00:00:00 → 00:00:05 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือ
00:00:09 → 00:00:11 ศัลยกรรมความสุข
00:00:12 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:42 คุณฟังครับถ้าเกิดว่าผมเจอถามคุณผู้ฟัง
00:00:42 → 00:00:45 ว่าในชีวิตเนี่ยคุณผู้ฟังมีเพื่อนไหมครับ
00:00:45 → 00:00:49 ผมชื่อว่าคำตอบก็บอกว่ามีแน่นอนนะครับเรา
00:00:49 → 00:00:50 ก็มีเพื่อน
00:00:50 → 00:00:53 แล้วถ้าถามว่าแล้วคุณผู้ฟังมีเพื่อนสนิท
00:00:53 → 00:00:54 ไหมครับ
00:00:54 → 00:00:58 อ่าแน่นอนครับคำตอบก็ต้องบอกว่ามีใช่ไหม
00:00:58 → 00:00:59 ครับ
00:00:59 → 00:01:02 แต่ว่าถ้ามีเพื่อนแล้วเนี่ยถ้าถามต่อไป
00:01:02 → 00:01:03 ครับว่า
00:01:03 → 00:01:07 แล้วมีเพื่อนสนิทไหมครับก็จะน้อยลงไป
00:01:07 → 00:01:10 เรื่อยๆใช่ไหมครับเรามีเพื่อนเยอะแต่ว่า
00:01:10 → 00:01:12 เพื่อนที่เราสนิทก็มีน้อยนะครับแต่คุณผู้
00:01:12 → 00:01:14 ฟังเชื่อไหมครับว่าเมื่อไม่นานวันนี้ผมก็
00:01:14 → 00:01:18 ไปพบปะเพื่อนๆนะที่ไม่ได้เจอกันนานมาก
00:01:18 → 00:01:21 แล้วเราก็ไปเจอเพื่อนสนิทครับแต่ว่ามี
00:01:21 → 00:01:24 เพื่อนสนิทอยู่คู่หนึ่งครับของพวกเรา
00:01:24 → 00:01:27 เนี่ยนะเป็นเพื่อนสนิทที่ทำให้เราประหลาด
00:01:27 → 00:01:29 ใจมากเลยเพราะ
00:01:29 → 00:01:34 เขาเป็นเพื่อนสนิทที่คิดต่างกันตลอด
00:01:34 → 00:01:38 [เพลง]
00:01:38 → 00:01:41 ใช่เลยครับคุณผู้ฟังเพื่อนสนิทแล้วก็
00:01:41 → 00:01:43 เราก็เกิดความประหลาดใจนะครับว่า
00:01:43 → 00:01:47 จริงๆแล้วเนี่ยพวกเราทุกคนเนี่ยในหมู่
00:01:47 → 00:01:50 เพื่อนที่ไปเจอกันนะครับเราก็จะรับรู้ได้
00:01:50 → 00:01:53 เลยว่า 2 คนนี้ครับเป็นเพื่อนสนิทกันครับ
00:01:53 → 00:01:57 เพราะว่าเขาทำตั้งแต่สมัยเรียนเลยนะครับ
00:01:57 → 00:02:01 เขาก็ทำอะไรด้วยกันตลอดเวลามึงมีกิจกรรม
00:02:01 → 00:02:04 ร่วมกันตลอดเวลามีความชอบ
00:02:04 → 00:02:07 มีความชอบในสิ่งเดียวกันใกล้ๆเคียงกัน
00:02:07 → 00:02:11 ตลอดเวลาครับแต่ว่าเราก็สงสัยว่าแต่ทำไม
00:02:11 → 00:02:14 สองคนนี้เนี่ยจากภาพที่เห็นเหมือนเพื่อนๆ
00:02:14 → 00:02:17 สนิทแต่ว่าเวลาที่พูดคุยหรืออะไรอย่างนี้
00:02:17 → 00:02:20 ทำไมเหมือนกับเขาขัดแย้งกันตลอดเวลาเขา
00:02:20 → 00:02:23 คิดเห็นต่างกันตลอดเวลา
00:02:23 → 00:02:26 ก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาครับหลังจากนั้นเรา
00:02:26 → 00:02:30 ก็เริ่มพูดคุยกันนะว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรา
00:02:30 → 00:02:31 สงสัยเป็นอย่างนี้ครับคุณผู้ฟังเพราะว่า
00:02:31 → 00:02:35 เพื่อน 2 คนนี้เนี่ยเขาเป็นคนที่
00:02:35 → 00:02:37 ในระหว่างที่เรียนกันเนี่ยนะครับเราก็จะ
00:02:37 → 00:02:40 มีกิจการพิเศษใช่ไหมครับสองคนนี้เนี่ยเขา
00:02:40 → 00:02:44 มีความชอบเหมือนกันเกือบจะทุกเรื่องเลย
00:02:44 → 00:02:47 ครับก็เลยเป็นเหตุที่ทำให้เขาทำกิจกรรม
00:02:47 → 00:02:50 ร่วมกันตลอดเวลาครับอย่างเช่นนอกเหนือจาก
00:02:51 → 00:02:54 การเรียนนะครับกีฬา
00:02:54 → 00:02:57 เขาก็เล่นกีฬาเหมือนกันชอบเล่นกีฬาเหมือน
00:02:57 → 00:03:00 กันและชอบเล่นกีฬาประเภทเดียวกันด้วยก็
00:03:00 → 00:03:03 คือบาสเกตบอล
00:03:03 → 00:03:06 นอกจากกีฬาแล้วก็มีอะไรอีกครับดนตรีครับ
00:03:06 → 00:03:09 เพื่อน 2 คนนี้ก็ชอบดนตรีทั้งคู่นะครับ
00:03:09 → 00:03:13 ทั้งคู่ก็ชอบเล่นกีต้าร์ทั้งคู่
00:03:13 → 00:03:16 มันก็เลยทำให้เหมือนกับว่าเขาก็จะต้องทำ
00:03:16 → 00:03:18 กิจกรรมร่วมกันตลอดเวลา
00:03:18 → 00:03:21 เราในมุมมองของพวกเราเพื่อนๆก็เลยมองว่า 2
00:03:21 → 00:03:23 คนนี้คือเพื่อนสนิทกันครับ
00:03:24 → 00:03:26 แต่พอมีคนตั้งข้อสังเกตว่า
00:03:26 → 00:03:30 เพื่อนสนิทไอ้สองคนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
