00:00:00 → 00:00:04 แล็คตาซอยงาดำเข้มประโยชน์ทุกคำหอมงาดำ
00:00:04 → 00:00:09 อร่อยมากรู้จักอาการวัทอง 2 ขวบเมื่อลูก
00:00:09 → 00:00:12 น้อยดื้อไม่เชื่อฟังปัญหาหนักใจที่พ่อแม่
00:00:12 → 00:00:17 ต้องจัดการเปิดแนวทางรับมืออาการวัยทอง 2
00:00:17 → 00:00:21 ขวบให้อยู่หมัด 9 วิธีฝึกลูกน้อยให้รับ
00:00:21 → 00:00:25 ประทานผักเริ่มต้นง่ายๆแบบไม่ต้องบังคับ
00:00:25 → 00:00:28 ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการ TNN
00:00:28 → 00:00:35 Health วันนี้
00:00:35 → 00:00:38 สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการเทียน and
00:00:38 → 00:00:41 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:41 → 00:00:44 คุ้มกันรู้ทันโรคค่ะและดิฉันหมอดาวแพทย์
00:00:44 → 00:00:47 หญิงัตดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะทางสาขา
00:00:47 → 00:00:50 เวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับหน้าที่
00:00:50 → 00:00:53 เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมาเข้าถึง
00:00:53 → 00:00:59 สาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:00:59 → 00:01:08 [เพลง]
00:01:08 → 00:01:11 และสำหรับสัปดาห์นี้นะคะเราจะมารู้จัก
00:01:11 → 00:01:16 วิธีการรับมือวัยทอง 2 ขวบวัยร้ายฟันน้ำ
00:01:16 → 00:01:19 นมภาวะ terrible 2 ที่อยู่ใกล้ตัวลูกเรา
00:01:19 → 00:01:23 มากกว่าที่เราคิดไปฟังพร้อมๆกันค่ะวัยทอง
00:01:23 → 00:01:27 2 ขวบหรือ terrible 2 เป็นอาการที่พบ
00:01:27 → 00:01:30 ได้ทั่วไประหว่างพัฒนาการของเด็กเมื่อ
00:01:30 → 00:01:33 อายุย่างเข้าสู่ช่วง 18-30 เดือนลูกน้อย
00:01:33 → 00:01:37 อาจแสดงอารมณ์หรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
00:01:37 → 00:01:41 เช่นหวิดร้องฉุนเฉียวต่อต้านและโยนสิ่ง
00:01:41 → 00:01:43 ของเมื่อไม่ได้ดั่งใจโดยอารมณ์หรือ
00:01:43 → 00:01:47 พฤติกรรมเหล่านี้มักดีขึ้นเมื่อลูกน้อยมี
00:01:47 → 00:01:50 อายุประมาณ 4 ขวบหรือสามารถเข้าใจและสื่อ
00:01:51 → 00:01:54 สารความต้องการของตนเองได้เมื่ออายุ
00:01:54 → 00:01:57 ประมาณ 2 ขวบมักเกิดพัฒนาการในด้านต่างๆ
00:01:57 → 00:02:01 เช่นเริ่มสื่อสารเป็นวลีสๆเรียนรู้ความ
00:02:01 → 00:02:05 รู้สึกต่างๆและเคลื่อนไหวได้คล่องมากขึ้น
00:02:05 → 00:02:08 อย่างไรก็ตามพัฒนาการด้านการพูดและอารมณ์
00:02:08 → 00:02:11 อาจยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ทำให้ไม่สามารถ
00:02:11 → 00:02:15 สื่อสารหรือกระทำได้ตรงตามความต้องการของ
00:02:15 → 00:02:19 ตนเองและอาจนำไปสู่อาการวัยทอง 2 ขวบได้
00:02:20 → 00:02:24 อาการวัยทอง 2 ขวบสำหรับอาการของวัยทอง 2
00:02:24 → 00:02:27 ขวบนะคะถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่าลูกของ
00:02:27 → 00:02:30 เราเนี่ยมีอาการวัยทอง 2 ขวบเป็นอย่าง
00:02:30 → 00:02:32 เราจะได้รู้วิธีการรับมือไปฟังเรื่องของ
00:02:32 → 00:02:36 อาการกันค่ะโดยอาการวทอง 2 ขวบอาจแตกต่าง
00:02:36 → 00:02:39 กันไปในเด็กแต่ละคนแต่มักมีรูปแบบที่
00:02:39 → 00:02:44 คล้ายกันเช่น 1 อารมณ์แปรปรวนและฉนเฉียว 2
00:02:44 → 00:02:48 ดื้อเอาแต่ใจหรือต่อต้านคำสั่งของพ่อแม่ 3
00:02:48 → 00:02:53 ตีเตะกัดหรือโยนสิ่งของเมื่อไม่พอใจ 4
00:02:53 → 00:02:57 หวิดร้องหรือขึ้นเสียง 5 ทะเลาะกับเพื่อน
