00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world By The
00:00:05 → 00:00:08 Voice คำว่าปมในใจเนี่ยเอาข้อจริงๆอ่ะ
00:00:08 → 00:00:11 มนุษย์ทุกคนน่ะมันมีหมดแหละเพราะว่าชีวิต
00:00:11 → 00:00:14 มนุษย์คนนึงมันเกิดมามันไม่ได้อยู่ในทุ่ง
00:00:14 → 00:00:17 ดอกลาเวนเดอร์ชีวิตมันไม่ได้โรยด้วยกีบ
00:00:17 → 00:00:21 กุหลาบถึงแม้ว่าคุณจะยากดีมีจนทุกคนมันก็
00:00:21 → 00:00:24 จะมีความขัดแย้งในใจชีวิตมนุษย์น่ะถ้าเรา
00:00:24 → 00:00:28 จะมาคุ้ยเขี่ยหาปมกันนะมีเยอะมากแต่ถาม
00:00:28 → 00:00:32 ว่าปมนั้นเนี่ยมันมีผลต่อจิตใจมนุษย์หรือ
00:00:32 → 00:00:35 เปล่าก็ขึ้นอยู่กับว่าเราไปให้ค่าให้ราคา
00:00:35 → 00:00:37 กับมันมากน้อยแค่ไหนเพราะมนุษย์ทุกคนน่ะ
00:00:37 → 00:00:40 มีปมหมดแหละแต่ว่าก็ไม่ได้เป็นซึมเศร้า
00:00:40 → 00:00:45 กันทุกคนก็เป็นอยู่ที่ประมาณไม่เกิน
00:00:45 → 00:00:49 20% ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทย
00:00:49 → 00:00:53 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:53 → 00:00:57 ค่ะ this PBS podcast วันนี้ค่ะเราจะมา
00:00:57 → 00:01:01 พูดคุยกันถึงเรื่องของปมในใจทำให้เศร้า
00:01:01 → 00:01:03 จริงหรือเปล่าเป็นเพราะปมอะไรที่อยู่ในใจ
00:01:03 → 00:01:06 หรือเปล่านะคะหลายคนอาจจะมีภาวะแบบนี้
00:01:06 → 00:01:08 อยู่บ้างนะคะมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ
00:01:08 → 00:01:11 ที่มันยังแก้ไม่ได้มันเป็นปมก้อนใหญ่อยู่
00:01:11 → 00:01:13 มันก็เลยอาจจะทำให้เรายังอยู่ในภาวะของ
00:01:13 → 00:01:16 ความที่เอ่อเศร้าใจหรือว่าอาจจะรู้สึกไม่
00:01:16 → 00:01:19 ดีรู้สึกแย่อยู่นะคะเดี๋ยวคุยกันกับพัน
00:01:19 → 00:01:20 ตำรวจเอกหญิงแพทย์หญิงอัญชุลี
00:01:20 → 00:01:23 ธีระวงศ์ไพศาลจิตแพทย์นายแพทย์สบ 5 โรง
00:01:23 → 00:01:26 พยาบาลตำรวจคะสวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดีค่ะ
00:01:26 → 00:01:28 คุณลีแล้วก็สวัสดีคุณผู้ฟังทุกท่านด้วย
00:01:28 → 00:01:32 ค่ะค่ะปมใจทำให้เศร้าจริงหรือเปล่าไม่รู้
00:01:32 → 00:01:36 มีปมอะไรกันบ้างหลายคนอาจจะมีหลายๆปมเคย
