 อือฮึเราอาจจะมีเทคนิคในการตั้งคำถามครับ
00:36:50 → 00:36:53 เพื่ออะไรเพื่อให้ความคิดของเราอ่ะมัน
00:36:53 → 00:36:54 เกิดการพัฒนา
00:36:54 → 00:36:57 ขึ้นสมมุติว่ามีเหตุการณ์เหตการณ์นึง
00:36:57 → 00:37:03 เนี่ยเราอาจจะถามตัวเองหรือถามคนที่
00:37:03 → 00:37:04 ต้องการ
00:37:04 → 00:37:09 การดูแลนะคะว่ามีหลักฐานสนับสนุนความคิด
00:37:09 → 00:37:13 นี้หรือไม่อือค่ะอ่าสมมุติว่าคุณกำลังคิด
00:37:13 → 00:37:17 อะไรแล้วมันทำให้คุณมีความทุกข์อ่ะอืม
00:37:17 → 00:37:21 ครับถูกมยเพราะทันทีที่เรามีความทุกข์กาย
00:37:21 → 00:37:25 ทุกข์ใจนะคะคุณผู้ฟังค่ะถ้าย้อนกลับไปอ่ะ
00:37:25 → 00:37:30 ค่ะความคิดนั้นน่ะไม่บวกแน่นอนค่ะอใช่ๆ
00:37:30 → 00:37:32 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเชิงลบซะมากกว่าถูกมั้ย
00:37:32 → 00:37:36 คะอ่าใช่อ่าอ่ะลองจินตนาการมาสัก 1 เหตุ
00:37:36 → 00:37:39 การณ์สมมุติว่าเอาเรื่องเดิมก็ได้เรื่อง
00:37:39 → 00:37:43 ฟุตบอลอ่าข้ามข้ามสนามโดนฟุตบอลอ่ะอ่า
00:37:43 → 00:37:46 แล้วสมมุติว่าเราคิดอุ้ยใครมันแกล้งเรา
00:37:47 → 00:37:49 เ่าวะใช่อ่าคแวบแรกต้องมาอย่างงั้นแหะถูก
00:37:49 → 00:37:53 มั้ยเออใครเป็นคนเตะใครเป็นคนทำมา
00:37:53 → 00:37:59 อืครูก็อาจจะถามว่ามีมีหลักฐานสนับสนุน
00:37:59 → 00:38:02 ความคิดนี้มคะที่คุณคิดว่ามีใครเป็นคนทำ
00:38:02 → 00:38:08 ใครแกล้งใครแกลไม่น่าจะอ้อไผมเดินผ่าน
00:38:08 → 00:38:10 กลุ่มนั้นพอดีเราเคยมีเรื่องกันมาก่อน
00:38:10 → 00:38:12 เอ้ยเป็นไปได้ม
00:38:12 → 00:38:16 กูก็เป็นไปได้ก็เป็นไปได้มันมีมันมีหลัก
00:38:16 → 00:38:19 ฐานที่มาสนับสนุนความคิดอหรืออีกมุมนึงก็
00:38:19 → 00:38:22 คือเอ้ยก็ก็ก็ไม่มีใครนี่ก็เป็นก็เขาก็
00:38:22 → 00:38:24 เล่นกีฬากันทั้งหมดนี่ก็ไม่เห็นมีใครเลย
00:38:24 → 00:38:26 นี่ใช่ค่ะถ้าถามว่าหลักฐานตรงนั้นน่ะมี
00:38:26 → 00:38:31 มั้ยล่ะหักอือเออก็ไม่มีนะก็เก็อสมมุติ
00:38:31 → 00:38:34 ว่าเราอ่ะคิดไปแล้วความคิดเดิมของเราอ่ะ
00:38:34 → 00:38:36 ค่ะความคิดที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาความ
00:38:37 → 00:38:40 คิดที่ยังไม่ได้ผ่านการเอ่อเยียวยาจาก cbt
00:38:40 → 00:38:44 ถูกมั้ยคะอาจจะเป็นความคิดเดิมของเราว่า
00:38:44 → 00:38:47 ใครมันตั้งใจแกล้งเราหรือเปล่าอืครับถูก
00:38:47 → 00:38:52 มั้ยคะแต่ความคิดที่มันท้าทายความคิดที่
