00:00:00 → 00:00:03 คำว่าลำไส้แปรปรวนก็หมายความว่ามันมีการ
00:00:03 → 00:00:07 ทำงานของลำไส้ที่ผิดปกติอนะครับค่ะโดยที่
00:00:08 → 00:00:11 ไม่ได้มีเรื่องของ
00:00:11 → 00:00:17 โรคที่มีปัญหาชัดเจนเช่นไม่มีการติดเชื้อ
00:00:17 → 00:00:21 ไม่มีเนื้องอกค่ะไม่มีปัญหาเรื่องของ
00:00:21 → 00:00:22 เกี่ยวข้องกับ
00:00:23 → 00:00:27 เอ่อเรื่องของการอุดอุดตันของลำไส้นะครับ
00:00:28 → 00:00:31 อาการของโรคนี้เนี่ยหลักหลักก็คือ 1 ก็
00:00:31 → 00:00:33 คือปวดท้องนั่นเองนะครับอืเพราะว่าลำไส้
00:00:33 → 00:00:37 มันจะมีการบีบตัวที่ผิดปกติอาจจะมากกว่า
00:00:37 → 00:00:41 ปกติหรือน้อยกว่าปกตินะครับหรือว่าการบีบ
00:00:41 → 00:00:44 ตัวไม่เป็นจังหวะครับก็เจริญให้อันที่ 1
00:00:44 → 00:00:47 ก็มีอาการปวดท้องบางทีก็จะปวดเป็นแบบ
00:00:47 → 00:00:51 ลักษณะปวดบิดๆนะครับตำแหน่งที่ปวดบ่อยมัก
00:00:51 → 00:00:54 จะเป็นบริเวณท้องน้อยมากกว่าตำแหน่งอื่น
00:00:54 → 00:00:57 นะครับอืนอกจากจะมีอาการปวดท้องแล้วเนี่ย
00:00:57 → 00:01:00 ก็คือคำว่าดำไส้เนี่ยเนี่ยเราก็ทราบอยู่
00:01:00 → 00:01:02 แล้วว่ามันมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขับ
00:01:02 → 00:01:05 ถ่ายนะครับครับค่ะะนั้นเนี่ยคนไข้ก็จะมี
00:01:05 → 00:01:08 ปัญหาเรื่องขับถ่ายผิดปกติร่วมด้วยกับ
00:01:08 → 00:01:12 อาการปวดทองนะครับค่ะเช่นอาจจะถ่ายเหลว
00:01:12 → 00:01:17 มากกว่าปกติอุจจาระเป็นน้ำนะครับหรือบาง
00:01:17 → 00:01:20 คนอุจาระเล็กลงเป็นลักษณะเป็นเส้นนะครับ
00:01:20 → 00:01:23 บางคนเป็นเยอะถ่ายออกมาเป็นขี้แพะเลยก็
00:01:23 → 00:01:26 ได้อ๋อที่เป็นเม็ดๆๆๆใช่มั้ยฮอุจจระแบบ
00:01:26 → 00:01:30 อุจจระกระต่ายอะไรเงี้เม็ดๆๆๆเป็นแต่ก็
00:01:30 → 00:01:34 นอกจากนั้นก็จะมีอาการมีอืดท้องมีลมเยอะ
00:01:34 → 00:01:37 แล้วก็ในบางครั้งสุดถ่ายไม่สุดนะครับจะ
00:01:37 → 00:01:40 เป็นอาการของเราได้แ8ส่วนครับเหมือนค้างๆ
00:01:40 → 00:01:43 อยู่ครับเหมือนกับถ่ายเราถ่ายแล้วรู้สึก
00:01:43 → 00:01:46 ว่ามันเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วสักพักนึงเดิน
00:01:46 → 00:01:48 ออกมาก็รู้สึกอยากจะเข้าอีกโรคพวกนี้
00:01:48 → 00:01:52 เนี่ยอย่างที่บอกนะครับว่าเราจะต้องแน่ใจ
00:01:52 → 00:01:55 ว่าเไม่มีโรคอันอื่นซึ่งทำให้เกิดปัญหา
00:01:56 → 00:01:59 นอกจากการทำงานของลำไส้ที่ผิดปกติไปนะ
00:01:59 → 00:02:03 ครับค่ะค่ะอ่าก็โรคพวกนี้ก็คืออที่บอก
00:02:03 → 00:02:06 เมื่อกี้ 1 เรื่องของการอักเสบติดเชื้อนะ
00:02:06 → 00:02:09 ครับอันที่ 2 ที่สำคัญก็คือโรคเกี่ยวข้อง
00:02:09 → 00:02:12 กับพวกเนื้องอกหรือมะริงนะฮะอืที่ 3 ก็จะ
00:02:12 → 00:02:16 เป็นความื่นๆเช่นเป็นพวกโรคไทรรอยด์ครับ
00:02:16 → 00:02:18 เป็นโรคของเบาหวานและมีเชื้อโรคในลำไส้
00:02:18 → 00:02:22 เติบโตผิดปกติอืนะครับหรือว่าเป็นคนแ่ไป
00:02:22 → 00:02:25 ทานยาอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการจะ
00:02:25 → 00:02:28 เป็นยาบางตัวทำให้ท้องผูกบางตัวทำให้ท้อง
00:02:28 → 00:02:31 เสียดายอือืแล้วก็อีกอันนึงในคนไทยที่อาจ
00:02:31 → 00:02:34 จะเจอบ่อยขึ้นนิดนึงก็คือเรื่องของภาวะ
00:02:34 → 00:02:36 เรื่องของทานทานนมไทำให้เกิดมีอาการ
00:02:36 → 00:02:39 เนื่องจากว่าคนไทยอาจจะขาดเอนไซม์พวก
00:02:39 → 00:02:42 แลคเตสซึ่งมีหน้าที่ย่อยนมนะครับออค่ะอ่า
00:02:42 → 00:02:46 อีกอันนึงก็ที่มีการพูดถึงก็คือว่าความ
00:02:46 → 00:02:49 ไม่สมดุลของแบคทีเรียที่ดีกับไม่ดีสายก็
00:02:49 → 00:02:52 อาจจะเป็นปัจจัยนึงที่มีคนกล่าวถึงบ่อยๆ
00:02:52 → 00:02:53 เหมือนกันว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการเกียบ
00:02:54 → 00:02:57 ภาวะ่ 8 ส่่วนได้ครับอืออ
00:02:57 → 00:03:01 ค่ะแล้วเรื่องของการปรับสมดุลลำไส้เนี่ย
00:03:01 → 00:03:04 เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองมคะคุณหมอคะ
00:03:04 → 00:03:08 เอ่อการปรับสมดุลลำไส้จริงๆเนี่ยอย่างที่
00:03:08 → 00:03:11 บอกนะครับว่าลำไส้แปรปวนเนี่ยเราไม่ทราบ
00:03:11 → 00:03:14 สาเหตุชัดเจนนะครับค่ะส่วนมากก็คิดว่า 1
00:03:14 → 00:03:18 ก็คือมีการบีบการบีบตัวของลำไส้ผิดปกติ
00:03:18 → 00:03:21 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บีบผิดปกติเนี่ยก็จะมี
00:03:21 → 00:03:25 หลายปัจจัยนะครับเช่นเรื่องของอาหารการ
00:03:25 → 00:03:28 กินนะครับอาหารบางอย่างก็มีปัญหาได้เช่น
00:03:28 → 00:03:32 พวกรสจัดหรือว่าอาหารที่ย่อยยากนะครับอัน