00:02:57 → 00:03:00 หรือพี่น้องมากกว่าปกติตัวอย่างเหตุการณ์
00:03:00 → 00:03:03 ที่ทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมวัยทอง 1
00:03:03 → 00:03:08 เหนื่อยหรือง่วงนอนแต่อยากเล่นต่อ 2 หิว
00:03:08 → 00:03:12 ข้าวหิวน้ำแต่สื่อสารบอกไม่ได้ 3 กำลัง
00:03:12 → 00:03:15 เล่นสนุกแต่ถูกขัดจังหวะเช่นต้องไปอาบน้ำ
00:03:15 → 00:03:19 ต้องไปรับประทานอาหาร 4 ต้องการอิสระเล่น
00:03:19 → 00:03:22 ตามใจต้องการเลือกของเล่นเองไม่ต้องการ
00:03:22 → 00:03:26 แบ่งของเล่นกับใคร 5 อยากทำบางอย่างแต่
00:03:26 → 00:03:29 ผู้ปกครองไม่ให้ทำหรือไม่อยากทำบางอย่าง
00:03:29 → 00:03:33 แต่ถูกผู้ปกครองบังคับให้ทำผลวิจัยพบว่า
00:03:33 → 00:03:36 terrible 2 ไม่ใช่โรคแต่เป็นภาวะที่
00:03:36 → 00:03:38 เกิดขึ้นกับเด็กวัย 2 ขวบเข้าสู่วัยที่
00:03:38 → 00:03:42 กำลังหัดเดินซึ่งถือว่า terrible 2 คือ
00:03:42 → 00:03:45 พัฒนาการอย่างหนึ่งของเด็กวัยนี้นั่น
00:03:45 → 00:03:49 เองงานวิจัยของรัฐแคลิฟอร์เนียสามารถแบ่ง
00:03:49 → 00:03:52 เด็กออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ได้แก่ 1 เด็กที่
00:03:52 → 00:03:56 ถูกบังคับจากครอบครัวจากงานวิจัยพบว่าพ่อ
00:03:56 → 00:03:59 แม่ที่ไม่เข้าใจพฤติกรรมลูกและไม่มีการ
00:03:59 → 00:04:02 เตรียมรับมือกับภาวะ Tri 2 เมื่อเด็ก
00:04:02 → 00:04:06 เข้าสู่ภาวะอารมณ์ขึ้นๆลงๆเอาแต่ใจดื้อ
00:04:06 → 00:04:09 สุดๆคุณพ่อคุณแม่ก็จะดุด่าว่ากล่าวการใช้
00:04:09 → 00:04:12 กำลังหรือตีเพื่อให้เด็กๆหยุดพฤติกรรมดัง
00:04:12 → 00:04:16 กล่าวโดยไม่ได้อธิบายเหตุผลให้ลูกฟังหรือ
00:04:16 → 00:04:19 ไม่ยอมรับฟังเหตุผลของลูกจะทำให้ลูกมี
00:04:19 → 00:04:22 พฤติกรรมที่ก้าวร้าวในที่สุดมีการต่อต้าน
00:04:22 → 00:04:24 และเด็กๆก็จะซึมทรัพย์พฤติกรรมเหล่านั้น
00:04:24 → 00:04:28 จากพ่อแม่และส่งต่อไปยังคนรอบข้างของเขา
00:04:28 → 00:04:30 ในอนาคตอีกด้วย
00:04:30 → 00:04:33 2 เด็กที่ได้รับความเข้าใจจากครอบครัว
00:04:33 → 00:04:36 จากงานวิจัยสำหรับเด็กกลุ่มนี้พบว่าเป็น
00:04:36 → 00:04:39 เด็กที่พ่อแม่เข้าใจในภาวะ ter to ใช้
00:04:39 → 00:04:43 เหตุผลในการพูดคุยกันและเมื่อมีปัญหาเกิด
00:04:43 → 00:04:47 ขึ้นเขาก็จะเข้าหากันเองโดยอัตโนมัติ
00:04:47 → 00:04:50 เพราะเด็กๆจะรู้ว่าพ่อแม่มักมีเหตุผลให้
00:04:50 → 00:04:54 กับเขาเสมอซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยลดความ
00:04:54 → 00:04:58 ขัดแย้งภายในครอบครัวได้ได้รับทราบข้อมูล
00:04:58 → 00:05:00 เกี่ยวกับเรื่องของวอง 2 ขวบกันไปคร่าวๆ
00:05:00 → 00:05:03 นะคะและในช่วงนี้ค่ะเราจะไปพูดคุยกับ
00:05:03 → 00:05:06 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของโรควัยทอง 2
00:05:06 → 00:05:08 ขวบ
00:05:08 → 00:05:12 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มต้นที่คำถาม
00:05:12 → 00:05:13 แรกเลยนะ
00:05:13 → 00:05:19 [เพลง]
00:05:19 → 00:05:23 คะสำหรับวิธีสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าลูก
00:05:23 → 00:05:27 ของเราค่ะเป็นวัยทอง 2 ขวบมีอะไรบ้างคะ
00:05:27 → 00:05:31 ค่ะแรกเริ่มนะคะเรามามาเข้าใจคำว่านิยาม
00:05:31 → 00:05:34 ของวัยทอง 2 ขวบก่อนนะคะคือคำว่าวัยทอง 2
00:05:34 → 00:05:37 ขวบเนี่ยมันเป็นมุมมองที่ผู้ใหญ่เนี่ยให้
00:05:37 → 00:05:40 นิยามกับเด็กอายุ 2 ขวบจริงๆแล้วมันไม่
