00:00:06 → 00:00:10 โรคกลัวกลัวแบบว่าไม่สมเหตุสมผลกลัวจน
00:00:10 → 00:00:13 กระทั่งรบกวนต่อชีวิตประจำวันกูลมกลัวฟ้า
00:00:13 → 00:00:16 ผ่าเนี่ยกลัวจนทำให้เขาเนี่ยขาดการดูแล
00:00:16 → 00:00:19 สุขอนามัยตัวเองเช่นบางคนกลัวความสะอาดก็
00:00:19 → 00:00:23 ทำให้ตัวเองไม่อาบน้ำไม่แปรงฟันหรือกลัว
00:00:23 → 00:00:25 เชื้อโรคมากก็ล้างจนมือเปื่อยก็ยังไม่
00:00:25 → 00:00:28 หยุดร้านนะครับกลัวจนกระทั่งกระทบต่อความ
00:00:28 → 00:00:30 สัมพันธ์กับคนรอบข้างสาเหตุหลักๆก็จะมา
00:00:30 → 00:00:34 จากในเชิงพันธุกรรมที่อาจจะส่งผลต่อสาร
00:00:34 → 00:00:36 สื่อประสาทในสมองหรือสมองบางส่วนที่มัน
00:00:36 → 00:00:38 อาจจะตีความมากจนเกินไปหรือ sensitive จน
00:00:38 → 00:00:39 เกินไป
00:00:39 → 00:00:40 [เพลง]
00:00:40 → 00:00:44 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:44 → 00:00:50 การโรงหมอดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:50 → 00:00:53 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังค่ะขอต้อนรับเข้าสู่
00:00:53 → 00:00:56 รายการโรงหมอทางไทย PBS podcast สำหรับ
00:00:56 → 00:00:58 วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องของ phobia นะ
00:00:58 → 00:01:01 คะความกลัวที่เกิดขึ้นได้คุยกับดรสุพัฒน์
00:01:01 → 00:01:04 แสนแจ่มใสค่ะอาจารย์และนักจิตวิทยาเด็ก
00:01:04 → 00:01:06 สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและ
00:01:06 → 00:01:09 ครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:09 → 00:01:12 อาจารย์คะสวัสดีครับผมคุยกันถึงเรื่องของ
00:01:12 → 00:01:14 phobia นะคะเรื่องของความกลัวเราได้ยิน
00:01:15 → 00:01:17 คำนี้มาอะไรๆเอะอะก็แบบว่าลงท้ายด้วยคำ
00:01:17 → 00:01:21 ว่าโฟเบียร์ตลอดเลยตอนนี้นะคะแต่ว่าคำว่า
00:01:21 → 00:01:25 flowbea ในในเชิงของทางวิชาการให้ทำความ
00:01:25 → 00:01:27 เข้าใจกับคุณผู้ฟังสักนิดนึงว่า phobia
00:01:27 → 00:01:31 นี้ความหมายในระยะนี้คืออะไรคะ
00:01:31 → 00:01:35 มันก็เป็นความกลัวนะครับทีนี้แต่ถ้าในใน
00:01:35 → 00:01:38 เชิงการวินิจฉัยเนี่ยอ่าก็คือโฟเบียก็คือ
00:01:38 → 00:01:42 โรคกลัวนะครับกลัวแบบว่าไม่สมผลนะครับ
00:01:42 → 00:01:45 กลัวจนกระทั่งกลัวกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์
00:01:45 → 00:01:47 สิ่งใดสิ่งหนึ่งจนกระทั่ง 1 ก็คือรบกวน
00:01:47 → 00:01:50 ต่อชีวิตประจำวันการเรียนการทำงานนะครับ
00:01:50 → 00:01:54 นะครับเช่นสมมุติถ้าเขากลัวลมกลัวฟ้าผ่า
00:01:54 → 00:01:57 ช่วงนี้เขาหน้าฝนเนาะกำลังจะเข้าหน้าฝนก็
00:01:57 → 00:01:59 ทำให้เขาไม่สามารถไปทำงานหรือไปเรียนได้
00:01:59 → 00:02:03 ครับกลัวจนทำให้เขาเนี่ยขาดการดูแล
00:02:03 → 00:02:07 สุขอนามัยตัวเองเช่นบางคนกลัวความสะอาดหู
00:02:07 → 00:02:09 นะครับมันก็จะมีนะครับก็ทำให้ตัวเองไม่
00:02:09 → 00:02:12 อาบน้ำไม่แปรงฟันอะไรอย่างนี้นะครับหรือ
00:02:12 → 00:02:15 กลัวเชื้อโรคมากก็ล้างมากล้างจนมือเปื่อย
00:02:15 → 00:02:18 ก็ยังไม่หยุดร้างอะไรเงี้ยนะครับแล้วก็
00:02:18 → 00:02:22 เอ่อกลัวจนกระทั่งกระทบต่อความสัมพันธ์
00:02:22 → 00:02:23 กับคนรอบข้าง
00:02:23 → 00:02:26 อันนี้นะครับที่จะวินิจฉัยไปสู่ว่าเป็น
00:02:27 → 00:02:31 โรคขึ้นมาก็คือมี 3 ประเด็นคือโรคนั้นโรค
00:02:31 → 00:02:33 กลัวนั้นทำให้กระทบต่อการทำงานใช้ชีวิต
00:02:33 → 00:02:36 ประจำวันส่งผลต่อการดูแลสุขอนามัยตัวเอง
00:02:36 → 00:02:39 แล้วก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่มีอยู่ครับ
00:02:39 → 00:02:42 ผมโดยหลักๆซึ่งมันจะเกิดกับใครเมื่อไหร่
00:02:42 → 00:02:45 ยังไงก็ได้คือไม่ได้ต้องจำเป็นจะต้องแบบ
00:02:45 → 00:02:48 ว่าเป็นมาตั้งแต่เล็กๆเหมือนกับโรคอื่นๆ
00:02:48 → 00:02:51 ที่อาจจะเป็นโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว
00:02:51 → 00:02:55 ในโฟเบียเนี่ยสาเหตุหลักๆก็จะมาจากในเชิง
00:02:55 → 00:02:59 พันธุกรรมนะครับที่อาจจะส่งผลต่อสารสื่อ
00:02:59 → 00:03:02 ประสาทในสมองหรือเอ่อสมองบางส่วนที่มัน
00:03:02 → 00:03:04 อาจจะตีความมากจนเกินไปหรือ sensitive จน
00:03:04 → 00:03:06 เกินไปและก็ปัจจัยที่ 2 คือเรื่องของ
00:03:06 → 00:03:09 ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งอันนี้ก็
00:03:09 → 00:03:11 แล้วแต่คนว่าคนๆนั้นเนี่ยเจอประสบการณ์
00:03:11 → 00:03:14 ที่ไม่ดีกับสิ่งเร้านั้นมามากน้อยแค่ไหน
00:03:14 → 00:03:17 หรือก็อาจจะไม่ได้เจอโดยตรงแต่ว่าผ่านผู้
00:03:17 → 00:03:20 ผู้พ่อแม่ผู้ปกครองหรือฟังจากข่าวอย่าง