00:03:32 → 00:03:34 ที่ 2 ก็จะเป็นเรื่องของภาวะจิตใจการพัก
00:03:34 → 00:03:37 ผ่อนนะครับความเครียดอะไรพวกนี้ก็จะมี
00:03:37 → 00:03:40 ส่วนนะครับก็จะต้องปรับในลักษณะพวกนี้อัน
00:03:40 → 00:03:44 ที่ 3 เนี่ยโลคนี้จะพิเศษนิดนึงคือจะพบใน
00:03:44 → 00:03:47 สุภาพสตรีได้บ่อยกับผู้ชายออนะครับเพราะ
00:03:47 → 00:03:48 ว่าส่วนหนึ่งเชื่อว่าอาจะเกี่ยวข้องกับ
00:03:48 → 00:03:51 การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนนะครับค่ะเอิด
00:03:51 → 00:03:53 ผู้หญิงก็จะเจอบ่อยเนื่องจากผู้หญิงอาจจะ
00:03:53 → 00:03:56 มีฮอร์โมนที่ปกติเช่นบางคนจะมีอาการใกล้ๆ
00:03:56 → 00:03:58 เวลามีประจำเดือนนะครับค่ะแล้วก็เรื่อง
00:03:58 → 00:04:01 ของความเครียดอะไรครับก็จะเกี่ยวข้องด้วย
00:04:01 → 00:04:04 อืนะครับนอกจากนั้นก็จะเป็นปัจจัยที่
00:04:04 → 00:04:08 เกี่ยวข้องกับเรื่องของเอ่อการใช้ยาบาง
00:04:08 → 00:04:12 อย่างซึ่งอาจจะมีผลได้เช่นบางท่านเอ่อทาน
00:04:12 → 00:04:14 ยาความดันบางตัวอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่อง
00:04:14 → 00:04:18 การขับถ่ายที่ไม่ดีนะครับหรือว่าทานอาหาร
00:04:18 → 00:04:21 ซึ่งมีกากใยน้อยก็จะมีปัญหานะครับหรือ
00:04:21 → 00:04:23 อาหารบางใหญ่ที่ย่อยยากการเชื่ออาหารที่
00:04:23 → 00:04:26 ไม่ละเอียดครับก็จะเป็นปัจจัยเสริมที่ทำ
00:04:26 → 00:04:28 ให้เรามีปัญหาตรงนี้ร่วมด้วยได้ครับครับ
00:04:28 → 00:04:33 อืค่ะอืๆๆๆโรคนี้เนี่ยมันเป็นโรคที่ถ้า
00:04:33 → 00:04:36 พูดภาษาชาวบ้านจริงๆก็คือเป็นโรคที่พูด
00:04:36 → 00:04:39 ง่ายๆคือมันเป็นๆหหายครับไม่หายขาดอก็
00:04:39 → 00:04:42 เกี่ยวข้องกับเรื่องของมีปัจจัยของตัวผู้
00:04:42 → 00:04:45 ป่วยเองปัจจัยของสิ่งแวดล้อมปัจจัยการ
00:04:45 → 00:04:48 จำเนินชีวิิตนะครับอย่าเกี่ยวข้องค่ะค่ะ
00:04:48 → 00:04:50 แล้วถ้าเป็นอย่างงี้เนี่ยคือความเป็นเป็น
00:04:51 → 00:04:54 หายๆนี่บางครั้งเนี่ยเอ่อเราในเอ่อฐานะ
00:04:54 → 00:04:56 ผู้ป่วยเนี่ยเราจะสังเกตอาการยังไงแล้ว
00:04:56 → 00:04:58 อ่ะเป็นประมาณเนี้ยต้องไปหาหมอแล้วล่ะ
00:04:58 → 00:05:00 ต้องไปพบแพทย์แล้วล่ะคือคือมันเป็นนาน
00:05:00 → 00:05:02 เท่าไหร่คะคุณหมอคะถ้าเกิดว่ามีอาการแต่
00:05:02 → 00:05:04 เราดูแล้วเนี่ยอาการไม่ไม่ได้เยอะมาก
00:05:04 → 00:05:09 เนี่ยเราอาจจะลองเช่นตื่นขึ้นมาเช้าทาน
00:05:09 → 00:05:12 อาหารแล้วรู้สึกปวดอย่าเข้าห้องน้ำบ่อยๆ
00:05:12 → 00:05:15 อะไรเงี้ยค่ะก็อาจจะเป็นอาการนึงของหับ
00:05:15 → 00:05:18 เส้แปรปรวนได้อืนอกนั้นก็คือเป็นเส้นพวก
00:05:18 → 00:05:21 ทานอาหารรถจัตนะครับหรือว่าเกี่ยวข้องกับ
00:05:21 → 00:05:25 ประจำเดือนถ้าเกิดว่าเรามีอาการแต่ไม่มี
00:05:25 → 00:05:27 ปัจจัยเตือนชัดเจนนะฮะปัจจัยเตือนที่ควร
00:05:27 → 00:05:30 จะรีบมาพบแพทย์ก็จะมีหลายอย่างนะครับยก
00:05:30 → 00:05:34 ตัวอย่างเช่น 1 น้ำหนักลดนะครับค่ะลดนะฮะ
00:05:34 → 00:05:37 ประมาณสัก 5% ใน 3 เดือนหรือ 10% ใน 6
00:05:37 → 00:05:40 เดือนนะครับครับอันที่ 2 นะครับก็มีถ่าย
00:05:40 → 00:05:43 เป็นเลือดนะครับค่ะถ่ายเป็นมูกเนี่ยอาจจะ
00:05:43 → 00:05:45 ถ่ายได้นะครับเพราะว่ามูกในลำไส้ใหญ่จะมี
00:05:45 → 00:05:47 การขับมูกออกมาอยู่แล้วเพื่อช่วยให้
00:05:47 → 00:05:50 อุจจาระที่ออกมาเนี่ยมันถ่ายได้ดีขึ้น
00:05:50 → 00:05:52 ครับแต่เมื่อไรก็ตามถ้ามีถ่ายเป็นเลือดนะ
00:05:52 → 00:05:56 ครับควรจะมาพบแพทย์นะครับอันที่ 3 ก็เช่น
00:05:56 → 00:06:00 ถ้ามีเรื่องของภาวะโลหิตจางเหนื่อยง่ายนะ
00:06:00 → 00:06:03 ครับก็แสดงว่าจะมีอักเสบหรือมีแผลอยู่นะ
00:06:03 → 00:06:07 ครับคที่ 4 ก็คือบางท่านจะมีอาการอาเจียน
00:06:07 → 00:06:11 หรือรังนะครับหรือว่ากินข้าวไม่ได้นะฮะ
00:06:11 → 00:06:14 เพรานั้นอีกปัจจัยนึงที่สำคัญก็คือในผู้
00:06:14 → 00:06:16 ป่วยนะครับที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรค
00:06:16 → 00:06:20 มะเร็งนะฮะค่ะหรือไม่มีประวัติครอบครัว
00:06:20 → 00:06:24 แต่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปนะครับค่ะ
00:06:24 → 00:06:26 กลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เราต้อง
00:06:26 → 00:06:30 มาทำการทรัพประวัติตรวจร่างกาย
00:06:30 → 00:06:33 เพื่อดูว่าเ้าไม่ได้มีโรคอื่นซ่อนอยู่นะ
00:06:33 → 00:06:36 ครับอในบางรายที่มีไม่ชัดเจนเราอาจต้อง
00:06:36 → 00:06:39 เจาะเลือดดูเรื่องของเม็ดเลือดการทำงาน
00:06:39 → 00:06:41 ของเลือดนะครับอดูการทำงานของส่อม