00:05:40 → 00:05:43 ใช่อาการนะคะมันเป็นพัฒนาการตามวัยของ
00:05:43 → 00:05:46 เขาคนะคะคำว่าวัยทองเนี่ยถ้าเป็นภาษา
00:05:46 → 00:05:49 อังกฤษเนี่ยเราจะใช้คำว่า terrible to
00:05:49 → 00:05:52 เนาะความหมายก็คือว่าทำไมนเด็ก 2 ขวบทำไม
00:05:52 → 00:05:55 ถึงดื้อจังเลยพ่อแม่ก็เลยรู้สึกว่าเออ
00:05:55 → 00:05:57 เหมือนกับผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยทอง
00:05:57 → 00:06:00 หงุดหงิดง่ายโวยวายอย่างเงี้นะคะเพราะ
00:06:00 → 00:06:05 ฉะนั้นเราถอยกลับไปตรงที่คำว่าดื้อคือ
00:06:05 → 00:06:08 ทำไมเด็กถึงดื้อนะคะคำว่าดื้อเนี่ยโดย
00:06:08 → 00:06:10 ส่วนใหญ่เป็นนิยามที่ผู้ใหญ่ให้กับเด็ก
00:06:10 → 00:06:14 ดื้อหมายถึงว่าไม่ยอมทำตามต่อต้านอันนี้
00:06:14 → 00:06:17 คือพฤติกรรมดื้อใช่ไมั้ยคะอ่าการที่เราจะ
00:06:17 → 00:06:20 มองว่าเด็กดื้อหรือไม่ดื้อเนี่ยด้วย
00:06:20 → 00:06:22 ประสบการณ์ของหมอที่เป็นแม่นะคะแล้วก็
00:06:22 → 00:06:26 เป็นกุมารแพทย์ที่รับปรึกษาปัญหาที่คุณ
00:06:26 → 00:06:29 แม่มาถามเวลาที่มาตรวจสุขภาพเด็กดีนะคะ
00:06:29 → 00:06:32 หมอคิดว่าปัญหามันอยู่ที่ 2 ส่วน 1 ก็คือ
00:06:32 → 00:06:36 เป็นเรื่องของการที่เอ่อคุณพ่อคุณแม่
00:06:36 → 00:06:39 เนี่ยไม่ได้เข้าใจพฤติกรรมตามวัยของลูกนะ
00:06:39 → 00:06:43 คะอันที่ 2 ก็คือเป็นเรื่องของตัวเด็กเอง
00:06:43 → 00:06:45 ที่เราต้องเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนเนี่ยมี
00:06:45 → 00:06:48 คาแรคเตอร์ไม่เหมือนกันนะคะเพราะฉะนั้น
00:06:48 → 00:06:52 เนี่ยวันนี้เนี่ยเราคงจะไม่ได้พูดว่าเด็ก
00:06:52 → 00:06:55 มีอาการวัยทอง 2 ขวบเป็นเรื่องผิดปกติแต่
00:06:55 → 00:06:57 ว่าหมออยากจะให้คุณพ่อคุณแม่เนี่ยปรับ
00:06:57 → 00:07:00 เปลี่ยน mind เซตของตัวเองก่อนว่าอ่าเด็ก
00:07:00 → 00:07:03 อายุ 2 ขวบเนี่ยเค้ามีพฤติกรรมยังไงถ้า
00:07:03 → 00:07:07 เราเข้าใจแล้วเราก็จะอ่าวางใจได้มากขึ้น
00:07:07 → 00:07:09 ว่าเอ๊ะลูกเราไม่ได้ผิดปกตินะคะ
00:07:09 → 00:07:13 อ่าเราลองนึกถึงภาพของเด็ก 2 ขวบนะคะเรา
00:07:13 → 00:07:16 เลี้ยงลูกมาเนี่ยตั้งแต่แรกเกิดเยังทำ
00:07:16 → 00:07:20 อะไรได้ไม่มากเนาะ 2 ขวบเริ่มเดินได้วิ่ง
00:07:20 → 00:07:24 ได้พูดได้ทำทุกอย่างทำหลายๆอย่างได้
00:07:24 → 00:07:27 เหมือนคุณพ่อคุณแม่นะคะเราอาจจะรู้สึกว่า
00:07:27 → 00:07:29 ลูกพูดโต้ตอบกับเราได้นั่นหมายความว่าลูก
00:07:29 → 00:07:31 ลูกเข้าใจในสิ่งที่เราพูดทุกอย่างซึ่ง
00:07:31 → 00:07:34 จริงๆแล้วไม่จริงนะคะเพราะว่าจริงๆสมอง
00:07:34 → 00:07:37 ของมนุษย์เราเนี่ยค่ะมันเจริญเติบโตเป็น
00:07:37 → 00:07:40 ชั้นเนาะเริ่มแรกเนี่ยมันจะเป็นส่วนของ
00:07:40 → 00:07:44 ก้านสมองก้านสมองจะเป็นส่วนที่มี
00:07:44 → 00:07:47 ปฏิกิริยาอัตโนมัติทำงานเกี่ยวกับการใช้
00:07:47 → 00:07:51 ชีวิตนะคะขั้นที่ 2 ก็คือเป็นสมองส่วน
00:07:51 → 00:07:54 limbic System ก็คือทำงานเกี่ยวกับ
00:07:54 → 00:07:57 เรื่องอารมณ์และความทรงจำนะคะขั้นที่ 3
00:07:57 → 00:07:59 ก็คือ neocortex หรือที่คุณพ่อคุณแม่ยุค
00:08:00 → 00:08:02 ใหม่เรียกว่าสมองส่วน EF นะคะสมองส่วนนี้
00:08:03 → 00:08:05 เนี่ยจะเป็นสมองในส่วนของการเรียนรู้เหตุ
00:08:05 → 00:08:10 ผลซึ่งจะค่อยๆพัฒนาอย่างช้าๆขีดเส้นใต้คำ
00:08:10 → 00:08:14 ว่าอย่างช้าๆนะคะมีการพัฒนาตั้งแต่เด็ก
