00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:08 >> เคยสังเกตกันมั้ครับว่าในชีวิตประจำวัน
00:00:08 → 00:00:11 ของเราเนี่ยอาจจะมีนิสัยเล็กๆน้อยๆที่เรา
00:00:11 → 00:00:14 ทำไปโดยไม่รู้ตัวแต่ว่ามันกลับส่งผลกระทบ
00:00:14 → 00:00:18 กับสุขภาพในระยะยาวของเราแบบคาดไม่ถึงเลย
00:00:18 → 00:00:20 วันนี้เราจะมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้างคำ
00:00:20 → 00:00:23 ถามสำคัญเลยก็คือแล้วไอ้นิสัยที่มันแฝง
00:00:23 → 00:00:26 ตัวอยู่ในชีวิตประจำวันของเราที่คอยบั่น
00:00:26 → 00:00:28 ทอนสุขภาพเราแบบเงียบๆเนี่ยมันคืออะไรกัน
00:00:28 → 00:00:31 แน่การทำความเข้าใจเรื่องนี้เนี่ยถือเป็น
00:00:31 → 00:00:34 จุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆเลยครับแล้ว
00:00:34 → 00:00:37 เรื่องที่เราจะมาเจาะลึกกันวันนี้เนี่ย
00:00:37 → 00:00:39 เราได้ข้อมูลมาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเลย
00:00:39 → 00:00:43 นะครับดร.โจนาธานเชฟซึ่งเป็นทั้ง
00:00:43 → 00:00:47 ศัลยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการชะลอวัย
00:00:47 → 00:00:50 ท่านได้สรุป 4 นิสัยหลักๆที่เราควรจะหลีก
00:00:50 → 00:00:52 เลี่ยงถ้าอยากจะรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
00:00:52 → 00:00:55 ให้ดีซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพ
00:00:55 → 00:00:59 ที่ดีในระยะยาวเลยครับเอาล่ะครับเรามา
00:00:59 → 00:01:02 เริ่มกันที่ข้อแรกเลยเรื่องนี้เกี่ยวกับ
00:01:02 → 00:01:05 มื้อที่สำคัญที่สุดของวันและเป็นจุดที่
00:01:05 → 00:01:08 หลายๆคนอาจจะทำพลาดไปโดยไม่รู้ตัวครับกฎ
00:01:08 → 00:01:11 ข้อแรกนี่ง่ายและชัดเจนมากเลยครับนั่นก็
00:01:11 → 00:01:15 คือหลีกเลี่ยงการงดอาหารเช้าครับผมหลายคน
00:01:15 → 00:01:18 อาจจะรู้สึกว่าเอ้ยไม่กินมื้อเช้าก็ไม่
00:01:18 → 00:01:21 เห็นเป็นไรเลยแต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว
00:01:21 → 00:01:23 ร่างกายเรามันไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะสิครับ
00:01:23 → 00:01:27 มันมีผลกระทบซ่อนอยู่เยอะเลยแล้วทำไมการ
00:01:27 → 00:01:29 งดมื้อเช้าถึงเป็นปัญหานั่นเหรอครับคำตอบ
00:01:29 → 00:01:31 มันซ่อนอยู่ในฮอร์โมนตัวนึงที่ชื่อว่า
00:01:31 → 00:01:34 คอร์ดิซอลครับพอเราข้ามมื้อเช้าไปปุ๊บ
00:01:34 → 00:01:36 ร่างกายมันจะเข้าสู่ภาวะเครียดแล้วก็หลัง
00:01:36 → 00:01:38 ฮอร์โมนตัวนี้ออกมาสูงปรี๊ดเลยตลอดช่วง
00:01:38 → 00:01:40 เช้าและเจ้าคอร์ติซอลเป้าที่สูงเนี่ยแหละ
00:01:40 → 00:01:43 ครับที่จะไปป่วนระบบในร่างกายทำให้การจัด
00:01:43 → 00:01:46 การน้ำตาลจากมื้อกลางวันมื้อเย็นทำได้แย่
00:01:46 → 00:01:49 ลงไปหมดเลยพูดง่ายๆก็คือพลาดมื้อเช้าแค่
00:01:49 → 00:01:51 มื้อเดียวอาจจะส่งผลเสียไปทั้งวันเลยนะ
00:01:51 → 00:01:54 ครับมาต่อกันที่กับดักข้อที่ 2 กันครับ
00:01:54 → 00:01:57 ข้อนี้เป็นอะไรที่หลายคนพลาดง่ายมากโดย
00:01:57 → 00:01:59 เฉพาะคนที่คิดว่าตัวเองก็ใส่ใจดูแลสุขภาพ
00:01:59 → 00:02:02 ดีอยู่แล้วนี่ล่ะครับกฎข้อนี้คือให้หลีก
00:02:02 → 00:02:05 เลื่องน้ำตาลที่ผ่านการแปรรูปสูงๆและที่
00:02:05 → 00:02:09 สำคัญมากๆเลยก็คือน้ำผลไม้ครับใช่แล้ว
00:02:09 → 00:02:12 ครับฟังไม่ผิดผิดเลยแม้แต่จะเป็นน้ำผลไม้
00:02:12 → 00:02:15 คั้นสด 100% ที่ดูสุดๆเนี่ยก็อาจจะเป็น
00:02:15 → 00:02:17 ตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง
00:02:17 → 00:02:21 ได้เหมือนกันสไลด์นี้อธิบายได้ชัดเจนที่
00:02:21 → 00:02:23 สุดเลยครับหัวใจของเรื่องนี้อยู่ที่คำว่า
00:02:23 → 00:02:27 ไฟเบอร์ในผลไม้แบบเต็มๆผลเนี่ยไฟเบอร์จะ
00:02:27 → 00:02:30 ทำหน้าที่เหมือนเป็นตาข่ายคอยชะลอการดูด
00:02:30 → 00:02:32 ซึมน้ำจานเข้าสู่เลือดของเราแต่พอเราเอา
00:02:32 → 00:02:35 ผลไม้ไปคั้นเป็นน้ำปุ๊บกระบวนการนั้นมัน
00:02:35 → 00:02:37 ทำลายไฟเบอร์ออกไปเกือบหมดเลยครับเหลือ
00:02:38 → 00:02:40 ไว้แต่น้ำตาลล้วนๆที่พร้อมจะพุ่งเข้าสู่
