00:00:06 → 00:00:08 ความจำในการใช้งานเนี่ยจริงๆเป็นกระบวน
00:00:08 → 00:00:12 การทำงานของสมองค่ะถ้าหากลักษณะของการ
00:00:12 → 00:00:14 เลี้ยงดูนะคะเหมือนในเด็กอย่างนี้ค่ะการ
00:00:14 → 00:00:17 เลี้ยงดูที่มีการทำให้เด็กทุกอย่างนะคะ
00:00:17 → 00:00:20 ไม่ได้ให้โอกาสเด็กในการที่จะลงมือกระทำ
00:00:20 → 00:00:23 ด้วยตัวเองหรือว่าคิดวางแผนด้วยตัวเองนะ
00:00:23 → 00:00:26 คะก็จะทำให้เด็กกลุ่มนั้นจะมีทักษะความจำ
00:00:26 → 00:00:30 ในการใช้งานน้อยค่ะง่ายๆก็คือประสบการณ์
00:00:30 → 00:00:32 ของเขาเป็นตัวเพิ่มทักษะความจำในการใช้
00:00:33 → 00:00:33 งานนะคะ
00:00:33 → 00:00:35 [เพลง]
00:00:35 → 00:00:39 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัพเดททุกโรคภัยฟังราย
00:00:39 → 00:00:44 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:44 → 00:00:48 คุณผู้ฟังคะเรามีเรื่องของการฝึกทักษะใน
00:00:48 → 00:00:51 เรื่องความจำนั่นเองนะคะเพื่อที่จะเอามา
00:00:51 → 00:00:54 ใช้งานการฝึกทักษะตรงนี้มีความจำเป็น
00:00:54 → 00:00:56 อย่างไรหรือเราต้องฝึกตั้งแต่เด็กหรือไม่
00:00:56 → 00:00:58 อย่างไรเดี๋ยวพูดคุยกับผู้ช่วย
00:00:58 → 00:01:01 ศาสตราจารย์ดรกรรณิกาเพิ่มพูนพัฒนา
00:01:01 → 00:01:04 อาจารย์สาขาวิชาพัฒนาการมนุษย์สถาบันแห่ง
00:01:04 → 00:01:06 ชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว
00:01:06 → 00:01:09 มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะ
00:01:09 → 00:01:12 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะวันนี้ที่เราคุยกัน
00:01:12 → 00:01:15 เนี่ยเป็นเรื่องการฝึกทักษะเสริมสร้าง
00:01:15 → 00:01:17 ความจำเพื่อมาใช้งานในตรงนี้เดี๋ยวให้
00:01:17 → 00:01:21 อาจารย์ได้ช่วยขยายความคำนิยามให้ฟังสัก
00:01:21 → 00:01:23 นิดนึงว่าทำไมเราต้องแบบมีการฝึกความจำ
00:01:23 → 00:01:26 และความจำนี้เพื่อมาใช้งานค่ะอาจารย์คะก็
00:01:26 → 00:01:29 คือความจำในการใช้งานเนี่ยจริงๆเป็น
00:01:29 → 00:01:32 กระบวนการทำงานของสมองค่ะซึ่งสมองส่วนที่
00:01:32 → 00:01:34 ทำงานก็คือจะเป็นสมองส่วนหน้าของเราก็คือ
00:01:34 → 00:01:36 ถ้าเกิดว่าเราตรงกับหม่อมก็ประมาณประมาณ
00:01:36 → 00:01:39 นั้นค่ะประมาณส่วนส่วนนภากระหม่อมอยู่
00:01:39 → 00:01:42 ประมาณนั้นนะคะซึ่งในส่วนของความจำในการ
00:01:42 → 00:01:45 ใช้งานเนี่ยจะเป็นเหมือนกับทักษะพื้นฐาน
00:01:45 → 00:01:48 ซึ่งมีการเก็บเอาไว้นะคะหรือเป็นลักษณะ
00:01:48 → 00:01:51 ของความรู้ที่มีการเก็บเอาไว้แล้วหลังจาก
00:01:51 → 00:01:53 นั้นปุ๊บเนี่ยเมื่อจำเป็นที่ต้องใช้ก็จะ
00:01:53 → 00:01:57 มีการดึงเอามาใช้ในส่วนของการแก้ไขปัญหา
00:01:57 → 00:02:01 การประมวลผลเหตุการณ์ต่างๆ
00:02:01 → 00:02:03 อาจารย์แล้วปกติเนี่ยคือถ้าเราไม่ได้ฝึก
00:02:03 → 00:02:06 ทักษะหรืออะไรขนาดนั้นเนี่ยคือปกติเราก็
00:02:06 → 00:02:09 มีส่วนความจำเนี่ยทำงานทำหน้าที่ของมัน
00:02:09 → 00:02:12 อยู่แล้วถูกไหมคะใช้ค่ะก็คือความจำในการ
00:02:12 → 00:02:14 ใช้งานโดยปกติทุกๆคนก็มีอยู่แล้วค่ะแต่
00:02:14 → 00:02:18 เพียงแค่ว่าเออถ้าหากลักษณะของการเลี้ยง
00:02:18 → 00:02:20 ดูนะคะเหมือนในเด็กอย่างเงี้ยค่ะการ
00:02:20 → 00:02:23 เลี้ยงดูที่มีการทำให้เด็กทุกอย่างนะคะ
00:02:23 → 00:02:26 ไม่ได้ให้โอกาสเด็กในการที่จะลงมือกระทำ
00:02:26 → 00:02:29 ด้วยตัวเองหรือว่าคิดวางแผนด้วยตัวเองนะ
00:02:29 → 00:02:32 คะก็จะทำให้เด็กกลุ่มนั้นเนี่ยจะมีทักษะ
00:02:32 → 00:02:35 ความจำในการใช้งานเนี่ยน้อยค่ะเอ่อง่ายๆ
00:02:35 → 00:02:38 ก็คือประสบการณ์ของเขาเป็นตัวเพิ่มทักษะ
00:02:38 → 00:02:42 ความจำในการใช้งานนะคะอ๋อก็เหมือนเรามี
00:02:42 → 00:02:45 ความจำโดยปกติทั่วไปแต่ว่าแค่เราฝึกในการ
00:02:45 → 00:02:49 ใช้งานมันว่าคิดมีการวางแผนหรือว่าในการ
00:02:49 → 00:02:50 ที่จะทำอะไรก็แล้วแต่มันจะต้องมีกระบวน
00:02:50 → 00:02:53 การในการคิดเพื่อทำสิ่งนั้นออกมามันจะมี
00:02:53 → 00:02:57 ขั้นตอนของโดยโดยสมองของเราแบบอัตโนมัติ
00:02:57 → 00:02:59 อยู่แล้วอย่างนั้นใช่ไหมคะใช่ค่ะคือถ้า
00:02:59 → 00:03:02 โดนปกติเนี่ยเวลาที่สมองรับข้อมูลเข้าไป
00:03:02 → 00:03:05 เนี่ยเราจะรับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของ
00:03:05 → 00:03:07 เราถูกต้องไหมคะอย่างเช่นเราได้มองเห็น
00:03:07 → 00:03:11 เราได้ยินเราได้รับรถเราได้กลิ่นเราได้
00:03:11 → 00:03:14 สัมผัสอ่าและหลังจากนั้นปุ๊บเนี่ยเอ่อ
00:03:14 → 00:03:16 เมื่อมีการได้สิ่งเร้าเหล่านั้นซ้ำๆเนี่ย
00:03:16 → 00:03:19 ก็จะมีการบันทึกเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำ
00:03:19 → 00:03:25 ของเรานะคะถ้าอ่าจำเพียงแค่วันหรือ 2 วัน
00:03:25 → 00:03:27 ก็จะอยู่ในรักษาของความจำในระยะสั้นนะคะ
00:03:27 → 00:03:30 แต่ถ้าหากว่าความจำระยะสั้นนั้นถูกดึง
00:03:30 → 00:03:34 กลับมาใช้ซ้ำๆบ่อยๆนะคะจนทำให้เกิดเป็น
00:03:34 → 00:03:38 ความจำในระยะยาวนะคะยกตัวอย่างเช่นเมื่อ
00:03:38 → 00:03:40 ก่อนเนี่ยสมัยเด็กๆใช่ไหมคะเด็กจะยังไม่
00:03:40 → 00:03:42 สามารถที่จะใส่เสื้อผ้าได้ด้วยตัวเองแต่
00:03:42 → 00:03:46 พ่อแม่ให้โอกาสเขาด้วยการสอนเขาว่านี่คือ
00:03:46 → 00:03:49 เสื้อนะนี่คือกางเกงนะคะขั้นตอนในการใส่
00:03:49 → 00:03:52 เสื้อและกางเกงทำยังไงนะคะให้โอกาสเขาใน
00:03:52 → 00:03:56 การสอนซ้ำๆซ้ำๆหลังจากนั้นปุ๊บเมื่อเราโต
00:03:56 → 00:03:58 ขึ้นนะคะเมื่อเป็นเด็กที่โตขึ้นก็จะเป็น
00:03:58 → 00:04:00 เด็กที่สามารถที่จะแต่งตัวใส่เสื้อผ้าได้
00:04:00 → 00:04:04 อย่างอัตโนมัติค่ะอ๋อมันเป็นผลจากการที่
00:04:04 → 00:04:08 ได้มีการฝึกกระบวนการความจำอ่าเสื้อผ้า
00:04:08 → 00:04:11 เสื้อเป็นแบบนี้นะคะก็เนื่องจากการมอง
00:04:11 → 00:04:14 เห็นสัมผัสคือการแบบติดกระดุมหรืออะไร
00:04:14 → 00:04:17 อย่างนี้นะคะเราก็จะรู้และอ่าใส่เสื้อแบบ
00:04:17 → 00:04:20 นี้นะหรือถ้าเกิดแบบเอ่อไม่ได้มีกระดุม
00:04:20 → 00:04:22 เป็นเสื้อสวมแล้วก็สวมจากบริษัทลงมาเอ้า
00:04:22 → 00:04:26 เป็นการฝึกแบบนี้นี่เองแต่รู้แม้แต่การ
00:04:26 → 00:04:29 อ่านเหมือนกันค่ะเหมือนกันอ่านถ้าเกิดว่า
00:04:29 → 00:04:32 เราเนี่ยไม่รู้ก่อนว่านี่คือตัวกอกะเองก
00:04:32 → 00:04:35 ไก่คือเสียงกขคือเสียงขตัวแบบนี้เรียกว่า
00:04:35 → 00:04:39 ขไข่ไม่รู้ว่านี่คือสระอะไรไม่รู้ว่านี่
00:04:39 → 00:04:41 คือวรรณยุกต์อะไรอันนี้คือความจำที่เก็บ
00:04:41 → 00:04:44 เอาไว้ก่อนถูกต้องไหมคะว่าเมื่อไหร่ที่
00:04:44 → 00:04:47 เราสอนกไก่ปึ๊บเด็กบางคนที่มีความจำในการ
00:04:47 → 00:04:51 ใช้งานดีความซ้ำในการสอนก็จะน้อยกว่าถ้า
00:04:51 → 00:04:53 เทียบกับเด็กอีกคนนึงซึ่งมีความจำในการ
00:04:53 → 00:04:56 ใช้งานไม่ดีเพราะฉะนั้นหลังจากที่เด็กจำ
00:04:56 → 00:04:58 ได้แล้วปุ๊บเด็กก็จะดึงเอาความรู้เก่าอัน
00:04:58 → 00:05:02 นั้นอันนี้เอามาเพื่อใช้งานดึงความจำเอา
00:05:02 → 00:05:04 มาเพื่อใช้งานเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าลักษณะ
00:05:04 → 00:05:07 ของความจำนั้นไม่ได้เหมาะกับช่วงวัยยกตัว
00:05:07 → 00:05:09 อย่างเช่นเราสอนกไก่ขไข่ตั้งเด็กอายตั้ง
00:05:09 → 00:05:12 แต่เด็กอายุขวบกว่าๆเด็กยังไม่ได้เอากไก่
00:05:12 → 00:05:16 ขไข่มาใช้ในชีวิตประจำวันเลยนะคะอย่าง
00:05:16 → 00:05:17 นั้นก็จะเรียกว่าความจำเหล่านั้นจะไม่ได้
00:05:17 → 00:05:20 ไม่ใช่ความจำที่หลังจากนั้นจะถูกบรรจุไว้
00:05:21 → 00:05:23 อยู่ในความจำระยะยาวเพราะว่าความจำนั้น
00:05:24 → 00:05:27 อ่าเป็นลักษณะของการจำเฉยๆแล้วหลังจาก
00:05:27 → 00:05:29 นั้นถ้าไม่ได้ร้องเพลงกไก่ขไข่อีกเด็กก็
00:05:29 → 00:05:32 จะลืมไปถ้าไม่ได้เอามาใช้นะคะแต่เมื่อ
00:05:32 → 00:05:34 ไหร่ที่เด็กถึงวัยที่เหมาะสมที่ควรที่จะ
00:05:34 → 00:05:36 เรียนรู้เรียนรู้เรื่องของกไก่ขไข่เราสอน
00:05:36 → 00:05:39 พอสอนเสร็จแล้วเราก็ไปฝึกเรื่องของการ
00:05:39 → 00:05:43 สะกดนะคะสะกดคำเขียนคำนะคะดึงเอาออกมาใช้
00:05:43 → 00:05:47 หลังจากนั้นปุ๊บมันก็จะบันทึกเป็นความจำ
00:05:47 → 00:05:50 ในความจำระยะยาวเด็กสามารถเอามาใช้ซ้ำๆ
00:05:50 → 00:05:53 อย่างนี้ค่ะนั่นแสดงว่าการฝึกทักษะขั้น
00:05:53 → 00:05:56 ตอนต่างๆเหล่านี้มันก็จะต้องมีเป็นไปตาม
00:05:56 → 00:05:59 Step เลยคือ 1 2 3 4 อยู่ๆจะแบบ 1
00:05:59 → 00:06:02 แล้วกระโดดไป 3 ข้าม 2 ไปเลยอันนี้ไม่ได้
00:06:02 → 00:06:04 เพราะมันจะไม่ได้เป็นทักษะความจำที่มัน
00:06:04 → 00:06:07 เป็นระเบียบด้วยแบบนั้นไหมคะต้องเป็น
00:06:07 → 00:06:09 ลักษณะของความจำที่เหมาะสมกับช่วงวัยค่ะ
00:06:09 → 00:06:12 เพราะฉะนั้นเราก็จะอิงตัวพัฒนาการไปด้วย
00:06:12 → 00:06:16 อย่างเช่นถามว่าเด็กอายุ 1 ขวบควรที่จะจำ
00:06:16 → 00:06:19 ในส่วนของกไก่ขไข่หรือยังอันนี้ก็จะยัง
00:06:19 → 00:06:22 ไม่เหมาะสมนะคะควรจำที่จะควรที่จะจำใน
00:06:22 → 00:06:25 ส่วนของอ่าสีซึ่งเป็นสีที่ยากยกตัวอย่าง
00:06:25 → 00:06:30 เช่นสีน้ำตาลสีส้มหรือยังก็จะยังไม่เหมาะ
00:06:30 → 00:06:32 สมนะคะอย่างเช่นเด็ก 1 ขวบสิ่งที่ควรจะ
00:06:32 → 00:07:16 ต้องรู้ก็คือเอ๊ะ
00:07:16 → 00:07:31 [เพลง]
00:07:34 → 00:07:38 ว่าถ้าอย่างนี้แล้วเขาก็จะอันนี้คือแก้ว
00:07:38 → 00:07:40 น้ำหรืออะไรอย่างนี้ก็อันนั้นยังไม่ต้อง
00:07:40 → 00:07:42 ไปจำก็ได้เอาแค่เบื้องต้นก่อนใช่ไหมคะ
00:07:42 → 00:07:45 ค่อยๆไล่กันไป