00:01:36 → 00:01:39 มีหลายคนบอกว่าเอ่อที่ทุกวันเนี้ยมันมัน
00:01:39 → 00:01:42 ยังมีความรู้สึกแบบเศร้าอยู่ในบางเรื่องอ
00:01:42 → 00:01:44 เขาอาจจะเล่าให้เราฟังไม่หมดอ่ะนะคะแต่
00:01:44 → 00:01:49 ว่าเบอกว่ามันเป็นปมที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก
00:01:49 → 00:01:51 อืมบางอย่างทำให้ทุกวันเนี้ยก็ยังรู้สึก
00:01:51 → 00:01:54 แบบไปคิดถึงตรงจุดนั้นอยู่ทำให้บางอย่าง
00:01:54 → 00:01:57 เขาไม่สามารถสลัดความรู้สึกในในความรู้
00:01:57 → 00:02:00 สึกในใจตรงนั้นได้แล้วก็ยังรู้สึกว่ามัน
00:02:00 → 00:02:04 เป็นความรู้สึกแบบทำไมเต้องเจอแบบนี้ทำไม
00:02:04 → 00:02:06 ทุกวันนี้ที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าใน
00:02:06 → 00:02:08 สิ่งที่มันเป็นอดีตมันเป็นปมที่อยู่ในใจ
00:02:08 → 00:02:11 อะไรแบบเนี้ยไอ้พวกปมพวกเนี้ยที่เกิดขึ้น
00:02:11 → 00:02:14 ในอดีตมันสามารถทำให้เราเศร้ามาได้จนถึง
00:02:14 → 00:02:18 ทุกวันนี้ได้มยคือก็ต้องอ่ะคำว่าปมในใจ
00:02:18 → 00:02:22 เนี่ยภาษาอังกฤษก็ขอเรียกว่าคอนฟลิกนะคะ
00:02:22 → 00:02:24 มันก็เป็นความคอนฟลิกหรือว่าเป็นความขัด
00:02:24 → 00:02:28 แย้งในใจอ่ะซึ่งเอาเข้าจริงๆอ่ะมนุษย์ทุก
00:02:28 → 00:02:31 คนน่ะมันมีหมดแหละอืออืมันมีปมกันทุกคน
00:02:31 → 00:02:35 นั่นแหละจะแบบ 1 ปม 2 ปมแบบแสนปมล้านปม
00:02:35 → 00:02:38 มันก็มีทั้งนั้นน่ะเพราะว่าชีวิตมนุษย์คน
00:02:38 → 00:02:40 นึงมันเกิดมามันไม่ได้อยู่ในทุ่งดอก
00:02:40 → 00:02:44 ลาเวนเดอร์ชีวิตมันไม่ได้โรยด้วยกลีบ
00:02:44 → 00:02:48 กุหลาบถึงแม้ว่าคุณจะยากดีมีจนทุกคนมันก็
00:02:48 → 00:02:52 จะมีความขัดแย้งในใจไม่ว่าจะขัดแย้งต่อ
00:02:52 → 00:02:56 ตัวเราเองต่อคนรอบข้างแม้แต่กับบุพการี
00:02:57 → 00:03:00 พ่อแม่พี่น้องเพื่อนในวัยเด็กคุณคุณครู
00:03:00 → 00:03:04 ที่โรงเรียนสังคมที่เราอยู่ปลาๆาทุกสิ่ง
00:03:04 → 00:03:07 ทุกอย่างอ่ะค่ะคือชีวิตมนุษย์น่ะถ้าเราจะ
00:03:08 → 00:03:12 มาคุ้ยเขี่ยหาปมกันนะมีเยอะมีเยอะมากแต่
00:03:12 → 00:03:16 ถามว่าปมนั้นเนี่ยมันมีผลต่อจิตใจมนุษย์
00:03:16 → 00:03:19 หรือเปล่าค่ะก็ขึ้นอยู่กับว่าเราไปให้ค่า