00:02:40 → 00:02:43 ร่างกายเราอย่างรวดเร็วเดินทางมาถึงกฎข้อ
00:02:43 → 00:02:47 ที่ 3 กันแล้วนะครับข้อนี้จะเชื่อมโยง 3
00:02:47 → 00:02:49 เรื่องที่หลายคนอาจจะไม่เคยนึกเลยว่ามัน
00:02:49 → 00:02:53 เกี่ยวกันนั่นก็คือเวลาที่เราออกกำลังกาย
00:02:53 → 00:02:56 คุณภาพการนอนหลับแล้วก็ระดับน้ำตาลใน
00:02:57 → 00:03:00 เลือดครับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก็ชัดเจน
00:03:00 → 00:03:03 เลยครับคือพยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลัง
00:03:03 → 00:03:06 กายที่มันหนักๆเข้มข้นสูงในช่วงเวลาดึกๆ
00:03:06 → 00:03:09 โดยเฉพาะช่วงที่ใกล้จะนอนแล้วครับเหตุผล
00:03:09 → 00:03:12 ก็เพราะว่าการออกกำลังกายหนักๆเนี่ยมันไป
00:03:12 → 00:03:14 กระตุ้นให้ร่างกายหลังฮอร์โมนกลุ่มที่
00:03:14 → 00:03:18 เรียกว่าแคทโคลามีนออกมาครับตัวอย่างที่
00:03:18 → 00:03:20 เราคุ้นเคยกันดีก็คือadดรenalineนั่นแหละ
00:03:20 → 00:03:22 ครับฮอร์โมนกลุ่มนี้จะทำให้ร่างกายตื่น
00:03:22 → 00:03:26 ตัวสุดๆพร้อมสู้หรือหนีซึ่งมันก็ดีนะคะ
00:03:26 → 00:03:28 ถ้าเป็นตอนกลางวันแต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน
00:03:28 → 00:03:31 แล้วก็มันจะไปขัดขวางกระบวนการนอนหลับที่
00:03:31 → 00:03:35 มีคุณภาพของเราเต็มๆเลยและผลที่ตามมาจาก
00:03:35 → 00:03:38 การนอนไม่ดีเป็นยังไงดร.เชฟใช้คำเปรียบ
00:03:38 → 00:03:42 เทียบที่เห็นภาพมากเลยนะครับว่ามันคือหาย
00:03:42 → 00:03:45 นะดีๆนี่เองสำหรับการควบคุมระดับน้ำตาลใน
00:03:45 → 00:03:48 วันรุ่งขึ้นเพราะว่าการนอนที่ไม่พอเนี่ย
00:03:48 → 00:03:51 จะทำให้ร่างกายเราจัดการกับน้ำตาลได้แย่
00:03:51 → 00:03:54 ลงแบบเห็นได้ชัดเลยครับและแล้วก็มาถึงกฎ
00:03:54 → 00:03:57 ข้อสุดท้ายครับซึ่งอาจจะเป็นข้อที่เอาไป
00:03:57 → 00:04:00 ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายที่สุดเลย
00:04:00 → 00:04:02 แต่กลับส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่แบบไม่น่า
00:04:03 → 00:04:06 เชื่อเลยล่ะครับคำว่าคาร์โบไฮเดรตเปลือย
00:04:06 → 00:04:09 อ่ะนี่เป็นคำเปรียบเทียบที่เห็นภาพดีมาก
00:04:09 → 00:04:12 ครับมันหมายถึงการที่เรากินอาหารประเภท
00:04:12 → 00:04:16 คาฟแบบเดี่ยวๆโดดๆเลยลองนึกภาพขนมปังปิ้ง
00:04:16 → 00:04:20 เปล่าๆหรือข้าวสวยร้อนๆที่กินเข้าไปเลย
00:04:20 → 00:04:23 ทางแก้ก็คือเราต้องหาเสื้อผ้ามาใส่ให้มัน
00:04:23 → 00:04:26 ครับซึ่งเสื้อผ้าที่ว่าเนี่ยก็คือไขมันดี
00:04:27 → 00:04:30 ไฟเบอร์แล้วก็โปรตีนนั่นเองสไลด์นี้โชว์
00:04:30 → 00:04:33 ความแตกต่างได้ดีมากเลยครับแทนที่จะกิน
00:04:33 → 00:04:36 ขนมปังปิ้งแผ่นเดียวลองเพิ่มอะโวคาโดบด
00:04:36 → 00:04:39 กับไข่ดาดูหรือแทนที่จะกินพาสต้าซอสแดง
00:04:39 → 00:04:42 เฉยๆก็เพิ่มอกไก่ย่างกับผักต่างๆเข้าไป
00:04:42 → 00:04:45 การทำง่ายๆแค่นี้จะเปลี่ยนกราฟน้ำตาลที่
00:04:45 → 00:04:49 เคยพุ่งสูงปรี๊ดให้กลายเป็นกราฟที่ค่อยๆ
00:04:49 → 00:04:52 ขึ้นและลงอย่างนุ่มนวลแทนเลยครับแล้วเรา
00:04:52 → 00:04:55 จะแต่งตัวให้ขาบยังไงเคล็ดลับง่ายๆที่ทรง
00:04:55 → 00:04:59 พลังมากก็คือลำดับการกินครับให้เริ่มกิน
00:04:59 → 00:05:02 ส่วนที่เป็นไฟเบอร์อย่างเช่นสลัดผักหรือ
00:05:02 → 00:05:05 โปรตีนอย่างเนื้อสัตว์และไขมันดีอย่าง
00:05:05 → 00:05:08 อะโวคาโดก่อนแล้วค่อยตามด้วยคาร์โบไฮเดรต
00:05:08 → 00:05:11 อย่างข้าวหรือขนมปังการทำแบบนี้เหมือนเรา
00:05:11 → 00:05:14 สร้างกันชนไว้ในกระเพาะช่วยชะลอการดูดซึม
00:05:14 → 00:05:17 น้ำตาลได้เยอะมากเลยครับแล้วผลลัพธ์มัน
00:05:17 → 00:05:20 ทรงพลังขนาดไหนแล้วเหรอครับคำตอบอยู่บน
00:05:20 → 00:05:23 สไลด์นี้เลยกลยุทธ์การแต่งตัวให้
00:05:23 → 00:05:25 คาร์โบไฮเดรตอย่างเดียวเนี่ยสามารถช่วยลด
00:05:25 → 00:05:28 การพุ่งขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดได้มาก
00:05:28 → 00:05:32 ถึง 75% เลยทีเดียวนี่เป็นเทคนิคง่ายๆแต่
00:05:32 → 00:05:35 ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆมาถึงช่วง