00:07:45 → 00:07:49 ขึ้นอยู่กับศักยภาพของสมองของเด็กแต่ละคน
00:07:49 → 00:07:51 สมองของเราเนี่ยสามารถที่เทรนได้เพราะ
00:07:51 → 00:07:54 ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือเราจะต้องดูว่า
00:07:54 → 00:07:57 ทักษะพื้นฐานตอนนี้เด็กได้อะไรนะคะเพราะ
00:07:57 → 00:07:59 ฉะนั้นการเชื่อมโยงกับอายุเนี่ยก็เป็น
00:07:59 → 00:08:02 สิ่งที่สำคัญแต่เพียงแค่ว่าเด็กบางคน
00:08:02 → 00:08:05 สมมุติว่าเด็ก 5 ขวบนะคะเด็ก 5 ขวบควรที่
00:08:05 → 00:08:08 จะต้องรู้สีครบละควรจะต้องรู้รูปสัตว์ได้
00:08:08 → 00:08:11 ปริมาณที่เยอะละแต่เด็กบางคนอาจจะไม่ได้
00:08:11 → 00:08:13 สมมุติอย่างนี้นะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยดูตัว
00:08:13 → 00:08:16 พื้นฐานเป็นสำคัญเช่นเดียวกันตัวเด็กที่
00:08:16 → 00:08:19 ยังเล็กอยู่แต่ว่าถ้าเขามีศักยภาพในการ
00:08:19 → 00:08:22 ที่จะฝึกยกตัวอย่างเช่นเราเราสอนรูปสัตว์
00:08:22 → 00:08:25 อ่ะเขาจำได้หมดละเราสามารถที่จะสอนขึ้นไป
00:08:25 → 00:08:29 อีกได้นะคะสมองมีศักยภาพในการที่เราจะ
00:08:29 → 00:08:31 เทรนเพื่อให้เขามีเรื่องของความจุใน
00:08:31 → 00:08:33 เรื่องของความจำได้มากขึ้นแต่เพียงแค่ว่า
00:08:33 → 00:08:36 ความจำที่เหมาะสมคือเป็นความจำที่เด็ก
00:08:36 → 00:08:39 สามารถที่จะดึงมาใช้งานได้อย่างเช่นถ้า
00:08:39 → 00:08:44 อาจารย์บอกว่าเด็กไม่ควรที่จะรู้ตัวกขเลย
00:08:44 → 00:08:47 แต่ตอนนี้เด็กสมมุติเด็กอายุ 2 ขวบแต่
00:08:47 → 00:08:51 เด็กสามารถที่จะพอที่จะจำได้แล้วแล้วเด็ก
00:08:51 → 00:08:53 ก็สนใจด้วยประเด็นคือเด็กสนใจเด็กอยากจะ
00:08:53 → 00:08:55 รู้เด็กอยากจะเรียนเด็กอยากจะรู้ว่านี่
00:08:55 → 00:08:58 มันคือตัวอะไรถามคุณแม่หม่าม๊านี่ตัวอะไร
00:08:58 → 00:09:01 ประมาณนี้ตัวอะไรนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็
00:09:01 → 00:09:04 สามารถที่จะสอนได้ถ้ากรณีที่เด็กเนี่ยให้
00:09:04 → 00:09:08 ความสนใจค่ะอ๋อก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องเป็น
00:09:08 → 00:09:10 ไปตามช่วงวัยอย่างเดียวแต่เผอิญว่าเขามี
00:09:10 → 00:09:12 ทักษะอย่างอื่นเช่นอย่างที่อาจารย์บอกว่า
00:09:12 → 00:09:15 เรามีทักษะหลายอย่างที่ไม่ได้แค่เป็น
00:09:15 → 00:09:17 เรื่องของความจำคือมันก็ต้องมีส่วนเสริม
00:09:17 → 00:09:20 ทางการมองเห็นการฟังการเรียนรู้อะไรใน
00:09:20 → 00:09:22 ด้านต่างๆอย่างนี้เนี่ยบางทีเขาอาจจะ
00:09:22 → 00:09:25 ทักษะในด้านอื่นเขาชัดเจนกว่าในการที่จะ
00:09:25 → 00:09:28 แบบว่าแค่ฟังเออแต่เขามองเห็นน่ะแต่เขา
00:09:28 → 00:09:31 เขาแบบรู้สึกว่าเขาสนใจอันนี้ก็น่าสนใจละ
00:09:31 → 00:09:33 อันนี้เราก็สามารถที่จะเพิ่มเติมข้อมูล
00:09:33 → 00:09:35 Memory ให้กับเขาได้อ๋อ
00:09:35 → 00:09:38 แสดงว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องดูดูใน
00:09:38 → 00:09:41 ส่วนของความสนใจของเด็กด้วยถ้าสิ่งนั้น
00:09:41 → 00:09:44 เป็นสิ่งที่อยู่ในความสนใจของเด็กนะคะ
00:09:44 → 00:09:47 แล้วเราสอนเขาเขาก็จะให้ความสนใจเขาก็จะ
00:09:47 → 00:09:50 มีสมาธิสนใจที่จะฟังและสามารถที่จะเรียน
00:09:50 → 00:09:53 รู้ได้เร็วแต่ถ้าเกิดสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่
00:09:53 → 00:09:55 เขาไม่สนใจอย่างเช่นเราอยากจะสอนโอ้โห
00:09:55 → 00:09:58 เห็นลูกข้างบ้านเนี่ยเขาท่องกไก่ขไข่ได้
00:09:58 → 00:10:01 ละและแม่ก็รู้สึกว่าอยากให้ลูกอยากให้ลูก
00:10:01 → 00:10:04 ตัวเองได้เช่นกันแต่ลูกตัวเองไม่ชอบลูก
00:10:04 → 00:10:07 ตัวเองกลับชอบที่จะไปเล่นต่อจิ๊กซอสมมุติ
00:10:07 → 00:10:09 อย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วก็สิ่ง
00:10:09 → 00:10:12 ที่สำคัญสุดคือทุกๆสิ่งทุกอย่างในชีวิต
00:10:12 → 00:10:15 เนี่ยสามารถฝึกความจำในการใช้งานได้แต่
00:10:15 → 00:10:18 ถ้าเมื่อไหร่เราสามารถฝึกผ่านกิจกรรมที่
00:10:18 → 00:10:22 เขาสนใจนะคะก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลยใน
00:10:22 → 00:10:24 การที่จะส่งเสริมแล้วก็มีประสิทธิภาพมาก
00:10:24 → 00:10:27 กว่าค่ะเห็นภาพเลยค่ะอาจารย์ว่าถ้าเกิด
00:10:27 → 00:10:29 ว่าเด็กสนใจในสิ่งที่เขากำลังเรียนรู้อ่ะ
00:10:29 → 00:10:33 เขาจะสามารถจดจำสิ่งเหล่านั้นได้เป็น
00:10:33 → 00:10:35 อย่างดีเลยอ่ะเหมือนแบบไม่ต้องมานั่ง
00:10:35 → 00:10:38 กล้องทีหลังด้วยซ้ำว่าสิ่งนี้คืออะไรแต่
00:10:38 → 00:10:42 เขาสามารถจำได้เลยพูดถึงปุ๊บจินตนาการภาพ
00:10:42 → 00:10:44 ของเด็กมันอาจจะออกมาได้เลยว่าพูดถึง
00:10:44 → 00:10:48 สิงโตสิงโตมาแล้วอาจจะชอบแบบเรื่องสัตว์
00:10:48 → 00:10:50 เรื่องอะไรอย่างนี้นะคะแล้วก็แสดงว่า