00:38:52 → 00:38:56 มันสร้างสรรค์ความคิดที่จะมาพัฒนาความคิด
00:38:56 → 00:38:58 และพฤติกรรมของเราอ่ะค่ะครับเราก็อาจะถาม
00:38:58 → 00:39:02 ตัวเองมันมีหลักฐานอะไรที่สนับสนุนความ
00:39:02 → 00:39:04 คิดนี้มั้ยที่ว่ามีใครมาแกล้งอๆๆอาจจะมอง
00:39:04 → 00:39:07 ไปรอบๆแล้วก็ไม่เจอใครที่บ่งบอกว่าเอ้ย
00:39:07 → 00:39:10 เขาจะแกล้งแล้วแถมเผลอๆคนที่เตะมาอาจจะ
00:39:10 → 00:39:14 วิ่งรีบวิ่งมาขอโทษเราด้วยซ้ำไปถูกมั้ย
00:39:14 → 00:39:19 ออครับอ่าอืยอดเยี่ยมมากค่ะอ่ะกระบวนการ
00:39:19 → 00:39:21 นี้ไปะอ่าอ
00:39:22 → 00:39:27 หรืออาจจะมีการตั้งคำถามคิดว่ามันสามารถ
00:39:28 → 00:39:32 ตีความเค้าเรียกว่ามีการตีความเป็นอย่าง
00:39:32 → 00:39:35 อื่นได้มั้ยครับที่ตีความว่ามีใครแกล้ง
00:39:35 → 00:39:40 เราหรือเปล่าอืมตีความเป็นอย่างอื่นตี
00:39:40 → 00:39:41 ความเป็นอย่างอื่นให้ความหมายเป็นอย่าง
00:39:41 → 00:39:44 อื่นอ่ะสมมุติว่าเมื่อสักครู่เนี่ยเราคิด
00:39:44 → 00:39:48 ไปแล้วว่าใครแกล้งเราวะอ้าค่ะตีความใหม่
00:39:48 → 00:39:51 ใช่มตีความใหม่ตีความใหม่
00:39:51 → 00:39:55 เอ่อตีความใหม่ก็ได้ทางอุบัอุบัติเหตุเลย
00:39:55 → 00:39:59 ไม่มีใครตั้งใจหรอกเออเออได้แคแคไม่มีใคร
00:39:59 → 00:40:01 ตั้งใจหรอกเพราะเราเดินผ่านสนามบอลเองอ่ะ
00:40:01 → 00:40:03 ถ้าเราไปเดินผ่านสนามบอลเราก็ต้องมีความ
00:40:03 → 00:40:05 เสี่ยงแล้วว่ามันต้องมีลูกบอลเข้ามาจนได้
00:40:05 → 00:40:08 อ่ะพี่ขวัญว่าไงพี่ขวัญอนี้ก็เห็นด้วยกับ
00:40:08 → 00:40:11 โอ๊คนะคะคุเพราะว่าเราเข้าไปในที่เสี่ยง
00:40:11 → 00:40:13 แล้วก็เราต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิด
00:40:13 → 00:40:18 ขึ้นเพราะว่าเอคือสนามฟุตบอลน่ะเด็กมัน
00:40:18 → 00:40:21 กว้างมากแล้วเราเดินก็เดินริมสนามฟุตบอล
00:40:21 → 00:40:23 อยู่แล้วตาเขาอาจจะไม่ได้โฟกัสขนาดนั้น
00:40:23 → 00:40:26 ซึ่งฝีมือเนี่ยไม่ต้องระดับแคเข้มแน่นอน
00:40:26 → 00:40:30 อ่ะคือมันคือความพลาดจริงๆในมุมมองหนะคะ
00:40:30 → 00:40:34 เออถูกมยอ่าเนี่ยค่ะเห็นมั้ยรู้สึกมยว่า
00:40:34 → 00:40:37 พอเราเปลี่ยนความคิดอ่ะค่ะคุณผู้ฟังอื
00:40:37 → 00:40:41 เห็นมั้ถ้าสังเกตนะความรู้สึกเราจะ
00:40:41 → 00:40:43 เปลี่ยนอารมณ์เราจะเปลี่ยนมยอืเปี่ยพอเรา
00:40:43 → 00:40:46 เปลี่ยนความคิดเ่ะเออเปลี่ยนตอนที่เราคิด