00:05:35 → 00:05:38 สรุปกันแล้วนะครับลองมองกฎทั้ง 4 ข้อนี้
00:05:38 → 00:05:41 เป็นเหมือนชุดเครื่องมือสำคัญที่เราพกติด
00:05:41 → 00:05:44 ตัวแล้วก็หยิบมาใช้เพื่อดูแลสุขภาพของเรา
00:05:44 → 00:05:48 ได้ในทุกๆวันเลยครับตารางนี้สรุปทุกอย่าง
00:05:48 → 00:05:51 ไว้ชัดเจนเลยครับตั้งแต่การงดมื้อเช้าที่
00:05:51 → 00:05:53 ไปกระตุ้นฮอร์โมนเครียดกับหลักของน้ำ
00:05:53 → 00:05:56 ผลไม้ที่ไม่มีไฟเบอร์การออกกำลังกายดึก
00:05:56 → 00:06:00 ที่ไปรบกวนการนอนไปจนถึงการกินคาฟเดี่ยวๆ
00:06:00 → 00:06:03 ที่ทำให้น้ำตาลพุ่งสูงทั้งหมดนี้คือกุญแจ
00:06:03 → 00:06:06 สำคัญในการรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ครับ
00:06:06 → 00:06:09 สุดท้ายนี้ลองมองย้อนกลับไปในชีวิตประจำ
00:06:09 → 00:06:11 วันของเรากันดูนะครับไม่จำเป็นต้อง
00:06:11 → 00:06:14 เปลี่ยนทุกอย่างพร้อมกันในทีเดียวก็ได้
00:06:14 → 00:06:16 แค่ลองเลือกการเปลี่ยนแปลงเล็กๆสัก 1
00:06:16 → 00:06:18 อย่างที่เรารู้สึกว่าทำได้ข้อไหนที่จะ
00:06:18 → 00:06:21 สร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับ
00:06:21 → 00:06:24 สุขภาพของเราในระยะยาวได้บ้างคำตอบอาจจะ
00:06:24 → 00:06:26 ง่ายกว่าที่คิดและพลังในการเปลี่ยนแปลงก็
00:06:26 → 00:06:31 อยู่ในมือของเราทุกคนนี่แหละครับ
00:06:31 → 00:06:34 >> สวัสดีครับกลับมาเจอกันอีกครั้งนะครับกับ
00:06:34 → 00:06:37 การคุยเจาะลึกลึกประเด็นสุขภาพกันวันนี้
00:06:37 → 00:06:41 เรามีเรื่องที่เอ่อใกล้ตัวมากๆเลยแต่หลาย
00:06:41 → 00:06:44 คนอาจจะมองข้ามไปนะครับเป็นเรื่อง 4
00:06:44 → 00:06:48 นิสัยประจำวันที่ดร.โจนาธานเชฟนะครับท่าน
00:06:48 → 00:06:50 เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอยุรวัฒแล้วก็
00:06:50 → 00:06:53 ศัลยแพทย์ด้วยท่านชี้ว่านิสัยพวกนี้แหละ
00:06:53 → 00:06:56 อาจจะกำลังทำร้ายระดับน้ำตาลในเลือดของ
00:06:56 → 00:06:58 เราแบบไม่รู้ตัวเลยครับ
00:06:58 → 00:07:01 >> สวัสดีค่ะใช่ค่ะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
00:07:01 → 00:07:04 แล้วก็ข้อมูลที่เราจะคุยกันวันนี้ก็มาจาก
00:07:04 → 00:07:07 คลิปวีดีโอของดร.เชฟโดยตรงเลยนะคะ
00:07:07 → 00:07:10 >> ใช่ครับเราจะมากลั่นเอาแก่นสำคัญออกมาคุย
00:07:10 → 00:07:13 กันทำความเข้าใจว่าเอ๊ะเราจะปรับพฤติกรรม
00:07:13 → 00:07:16 เล็กๆน้อยๆพวกนี้ได้ยังไงบ้างเพื่อให้คุม
00:07:16 → 00:07:19 ระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นซึ่งเรื่อง
00:07:19 → 00:07:21 นี้สำคัญมากนะครับไม่ใช่แค่เรื่องเบาหวาน
00:07:21 → 00:07:24 อย่างเดียวแต่มันโยงไปถึงเอ่อการมีชีวิต
00:07:24 → 00:07:27 ที่ยืนยาวแบบมีคุณภาพด้วยที่เขาเรียก
00:07:27 → 00:07:29 Health Span กับ Life Span นะครับ
00:07:29 → 00:07:32 >> อืใช่ค่ะคือการมีสุขภาพดีนานๆควบคู่ไปกับ
00:07:32 → 00:07:34 อายุที่ยืนยาว
00:07:34 → 00:07:37 >> ก่อนจะลงรายละเอียดแต่แต่ละข้ออาจจะต้อง
00:07:37 → 00:07:40 ย้ำนิดนึงก่อนมครับว่าทำไมการรักษาระดับ
00:07:40 → 00:07:43 น้ำตาลในเลือดให้มันนิ่งๆคงที่มันถึง
00:07:43 → 00:07:46 สำคัญขนาดนั้นมันเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม
00:07:46 → 00:07:48 อายุไขเรายังไงบ้าง
00:07:48 → 00:07:51 >> ได้เลยค่ะคือระดับน้ำตาลในเลือดที่คงที่
00:07:51 → 00:07:54 เนี่ยมันเป็นพื้นฐานของหลายๆอย่างเลยนะคะ
00:07:54 → 00:07:57 ทั้งเรื่องพลังงานในแต่ละวันการทำงานของ
00:07:57 → 00:08:00 สมองระบบเผาผลาญแล้วก็ลดความเสี่ยงของโรค
00:08:00 → 00:08:02 เรื้อรังต่างๆเยอะมากค่ะ
00:08:02 → 00:08:06 >> โอเคครับงั้นมาเริ่มกันเลยนิสัยแรกที่ดร.
00:08:06 → 00:08:09 เชฟพูดถึงอันนี้หลายคนอาจจะทำอยู่หรืออาจ
00:08:09 → 00:08:12 จะเคยได้ยินว่าดีด้วยซ้ำก็คือการงดอาหาร
00:08:12 → 00:08:14 เช้าครับโดยเฉพาะคนที่ทำ IF เนาะ
00:08:14 → 00:08:18 >> ใช่ค่ะประเด็นนี้แบบว่ามันเหมือนจะขัดๆ
00:08:18 → 00:08:20 กับความเชื่อเรื่อง IF นิดหน่อยแต่ดร.