00:08:14 → 00:08:17 แต่ว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าสมองส่วนนี้
00:08:17 → 00:08:21 เนี่ยพัฒนาช้ามากมีการเจริญเติบโตเต็มที่
00:08:21 → 00:08:24 เนี่ยตอนอายุประมาณ 25 ปีนะคะนั่นหมาย
00:08:24 → 00:08:27 ความว่าเด็กอายุ 2 ขวบเนี่ยถ้าเราไปถามหา
00:08:27 → 00:08:30 เหตุผลกับลูกเนี่ยมันก็จะประหลาดมากเพราะ
00:08:30 → 00:08:33 ว่าจริงๆเหตุผลเขามีอยู่น้อยนิดเด็กทำงาน
00:08:33 → 00:08:37 ด้วยอารมณ์เป็นหลักและความทรงจำเป็นหลัก
00:08:37 → 00:08:39 นะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยหมออยากจะให้เราปรับ
00:08:39 → 00:08:42 เปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่าทำไมลูกดื้อลูก
00:08:42 → 00:08:45 ไม่มีเหตุผลสิ่งที่ถูกต้องที่เราควรจะคิด
00:08:45 → 00:08:49 ก็คือว่าเรานี่แหละจะเป็นเหตุผลให้ลูกดู
00:08:49 → 00:08:52 อาจารย์ขาและอารมณ์ของเด็กในวัย 2 ขวบจะ
00:08:52 → 00:08:55 มีผลกระทบหรือว่าทำให้เขาเนี่ยติดไปเป็น
00:08:55 → 00:08:58 นิสัยตอนเขาโตได้หรือเปล่าคะอย่างที่บอก
00:08:59 → 00:09:02 ว่าการที่เค้าแสดงปฏิกิริยาต่อต้านหรือ
00:09:02 → 00:09:05 การที่เค้าร้องไห้โวยวายอ่ะค่ะมันเป็น
00:09:05 → 00:09:09 เพราะตัวเค้าเองเนี่ยอยากจะทำแต่มันทำไม่
00:09:09 → 00:09:12 ได้ดั่งใจแล้วก็มีการรู้สึกว่าถูกขัดขวาง
00:09:13 → 00:09:15 ซึ่งอย่างที่บอกว่าสมองส่วนอารมณ์เนี่ย
00:09:15 → 00:09:18 มันเจริญเติบโตมากๆในขณะที่สมองสวดเหตุผล
00:09:18 → 00:09:21 เนี่ยตามมาอย่างช้าๆเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:09:21 → 00:09:25 ที่เราจะเลี้ยงดูเด็กคนนึงให้เป็นเด็กที่
00:09:25 → 00:09:28 ควบคุมตัวเองได้อ่ะค่ะมันอยู่ที่การ
00:09:28 → 00:09:30 เลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่สิ่งเหล่าเนี้ย
00:09:30 → 00:09:34 มันเติบโตพัฒนาของตามวัยของเขาคตามสมอง
00:09:34 → 00:09:37 ของเขาคนะคะสำคัญที่สุดคือคุณพ่อคุณแม่
00:09:37 → 00:09:40 ต้องเข้าใจนะคะอันที่ 2 ก็คือว่าเมื่อเรา
00:09:40 → 00:09:43 รู้แล้วว่าเาไม่ได้ตั้งใจเนี่ยเราก็ต้อง
00:09:43 → 00:09:48 เป็นน้ำเย็นคือตั้งกฎกติกาและก็เมตตาแต่
00:09:48 → 00:09:51 หนักแน่นเช่นกิจวัตรประจำวันที่มันต้อง
00:09:51 → 00:09:55 ฝึกมันก็คือต้องฝึกต้องเข้านอนต้องทำอะไร
00:09:55 → 00:09:57 หลายๆอย่างหรือต้องหยุดเล่นแล้วล่ะต้องไป
00:09:57 → 00:10:01 แล้วล่ะอันเนี้ยเขาจะมองเราคือเด็กเด็ก
00:10:01 → 00:10:05 วัย 2 ขวบอ่ะค่ะเขาจะพยายามที่จะทดสอบ
00:10:05 → 00:10:08 เพื่อดูกรอบขอบเขตที่เขาจะทำได้หรือไม่
00:10:08 → 00:10:11 ได้ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะดื้อกับเรา
00:10:11 → 00:10:13 เด็กไม่ได้คิดแบบนั้นเขาแค่อยากทดลองว่า
00:10:13 → 00:10:17 เขาทำสิ่งนี้แล้วพ่อแม่ตอบสนองยังไงสิ่ง
00:10:17 → 00:10:20 ที่เขาทำไม่ได้กลายเป็นนิสัยแต่การตอบ
00:10:20 → 00:10:23 สนองของพ่อแม่ที่ทำให้เขารู้ว่าเขาทำอะไร
00:10:23 → 00:10:26 ได้หรือไม่ได้เนี่ยจะกลายเป็นนิสัยของลูก
00:10:26 → 00:10:29 ค่ะแล้วเมื่อลูกอารมณ์ร้อนค่ะดื้อเอาแต่
00:10:29 → 00:10:33 ใจควรลงโทษหรือไม่อย่างไรคะอาจารย์หมอคิด
00:10:33 → 00:10:36 ว่าวดยุคปัจจุบันเนี่ยข้อดีก็คือว่าเรา
00:10:36 → 00:10:40 เนี่ยมีวิทยาศาสตร์สมองที่รองรับมากๆใน
00:10:40 → 00:10:43 เรื่องของการเลี้ยงลูกนะคะมันอาจจะเป็น