00:03:30 → 00:03:34 คนนึงบอกหนึ่งอีกคนต้องบอก 2 ก็คือเหมือน
00:03:34 → 00:03:36 กับจะเถียงกันตลอดเวลา
00:03:36 → 00:03:40 ไม่คือคิดเห็นต่างกันตลอดเวลา
00:03:40 → 00:03:43 พองงๆปุ๊บเราก็เลยมานั่งวิเคราะห์เราก็พบ
00:03:43 → 00:03:45 ว่าอ๋อ
00:03:45 → 00:03:47 ประเด็นมันน่าจะอยู่ตรงนี้ครับว่าเป็น
00:03:47 → 00:03:50 เพื่อนเรียนด้วยกันทั้งคู่ครับแต่ในขณะ
00:03:51 → 00:03:54 ซึ่งคนหนึ่งเรียนเก่งครับ
00:03:54 → 00:03:57 สอบได้ที่ 1 เกือบตลอดเวลาส่วนอีกคนนึง
00:03:57 → 00:03:59 เนี่ยเรียนไม่เก่ง
00:03:59 → 00:04:03 เวลาเรียนอะไรก็มักจะไม่ค่อยเข้าใจนะแล้ว
00:04:03 → 00:04:07 เวลาสอบก็ได้คะแนนอยู่ที่โหลประมาณนี้นะ
00:04:07 → 00:04:07 ครับ
00:04:07 → 00:04:10 เพราะฉะนั้นทั้งคู่เนี่ยจะมีความต่างตรง
00:04:10 → 00:04:11 ที่
00:04:11 → 00:04:16 คนหนึ่งเรียนเก่งแต่คนหนึ่งเรียนไม่เก่ง
00:04:16 → 00:04:19 สิ่งที่เขาชอบเหมือนกันครับคุณผู้ฟังก็
00:04:19 → 00:04:21 คือกีฬาบาสเกตบอลเหมือนกัน
00:04:21 → 00:04:25 แต่คนที่เรียนไม่เก่งอ่ะครับคุณผู้ฟัง
00:04:25 → 00:04:30 เล่นบาสเกตบอลเก่งกว่าคนที่เรียนเก่งต้อง
00:04:30 → 00:04:32 ฟังดีๆนะจะไม่สับสนนะครับคนเรียนเก่ง
00:04:32 → 00:04:35 เนี่ยพอเล่นบาสเกตบอลชอบบาสเกตบอลทั้งคู่
00:04:35 → 00:04:37 แต่คนเรียนเก่ง
00:04:37 → 00:04:40 เล่นบาสเกตบอลไม่เก่ง
00:04:40 → 00:04:44 คนเรียนไม่เก่งเล่นบาสเกตบอลเก่งเก่งขนาด
00:04:44 → 00:04:47 ที่เป็นนักกีฬาทีมโรงเรียนนะครับโอ้ฝีมือ
00:04:48 → 00:04:50 นี้สุดยอดมากนะฮะเรียนไม่เก่งแต่เล่น
00:04:50 → 00:04:53 บาสเกตบอลแต่ทั้งคู่นี้ก็เล่นบาสสั่งคู่
00:04:53 → 00:04:56 พอมาถึงเรื่องดนตรีครับ
00:04:56 → 00:04:59 ดนตรีก็คือทั้งคู่ก็ชอบเล่นกีต้าร์ครับ
00:04:59 → 00:05:04 คุณผู้ฟังชอบเล่นกีต้าร์แต่ว่าอันนี้ต้อง
00:05:04 → 00:05:05 ฟังให้ดีเลยนะครับถ้าเป็นกีตาร์ทั้งคู่
00:05:05 → 00:05:11 แต่ว่าคนที่เรียนเก่งนะครับเล่นบาสเกตบอล
00:05:11 → 00:05:12 ไม่เก่ง
00:05:12 → 00:05:15 แต่เล่นกีต้าร์เก่งกว่า
00:05:15 → 00:05:17 เล่นกีต้าร์เก่งกว่า
00:05:17 → 00:05:22 ส่วนคนที่เรียนไม่เก่งแต่เล่นบาสเกตบอล
00:05:22 → 00:05:23 เก่ง
00:05:23 → 00:05:27 เล่นกีต้าร์เหมือนกันเล่นกีต้าร์ก็ไม่
00:05:27 → 00:05:29 ค่อยเก่งเท่าไหร่
00:05:29 → 00:05:33 พอเล่นกีตาร์ปสู้สู้คนเรียนเก่งไม่ได้คน
00:05:33 → 00:05:37 เรียนเก่งเล่นกีต้าร์เก่งกว่าแต่ก็มีข้อ
00:05:37 → 00:05:38 ต่างอีกครับ
00:05:38 → 00:05:41 คนที่เล่นกีต้าร์เก่งกว่าร้องเพลงไม่
00:05:41 → 00:05:45 เพราะฮะคือเลขที่ตาเก่งแต่อย่าให้ร้องนะ
00:05:45 → 00:05:48 ร้องเพลงไม่เก่งแต่คนที่เล่นกีต้าร์ไม่
00:05:48 → 00:05:52 ค่อยเก่งนะครับเล่นบาสเก่งเล่นกีต้าร์ไม่
00:05:52 → 00:05:52 เก่ง
00:05:52 → 00:05:55 แต่ว่าเล่นไปได้นิดหน่อยเล่นฝีมือประมาณ
00:05:55 → 00:05:59 นึงแต่ว่าเวลาร้องเพลงเนี่ยร้องเพลงร้อง
00:05:59 → 00:06:01 เพลงเพราะเสียงดี
00:06:01 → 00:06:04 คุณฟังเห็นความคล้อยไปไขว้มาระหว่าง
00:06:04 → 00:06:06 เพื่อนคู่นี้ไหมครับ
00:06:06 → 00:06:10 และทำให้เราพบว่าอันนี้แหละครับเป็นสาย
00:06:10 → 00:06:14 เหตุของความที่ภาพเนี่ยดูเหมือนเป็น
00:06:14 → 00:06:19 เพื่อนสนิทครับแต่ว่ามีความขัดแย้งตลอด
00:06:19 → 00:06:20 เวลาเพราะ
00:06:20 → 00:06:23 เรามาจับประเด็นได้ว่าในความเหมือนเพื่อน
00:06:24 → 00:06:27 สนิททำทุกอย่างคล้ายๆกันครับแต่มันมี
00:06:27 → 00:06:30 เรื่องของการแข่งกันในทีครับ
00:06:30 → 00:06:34 ประมาณแข่งกันในทีว่าฉันเก่งกว่าเธอเก่ง
00:06:34 → 00:06:37 กว่าฉันเก่งกว่าเธอในเรื่องนี้เธอเก่ง
00:06:37 → 00:06:39 กว่าฉันในเรื่องนี้มันไขว้กันไปไขว้กันมา