00:08:21 → 00:08:25 เมื่อเชฟอธิบายในเชิงสรีรวิทยานะคะว่าถึง
00:08:25 → 00:08:27 แม้บางคนอาจจะทำแล้วโอเคแต่โดยรวมแล้ว
00:08:28 → 00:08:30 เนี่ยการที่เราตื่นนอนมาแล้วไม่กินอะไร
00:08:30 → 00:08:34 เลยในช่วงเช้ามันเหมือนไปเอ่อไปกระตุ้น
00:08:34 → 00:08:36 ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนตัวนึงออกมาเยอะ
00:08:36 → 00:08:37 เป็นพิเศษค่ะ
00:08:37 → 00:08:38 >> ฮอร์โมนอะไรเหรอครับ
00:08:38 → 00:08:41 >> คือคอร์ติซอลค่ะฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความ
00:08:41 → 00:08:41 เครียด
00:08:41 → 00:08:44 >> อ๋อคอร์ติซอลปกติมันก็สูงตอนเช้าอยู่แล้ว
00:08:44 → 00:08:45 เนี่ยครับเพื่อปลุกเรา
00:08:46 → 00:08:48 >> ถูกต้องค่ะแต่นี่คือการงดอาหารเช้ามัน
00:08:48 → 00:08:51 ยิ่งทำให้ระดับคอร์ติซอลพุ่งสูงขึ้นไปอีก
00:08:51 → 00:08:54 แล้วก็เอ่อค้างอยู่ในระดับสูงนานกว่าปกติ
00:08:54 → 00:08:56 ด้วยค่ะ
00:08:56 → 00:09:00 >> อ้าวแล้วพอคอร์ติมันสูงค้างนานๆแบบนั้น
00:09:00 → 00:09:03 มันส่งผลเสียยังไงกับเรื่องน้ำตาลล่ะครับ
00:09:03 → 00:09:06 >> คือปัญหามันอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะคอร์ติซอลที่
00:09:06 → 00:09:08 สูงค้างเนี่ยมันจะไปรบกวนการทำงานของ
00:09:08 → 00:09:11 อินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่จัดการน้ำ
00:09:11 → 00:09:14 ตาลในเลือดทำให้เซลล์ในร่างกายเราเนี่ย
00:09:14 → 00:09:17 ตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่เท่าที่ควรหรือ
00:09:17 → 00:09:20 เกิดภาวะที่แบบว่าคล้ายๆดื้ออินซูลินกิน
00:09:20 → 00:09:22 ชั่วคราวในตอนเช้าค่ะ
00:09:22 → 00:09:24 >> อ๋อเข้าใจแล้วครับเหมือนสตาร์ทวันใหม่
00:09:24 → 00:09:27 ด้วยภาวะที่ร่างกายจัดการน้ำตาลได้ไม่
00:09:27 → 00:09:30 ค่อยดีเท่าไหร่แล้วทีนี้พอมื้อต่อไปเรา
00:09:30 → 00:09:32 อาจจะกินมื้อเที่ยงเลยหรือบางคนอาจจะมี
00:09:32 → 00:09:36 กาแฟใส่นมขนมปังนิดหน่อยตอนสายๆผลจะเป็น
00:09:36 → 00:09:37 ยังไงครับ
00:09:37 → 00:09:39 >> ผลก็คือร่างกายจะรับมือกับน้ำตาลหรือ
00:09:39 → 00:09:42 คาร์โบไฮเดรตจากมื้อนั้นๆได้ยากขึ้นค่ะ
00:09:42 → 00:09:44 ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหารมื้อนั้นก็
00:09:44 → 00:09:47 เลยมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงได้ง่ายกว่าปกติ
00:09:47 → 00:09:50 แล้วก็อาจจะแกว่งไปมาไม่คงที่เท่าที่ควร
00:09:50 → 00:09:51 ตลอดทั้งวันเลยค่ะ
00:09:51 → 00:09:52 >> อื
00:09:52 → 00:09:55 >> ดร.เชฟก็ย้ำนะคะว่าไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบ
00:09:55 → 00:09:58 นี้เป๊ะๆแต่เป็นแนวโน้มโดยรวมที่เอ่อการ
00:09:58 → 00:10:00 งดอาหารเช้าเป็นประจำเนี่ยอาจจะสร้างความ
00:10:00 → 00:10:04 ท้าทายในการคุมน้ำตาลได้ค่ะโดยเฉพาะคนที่
00:10:04 → 00:10:05 มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
00:10:05 → 00:10:08 >> เข้าใจเลยครับเป็นเรื่องสมดุลฮอร์โมนที่
00:10:08 → 00:10:10 ถูกรบกวนตั้งแต่เช้าตรู่เลยแล้วก็ส่งผล
00:10:11 → 00:10:15 ต่อเนื่องไปทั้งวันทีนี้จากเรื่องเวลากิน
00:10:15 → 00:10:19 มาดูเรื่องคุณภาพของสิ่งที่กินบ้างนิสัย
00:10:19 → 00:10:22 ที่ 2 อันนี้หลายคนคงพอรู้แต่ก็มีจุดที่
00:10:22 → 00:10:26 น่าสนใจคือการกินน้ำตาลแปรรูปพิเศษหรือ
00:10:26 → 00:10:27 น้ำตาลขัดสี
00:10:27 → 00:10:30 >> ใช่ค่ะอันนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยน้ำตาลแปร
00:10:30 → 00:10:33 รูปพิเศษหรือ Ultra Process Sugar กับ
00:10:33 → 00:10:35 น้ำตาลขัดสี Refine Sugar เนี่ยคือมัน
00:10:35 → 00:10:38 ผ่านกระบวนการมาเยอะมากจนแทบไม่เหลือเป็น
00:10:38 → 00:10:40 ความเป็นธรรมชาติเดิมๆแล้ว
00:10:40 → 00:10:41 >> ครับ
00:10:41 → 00:10:43 >> ปัญหาหลักๆเลยก็คือกระบวนการพวกนี้มัน
00:10:44 → 00:10:47 สกัดเอาใยอาหารหรือไฟเบอร์แล้วก็สารอาหาร
00:10:47 → 00:10:49 รองอื่นๆที่มีประโยชน์ออกไปเกือบหมดเลย
00:10:49 → 00:10:52 ค่ะเหลือแต่น้ำตาลเกือบจะลุล้วนๆ
00:10:52 → 00:10:54 >> แล้วการที่ไม่มีไฟเบอร์หรือสารอาหารอื่น
00:10:54 → 00:10:56 มาด้วยเนี่ยมันส่งผลยังไงกับระดับน้ำตาล
00:10:56 → 00:10:59 ในเลือดเราโดยตรงครับทำไมมันถึงแย่กว่า