00:03:20 → 00:03:23 งี้ก็ได้ครับก็อาจจะทำให้เกิดอาการ
00:03:23 → 00:03:28 เกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมาได้แล้วมันมันคล้ายๆ
00:03:28 → 00:03:30 กับความแพนิคไหมคะมันดูเหมือนแบบว่า
00:03:30 → 00:03:33 เหมือนมีเส้นบางๆกั้นอยู่ว่าเอ้ยโฟร์เบีย
00:03:33 → 00:03:34 มันเป็นความกลัวเหมือนกันคลินิกมันก็
00:03:34 → 00:03:37 กังวลวิตกกังวลแล้วก็นำไปสู่ความกลัวได้
00:03:37 → 00:03:39 เหมือนกันแบบนั้นไหมเป็นคำถามที่ดีครับ
00:03:39 → 00:03:42 คือทั้งแพนิคโรคแพนิคนะครับตื่นตระหนก
00:03:42 → 00:03:44 แล้วก็โรคโซเบียเนี่ยจริงๆเป็นโรคในกลุ่ม
00:03:44 → 00:03:46 เดียวกันก็คืออยู่ภายใต้กลุ่มเขาเรียก
00:03:46 → 00:03:49 กลุ่มวิตกกังวลหรือภาษาอังกฤษก็คือ
00:03:49 → 00:03:51 unsciety desolder เป็นกลุ่มใหญ่คือที่
00:03:51 → 00:03:55 ออเดอร์และก็จะมีโรคย่อยๆซึ่งเอ่อโรค
00:03:55 → 00:03:57 Panic ก็จะเป็นหนึ่งในนั้นตื่นตระหนก
00:03:57 → 00:04:00 ซึ่งเอ่อ Panic เนี่ยมักจะอาจจะไม่ได้มี
00:04:00 → 00:04:02 เหตุนำมาชัดเจนนะครับไม่เหมือนโฟเบียจะ
00:04:02 → 00:04:05 รู้ว่ากลัวอะไรแต่แค่นี้ก็คือเดิมๆอยู่ใน
00:04:05 → 00:04:08 ห้างหรือเดินในตลาดนัดเขาก็จะรู้สึกแพนิค
00:04:08 → 00:04:11 อาการอย่างนี้ก็คืออาจจะเอ่อแน่นหน้าอก
00:04:11 → 00:04:15 หายใจไม่ทันเหมือนรู้สึกจะเป็นลมจะล้มจะ
00:04:15 → 00:04:18 ตายเอ่อเหมือนจะขาดอากาศหายใจได้เหงื่อ
00:04:18 → 00:04:20 ออกตามมืออย่างเงี้ยครับเขาก็จะตื่นตกลง
00:04:20 → 00:04:23 นะแล้วก็บางคนอาจจะหมดสติไปนิดนึงสัก 5
00:04:23 → 00:04:26 นาที 10 นาทีก็ไปทีนี้นั่นคืออาการ Panic
00:04:26 → 00:04:30 คือภาพรวมแต่เป็นไปได้ว่าคนที่เป็นแพนิค
00:04:30 → 00:04:34 ติสาว่าเขาเกิดอาการเนี่ยเอ่อในลิฟต์
00:04:34 → 00:04:39 แคบๆทีนี้พอเป็นครั้งที่ 2 ก็ในลิฟต์ก็จะ
00:04:39 → 00:04:41 เกิดภายในอีกหรือทำให้เขาเกิดการเชื่อม
00:04:41 → 00:04:44 โยงว่าเฮ้ยเมื่อไหร่ที่ฉันเข้าลิฟต์ที่
00:04:44 → 00:04:47 แคบๆแล้วมันก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
00:04:47 → 00:04:50 ต่ำสูงต่ำเนี่ยเขาเลยกลายเป็นอาจจะอาจจะ
00:04:50 → 00:04:53 นะครับกลายเป็นคนกลัวที่แคบหรือกลัวลิฟต์
00:04:53 → 00:04:56 ขึ้นมาได้แต่ก็ไม่ใช่ทุกเคสนะครับแต่ว่า
00:04:56 → 00:04:59 มันมีโอกาสพัฒนาจากแพนิคไปสู่การเลิกโรค
00:04:59 → 00:05:03 กลัวสิ่งสิ่งนั้นได้เพราะฉะนั้นคือ 2 คำ
00:05:03 → 00:05:06 นี้แพนิคกับโฟเบียมันคนละโรคกันเพียงแต่
00:05:06 → 00:05:08 ว่าบางคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นเอ๊ะ
00:05:08 → 00:05:12 เป็นเพราะว่าความกลัวคืออย่างสมมุติว่าพอ
00:05:12 → 00:05:14 จะต้องเอาไปพูดหน้าฉันเรียนก็จะรู้สึก
00:05:14 → 00:05:16 แพนิคแต่ในขณะเดียวกันเอ๊ะเราก็กลัวการ
00:05:16 → 00:05:21 พูดต่อหน้าทุกคนก็เป็นไปได้คือคือการที่
00:05:21 → 00:05:23 มันทำให้มันใกล้เคียงเพราะว่าจุดรั่วมัน
00:05:23 → 00:05:26 คือมีอาการทางกาย
00:05:26 → 00:05:28 ทั้ง Panic Panic ประเทศเราอธิบายแล้วก็
00:05:28 → 00:05:30 ชัดแล้วมันมีมีภาวะทางด้านร่างกายในโรค
00:05:30 → 00:05:33 กลุ่มโฟเบียก็เหมือนกันก็จะมีอาการทางกาย
00:05:33 → 00:05:35 เกิดขึ้นด้วยกับการกลัวสิ่งนั้นก็คือเรา
00:05:35 → 00:05:38 จะเหงื่อออกตามมือเนาะบางคนถ้าชนะฉันนะ
00:05:38 → 00:05:41 ครับอาจจะเสียงสั่นหัวใจเต้นเร็วมากได้
00:05:41 → 00:05:43 ยินได้ยินเสียงหัวใจตัวเองมากกว่าเสียง
00:05:43 → 00:05:47 พื้นๆในห้องอะไรก็เอ่อหายใจไม่ทันหัวใจ
00:05:47 → 00:05:49 เต้นเร็วอะไรเงี้ยนะครับความดันขึ้นแล้ว
00:05:49 → 00:05:52 ก็เหงื่อออกตามมือนี้ก็คือมีอาการกายรวม
00:05:52 → 00:05:55 ด้วยมันดูคล้ายๆกันจริงๆ
00:05:55 → 00:05:59 คนละแบบกัน 4 มันมีความชัดเจนตรงที่ว่า
00:05:59 → 00:06:02 เรารู้ว่าเรากลัวอะไรมีสาเหตุชัดเจนตัว
00:06:02 → 00:06:05 ตัวนำชัดเจนว่าสิ่งนี้ทำให้เรากลัว
00:06:05 → 00:06:08 ในคน 1 คนสามารถกลัวเป็นโฟเบียเนี่ยได้
00:06:09 → 00:06:12 หลายอย่างได้ไหมคะเออถามว่าได้ไหมก็มีแบบ
00:06:12 → 00:06:14 เป็นไปได้ถ้าเขามีประสบการณ์ที่แบบโอ้โห
00:06:14 → 00:06:19 มันกระทบรุนแรงผมยกตัวอย่างเช่นเมื่อผมจะ
00:06:19 → 00:06:24 น่าจะไหลเกือบเกือบๆผมว่าเกือบ 20 ปีนะ
00:06:24 → 00:06:26 ตอนที่ประเทศไทยเราเกิดเหตุการณ์
00:06:26 → 00:06:27 สึนามิเนาะ
00:06:27 → 00:06:30 หรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับกับช่วงนั้น
00:06:30 → 00:06:34 ในการสึนามคนที่ประสบภัยอาจจะคือตัวเอง
00:06:34 → 00:06:36 รอดเนาะแต่ว่าญาติคุณใกล้ชิดเสียชีวิต