00:06:39 → 00:06:43 ในทีมเนี่ยมันก็เลยส่งผลต่อ
00:06:43 → 00:06:46 สัมพันธภาพเวลาที่พูดคุยกันเสนอความคิด
00:06:46 → 00:06:50 เห็นหรือว่าขอความคิดเห็นเนี่ยทั้งคู่นี้
00:06:50 → 00:06:55 เนี่ยจึงมักจะขัดแย้งกันตลอดเวลาในเรื่อง
00:06:55 → 00:06:59 ของความคิดเห็นถ้าคนคนนี้เสนอ
00:06:59 → 00:07:04 แบบหนึ่งอีกคนนึงจะไม่มีทางที่จะมีข้อ
00:07:04 → 00:07:08 เสนอไปในทิศทางเดียวกับเพื่อนคนนี้ที่บอก
00:07:08 → 00:07:10 เป็นเพื่อนสนิทเลย
00:07:10 → 00:07:13 ก็จะไขว้กันไปไขว้กันมาตลอดเวลา
00:07:13 → 00:07:15 คุณผู้ฟังเห็นไหมครับว่าประเด็นตอนนี้ที่
00:07:15 → 00:07:19 ผมยกขึ้นมาเพื่อจะแบ่งปันให้กับมนุษย์ฟัง
00:07:19 → 00:07:25 เนี่ยเรื่องของเพื่อนสนิทคิดต่างเนี่ย
00:07:25 → 00:07:28 คือมันทำให้เราเกิดความเข้าใจว่า
00:07:28 → 00:07:30 แท้ที่จริงแล้ว
00:07:30 → 00:07:34 ไอ้การที่เราจะเป็นเพื่อนสนิทกันรู้จัก
00:07:34 → 00:07:37 มักคุ้นกันอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
00:07:38 → 00:07:41 สงบราบรื่นเนี่ยอันนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง
00:07:41 → 00:07:44 แต่ความเห็นความคิดต่าง
00:07:44 → 00:07:47 อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมันก็มี
00:07:47 → 00:07:49 ที่มาที่ไปของมัน
00:07:49 → 00:07:52 วันนั้นจริงสรุปกันว่า
00:07:52 → 00:07:56 ในความเป็นจริงแล้วเนี่ยความสัมพันธ์สภาพ
00:07:56 → 00:08:00 ระหว่างเพื่อนเนี่ยมันจะสงบราบรื่นหรือ
00:08:00 → 00:08:04 ไม่เนี่ยมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบ
00:08:04 → 00:08:08 สิ่งเดียวกันหรือไม่เราทำสิ่งเดียวกัน
00:08:08 → 00:08:12 หรือไม่แต่มันขึ้นอยู่กับว่า
00:08:12 → 00:08:15 ถ้ามีการแข่งขันกันในทีม
00:08:15 → 00:08:22 มันจะนำไปสู่ความความไม่ลงรอยแล้วก็นำไป
00:08:22 → 00:08:24 สู่ความขัดแย้ง
00:08:24 → 00:08:28 ซึ่งไอ้ความเห็นที่ต่างกันเนี่ยคุณผู้ฟัง
00:08:28 → 00:08:33 ครับพอมันเข้ามาสู่เรื่องของการแข่งขัน
00:08:33 → 00:08:36 ว่าใครเก่งกว่าใคร
00:08:36 → 00:08:38 มันก็เลยกลายเป็นว่ามันถูกเบี่ยงเบน
00:08:39 → 00:08:41 ประเด็นไปจากข้อเท็จจริงว่า
00:08:41 → 00:08:44 ที่จริงแล้วควรจะเป็นยังไง
00:08:44 → 00:08:49 สมมุติว่าโต๊ะตัวนี้ควรจะยาว 1 เมตรนิ่ง
00:08:49 → 00:08:53 บอกว่าน่าจะประมาณ 1 เมตรพอแข่งกันในที
00:08:53 → 00:08:56 ปุ๊ปอีกคนก็จะพูดทันทีเลยว่าน่าจะไม่ถึง 1
00:08:56 → 00:08:59 เมตรอย่างนี้เป็นต้นจะขัดแย้งกันทุก
00:08:59 → 00:09:03 เรื่องโดยที่มันจะถูกเบี่ยงเบนเบี่ยงเบน
00:09:03 → 00:09:04 ประเด็น
00:09:04 → 00:09:08 เพราะมันหลุดไปจากข้อเท็จจริงที่มันควร
00:09:08 → 00:09:09 เป็นจริงๆ
00:09:09 → 00:09:14 เพราะ 2 คนนี้กำลังเอาชนะคะคานกันอยู่
00:09:15 → 00:09:18 คุณไม่ฟังครับเรื่องนี้เนี่ยมันทำให้เรา
00:09:18 → 00:09:20 เห็นจากประเด็นที่พูดคุยนี้นะครับมันฟัง
00:09:20 → 00:09:24 มันทำให้เราเห็นไปถึงว่าในสังคมปัจจุบัน
00:09:24 → 00:09:25 เนี่ยครับ
00:09:25 → 00:09:28 เราจะเห็นความขัดแย้ง
00:09:28 → 00:09:34 ความเอาชนะคานกันโดยที่เน้นไปที่
00:09:34 → 00:09:38 ต้องการเน้นว่าใครเก่งกว่าใครหรือใครชนะ
00:09:38 → 00:09:42 ใครใครเด่นกว่าใคร
00:09:42 → 00:09:47 แล้วผลก็คืออะไรครับผลก็คือเราจะหลุดออก
00:09:47 → 00:09:50 ไปจากข้อเท็จจริงที่มันควรจะเป็นจริงๆ
00:09:50 → 00:09:54 ว่าแท้ที่จริงแล้วใครใครผิด
00:09:54 → 00:09:58 เพราะมันโดนเบี่ยงเบนก็คือว่ามันมีอคติมา
00:09:58 → 00:09:59 บังตา
00:09:59 → 00:10:02 เราก็เลยไม่เห็นข้อเท็จจริงว่าจริงๆแล้ว
00:10:02 → 00:10:05 เรื่องนี้จริงๆมันควรจะเป็นยังไง
00:10:05 → 00:10:07 คุณระหว่างครับจริงๆแล้ว
00:10:07 → 00:10:12 สิ่งที่เราขัดแย้งอันนี้มันลามไปสู่ทุก