00:06:41 → 00:06:45 ไทรรอยด์อุจจาระดูว่ามีเลือดออกมั้ยอือฮึ
00:06:45 → 00:06:48 แล้วก็ในรายที่สงสัยแล้วก็มีข้อบ่งี้อาจ
00:06:48 → 00:06:50 จะต้องทำการส่องกล้องดูเพื่อดูว่ามี
00:06:50 → 00:06:52 สาเหตุอื่นที่ทำให้เ้ามีปัญหาเรื่องการ
00:06:52 → 00:06:55 ปวดท้องและการขับสายที่ผิดปกติหรือไม่
00:06:55 → 00:06:58 ครับมันมันมันต้องจัดการตัวเองยังไงครับ
00:06:58 → 00:07:01 หมายคามว่าจะต้องเปลี่ยนวิธีการกินมหรือ
00:07:01 → 00:07:04 ว่าเปลี่ยนวิธีการดูแลตัวเองมากน้อยแค่
00:07:04 → 00:07:07 ไหนครับอาจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
00:07:07 → 00:07:10 เช่นอันที่ 1 ก็พยายามทานอาหารเป็นเวลานะ
00:07:10 → 00:07:15 ครับออก่อนให้เพียงพอออกกำลังกายสม่ำเสมอ
00:07:15 → 00:07:18 แล้วก็งดเรื่องของการดื่มบุหรี่เอ่อการ
00:07:18 → 00:07:21 ดื่มเหล้าแล้วก็สูบบุหรี่นะครับค่ะอืแล้ว
00:07:21 → 00:07:25 ก็อันที่ 2 ที่สำคัญก็คือมันจะมีอาหารบาง
00:07:25 → 00:07:28 อย่างซึ่งกระตุ้นให้มีอาการได้ค่ะอาหารใน
00:07:28 → 00:07:31 กลุ่มนี้เช่นอาหารที่มันหวานมากๆมีน้ำตาล
00:07:31 → 00:07:35 เยอะๆอาหารพวกนมหรือผลิตภัณฑ์ของนมนะครับ
00:07:35 → 00:07:37 ในอย่างที่บอกคณกินมเนี่ยมันย่อยยากอยู่
00:07:37 → 00:07:40 แล้วแล้วก็ในบางครั้งคนไทยก็จะมีไอ้
00:07:40 → 00:07:43 เอนไซม์ที่ย่อยนมเนี่ยค่อนข้างที่จะน้อย
00:07:43 → 00:07:46 ค่ะแล้วก็จะมีอาหารพวกบางอย่างซึ่งมันจะ
00:07:46 → 00:07:49 ย่อยขงขงจะยากนะครับพวกข้าวสาลีพวกหัวหอม
00:07:49 → 00:07:52 กระเทียมก็ควรจะหลีกเลี่ยงนะครับแล้วก็
00:07:52 → 00:07:55 พวกถั่วต่างๆนี่ก็มีผลเหมือนกันนะฮะอืค่ะ
00:07:55 → 00:08:00 อืแล้วก็เอ่อพยายามทานเคี้ยวให้ละเอียด
00:08:00 → 00:08:04 แล้วก็เ่อหลังทานแล้วเนี่ยก็ควรจะเดินให้
00:08:04 → 00:08:07 อาหารมันย่อยสักชั่วโมง 2 ชั่วโมงไม่ควร
00:08:07 → 00:08:10 นอนเลยนะพวกนี้ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยรานั้น
00:08:11 → 00:08:13 คือบางคนที่บอกว่าการดื่มน้ำในราที่มี
00:08:13 → 00:08:15 อาการท้องผูก็อาจจะช่วยได้ด้วยบางท่านที่
00:08:15 → 00:08:18 มีปัญหาท้องผุอาจจะดื่มน้ำช่วงเช้าเยอะ
00:08:18 → 00:08:21 นิดนึงก็ได้จะช่วยให้รำไส้มันถยได้ดีขึ้น
00:08:21 → 00:08:23 อือแต่ถ้าเกิดเราไม่ได้มีปัญหาตรงนั้นก็
00:08:23 → 00:08:27 อาจจะดื่มตามปกติได้ครับเ่อนมเปรี้ยวหรือ
00:08:27 → 00:08:31 ว่าอะไรพวกนี้เพิ่มเติมลงไปช่วยเรื่องของ
00:08:31 → 00:08:34 ระบบรำไส้ด้วยได้มั้ฮะมันจะแล้วแต่บริษัท
00:08:34 → 00:08:37 นะครับว่าตัวนมเปรี้ยวมันก็เป็นตัวนมที่
00:08:37 → 00:08:41 ผ่านการเการเฟอร์มหรือการการการการหมักไป
00:08:41 → 00:08:44 มันก็เกิดกายเป็นมีกดขึ้นมาพวกิิตงนี้
00:08:44 → 00:08:48 เนี่ยทีนี้ตัวนมเองเนี่ยก็จะมีส่วนประกอบ
00:08:48 → 00:08:54 ที่สำคัญก็คือน้ำตาลแป้งโปรตีนนะครับนะก็
00:08:54 → 00:08:56 บางคนก็บอกว่าตานนมเนี่ยพวกนี้เนี่ยก็จะ
00:08:56 → 00:08:59 ช่วยในการขับถ่ายได้ดีขึ้นค่ะครับแต่
00:09:00 → 00:09:01 อย่างไรก็ตามเนี่ยถ้าเกิดนมที่จะมี
00:09:01 → 00:09:04 ประโยชน์มากเป็นนมที่มีตัวเชื้อโรคที่มี
00:09:04 → 00:09:06 เชื้อจุรินซีมีประโยชน์ด้วยก็จะดีกว่าคือ
00:09:06 → 00:09:10 พวกมีโปรไบโอติกร่วมด้วยค่ะนะพวกนี้ก็จะ
00:09:10 → 00:09:13 ปรับสมดุลลำไส้ซึ่งในบางครั้งเนี่ยเราบอก
00:09:13 → 00:09:15 ว่ากินเชื้อพวกนี้เราก็บอกว่าสาเหตุหนึ่ง
00:09:15 → 00:09:18 ที่ทำให้การขับถ่ายผิดปกตินะใชไที่เป็น
00:09:18 → 00:09:22 ลักษณะของโรครำใช้แปรปวนนะครับหรือว่าเรา
00:09:22 → 00:09:25 มอบมักจะใช้คำย่อว่า ibs นะครับนะแล้วก็
00:09:26 → 00:09:27 บอกว่าอาจจะเป็นปัญหาเรื่องของเชื้อโรค
00:09:28 → 00:09:30 ที่ไม่สมดุลในรำใช่เพราะฉะนั้นในบางครั้ง
00:09:30 → 00:09:35 ก็มีการนำโปรไบโอติกนะครับมามามามาในการ
00:09:35 → 00:09:38 ช่วยทำให้การขับข่ายดีขึ้นนะครับถามว่ามี
00:09:38 → 00:09:42 หลักฐานทางการแพทย์ชัดเจนมก็มีพอสมควรนะ
00:09:42 → 00:09:44 ครับแต่อย่างไรก็ตามบติกในประเทศไทยเนี่ย
00:09:44 → 00:09:48 ถือว่าไม่ใช่ยานะครับใช้เเรียกอะไรอ่ะ
00:09:48 → 00:09:50 อาหารเสิมอาหารเสริมป่ะคะอ่าอาหารเสริม
00:09:50 → 00:09:54 ใช่ครับยกเพนมันจะมีบางตัวที่จัดเป็นยานะ
00:09:54 → 00:09:56 ครับอืเพราฉะนั้นตัวนี้เนี่ยถ้าเกิดว่า
00:09:56 → 00:09:59 เราอาจจะลองดูก็สามารถจะลองได้ครับบางคน
00:09:59 → 00:10:02 ก็สามารถถ่ายได้ดีขึ้นช้วยได้เหมือนกันอ