00:06:36 → 00:06:39 เนี่ยในปรากฏการณ์สึนามก็มีทั้งเรื่องของ
00:06:39 → 00:06:44 คลื่นมีเรื่องของลมถูกไหมครับอ่ามีเรื่อง
00:06:44 → 00:06:47 ของทะเลนั้นทำให้คนๆนั้นเนี่ยอาจจะเกิด
00:06:47 → 00:06:49 ภาวะความกลัว
00:06:49 → 00:06:51 สิ่งเหล่านี้ได้เพราะเขาเกิดความสูญเสีย
00:06:51 → 00:06:54 จากสิ่งๆนั้นคนนั้นน่ะอาจจะมีทั้งการกลัว
00:06:54 → 00:06:57 เสียงลมเสียงใบไม้ที่มะพร้าวที่มันไหว
00:06:57 → 00:07:01 เอ่อกลัวทะเลพอให้พูดถึงทะเลปุ๊บหรือเห็น
00:07:01 → 00:07:04 ภาพก็จะรู้สึกมันมันมีมันภาพมันย้อนกลับ
00:07:04 → 00:07:07 ไปถึงเรื่องราวที่เขาเขามีความเจ็บปวดทาง
00:07:07 → 00:07:10 ใจนั้นก็ทำให้เขากลัวหลายๆสิ่งที่เป็น
00:07:10 → 00:07:13 บริบทนั้นได้ครับแม้ว่าประสบการณ์ตรงนั้น
00:07:13 → 00:07:17 จะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตามที่เกิดเหตุซ้ำ
00:07:17 → 00:07:19 ซ้อนขึ้นมาก็มันสามารถที่จะแบบกลับไปได้
00:07:19 → 00:07:23 ถ้าเขาไม่ได้ถูกการแก้ไขหรือหรือก้าวผ่าน
00:07:23 → 00:07:26 มันได้นะครับไม่มีใครพา 9 ผ่านก็จะฝังใจ
00:07:26 → 00:07:27 อยู่ตรงนั้น
00:07:27 → 00:07:30 แต่มันไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นสิ่งที่ทำให้
00:07:30 → 00:07:32 รู้สึกว่ามันกลับมาเป็นความรู้สึกแบบนั้น
00:07:32 → 00:07:34 อยู่ๆมันก็อย่างสมมุติครบรอบอย่างนี้ค่ะ
00:07:34 → 00:07:38 มันก็เลยทำให้แบบฟื้นกลับไปในความอ้าวฉัน
00:07:38 → 00:07:41 เป็นความรู้สึกแบบนี้ก็
00:07:41 → 00:07:45 มันแล้วแต่ว่าคนนั้นเขาๆฝังใจเนาะฟิตกับ
00:07:45 → 00:07:48 เหตุการณ์ตรงนั้นเนี่ยมากน้อยแค่ไหนแต่
00:07:48 → 00:07:51 เป็นคนสำคัญในชีวิตก็จะเป็นคนสำคัญซึ่ง
00:07:51 → 00:07:54 อันนี้เขาเรียกมันก็จะมีความเข้าข่ายอีก
00:07:54 → 00:07:55 โรคนึงเหมือนกันทางจิตเวชเหมือนกันที่
00:07:55 → 00:07:58 เรียกว่าเอ่อ ptsd นะครับโพสต์เข้ามาติด
00:07:58 → 00:08:00 ST สเตชั่นออเดอร์หรือโรคเป็นความเครียด
00:08:00 → 00:08:03 ภายหลังมาเชิญอันตรายซึ่งก็ทำให้มี
00:08:03 → 00:08:05 คาแรคเตอร์ตรงเนี้ยเกิดขึ้นคือมีความใน
00:08:05 → 00:08:07 กลุ่มนี้จะมีความเศร้าเข้ามาด้วยเพราะมัน
00:08:07 → 00:08:10 อย่างที่ที่พูดถึงว่าครบรอบ 1 ปีเนาะมัน
00:08:10 → 00:08:11 ก็มีความเศร้าคือนอกจากความกลัวตรงนั้น
00:08:12 → 00:08:14 เนี่ยมันจะมีความเศร้าโศกเศร้าเสียใจรู้
00:08:14 → 00:08:17 สึกผิดอันนั้นก็จะมาเกี่ยวข้องก็จะก็จะไป
00:08:17 → 00:08:19 อีกกลุ่มนึงซึ่งก็ก็เป็นสิ่งที่ต้องดูแล
00:08:19 → 00:08:22 รักษาเช่นเดียวกันโอ้โหอันนี้ก็ต้องขึ้น
00:08:22 → 00:08:24 อยู่กับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ไปเผชิญ
00:08:24 → 00:08:27 มาด้วยใช่ไหมคะแต่คำว่า phob iA เนี่ย
00:08:27 → 00:08:30 เออเราจะเห็นในตามสื่อโซเชียลต่างๆหรือ
00:08:30 → 00:08:32 ว่าแม้กระทั่งข้อมูลอะไรอย่างเงี้ยเขาก็
00:08:32 → 00:08:34 โฟเบียเราก็จะรู้สึกว่าเฮ้ยมันเป็นความ
00:08:34 → 00:08:36 กลัวกลัวอะไรแปลกๆ
00:08:36 → 00:08:41 เราไม่กลัว
00:08:41 → 00:08:46 ผ้าขนหนูอ่า
00:08:46 → 00:08:52 เราไม่รู้เราก็ไปเผชิญ
00:08:52 → 00:08:55 แต่จริงๆความกลัวนี้คือมันเป็นประสบการณ์
00:08:55 → 00:08:58 ที่เมื่อกี้อาจารย์อธิบายบอกว่าเราไปเจอ
00:08:58 → 00:09:01 อะไรที่มันไม่ดีคือถ้าเป็นประสบการณ์ดี
00:09:01 → 00:09:04 มันจะไม่เป็นโฟเบียแน่นอนเราก็จะรู้สึกดี
00:09:04 → 00:09:07 ก็จะเราต้องไปเจอกับประสบการณ์ที่ที่เรา
00:09:07 → 00:09:10 เลวร้ายเนาะอาจจะมาเชิญโดยตรงหรือพ่อแม่
00:09:10 → 00:09:12 เราเจอแล้วเราเห็นพ่อแม่เรากลัวเราก็เลย
00:09:12 → 00:09:14 กลัวตามหรือเราอ่านข่าวมากๆก็ทำให้เรา
00:09:14 → 00:09:17 กลัวสิ่งสิ่งนั้นได้อย่างไอเทมที่เราพูด
00:09:17 → 00:09:19 ถึงว่าบางคนกลัวเครื่องบินทั้งๆที่ไม่เคย
00:09:19 → 00:09:22 ขึ้นเครื่องบินก็เป็นไปได้อ่านข่าวดูข่าว
00:09:22 → 00:09:24 แล้วแบบเครื่องบินตกนู่นนี่นั่นอะไรอย่าง
00:09:24 → 00:09:26 นี้แล้วคือตกแล้วมันทางรอดมันยากไม่
00:09:26 → 00:09:28 เหมือนรถชนยังรู้สึกว่าอ่ะยังมีโอกาสรอด
00:09:28 → 00:09:32 อะไรอย่างงี้ครับอืมแต่ว่าโอกาสคือจริงๆ
00:09:32 → 00:09:34 สถิติอะไรอย่างเงี้ยมันมันน้อยกว่าเยอะ
00:09:34 → 00:09:37 เลยแหละมันน้อยกว่าเยอะๆอยู่แล้วแต่ว่า
00:09:37 → 00:09:39 ความกลัวมันก็ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้วนะ
00:09:39 → 00:09:42 คะเราก็ไปว่าไม่ได้นะทำไมเธอถึงกลัวทำไม
00:09:42 → 00:09:46 เธอถึงแบบเอ้ยอะไรไร้สาระมันไม่ใช่
00:09:46 → 00:09:49 คะแนนไม่ได้เพราะว่าคือคนกลัวก็คือกลัว