00:03:19 → 00:03:22 ให้ราคากับมันมากน้อยแค่ไหนเรายังจมอยู่
00:03:22 → 00:03:28 กับอดีตมากน้อยแค่ไหนค่ะเนาซึ่งถามว่า
00:03:28 → 00:03:30 แล้วมันส่งผลทำให้ให้เป็นโรคซึมเช้าได้
00:03:30 → 00:03:34 มั้ยอคือมันก็อาจจะเป็นปัจจัยนึงที่ทำให้
00:03:34 → 00:03:37 แบบกระตุ้นกระตุ้นเรื่องเดิมซ้ำๆซ้ำๆแล้ว
00:03:37 → 00:03:41 ก็เกิดเป็นความเครียดนะคะแต่ว่าถ้า
00:03:41 → 00:03:43 ปัจจุบันเนี่ยเขาบอกว่าโรคซึมเศร้าอ่ะมัน
00:03:43 → 00:03:47 เกิดจากการทำงานผิดปกติของสารเคมีในสมอง
00:03:47 → 00:03:50 เนาะที่ทำให้พัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าเพราะ
00:03:50 → 00:03:52 ฉะนั้นถ้าถามว่าปมในใจทำให้เกิดโรคซึม
00:03:52 → 00:03:56 เศร้าไหมคือตอบว่าไม่ดีกว่าคือมันอาจจะ
00:03:57 → 00:04:01 เป็นแค่ปัจจัยกระต้นเนาะแต่ว่าไม่ได้แบบอ
00:04:01 → 00:04:05 เป็นโซึมเศร้าเพะมนุษย์ทุคน่ะปหมดแะแต่
00:04:05 → 00:04:08 ว่าก็ไม่ได้เป็นซึมเศร้ากันทุกคนก็เป็น
00:04:08 → 00:04:10 อยู่ที่ประมาณไม่เกิน
00:04:10 → 00:04:14 20% คือชีวิตนึงชีวิตนึงมนุษย์ทั่วโลก
00:04:14 → 00:04:18 เนี่ยก็จะซึมเศร้ากัน 5 คนก็จะเคยซึม
00:04:18 → 00:04:20 เศร้าอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิตอ่ะ 1 คน
00:04:20 → 00:04:24 ค่ะก็ไม่ได้ว่าเป็นทุกคนอคือหมายความว่า
00:04:24 → 00:04:26 จริงๆแล้วปมพวกเนี้ยมันมันคือมันมีอยู่
00:04:26 → 00:04:28 ทุกคนอยู่แล้วแต่แค่ว่าบังเอิญจังหวะตรรง
00:04:28 → 00:04:32 นั้นพอดีมันไปเจอปมตรงนี้พอดีเจอเรื่อง
00:04:32 → 00:04:35 ราวที่มันไปขุดปมนี้ที่เอ้ยเราเคยมีความ
00:04:36 → 00:04:38 รู้สึกแบบนี้มามันก็เลยทำให้เราอาจจะแบบ
00:04:38 → 00:04:43 ว่าเกิดอาการได้ค่ะก็คือแบบคือคนเราทุกคน
00:04:43 → 00:04:46 น่ะค่ะเรามีปมในใจมีเรามีคอนฟลิกเรามี
00:04:46 → 00:04:50 ความขัดแย้งในใจนี่แหละอือๆแต่มันก็เป็น
00:04:50 → 00:04:53 อดีตอ่ะบางทีลืมไปแล้วด้วยซ้ำใช่มันลืมไป
00:04:53 → 00:04:57 แล้วแต่วันนึงวันดีคืนดีเราอาจจะดูละคร
00:04:57 → 00:05:00 แล้วนางเอกนี่แบบชีวิตเหมือนเรามาก
00:05:00 → 00:05:05 เอมันกในใขึ้นว่าบเฮ้ยเหมือนฉันเลยอ่ะ