00:10:43 → 00:10:45 ยุคที่แบบคุณพ่อคุณแม่บอกว่าโอ้ข้อมูล
00:10:45 → 00:10:49 เยอะเหลือเกินแบบมันวรวมฉันจะทำตามอะไรดี
00:10:49 → 00:10:52 แต่ในอีกในอีกแง่ดีก็คือหลักฐานทาง
00:10:52 → 00:10:56 วิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าการที่ทำร้ายหรือ
00:10:56 → 00:10:58 การลงโทษด้วยความรุนแรงเนี่ยไม่เกิดผลดี
00:10:58 → 00:11:02 ต่อสมองสำหรับเด็กเลยนะคะเด็กอยากเป็น
00:11:02 → 00:11:05 ส่วนหนึ่งของสังคมเสมอเด็กอยากเป็นส่วน
00:11:05 → 00:11:09 หนึ่งของครอบครัวเสมอเนาะแล้วก็ถ้าเกิด
00:11:09 → 00:11:12 เราใช้อำนาจในการควบคุมเด็กอ่ะค่ะเขาคก็
00:11:12 → 00:11:15 จะเรียนรู้ว่าเคจะจำเป็นที่จะต้องอยู่ภาย
00:11:15 → 00:11:17 ใต้อำนาจนี้เพราะเขาไม่มีอำนาจที่จะสู้
00:11:17 → 00:11:21 กลับแต่ถ้าเราเลี้ยงลูกไปแบบเนี้ยเสมอๆ
00:11:21 → 00:11:25 สักวันนึงถ้าเมื่อในเมื่อเขามีแรงคือเขา
00:11:25 → 00:11:30 ก็จะต่อต้านสู้กลับมากกว่าเดิมเนาะอ่า
00:11:30 → 00:11:33 เมื่อเราตีลูกสักวันถ้าเขาแข็งแรงเขาอาจ
00:11:33 → 00:11:36 จะไปตีคนอื่นซึ่งหมอไม่ไม่แนะนำเรื่องของ
00:11:36 → 00:11:39 การลงโทษในเรื่องของการทำร้ายร่างกายแน่ๆ
00:11:39 → 00:11:42 ค่ะอันที่ 2 เรื่องของการทำร้ายในเชิง
00:11:42 → 00:11:47 ความรู้สึกหรือคำพูดทำให้แบบสูญเสียคุณ
00:11:47 → 00:11:51 ค่าของตัวเองทำให้เจ็บทำให้อายเพื่อให้
00:11:51 → 00:11:54 เด็กหยุดพฤติกรรมเนาะมีการแบบตีตราเช่น
00:11:54 → 00:11:57 เป็นเด็กดื้อเป็นเด็กไม่ดีพวกนี้นะคะจะทำ
00:11:57 → 00:12:00 ให้เด็กเนี่ยสูญเสียเซลล์ีมนะคะเพราะ
00:12:00 → 00:12:02 ฉะนั้นเนี่ยใช้เทคนิคเชิงบวกแล้วก็คิดไว้
00:12:02 → 00:12:05 อยู่เสมอว่าการตอบสนองของเราเท่านั้นที่
00:12:05 → 00:12:08 จะทำให้เด็กเนี่ยมีการควบคุมอารมณ์ที่ดี
00:12:08 → 00:12:12 ขึ้นค่ะข้อแตกต่างระหว่างวัยทอง 2 ขวบค่ะ
00:12:12 → 00:12:15 กับฮ่องเต้ซินโดรมเป็นอย่างไรคะอย่างที่
00:12:15 → 00:12:19 บอกว่าวัยทอง 2 ขวบเนี่ยเขาใช้อธิบายเด็ก
00:12:19 → 00:12:24 ในช่วง 2-3 ปีที่มีออนีมากๆออนมีมากๆนั่น
00:12:24 → 00:12:26 หมายความว่ามันเป็นตามวัยของเขาเป็นตาม
00:12:26 → 00:12:29 พัฒนาการคือเด็กไม่ชอบให้ขัดใจไม่ชอบให้
00:12:29 → 00:12:33 ถูกออกคำสั่งเค้าก็จะมีพฤติกรรมต่อต้าน
00:12:33 → 00:12:37 ร้องไห้โวยวายอันนี้คือพฤติกรรมปกตินะคะ
00:12:37 → 00:12:40 แต่ฮ่องเต้ซินโดรมเนี่ยอ่ามันก็เป็นคำ
00:12:40 → 00:12:43 กล่าวที่ติดตลกของผู้ใหญ่อีกเหมือนกัน
00:12:43 → 00:12:46 เนาะก็คือเด็กมี
00:12:46 → 00:12:50 การต่อต้านหรือไม่ยินยอมในบางอย่างมันจะ
00:12:50 → 00:12:53 มีการตอบสนองของผู้ใหญ่บางครอบครัวที่มี
00:12:54 → 00:12:58 การแก้ปัญหาระยะสั้นด้วยการที่ยอมยอมยอม
00:12:58 → 00:13:01 เพื่อให้เพื่อให้ปัญหามันจบแต่มันสร้าง
00:13:01 → 00:13:05 ปัญหาระยะยาวยกตัวอย่างนะคะเช่น
00:13:05 → 00:13:11 อ่าอยากจะดูหน้าจอแล้วบอกว่าให้หยุดดู
00:13:11 → 00:13:14 แล้วเด็กก็มีการร้องไห้โวยวายคุณพ่อคุณ
00:13:14 → 00:13:16 แม่บางคนก็ไม่อยากให้ลูกร้องไห้ก็ให้ดู
00:13:16 → 00:13:19 ต่อไปเรื่อยๆเรื่อยๆเพื่อแก้ปัญหาระยะ
00:13:19 → 00:13:22 สั้นแต่เราไม่รู้ว่ามันสร้างปัญหาในระยะ
00:13:22 → 00:13:26 ยาวอยากได้อันนั้นเพื่อจบปัญหาก็ให้ลูก
00:13:26 → 00:13:29 ทุกอย่างโดยที่ไม่เคยขัดใจไม่เคยให้เขา
00:13:29 → 00:13:31 ได้เรียนรู้เรื่องระเบียบวินัยแล้วการที่