00:10:59 → 00:11:01 น้ำตาลที่อยู่ในผลไม้สดๆ
00:11:01 → 00:11:04 >> ต่างกันที่ความเร็วในการดูดซึมเลยค่ะพอ
00:11:04 → 00:11:07 ไม่มีใยอาหารมาช่วยชะลอการย่อยและการดูด
00:11:07 → 00:11:10 ซึมเนี่ยน้ำตาลมันก็เข้าร่างกายเราเร็ว
00:11:10 → 00:11:13 มากเลยค่ะปรู๊ดปรายเนยผลก็คือน้ำตาลใน
00:11:13 → 00:11:16 เลือดพุ่งสูงปรี๊ดเลยที่เรียกว่ากลูโคสนะ
00:11:16 → 00:11:19 คะซึ่งการที่น้ำตาลมันเหวี่ยงขึ้นลงแรงๆ
00:11:19 → 00:11:22 ซ้ำๆแบบนี้มันเป็นภาระกับตับอ่อนมากนะคะ
00:11:22 → 00:11:24 ที่ต้องปั๊มอินซูลินออกมาเยอะๆ
00:11:24 → 00:11:27 >> อ๋อครับแล้วระยะยาวก็เสี่ยงต่อการดื้อ
00:11:27 → 00:11:29 อินซูลินเบาหวานประเภท 2 ได้
00:11:29 → 00:11:33 >> ถูกต้องค่ะทีนี้ที่น่าสนใจที่ดร.เชฟรวมไป
00:11:33 → 00:11:34 ด้วยก็คือน้ำผลไม้
00:11:35 → 00:11:37 >> น้ำผลไม้หลายคนดื่มเพราะคิดว่าดีได้
00:11:37 → 00:11:39 วิตามินเหมือนกินผลไม้เลยนะครับ
00:11:39 → 00:11:42 >> ใช่ค่ะแต่ดร.เชฟมองว่าส่วนใหญ่มันก็เข้า
00:11:42 → 00:11:45 ขายนี้เหมือนกันเพราะน้ำผลไม้ในท้องตลาด
00:11:45 → 00:11:48 ถึงจะบอกว่า 100% เนี่ยส่วนมากก็ผ่านการ
00:11:48 → 00:11:51 คั้นการกรองที่แยกเอากากใยออกไปเกือบหมด
00:11:51 → 00:11:52 แล้ว
00:11:52 → 00:11:52 >> ออ
00:11:52 → 00:11:54 >> สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือน้ำตาลฟรุกโตสในรูป
00:11:54 → 00:11:58 ของเหลวที่เข้มข้นแล้วก็ดูดซึมเร็วมากๆ
00:11:58 → 00:12:00 โดยไม่มีใยอาหารมาช่วยชะลอเหมือนตอนเรา
00:12:00 → 00:12:03 กินผลไม้สดทั้งลูกที่มันมีครบเลยทั้งน้ำ
00:12:03 → 00:12:06 น้ำตาลวิตามินแร่ธาตุแล้วก็ไฟเบอร์
00:12:06 → 00:12:08 >> แล้วพวกน้ำผลไม้สกัดเย็นที่ฮิตๆกันล่ะ
00:12:08 → 00:12:10 ครับต่างกันมั้ย
00:12:10 → 00:12:13 >> ดอกดร.เชก็ให้ข้อสังเกตไว้นะคะว่าสกัด
00:12:13 → 00:12:16 เย็นอาจจะดีกว่าน้ำผลไม้ทั่วไปนิดหน่อย
00:12:16 → 00:12:19 ตรงที่อาจจะรักษาสารอาหารบางอย่างไว้ได้
00:12:19 → 00:12:22 ดีกว่าเพราะใช้ความร้อนน้อยกว่าแต่ถึง
00:12:22 → 00:12:25 อย่างนั้นปัญหาเรื่องขาดใยอาหารกับน้ำตาล
00:12:25 → 00:12:27 เข้มข้นก็ยังอยู่ดีค่ะ
00:12:27 → 00:12:29 >> อืมเข้าใจครับ
00:12:29 → 00:12:32 >> ดังนั้นหลักการที่ดีที่สุดที่ดร.เชฟแนะนำ
00:12:32 → 00:12:35 ก็คือพยายามกินอาหารในรูปแบบดั้งเดิมตาม
00:12:35 → 00:12:38 ธรรมชาติหรือฟู้ดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำ
00:12:38 → 00:12:41 ได้ค่ะกินผลไม้เป็นลูกๆไปเลยแทนที่จะดื่ม
00:12:41 → 00:12:42 น้ำผลไม้
00:12:42 → 00:12:45 >> ชัดเจนครับเน้นความเป็นธรรมชาติกินให้ครบ
00:12:45 → 00:12:49 ส่วนประกอบของมันทีนี้มาถึงนิสัยที่ 3
00:12:49 → 00:12:52 อันนี้อาจจะทำให้หลายคนเอ่อประหลาดใจนิด
00:12:52 → 00:12:55 หน่อยคือการออกกำลังกายตอนดึกๆครับปกติ
00:12:55 → 00:12:58 เราได้ยินแต่ข้อดีของการออกกำลังกายทำไม
00:12:58 → 00:13:00 ออกกำลังกายดึกถึงกลายเป็นปัญหาได้ล่ะ
00:13:00 → 00:13:03 ครับค่ะการออกกำลังกายเนี่ยดีต่อสุขภาพ
00:13:03 → 00:13:05 แน่นอนอยู่แล้วอันนี้ไม่มีใครเถียงแต่
00:13:05 → 00:13:08 ประเด็นที่ดร.เชฟพูดถึงคือเรื่องเวลาค่ะ
00:13:08 → 00:13:10 โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่ค่อนข้างหนัก
00:13:10 → 00:13:12 Intense Exercise ในช่วงที่มันใกล้เวลา
00:13:13 → 00:13:14 นอนมากเกินไป
00:13:14 → 00:13:16 >> มันส่งผลอะไรเป็นพิเศษหรอครับการออกกำลัง
00:13:16 → 00:13:19 กายหนักๆใกล้เวลานอน
00:13:19 → 00:13:21 >> คือมันไปกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติส่วน
00:13:21 → 00:13:24 ที่เรียกว่าSympathตticนะค่ะซึ่งเป็นระบบ
00:13:24 → 00:13:27 สู้หรือหนี Fight of Flight การกระตุ้น
00:13:27 → 00:13:30 ระบบนี้จะทำให้ร่างกายหลังสารสืบประสาท
00:13:30 → 00:13:33 กลุ่มแคทิโคลีนออกมาเยอะเช่นพวกน
00:13:33 → 00:13:36 แดรินาลีนNepinฟิน
00:13:36 → 00:13:39 อ๋อสารพวกนี้ที่ทำให้เรารู้สึกตื่นตัว
00:13:39 → 00:13:40 กระปรี้กระเป้า
00:13:40 → 00:13:43 >> ใช่เลยค่ะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นความดัน
00:13:43 → 00:13:46 สูงขึ้นกล้ำเนื้อตื่นตัวเตรียมพร้อมใช้