00:09:49 → 00:09:52 อันนี้เราถ้าสมมุติว่าเราจะไปมันมีเทส
00:09:52 → 00:09:55 เหมือนเหมือนแบบเราไปเทสภูมิแพ้สกินเทส
00:09:55 → 00:09:57 ไหมคะที่บอกว่าเฮ้ยฉันกลัวอะไรตกลงฉัน
00:09:57 → 00:09:59 กลัวอะไรกันแน่ฉันกลัวจริงๆที่ไม้ไปอยู่
00:09:59 → 00:10:01 อะไรอย่างเงี้ยค่ะอย่างที่สมมุติว่าเอ่อ
00:10:01 → 00:10:04 กลัวอะไรที่มันเป็นรูๆอย่างเงี้ยค่ะ
00:10:04 → 00:10:07 อาจารย์แล้วแบบอ่ะตีไปทำเทสอย่างเงี้ยได้
00:10:07 → 00:10:09 ไหมว่าจริงๆแล้วรีกลัวหรือว่าแค่แบบว่า
00:10:09 → 00:10:14 เฮ้ยมันใครอยากขยันเฉยๆหรืออะไรเงี้ยคือ
00:10:14 → 00:10:17 ดูส่วนใหญ่ในทางในทางจิตวิทยาเนี่ยการ
00:10:17 → 00:10:20 ประเมินก็จะประเมินผ่านแบบทดสอบหรือแบบ
00:10:20 → 00:10:23 สัมภาษณ์แต่ๆๆอาจจะไม่มีเพราะตรวจผ่านทาง
00:10:24 → 00:10:25 ด้านร่างกายนะครับก็จะเป็นแบบสัมภาษณ์
00:10:25 → 00:10:27 หรือแบบสอบถามก็จะมีครับในกลุ่มกลัวต่างๆ
00:10:27 → 00:10:31 ก็จะมีประเมินครูสังคมหรือกลัวโรคที่
00:10:31 → 00:10:34 เฉพาะเจาะจงมากขึ้นสีเอ่อต้องพูดงี้ว่าใน
00:10:34 → 00:10:36 phobia เนี่ยอาจจะแบ่งเป็นกว้างๆอยู่ 2
00:10:36 → 00:10:39 ประเภทก็คือเขาเรียกว่าสเปคโฟเบียร์ก็คือ
00:10:39 → 00:10:41 กลัวที่มันเฉพาะเจาะจงเช่นกลัวรู
00:10:41 → 00:10:48 กลัวว่าคุณหนูกลัวเสียงลมกลัวการตัดสินใจ
00:10:48 → 00:10:53 สูงกลัวที่โล่งแจ้งเอ่อกลัวคนแปลกกลัวคน
00:10:53 → 00:10:55 ต่างชาติกลัวเลข 13 อะไรเงี้ยมันเยอะมาก
00:10:55 → 00:11:04 ครับในโลกนี้จะมีความกลัวเกี่ยวกับอะไร
00:11:04 → 00:11:58 [เพลง]
00:11:58 → 00:12:01 กระทบต่อการงานการเรียนได้ครับอันนี้ก็
00:12:01 → 00:12:03 ประเมินคร่าวๆเบื้องต้นหรือว่าถ้าอยากพูด
00:12:03 → 00:12:07 แบบว่าเป็นแบบจริงจังว่าเฮ้ยเราแน่ๆแล้ว
00:12:07 → 00:12:10 เป็นอาการอย่างนี้เนี่ยก็คือไปลองแล้วก็
00:12:10 → 00:12:12 ไปคุยกับจิตแพทย์ดูก็ได้ครับว่าถ้ารู้สึก
00:12:12 → 00:12:15 ว่าเฮ้ยมันเราเริ่มไม่แน่ใจเรารู้สึกว่า
00:12:15 → 00:12:17 มันค่อนข้างเครียดมากจนรบกวนชีวิตประจำ
00:12:17 → 00:12:21 วันการดูแลตัวเองแล้วก็ความสัมพันธ์กับ
00:12:21 → 00:12:23 เพื่อนอะไรเงี้ยเพราะบางคนกลัวที่โล่ง
00:12:23 → 00:12:25 อย่างเงี้ยก็เพื่อนจะไปไหนก็ไม่ไปอะไร
00:12:25 → 00:12:27 อย่างเงี้ยเออไม่อยากเจอคนเยอะ
00:12:27 → 00:12:29 อาจารย์เป็นอย่างนี้ไม่ได้ไม่ได้เรียกว่า
00:12:29 → 00:12:31 เราบ้าใช่ไหมคะ
00:12:31 → 00:12:35 ถ้าคำว่าบ้าโดยทั่วไปคือท่าทางเอ่อจิตเวช
00:12:35 → 00:12:37 อย่างเงี้ยนะครับคำว่าคือต้องเป็นคนที่
00:12:37 → 00:12:39 ไม่อยู่ในความเป็นจริงไม่อยู่ด้วยความ
00:12:39 → 00:12:42 เป็นจริงละมีอีกโรคอีกหนึ่งโลก
00:12:42 → 00:12:45 ที่แบบว่าฉันคิดว่าฉันเป็นเทพองค์นั้น
00:12:45 → 00:12:48 อะไรอย่างเงี้ยรู้สึกมีหูแว่วมาอ่านั้นก็
00:12:48 → 00:12:52 คือบ้าไปแล้วอันนั้นคือคนจริตอะไรกัน
00:12:53 → 00:12:56 บ้าแล้วเนี่ยแต่คนรอบข้างน้องก็อาจจะพูด
00:12:56 → 00:13:00 แบบนั้นคนละแบบนะคะอือแล้วอย่างเงี้ยคือ
00:13:00 → 00:13:02 ในความกลัวที่เมื่อกี้อาจารย์ยกตัวอย่าง
00:13:02 → 00:13:05 มาเนี่ยค่ะมันมีอะไรที่แบบแปลกๆบนโลกใบ
00:13:05 → 00:13:06 นี้
00:13:06 → 00:13:10 เยอะครับเป็นเอ่อเนี่ยครับอย่างอย่าง
00:13:10 → 00:13:12 เมืองไทยไม่ค่อยเจอคือกูได้ 13 เพราะว่า
00:13:12 → 00:13:14 เป็นความเชื่อของของทางตะวันตกก็เรียก
00:13:14 → 00:13:16 เกี่ยวกับเรื่องซาตานอะไรเงี้ยงั้นเวลา
00:13:16 → 00:13:19 เขาได้ห้องพักหรือถ้ามีลิฟต์แล้วมันผ่าน
00:13:19 → 00:13:22 ทั้ง 13 เนี่ยมันก็ใจก็จะสั่นก็จะกลัวก็
00:13:22 → 00:13:24 จะมีเฮ้ยเขาไม่เจอประสบการณ์อะไรกับเลข 13
00:13:24 → 00:13:26 อย่างงี้หมายถึงว่าเค้าอาจจะไม่ได้เจอโดย
00:13:26 → 00:13:28 ตรงอาจจะโดยตรงหรือว่าเป็นความเชื่อที่
00:13:28 → 00:13:31 มันสั่งสมอยู่ในครอบครัวของเขาก็ได้ที่
00:13:31 → 00:13:33 มันมีความเชื่อเรื่องซาตานหรือลัทธิอะไร
00:13:33 → 00:13:36 แบบนี้แม่เงี้ยเขาอาจจะมีความเอ่อถ่ายทอด
00:13:36 → 00:13:38 กันมาจนทำให้เขารู้สึกกลัวสิ่งนั้นขึ้นมา
00:13:39 → 00:13:43 ได้หรือแม้กระทั่งเอ่อที่เราเราอาจจะกลัว
00:13:44 → 00:13:47 บางคนก็กลัวมีรูอย่างนี้ก็ถือว่าแปลกก็
00:13:47 → 00:13:49 ถือว่าแปลกนะครับกูกูไม่รู้เพราะว่าเอ่อ
00:13:49 → 00:13:52 มันก็จะทุกของรอบตัวเราก็มีรูหลายๆอย่าง
00:13:52 → 00:13:55 งี้ถาดรองแก้วก็มีรูฟองน้ำล้างจานได้เลย
00:13:55 → 00:14:01 คนนั้นก็เสร็จเลยคนที่บ้านต้องล้างจานแทน
00:14:02 → 00:14:04 ที่ผมเจออันนึงจริงๆไม่แปลกแต่ว่ามองว่า
00:14:04 → 00:14:06 แปลกกลัวแมว