00:05:05 → 00:05:07 แล้วเราก็อาจแบบรู้สึกกระวกระวรู้สึกไม่
00:05:07 → 00:05:11 สบายใจกับมันแต่พอสักพักนึงอ่ะถ้าเราทำใจ
00:05:11 → 00:05:14 ได้เนี่ยเราก็จะมองแค่เออมันก็เป็นแค่
00:05:14 → 00:05:17 อดีตที่มันผ่านมาแล้วมันก็เป็นสิ่งที่เรา
00:05:17 → 00:05:21 แก้ไขไม่ได้แต่เราสามารถแก้ผลกระทบที่มัน
00:05:21 → 00:05:25 มีต่อจิตใจเราอ่ะให้มันน้อยลงได้คือณวัน
00:05:25 → 00:05:28 นั้นน่ะเรายังเด็กอยู่เราอาจจะรับมือกับ
00:05:28 → 00:05:31 ความขัดแยงคอนฟลิกตรงนั้นได้ไม่ดีแต่ตอน
00:05:31 → 00:05:35 เนี้ยเราตัวแล้วเราเป็นผู้ใหญ่แล้วเออเรา
00:05:35 → 00:05:38 จะไม่ปล่อยให้ปมอันนั้นน่ะมันมีอิทธิพล
00:05:38 → 00:05:41 มันส่งผลต่อการตัดสินใจหรือการใช้ชีวิตใน
00:05:41 → 00:05:44 ปัจจุบันของตัวเราเองอือฮึซึ่งเอาาแหละ
00:05:44 → 00:05:48 มันก็ต้องใช้ระยะเวลาอีกะในการที่จะเรียน
00:05:48 → 00:05:51 รู้แล้วก็ไม่เอาสิ่งบางอย่างที่มันเป็นปม
00:05:51 → 00:05:54 ในใจขึ้นมาให้มันเป็นสิ่งที่แบบโอ้โหทำ
00:05:54 → 00:05:57 ให้ใจมันแย่หรือว่ามันเป็นขยะที่มันแบบทำ
00:05:57 → 00:06:00 ให้เราต้องมามีพฤติกรรมที่ไม่ดีออกมาเป็น
00:06:00 → 00:06:02 เพราะปมที่เกิดขึ้นในอดีตอะไรแบบนี้ด้วย
00:06:02 → 00:06:06 ค่ะคือมนุษย์เราอ่ะบางทีเราผ่านเหตุการณ์
00:06:06 → 00:06:09 มาตั้งไม่รู้แบบเรื่องราวต่างๆความเจ็บ
00:06:09 → 00:06:13 ปวดความเศร้าความเสียใจบางทีอ่ะเรากลบ
00:06:13 → 00:06:16 เรื่องนั้นไปละเราลืมมันไปละค่ะอแล้วพอ
00:06:16 → 00:06:19 วันดีคืนดีเนี่ยมันอาจจะมีอะไรบางอย่างทำ
00:06:19 → 00:06:22 ให้เรานึกขึ้นมาอีกเราก็อาจจะแบบเกิดความ
00:06:22 → 00:06:26 ทุกข์ความเศร้าแต่ว่าถ้าเราสามารถแบบดีล
00:06:26 → 00:06:29 จัดการกับมันบางทีเราอาจจะจัดการเราอาจจะ
00:06:29 → 00:06:33 กลบได้ดีกว่าสมัยเมื่อครั้งแรกที่มันผ่าน
00:06:33 → 00:06:37 มาเราอาจจะเติบโตเราอาจจะมองเห็นแบบเออ
00:06:37 → 00:06:39 ข้อดีหลายๆอย่างเราอาจจะเข้มแข็งเราอาจจะ
00:06:39 → 00:06:43 สตรองขึ้นแล้วก็ไม่ไม่ทำให้ปมเนี้ยมัน
00:06:43 → 00:06:47 อยู่กับเราแบบไปไปตลอดกาลแล้วก็ไม่ทำให้
00:06:47 → 00:06:50 มันส่งผลทำให้เราซึมเศร้าได้เราจำเป็น