00:13:46 → 00:13:49 งานซึ่งมันดีเวลาเราออกกำลังกายนะคะแต่
00:13:49 → 00:13:52 ปัญหาคือถ้าสภาวะตื่นตัวนี้มันเกิดขึ้น
00:13:52 → 00:13:55 ตอนกลางคืนที่เราควรจะพักผ่อนแล้วน่ะสิคะ
00:13:55 → 00:13:57 >> มันก็จะทำให้นอนหลับยากขึ้นหรือหลับไม่
00:13:57 → 00:13:58 สนิท
00:13:58 → 00:14:01 >> ถูกต้องค่ะพอร่างกายยังอยู่ในโหมดตื่นตัว
00:14:01 → 00:14:04 การจะเข้าสู่การนอนหลับลึกๆที่มีคุณภาพ
00:14:04 → 00:14:07 มันก็ยากขึ้นอาจจะนอนไม่หลับหลับๆตื่น
00:14:07 → 00:14:11 หรือตื่นมาแล้วไม่สดชื่นทีนี้ผลกระทบของ
00:14:11 → 00:14:13 การนอนหลับไม่ดีไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอะไร
00:14:13 → 00:14:16 ก็ตามเนี่ยดร.เชฟใช้คำแรงเหมือนกันนะคะ
00:14:16 → 00:14:19 ท่านบอกว่ามันเหมือนกับหายนะค่ะสำหรับการ
00:14:19 → 00:14:21 จัดการระดับน้ำตาลในเลือดในวันถัดไป
00:14:21 → 00:14:25 >> โหหายนะเหรอครับฟังดูรุนแรงนะแต่ก็พอเข้า
00:14:25 → 00:14:29 ใจได้นะเวลาเรานอนไม่พอวันรุ่งขึ้นมันจะ
00:14:29 → 00:14:31 เพลียอยากของหวานๆ
00:14:31 → 00:14:34 >> ใช่ค่ะในทางกลไกเนี่ยการนอนไม่พอแค่คืน
00:14:34 → 00:14:38 เดียวก็ทำให้ความไวต่ออินซูลินอินซูลิน
00:14:38 → 00:14:40 sensitivity ของเซลล์เราลดลงได้แล้วใน
00:14:40 → 00:14:41 วันถัดไป
00:14:41 → 00:14:43 >> หมายความว่ายังไงครับความไวลดลง
00:14:43 → 00:14:46 >> ก็คือร่างกายต้องผลิตอินซูลินออกมาเยอะ
00:14:46 → 00:14:48 กว่าเดิมเพื่อจะจัดการกับน้ำตาลในปริมาณ
00:14:48 → 00:14:51 เท่าเดิมค่ะแถมการนอนไม่พอยังไปรบกวน
00:14:51 → 00:14:53 ฮอร์โมนควบคุมความหิวความอิ่มพวกเกรลิน
00:14:54 → 00:14:56 เล็บินอีกทำให้เราหิวบ่อยขึ้นอยากกินแป้ง
00:14:57 → 00:14:58 กินน้ำตาลมากขึ้นไปอีก
00:14:58 → 00:15:00 >> โอ้โหเป็นวงจรเลย
00:15:00 → 00:15:04 >> ใช่ค่ะกลายเป็นวงจรที่ไม่ดีเลยดังนั้นการ
00:15:04 → 00:15:07 หาเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมแล้วก็เว้น
00:15:07 → 00:15:10 ช่วงห่างจากเวลานอนให้พอก็น่าจะสำคัญมากๆ
00:15:10 → 00:15:13 เลยค่ะอาจจะต้องลองสังเกตตัวเองดูนะคะ
00:15:13 → 00:15:16 ครับเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆไม่ใช่แค่
00:15:16 → 00:15:21 ทำแต่ต้องทำให้ถูกเวลาด้วยทีนี้มาถึง
00:15:21 → 00:15:24 นิสัยสุดท้ายข้อที่ 4 ที่ดร.เชฟแนะนำให้
00:15:24 → 00:15:27 ปรับคือการกินสิ่งที่ท่านเรียกว่า
00:15:27 → 00:15:32 คาร์โบไฮเดรตเปล่าหรือ carb คำนี้อาจจะ
00:15:32 → 00:15:34 ยังไม่คุ้นเท่าไหร่มันคืออะไรครับ
00:15:34 → 00:15:38 >> ค่ะ Next CS หรือคาร์โบไฮเดรตเปล่าก็ตรง
00:15:38 → 00:15:40 ตัวเลยค่ะคือการกินอาหารที่เป็น
00:15:40 → 00:15:43 คาร์โบไฮเดรตเป็นหลักโดยที่ไม่มีเสื้อผ้า
00:15:43 → 00:15:43 มาด้วย
00:15:43 → 00:15:44 >> เสื้อผ้า
00:15:44 → 00:15:48 >> ค่ะเสื้อผ้าในที่นี้ก็คือพวกไขมันดี
00:15:48 → 00:15:51 Healthy Fast ใยอาหารไฟเบอร์หรือโปรตีน
00:15:51 → 00:15:52 น่ะค่ะ
00:15:52 → 00:15:55 >> อ๋อครับยกตัวอย่างได้มั้ครับ
00:15:55 → 00:15:58 >> ก็เช่นการกินขนมปังขาวแผ่นเดียวเพียวๆเลย
00:15:58 → 00:16:01 หรือกินข้าวสวยเปล่าๆกินซีเรียลหวานๆกับ
00:16:01 → 00:16:05 นมไขมันต่ำโดยไม่มีกับข้าวหรือไม่มีแหล่ง
00:16:05 → 00:16:07 โปรตีนหรือไขมันดีอื่นๆมาด้วยในมือนั้น
00:16:07 → 00:16:08 เลยค่ะ
00:16:08 → 00:16:11 >> แล้วการกินแบบนี้มันต่างจากการกินขาบที่
00:16:11 → 00:16:13 มีอย่างอื่นด้วยยังไงครับในแง่ของระดับ
00:16:13 → 00:16:14 น้ำตาล
00:16:14 → 00:16:17 >> ต่างกันเยอะเลยค่ะเพราะอย่างที่เราคุยกัน
00:16:17 → 00:16:20 ไปแล้วคาร์โบไฮเดรตโดยเฉพาะพวกขัดสีอย่าง
00:16:20 → 00:16:22 ขนมปังขาวข้าวขาวเนี่ยมันย่อยเป็นน้ำตาล
00:16:23 → 00:16:25 ได้เร็วอยู่แล้วทีนี้ถ้าเรากินมันเข้าไป
00:16:25 → 00:16:29 เดี่ยวๆเลยไม่มีอะไรมาช่วยชะลอกันย่อยกัน
00:16:29 → 00:16:32 ดุจซึมน้ำตาในเรียดมันก็จะพุ่งสูงอย่าง
00:16:32 → 00:16:35 รวดเร็วเลยค่ะไม่ต่างจากดื่มน้ำหวานเลย
00:16:35 → 00:16:37 >> ฟังดูแล้วก็เป็นปัญหาคล้ายๆกับการกินน้ำ
00:16:37 → 00:16:39 ตาลแปรรูปเลยนะครับแล้วจะแก้ยังไงดีล่ะ
00:16:39 → 00:16:42 ครับเพราะขาบก็ยังจำเป็นอยู่
00:16:42 → 00:16:45 >> ใช่ค่ะเราไม่จำเป็นต้องงดขาบไปเลยดร.