00:14:06 → 00:14:09 เราจะเห็นว่าทุกวันนี้เป็นคนธาตุแมวเยอะ
00:14:09 → 00:14:13 มากครับแต่ว่าเคยเจอเคสที่เขากลัวแมวแล้ว
00:14:13 → 00:14:15 ขนาดแค่เขาเล่าให้ผมฟังเนี่ยก็ร้องไห้คือ
00:14:15 → 00:14:18 แบบใจสั่นร้องไห้แล้วเพราะเขากลัวมากซึ่ง
00:14:18 → 00:14:21 ผมก็แบบเออเกิดอะไรขึ้นเขาก็เล่าให้ฟัง
00:14:21 → 00:14:23 ว่าตอนๆเขามีประสบการณ์มาซึ่งเขาเนี่ย
00:14:23 → 00:14:26 เป็นคนใจบุญมากแต่ถ้าไปวัดไหนเนี่ยแล้วมี
00:14:26 → 00:14:29 แมวปุ๊บเขาก็ออกเลยก็คือเอาเงินไว้แล้วก็
00:14:29 → 00:14:31 เขาก็อยู่ไม่ได้ก็คือก็ต้องออกมาจาก
00:14:31 → 00:14:34 บริเวณวัดนั้นถึงขั้นขนาดว่าแม้กระทั่ง
00:14:34 → 00:14:37 เห็นยังไม่ได้เลยนะคะเอาแค่พูดชื่อก็ไม่
00:14:37 → 00:14:39 ได้หรอกครับคือพูดชื่อก็รู้สึก
00:14:39 → 00:14:43 แค่ว่าอ๋อเลี้ยงแมวไว้ใช่คือเพราะชื่อเขา
00:14:43 → 00:14:46 ก็ลิงค์แล้วอ่ะภาพมันก็ไปหาแมวแล้วโดย
00:14:46 → 00:14:49 อัตโนมัติฉันก็เขาก็จะเกิดความกลัวก็คือ
00:14:49 → 00:14:53 น้ำตาคลอละคือๆเราสังเกตได้โดยโดยกายภาพ
00:14:53 → 00:14:56 ว่าเขาแบบใจสั่นมีความกลัวเกิดขึ้น
00:14:56 → 00:15:03 ฟังดูแล้วน่าสงสาร
00:15:03 → 00:15:08 เพราะว่าเนาะธาตุแมวก็เยอะในสังคมไทย
00:15:08 → 00:15:12 แต่ว่ามันเป็นความกลัวที่เขาแบบกลัวจริงๆ
00:15:12 → 00:15:13 แล้วมันๆ
00:15:13 → 00:15:16 ทำให้เขาแบบว่าไม่สามารถที่จะทำกิจกรรม
00:15:16 → 00:15:20 อะไรได้แม้กระทั่ง
00:15:20 → 00:15:24 มันมาที่ภาพที่อาจจะเคยประสบมาหรือมีเหตุ
00:15:24 → 00:15:28 การณ์ที่แบบอาจจะถูกแมวในวัยเด็กเนาะ
00:15:28 → 00:15:31 ก็เลยไม่อยากจะคุยต่อว่าเราเน้นแก้ไขแล้ว
00:15:31 → 00:15:34 เพราะว่าไปสาวเขาก็ยิ่งเอามาให้เขารู้สึก
00:15:34 → 00:15:36 ทรมานเนาะมันต้องเล่าเรื่องนั้นอะไรอย่าง
00:15:36 → 00:15:38 เงี้ยครับ
00:15:38 → 00:15:41 แต่ว่ามันมีอะไรที่แปลกกว่านั้นอย่างเช่น
00:15:41 → 00:15:47 ที่กลัวลมอย่างเงี้ยค่ะกลัวลมเนี่ยเอ่อ
00:15:47 → 00:15:50 จริงๆมันคิดตอนต้นเราพูดถึงเรื่อง
00:15:50 → 00:15:52 สึนามิเนาะนะครับซึ่งในไทยเนี่ยก็นานๆ
00:15:52 → 00:15:55 เกิดทีแต่ว่าถ้าในต่างประเทศสูงจะยังอ่า
00:15:55 → 00:15:58 อเมริกาเงี้ยเขาก็จะมีทั้งมีซีซั่นของ
00:15:58 → 00:16:01 ทอร์นาโดมี Season ของเฮอร์ริเคนแล้วก็
00:16:01 → 00:16:04 มันเป็นลมที่ค่อนข้างสร้างความเสียหายใน
00:16:04 → 00:16:06 วงกว้างมากแล้วก็มีโอกาสที่ทำให้คนใกล้
00:16:06 → 00:16:08 ชิดของเขาเนี่ยเสียชีวิตหรือแม้กระทั่ง
00:16:08 → 00:16:12 เขาแค่ดูข่าวซ้ำๆเนาะดูข่าวนี้ซ้ำๆเนี่ย
00:16:12 → 00:16:15 ก็จะเห็นการสูญเสียเกิดเขาก็จะกลัวกลัวลม
00:16:15 → 00:16:18 ขึ้นมาได้ยินเสียงลมหรือรู้สึกว่าเออมีลม
00:16:18 → 00:16:22 มาปะทะเขาก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยละเราก็จะ
00:16:22 → 00:16:24 กลัวต้องหาอาจจะเข้าภายในอาคารหรือว่า
00:16:24 → 00:16:27 เข้าที่ปลอดภัยมันก็อันนี้ก็คือมันก็จะ
00:16:27 → 00:16:30 ส่งผลกับชีวิตประจำวันได้ถ้าแบบไปที่ไหน
00:16:30 → 00:16:33 มันก็มีลมเนาะมีโอกาสมันสูงมากฟังดูแล้ว
00:16:33 → 00:16:36 มันก็ส่วนใหญ่มันจะเป็นแบบ specialist
00:16:36 → 00:16:40 ที่แบบที่แบบตัวเองใช่ครับประสบการณ์โดย
00:16:40 → 00:16:42 ตรงของคนนั้นหรือว่าประสบการณ์คนใน
00:16:42 → 00:16:45 ครอบครัวเขาหรือว่าการเลือกเศษสื่อของเขา
00:16:45 → 00:16:47 อะไรเงี้ยครับมันจะมีผลความกลัวแบบ
00:16:47 → 00:16:50 โซเชียลดูแบบว่าเบาไปเลย
00:16:50 → 00:16:52 เพื่อความกลัวของโซเชียลอาจจะรู้สึกว่า
00:16:52 → 00:16:54 เฮ้ยหลายๆคนอยากคุณมีประสบการณ์ร่วมกัน
00:16:54 → 00:16:57 คือมันหนักมันอาจจะสัมพันธ์กับบุคลิกภาพ
00:16:57 → 00:17:00 ของคนที่ไม่มั่นใจบุคลิกภาพของคนที่แบบ
00:17:00 → 00:17:02 พยายามหลีกเลี่ยงสังคมอย่างเงี้ยครับมัน
00:17:02 → 00:17:05 ก็จะสัมพันธ์กันแต่ว่าเดี๋ยวเราเจอ
00:17:05 → 00:17:09 สถานการณ์ซ้ำๆเนี่ยมันก็ช่วยฝึกเราได้
00:17:09 → 00:17:12 อาจารย์พูดอย่างนี้มานึกถึงที่แบบว่าที่
00:17:12 → 00:17:16 หลายคนได้ยินมาถ้าเรากลัวอะไรให้เราไป
00:17:16 → 00:17:19 อยู่กับสิ่งนั้นเดี๋ยวเราจะหายกลัวเลยอัน
00:17:19 → 00:17:22 นี้จริงหรือเปล่าคะก็เป็นแนวทางการรักษา
00:17:22 → 00:17:24 แบบหนึ่งต้องบอกอย่างนี้นะครับก็คือว่า
00:17:24 → 00:17:27 การเผชิญหน้าต่อความต่อความกลัวภาษาที่
00:17:27 → 00:17:29 เป็นอาจจะเรียกว่า
00:17:29 → 00:17:32 มันก็มีข้อจำกัดเนาะเพราะว่าบางคนแบบกลัว
00:17:32 → 00:17:36 มากๆอาจจะภาวะหัวใจวายขึ้นมาได้ถูกใจ
00:17:36 → 00:17:39 ก็ต้องพิจารณาถึงถึงข้อจำกัดนี้ในใน