00:10:12 → 00:10:13 เรื่องนะครับ
00:10:13 → 00:10:16 ลามไปสู่เรื่องของเรื่องของสังคมเรื่อง
00:10:16 → 00:10:18 ของเศรษฐกิจเรื่องจริงๆเรื่องเกี่ยวกับ
00:10:18 → 00:10:22 การเมืองด้วยเพียงแต่ว่ารายการเราก็จะไม่
00:10:22 → 00:10:24 ค่อยแตะเรื่องเดียวกันเมือง
00:10:24 → 00:10:27 เราก็จะไม่ไปแตะตรงประเด็นนั้นแต่ถ้าคุณ
00:10:27 → 00:10:30 ผู้ฟังสังเกตดูดีๆเราจะพบว่า
00:10:30 → 00:10:34 รูปแบบแบบนี้เรื่องของการที่จะพยายามเอา
00:10:34 → 00:10:37 ชนะคะคานกันอยู่เหนือกัน
00:10:37 → 00:10:39 มันจะทำให้เรา
00:10:39 → 00:10:43 หลุดไปจากความเป็นจริงที่มันควรเป็นจริงๆ
00:10:43 → 00:10:46 แล้วทำให้เกิดอะไรขึ้นครับมันทำให้เกิด
00:10:46 → 00:10:52 ม่านมาบังตาแล้วอคติบางตามันทำให้เราหลุด
00:10:52 → 00:10:56 ไปจากความเป็นจริงที่คุณจะเป็น
00:10:56 → 00:11:00 พูดง่ายๆว่ากลายเป็นเหมือนกับการเถียงหัว
00:11:00 → 00:11:04 ชนฝานะครับทั้งๆที่ไม่ใช่เป็นแบบนั้นแต่
00:11:04 → 00:11:07 ความที่ต้องการเอาชนะคานกันเนี่ยก็เถียง
00:11:07 → 00:11:09 หัวชนฝา
00:11:09 → 00:11:11 ถ้าเราไม่พูดถึงเรื่องการเมืองนะครับผม
00:11:11 → 00:11:14 ฟังในเรื่องของสังคมผมจะยกตัวอย่างเรื่อง
00:11:14 → 00:11:18 หนึ่งก็ได้ว่าในสมัยก่อนแล้วมันจะทำให้
00:11:18 → 00:11:21 เราเห็นเลยว่ามันส่งผลต่ออะไรอย่างในสมัย
00:11:21 → 00:11:24 ก่อนเนี่ยมันจะมีความเห็นที่แตกต่างกัน
00:11:24 → 00:11:28 แล้วต้องการเอาชนะค้าขายกันบางคนก็จะบอก
00:11:28 → 00:11:31 ว่าผมยกตัวอย่างเรื่องในเรื่องสังคมนะ
00:11:31 → 00:11:32 ครับ
00:11:32 → 00:11:36 เรื่องการแยกขยะเนี่ยครับคุณผู้ฟังคนบาง
00:11:36 → 00:11:40 คนก็จะบอกว่าเวลาที่เราทิ้งขยะเราควรจะ
00:11:40 → 00:11:44 แยกขยะก็ทำให้เกิดอะไรขึ้นในภาคปฏิบัติก็
00:11:44 → 00:11:47 คือโอ้โหมีเวลาที่เราจะทิ้งขยะเนี่ยเราจะ
00:11:47 → 00:11:50 ต้องหาความรู้ใช่ไหมครับว่าถังขยะมีกี่
00:11:50 → 00:11:53 แบบแต่ละแบบมันสำหรับอะไร
00:11:53 → 00:11:56 มันทำให้คนบางคนก็บอกว่าโอ้โหชีวิตมันซับ
00:11:56 → 00:11:58 ซ้อนเกินไปหรือเปล่าเนี่ยเวลาจะทิ้งขยะ
00:11:58 → 00:12:03 เนี่ยมีถังขยะอยู่ 5 ใบ 50 แล้วขยะอันนี้
00:12:03 → 00:12:07 มันควรอยู่สีไหนเนี่ยเราก็งงพองงปุ๊บเกิด
00:12:07 → 00:12:11 ความขัดแย้งก็นำมาสู่อีกคนหนึ่งก็บอกว่า
00:12:11 → 00:12:14 โอ้ยไอ้การแยกขยะอย่างนี้มันไม่มี
00:12:14 → 00:12:18 ประโยชน์หรอกเสียเวลาเปล่าๆนะฮะเพราะอะไร
00:12:18 → 00:12:20 เพราะเกิดอะไรขึ้นเพราะเวลาที่คุณแยกไป
00:12:20 → 00:12:25 ถึงเวลาเทศบาลมาเก็บเขาก็ไปเทรวมกันอยู่
00:12:25 → 00:12:27 ดีแหละอย่างนี้เป็นต้น
00:12:27 → 00:12:29 คุณผู้ฟังเห็นไหมครับว่าพอมันเห็นต่างกัน
00:12:30 → 00:12:33 ในเรื่องๆนึงมันส่งผลต่อการปฏิบัติใน
00:12:33 → 00:12:37 เรื่องๆหนึ่งแล้วแต่ละคนก็จะเถียงหัวชนฝา
00:12:37 → 00:12:40 แต่ถ้าเกิดเราเอาข้อเท็จจริงที่มันควรจะ
00:12:40 → 00:12:43 เป็นจริงแล้วมาแบร์กันเลยว่าในที่สุดแล้ว
00:12:43 → 00:12:46 เรื่องไหนดีจริงๆอันไหนไม่ดีจริงๆโดยที่
00:12:46 → 00:12:49 ไม่เอาอคติเอาอคติออกไป
00:12:49 → 00:12:53 มันก็จะทำให้ความเป็นอยู่ในสังคมสงบราบ
00:12:53 → 00:12:54 รื่นขึ้นเรื่อยๆ
00:12:54 → 00:12:57 ถ้าไม่เช่นนั้นถ้าเกิดว่าจะเอาชนะค้าขาย
00:12:57 → 00:12:59 กันนะเอาหัวชนฝานะ
00:12:59 → 00:13:03 เรื่องนี้ก็มีแต่จะทำให้มันแตกแยกลามออก
00:13:03 → 00:13:04 ไปเรื่อยๆ
00:13:04 → 00:13:07 คุณฟังเห็นไหมครับว่าจากเรื่องของคำไม่
00:13:07 → 00:13:31 ออกเป็นเพื่อนสนิทแต่คิดต่างเนี่ย
00:13:31 → 00:13:35 เดี๋ยวช่วงนี้เราจะต้องพักสักครู่นะครับ
00:13:35 → 00:13:38 แล้วเดี๋ยวเรามาพบกันในช่วงหน้านะครับว่า
00:13:38 → 00:13:41 มันยังมีแง่คิดมุมมองอะไรอีกที่จะทำให้