00:06:50 → 00:06:52 ต้องเคลียร์ปมอะไรทุกอย่างที่อยู่ในชีวิต
00:06:52 → 00:06:55 ขนาดนั้นมยคะแบบเพื่อจะแบบว่าเออมันไม่มา
00:06:55 → 00:06:58 ส่งผลกระทบต่อไปในอนาคตอีกต่อขงหน้าเนี้ย
00:06:58 → 00:07:02 ค่ะก็บคือต้องบอกว่าเดี๋ยวเนี้ยบางทีมัน
00:07:02 → 00:07:05 จะมีแบบนักจิตบำบัดหรือว่าไล้โค้ชหรือ
00:07:06 → 00:07:08 อะไรสักอย่างเนี่ยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญใน
00:07:08 → 00:07:14 การคุ้ยเขี่ยหาปมของของคนมาให้คำปรึกษา
00:07:14 → 00:07:17 บางทีคุ้ยเขี่ยขึ้นมาแล้วคนไข้ก็แบบเกิด
00:07:17 → 00:07:20 ัชเกิดวิตกกังวลเกิดแบบเหมือนเรื่องที่
00:07:20 → 00:07:23 ลืมไปแล้วมันขุดกลับมาใหม่แล้วแล้วไม่
00:07:23 → 00:07:26 สามารถแบบกบให้เขาดีๆเขาก็กลับมาเครียด
00:07:26 → 00:07:28 ใหม่จากเรื่องที่ผ่านมาตั้งหลาย 10 ปี
00:07:28 → 00:07:31 แล้วก็มีเหมือนกันอ๋อแล้วก็เกิดเป็นอาการ
00:07:31 → 00:07:34 ซึมเศร้าวิตกกังวลอะไรก็มาพบจิตแพทย์ก็มี
00:07:34 → 00:07:39 เหมือนกันเนาะสรุปว่าออยู่กับปัจจุบันคือ
00:07:39 → 00:07:43 บางทีมันไม่จำเป็นที่เราจะต้องมาคุ้ย
00:07:43 → 00:07:45 เขี่ยทุกบมปัญหาในชีวิตอ่ะไม่ต้องเคลียร์
00:07:45 → 00:07:48 ขนาดนั้นก็ได้ไม่ต้องขนาดนั้นเอาแค่ว่า
00:07:48 → 00:07:51 แบบเอออยู่กับปัจจุบันถ้าเรานึกถึงความ
00:07:51 → 00:07:55 เจ็บปวดในอดีตอันนี้ขึ้นมาได้เราก็แค่แบบ
00:07:55 → 00:07:58 เออทำใจแล้วก็ยอมรับแล้วก็ผ่านมันไปอย่าง
00:07:58 → 00:08:02 เงี้ยค่ะอือ่ะอ่ะยกยกตัวอย่างก็ได้สมมุติ
00:08:02 → 00:08:07 ว่าอ่ามีคนนึงสมมุติเคยอ่ะมีแฟนเป็นนัก
00:08:07 → 00:08:10 บินใช่มั้ยคะเออก็แบบเป็นแฟนรักไข้กม
00:08:10 → 00:08:13 เกียววันนึงแบบนักบินก็เกิดไปกิ๊กกับ
00:08:13 → 00:08:17 แอโฮสเตดอย่างเงี้ยเออเสร็จก็เป็นเหตุให้
00:08:17 → 00:08:20 เลิกลากันมาแล้วผู้หญิงคนเนี้ยถ้าเกิดแบบ
00:08:20 → 00:08:24 เขาเคลียร์ปมตัวเองไม่ดีอ่ะบางทีเขาก็จะ
00:08:24 → 00:08:27 เกลียดนักบินเกลียดแฮตอะไรอย่างเงี้ยเออ
00:08:27 → 00:08:30 เหมือนแบบพอไปขึ้นเวินเห็นแอร์โฮสเตจสวยๆ
00:08:31 → 00:08:34 ขึ้นมาก็จะรู้สึกหงุดหงิดแบบเป็นปมอือาจ