00:10:50 → 00:10:52 คีย์เวิร์ดจริงๆแล้วคือการฝึกจำในสิ่งที่
00:10:52 → 00:10:55 เราสามารถจะเอามาใช้งานได้มากกว่าสิ่งที่
00:10:55 → 00:10:57 ไม่ได้ใช้งานแต่เราก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
00:10:57 → 00:11:00 ที่คือเด็กมีความสนใจด้วยอันนี้ก็เป็น
00:11:00 → 00:11:01 ส่วนหนึ่งด้วย
00:11:01 → 00:11:05 ใช่ค่ะน่าสนใจมากเลยค่ะอาจารย์แต่ว่าคือ
00:11:05 → 00:11:08 เด็กแต่ละคนก็จะมีทักษะตรงนี้ที่แตกต่าง
00:11:08 → 00:11:11 กันเพราะฉะนั้นการฝึกฟังพูดอ่านเขียน
00:11:11 → 00:11:15 การได้กลิ่นรับรสอะไรพวกนี้ค่ะมันก็ต้อง
00:11:15 → 00:11:18 มาเสริมๆกันถ้าสมมุติว่าเด็กอาจจะมีทักษะ
00:11:18 → 00:11:21 ในด้านใดด้านหนึ่งอาจจะไม่ค่อยไม่ค่อยดี
00:11:21 → 00:11:23 นักแต่เราใช้ทักษะอย่างอื่นเสริมสร้างให้
00:11:23 → 00:11:25 เด็กเนี่ยสามารถที่จะ
00:11:25 → 00:11:29 เติมความจำขึ้นมาได้เออ
00:11:29 → 00:11:32 ไม่ได้ว่าพอด้อยไปอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว
00:11:32 → 00:11:35 มันจะความจำจะไม่โอเคไม่ดีก็ไม่ใช่ใช่ไหม
00:11:35 → 00:11:38 คะอาจารย์ใช่ค่ะคือเอ่อแต่ละคนเนี่ยจะมี
00:11:39 → 00:11:41 เหมือนกับมีวิธีการในการเรียนรู้แตกต่าง
00:11:41 → 00:11:44 กันบางคนอาจจะเรียนรู้ได้ดีผ่านการฟังบาง
00:11:44 → 00:11:47 คนอาจจะเรียนรู้ได้ดีผ่านการเคลื่อนไหว
00:11:47 → 00:11:50 หรือการเขียนบางคนอาจจะเรียนรู้ได้ดีผ่าน
00:11:50 → 00:11:52 การมองเห็นอย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นเด็ก
00:11:52 → 00:11:55 แต่ละคนก็จะมีลักษณะเด่นวิธีการในการที่
00:11:55 → 00:11:57 จะเรียนรู้แตกต่างกันค่ะอย่างนี้แสดงว่า
00:11:57 → 00:12:16 คุณพ่อคุณแม่เอง
00:12:16 → 00:12:31 [เพลง]
00:12:31 → 00:12:34 น่าจะแบบว่าถ้าเกิดว่าสมมุติว่ากรณีที่
00:12:34 → 00:12:38 กรณีที่เด็กเนี่ยเกิดให้ความสนใจยกตัว
00:12:38 → 00:12:41 อย่างเช่นสนใจในเรื่องของ
00:12:41 → 00:12:44 เรียนรู้ผ่านการมองเห็นได้ดีกว่าสมุด
00:12:44 → 00:12:47 อย่างนี้นะคะเราก็สามารถที่จะใช้สิ่งนั้น
00:12:47 → 00:12:49 เป็นตัวที่จะส่งเสริมเด็กแต่ทั้งนี้ทั้ง
00:12:49 → 00:12:52 นั้นเนี่ยลักษณะของการเรียนรู้ที่ดีใช่
00:12:52 → 00:12:55 ไหมคะถ้าเราสามารถส่งเสริมด้านอื่นได้นะ
00:12:55 → 00:12:57 คะก็จะเป็นสิ่งที่ดีเพื่อที่จะช่วยส่ง
00:12:57 → 00:12:59 เสริมการทั้งในส่วนของการมองเห็นทั้งใน
00:12:59 → 00:13:01 ส่วนของการได้ยินอย่างนี้ค่ะเหมือนเวลา
00:13:01 → 00:13:04 ที่ประเมินทักษะความจำในการใช้งานเนี่ย
00:13:04 → 00:13:06 ลักษณะของการประเมินเนี่ยก็จะมีทั้งใน
00:13:06 → 00:13:08 ส่วนของการประเมินผ่านการมองเห็นอย่าง
00:13:08 → 00:13:11 เช่นมีรูปสัตว์ทั้งหมด 4 ตัวโผล่ขึ้นมา
00:13:11 → 00:13:13 ที่หน้าจอนะคะโผล่ขึ้นมาปุ๊บอย่างเช่น
00:13:13 → 00:13:19 ช้างม้างูเอ่อหมาแล้วเด็กจำได้ไหมเราก็จะ
00:13:19 → 00:13:22 ถามเมื่อเมื่อรูปนั้นหยุดแล้วก็หายไปจาก
00:13:22 → 00:13:24 หน้าจอเด็กจำได้ไหมว่าตัวสุดท้ายที่หนู
00:13:24 → 00:13:27 เห็นคืออะไร 2 ตัวสุดท้ายที่หนูเห็นคือ
00:13:27 → 00:13:31 อะไรนะคะแล้วก็จะเป็นลักษณะของอ่า
00:13:31 → 00:13:33 ผ่านกันได้ยินนะคะอย่างเช่นเราพูดคำว่า
00:13:33 → 00:13:37 567 เมื่อเราพูดจบแล้วปุ๊บเนี่ยให้เด็ก
00:13:37 → 00:13:41 พูดซ้ำของเราว่าเมื่อกี้เราพูดอะไรนะคะ
00:13:41 → 00:13:44 เป็นลักษณะของการไปข้างหน้าและการย้อน
00:13:44 → 00:13:47 กลับนะคะเป็น Forward แล้วก็ backward
00:13:47 → 00:13:48 เป็นลักษณะแบบนั้นเพราะฉะนั้นเนี่ยเรา
00:13:48 → 00:13:52 สามารถที่จะฝึกได้นะคะกรณีที่ต่อให้จะไม่
00:13:52 → 00:13:52 ใช่
00:13:53 → 00:13:57 ด้านที่เขาเนี่ยถนัดนะคะเป็นการส่งเสริม
00:13:57 → 00:13:59 การบูรณาการการแต่เพียงแค่ว่าเมื่อเรารู้
00:13:59 → 00:14:02 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยเขาเรียนรู้ผ่านด้วย
00:14:02 → 00:14:06 Sense ไหนได้ดีกว่ากันก็ใช้เซตนั้นเป็น
00:14:06 → 00:14:08 เซ้นส์หลักนะคะส่งเสริมเซนต์นั้นแต่เซ็น
00:14:08 → 00:14:10 ด้านอื่นก็ควรที่จะส่งเสริมด้วยเช่นกัน
00:14:10 → 00:14:13 ค่ะอย่างนั้นแสดงว่าในทักษะต่างๆเหล่านี้
00:14:13 → 00:14:17 เนี่ยไม่ว่าเขาจะแสดงออกมาในมุมใดอ่าใน
00:14:17 → 00:14:19 ทักษะด้านไหนเนี่ยอันนั้นก็ส่งเสริมได้
00:14:19 → 00:14:21 แล้วก็เพิ่มเติมในทักษะด้านอื่นๆเพื่อที่
00:14:21 → 00:14:24 จะได้แบบเอ่อเขาเรียกว่าเหมือนเป็นเป็น
00:14:24 → 00:14:29 การได้รู้ว่าเขาชอบในอ่าในๆอนาคตเนี่ยเรา
00:14:29 → 00:14:32 จะส่งเสริมเขาในด้านไหนที่สามารถทำให้เขา
00:14:32 → 00:14:35 ได้ไปสู่จุดเป้าหมายได้ในอนาคตอันนี้คือ