00:10:02 → 00:10:06 ค่ะเอ่อการขับถ่ายอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญนะ
00:10:06 → 00:10:09 ฮะเพราะว่าคนเราเนี่ยเวลาที่มีการขับถ่าย
00:10:09 → 00:10:11 เนี่ยอาหารที่าช่วยในการขับถ่ายได้ดีที่
00:10:11 → 00:10:14 สุดคืออาหารที่มีพวกเเรียกใหญ่อาหารบอรนะ
00:10:14 → 00:10:18 ฮะพวกนี้ก็จะทำให้อุตสาเราเนี่ยมีกากแล้ว
00:10:18 → 00:10:20 ก็ลำไส้เราสามารถบีบตัวในการขับถ่ายได้ดี
00:10:20 → 00:10:23 ขึ้นอค่ะในบางท่านเนี่ยถ้าเกิดว่าเราไม่
00:10:23 → 00:10:27 ทานพวกผักผลไม้เลยนี่ก็จะอาจจะทำให้การ
00:10:27 → 00:10:30 ขับข่ายเราแย่ลงได้นะครับครับนอกจากนั้น
00:10:30 → 00:10:32 เนี่ยอย่างที่บอกว่าต้องเสแปปรวนเนี่ยก็
00:10:32 → 00:10:35 จะมีอาหารบางอย่างซึ่งอาจจะกระตุ้นให้มี
00:10:35 → 00:10:38 อาการมากขึ้นอพูดถึงบ่อยๆก็จะเป็นอาหาร
00:10:38 → 00:10:41 เรื่องของรสจักนะครับแล้วก็อาจจะมีอาหาร
00:10:41 → 00:10:45 บางอย่างซึ่งมีพวกแป้งหรือน้ำตาลเยอะแล้ว
00:10:46 → 00:10:48 รวมทั้งผลิตภัของนมอาจจะต้องมีการระวัง
00:10:48 → 00:10:51 นิดนึงอ๋อนะครับนอกจากนั้นอีกกลุ่มหนึ่ง
00:10:51 → 00:10:54 ที่อาจจะทำให้คุณแช่ประเทศควรแย่ลงก็พวก
00:10:54 → 00:10:57 ถั่วต่างๆอาจจะต้องจะต้องทางในปริมาณที่
00:10:57 → 00:11:01 เหมาะสมค่ะอออออแต่ว่าสำหรับคนลำไส้แปร
00:11:01 → 00:11:03 ปรวนเนี่ยมันจะมีส่วนนึงที่คุณหมอบอกว่า
00:11:03 → 00:11:07 อ่าอาจจะท้องผูกเงี้ยค่ะแล้วเขาอาจจะแก้
00:11:07 → 00:11:10 ปัญหาด้วยกันไปซื้ออาหารเสริมพวกเอ่อ
00:11:10 → 00:11:14 ไฟเบอร์ต่างๆเนี่ยอันนี้เนี่ยมันควรหรือ
00:11:14 → 00:11:17 ไม่ควรคะเอ่อจริงๆก็เป็นคำถามที่ดีเพราะ
00:11:17 → 00:11:20 ว่าปัจจุบันก็จะมีไฟเบอร์นี่ขายเยอะมาก
00:11:21 → 00:11:24 ใช่ค่ะมันเป็นทางลัดเยอะมากทั้งแบบเอ่อ
00:11:24 → 00:11:27 อาหารสุขภาพอะไรพวกเยครับค่ะคือไฟเบอร์
00:11:27 → 00:11:30 จริงๆก็เป็นถ้าพูดภาษาบ้านก็คือคล้ายๆพืช
00:11:30 → 00:11:32 ผักของเรานั่นแหละเพียงแต่ว่าเ้าแปรรูป
00:11:32 → 00:11:35 ให้มันอยู่ในรูปที่เราสามารถที่จะรับ
00:11:35 → 00:11:38 ประทานได้ง่ายขึ้นครับค่ะเช่นบางบางท่าน
00:11:38 → 00:11:41 ก็ไม่ชอบรสชาติบางท่านก็ไม่ชอบกลิ่นเงี้ย
00:11:41 → 00:11:44 ฮะค่ะก็จะทำให้เออพอทำเป็นลูกไฟเบอร์ปุ๊บ
00:11:45 → 00:11:48 พวกนี้ก็จะมีการเอ่อทำให้ตัวอาหารเนี่ย
00:11:48 → 00:11:53 เ่อกินง่ายผสมน้ำรสชาติดีนะครับค่ะว่า
00:11:54 → 00:11:56 สามารถใช้แทนอาหารที่เป็นเรื่องของัก
00:11:56 → 00:12:00 ผลไม้ได้มยเนี่ยอโดยทั่วไปจะเป็นเดู
00:12:00 → 00:12:03 บริษัทที่ผลิตนิดนึงแล้วกันนะครับว่าเมา
00:12:03 → 00:12:06 ได้มาตรฐานหรือเปล่าอือเช่นเป็นบริษัท
00:12:06 → 00:12:11 เอ่อมีอันที่ 1 ก็เราก็ดูพวกอยพวกอะไรนิด
00:12:11 → 00:12:13 นึงแล้วก็ดูยี่ห้อที่เค้ามีคนใช้อยู่
00:12:13 → 00:12:17 อะไรงเงี้ยในท้องตลาดก็จะดีอือันที่ 2
00:12:17 → 00:12:19 ไฟเบอร์เนี่ยอย่างที่บอกนะครับว่ามันเป็น
00:12:19 → 00:12:23 สารซึ่งเ่อเราใช้ทานผักแทนผักผลไม้เนี่ย
00:12:23 → 00:12:26 การรับประทานก็ถ้ามากเกินไปมันก็ไม่ดีได้
00:12:26 → 00:12:30 ในบางบางท่านนะครับถ้าเป็นแบบน้ำ้แปกวน
00:12:30 → 00:12:32 บางอย่างเนี่ยบางชนิดซึ่งท้องปลูกมากๆบา
00:12:32 → 00:12:36 อิทานไฟเบอร์ไปท้องจะออยู่ะแน่นมากได้อ
00:12:36 → 00:12:38 นั้นหลักของไฟเบอร์เนี่ยเวลาทานเนื่องจาก
00:12:38 → 00:12:41 เป็นไฟเบอร์โดยมากก็จะเป็นผงอนะครับค่ะพอ
00:12:41 → 00:12:45 ผสมน้ำแล้วเนี่ยเขย่าหรือคนให้มันเข้าที่
00:12:45 → 00:12:47 แล้วต้องทานเลยนะครับตั้งทิ้งไว้ไม่ได้นะ
00:12:47 → 00:12:50 ฮอั้ท้ไว้จะกลายเป็นกลายเป็นเหมือนกับ
00:12:50 → 00:12:54 วุ้นไปเลยอนี้ทานไม่ได้เลยนะครับออนะฮะ
00:12:54 → 00:12:56 อ่าเพราะฉะนั้นบางคนบอกโอยเดี๋ยวไฟเบอร์
00:12:56 → 00:12:58 ตั้งไว้ 10 นาทีมาทานนี่โอ้โหไม่ได้ได้
00:12:58 → 00:13:01 เลยนะเพราะว่ามันจะกลายเป็นก้อนแข็งมันจะ
00:13:01 → 00:13:03 เป็นก้อนแบบหยุ่นๆเลยทานไม่ลงเลยครับนะ
00:13:03 → 00:13:07 อ๋อถ้าส่ผสมแล้วควรจะรีบทานไปใน 50 นาที
00:13:07 → 00:13:10 นะครับค่ะอันที่ 2 ก็คือว่าตัวไฟเบอร์
00:13:10 → 00:13:12 เนี่ยบางครั้งเนี่ยเนื่องจากว่าอย่างที่
00:13:12 → 00:13:14 บอกนะครับว่ามันสามารถที่จะแบบกลายเป็น
00:13:14 → 00:13:17 เวลาผสมน้ำเนี่ยไอ้ตัวเนื้อมันก็จะพองได้
00:13:17 → 00:13:19 เยอะเท่านั้นเนี่ยค่ะแต่ถ้าเกิดว่าดื่ม
00:13:20 → 00:13:22 น้ำอะไไม่พอมันจะไปพองในลำไส้ทำให้มี
00:13:22 → 00:13:25 ปัญหาได้นั้นในบางท่านถ้าเกิดว่าผสมน้ำ