00:08:34 → 00:08:37 จะวีนเหวี่ยงใส่แอร์โฮสเตจคนอื่นซึ่งไม่
00:08:37 → 00:08:40 ได้เกี่ยวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยคือแอร์
00:08:40 → 00:08:44 hostage ดีๆนิสัยดีๆแบบนักบินที่ไม่เจ้า
00:08:44 → 00:08:47 ชู้เป็นคนดีรักครอบครัวอะไรมันก็มี
00:08:47 → 00:08:51 ไงใช่บางคนแบบเหมือนมันเป็นปมในใจว่าแบบ
00:08:51 → 00:08:55 ฉันเคยแบบถูกแฟนนอกใจแบบมันไปกิ๊กกันมัน
00:08:55 → 00:08:58 ไปบินด้วยกันแล้วมันก็แบบเออนอกใจฉันอะไร
00:08:58 → 00:09:00 บางคน
00:09:00 → 00:09:03 ความเ็ปดเครียดแค้นแล้วบางทีนะชีวิตมันก็
00:09:03 → 00:09:06 เหมือนละครมันก็เหมือนเล่นตลกกับเรานะพอ
00:09:06 → 00:09:09 แบบตัวเองก็แต่งงานมีครอบครัวแล้วมีลูก
00:09:09 → 00:09:11 สาวลูกสาวดันอยากเป็น
00:09:11 → 00:09:15 แอร์โฮสเตจเออคนเป็นแม่ก็ไม่ได้นะอาชีพ
00:09:15 → 00:09:17 นี้มันไม่ดีห้ามเป็นเด็ดขาดมีลูกชายลูก
00:09:18 → 00:09:21 ชายอาจจะอยากเป็นนักบินขึ้นมาไม่ได้แบบ
00:09:21 → 00:09:25 เพราะว่าแม่มีปมไงแม่ก็เอาแบบปมในอดีตของ
00:09:25 → 00:09:28 ตัวเองเนี่ยเอาไปส่งผลกระทบต่อตัวเองแล้ว
00:09:28 → 00:09:32 ก็คนรอบข้างนี่มันละครชัดๆเลยจริงค่ะละคร
00:09:32 → 00:09:35 กับชีวิตจริงมีจริงเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็
00:09:35 → 00:09:39 ต้องแบบเออเข้าใจเนาะว่าอ่ามันเป็นธรรมดา
00:09:39 → 00:09:44 ก็มีรักมีฤกษ์มีรักมีหมดรักคือเ้าไม่มีคน
00:09:44 → 00:09:47 อื่นเออก็ก็ปล่อยเค้าไปเถอะเคถ้าเขาคคิด
00:09:47 → 00:09:49 ว่าชีวิตเค้าอ่ะไม่มีเราดีกว่าเขาคเห็นคน
00:09:50 → 00:09:53 อื่นดีกว่าเราก็ปล่อยเขาไปไปเลยอืเออแล้ว
00:09:53 → 00:09:56 ถ้าเราเคลียร์ปมนี้ได้เราก็ไม่ต้องเกลียด
00:09:56 → 00:10:00 นักบินไม่ต้องเกลียดแฮเสษกเราก็จะสามารถ
00:10:00 → 00:10:04 แบบเออเป็นเพื่อนเป็นหรือไม่ได้เป็น
00:10:04 → 00:10:06 เพื่อนไปขึ้นเครื่องบินเราก็ไม่ต้องไป
00:10:06 → 00:10:09 แกล้งไปบินไปเหวี่ยงไปอะไรเ้าใช่มั้ยคะ
00:10:10 → 00:10:12 เอออันนี้ยกยกตัวอย่างให้เห็นแบบจะได้
00:10:12 → 00:10:15 เห็นภาพชัดเจนหรือหรือแม้กระทั่งชื่ออ่า