00:14:36 → 00:14:38 เริ่มจากกันตั้งแต่เด็กเลยแบบนั้นใช่ค่ะ
00:14:38 → 00:14:41 จริงๆทักษะในเรื่องของความจำในการใช้งาน
00:14:41 → 00:14:43 เนี่ยเกิดตั้งแต่เด็กเล็กๆเลยค่ะตั้งแต่
00:14:43 → 00:14:46 เห็นชัดเจนแล้วก็ต่อเนื่องตั้งแต่ 6
00:14:46 → 00:14:50 เดือนขึ้นมาค่ะก็คือเขาก็จะเริ่มจำได้ว่า
00:14:50 → 00:14:52 นี่คือหน้าแม่นี่คือหน้าพ่อนะคะอันนี้คือ
00:14:52 → 00:14:55 เสียงของแม่เสียงของพ่อแล้วก็เพิ่มขึ้นมา
00:14:55 → 00:14:58 เรื่อยๆค่ะเพราะฉะนั้นตั้งแต่เล็กเลย
00:14:58 → 00:15:01 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกหรือการเลี้ยงดู
00:15:01 → 00:15:03 อย่างใกล้ชิดเนี่ยจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วย
00:15:03 → 00:15:05 ทำให้พื้นฐานเรื่องของความจำในการใช้งาน
00:15:05 → 00:15:08 เนี่ยของเด็กคนนั้นดีด้วยค่ะเพราะฉะนั้น
00:15:08 → 00:15:10 กลายเป็นว่าจริงๆแล้วเด็กเรียนรู้กันตั้ง
00:15:10 → 00:16:11 แต่
00:16:11 → 00:16:13 ว่าเป็นเด็กกลุ่มที่เขาร้องไห้เขาจำเป็น
00:16:13 → 00:16:16 ต้องรอเพราะว่าพี่เลี้ยงเนี่ยมีแค่คน
00:16:16 → 00:16:18 เดียวแต่เด็กในสถานสงเคราะห์เนี่ยมีเยอะ
00:16:18 → 00:16:21 แยะมากมายเขาก็จะมีความเสี่ยงที่จะมีความ
00:16:21 → 00:16:23 จำในการใช้งานที่ไม่ดี
00:16:23 → 00:16:24 [เพลง]
00:16:24 → 00:16:28 อันนี้ก็คือเห็นใจขึ้นมาเลยแต่ว่าเข้าใจ
00:16:28 → 00:16:31 แหละว่าในลักษณะของแต่ละครอบครัวจะมี
00:16:31 → 00:16:35 ปัจจัยอะไรต่างๆในการที่จะเป็นการพัฒนา
00:16:35 → 00:16:39 ความจำของเด็กเนี่ยไม่เหมือนกันด้วยนะคะ
00:16:39 → 00:16:42 อาจารย์ใช่ค่ะมีการศึกษาคือการศึกษานึง
00:16:42 → 00:16:45 อ่ะค่ะที่ทำร่วมกับฮ่องกงนะคะก็พบว่า
00:16:45 → 00:16:48 ปัจจัยทางด้านเศรษฐศาสตร์นะคะเศรษฐศาสตร์
00:16:48 → 00:16:51 นะเนี่ยก็จะประกอบไปด้วย 1 ก็คือระดับราย
00:16:51 → 00:16:55 ได้นะคะรายได้ต่อเดือนของครอบครัวได้รับ
00:16:55 → 00:16:58 การศึกษาของผู้เลี้ยงดูนะคะอาชีพของผู้
00:16:58 → 00:17:00 เลี้ยงดูแล้วก็ในเรื่องของการกระตุ้น
00:17:00 → 00:17:03 พัฒนาการนะคะปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัย
00:17:03 → 00:17:07 สำคัญมากๆที่ไปส่งผลทำให้ทักษะความจำใน
00:17:07 → 00:17:09 การใช้งานของเด็กเนี่ยของแต่ละคนเนี่ยแตก
00:17:09 → 00:17:13 ต่างกันนะคะก็คือในส่วนของรายได้เราพบว่า
00:17:13 → 00:17:17 คนที่รายได้มากกว่านะคะพบว่าลูกของ
00:17:17 → 00:17:20 ครอบครัวนั้นเนี่ยจะมีทักษะในเรื่องของ
00:17:20 → 00:17:22 ความจำในการใช้งานที่ดีกว่าถ้าเทียบกับ
00:17:22 → 00:17:26 กลุ่มรายได้ที่น้อยกว่าด้วยส่วนหนึ่งก็
00:17:26 → 00:17:30 คือเขาก็จะมีศักยภาพในการที่จะพาเด็กไปใน
00:17:30 → 00:17:33 เรื่องของทำกิจกรรมนอกชั้นเรียนหรือให้
00:17:33 → 00:17:37 เด็กไปเข้าโรงเรียนนะคะที่ที่มีคุณภาพ
00:17:37 → 00:17:41 ต้องบอกอย่างนี้ที่มีคุณภาพนะคะที่มี
00:17:41 → 00:17:43 ลักษณะของการจัดการเรียนการสอนที่ให้เด็ก
00:17:43 → 00:17:47 ได้ลงมือกระทำได้ลงมือทำได้มีส่วนร่วมได้
00:17:47 → 00:17:50 มีประสบการณ์ต่างๆนะคะและนอกจากนั้นเขาก็
00:17:50 → 00:17:53 มีความสามารถในการที่จะซื้อสิ่งของที่
00:17:53 → 00:17:55 เป็นลักษณะของการกระตุ้นไปพัฒนาการอย่าง
00:17:55 → 00:17:58 เช่นหนังสือนิทานนะคะเพราะฉะนั้นเด็ก
00:17:58 → 00:18:01 กลุ่มนี้ก็พบว่าทักษะความจำในการใช้งาน
00:18:01 → 00:18:04 เนี่ยดีกว่าระดับการศึกษาและอาชีพของผู้
00:18:04 → 00:18:06 ปกครองก็จะเป็นตัวแปรที่ตามมานะคะระดับ
00:18:06 → 00:18:08 การศึกษาก็ทำให้ผู้ปกครองเห็นถึงความ
00:18:08 → 00:18:11 สำคัญของเรื่องการศึกษานะคะ
00:18:11 → 00:18:13 ให้ความสำคัญเกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:18:13 → 00:18:17 พัฒนาการของลูกนะคะแล้วก็นอกจากนั้นเมื่อ
00:18:17 → 00:18:20 เขามีอาชีพที่ดีรายได้ที่ดีปุ๊บแล้วเขาก็
00:18:20 → 00:18:24 ให้ความสำคัญด้วยว่าการศึกษาหรือว่าการ
00:18:24 → 00:18:26 กระตุ้นพัฒนาการของเด็กเนี่ยเป็นสิ่งที่
00:18:26 → 00:18:28 สำคัญอย่างนี้ค่ะเด็กกลุ่มนี้ก็พบว่า
00:18:28 → 00:18:31 ทักษะความจำในการใช้งานดีแต่ทั้งนี้ทั้ง
00:18:31 → 00:18:34 นั้นก็ไม่ใช่หมายความว่าคนที่รายได้น้อย
00:18:34 → 00:18:37 นะคะจะลูกของตัวเองจะทักษะความจำในการใช้
00:18:37 → 00:18:41 งานไม่ดี 100% เสมอไปไม่สามารถที่จะแบบ
00:18:41 → 00:18:45 ฝึกลูกตัวเองได้ก็พบว่าต่อให้ตัดใจใน
00:18:45 → 00:18:48 เรื่องของเศรษฐกิจในส่วนของรายได้นะคะ
00:18:48 → 00:18:52 เอ่ออาชีพนะคะระดับการศึกษาเป็นตัวแปรนึง
00:18:52 → 00:18:55 ที่สำคัญแต่ไม่ใช่ตัวแปรที่เป็นลักษณะคือ
00:18:55 → 00:18:58 เมื่อไหร่คุณรวยกว่าเมื่อนั้นความจำดีรวย