00:13:41 → 00:13:45 ถ้าเราเข้าใจแล้วชีวิตเราก็จะมีความสงบ
00:13:45 → 00:13:49 ราบรื่นมีความสุขมากกว่านี้ช่วงนี้เราพัก
00:13:49 → 00:13:51 สักครู่ครับ
00:13:51 → 00:14:04 [เพลง]
00:14:04 → 00:14:07 ว่ายังไง
00:14:07 → 00:14:13 ให้พ่อ Dance
00:14:13 → 00:14:25 [เพลง]
00:15:15 → 00:15:16 [ปรบมือ]
00:15:16 → 00:15:23 [เพลง]
00:15:23 → 00:15:39
00:15:39 → 00:15:55 [เพลง]
00:15:55 → 00:16:03 จากคนลาว
00:16:03 → 00:16:27 [เพลง]
00:17:30 → 00:17:35 Oh My Love For Your World me
00:17:35 → 00:17:37 the way
00:17:37 → 00:17:40 Fire Way Yes
00:17:40 → 00:17:47 [เพลง]
00:17:47 → 00:18:00
00:18:00 → 00:18:03 ครับคุณผู้ฟังเราเข้าสู่ช่วงที่ 2 นะครับ
00:18:03 → 00:18:07 ของ podcast ศัลยกรรมความสุขนะครับตอนนี้
00:18:07 → 00:18:10 ก็ตอนที่มีชื่อเรียกว่าเพื่อนสนิทคิดต่าง
00:18:10 → 00:18:13 นะครับเราก็มักจะคิดว่าเพื่อนสนิทก็คือ
00:18:13 → 00:18:15 เพื่อนสนิทใช่ไหม
00:18:15 → 00:18:18 ก็รักใครกลมเกลียวนะครับคิดเห็นก็ไปในทาง
00:18:18 → 00:18:21 เดียวกันแต่จริงๆแล้วบางทีก็ไม่ใช่นะซึ่ง
00:18:21 → 00:18:25 มันก็มีตัวแปรอื่นๆแต่ในระดับของสังคมใน
00:18:25 → 00:18:28 ชีวิตปกติในสังคมปัจจุบันนี้ครับเป็นฝั่ง
00:18:28 → 00:18:29 เราจะเห็นความ
00:18:29 → 00:18:33 ความคิดต่างซึ่งไอ้ความที่ต่างเรานั้นมัน
00:18:33 → 00:18:37 ทำให้เราเนี่ยมีชีวิตที่ไม่ค่อยสงบราบ
00:18:37 → 00:18:39 รื่นนะครับแล้วก็อยู่มันจะอยู่จมอยู่ใน
00:18:39 → 00:18:42 ความขุ่นข้องหมองใจตลอดเวลา
00:18:42 → 00:18:44 ซึ่งมีหลายเรื่องมากเลยนะครับในระดับ
00:18:44 → 00:18:47 สังคมนะผมคงจะไม่ไปแตะเรื่องเกี่ยวกับ
00:18:47 → 00:18:50 ความเห็นต่างในเรื่องการเมืองนะครับแต่
00:18:50 → 00:18:53 ว่าเอาแค่เรื่องเกี่ยวกับสังคมนี่แหละ
00:18:53 → 00:18:57 มีอีกเยอะแยะมากมายครับผมมีเคยมีลูกศิษย์
00:18:57 → 00:19:00 อยู่คนนึงครับเขาก็
00:19:00 → 00:19:05 ไปเรียนไปเรียนเรื่องเกี่ยวกับการ
00:19:05 → 00:19:08 เล่นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนะครับไปจบ
00:19:08 → 00:19:11 เรื่องสิ่งแวดล้อมปริญญาโทมาจากต่าง
00:19:11 → 00:19:14 ประเทศเลยนะกลับมาเนี่ยเขาก็
00:19:14 → 00:19:17 เห็นต่างกับคนอื่นในเรื่องบางเรื่องแต่
00:19:17 → 00:19:20 ว่าถ้าเราวิเคราะห์ดูจริงๆแล้วเรามา
00:19:20 → 00:19:24 สังเกตจริงๆทีแรกเนี่ยทุกคนในหมู่เพื่อน
00:19:24 → 00:19:27 นะครับก็จะมองว่าไอ้คนนี้เป็นคนที่แปลก
00:19:27 → 00:19:32 เห็นต่างจากคนอื่นแล้วก็คอยเป็นคนขัดขวาง
00:19:32 → 00:19:35 คอยขัดแย้งแล้วก็จะมีความขุ่นมัวตลอดเวลา
00:19:35 → 00:19:37 เวลาที่เจอเรื่องนี้อะไรอย่างนี้นะฮะ
00:19:37 → 00:19:41 แต่พอเราวางไอ้ความนี้ลงอ่ะความรู้สึกว่า
00:19:41 → 00:19:42 เขาเป็นคนที่แบบ
00:19:42 → 00:19:45 พิลึกนะฮะคิดไม่เหมือนคนอื่นเนี่ยระหว่าง
00:19:45 → 00:19:46 กันพวกนี้ลงครับ
00:19:46 → 00:19:50 แล้วเราก็มาสังเกตแล้วเราก็มาสังเกตแล้ว
00:19:51 → 00:19:54 ก็เห็นพฤติกรรมเห็นเหตุการณ์ต่างๆมันทำ
00:19:54 → 00:19:58 ให้เราค่อยๆเข้าใจเขามากขึ้นนะครับคุณผู้
00:19:58 → 00:19:59 ฟัง
00:19:59 → 00:20:03 ประเด็นที่เขากำลังผมกำลังพูดถึงลูกศิษย์
00:20:03 → 00:20:05 คนนี้คืออะไรรู้ไหมคือเรื่องของ
00:20:05 → 00:20:08 สิ่งแวดล้อม
00:20:08 → 00:20:12 มันมีประเด็นที่เขารณรงค์กันเกี่ยวกับ
00:20:12 → 00:20:15 เรื่องสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับเรื่องโลกเรา
00:20:15 → 00:20:17 ทุกวันนี้มันร้อนนะ
00:20:17 → 00:20:19 เขาก็บอกว่าเรื่องหนึ่งที่ทำให้โลกร้อน
00:20:19 → 00:20:21 เกินก็คือ
00:20:21 → 00:20:23 เรื่องของสาร
00:20:23 → 00:20:25 อะไรบางอย่างที่เรื่องเกี่ยวกับ CFC
00:20:25 → 00:20:27 เรื่องพลาสติกเรื่องภาวะโลกร้อนเรื่อง