00:13:25 → 00:13:27 แล้วเนี่ยก็ดื่มเสร็จแล้วก็จะดื่มน้ำต่าง
00:13:28 → 00:13:30 กับแก้วหนได้ครับจะช่วยให้มันเรื่องของ
00:13:30 → 00:13:33 การขับถ่ายอะไดีขึ้นอค่ะครับแล้วอย่าง
00:13:33 → 00:13:36 เอ่อตัวไฟเบอร์หรือโปรไบโอติกเองเนี่ยเรา
00:13:36 → 00:13:38 บ้านเราก็เป็นถือว่าเป็นอาหารเสริมอ่ะนะ
00:13:38 → 00:13:42 คะการกินได้นานแค่ไหนโดยหลักฐานการงการ
00:13:42 → 00:13:44 แพทย์เนี่ยเนื่องจากมันเป็นอาหารเสริม
00:13:44 → 00:13:47 เนี่ยมันก็จะไม่มีตัวเลขชัดเจนนะฮะค่ะก็
00:13:47 → 00:13:49 เหมือนกับบอกว่าเรากินวิตามินเ่อกินพวก
00:13:49 → 00:13:53 อ่าอะไรอ่ะเรตัวอย่างเช่นเราชอบกินพวก
00:13:53 → 00:13:56 วิตามินอะไรพวกเนี้ยนะฮะทานถ้าเกิดทานใน
00:13:56 → 00:14:00 ขณะที่นะฮะได้ตามที่แนะนำแล้วก็ไม่เกิน
00:14:00 → 00:14:03 ขนาดเนี่ยสามารถทานต่อเนื่องได้ครับค่ะ
00:14:03 → 00:14:05 โดยทั่วไปเนี่ยถ้าเกิดเราทานแล้วเนี่ยมัน
00:14:05 → 00:14:07 ไม่ดีขึ้นนะครับเช่นทานไปเดือนนึงแล้วมัน
00:14:07 → 00:14:11 ไม่ช่วยอะไรเลยก็แนะนำไม่ไม่ควรจะทานต่ออ
00:14:11 → 00:14:13 ถ้าเกิดว่าทานแล้วมันดีขึ้นเนี่ยเราก็ลอง
00:14:13 → 00:14:16 ดูซิว่าเราสามารถลดปริมาณลงในปริมาณที่
00:14:16 → 00:14:19 ต่ำที่สุดแล้วเรามันสามารถช่วยให้เราแบบ
00:14:19 → 00:14:22 ขับถ่ายได้ดีขึ้นไม่อืดแน่นท้องอะไรเงี้ย
00:14:22 → 00:14:25 ก็อาจจะทานได้หรือในบางท่านจริงๆเนี่ยเรา
00:14:25 → 00:14:27 แนะนำว่าถ้าเกิดทานเนี่ยจริงๆไม่ควรเกิน
00:14:27 → 00:14:30 2-3 เดือนนะครับค่ะถ้าดีแล้วเราอาจจะลอง
00:14:30 → 00:14:32 ปรับเป็นลักษณะของการทานเวลามีอาการก็ได้
00:14:32 → 00:14:36 ครับค่ะอืก็จะมีวิธีการไม่ใช่แสุม 4 สุ 5
00:14:36 → 00:14:39 กินได้เลยนะคุณหมอเนาะอ่าก็กินพวกนี้ถ้า
00:14:39 → 00:14:42 เรากินระยะยาวยาแนาวนานเนี่ยถามว่ามันมี
00:14:42 → 00:14:44 ผลข้างเคียงอะไรมยเนี่ยค่ะสทั่วไปพวก
00:14:44 → 00:14:47 ไฟเบอร์ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรครับนะครับอื
00:14:47 → 00:14:49 แต่ว่าปัญหาหลักก็คือว่ามันก็ตัวเเนื่อง
00:14:49 → 00:14:52 จากมันก็เป็นอาหารเสริมก็ลักษณะราคาบาง
00:14:52 → 00:14:55 ตัวมันก็สูงอยู่เหมือนกันอ้าเรา่านานๆมัน
00:14:55 → 00:14:59 ก็รรบกวนกระเป๋าเราอ่ะครับค่ะอือค่ะคุณ
00:14:59 → 00:15:02 หมอขาเมื่อกี้พูดถึงเรื่องของนมเนาะทำให้
00:15:02 → 00:15:05 ขับถ่ายบางคนกินนมไปแล้วมันขับถ่ายได้
00:15:05 → 00:15:08 เนาะสำหรับกาแฟสำหรับขวัญเองก็เป็นตัวนึง
00:15:08 → 00:15:11 เหมือนกันที่ช่วยเรื่องของการขับถ่ายอัน
00:15:11 → 00:15:13 นี้กาแฟกับโรคลำไส้แปรปัวเนี่ยมันมีความ
00:15:13 → 00:15:17 เกี่ยวเนื่องกันมั้คะเอ่อตัวกาแฟเองเนี่ย
00:15:17 → 00:15:21 จะทำให้นะครับก็ทำให้การขับถ่ายเราดีขึ้น
00:15:21 → 00:15:24 ได้นะครับนะแล้วก็ถ่ายมากขึ้นได้เพราะ
00:15:24 → 00:15:26 ฉะนั้นเนี่ยมันก็เหมาะถ้าเกิดเป็นำเส่แตก
00:15:26 → 00:15:30 ตวนเอ่อชนิดนะครับชนิดที่ลักษณะถ่ายยาก
00:15:30 → 00:15:32 หรือท้องถูกเนี่ยกาแฟก็อาจจะช่วยได้นะ
00:15:32 → 00:15:35 ครับทำให้การถ่าดีขึ้นได้แต่ว่าข้อเสีย
00:15:35 → 00:15:37 ของกาแฟอันนึงก็คือว่ามันอาจจะทำให้มีพวก
00:15:37 → 00:15:40 ลมพวกกรดมากขึ้นแเื่องจตัวกาแฟมีคาเฟอีน
00:15:40 → 00:15:43 ค่ะคาเฟอีนเองก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการ
00:15:43 → 00:15:46 กระตุ้นให้มีพวกการหลังกดเพิ่มขึ้นนิดนึง
00:15:46 → 00:15:49 อะไรครับอแต่ถ้าเกิดว่าในรายที่เป็น
00:15:49 → 00:15:51 ลักษณะท้องเสียอยู่แล้วเนี่ยทานการกาแฟก็
00:15:51 → 00:15:54 จะมีปัญหานิดนึงอืเพราะว่าดำไส้แปลตัว
00:15:54 → 00:15:57 เนี่ยก็แบ่งเมื่อกี้เริมลืมแจ้งนิดนึงว่า
00:15:57 → 00:15:59 มันจะแบ่งตามอาการเป็นหลักอ่ะนะครับค่ะ
00:15:59 → 00:16:03 หลักๆก็จะมี 1 กลุ่มที่มีอาการปวดเด่นนะ
00:16:03 → 00:16:07 ครับอืคืออ่อจะขับการขับถ่ายกุติไม่ค่อย
00:16:07 → 00:16:10 มากเท่าไหร่อุที่ 2 ก็จะเป็นอาการที่มี
00:16:10 → 00:16:13 ท้องเสียเด่นนะครับก็คือการอะไรก็จะถ่าย
00:16:13 → 00:16:16 ตลอดอะไรเงี้ยครับนะหรือว่าถ่ายเหลวหรือ
00:16:16 → 00:16:20 ว่าถ่ายแล้วก็เอ่อรู้สึกว่าวันนึงถ่าย
00:16:20 → 00:16:22 หลายครั้งนะครับอีกกลุ่มนึงก็คือกลุ่มที่
00:16:22 → 00:16:26 ไม่ยอมถ่ายนะครับค่ะคือว่าถ่ายลำบากเบ่ง
00:16:26 → 00:16:29 ไม่ออกนะครับซึ่งกลุ่มพวกนี้เนี่ยถามว่า
00:16:29 → 00:16:32 เป็นอาการที่จเห็นว่ารำเส้พวกนี้เนี่ยใน
00:16:32 → 00:16:35 บางกลุ่มก็เป็นลักษณะที่มีอาการผสมกัน