00:18:58 → 00:19:01 มากที่สุดในประเทศไทยลูกของคุณจะความจำดี
00:19:01 → 00:19:05 มากที่สุดในประเทศไทยไม่ใช่นะคะพบว่าต่อ
00:19:05 → 00:19:07 ให้รายได้เนี่ยไม่ดีแต่ถ้าเกิดว่าคุณ
00:19:07 → 00:19:09 เลี้ยงดูลูกโดยที่กระตุ้นพัฒนาการลูกคุณ
00:19:09 → 00:19:13 ดูแลเอาใจใส่ก็พบว่าเด็กกลุ่มนั้นก็มี
00:19:13 → 00:19:16 ความจำในการใช้งานที่ดีได้เช่นกันอันนี้
00:19:16 → 00:19:18 เห็นภาพตามที่อาจารย์บอกเลยค่ะเพราะว่า
00:19:18 → 00:19:21 จริงๆน้องๆหลายๆคนที่อาจจะด้วยความที่ไม่
00:19:21 → 00:19:24 เอื้ออำนวยของเศรษฐสถานะเท่าไหร่นะคะแต่
00:19:24 → 00:19:29 ว่าเก่งๆก็มีนะคะอาจารย์แบบเรียนรู้ได้ดี
00:19:29 → 00:19:32 แล้วก็เป็นเด็กที่เรียนเก่งแล้วก็สามารถ
00:19:32 → 00:19:35 ที่ดำรงชีพได้เป็นอย่างดีมีหน้าที่การงาน
00:19:35 → 00:19:37 ที่ดีในอนาคตได้เหมือนกันนะเยอะแยะมากมาย
00:19:37 → 00:19:42 เลยนะคะก็อาจจะด้วยประสบการณ์ด้วยหรือ
00:19:42 → 00:19:44 เปล่าคะอาจารย์ที่นอกจากเรื่องของการฝึก
00:19:44 → 00:19:46 ทักษะหรืออะไรเงี้ยเราอาจจะไม่ได้เชิง
00:19:46 → 00:19:48 น้องๆที่อาจจะไม่ได้เอื้ออำนวยเนี่ยเขา
00:19:48 → 00:19:50 ไม่ได้ในเชิงวิชาการแต่ว่าได้ประสบการณ์
00:19:50 → 00:19:55 ในการใช้ชีวิตในการที่แบบเผชิญพ่อแม่ให้
00:19:55 → 00:19:57 ความรักเขาแล้วก็ให้โอกาสเขาในเรื่องของ
00:19:57 → 00:20:00 การช่วยเหลือตัวเองด้วยได้ลงมือกับคำนะคะ
00:20:00 → 00:20:02 เพราะฉะนั้นเนี่ยยกตัวอย่างเช่นการปลูก
00:20:02 → 00:20:05 ต้นไม้ที่บ้านอาจจะปลูกผักแล้วพ่อแม่ก็
00:20:05 → 00:20:08 ให้เขาปลูกให้เขาต้องวางแผนต้องรู้ขั้น
00:20:08 → 00:20:10 ตอนว่าวิธีการในการที่จะทำคืออะไรต้องจำ
00:20:10 → 00:20:13 ขั้นตอนคนนั้นได้นั่นก็เป็นการฝึกความจำ
00:20:13 → 00:20:16 ในการใช้งานเช่นกันการทำงานบ้านนะคะพ่อ
00:20:16 → 00:20:19 แม่ไม่มีเวลาต้องทำงานเพราะฉะนั้นปล่อย
00:20:19 → 00:20:20 ให้เขาได้มีโอกาสในเรื่องของการช่วยเหลือ
00:20:20 → 00:20:24 ตัวเองทำงานบ้านเองการล้างจานนะคะการที่
00:20:24 → 00:20:26 เด็ก 1 คนจะจำขั้นตอนในเรื่องของการล้าง
00:20:26 → 00:20:28 จานได้นั่นคือการฝึกความจำในการใช้งาน
00:20:28 → 00:20:32 เช่นกันนะคะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบนพื้นฐาน
00:20:32 → 00:20:36 ของครอบครัวที่อยู่ด้วยกันด้วยด้วยกันสอน
00:20:36 → 00:20:40 นะคะด้วยความรักแปลว่าผู้ปกครองต้องให้
00:20:40 → 00:20:42 โอกาสเขาแล้วต้องสอนเขาก่อนนะคะในเด็กเขา
00:20:42 → 00:20:45 ยังไม่ได้มีประสบการณ์นะคะแต่ถ้าหากว่า
00:20:45 → 00:20:49 ผู้ปกครองบางกลุ่มที่ทำงานแล้วละเลยนะคะ
00:20:49 → 00:20:53 ปล่อยให้เด็กอยู่กับสื่ออยู่กับหน้าจอ
00:20:53 → 00:20:56 ดิจิทัลนะคะโดยที่ไม่ได้ให้เด็กได้ฝึก
00:20:56 → 00:20:58 หรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ฝึกในเรื่องของ
00:20:58 → 00:21:00 การวางแผนแก้ไขปัญหาเด็กกลุ่มนั้นก็จะพบ
00:21:00 → 00:21:03 ว่ามีทักษะความจำในการใช้งานไม่ดีค่ะ
00:21:03 → 00:21:07 โอ้โหอันนี้ก็แสดงว่าคือถ้าถ้าจะให้มันดี
00:21:07 → 00:21:12 ระยะยาวแล้วก็เป็นทักษะที่มันจะมีต่อไปใน
00:21:12 → 00:21:15 อนาคตของเราเรื่อยๆก็ต้องอยู่กับทักษะที่
00:21:15 → 00:21:18 หรือสิ่งแวดล้อมที่ดีที่เหมาะสมที่ถูก
00:21:18 → 00:21:21 ต้อง 1 ตามช่วงวัยด้วยแหละ 2 กับเรื่อง
00:21:21 → 00:21:24 ของความเหมาะสมที่ที่เขาจะได้เรียนรู้
00:21:24 → 00:21:26 ด้วยมันไม่ใช่แบบว่าไปเรียนรู้ในสิ่งที่
00:21:26 → 00:21:28 มันแบบอะไรก็ไม่รู้มันไม่ได้ต้องเรียนรู้
00:21:28 → 00:21:33 แต่ไปเรียนรู้ตรงนั้นก็อาจจะไม่ไม่ส่งผล
00:21:33 → 00:21:35 ที่ดีเท่าไรนะให้กับเด็กด้วยใช่ไหมคะ
00:21:35 → 00:21:38 เหมือนผู้ปกครองบางคนนะคะเวลาเราบอกว่า
00:21:38 → 00:21:41 เออเราประเมินความจำในการใช้งานของน้อง
00:21:41 → 00:21:44 แล้วนะน้องเนี่ยเอ่อพบว่าความจำในการใช้
00:21:44 → 00:21:46 งานของน้องเนี่ยถ้าเทียบกับช่วงวัยแล้ว
00:21:46 → 00:21:49 ต่ำกว่าช่วงวัยสมมติแบบนี้ผู้ปกครองก็มัก
00:21:49 → 00:21:51 เขาก็จะบอกว่าไม่จริงหรอกลูกเค้าอ่ะจำได้
00:21:51 → 00:21:53 หมดเลยขั้นตอนการใช้โทรศัพท์อย่างเงี้ย
00:21:54 → 00:21:58 เปิดมาเปิดเกมยังไงเปิด tiktok ยังไงรู้
00:21:58 → 00:22:00 หมดเลยตั้งแต่เล็กๆเลยเขาว่าอย่างนั้นคือ
00:22:00 → 00:22:03 เขาเขาจะแบบว่าสิ่งที่เขาก็จำได้ในนามนะ
00:22:03 → 00:22:08 แต่ๆๆเป็นคนละแบบใช่ไหมคะใช่ค่ะเป็นคนละ
00:22:08 → 00:22:10 แบบกันนะคะ
00:22:10 → 00:22:13 แล้วอย่างนี้เราเราจะๆเราจะอธิบายให้ผู้
00:22:13 → 00:22:15 ปกครองฟังคุณพ่อคุณแม่ฟังยังไงคะว่าเอ้ย
00:22:15 → 00:22:17 จริงๆแล้วสิ่งที่เข้าใจเนี่ยไม่ใช่นะแค่