00:40:46 → 00:40:49 ว่าเฮ้ยใครมันแกล้งเราหรือเปล่าวะ
00:40:49 → 00:40:53 อืถ้าถ้าสังเกตทันเเห็นมั้ยพอเรามีความ
00:40:53 → 00:40:57 คิดเชิงลบหรือความคิดที่ไม่บวกความความ
00:40:57 → 00:41:00 คิดที่ไม่สร้างสรรค์เนี่ยอารมณ์มันก็จะ
00:41:00 → 00:41:04 ถ้าถ้าจินตนาการถึงสีอ่ะครับคิดว่าถ้าเรา
00:41:04 → 00:41:08 คิดไม่บวกเนี่ยอืออารมณ์เราเป็นสีอะไรถ้า
00:41:08 → 00:41:11 คิดไม่บวกอารมณ์เสีเทาสีดำๆประมาณนั้นเออ
00:41:11 → 00:41:15 ใช่ใช่ถูกมั้ยคะแล้วถ้าเราคิดดีๆขึ้นมา
00:41:15 → 00:41:20 เนี่ยก็จะสสงสีขาวสีทองเรืองรองสง
00:41:20 → 00:41:25 สงเลยบิงเหมือนหนังออกมาบิงอือ่าเห็นมั้
00:41:25 → 00:41:27 ได้ 2 เทคนิคแล้วนะอ่าฮะ
00:41:27 → 00:41:30 ใช้ได้กับทุกเรื่องค่ะคุณผู้ฟังอืไม่ว่า
00:41:30 → 00:41:32 จะเป็น
00:41:32 → 00:41:37 เอ่อมีใครมานัดเราแล้วเค้าไม่มาตามนัดอือ
00:41:37 → 00:41:41 ถูกมั้ยอือหรือแม้กระทั่งมีคนขับรถปาด
00:41:41 → 00:41:46 หน้าเราครับหรือเจ้านายที่บอกว่าจะให้
00:41:46 → 00:41:50 ตำแหน่งเราแล้วครับเกิดการเปลี่ยนแปลงอือ
00:41:50 → 00:41:57 ฮึคนรักของเราอาจจะมาบอกเลิกเราอือฮึ
00:41:57 → 00:42:02 ถูกมั้ยคะะครับเหล่าเนี้ยเราสามารถมีคำ
00:42:02 → 00:42:05 ถามที่ท้าทายความคิดที่สร้างสรรค์ซึ่ง
00:42:05 → 00:42:09 เป็นอเทคนิคการตั้งคำถามในรูปแบบของ cbt
00:42:09 → 00:42:12 การบำบัดความคิดและพฤติกรรม
00:42:12 → 00:42:16 และแถมมีแถมมีแถมอีกสักอย่างหนึ่งว่าคำ
00:42:16 → 00:42:19 ถามที่ท้าทายความคิด
00:42:19 → 00:42:23 เช่นถ้าเป็นเพื่อนสนิทของฉันเนี่ยแล้วมี
00:42:23 → 00:42:26 ความคิดแบบเนี้ยเราจะบอกเพื่อนว่ายังไง
00:42:26 → 00:42:29 เราจะไม่เราจะไม่เค้าเรียกว่าเอาเข้ามาหา
00:42:29 → 00:42:32 ตัวเองแต่เราจะจินตนาการให้ออกไปไกลกว่า
00:42:32 → 00:42:35 เดิมนิดนึงเป็นบทบาทสมมุติอย่างเงี้ยอื
00:42:35 → 00:42:40 อ่ะงั้นสมมุติว่าพี่พี่โอ๊คนะคะโดนลูก
00:42:40 → 00:42:43 ฟุตบอลอืพี่
00:42:43 → 00:42:47 ขวัญจะถามพี่โอ๊คยังไงดีหรือจะบอกเคยังไง
00:42:47 → 00:42:50 ดีพี่ขวัญจะบอกพี่โอ๊คยังไงดี
00:42:50 → 00:42:57 คะโดนลูกฟุตบอลเตะมาโดนหน้าเนี่ย
00:42:57 → 00:43:02 อ่ะอ่ะพี่ขวัญอาจจะยากไปละงั้นพี่ขวัญอาจ
00:43:02 → 00:43:05 จะเดินทางงั้นพี่โอ๊คพี่โอ๊คลองซิว่าพี่
00:43:05 → 00:43:08 โอ๊คอ่ะจะบอกบอกเพื่อนยังไงสมมุติว่า