00:20:27 → 00:20:30 ภาวะเรือนกระจกอะไรของเขาเนี่ยนะในแง่ของ
00:20:30 → 00:20:32 นักวิชาการเขาก็อธิบายกันไปนะ
00:20:33 → 00:20:36 แต่ว่าส่งผลคืออะไรครับพอคนยกประเด็น
00:20:36 → 00:20:37 เหล่านี้ขึ้นมาเนี่ย
00:20:37 → 00:20:40 ก็ทำให้เกิดมาตรการครับมาตรการหนึ่งที่ผม
00:20:40 → 00:20:42 เชื่อว่าคุณผู้ฟังก็คงจะคุ้นเคยดีนะครับ
00:20:42 → 00:20:47 ว่าคือมาตรการลดการใช้พลาสติกนะฮะ
00:20:47 → 00:20:50 แล้วมาตรการลดการใช้พลาสติกเนี่ยส่งผลต่อ
00:20:50 → 00:20:55 วิถีชีวิตของเรามากพอสมควรนะครับคุณผู้
00:20:55 → 00:20:57 ฟังเคยเจอสถานการณ์ไหมครับว่าเราไปซื้อ
00:20:57 → 00:20:59 ของในห้างสรรพสินค้า
00:20:59 → 00:21:03 ซึ่งสมัยนี้เขาไม่ให้ถูกแล้วครับ
00:21:03 → 00:21:06 เขาไม่มีถุงให้ยุคแรกก็คือไม่ให้ถุง
00:21:06 → 00:21:08 พลาสติกเลยครับตอนนี้ถุงกระดาษก็ไม่ให้
00:21:08 → 00:21:13 แล้วครับเพราะว่าต้องการลดการใช้กระดาษลด
00:21:13 → 00:21:17 การใช้พลาสติกลดการใช้รถขยะลดปริมาณขยะ
00:21:17 → 00:21:20 อะไรก็ตามนี้นะครับก็เลยไม่ให้แล้วคาด
00:21:20 → 00:21:24 หวังว่าจะให้คนเนี่ยผู้ซื้อเนี่ยต้องถือ
00:21:24 → 00:21:28 ถุงผ้ามาเองอันนี้ก็เป็นเรื่องการรณรงค์
00:21:28 → 00:21:30 อันนี้ส่งผลต่อชีวิตแล้วนะครับผมเชื่อว่า
00:21:30 → 00:21:33 คุณผู้ฟังทุกท่านคงมีประสบการณ์พวกนี้
00:21:33 → 00:21:38 ไปซื้อของในร้านในห้างของเป็นถุงเป็นเล็ก
00:21:38 → 00:21:42 เป็นกล่องเล็กๆน้อยๆไม่มีถุงให้ครับแล้ว
00:21:42 → 00:21:46 จะหอบหิ้วมันไปยังไงแล้วตอนนี้ก็เป็นกองๆ
00:21:46 → 00:21:50 ก็หอบกันไปถ้าเกิดว่าใครที่เวลาไปซื้อของ
00:21:50 → 00:21:53 ก็ตื่นตัวเองใช่ไหมครับก็เกมถุงภาพไปก็
00:21:53 → 00:21:58 รอดตัวแต่ในชีวิตประจำวันครับคุณฟังทุก
00:21:58 → 00:22:01 ครั้งที่จะไปซื้อของก็มีถุงผ้าไปด้วยมัน
00:22:01 → 00:22:03 ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆนะครับเพราะหลายครั้ง
00:22:03 → 00:22:06 เราไม่ได้ตั้งใจไปซื้อครับแต่ไปถึงแล้ว
00:22:06 → 00:22:09 เอออุ๊ยเราต้องซื้อไอ้นั่นไอ้นี่พอดีแหละ
00:22:09 → 00:22:10 ก็ซื้อๆๆไป
00:22:10 → 00:22:13 มีกล่องเล็กกล่องน้อยถุงเล็กถุงน้อยถุง
00:22:13 → 00:22:16 ปรากฏว่าไม่ได้เตรียมไปซื้อของก็เลยไม่
00:22:16 → 00:22:18 ได้มีถุงผ้าไปด้วยอ่ะ
00:22:18 → 00:22:22 แต่ตอนนี้ในร้านขายของห้างสรรพสินค้าต่าง
00:22:22 → 00:22:25 ๆเขาก็ไม่มีถุงให้แล้วครับถุงพลาสติกก็
00:22:25 → 00:22:29 ไม่ให้แล้วถุงกระดาษก็ไม่ให้แล้วครับแล้ว
00:22:29 → 00:22:32 ทำยังไงหอบหิ้วไปลูกศิษย์ผมคนนี้ก็เลยบอก
00:22:33 → 00:22:36 ว่าสังเกตเห็นไหมล่ะตอนนี้การรณรงค์แบบ
00:22:36 → 00:22:39 นี้เขาบอกไม่ได้ลดการใช้ถุงพลาสติกเลย
00:22:39 → 00:22:41 เพราะอะไรครับเพราะ
00:22:41 → 00:22:46 พอเราไม่ได้เอาถุงผ้าไปห่อหิ้วแบบนั้น
00:22:46 → 00:22:47 เป็นไปไม่ได้
00:22:47 → 00:22:49 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
00:22:49 → 00:22:55 ห้างเขาไม่แจกครับแต่เขามีขาย
00:22:55 → 00:22:56 แสดงว่า
00:22:56 → 00:22:59 ไม่ได้ลดพลาสติกเลยอ่ะ
00:22:59 → 00:23:02 ก็ยังคงมีใช้เพียงแต่ว่าภาระมันไม่ได้ตก
00:23:02 → 00:23:04 อยู่ที่ห้างแล้วครับ
00:23:04 → 00:23:08 ภาระไปจบอยู่ที่คนซื้อของครับเพราะว่ายัง
00:23:08 → 00:23:12 คงต้องใช้แต่คราวนี้ไม่ฟรีมันเสียตังค์
00:23:12 → 00:23:14 อย่างนี้เป็นต้นลูกศิษย์ผมก็บอกเห็นไหม
00:23:14 → 00:23:17 ล่ะนี่ไงนี่ไงอีกคนหนึ่งก็จะมาเถียงว่า
00:23:17 → 00:23:21 นั่นแหละยังไงก็ตามทีมันก็ลดปริมาณของ
00:23:21 → 00:23:24 พลาสติกอยู่ดีแหละนะเพราะอะไรเพราะต้อง
00:23:24 → 00:23:27 เสียตังค์คนก็เลยไม่อยากเสียก็เลยจะไม่
00:23:27 → 00:23:31 ใช้บางคนก็จะไม่ใช้อย่างนี้เป็นต้นคุณก็