00:22:18 → 00:22:20 การเปิดปิดตามขั้นตอนหรือว่าการเข้าไปดู
00:22:20 → 00:22:22 ในโซเชียลหรืออะไรเงี้ยมันไม่ได้เป็นการ
00:22:22 → 00:22:26 ฝึกทักษะเพื่อการใช้ชีวิตคือทักษะใน
00:22:26 → 00:22:28 เรื่องของการอ่าความจำในการใช้งานเนี่ย
00:22:28 → 00:22:32 ต้องอาศัยหลายๆหลายๆกิจกรรมคือต้องให้
00:22:32 → 00:22:36 โอกาสเด็กในการฝึกหลายๆกิจกรรมนะคะเพราะ
00:22:36 → 00:22:39 ว่าแต่ละกิจกรรมก็จะมีเขาเรียกว่ามี
00:22:39 → 00:22:42 เงื่อนไขหรือมีปัญหาให้เด็กมาแก้ในลักษณะ
00:22:42 → 00:22:45 ที่แตกต่างกันเพราะฉะนั้นถ้าเกิด 1 วัน
00:22:45 → 00:22:47 เนี่ยเด็กอยู่แต่กับจอดิจิทัลอย่างเดียว
00:22:47 → 00:22:49 นะคะหลังจากที่เปิดเข้าไปแล้วปึ๊บนะคะ
00:22:49 → 00:22:53 แล้วเด็กแก้ไขในเรื่องการเปิดซ้ำๆซ้ำๆ
00:22:53 → 00:22:55 เด็กทำได้อยู่แล้วมันมันกลายเป็นความจำ
00:22:55 → 00:23:00 ที่ไม่ต้องมันไม่ใช่การดึงออกมาใช้อีกต่อ
00:23:00 → 00:23:03 ไปนะคะและเท่านั้นไม่พอก็คือเวลาที่เด็ก
00:23:03 → 00:23:05 เนี่ยดูสื่อดิจิทัลเนี่ยมันเป็นลักษณะของ
00:23:05 → 00:23:08 การสื่อทางเดียวเด็กไม่ได้โต้ตอบเด็กไม่
00:23:08 → 00:23:12 ได้ฝึกการแก้ปัญหาระหว่างทางอัน
00:23:12 → 00:23:15 การที่ปล่อยให้เด็กนั่งแบบนั้นแล้วก็ทำ
00:23:15 → 00:23:18 ได้เพียงแค่การเปิดจอดิจิตอลหรือเปิด
00:23:18 → 00:23:21 โปรแกรมเหล่านั้นเนี่ยไม่ได้โอกาสเด็กใน
00:23:21 → 00:23:24 รุ่นการฝึกความจำในการใช้งานก็จะน้อยมาก
00:23:24 → 00:23:26 หรือว่าฝึกในเรื่องของการแก้ไขปัญหาก็จะ
00:23:26 → 00:23:29 น้อยมากถ้าเทียบว่าตอนเช้าเด็กต้องตื่นมา
00:23:29 → 00:23:33 ตื่นมาจะทำยังไงทำอะไรต่ออาบน้ำนะคะอาบ
00:23:33 → 00:23:37 น้ำวันนี้สบู่เกิดหมดต้องทำยังไงวันนี้ยา
00:23:37 → 00:23:40 สีฟันเกิดหมดต้องทำยังไงขั้นตอนต่อไปหลัง
00:23:40 → 00:23:42 จากที่อาบน้ำแต่งตัวแล้วต้องทำอะไรต่อ
00:23:42 → 00:23:44 อย่างเงี้ยค่ะการวางแผนของเขาก็จะได้มาก
00:23:44 → 00:23:48 กว่าแล้ววันนี้แม่บอกว่าโอเคเอ่อทำการ
00:23:48 → 00:23:50 บ้านเสร็จแล้วนะให้ล้างจานให้แม่ด้วย
00:23:50 → 00:23:52 อย่างเงี้ยค่ะเดี๋ยวก็จะต้องบริหารจัดการ
00:23:52 → 00:23:55 ในเรื่องของเวลาเพราะฉะนั้นโอกาสในการที่
00:23:55 → 00:23:58 จะฝึกของเด็กก็จะมากกว่านี้แหละน่าสนใจ
00:23:58 → 00:24:01 มากว่าเดี๋ยวนี้พอเอาแท็บเล็ตเอาโทรศัพท์
00:24:01 → 00:24:04 มือถือมาวางปุ๊บจบเลยไม่ได้ทำอะไรต่อเลย
00:24:04 → 00:24:08 มันไม่ได้เหมือนกันอยู่อยู่ตรงจุดอยู่กับ
00:24:08 → 00:24:11 สื่อดิจิตอลอันนั้นได้นานมากแล้วก็ไม่รบ
00:24:11 → 00:24:15 กวนพ่อแม่นะคะเพราะฉะนั้นพ่อแม่ก็จะสบาย
00:24:15 → 00:24:18 แทบจะไม่ต้องวางแผนอะไรเลยค่ะแค่บอกว่าดู
00:24:18 → 00:24:21 จบอ่ะดูตอนต่อไปดูตอนต่อไปแค่นั้นเองไม่
00:24:21 → 00:24:23 ได้เสริมสร้างทักษะอะไรเลยนะคะไม่ได้มี
00:24:23 → 00:24:26 การคิดวางแผนว่าเออเดี๋ยวจากนี้ทำการบ้าน
00:24:26 → 00:24:29 นะทำการบ้านอันนี้มีคิดยังไงทำการบ้าน
00:24:30 → 00:24:31 เสร็จทำอะไรต่อหรืออะไรมันไม่มี
00:24:31 → 00:24:33 ปฏิสัมพันธ์กับอะไรอย่างอื่นเลยค่ะนอกจาก
00:24:33 → 00:24:36 หน้าจอแค่นั้นเองนะคะใช่เท่านั้นไม่พอ
00:24:36 → 00:24:39 เรื่องของพัฒนาการจริงๆพัฒนาการของเด็ก
00:24:39 → 00:24:42 เนี่ยจะมี 4 ด้านหลังนะคะที่เราดูก็คือ 1
00:24:42 → 00:24:45 ก็คือให้กันด้านการช่วยเหลือตัวเองนะคะ
00:24:45 → 00:24:47 เด็กสามารถใส่เสื้อแต่งตัวได้เหมาะสมกับ
00:24:47 → 00:24:50 ไว้ไหมตักข้าวกินเองได้เหมาะสมกับวัยไหม
00:24:50 → 00:24:52 อย่างที่ 2 ก็คือพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ
00:24:52 → 00:24:55 มัดเล็กและการปรับตัวเด็กสามารถที่จะเอ่อ
00:24:55 → 00:24:59 วาดรูปวงกลมขีดเส้นตรงนะคะเอ่อตอบบล็อก
00:24:59 → 00:25:01 สูงมีสถานสัมพันธ์ระหว่างตากับมือได้
00:25:01 → 00:25:03 เหมาะสมกับไว้ไหมอย่างที่ 3 คือพระ
00:25:03 → 00:25:06 อาจารย์ทางด้านภาษานะคะอย่างที่ 4 คือ
00:25:06 → 00:25:08 พัฒนาการได้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เพราะฉะนั้น
00:25:08 → 00:25:11 ใน 4 พัฒนาการนี้เนี่ยเด็กก็ขาดโอกาสใน
00:25:11 → 00:25:16 การฝึกฝนด้วยนะคะถ้าเกิดว่าเด็กเนี่ยไปทำ
00:25:16 → 00:25:20 กิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ไปวิ่งเล่นนะคะไป
00:25:21 → 00:25:24 ล้างจานไปซักผ้านะคะเขาจะมีโอกาสที่จะได้
00:25:24 → 00:25:26 ฝึกเรื่องของพัฒนาการด้านอื่นๆอย่างเช่น
00:25:27 → 00:25:29 การล้างจานการซักผ้าก็จะได้ฝึกเรื่องของ
00:25:29 → 00:25:32 กล้ามเนื้อมัดเล็กและการปรับตัวด้วยอย่าง
00:25:32 → 00:25:34 นี้เพราะฉะนั้นเนี่ยโอกาสของเด็กในการที่
00:25:34 → 00:25:38 จะฝึกทักษะอื่นก็จะน้อยลงไปอีกค่ะ