00:43:08 → 00:43:12 เพื่อนเพื่อนพี่โอ๊คอ่ะโดนลูกฟุตบอลเตะ
00:43:12 → 00:43:15 อัดหน้าเนี่ยผมจะบอกเพื่อนยังไงถ้าเอา
00:43:15 → 00:43:18 ความจริงหรือว่าเอาความไม่จริงเอาความ
00:43:18 → 00:43:20 สร้างสรรค์เอาความสร้าง
00:43:20 → 00:43:23 สรรค์ความสร้างสรรค์อ่าถ้าบอกบอกเพื่อน
00:43:23 → 00:43:26 ยังไงเ่าก็อาจจะบอกเฮ้ยเป็นเป็นอะไรมาก
00:43:26 → 00:43:29 มั้ยอเป็นอะไรมากมั้ยเอ่อเจ็บตรงไหนหรรือ
00:43:29 → 00:43:32 เปล่าเออเดี๋ยวๆๆโอเคเดี๋ยวเราหลบหลบจาก
00:43:32 → 00:43:34 ตรงนี้ก่อนออกมาจากตรงนี้ก่อนแล้วเดี๋ยว
00:43:34 → 00:43:37 ไปนั่งพักก่อนะกันอือน่าจะเป็นทางนี้ก่อน
00:43:37 → 00:43:42 ลำดับแรกอืเป็นแนวนี้มั้ยูติ๋วได้ค่ะซึ่ง
00:43:42 → 00:43:46 มันดีมากนะคะมันเป็นโอ้ยเนี่ยต้องชื่นชม
00:43:46 → 00:43:49 เป็นกรณีพิเศษเลยว่าสงสัยต้องเรียกครู
00:43:49 → 00:43:52 โอ๊คแล้วโอ้เกินไปไครูติวเพราะว่าอะไรอ่า
00:43:52 → 00:43:56 นี่ความคิดไม่เกินไปนะคะไม่ต้องขตัวที่
00:43:56 → 00:43:58 ที่ครูอย่างเงี้ยเพเพราะว่าอะไรเพราะู
00:43:58 → 00:44:02 โอ๊คอ่ะเรียนรู้ไวมากอ่าแล้วมันเป็นการ
00:44:02 → 00:44:07 สะท้อนที่ดีนะคะในการที่พอมีเหตุการณ์
00:44:07 → 00:44:11 ครับถูกมั้ยสมมุติว่าเพื่อนเนี่ยอโดนลูก
00:44:11 → 00:44:14 ฟุตบอลเตะอัดหน้าเนี่ยอือสิ่งแรกเนี่ยค่ะ
00:44:14 → 00:44:17 เราสามารถแสดงความเห็นใจได้นะอ่าแสดงเห็น
00:44:17 → 00:44:20 อกเห็นใจถูกมั้ยเออซึ่งมันเป็นเรื่องที่
00:44:20 → 00:44:27 สำคัญมากค่ะพอพอคนที่ได้รับเค้าเรียกว่า
00:44:27 → 00:44:29 เหตุการณ์เยนะคะแล้วเ้ารู้สึกว่ามีใคร
00:44:29 → 00:44:35 เนี่ยอืมงใส่ใจเอยู่ข้างๆเออครับมัน
00:44:35 → 00:44:38 สามารถเยียวยาได้ทันทีและดีมากจากที่จะ
00:44:38 → 00:44:42 โกรธมากก็กลายเป็นแบบเออๆๆๆเอ่อเดี๋ยวไป
00:44:42 → 00:44:44 ดูอาการก่อนกันดีกว่าแล้วเดี๋ยวค่อยหาต้น
00:44:44 → 00:44:46 สายไปเหตุใครทำอะไรที่ไหนอย่างไรเดี๋ยว
00:44:46 → 00:44:49 ว่ากันทีหลังได้เออใช่มั้ยถูกมั้ยรู้สึก
00:44:49 → 00:44:52 ดีขึ้นมั้ยถ้าถ้าเราเป็นคนนั้นถ้าเราเรา
00:44:52 → 00:44:55 เป็นคนที่โดนกมีเพื่อนมาบอกเราอย่างงี้
00:44:55 → 00:44:59 แน่นอนมันมีพรรคพวกดูแลเราเราก็ต้องชื่น
00:44:59 → 00:45:03 ใจนะฮะเออก็อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่า
00:45:03 → 00:45:05 เออเราก็เจ็บอยู่แหละมันไม่ไม่มีอารมณ์