00:17:39 → 00:17:42 เคสบายเคสไปแต่ว่ามันเป็น Concept นึง
00:17:42 → 00:17:45 ครับก็คือด้วยหลักการคือว่าคนที่กลัว
00:17:45 → 00:17:49 เนี่ยเขาเนี่ยไม่ทันรู้หรอกว่าความกลัว
00:17:49 → 00:17:51 แล้วเนี่ยมันจะไปจบที่จุดไหนเพราะเขาหนี
00:17:51 → 00:17:57 ก่อนอ๋อพอเจอหมาเจอแมวปุ๊บนี่แหละเจอห้อง
00:17:57 → 00:18:00 ฟันเดินหนีแล้วหนีได้มันหนีได้กลัวเลือด
00:18:00 → 00:18:04 มีบริจาคเลือดฉันเดินหนีละงั้นเค้าหนีได้
00:18:04 → 00:18:06 ได้เท่านี้ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเขากลัวไป
00:18:06 → 00:18:08 ถึงจุดไหนนั้นการเผชิญหน้าคือเผชิญให้รู้
00:18:08 → 00:18:10 ว่าสุดท้ายมันไม่มีอะไรมันไม่ได้เลวร้าย
00:18:10 → 00:18:12 อย่างที่คุณคิดมันไม่ได้จะเป็นจะตายขนาด
00:18:12 → 00:18:16 นั้นมันไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณคุณแย่ขนาด
00:18:16 → 00:18:19 นั้นก็คือเผชิญซะให้รู้
00:18:19 → 00:18:21 กลัวที่แคบก็อยู่ที่แค่กลัวที่สูงก็
00:18:21 → 00:18:24 เพื่อนพาไปแต่ว่าควรจะมีคนอยู่ใกล้ๆด้วย
00:18:24 → 00:18:26 ก็จะปลอดภัยครับถ้าท่านไหนคอนเซ็ปต์นั้น
00:18:26 → 00:18:29 อาจารย์แต่ว่าเราเนี่ยยังไปไม่ถึงขีดสุด
00:18:29 → 00:18:31 เราเลยไม่รู้ว่าขีดสุดของความกลัวเราอยู่
00:18:31 → 00:18:33 ตรงจุดไหนใช่ไหมคะแต่ถ้าเกิดเราไปถึงขีด
00:18:33 → 00:18:35 ส่วนตรงนั้นเราก็ช็อคตายขึ้นมาทำไงอ่ะ
00:18:35 → 00:18:36 นั่นนะครับคือสิ่งที่เป็นข้อจำกัดที่ต้อง
00:18:36 → 00:18:40 ระวังว่าต้องก็ต้องดูพิจารณาว่าหรือถ้าใน
00:18:40 → 00:18:42 การรักษาคือต้องสมัครใจก่อนแล้วคุณคุณคุณ
00:18:42 → 00:18:44 หมอเองเจ็บพระเอกก็ต้องมีวิจารณญาณที่จะ
00:18:44 → 00:18:46 ประเมินว่าค่อนข้างเนี่ยพร้อมมั้ยที่จะ
00:18:46 → 00:18:49 ใช้วิธีการนี้ถ้าไม่พร้อมไม่ช้อยส์นึงอ่า
00:18:49 → 00:18:52 เขาเรียกว่าการบำบัดแบบค่อยเป็นค่อยไปนะ
00:18:52 → 00:18:54 ครับก็คือภาษาอังกฤษเรียกว่าเอ่อ
00:18:54 → 00:18:56 systematic descendants Station คือ
00:18:56 → 00:18:59 ค่อยๆค่อยๆเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรากลัวแบบ
00:18:59 → 00:19:04 ห่างๆก่อนโดยๆเอ่อถ้าเป็นแบบโดยการรักษา
00:19:04 → 00:19:07 คือเราจะมานั่งคุยกันนะครับแล้วก็ให้คิด
00:19:07 → 00:19:11 สถานการณ์เลยสัก 10 อย่างและให้เรทคะแนน
00:19:11 → 00:19:15 เต็ม 10 คือกลัวมากแล้วก็ 1 คือกูน้อย
00:19:15 → 00:19:19 กำไรสเกลไปไหนเรายกสถานการณ์กลัวน้อยสิ 1
00:19:19 → 00:19:23 ทำอะไรดีผมยกตัวอย่างครูสุนัขแล้วกันนะ
00:19:23 → 00:19:24 ครับ Google แมวด้วยกลัวแมวที่ไม่ใช่คน
00:19:24 → 00:19:27 คุยกันถ้า
00:19:27 → 00:19:30 เห็นภาพการ์ตูนแมวการ์ตูนกาฟิวเนาะแต่
00:19:30 → 00:19:32 ก่อนอะไรอย่างนี้นะครับกับการ์ตูนที่มี
00:19:32 → 00:19:33 แมวน่ารักๆ
00:19:33 → 00:19:37 โอเคไหมจะเป็นสถานการณ์นี้พอเผชิญหน้าไหว
00:19:37 → 00:19:40 ไหมกลายเป็นหนึ่งแล้วก็ค่อยๆกันที่
00:19:40 → 00:19:42 สถานการณ์กันไปไล่สถานการณ์ที่มันจะค่อยๆ
00:19:42 → 00:19:46 เข้าใกล้แมวไปเรื่อยๆทีนี้ทุกๆครั้งก่อน
00:19:46 → 00:19:48 ที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เนี่ยเราจะมี
00:19:48 → 00:19:52 การให้เขาทำเขาเรียกว่า relaxation คือ
00:19:52 → 00:19:55 การผ่อนคลายอาจจะเป็นคนไข้โดยการเอ่อคน
00:19:55 → 00:19:58 ไข้กล้ามเนื้อหรือจินตนาการถึงสิ่งที่เรา
00:19:58 → 00:20:00 รู้สึกสบายใจฟังเพลงผ่อนคลายอะไรก็แล้ว
00:20:00 → 00:20:03 แต่ผ่อนคลายก่อนแล้วค่อยเผชิญกับสิ่ง
00:20:03 → 00:20:07 เหล่านั้นก็ค่อยๆไปทีละสเต็ปสเต็ปสเต็ป
00:20:07 → 00:20:10 อันไหนที่ยังรู้สึกมีภาวะทางด้านร่างกาย
00:20:10 → 00:20:14 อยู่ยังรู้สึกแน่นหน้าอกหัวใจเต้นเร็ว
00:20:14 → 00:20:16 อยู่ก็ยังไม่ต้องข้ามขั้นนั้นก็คืออยู่
00:20:16 → 00:20:18 กับสิ่งนั้นไปได้ก่อนอันนี้ก็จะเซฟกว่า
00:20:18 → 00:20:21 ซึ่งในแต่ละขั้นตอนเนี่ยมันอาจจะมีระยะ
00:20:21 → 00:20:24 เวลาที่นานถูกต้องหรือจะสั้นก็แล้วแต่
00:20:24 → 00:20:28 สิ่งที่ต้องไปไปทดสอบไปพยายามให้มันไม่
00:20:28 → 00:20:31 กลัวอะไรแบบนี้ใช่ไหมคะแต่ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ
00:20:31 → 00:20:34 คุณจะไปแบบเอ่อยัดเยียดเพื่อนแบบว่ากูไม่
00:20:34 → 00:20:37 คุยเชิญอันนั้นอันตรายไปอันตรายเกินไป
00:20:37 → 00:20:39 เพราะเราไม่รู้เพื่อนจะหัวใจวายได้หรือคน
00:20:39 → 00:20:42 กลัวเขากลัวจริงๆนะอันนี้ต้องย้ำเลยเพราะ
00:20:42 → 00:20:44 ว่าเราไม่ได้กลัวไงเราไม่รู้หรอกว่าความ
00:20:44 → 00:20:47 รู้สึกของคนกลัวเนี่ยเป็นแบบไหนใช่ไหมคะ