00:16:35 → 00:16:37 ระหว่าง 2 อย่างนี้ก็ได้ั้นการดูรักษาใน
00:16:37 → 00:16:40 กลุ่มพวกนี้เนี่ยเราจะดูอาการหลักที่คน
00:16:40 → 00:16:43 ไข้มีเป็นหลักนะครับว่าเราควรจะต้องรักษา
00:16:43 → 00:16:46 ยังไงนะครับเราจะรักษาโดยยืดอาการคนแเป็น
00:16:46 → 00:16:50 หลักอืค่ะอตามอาการเป็นหลักมันจะไม่
00:16:50 → 00:16:53 เหมือนกันเป๊ะๆๆๆของทุกคนที่ปวดถูกต้อง
00:16:53 → 00:16:55 ครับยาแต่ละกลุ่มที่จะใช้เนี่ยก็จะแตก
00:16:55 → 00:16:59 ต่างกันตามอาการหลักของผู้ป่วยครับค่ะอื
00:16:59 → 00:17:03 เอ่อเท่าที่เท่าที่ผ่านมาเคสของคนไข้ที่
00:17:03 → 00:17:05 คุณหมอเคยพบเจอครับ
00:17:05 → 00:17:09 เอ่อส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจะอยู่ในช่วงวัยวัย
00:17:09 → 00:17:11 ไหนที่ที่พบได้ง่ายครับวัยทำงานหรือเปล่า
00:17:11 → 00:17:14 เพราะผมว่าพี่ผมเดานะวัยทำงานเนี่ยอหาไม่
00:17:15 → 00:17:17 เป็นเวลามาก็จะเป็นเรื่องของวัยทำงาน
00:17:17 → 00:17:20 เพราะว่าบางทีก็หนึก็ความเร่งรีบนะฮะค่ะ
00:17:20 → 00:17:23 ในการทำงานความเร่งรีบในการรับประทาน
00:17:23 → 00:17:26 อาหารอาจจะไม่สามารถที่จะมีเวลาที่จะแบบ
00:17:26 → 00:17:29 ค่อยๆทานหรือว่าอครับทาอาหารให้มันเอ่อ
00:17:29 → 00:17:32 ให้มันละเอียดหรืออะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:17:32 → 00:17:35 หรือว่าอาหารชิดของอาหารเนี่ยอาจจะเป็น
00:17:35 → 00:17:37 อาหารที่เราจะต้องทานที่แบบเป็นแบบรูปทาน
00:17:38 → 00:17:41 ไวนะครับอือก็การดื่มน้ำอาจจะน้อยกว่า
00:17:41 → 00:17:44 ปกติอือนอกจากนั้นก็ลักษณะของงานด้วยเช่น
00:17:44 → 00:17:46 บางท่านก็จะนั่งทำงาน
00:17:46 → 00:17:51 ตลอดใช่ฮอ่าใช่ครับแล้วก็ลักษณะงานบาง
00:17:51 → 00:17:53 ท่านก็จะมีความเครียดค่อนข้างที่จะเยอะจะ
00:17:53 → 00:17:56 ทำให้มีปัญหาเรื่องของปัจจัยที่เราบอก
00:17:56 → 00:17:59 แล้วว่าส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาเรื่องของ
00:17:59 → 00:18:01 จิตใจแล้วก็ระบบฮอร์โมนที่ทำให้มีปัญหา
00:18:01 → 00:18:04 เรื่องของการทำงานของลำไส้อืนอกจากนั้น
00:18:04 → 00:18:07 เนี่ยบางท่านต้องนั่งแล้วก็ไม่มีเวลาเข้า
00:18:07 → 00:18:11 ห้องน้ำนะครับกั้นนะกั้นไม่ยอมเข้าก็ทำ
00:18:11 → 00:18:15 ให้ต่อเนื่การทำงานของอ่าลำไส้เราก็จะจะ
00:18:15 → 00:18:18 ผิดปกติไปครับทำให้รำไส้เราเนี่ยเกิด
00:18:18 → 00:18:21 ปัญหาเรื่องของการควบคุมกันทางาลำไส้ของ
00:18:21 → 00:18:23 เราก็จะไม่ดีเออผมสังเกตตัวเองเหมือนกัน
00:18:23 → 00:18:27 คุณหมอครับพี่ขวัญเอ่อเวลาผมอ่ะเวลาที่จะ
00:18:27 → 00:18:30 ต้องเดินทางไปทำงานไกลๆอ่ะคุณหมอค่ะต้อง
00:18:30 → 00:18:33 นั่งรถไกลๆนานๆน่ะคือมันใจมุ่งหน้าไปที่
00:18:33 → 00:18:36 จุดหมายปลายทางแล้วล่ะก็ไม่อยากจะแวะบ่อย
00:18:36 → 00:18:39 ไม่อยากแล้วก็นั่งรถนานๆแบบนานๆเลยยาวๆไป
00:18:39 → 00:18:42 เลยเออก็รู้สึกว่าวันนั้นก็จะเป็นวันที่
00:18:42 → 00:18:46 ที่ที่การขับถ่ายค่อนข้างยากเมื่อเมื่อ
00:18:46 → 00:18:49 ถึงถึงถึงเววลาจยปทางใช่แล้วก็มันก็จะมี
00:18:49 → 00:18:52 ปัญหาในสัปดาห์นั้นเป็นเป็นเหมือนกันมัน
00:18:52 → 00:18:54 มันมันเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วยมั้ย
00:18:55 → 00:18:59 ฮะเอ่อการที่เรานั่นมันนานแล้วเราไม่ถ่าย
00:18:59 → 00:19:03 เนี่ยมันก็อันที่ 1 ก็ระบบประสาทที่ปกติ
00:19:03 → 00:19:07 เวลาการขับถ่ายเนี่ยเอ่อกลใจสำคัญก็คือ
00:19:07 → 00:19:10 เวลามันก็คือตัวอุจจาระนะครับที่มาที่ลำ
00:19:10 → 00:19:14 ไส้ใหญ่ส่วนปลายแล้วมันก็ไปกระตุ้นนะครับ
00:19:14 → 00:19:17 ให้กล้ามเนื้อหูรูดตรงลำไส้เราเนี่ยมีการ
00:19:17 → 00:19:20 เปิดออกมาเพื่อถ่ายนะครับออืออานี้เนี่ย
00:19:20 → 00:19:22 ในการที่เราไปกั้นมาเนี่ยพอไปกั้นปุ๊บไอ้
00:19:22 → 00:19:26 ตัวระบบประสาทเนี้ยมันก็จะผิดปกติไปค่ะเอ
00:19:26 → 00:19:30 ปกติอุจจระมากับเราไปถ่ายก็จบทีนี้อุจระ
00:19:30 → 00:19:34 มากระตุ้นเรากั้นไม่ยอมไม่ยอมไปปกติ
00:19:34 → 00:19:37 อตัวแปรประสานี้มันก็จะเริ่มมีปัญหา
00:19:37 → 00:19:40 เรื่องการรับรู้ซึ่งอาจจะดื้อกว่าปกติทำ
00:19:40 → 00:19:44 ให้ถึงแม้มีอุระมาแล้วเนี่ยมันก็จะไม่ยอม
00:19:44 → 00:19:48 ถ่าออันที่ 2 อันที่ 2 เนี่ยถ้าเรากั้น
00:19:48 → 00:19:50 บ่อยๆนะเวลาเรากั้นเนี่ยมันไม่ใช่ว่าเ
00:19:50 → 00:19:53 อุตสามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะมีลำ
00:19:53 → 00:19:57 เสื้อใหญ่เนี่ยนมันมันจะสามารถดูดกับพวก