00:45:06 → 00:45:08 ที่จะไปทำร้ายใครต่อหรอกหรือไปไปไปเขา
00:45:08 → 00:45:10 เรียกว่าไปทะเลาะกับใครต่อหรอกก็อยากจะ
00:45:11 → 00:45:14 ให้รักษาตัวเองก่อนอเบื้องต้นอ่าอันนี้
00:45:14 → 00:45:18 เป็นรูปแบบนึงแล้วถ้าสมมุติว่าเพื่อน
00:45:18 → 00:45:22 เค้าคิดว่าเฮ้ยใครแกล้งกูวะไปทางจะ
00:45:22 → 00:45:26 บอกเพื่อนว่ายังไงดีอ๋อถ้าคจะบอกเพื่อน
00:45:26 → 00:45:28 ยังไงถ้าถ้าเพื่อนคิดอ่อเพื่อนที่โดน
00:45:28 → 00:45:32 กระทำใช่มั้ยโดนลูกฟุตบอลเอ้ยใเอ่อจะบอก
00:45:32 → 00:45:35 อย่างไรดีเอ้ยเดี๋ยวๆค่อยเดี๋ยวค่อย
00:45:35 → 00:45:39 เดี๋ยวค่อยไปหาเดี๋ยวค่อยไปหาคนทำไปไปหา
00:45:39 → 00:45:42 หมอก่อนอ่ะพี่ขวัญพี่ขวัญพี่ขวัญแชร์
00:45:42 → 00:45:45 หน่อยพี่ขวัญแชร์หน่อยพี่ขวัญชวนไปชวนไป
00:45:45 → 00:45:47 ห้องพยาบาลก่อนแล้วก็เดี๋ยวที่เหลือ
00:45:47 → 00:45:49 เดี๋ยวเดี๋ยวเราไปตามให้ซึ่งอาจจะเป็น
00:45:49 → 00:45:52 วิธีการหลบเลี่ยงรถการเผชิญหน้าระหว่าง
00:45:52 → 00:45:55 ตัวผู้บาดเจ็บกับเอ่อเพื่อเอ่อตัวของผู้ก
00:45:55 → 00:45:59 ทำใช่มั้ยอืฐานะที่เราเป็นคนกลางคือไม่
00:45:59 → 00:46:02 ต้องนำคนนั้นน่ะไปหาปัญหาหาทางหลบเลี่ยง
00:46:02 → 00:46:04 ของปัญหาเพราะจริงๆแล้วมันไม่ได้เป็น
00:46:04 → 00:46:08 เรื่องที่เรื่องใหญ่เกินไปซึ่งถ้าหากว่า
00:46:08 → 00:46:11 ในกรณีที่อุ๊ยโดนลูกฟุตบอลเตะแล้วโดนแบบ
00:46:11 → 00:46:14 ไ้ทอยแล้วก็แบบหมดสติตลกไปเลยอันนั้นก็
00:46:14 → 00:46:17 เป็นอีกกรณีนึงที่ต้องลงในรายละเอียดแต่
00:46:17 → 00:46:20 ว่าถ้าแค่เจ็บหน้าชาเนี่ยชวนไปห้องพยาบาล
00:46:20 → 00:46:24 เพื่อเลี่ยงการปะทะดีกว่าค่ะอ่าอ๋อเห็นม
00:46:24 → 00:46:28 เป็นไงบ้างเริ่มรู้สึกว่า cbt มีประโยชน์
00:46:28 → 00:46:32 มั้ยในการทำให้ความคิดและพฤติกรรมเรา
00:46:32 → 00:46:34 เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแน่นอนมันมัน
00:46:34 → 00:46:37 มันมันทำให้เรารู้จักเอ่อรู้เท่าทัน
00:46:37 → 00:46:40 อารมณ์รู้เท่าทันความคิดใช่ใช่มยกครูติ๋ว
00:46:40 → 00:46:43 รู้เท่าทันความคิดก่อนลำดับแรกใช่ค่ะเอ่อ
00:46:43 → 00:46:46 ทำให้เรารู้จักการหักห้ามใจในในเรื่องของ
00:46:46 → 00:46:50 การคิดที่มันเป็นไม่ดีทั้งต่อตัวเราไม่ดี
00:46:50 → 00:46:54 ต่อทั้งคนคนอื่นคนอื่นๆคนรอบข้างหรือว่า
00:46:54 → 00:46:58 คนที่กระทำด้วยแน่นอนมันก็จะทำให้เราไม่