00:13:32 → 00:13:35 พ่อแม่ยอมผ่อนผันค่ะอาจารย์ตามใจลูกบ้าง
00:13:35 → 00:13:38 ในบางเรื่องนั้นจะช่วยให้อาการวัยทอง 2
00:13:38 → 00:13:42 ขวบดีขึ้นหรือเปล่าคะอย่างที่เราบอกว่า
00:13:43 → 00:13:47 อ่ากติกาของคนเป็นพ่อเป็นแม่อ่ะค่ะมันไม่
00:13:47 → 00:13:50 ได้คือเราไม่ได้เลี้ยงลูกในค่ายทหารลูก
00:13:50 → 00:13:54 เราเป็นลูกของเราเนาะมันไม่มีอะไรที่ต้อง
00:13:54 → 00:13:58 เป๊ะขนาดที่มันแหกกดไม่ได้มันไม่ใช่เช่น
00:13:58 → 00:14:02 นั้นนะคะคำว่าผ่อนผันหรือโอนอ่อนผ่อนตาม
00:14:02 → 00:14:04 บ้างในบางโอกาสเนี่ยไม่ใช่เรื่องเสียหาย
00:14:04 → 00:14:07 ทั้งนี้และทั้งนั้นเนี่ยคุณพ่อคุณแม่ต้อง
00:14:07 → 00:14:11 เข้าใจว่าเราเนี่ยต้องทำเหมือนเดิมซ้ำๆทำ
00:14:11 → 00:14:14 ทุกครั้งเราอาจจะโอนอ่อนให้ภายใต้ข้อตกลง
00:14:14 → 00:14:19 แต่ให้ลูกรู้ว่าแม่ยังคงยึดถือกติกาค่ะ
00:14:19 → 00:14:21 อยากให้อาจารย์ฝากให้คุณพ่อคุณแม่รับทราบ
00:14:21 → 00:14:24 ค่ะว่าจะมีวิธีอย่างไรในการรับมือเมื่อ
00:14:25 → 00:14:28 ลูกน้อยมีอาการวัยทอง 2 ขวบค่ะวัยทอง 2
00:14:28 → 00:14:32 ขวบขบไม่ใช่เป็นโรคไม่ได้เป็นความผิดปกติ
00:14:32 → 00:14:36 มันคือความปกติของพัฒนาการในเวกในเด็กวัย
00:14:36 → 00:14:39 นี้นะคะซึ่งเขามีพัฒนาการทางด้านร่างกาย
00:14:39 → 00:14:42 ที่เจริญเติบโตรวดเร็วพัฒนาการสมองรวด
00:14:42 → 00:14:45 เร็วแต่สมองส่วนเหตุผลเนี่ยอาจจะโตยังไม่
00:14:45 → 00:14:49 เต็มที่แล้วก็ทำให้เด็กเนี่ยอาจจะมีภาวะ
00:14:49 → 00:14:52 ต่อต้านเพราะเขาอยากทำสิ่งต่างๆด้วยตัว
00:14:52 → 00:14:55 เองเพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถที่จะประเมิน
00:14:55 → 00:14:57 ตัวเองได้ว่าเขาทำได้หรือไม่ได้นะคะเพราะ
00:14:57 → 00:15:00 ฉะนั้นวิธีรับมือของพ่อแม่แม่ขั้นแรกเลย
00:15:00 → 00:15:03 คือเข้าใจก่อนถ้าเรามองเอย่างเมตตาว่า
00:15:03 → 00:15:06 เค้าการที่เากรี๊ดหรือเขาคร้องไห้เนี่ย
00:15:06 → 00:15:09 อันนั้นน่ะเป็น warning ว่าเขาอยากได้รับ
00:15:09 → 00:15:12 ความช่วยเหลือเนี่ยเราจะมองลูกเปลี่ยนไป
00:15:12 → 00:15:15 พอเรามองลูกเปลี่ยนไปปุ๊บเนี่ยอ่ะเรามา
00:15:16 → 00:15:20 นึกถึงเทคนิคกันเทคนิคก็คือว่าขณะที่เขา
00:15:20 → 00:15:23 กำลังแบบร้องไห้รุนแรงมากๆเนี่ยที่เราทำ
00:15:23 → 00:15:26 ได้ก็คือนั่งอยู่เป็นเพื่อนคือตอนที่เขา
00:15:26 → 00:15:28 มีอารมณ์อ่ะค่ะเราต้องเข้าใจว่ามันเหมือน
00:15:28 → 00:15:31 ไฟเนาะเราไม่สามารถสาดอารมณ์ใส่่ลูกได้
00:15:31 → 00:15:33 เพราะมันจะยิ่งไปกันใหญ่เราก็ต้องเป็นน้ำ
00:15:33 → 00:15:37 เนาะนั่งอยู่ใกล้ๆแม่เข้าใจลูกแม่เข้าใจ
00:15:37 → 00:15:39 ตอนนี้หนูกำลังเสียใจก็พูดเทคนิคสะท้อน
00:15:39 → 00:15:43 อารมณ์ไปด้วยนะหนูกำลังโกรธอ่ะพอเขาเริ่ม
00:15:43 → 00:15:47 สงบอ่ะค่ะเราค่อยมาคุยกันเนาะก็อาจจะบอก
00:15:47 → 00:15:50 ลูกว่าโอเคตอนนี้หนูยังไม่พร้อมเดี๋ยวถ้า
00:15:50 → 00:15:54 หนูพร้อมเดี๋ยวเรามาคุยกันอ่ะแล้วก็ทำแบบ
00:15:54 → 00:15:57 เนี้ยไปเรื่อยๆนะคะอย่าคิดว่าครั้ง 2
00:15:57 → 00:15:59 ครั้งจะจะได้ผลนะคะ
00:15:59 → 00:16:02 มันก็ต้องมีการฝึกฝนเราหวังให้ลูก 2 ขวบ
00:16:03 → 00:16:06 มีเหตุผลมากๆเลยทำทุกอย่างเราพูดคำเดียว
00:16:06 → 00:16:08 แบบรู้เรื่องอะไรอย่าเงี้ยมันก็เป็นไปไม่
00:16:08 → 00:16:10 ได้อันเนี้ยก็เป็นความทุกข์ในส่วนของเรา