00:16:45 → 00:16:48 เพื่อเชฟให้กลยุทธ์ที่น่าสนใจมากคือแต่ง
00:16:49 → 00:16:52 ตัวให้คาร์โบไฮเดรตค่ะหรือพูดง่ายๆก็คือ
00:16:52 → 00:16:56 กินไขมันใยอาหารโปรตีนก่อนเสมอ
00:16:56 → 00:16:58 >> Fat Fiber โปรte First
00:16:59 → 00:17:00 >> กินพวกนี้ก่อน
00:17:00 → 00:17:03 >> ใช่ค่ะคือในมื้ออาหารหรือแม้แต่ตอนกินของ
00:17:03 → 00:17:06 ว่างคนพยายามกินอาหารที่เป็นแหล่งไขมันดี
00:17:06 → 00:17:09 เช่นอะโวคาโดถั่วน้ำมันนำมะกอกหรือและใย
00:17:09 → 00:17:13 อาหารเช่นผักใบเขียวบร็อกเโคลี่หรือและ
00:17:13 → 00:17:17 โปรตีนเช่นไก่ปลาไข่โต้หู้ก่อนที่จะกิน
00:17:17 → 00:17:19 ส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรตหลักหรือกินไป
00:17:19 → 00:17:20 พร้อมๆกันก็ได้ค่ะ
00:17:20 → 00:17:24 >> ที่ดร.เชฟอ้างอิงมานะคะการใช้กลยุทธ์นี้
00:17:24 → 00:17:27 สามารถช่วยลดความรุนแรงหรือทำให้การพุ่ง
00:17:27 → 00:17:30 ของระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารมัน
00:17:30 → 00:17:33 ราบเรียบขึ้นได้มากถึง 75% เลยทีเดียวนะ
00:17:33 → 00:17:33 คะ
00:17:33 → 00:17:36 >> เฮ้ย 75% เยอะมากเลยนะครับทำไมล่ะครับ
00:17:36 → 00:17:38 กลไกมันคืออะไร
00:17:38 → 00:17:41 >> ก็เพราะว่าไขมันโปรตีนแล้วก็ใยอาหารเนี่ย
00:17:41 → 00:17:44 มันใช้เวลาย่อยนานกว่าคาร์โบไฮเดรตค่ะพอ
00:17:44 → 00:17:47 กินเข้าไปก่อนหรือพร้อมกันมันก็จะไปช่วย
00:17:47 → 00:17:49 ชะลอการที่อาหารจะเคลื่อนจากกระเพาะไปลำ
00:17:49 → 00:17:52 ไส้เล็กทำทำให้คาร์โบไฮเดรตถูกย่อยและดูด
00:17:52 → 00:17:55 ซึมเข้าเลศช้าลงการปล่อยน้ำตามันก็เลย
00:17:55 → 00:17:57 ค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่พรวดเดียวเหมือนตอน
00:17:57 → 00:18:01 กินขาบเปล่าอ๋อทำให้กราฟน้ำตาลมันไม่ชัน
00:18:01 → 00:18:02 ปรี๊ดขึ้นไป
00:18:02 → 00:18:05 >> ถูกต้องค่ะระดับน้ำตาลก็จะขึ้นช้าๆแล้วก็
00:18:05 → 00:18:09 ไม่สูงเข้าเดิมร่างกายก็จัดการได้ดีขึ้น
00:18:09 → 00:18:12 อินซูลินก็ไม่ต้องทำงานหนักมากการสร้าง
00:18:12 → 00:18:14 นิสัยแบบนี้ก็จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลให้
00:18:14 → 00:18:17 คงที่ได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะตลอดวัน
00:18:17 → 00:18:19 >> โอ้โหน่าทึ่งมากครับเป็นเทคนิคที่เหมือน
00:18:19 → 00:18:22 จะง่ายง่ายนะแค่ปรับลำดับหรือกินคู่กัน
00:18:22 → 00:18:22 ให้ถูก
00:18:22 → 00:18:25 >> ใช่ค่ะแล้วถ้าเราลองมองภาพรวมทั้ง 4
00:18:26 → 00:18:28 นิสัยเนี่ยนะคะจะเห็นเลยว่ามันเชื่อมโยง
00:18:28 → 00:18:30 กันหมดเลย
00:18:30 → 00:18:30 >> ยังไงครับ
00:18:30 → 00:18:34 >> ไม่ว่าจะเป็นการงดอาหารเช้าที่ไปกระทบ
00:18:34 → 00:18:37 คอร์ติซอลการออกกำลังกายดึกที่ส่งผลต่อ
00:18:37 → 00:18:41 แคทิโคลามีนและการนอนหรือการกินน้ำตาลแปร
00:18:41 → 00:18:45 รูปกับคาฟเปล่าที่กระตุ้นอินซูลินแรงทั้ง
00:18:45 → 00:18:48 หมดนี้มันชี้ไปที่ความสำคัญของสมดุล
00:18:48 → 00:18:50 ฮอร์โมนกับการตอบสนองของร่างกายเราต่อ
00:18:50 → 00:18:54 เวลาและองค์ประกอบของอาหารที่เรากินรวม
00:18:54 → 00:18:56 ถึงไลฟ์สไตล์อื่นๆด้วยอย่างการนอน
00:18:56 → 00:18:59 >> ใช่เลยครับพอฟังแบบนี้แล้วเห็นภาพชัดขึ้น
00:18:59 → 00:19:02 เยอะเลยมันไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดดๆ
00:19:02 → 00:19:05 แต่เป็นปฏิสัมพันธ์กันหมดเลยเนอะตั้งแต่