00:23:31 → 00:23:33 เห็นไหมครับว่า
00:23:33 → 00:23:35 ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นเนี่ยมันจะมีความ
00:23:35 → 00:23:37 ต่างเสมอในสังคม
00:23:37 → 00:23:40 ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทเพื่อนไม่สนิทรู้
00:23:40 → 00:23:43 จักกันไม่รู้จักกันเนี่ยมันก็จะเต็มไป
00:23:43 → 00:23:47 ด้วยแง่คิดมุมมองที่ต่างกันตลอดเวลา
00:23:47 → 00:23:52 ที่เราจะต้องถ้าเราเห็นต่างด้วยหลักเหตุ
00:23:52 → 00:23:54 ผลอันนี้ก็เรื่องหนึ่ง
00:23:54 → 00:23:57 แต่ถ้าเราเห็นต่างเพราะว่า
00:23:57 → 00:24:01 เราต้องการที่จะเอาชนะขาดคาน
00:24:01 → 00:24:04 ตอนนี้แหละครับประเด็นคือมันจะทำให้เรามี
00:24:04 → 00:24:10 ชีวิตอยู่อย่างขุดมัวแล้วก็ไม่สุขมันไม่
00:24:10 → 00:24:13 มีความสุขมันจะขุ่นมัวตลอดเวลา
00:24:13 → 00:24:16 ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงสภาพที่เราเห็น
00:24:16 → 00:24:18 อย่างที่ผมบอกเรื่องการไปซื้อของในห้าง
00:24:18 → 00:24:19 เนี่ย
00:24:19 → 00:24:23 พอห้างสรรพสินค้าถ้าไปเจอลูกค้าที่ซื้อ
00:24:23 → 00:24:25 เยอะๆเข้าเขากลัวเสียลูกค้าเขาทำยังไง
00:24:25 → 00:24:29 ครับเขาก็จะมีวิธีของเขานะ
00:24:29 → 00:24:34 บางทีเขาก็หลับหูหลับตาแจกให้ถุงพลาสติก
00:24:34 → 00:24:37 ไปอย่างนี้เลยหรือบางทีที่ผมเจอบ่อยๆก็
00:24:37 → 00:24:38 คือ
00:24:38 → 00:24:42 เขาก็ถ้าเป็นพวก Supermarket นะเขาก็จะ
00:24:42 → 00:24:43 เตรียม
00:24:43 → 00:24:45 เตรียมพวก
00:24:45 → 00:24:51 เป็นกล่องกระดาษไว้เขาก็จะถามเลยว่าความ
00:24:51 → 00:24:53 ที่อยากจะรักษาลูกค้าแล้วไม่อยากให้ลูก
00:24:53 → 00:24:55 ค้าเสียความรู้สึก
00:24:55 → 00:24:59 เขาก็จะอ่ะงั้นใส่กล่องกระดาษให้ไม่มีถุง
00:24:59 → 00:25:01 ให้แต่มีกล่องกระดาษเตรียมไว้ให้เป็น
00:25:01 → 00:25:04 กล่องกระดาษลังแข็งๆที่เขาใส่ของนะซื้อ
00:25:04 → 00:25:07 ของมาก็มาขายเนี่ยเขาก็เตรียมกล่องลูกค้า
00:25:07 → 00:25:11 ก็อ้าวดีกว่าหอบหิ้วของพะรุงพะรังก็เป็น
00:25:11 → 00:25:12 กล่องก็อย่างดี
00:25:12 → 00:25:15 คุณฟังเห็นไหมครับว่ามันก็จะมี
00:25:15 → 00:25:18 หนทางของมันไปแต่ว่า
00:25:18 → 00:25:22 ถ้าเรามองเหล่านี้อย่างไม่มีอคติเราจะไม่
00:25:22 → 00:25:26 ให้ขุ่นมัวแล้วเราก็จะไม่
00:25:26 → 00:25:28 ห่วงใจมาก
00:25:28 → 00:25:31 อีกเรื่องนึงที่ผมเคยมีประสบการณ์ด้วยตัว
00:25:31 → 00:25:33 เองจนถึงวันนี้ผมก็ยังเห็นว่ามันมีความ
00:25:33 → 00:25:34 ต่างนะ
00:25:34 → 00:25:36 แล้วผมก็ไม่เข้าใจด้วยนะ
00:25:36 → 00:25:41 คือในเมืองไทยเนี่ยครับถ้าเราไปกินอาหาร
00:25:41 → 00:25:45 ที่ร้านหนึ่งนะแล้วเราบอกว่าบางทีสมัยนี้
00:25:45 → 00:25:48 คนก็ไม่นิยมไปกินที่ร้านใช่ไหมครับเราไป
00:25:48 → 00:25:51 ที่ร้านเราสั่งอาหารแล้วก็จะบอกว่าเราไม่
00:25:51 → 00:25:52 กินที่ร้านเรากลับบ้านนะ
00:25:52 → 00:25:56 ในเมืองไทยนะ
00:25:56 → 00:26:01 เขาจะเพิ่มค่ากล่องเราต้องจ่ายเพิ่มถ้า
00:26:01 → 00:26:02 ซื้อกลับบ้านเนี่ยต้องจ่ายค่ากล่องเพิ่ม
00:26:03 → 00:26:05 อีก 5 บาท 10 บาทอันนี้เป็นมาตรการเลย
00:26:05 → 00:26:08 ครับในร้านทั่วไปในเมืองไทยเราจะเจอเลย
00:26:08 → 00:26:12 เขาจะบอกเลยว่าถ้าซื้อกลับบ้านเพิ่ม 5
00:26:12 → 00:26:15 บาทเลยครับเพราะว่าต้องใส่กล่องต้องใส่
00:26:15 → 00:26:18 ถุงต้องอะไรต่อหลายวุ่นวายไปหมดเนี่ยก็
00:26:18 → 00:26:21 คือเพิ่มไป 5 บาทครับอันนี้มาตรการใน
00:26:21 → 00:26:22 เมืองไทย
00:26:22 → 00:26:25 แต่มาตรการในเมืองในประเทศประเทศหนึ่งที่
00:26:25 → 00:26:28 ผมเคยไปเจอมาด้วยตัวเองตรงกันข้ามเลยครับ
00:26:28 → 00:26:32 คุณผู้ฟังอันนี้ที่ประเทศนิวซีแลนด์นะผม
00:26:32 → 00:26:34 ก็ไม่แน่ใจว่าสมัยนี้ยังเป็นอย่างนี้อยู่