00:46:58 → 00:47:00 ต้องแสดงพฤติกรรมอะไรที่มันแสดงอารมณ์
00:47:00 → 00:47:03 อะไรที่มันแย่ๆออกมาไม่แสดงพฤติกรรมอะไร
00:47:03 → 00:47:07 ที่มันแย่ๆออกมาอืครับออเนี่ยค่ะด้วย
00:47:07 → 00:47:11 เทคนิคเหล่าเนี้ยอือของ cbt cognitive
00:47:11 → 00:47:14 Behavior therapy เนี่ยอเราสามารถนำไป
00:47:14 → 00:47:17 ใช้ในชีวิตประจำวันเราได้นะคะคุณผู้ฟัง
00:47:17 → 00:47:21 แถมค่ะอันเนี้ยสำคัญมากๆซึ่งครับมันจะ
00:47:21 → 00:47:24 เป็นสิ่งที่เรานำไปใช้ได้กับทุกเหตุการณ์
00:47:24 → 00:47:27 อืที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราครับเพราะชีวิต
00:47:27 → 00:47:31 เราอ่ะเราเจอไม่รู้กี่เหตุการณ์เนาะในแต่
00:47:31 → 00:47:33 ละวันแต่ละมื้อแต่ละ Day แต่ละมื้อแต่ละ
00:47:33 → 00:47:37 Day เอเอ็นดูทเหตุการณ์นะฮะเอ็นดูเอ็นดู
00:47:37 → 00:47:40 ครันเนี้ยค่ะที่จะแถมให้เป็นพิเศษนะคะ
00:47:40 → 00:47:44 ครับอีกเทคนิคหนึ่งลองลองจินจินตนาการดู
00:47:44 → 00:47:48 นะคะว่าสมมุติมีเหตุการณ์และคิดไปะคราว
00:47:48 → 00:47:52 เนี้ยลองบอกเพื่อนหนูยว่าแม้ความคิดเนี้ย
00:47:52 → 00:47:55 จะเป็นจริงนะคะอือ่ะสมมุติว่าเพื่อน
00:47:55 → 00:47:57 เพื่อนคิดไปแล้วครับอ่ะไม่ต้องห้ามไม่
00:47:57 → 00:48:01 ต้องเปลี่ยนอืแต่แต่มีท้าทายว่าอ่ะสมมุติ
00:48:01 → 00:48:05 ว่าเรื่องนี้มันจริงเลยแล้วแย่ที่สุดคือ
00:48:05 → 00:48:08 อะไรแย่ที่สุดคืออะไรแย่ที่สุดของเรื่อง
00:48:08 → 00:48:13 เนี้ยพาเพื่อนไปแล้วก็ตีกันเลยค่ะมี
00:48:13 → 00:48:18 เรื่องมีราวมีเกิดการปะทะเกิดขึ้นมีการถก
00:48:18 → 00:48:22 เถียงเกิดขึ้นมีชกต่อยเออใช่มยอืเอออเจ็บ
00:48:22 → 00:48:25 ตัวทั้งคู่อ่ะว่าง่ายๆอ่าเห็นมเราเราได้
00:48:25 → 00:48:28 ได้จินตาได้จินตอาการแล้วก็ได้คิดไปแล้ว
00:48:28 → 00:48:31 ว่าแบบแย่ที่สุดเ่ะมันจะเกิดอะไรขึ้นอื
00:48:31 → 00:48:36 คราวนี้ค่ะลองอีกฝั่งหนึ่งแล้วถ้ามันดี
00:48:36 → 00:48:40 ที่สุดล่ะดีสุดๆเนี่ยมันจะเกิดอะไรขึ้นคะ
00:48:40 → 00:48:42 ดีสุดๆเลยหรอค่ะเปลี่ยนพฤติกรรมครับไม่
00:48:42 → 00:48:44 เดินละ
00:48:44 → 00:48:48 สนามไม่เดินละสนามคิดบวกเออมีความคิดที่
00:48:48 → 00:48:51 แบบเอออะไรที่เราเลี่ยงอุบัติเหตุไปเราก็
00:48:51 → 00:48:53 เลี่ยงไปซะเดินทางเส้นทางอื่นเขามีให้
00:48:53 → 00:48:55 เดินเส้นทางอื่นก็ไปเดินทางเส้นทางอื่นซะ