00:19:57 → 00:20:01 น้ำพวกเกือแร่จากอุจจาระไปเพราะะนั้นนานา
00:20:01 → 00:20:05 มากๆอุจจาระเราก็จะแข็งพอแข็งปุ๊บเนี่ยนะ
00:20:05 → 00:20:07 มันเวลาารมไส้บีบตูแรมมันก็ยากมันก็ไม่
00:20:07 → 00:20:10 ค่อยออกนมันก็เป็นปัจจัยที่ทำให้คนไข้
00:20:10 → 00:20:14 เนี่ยนอกจากลำไส้ระบบประสาทที่ควบคุมการ
00:20:14 → 00:20:18 ทำงานของก้มเหูรูปติแล้วเนี่ยลักษณะของ
00:20:18 → 00:20:20 เนื้ออุจจาระมันก็จะแข็งกว่าปกติทำให้การ
00:20:20 → 00:20:24 ขับข่ายเราก็จะแย่ลงด้วยออค่ะโอพอพูดไป
00:20:24 → 00:20:27 ถึงเรื่องเนี้ยคิดถึงข่าวที่มีเอ่อนัก
00:20:27 → 00:20:30 ร้องท่านนึงที่มีภาวะอุจจาระเต็มท้อง
00:20:30 → 00:20:33 เงี้ยอ๋อมันจะพัฒนาไปถึงโลกนั้นได้เลย
00:20:33 → 00:20:38 มั้ยคะคุณหมอถ้าเราอั้นบ่อยๆอะไรเงี้ยค่ะ
00:20:38 → 00:20:41 เอ่อก่อนอื่นต้องต้องต้องบอกี้ฮะคำว่า
00:20:41 → 00:20:44 อุจจระเต็มท้องมันมันไม่ใช่โรคไออค่ะเป็น
00:20:44 → 00:20:47 ลักษณะที่เราไปเซเรย์เจอแล้วมันเหมือนกับ
00:20:47 → 00:20:50 ว่ามีอุจจาระค้างอยู่ในท้องค่ะเช่นคนที่
00:20:50 → 00:20:54 ไม่ถ่ายมาหลายวันอันนี้พอดีอาจจะเราอาจจะ
00:20:54 → 00:20:57 ใช้ศัพท์อาจจะเรียกว่าเอ่อเป็นคำเรียก
00:20:57 → 00:21:00 ทั่วๆไปมากกว่าไม่ใช่โรคอ่ะครับออค่ะเพรา
00:21:00 → 00:21:02 ฉะนั้นเนี่ยอุจจาระคว่าอุจจาระเต็มท้อง
00:21:02 → 00:21:04 จริงๆก็คืออุจจาระที่มันค้างอยู่ในลำไส้
00:21:05 → 00:21:07 นะครับค่ะซึ่งพวกนี้เนี่ยก็จะเจอได้ในคน
00:21:08 → 00:21:11 แข้ที่ท้องผูกจากสาเหตุอะไรก็ได้อืหรือำ
00:21:11 → 00:21:13 ไส้อุดตันก็ได้แต่ว่าออุดตันเนี่ยเราก็
00:21:13 → 00:21:15 เห็นชัดเจนว่ามันจะมีนอกจากลำไส้ที่มัน
00:21:15 → 00:21:18 อุจจระค้างแล้วเนี่ยมันจะมีลมค้างอยู่
00:21:18 → 00:21:21 ด้วยค่ะแล้วก็ลมที่ค้างเนี่ยมันก็จะค้าง
00:21:21 → 00:21:25 เป็นลักษณะของเป็นจะมีระดับน้ำกับลมนะฮะ
00:21:25 → 00:21:27 ถ้าเกิดว่าอุจาระที่เราพูดถึงทั่วไปที่
00:21:27 → 00:21:29 บอกในที่นักร้องบอกเคงจะหมายถึงว่าเหมือน
00:21:29 → 00:21:32 กับเราไม่ได้ถ่ายมานานนะครับค่ะสุมันก็
00:21:32 → 00:21:34 เรินไม่ออกนะครับอันนี้ก็ต้องไปหาสาเหตุ
00:21:34 → 00:21:38 ว่ามันเกิดจากอะไรเช่นทำไมท้องผูกนะซึ่ง
00:21:38 → 00:21:43 โรก 1 ของท้องผูกก็คือลำแซต 8 ่วนนี่เองอ
00:21:43 → 00:21:47 อตนเหตุเลยนะเออใช่กำลังต้นทางต้ทางจะถาม
00:21:47 → 00:21:51 ว่าถ้าลำไส้แปรปรวนเนี่ยเอ่อรักษาแล้วแต่
00:21:51 → 00:21:52 ว่าพฤติกรรมเราไม่เปลี่ยนแล้วมันกลายเป็น
00:21:52 → 00:21:56 เอ่อภาวะเป็นโรคเรื้อรังเงี้ยค่ะมัน
00:21:56 → 00:21:59 สามารถเปลี่ยนหรือพัฒนาอะไรไปสู่ลูกอื่น
00:21:59 → 00:22:01 ได้มั้ยคะคุณหมอคะ
00:22:01 → 00:22:07 เอ่อคำถามนี้ก็เป็นคำถามที่ถามบ่อยๆค่ะก็
00:22:07 → 00:22:11 เอ่อคือคืออันอันที่ 1 มันเราต้องแน่ใจ
00:22:11 → 00:22:15 ว่ามันจะับได้แปบปวนแน่ๆก่อนค่ะแว่าแป
00:22:15 → 00:22:19 ป่วนก็คือมันมันเป็นการบีบตัวหรือว่าของ
00:22:19 → 00:22:22 ลำไส้มันไม่ดีอย่างเดียวหรือเรื่องของ
00:22:22 → 00:22:25 ปลายประสาทรำไส้มันไวกว่าปกติอืก็เลยทำ
00:22:25 → 00:22:28 ให้มีปัญหาเพราะฉะนั้นสิ่งที่บอกคือว่า
00:22:28 → 00:22:31 ถ้าเราวินิจฉัยได้แล้วว่าเเป็นหลักเทพแปร
00:22:31 → 00:22:34 ปวนจริงโดยที่ตัดโรคอื่นๆออกไปที่สำคัญก็
00:22:34 → 00:22:37 คือเรื่องของพูดง่ายๆก็คือที่เรากลัวกัน
00:22:37 → 00:22:40 คือมะเร็งนั่นเองค่ะอ่าถ้าเป็นในคนไข้ที่
00:22:40 → 00:22:45 อายุน้อยนะครับแล้วก็มีความเครียดนะไม่
00:22:45 → 00:22:47 ได้มีโรคประวัติครอบครัวเป็นอะไรพวกนี้
00:22:47 → 00:22:49 เนี่ยโอกาสที่มันจะกลายเป็นมะเร็งเนี่ยก็
00:22:49 → 00:22:54 โอกาสน้อยจริงๆถ้าถามถ้าตามตำราเ้าบอกเลย
00:22:54 → 00:22:56 ว่าไม่ไม่เป็นไม่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง
00:22:56 → 00:22:58 อ่ะนะครับค่ะแต่แต่ว่าในบางครั้งเนี่ย
00:22:58 → 00:23:01 สิ่งที่เราเราเรากลัวนึงก็คือว่าเราเรา
00:23:02 → 00:23:05 แน่ใจมว่ามันเป็นลำเส้แปรปรวนถ้าเราแน่ใจ
00:23:05 → 00:23:08 เนี่ยแน่นอนมันไม่มีปัญหาออันนี้ถามว่า
00:23:08 → 00:23:12 เราจะแน่ใจได้ยังไงก็โดยมากทั่วไปก็จะมี
00:23:12 → 00:23:15 ปัจจัยที่เราช่วยให้แน่ใจคือถ้าเกิดเเป็น
00:23:15 → 00:23:18 มาสัก 2-3 ปีแล้วเนี่ยก็อาการไม่ได้เป็น
00:23:18 → 00:23:21 มากขึ้นน้ำหนักไม่ลดลงไม่มีอะไรอะไเงี้ย
00:23:21 → 00:23:23 พวกนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่อาการก็ได้เป็น
00:23:24 → 00:23:27 เป็นหายๆคงตัวอือันที่ 2 เป็นในคนไข้ที่