00:25:38 → 00:25:42 ก็เพราะฉะนั้นก็ลองดูนะคะคุณคุณผู้ฟังที่
00:25:42 → 00:25:44 เป็นคุณพ่อคุณแม่นะคะฝึกทักษะตั้งแต่ยัง
00:25:44 → 00:25:47 เล็กเนี่ยนะคะแต่ถ้าเกิดว่าเอ่อสงสัยหรือ
00:25:47 → 00:25:50 ว่าเอ๊ะวิธีการจะเป็นยังไงก็สอบถามได้กับ
00:25:50 → 00:25:55 ทางเอ่อมหิดลเลยใช่ไหมคะอาจารย์
00:25:55 → 00:25:59 ก็สามารถติดต่อไปได้เลยนะคะเอาล่ะค่ะ
00:25:59 → 00:26:00 อาจารย์คะคุยกันเพลิดเพลินแป๊บเดียวหมด
00:26:00 → 00:26:04 เวลาแล้วค่ะเดี๋ยวเราจะได้เอ่อต้องลากัน
00:26:04 → 00:26:06 ไปด้วยเวลาเพียงเท่านี้ก่อนนะคะแล้ว
00:26:06 → 00:26:08 เดี๋ยวยังไงเราก็จะได้ถ้ามีอะไรที่น่าสน
00:26:08 → 00:26:10 ใจเราจะได้คุยกับอาจารย์ต่อไปด้วยนะคะ
00:26:10 → 00:26:14 ขอบคุณค่ะอาจารย์คะค่ะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะ
00:26:14 → 00:26:17 เอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้วนะคะพบกัน
00:26:17 → 00:26:19 ใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทาง ThaiPBS
00:26:19 → 00:26:21 podcast วันนี้ลาไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ
00:26:21 → 00:26:25 This Is Choice periouse ทำไมแมวที่
00:26:25 → 00:26:27 เลี้ยงจึงมีนิสัยหรือพฤติกรรมตะปุยส์หรือ
00:26:27 → 00:26:30 ข่วนเฟอร์นิเจอร์จนเสียหายยับเยินผู้ช่วย
00:26:30 → 00:26:32 ศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ดรธีรกิจ
00:26:32 → 00:26:34 รุ่งเรืองกิจไกลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
00:26:34 → 00:26:37 มาเล่าให้ฟังครับ
00:26:37 → 00:26:40 ปัญหาที่เกิดจากการเลี้ยงเนี่ยนอกจาก
00:26:40 → 00:26:42 เรื่องการป่วยเรื่องการดูแลเรื่องอะไร
00:26:42 → 00:26:45 ต่างๆสิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยากจะฝาก
00:26:45 → 00:26:47 สำหรับคนที่จะเลี้ยงแมวไม่ว่าจะตั้งใจ
00:26:47 → 00:26:50 เลี้ยงหรืออุบัติเหตุอะไรก็แล้วแต่คือเรา
00:26:50 → 00:26:52 ต้องทราบสัญชาตญาณและพฤติกรรมของสัตว์
00:26:52 → 00:26:55 เหล่านั้นก่อนที่จะเลี้ยงเพราะไม่งั้น
00:26:55 → 00:26:57 เนี่ยอันนี้เป็นสัญชาตญาณหรือพฤติกรรม
00:26:57 → 00:27:00 ปกติที่สำหรับแมวมันปกติแต่มันอาจจะทำให้
00:27:00 → 00:27:02 เกิดความไม่พอใจความไม่สบายใจหรือความ
00:27:02 → 00:27:05 รำคาญในส่วนของคนก็เป็นไปได้ทีนี้เนี่ย
00:27:05 → 00:27:10 ถ้าเราเข้าใจสัญชาตญาณพฤติกรรมของแมวแล้ว
00:27:10 → 00:27:13 ป้องกันหรืออะไรต่างๆแล้วเนี่ยผมว่าเรา
00:27:13 → 00:28:14 สามารถอยู่ด้วยกันได้สบาย
00:28:14 → 00:28:17 ที่แกร๊กๆๆสังเกตไหมเวลาเขาเดินจะนุ่มจะ
00:28:17 → 00:28:19 เสียงเบามากเพราะมันจะมีอุ้งเท้าที่เป็น
00:28:19 → 00:28:22 เป็นเหมือนกับหมอนนุ่มๆเป็นแพ็คนุ่มๆแต่
00:28:22 → 00:28:23 เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเหยียดเขาเกร็งเนี่ย
00:28:23 → 00:28:26 มันจะเป็นการที่ดันให้ตัวเล็บเนี่ยยืดออก
00:28:26 → 00:28:29 มาเพื่อใช้สำหรับกิจกรรมหรือเวลาเขา
00:28:30 → 00:28:33 เหยียดเพื่อคลายความเมื่อยล้าเนี่ยก็จะ
00:28:33 → 00:28:37 เหยียดขาแล้วเล็บก็จะโผล่ออกมาจะใช้เล็บ
00:28:37 → 00:28:40 เมื่อต้องการทำกิจกรรมในการคั่วในการปีน
00:28:40 → 00:28:43 ต้นไม้ในการทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าเราเข้าใจ
00:28:43 → 00:28:45 สถานการณ์ตรงนี้เพราะว่าแมวจะมีการฝนเล็บ
00:28:45 → 00:28:47 อยู่แล้วทุกตัวเกือบทุกตัวอยู่แล้วแล้วก็
00:28:48 → 00:28:51 ในบ้านเนี่ยถ้าเกิดว่าอะไรที่ใกล้มือเขา
00:28:51 → 00:28:54 อ่ะลักษณะที่มันเหมาะสมที่แบบโอ้โหมันรับ
00:28:54 → 00:28:56 แล้วมันสบายไม่เจ็บไม่เจ็บนิ้วแล้วแบบ
00:28:56 → 00:28:59 โอ้โหมันดู relax มากเลยเค้าก็จะใช้โซฟา
00:29:00 → 00:29:02 เบาะหนังเป็นอะไรที่แบบตะกุยไปแล้วไม่
00:29:02 → 00:29:04 เจ็บไม่เจ็บมือไม่เจ็บเล็บเพราะฉะนั้น
00:29:04 → 00:29:07 เนี่ยถ้าเกิดว่าเราทราบว่านี่คือ
00:29:07 → 00:29:11 สัญชาตญาณปกติของเขาแล้วเราห้ามไม่ได้แต่
00:29:11 → 00:29:14 ทำยังไงที่เราจะอยู่กับเขาได้เพราะฉะนั้น
00:29:14 → 00:29:17 ต้องเบี่ยงเบนความสนใจครับโดยการที่หา
00:29:17 → 00:29:20 อุปกรณ์ภาชนะหรือของเล่นอะไรก็แล้วแต่
00:29:20 → 00:29:23 เพื่อให้เขามาใช้ในการขนเล็บในการตระกูล
00:29:23 → 00:29:33 แทนอุปกรณ์ที่เราไม่อยากให้ใช้
00:29:33 → 00:29:36 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:29:36 → 00:29:40 ของไทยพีแดชดคลาส spotify Sound Google
00:29:40 → 00:29:43 podcast Apple กดคลาสและ YouTube
00:29:43 → 00:29:47 Channel Thai PBS portcast PBS
00:29:47 → 00:29:51 beautiful
00:29:51 → 00:29:56 [เพลง]