00:20:47 → 00:20:50 อันนี้ก็ต้องระวังด้วยแล้วมันต้องแบบถึง
00:20:50 → 00:20:52 ขั้นแบบว่าถ้าอย่างสมมุติไปไปพบจิตแพทย์
00:20:52 → 00:20:55 อย่างเงี้ยค่ะต้องใช้ยาต้องกินยาอะไรร่วม
00:20:55 → 00:20:58 ด้วยก็เอ่อถ้าในมุมของจิตแพทย์เองเนี่ยก็
00:20:58 → 00:21:01 จะมีถ้าเขาเครียดมากกว่าก็อาจจะมียาคลาย
00:21:01 → 00:21:04 กังวลช่วยก็
00:21:04 → 00:21:06 อาจจะช่วยประคับประคองให้เขาลดความเครียด
00:21:06 → 00:21:09 ตรงนั้นไปประกอบด้วยก็ต้องแต่แล้วแต่
00:21:09 → 00:21:12 วิจารณญาณของจิตแพทย์อีกทีนึงว่าจะยังไง
00:21:12 → 00:21:13 บ้าง
00:21:13 → 00:21:16 อาจารย์คะแล้วมันมีความกลัวเบียดที่มัน
00:21:16 → 00:21:21 เป็นแบบโฟเบียบปลอมไหมคะแบบโฟเบียร์เทียม
00:21:21 → 00:21:23 ก็คือเหมือนจะกลัวแต่จริงๆแล้วแบบคืออ้าว
00:21:23 → 00:21:26 จริงๆไม่ได้ขนาดนั้นใช่ไหมครับไม่ได้แบบ
00:21:26 → 00:21:28 เออเพราะว่าอย่างอย่างอันนี้ไม่รู้ว่ามัน
00:21:28 → 00:21:31 จะใช่ phobia ไหมเพราะว่าตัวเองเป็นคนที่
00:21:31 → 00:21:36 กลัวที่สูงนะคะถ้าขึ้นสะพานลอยอ่ะค่ะถ้า
00:21:36 → 00:21:39 เป็นสะพานลอยที่ไม่คุ้นเคยจะแบบหวิวและ
00:21:39 → 00:21:42 อาจารย์รู้สึกว่าตัวเองหน้าซีดและแล้วก็
00:21:42 → 00:21:44 จะเดินแค่ตรงกลางจะไม่เดินริมๆเพราะกลัว
00:21:44 → 00:21:48 ตกกลัวลมพัดปลิว
00:21:48 → 00:21:52 แล้วก็แต่ถ้าเดินบ่อยๆชินแล้วแต่พอไป
00:21:52 → 00:21:55 สะพานลอยอื่นปุ๊บเอาล่ะอาการมาอีกแล้วแค่
00:21:55 → 00:21:58 สะพานลอยนะคะไอ้ตึกสูงนี้ไม่ต้องห่วงเลย
00:21:58 → 00:22:02 ค่ะเพราะว่าตึกสูงเนี่ยแค่แค่ขึ้นไปเนี่ย
00:22:02 → 00:22:05 เราก็แบบวิวใจแบบอู้หูเสียวมากที่ท้อง
00:22:05 → 00:22:08 แล้วหรือเห็นใครไปยืนอยู่ทั้งที่เราไม่
00:22:08 → 00:22:11 ได้ยืนนะคะเราแค่เห็นน่ะเฮ้ยเข้ามาเดี๋ยว
00:22:11 → 00:22:14 นี้นะเขาไม่ได้กลัวนะแต่เราอ่ะเสียวมากไป
00:22:14 → 00:22:17 แล้วหรือแม้กระทั่งดูหนังอ่ะค่ะที่แบบอ่ะ
00:22:17 → 00:22:21 สมมุติ Batman ยืนอยู่บนยอดตึกแล้วแบบว่า
00:22:21 → 00:22:25 ฟิลลิ่งคือเป็นภาพฉายออกมาแบบมองลงมาใน
00:22:25 → 00:22:27 เมืองอย่างเงี้ยอันนั้นก็ไม่ได้แล้วหิว
00:22:27 → 00:22:30 อันนี้
00:22:30 → 00:22:34 คือๆเราอาจจะมีความกลัวแหละแต่ผมมองว่า
00:22:34 → 00:22:36 ถ้าเคสที่ละมัยนะผมมองว่าอาจจะไม่ถึงขั้น
00:22:36 → 00:22:38 โรคเพราะเรายังอยู่กับสถานการณ์นั้นได้
00:22:38 → 00:22:42 ถูกไหมครับเรายังอาจจะไปดูหนังหรือก็ยอม
00:22:42 → 00:22:44 ขึ้นตึกแหละแต่อยู่ห่างๆหน่อยผมว่าโดย
00:22:44 → 00:22:47 ลักษณะนี้คือเรากลัวว่าเขาจะเกิดอันตราย
00:22:47 → 00:22:50 ถูกไหมครับกลัวเขาตกหรือกลัวเราตกแต่เรา
00:22:50 → 00:22:51 เสียวมาก
00:22:51 → 00:22:55 ไปแต่สะท้อนอย่างคือมันก็มีอาการทางกาย
00:22:55 → 00:22:57 แหละถูกไหมครับเรามีหัวใจเต้นเร็วเรารู้
00:22:57 → 00:23:01 สึกหวิวๆมีอาการทางกายอยู่เหมือนกันแต่
00:23:01 → 00:23:03 ส่วนหนึ่งก็คือเราไม่ได้พยายามเลี่ยงขนาด
00:23:03 → 00:23:06 นั้นเพราะว่าอย่างสักเคสพาเลซเนี่ยอ่ะถ้า
00:23:06 → 00:23:08 เราเดินบ่อยๆเดี๋ยวจะมั่นใจได้ว่ามันแข็ง
00:23:08 → 00:23:11 แรงพอมันไม่ตกแต่ฉันก็ฉันก็สามารถที่จะ
00:23:11 → 00:23:15 เดินมันต่อไปได้งั้นมองในมุมนึงก็คือว่า
00:23:15 → 00:23:19 เราก็จัดการความกลัวด้วยตัวเราเองคือใช้
00:23:19 → 00:23:21 วิธีการรีเซ็ตสุดท้ายค่อยๆค่อยๆมาเซ็น
00:23:21 → 00:23:23 สิ่งเร้าไปเรื่อยๆจนมั่นใจว่ามันปลอดภัย
00:23:23 → 00:23:26 ฉันก็เดินต่อไปได้จริงๆตอบเป็นครั้งๆไป
00:23:26 → 00:23:29 ใช่สถานที่หนึ่งสถานี
00:23:29 → 00:23:31 ที่เราคุยเหมือนเรากลัวแล้วเราก็บำบัด
00:23:31 → 00:23:32 ด้วยตัวเราเองเรียบร้อยแล้ว
00:23:32 → 00:24:32 [เสียงหัวเราะ]
00:24:32 → 00:24:35 เพราะว่าสมองส่วนเหตุผลเนี่ยมันจะตามมาที
00:24:35 → 00:24:38 หลังส่วนที่จะเป็นคำพูดส่วนที่จะเป็นเหตุ
00:24:38 → 00:24:41 ผลเนี่ยมันจะตามมาทีหลังแต่ว่าส่วนอารมณ์
00:24:41 → 00:24:44 ความผูกพันความจำฝังใจเนี่ยมันมันตั้งแต่
00:24:45 → 00:24:49 คลอดออกมาก็ก็สามารถทำงานละงั้นเขาจะจำใน
00:24:49 → 00:24:51 เชิงความรู้สึกกับจริงๆก่อนแต่เขาบอกไม่
00:24:51 → 00:24:55 ได้ว่าเขาทำไมถึงกลัวสิ่งนั้นแต่ถ้าเป็น
00:24:55 → 00:24:59 วัยรุ่นเนี่ยหรือวัยผู้ใหญ่เหตุการณ์
00:24:59 → 00:25:01 ที่เขาทำให้กลัวมันจะต้องเป็นการที่ค่อน
00:25:01 → 00:25:05 ข้างรุนแรงมากๆที่มันจะกระทบต่อใจเขาซึ่ง
00:25:05 → 00:25:07 เกิดการสูญเสียเกิดการพลัดพรากหรือทำให้
00:25:07 → 00:25:10 เกิดความเจ็บป่วยที่มันรุนแรงมากเป็นความ
00:25:10 → 00:25:14 พิการเป็นผู้ป่วยเป็นการทำให้เขาต้องเกิด