00:23:27 → 00:23:32 ที่อายุไม่มากไม่มีปัจจัยเสียงนะฮะค่ะไม่
00:23:32 → 00:23:35 มีอาการเตือนเช่นไม่มีน้ำหนักลดไม่มีซีด
00:23:35 → 00:23:38 ไม่มีปัญหาถ่ายเป็นมูกเลือดอะไอย่าเงี้ย
00:23:38 → 00:23:42 นะฮะพวกนี้ก็โอเคเนาะแต่ถ้าเกิดว่าเป็น
00:23:42 → 00:23:46 แล้วยกตัวอย่างเช่นเป็นมากขึ้นอ่าครับอ่า
00:23:46 → 00:23:51 หรือว่าเป็นแล้วเป็นนายคนไข้ที่อายุเยอะ
00:23:51 → 00:23:55 นะฮะดยิ่งมากกว่า 50 ปีหรือเป็นในคนไข้
00:23:55 → 00:23:58 ที่มีประวัติครอบครัวเป็นเรื่องของโรค
00:23:58 → 00:24:01 มะเร็งลำไส้ในกลุ่มนี้ควรได้รับการตรวจ
00:24:01 → 00:24:03 อย่างละเอียดว่าไม่มีโรคยืดซ่อนอยู่ครับอ
00:24:04 → 00:24:07 อค่ะมีคำถามมาจากคุณผู้ฟังค่ะคุณหมอคะว่า
00:24:07 → 00:24:10 เอ่อทำไมบางครั้งถึงอั้นอุจจาระได้แต่ใน
00:24:10 → 00:24:13 บางสถานการณ์อั้นไม่ได้คะภาวะมันแตกต่าง
00:24:14 → 00:24:17 กันยังไงเหรอคะเอ่อการอั้นอุตตระได้ไม่
00:24:17 → 00:24:20 ได้มันก็ขึ้นอยู่กับการที่เราไปควบคุมการ
00:24:20 → 00:24:23 ทำงานของกล้ามเนื้อโหรูดตรงทวารหนักได้
00:24:23 → 00:24:26 มากน้อยแค่ไหนนะครับนะโดยทั่วไปเนี่ยคน
00:24:26 → 00:24:29 ทั่วไปถ้าเกิดว่าไม่มีปัญหาเรื่องการขับ
00:24:29 → 00:24:32 ถ่ายการกินอาหารไม่สะอาดหรือการติดเชื้อ
00:24:32 → 00:24:36 เนี่ยก็พอที่จะอั้นได้นะครับพออั้นได้
00:24:36 → 00:24:39 อย่างเหมือนเราอย่างที่ที่จะนั่งรถไปนาน
00:24:40 → 00:24:42 นานเนี่ยครับเราก็รู้สึกปวดถ่ายฮะว่าทำไม
00:24:42 → 00:24:45 ว่าได้เพราะว่าอุจจาระเรามันไม่ได้เหมือน
00:24:45 → 00:24:49 ปกติไม่ได้เยอะมากไม่เแต่เมื่อไหร่ก็ตาม
00:24:49 → 00:24:52 ถ้ามีปัญหาเช่นไปกินอาหารไม่สะอาดนะครับ
00:24:53 → 00:24:57 หรือว่าอจปัญหาาพวกนี้เนี่ยพวกมันจะทำให้
00:24:57 → 00:25:00 เรารู้สึกอั้นไม่ได้เพราะมันมีความถูติ
00:25:00 → 00:25:03 ของเรื่องของลำไส้และมันไม่ใช่เรื่องของ
00:25:03 → 00:25:06 ปกติของเรานะเพราะฉะนั้นอันได้อันไม่ได้
00:25:06 → 00:25:11 ขึ้นกับว่าตอนนั้นน่ะเราลำไส้เราทำงาน
00:25:11 → 00:25:16 อยู่ในภาวะปกติหรือผิดปกตินะอืครับเพราะ
00:25:16 → 00:25:18 งั้นก็จะมีอีกอันนึงคือภาวะจิตใจก็มีความ
00:25:18 → 00:25:21 สำคัญเช่นจะพบว่าในเช่นยกตัวอย่างเช่น
00:25:21 → 00:25:23 น้องน้องบางท่านเงี้ยจะเข้าห้องสอบเงี้ย
00:25:23 → 00:25:29 รู้สึกจจะเข้าห้องน้ำอนี้ก็เป็นคเนะฮะ
00:25:29 → 00:25:31 ทั้นไม่ได้จริงๆนั้นก็จะเป็นลักษณะของ
00:25:31 → 00:25:34 ความไวของเรื่องของระบบประสาทเรื่องของ
00:25:34 → 00:25:39 จิตใจค่ะอ๋อโอเคฮอาจารย์ขาถ้าอั้นมากๆ
00:25:39 → 00:25:42 เนี่ยแล้วสุดท้ายเนี่ยมันจะทำให้ระบบหู
00:25:42 → 00:25:46 รูดของเราเนี่ยล้มเหลวได้มั้ยคะออก็คำถาม
00:25:46 → 00:25:49 ที่ดีมากครับก็จะมีบางท่านที่ชอบกั้น
00:25:49 → 00:25:52 อุจจระในไม่สุภาพสตรีเช่น 1 ทำงานติดต่อ
00:25:52 → 00:25:56 กันนานๆไม่อยากลุกเข้าห้องน้ำ 2 ห้องน้ำ
00:25:56 → 00:25:59 ไม่สะอาดบางครั้งค่ะอย่างเงี้ยอ่าใช่หรือ
00:25:59 → 00:26:03 ว่าแบบว่าอ่านั่งนั่งรถแบบไม่ขี้เกียจ
00:26:03 → 00:26:05 เข้าอะไรเงี้ยคนอื่นเขแวกเข้าห้องน้ำแบบ
00:26:05 → 00:26:08 ว่าอ้าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปเข้าทีเดียว
00:26:08 → 00:26:10 อะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งลักษณะพวกนี้เนี่ย
00:26:10 → 00:26:14 ตัวก้ามหรูมันก็จะมีการปรับตัวให้เข้ากับ
00:26:14 → 00:26:17 อ่าลักษณะของพฤติกรรมของเราเองนะครับค่ะ
00:26:17 → 00:26:20 เพราฉะนั้นถ้าเราทำอย่างนี้บ่อยๆกหนรูป
00:26:20 → 00:26:22 มันก็เริ่มเริ่มเริ่มตระหนักแล้วว่าอุ้ย
00:26:22 → 00:26:27 เนี่แสดงว่าของเจ้าของเจ้าของำได้เรา
00:26:27 → 00:26:29 เนี่ยรู้สึกไม่ค่อยอยากถ่ายบ่อยอะไรอย่าง
00:26:30 → 00:26:32 เงี้ยเขาก็จะปรับตัวอนี้เพะความไวของมัน
00:26:33 → 00:26:35 เปลี่ยนไปเนี่ยเเรียกว่าความความไวเนี่ย
00:26:35 → 00:26:38 มันก็ถ้าเปลี่ยนไปมากๆมันก็ทำให้มีปัญหา
00:26:38 → 00:26:41 เรื่องอีกหน่อยมีอุจจระออกมาในปริมาณที่
00:26:41 → 00:26:46 ควรจะถ่ายมันก็ไม่ถ่ายเพราะว่าบอกว่าขณะ
00:26:46 → 00:26:49 นี้เนี่ยเราอั้นเเคยอั้นอยู่แล้วมันก็ไม่
00:26:49 → 00:26:53 ถ่ายไม่ถ่ายลำบากตมาใช่ครับค่ะออร่างกาย
00:26:53 → 00:26:55 เคก็ปรับตัวเ้าเรียนรู้เฉลาดเหมือนกัน
00:26:55 → 00:26:58 เนาะครับครับใช่ครับก็จะเป็นการปรับของ
00:26:58 → 00:27:00 ร่างกายของเราเพื่อให้เข้ากับการดำรง
00:27:00 → 00:27:04 ชีวิตของเราอครับค่ะ