00:48:55 → 00:48:59 ออืนะครับครั้งหน้าครั้งนี้ไม่เป็นไรหาย
00:48:59 → 00:49:02 กันเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่เห็นมเราอ่ะค่ะ
00:49:02 → 00:49:05 เริ่มที่จะเทรนสมองเทรนความคิดเราแล้ว
00:49:06 → 00:49:10 เห็นมั้ยเราเราเรามีทรัพยากรความคิดดีๆ
00:49:10 → 00:49:15 ทางเลือกใหม่ๆอ่ะอีกตัวอย่างสมมุติ
00:49:15 → 00:49:20 ว่าโดนเทอ่ะโดนเทอกหักรักพุดละอ่า
00:49:20 → 00:49:25 อ่าเราจะคิดยังไงว่าแย่ที่สุดคืออะไรแย่
00:49:25 → 00:49:30 ที่สุดก็ต้องร้องไันถึงขั้นฆ่าตัวตายนะ
00:49:30 → 00:49:33 ครูติ๋วเรื่องทำร้ายตัวเองกันทำร้ายตัว
00:49:33 → 00:49:38 เองยเรจิตใจตัวเองอะไรประมาณนี้อ่าใชอื
00:49:38 → 00:49:42 ใช่ครับเป็นสาเหตุหลักเลยละอ่ะคราวนี้อ
00:49:42 → 00:49:45 ที่ดีที่สุดล่ะจะคิดอะไรได้บ้างถ้าดนเท
00:49:45 → 00:49:49 ใช่มั้ยใช่ค่ะเป็นโอกาสให้เจอความรักใหม่
00:49:49 → 00:49:50 อุ้ยนี่
00:49:50 → 00:49:56 โได้ลงตลาดใหม่นะคะคุณผู้ฟังได้ลงตลาด
00:49:56 → 00:50:01 เออๆๆอๆก็ได้อยู่กับตัวเองนะผมในมุมมุม
00:50:01 → 00:50:03 อีกมุมนึงก็คือได้อยู่กับตัวเองได้ได้ได้
00:50:03 → 00:50:08 มีชีวิตดีได้มีชีวิตที่เป็นเป็นของตัวเอง
00:50:08 → 00:50:11 อีกครั้งอะไรเงี้ยอืคืนอิสระให้ตัวเองใช่
00:50:11 → 00:50:12 มั้ยโอ๊ค
00:50:12 → 00:50:16 มั้งไม่กล้าตอบงสิ่งเหล่านี้อค่ะมันคือ
00:50:16 → 00:50:21 การฝึกความคิดเราอ่าครับถูกมั้ยคะอืเห็น
00:50:21 → 00:50:26 ผลลัพธ์มยว่าพอเราคิดอะไรดีๆปุ๊บอ่ะอืใ
00:50:26 → 00:50:29 ภาพเราเปลี่ยนมั้ยก็ไม่ต้องเครียดกับจุดๆ
00:50:29 → 00:50:33 นั้นใช่ไม่เห็นจะต้องเศร้าจนเกินคือเศร้า
00:50:33 → 00:50:35 เศร้าไม่ผิดนะค่ะเศร้าไม่ต้องเศร้าจนเกิน
00:50:35 → 00:50:39 ไปฟื้นฟูตัวเองกลับมาให้เป็นคนปกติเหมือน
00:50:39 → 00:50:41 เดิมที่มีอารมณ์ดีก็อารมณ์ดีอยู่แล้วไม่
00:50:41 → 00:50:44 ต้องจมอยู่กับเรื่องบางเรื่องที่มันสร้าง
00:50:44 → 00:50:48 ปมในใจหรือเป็นทุกข์กับเรื่องราวเหล่า
00:50:48 → 00:50:50 นั้นเพราะว่าสุดท้ายแล้วเวลามันผ่านไป
00:50:50 → 00:50:52 แล้วมันก็เรื่องราวเหล่านี้มันก็จะถูก
00:50:52 → 00:50:54 ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละแล้วเราต้องเดินก้าว
00:50:54 → 00:50:58 ต่อไปข้างหน้าต่อใช่คอืใช่ค่ะถูกมเนี่ย
00:50:58 → 00:51:01 ค่ะอ่ะเหมือนตอนโควิดโควิดครับแย่ที่สุด