00:25:15 → 00:25:17 ความพิการกับตัวเองหรือว่ากับญาติของเขา
00:25:17 → 00:25:18 อะไรอย่างนี้แล้วทำให้เขากลัวสิ่งนั้น
00:25:18 → 00:25:22 กลัวรถยนต์กลัวทางแย่กลัวอะไรเงี้ย
00:25:22 → 00:25:26 มันก็จะหายได้ถ้าเกิดว่าเรารู้ว่ามันมัน
00:25:26 → 00:25:28 เป็น phobia และที่มันรบกวนชีวิตแล้วเรา
00:25:28 → 00:25:31 ก็ไปพบกับจิตแพทย์เพื่อทำการใช่แต่ดูส่วน
00:25:31 → 00:25:33 ใหญ่คนในสังคมไทยก็มักจะไม่ได้ไปพบก็รู้
00:25:33 → 00:25:36 สึกว่าฉันก็แค่หลีกเลี่ยงมันแล้วก็ไม่
00:25:36 → 00:25:38 ต้องก็ไม่ต้องลำบากแล้ว
00:25:38 → 00:25:41 บำบัดด้วยตัวเอง
00:25:41 → 00:25:44 วันนี้คุณผู้ฟังเราก็ได้คุยกันถึงเรื่อง
00:25:44 → 00:25:46 ของ phobia นะคะกับความกลัวที่เกิดขึ้น
00:25:46 → 00:25:50 ได้ได้เข้าใจแล้วก็เอ่อใครที่เรามีเพื่อน
00:25:50 → 00:25:52 พี่กลัวหรือเราที่กลัวเราก็หลีกเลี่ยง
00:25:52 → 00:25:54 หรือเราอย่าไปรังแกอย่าไปแกล้งเขานะคะอัน
00:25:54 → 00:25:57 นี้ก็ต้องเห็นใจเขาด้วยนะคะอ่ะวันนี้คุย
00:25:57 → 00:26:00 กันได้เรียกว่าสาระความรู้เต็มที่ขอบคุณ
00:26:00 → 00:26:01 อาจารย์สุพัฒน์ด้วยค่ะที่มาร่วมพูดคุยกัน
00:26:01 → 00:26:05 นะคะสวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังค่ะ
00:26:05 → 00:26:07 พบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทาง
00:26:07 → 00:26:10 Thai PBS port Class ค่ะวันนี้ลาไป
00:26:10 → 00:26:12 ก่อนขอบคุณที่ติดตามรับฟังนะคะสวัสดีค่ะ
00:26:12 → 00:26:16 This Is Choice periouse ทำไมเด็กที่
00:26:16 → 00:26:18 มีรูปร่างอ้วนกลมจึงมีความเสี่ยงต่อโรค
00:26:18 → 00:26:20 ไข้เลือดออกที่มักเกิดขึ้นในฤดูฝนแพทย์
00:26:20 → 00:26:23 หญิงโรจนีย์เลิศบุญเหรียญกุมารแพทย์สาขา
00:26:23 → 00:26:26 เวชบำบัดวิกฤตโรงพยาบาลรามาธิบดีมาเล่า
00:26:26 → 00:26:27 ให้ฟังครับ
00:26:27 → 00:26:30 แล้วไข้เลือดออกเนี่ยแต่ละคนเนี่ยอาการ
00:26:30 → 00:26:34 รุนแรงเนี่ยไม่เหมือนกันอ่าแต่ละคนเนี่ย
00:26:34 → 00:26:37 บางคนก็จะเป็นไข้สูงสักวันสองวันแล้วก็
00:26:37 → 00:26:41 หายเหมือนเป็นไวรัสตัวอื่นทั่วไปแต่ไข้
00:26:41 → 00:26:43 เลือดออกบางคนก็คือพอไข้สูงประมาณ 3-5
00:26:43 → 00:26:46 วันแล้วหลังจากไข้ลงแทนที่เด็กจะสบายดี
00:26:46 → 00:26:50 เล่นได้ร่าเริงเนี่ยก็มีภาวะเลือดออกหรือ
00:26:50 → 00:26:54 มีภาวะช็อกขาดน้ำในช่วงที่ไข้ลงแต่ละคน
00:26:54 → 00:26:56 ที่มีภาวะช็อกกับเลือดออกก็จะรุนแรงไม่
00:26:57 → 00:26:59 เท่ากันแต่ที่เราเจอว่าเด็กอ้วนเนี่ยมี
00:26:59 → 00:27:02 ภาวะช็อคหรือมีภาวะเลือดออกในที่รุนแรง
00:27:02 → 00:27:05 กว่าเนี่ยส่วนนึงเป็นเพราะว่าด้วยความที่
00:27:05 → 00:27:08 เขาเป็นเด็กอ้วนน่ะค่ะอาจารย์แสดงเนี่ย
00:27:08 → 00:27:11 มันอาจจะดูแลดูยากเช่นเขาก็ดูเป็นเด็ก
00:27:11 → 00:27:14 แข็งแรงดีนะคะคุยรู้เรื่องดีตลอดอะไร
00:27:14 → 00:27:17 อย่างเงี้ยค่ะซึ่งบางทีบางครั้งเนี่ยหรือ
00:27:17 → 00:27:20 เลือดออกเนี่ยอาจจะมองไม่เห็นชัดมากเช่น
00:27:20 → 00:27:23 เลือดออกตามผิวหนังเล็กๆหรือเลือดกำเดา
00:27:23 → 00:27:26 ไหลแล้วนอกจากนั้นเนี่ยในเด็กอ้วนเนี่ย
00:27:26 → 00:27:30 ที่เราเจอก็คือว่าถ้าเขามีภาวะช็อกขึ้นมา
00:27:30 → 00:27:34 เนี่ยการเปิดเส้นเลือดเช่นต้องให้ศาลหา
00:27:34 → 00:27:35 อะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:27:35 → 00:27:38 ก็จะทำได้ยากกว่าเด็กผอมทั่วไปเพราะว่า
00:27:38 → 00:27:42 เส้นเขาก็จะไม่ค่อยจะเห็นร่วมกับมีไขมัน
00:27:42 → 00:27:45 เยอะบางทีการเปิดเส้นเลือดหรือการให้น้ำ
00:27:45 → 00:27:49 เกลือก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญซึ่งทำให้การ
00:27:49 → 00:27:53 รักษาการตรวจเลือดหรือการให้ยาหรืออะไร
00:27:53 → 00:27:57 มันอาจจะทำให้มันช้ากว่าปกติได้แล้วก็
00:27:57 → 00:28:00 ด้วยความเป็นเด็กอ้วนเองก็จริงๆไข้เลือด
00:28:00 → 00:28:03 ออกเนี่ยในมันเหมือนภาวะอ้วนเนี่ยมันจะมี
00:28:03 → 00:28:07 อาการอักเสบของตัวโรคเยอะขึ้นเหมือนคนไข้
00:28:07 → 00:28:11 โควิดที่เราเห็นกันไอ้โควิดคนที่อ้วนก็จะ
00:28:11 → 00:28:14 มีอาการเยอะไม่ว่าจะแก่ไม่แก่โรคประจำตัว
00:28:14 → 00:28:16 ไม่รบเป็นโจทย์แต่ว่าอาการของโควิดเขาจะ
00:28:16 → 00:28:19 เยอะกว่าของไข้เลือดออกดีก็คล้ายๆกันค่ะ
00:28:19 → 00:28:23 เหมือนอาการอักเสบของโรคมันจะรุนแรงกว่า
00:28:23 → 00:28:33 ในเด็กมีผอมปกติ
00:28:33 → 00:28:36 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:36 → 00:28:42 ของไทย
00:28:42 → 00:28:50 และ YouTube Channel
00:28:50 → 00:28:56 [เพลง]