00:19:05 → 00:19:08 ตื่นนอนเลือกกินอะไรมื้อเช้ากินขนมปังกับ
00:19:08 → 00:19:11 อะไรออกกำลังกายตอนไหนแม้แต่เลือกกิน
00:19:11 → 00:19:13 ผลไม้สดแทนน้ำผลไม้ดูเป็นเรื่องเล็กๆน้อย
00:19:13 → 00:19:17 ๆแต่พอทำซ้ำๆทุกวันผลกระทบต่อสุขภาพระยะ
00:19:17 → 00:19:19 ยาวมันมหาศาลจริง
00:19:19 → 00:19:22 งั้นเรามาทวนกันชัดๆอีกทีนะครับ 4 นิสัย
00:19:22 → 00:19:24 หลักๆที่เราควรพิจารณาปรับเปลี่ยนเพื่อ
00:19:24 → 00:19:26 ระดับน้ำตาลในเลือดที่คงที่ตามคำแนะนำของ
00:19:26 → 00:19:29 ดร.เชฟนะครับ 1 คือหลีกเลี่ยงการงดอาหาร
00:19:29 → 00:19:33 เช้าเป็นประจำ 2 คือลดหรือเลี่ยงน้ำตาล
00:19:33 → 00:19:36 แปรรูปน้ำตาลขัดสีและน้ำผลไม้ส่วนใหญ่
00:19:36 → 00:19:38 >> 3 คือพยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
00:19:38 → 00:19:42 หนักๆใกล้เวลานอนเกินไปนะคะและ 4 คือแต่ง
00:19:42 → 00:19:46 ตัวให้คาร์โบไฮเดรตเสมอกินไขมันดีใยอาหาร
00:19:46 → 00:19:49 หรือโปรตีนก่อนหรือพร้อมกับคาฟค่ะ
00:19:49 → 00:19:50 >> ครับผม
00:19:50 → 00:19:52 >> แล้วก็ประเด็นสำคัญที่อยากจะย้ำส่งท้าย
00:19:52 → 00:19:55 จริงๆนะคะคือการดูแลระดับน้ำตาลให้คงที่
00:19:55 → 00:19:58 เนี่ยมันมีความหมายมากกว่าแค่ป้องกันเบา
00:19:58 → 00:20:01 หวานนะคะแต่มันเป็นรากฐานสำคัญมากๆของ
00:20:01 → 00:20:03 สุขภาพองค์รวมเลยค่ะทั้งเรื่องพลังงานใน
00:20:04 → 00:20:07 แต่ละวันสุขภาพสมองภูมิคุ้มกันหัวใจและ
00:20:07 → 00:20:09 หลอดเลือดแล้วก็อย่างที่คุยกันตอนต้นคือ
00:20:10 → 00:20:12 การมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพหรือ Health
00:20:12 → 00:20:13 Span
00:20:13 → 00:20:17 >> การมีชีวิตยืนยาวแบบสุขภาพดีปราศจากโรค
00:20:17 → 00:20:18 เรื้อรัง
00:20:18 → 00:20:21 >> ใช่ค่ะระดับน้ำตาลในเลือดที่สมดุลเนี่ย
00:20:21 → 00:20:23 เป็นกุญแจสำคัญดอกนึงเลยที่จะนำไปสู่เป้า
00:20:23 → 00:20:26 หมายนั้นได้มันคือการลงทุนเพื่อความสดสด
00:20:26 → 00:20:28 ใสแข็งแรงในระยะยาวเลยค่ะ
00:20:28 → 00:20:30 >> เป็นมุมมองที่ทำให้เห็นความสำคัญของ
00:20:30 → 00:20:32 เรื่องนี้กว้างขึ้นมากจริงๆครับไม่ใช่แค่
00:20:32 → 00:20:35 เรื่องโรคภัยแต่เป็นเรื่องคุณภาพชีวิตโดย
00:20:35 → 00:20:38 รวมเลยสุดท้ายนี้ก็อยากจะทิ้งท้ายด้วยคำ
00:20:38 → 00:20:40 ถามชวนคิดนิดนึงนะครับสำหรับผู้ฟังทุก
00:20:40 → 00:20:43 ท่านเลยจากที่เราคุยกันเรื่อง Naked
00:20:43 → 00:20:46 Carbs กับกลยุทธ์ Fat Fiber Prtein
00:20:46 → 00:20:48 First เนี่ยบางทีแทนที่เราจะมัวแต่คิด
00:20:49 → 00:20:52 ว่าคาบชนิดไหนดีหรือไม่ดีหรือพยายามจะ
00:20:52 → 00:20:55 เลิกกินคราบไปเลยเราอาจจะต้องหันมาให้
00:20:55 → 00:20:58 ความสำคัญพันกับเวลาที่เรากินมันแล้วก็
00:20:58 → 00:21:01 วิธีการที่เรากินมันควบคู่กับสารอาหาร
00:21:01 → 00:21:03 อื่นๆมากขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
00:21:03 → 00:21:06 >> อืน่าคิดนะคะ
00:21:06 → 00:21:09 >> อาจจะเป็นการเปลี่ยนโฟกัสจากกินอะไร What
00:21:09 → 00:21:12 มาเป็นกินเมื่อไหร่ when และกินอย่างไร
00:21:12 → 00:21:15 มากขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของเราเองลอง
00:21:16 → 00:21:18 นำไปคิดต่อยอดและปรับใช้กันดูนะครับ
00:21:18 → 00:21:20 สำหรับวันนี้ขอบคุณมากครับ
00:21:20 → 00:21:21 >> ขอบคุณค่ะ
00:21:21 → 00:21:39 [เพลง]