00:51:01 → 00:51:04 ของโควิดคืออะไรคะโอ้โหการสูญเสียเลยแหละ
00:51:04 → 00:51:07 อแย่สุดแย่ที่สุดของโควิดคือการสูญเสีย
00:51:07 → 00:51:10 ไม่สามารถเจอบุคคลอันเป็นที่รักค่ะได้นะ
00:51:10 → 00:51:14 ในมองของโควิดเนาะดีที่สุด่ะดีที่สุดคุณ
00:51:14 → 00:51:18 ขวัญดีของโควิดดีดีของโควิดคือทำให้เรา
00:51:18 → 00:51:23 ตระหนักรู้ถึงความรักของคนใกล้ชิดได้มาก
00:51:23 → 00:51:26 ขึ้นจากคนที่เคยห่างกันน่ะเราทำให้รู้สึก
00:51:26 → 00:51:29 ว่าอ๋อถ้ามีโรคระบาดความวิกฤตอาจะทำให้
00:51:29 → 00:51:32 เราคิดถึงเขามากขึ้นและดีที่สุดของโควิด
00:51:32 → 00:51:36 คือการเตรียมพร้อมของคนเราที่จะต้องเผชิญ
00:51:36 → 00:51:39 กับเอ่อโรคระบาดหรือสิ่งที่ท้าทายที่อาจ
00:51:39 → 00:51:43 จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตการการเตรียมตัวรอง
00:51:43 → 00:51:46 รับความเอ่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
00:51:46 → 00:51:51 ในอนาคตรู้เท่าทันใช่ค่ะเออนะฮะอ่ะมันก็
00:51:51 → 00:51:55 เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้รู้จัก cbt ค่ะกัน
00:51:55 → 00:52:00 มากขึ้นแล้วก็ทำให้เราหาหนทางที่จะทำให้
00:52:00 → 00:52:03 ร่างกายลดความเครียดลงมีจิตใจที่แจ่มใส
00:52:03 → 00:52:07 ขึ้นร่างกายหลีกหนีต่อโรคภัยไข้เจ็บได้
00:52:07 → 00:52:10 อ่านะครับก็ถือว่าเป็นอีกวันที่เราได้มา
00:52:10 → 00:52:13 คุยกันกับเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทิยา
00:52:13 → 00:52:16 จิตวิทยาแล้วก็ทำให้เราได้รู้จักตนเองเอา
00:52:16 → 00:52:18 ไปปรับเรื่องของความคิดเรื่องของอารมณ์
00:52:19 → 00:52:22 พฤติกรรมแล้วก็นำมาสู่เรื่องของเ่อสุขภาพ
00:52:22 → 00:52:25 ร่างกายที่ออกมาในร่างกายของเราที่ปรากฏ
00:52:25 → 00:52:28 ออกมานั่นเองใช่ค่ะวันนี้ขอบคุณครูติ๋ว
00:52:28 → 00:52:32 มากนะครับนะครับเรา 3 คนหมดเวลาแล้วสุภาพ
00:52:32 → 00:52:34 ดี 22:00 นในวันนี้นะครับเสือโอ๊คชุสนะ
00:52:34 → 00:52:37 ตันตยานนท์แล้วก็พี่ขวัญกมลพรร่มทองคำ
00:52:37 → 00:52:40 แล้วก็ครูติ๋วนะครับครูนันทนาวงษ์บุญชู
00:52:40 → 00:52:42 ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาศาสตร์ศาสตร์การ
00:52:42 → 00:52:45 บำบัดและการโค้ชครับขอบคุณครับครูติ๋ว
00:52:45 → 00:52:48 สวัสดีครับขอบคุณค่ะสวัสดีสวัสดีค่ะ
00:52:48 → 00:52:51 สวัสดีค่ะ