00:26:34 → 00:26:37 หรือเปล่านะครับแต่ในยุคที่ผมเคยไป
00:26:37 → 00:26:39 แสดงแล้วมันบรรยายในนิวซีแลนด์แบบไปอยู่
00:26:39 → 00:26:42 ไปบรรยายในมหาวิทยาลัยเป็นเดือนเนี่ยเรา
00:26:42 → 00:26:45 ก็ต้องไปกินอาหารที่ร้านอาหารใช่ไหมครับ
00:26:45 → 00:26:47 ในนิวซีแลนด์มาตรการของเขาคือ
00:26:47 → 00:26:50 ถ้าเราไปกินอาหารที่ร้านนะครับและถ้าเรา
00:26:50 → 00:26:55 บอกว่าเราจะซื้อกับบ้านเราไม่นั่งกินที่
00:26:55 → 00:26:58 ร้านครับและนิวซีแลนด์ถ้าซื้อกับบ้านไม่
00:26:58 → 00:27:00 นั่งกินที่ร้านเขาลดราคาให้ครับ
00:27:00 → 00:27:03 เขาลดราคาให้ 5 บาทเลยครับ
00:27:03 → 00:27:07 เมืองไทยถ้าซื้อกลับบ้านบวกเพิ่ม 5 บาท 10
00:27:07 → 00:27:09 บาทเป็นค่ากล่องค่าถุงครับ
00:27:09 → 00:27:13 แต่ว่าในนิวซีแลนด์ถ้าไปซื้อกับบ้าน
00:27:13 → 00:27:17 เขาไม่บวกเพิ่มแต่เขาลดราคาให้ด้วยครับผม
00:27:17 → 00:27:20 ก็ไปถามร้านอาหารเนื่องจากว่าเคยไปกิน
00:27:20 → 00:27:23 ร้านอาหารไทยในนิวซีแลนด์ก็ถามบอกพี่
00:27:23 → 00:27:26 ในเมืองไทยซื้อกับบ้านต้องเพิ่มแต่ใน
00:27:26 → 00:27:30 นิวซีแลนด์ทำไมซื้อกลับบ้านเขาถึงลดราคา
00:27:30 → 00:27:35 ขั้นตอนคือเพราะว่าเขาถือว่าไม่ได้มานั่ง
00:27:35 → 00:27:38 ที่ร้านเขามีที่รอให้นั่งรอให้นิดหน่อย
00:27:39 → 00:27:42 แต่ว่าไม่ต้องมานั่งที่ร้านก็จะประหยัด
00:27:42 → 00:27:45 พื้นที่ของการนั่งเผื่อว่ามีลูกค้าเยอะไป
00:27:45 → 00:27:50 ได้ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ก็คือเขาก็ถือว่า
00:27:50 → 00:27:53 ไม่นั่งกินที่ร้านเนี่ยร้านก็ไม่ต้องหลัง
00:27:53 → 00:27:58 จากครับประหยัดค่าล้างจานค่าน้ำค่าแฟ้บใน
00:27:58 → 00:27:59 การล้างจานไป
00:27:59 → 00:28:02 เขาก็เลยมองว่าคนที่ซื้อกลับบ้านเนี่ย
00:28:02 → 00:28:06 ช่วยเขาประหยัดพวกนี้ไปเขาก็ได้ลดราคาให้
00:28:06 → 00:28:09 คุณฟังเห็นไหมครับว่าเรื่องของความคิด
00:28:09 → 00:28:13 เห็นที่ต่างกันเนี่ยต่างคนต่างก็มีเหตุผล
00:28:13 → 00:28:16 เป็นของตัวเองไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร
00:28:16 → 00:28:18 จะเป็นเพื่อนเป็นเพื่อนสนิทเพื่อนธรรมดา
00:28:18 → 00:28:20 หรือไม่ใช่เพื่อน
00:28:20 → 00:28:24 ทุกคนต่างก็มีความเห็นเป็นของตัวเอง
00:28:24 → 00:28:26 แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้วเนี่ยมัน
00:28:26 → 00:28:28 จะทำให้เรามีความรู้สึกว่า
00:28:28 → 00:28:33 เราไม่เอาอคติที่บังตามมาวิเคราะห์หรือมา
00:28:33 → 00:28:35 คิดว่าคนคนนี้เป็นใคร
00:28:35 → 00:28:39 แต่ถ้าเราเปิดใจกว้างแล้วหลุดออกมาจาก
00:28:39 → 00:28:41 อคติที่บังอยู่นะ
00:28:41 → 00:28:45 เราจะฟังแล้วเราก็จะเข้าใจเหตุผลของอีก
00:28:45 → 00:28:47 ฝั่งหนึ่งที่เห็นต่าง
00:28:47 → 00:28:50 เพื่ออะไรครับเพื่อเราจะได้มีชีวิตอยู่ใน
00:28:50 → 00:28:53 สังคมที่เต็มไปด้วยความเห็นต่างได้อย่าง
00:28:53 → 00:28:56 มีความสุขแล้วก็ไม่ขุ่นมัวนะครับถ้าเรา
00:28:56 → 00:29:00 เปิดใจแล้วก็ลดอคติลงไปคุณฟังครับ
00:29:00 → 00:29:03 ศัลยกรรมความสุขรายการที่จุดมุ่งเน้นให้
00:29:03 → 00:29:05 คุณผู้ฟังมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้นนะ
00:29:05 → 00:29:09 ครับโดยอาศัยคมความคิดของตัวเราเอง
00:29:09 → 00:29:11 ต้องขอบพระคุณคุณผู้ฟังทุกท่านที่ติดตาม
00:29:11 → 00:29:14 รับฟังรายการอยู่อย่างสม่ำเสมอนะครับวัน
00:29:14 → 00:29:17 นี้ผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ต้องขอลาไปก่อนนะ
00:29:17 → 00:29:18 ครับสวัสดีครับ
00:29:18 → 00:29:21 [เพลง]
00:29:21 → 00:29:24 รายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของไทย
00:29:24 → 00:29:29 pdash
00:29:29 → 00:29:38 และ YouTube
00:29:38 → 00:29:43 [เพลง]