00:16:10 → 00:16:14 นะคะเราก็ต้องเข้าใจเขาแล้วก็ใช้เทคนิคใน
00:16:14 → 00:16:17 การเลี้ยงลูกเชิงบวกเข้ามาช่วยค่ะขอบพระ
00:16:18 → 00:16:20 คุณอาจารย์นะคะที่มาให้ความรู้ความเข้าใจ
00:16:20 → 00:16:23 ในเรื่องของวัยทอง 2 ขวบกันมากขึ้นค่ะและ
00:16:23 → 00:16:27 ในช่วงนี้นะคะเราจะมารู้ 9 วิธีฝึกลูก
00:16:27 → 00:16:30 น้อยให้รับประทานผักเริ่มต้นง่ายๆโดยไม่
00:16:30 → 00:16:34 ต้องบังคับกันค่ะ 1 ทำเมนูซ่อนผักพ่อแม่
00:16:34 → 00:16:37 ต้องลองดัดแปลงเมนูผักให้รับประทานง่าย
00:16:37 → 00:16:41 ขึ้นแต่สิ่งสำคัญสำหรับการทำเมนูซ่อนผัก
00:16:41 → 00:16:44 คือต้องไม่โกหกลูกว่าอาหารที่ลูกรับ
00:16:44 → 00:16:47 ประทานนั้นไม่มีผักเมื่อทำเมนูที่มีผัก
00:16:47 → 00:16:51 ผสมอยู่เช่นหมูสับผสมบรอกโคลี่ทอดลองให้
00:16:51 → 00:16:55 ลูกรับประทานเหมือนเป็นอาหารปกติทั่วไป
00:16:55 → 00:16:57 ถ้าลูกยอมรับประทานก็ถือว่าประสบความ
00:16:57 → 00:17:00 สำเร็จค่ะแต่ถ้าลูกยังไม่ยอมรับประทานก็
00:17:00 → 00:17:02 อาจจะต้องค่อยๆลองเปลี่ยนผักเปลี่ยนเมนู
00:17:02 → 00:17:06 ไปเรื่อยๆเทคนิคการทำเมนูแบบนี้คือลองใช้
00:17:06 → 00:17:09 วิธีการทอดซึ่งเด็กจะชอบเมนูทอดมากกว่า
00:17:09 → 00:17:12 ต้มหรือผัดเริ่มจากปริมาณน้อยๆแล้วถ้าลูก
00:17:13 → 00:17:17 ยอมรับประทานค่อยเพิ่มผักมากขึ้น 2 ลองตก
00:17:17 → 00:17:20 แต่งอาหารให้ดูหน้ารับประทานขึ้นด้วยการ
00:17:20 → 00:17:23 ทำเป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆที่ลูกชอบหรือจะ
00:17:23 → 00:17:27 ใช้จานชามช้อนส่อมมาช่วยก็ได้แต่ละวันให้
00:17:28 → 00:17:31 เปลี่ยนภาชนะจานชามช้อนไปเรื่อยๆลองให้
00:17:31 → 00:17:34 ลูกเป็นคนเลือกเองก็ได้ค่ะเช่นถามลูกว่า
00:17:34 → 00:17:38 วันนี้อยากใช้จานรูปอะไรดีและช่วยให้ลูก
00:17:38 → 00:17:41 มีส่วนร่วมและยอมรับประทานอาหารในจานมาก
00:17:41 → 00:17:45 ขึ้น 3 ลองรับประทานผักรสหวานค่ะผักรส
00:17:45 → 00:17:49 หวานอย่างเช่นฟักทองข้าวโพดแครอทนะคะเด็ก
00:17:49 → 00:17:53 ๆจะรู้สึกว่าการรับประทานผักอร่อยขึ้น
00:17:53 → 00:17:55 จริงๆควรเริ่มจากผักใบเขี้ยวก่อนตั้งแต่
00:17:55 → 00:17:58 ลูกยังเป็นเบบี๋หรือเป็นทารกน้อยนะคะ
00:17:58 → 00:18:01 เพราะเพราะผักใบเขียวมีรสขมกว่าถ้าลูกยอม
00:18:01 → 00:18:04 รับประทานผักใบเขียวตั้งแต่เล็กๆก็ทำให้
00:18:04 → 00:18:07 รับประทานผักได้ง่ายขึ้นแต่ถ้าปล่อยเวลา
00:18:07 → 00:18:10 ล่วงเลยจนลูกเริ่มโตขึ้นแล้วไม่ยอมรับ
00:18:10 → 00:18:13 ประทานผักอาจจะลองเปลี่ยนมาเริ่มด้วยผัก
00:18:14 → 00:18:18 รสหวานๆก่อนเช่นผักสีส้มสีเหลือง 4 ให้
00:18:18 → 00:18:22 ลูกสวมบทเชฟตัวน้อยช่วยทำอาหารด้วยกันการ
00:18:22 → 00:18:25 ให้ลูกมีส่วนร่วมจะกระตุ้นให้ลูกสนุกภาค
00:18:25 → 00:18:28 ภูมิใจในตัวเองซึ่งเมนูผักที่เลือกมาทำ
00:18:29 → 00:18:32 ควรเป็นเมนูที่ทำง่ายไม่ยุ่งยากลูกสามารถ
00:18:32 → 00:18:35 สนุกในขั้นตอนการทำไปด้วยได้เช่นแซนวิช
00:18:35 → 00:18:39 แฮมเบอร์เกอร์ 5 ใช้คำชมแต่อย่าบังคับถ้า
00:18:39 → 00:18:42 ลูกไม่ยอมรับประทานผักไม่ต้องบังคับลูก
00:18:42 → 00:18:45 มากเกินไปเพราะยิ่งบังคับจะยิ่งทำให้ลูก
00:18:45 → 00:18:48 ต่อต้านแล้วสร้างความรู้สึกไม่ดีไม่อยาก
00:18:48 → 00:18:51 รับประทานมากขึ้นและอาจถึงขั้นเกลียดหรือ
00:18:51 → 00:18:54 ปฏิเสธไปเลยก็ได้ซึ่งถ้าสร้างความรู้สึก
00:18:54 → 00:18:57 ไม่ดีไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงคงยากค่ะรวมถึง
00:18:57 → 00:19:00 การให้รางวัลติดสินก็ไม่ควรใช้เช่นกันแต่
00:19:00 → 00:19:04 ให้ใช้วิธีชื่นชมแทนเช่นถ้าลูกพอเริ่มรับ
00:19:04 → 00:19:07 ประทานได้บ้างเล็กน้อยให้ชื่นชมลูกถึง
00:19:07 → 00:19:12 ความพยายามแล้วไว้ครั้งหน้ามาลองกันใหม่ 6
00:19:12 → 00:19:15 ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอนค่ะคุณพ่อคุณ
00:19:15 → 00:19:18 แม่คะถ้าหากว่าเราเองยังไม่รับประทานผัก
00:19:18 → 00:19:21 นะคะเรายังเขี่ยๆผักให้ลูกเห็นอยู่เลย
00:19:21 → 00:19:24 แล้วลูกจะเชื่อเราได้อย่างไรดังนั้นคุณ
00:19:24 → 00:19:26 พ่อคุณแม่เองก็จะต้องรับประทานผักไปพร้อม
00:19:26 → 00:19:31 ๆกับลูกด้วยกันค่ะ 7 พาไปเที่ยวฟาร์มสวน
00:19:31 → 00:19:35 ผักลองพาลูกไปเที่ยวทำเชอทำกิจกรรมนอก
00:19:35 → 00:19:38 บ้านเช่นกิจกรรมการปลูกผักที่สวนหรือ
00:19:38 → 00:19:42 เรียนทำอาหารเด็กๆจะได้เรียนรู้กระบวนการ
00:19:42 → 00:19:45 ที่มาของผักที่สำคัญการได้เจอเด็กๆรุ่น
00:19:45 → 00:19:48 เดียวกันลูกอาจจะสนุกและยอมรับประทานผัก
00:19:48 → 00:19:52 ง่ายขึ้นตามเพื่อนคนอื่นๆ 8 งดขนมเลี้ยง
00:19:52 → 00:19:54 ของหวานก่อนมืออาหารไม่ควรให้ลูกรับ
00:19:54 → 00:19:57 ประทานขนมหรือของหวานเพราะนอกจากจะทำให้
00:19:57 → 00:20:00 ลูกอิ่มไม่ยอมรับประทานอาหารแล้วจะทำให้
00:20:00 → 00:20:05 ลูกติดรสหวานแล้วจะรับประทานผักยากขึ้น 9
00:20:05 → 00:20:08 ใช้การ์ตูนเป็นตัวช่วยการใช้การ์ตูนมีผล
00:20:08 → 00:20:11 อย่างมากลองเปิดการ์ตูนหรือนิทานที่มี
00:20:11 → 00:20:14 เรื่องราวของผักผลไม้ให้ลูกๆดูเป็นประจำ
00:20:14 → 00:20:17 แล้วชวนลูกรับประทานผักตามการ์ตูนจะช่วย
00:20:17 → 00:20:21 เพิ่มความสนใจให้ลูกมากขึ้นเป็นอย่างไร
00:20:21 → 00:20:24 กันบ้างคะกับสาระสุขภาพดีๆที่ TNN นำมา
00:20:24 → 00:20:27 ฝากคุณผู้ชมในวันนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
00:20:27 → 00:20:30 คุณผู้ชมจะสามารถนำสาระดีๆที่ได้ไปดูแล
00:20:30 → 00:20:33 ตัวเองและครอบครัวกันนะคะและขอบคุณคุณผู้
00:20:33 → 00:20:36 ชมค่ะที่ติดตามรับชมรายการ TNN Health
00:20:36 → 00:20:39 มาโดยตลอดทั้งรายการคุณผู้ชมสามารถติดตาม
00:20:39 → 00:20:42 รับชมรายการ TNN Health ได้เป็นประจำค่ะ
00:20:42 → 00:20:46 ทุกวันเสาร์เวลาดี 15 น -
00:20:46 → 00:20:49 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ค่ะและต้อง
00:20:49 → 00:20:52 ไม่ลืมนะคะกดไลค์กดแชร์กด Subscribe กด
00:20:52 → 00:20:55 กระดิ่งติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้หมอดาว
00:20:55 → 00:20:58 และทีมงาน TNN Health ในช่องทางชล
00:20:58 → 00:21:00 Network ต่างๆไม่ว่าจะเป็น YouTube
00:21:00 → 00:21:02 tiktok Facebook Instagram LINE
00:21:02 → 00:21:05 official เพื่อที่จะเข้าถึงทุกสาระ
00:21:05 → 00:21:08 สุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปด้วย
00:21:08 → 00:21:11 กันค่ะและสำหรับวันนี้นะคะหมอดาวและทีม
00:21:11 → 00:21:13 งาน TE Health ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไป
00:21:13 → 00:21:18 ก่อนสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
00:21:18 → 00:21:57 [เพลง]
00:21:57 → 00:22:01 เอ