00:10:15 → 00:10:19 นี้น่าจะชัดเจนแบบโอ้ยชื่อคนนี้ปึ๊บๆคนคน
00:10:19 → 00:10:22 นี้คือแบบเฮ้ยพอไปเจอใครที่ชื่อนี้เราก็
00:10:22 → 00:10:25 พานไปหมดแล้วเราไม่อยากได้ยินชื่อเอออะไร
00:10:26 → 00:10:27 อย่าเงี้ยอ่ะมันต้องมีแหละมันต้องมีคุณ
00:10:28 → 00:10:30 ผู้ฟังที่ฟังรายการอยู่อาจจะมีแนวฟีลลิ่ง
00:10:30 → 00:10:33 แบบนี้บ้างอยู่เหมือนกันเออแต่อันถ้า
00:10:33 → 00:10:35 อย่างเงี้ยปมเนี้ยมันก็ไม่ได้ถึงขนาดทำ
00:10:35 → 00:10:37 ให้เราซึมเศร้าได้เนาะมันก็ไม่ได้ขนาด
00:10:37 → 00:10:40 นั้นนะหรือเป็นเพราะว่าเอ่อตอนนั้นน่ะมัน
00:10:40 → 00:10:43 ก็มีอาการแหละซึมเศร้าว่าไปแต่ว่าพอผ่าน
00:10:43 → 00:10:45 ระยะเวลานึงหรืออะไรอย่างเงี้ยมันก็ดี
00:10:45 → 00:10:48 ขึ้นอืเอิ่มเวลามาเล่าอย่างเงี้ยมันก็จะ
00:10:48 → 00:10:52 สนุกสนานได้เออแต่ตอนนั้นน่ะไม่เลยนะมัน
00:10:52 → 00:10:55 แย่นะเอาเอาอีกตัวอย่างนึงปมอีกปมนึง
00:10:55 → 00:10:58 สมมุติว่าเราอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่คุณ
00:10:58 → 00:11:03 พ่อเจ้าชูไงแล้วคุณพ่อก็แบบชอบมีกิ๊กมี
00:11:03 → 00:11:05 เมียน้อยมีอะไรแบบเนี้ยเออแล้วเราก็รู้
00:11:05 → 00:11:09 สึกแบบไม่ชอบพ่อเราที่พ่อเราอ่ะแบบเจ้า
00:11:09 → 00:11:12 ชู้ใช่มั้ยคะเอทำไมรักแม่เราเออใช่แบบไม่
00:11:12 → 00:11:15 ซื่อสัตย์ไม่รักครอบครัวบลาๆๆเสร็จแล้วก็
00:11:15 → 00:11:19 เก็บปมเนี้ยไว้ในใจแล้วพอเราเติบโตขึ้น
00:11:19 → 00:11:22 น่ะอือฮึเชื่อไมว่ามันจะมีแบบเขาเรียก
00:11:22 → 00:11:24 repetitive compulsive อ่ะมันเป็นกลไก
00:11:24 → 00:11:28 ทางจิตอย่างนึงอ่ะที่เวลาที่เราแบบเก็บกด
00:11:28 → 00:11:32 เรื่องอะไรบงอย่างอ่ะเราจะไปเสาะแสวงหา
00:11:32 → 00:11:36 ปรากฏว่าคนมันจะมีคนกลุ่มนึงอ่ะที่พ่อ
00:11:36 → 00:11:39 เจ้าชู้แล้วตัวเองก็ไม่ชอบคนเจ้าชู้แต่ไป
00:11:39 → 00:11:44 ได้แฟนเจ้าชู้เหมือนพ่อตัวเองเป๊ะก็เรา
00:11:44 → 00:11:46 พยายามในการที่จะแบบว่าเอ้ยฉันไม่ชอบแบบ
00:11:46 → 00:11:49 เนี้ยเออฉันก็หาหาแฟนที่แบบไม่เจ้าชู้อ่ะ
00:11:50 → 00:11:52 เ้าทำไมได้คนเจ้าชู้อ่ะใช่นี่แหละเพราะ
00:11:52 → 00:11:56 ว่าคือเหมือนเรามีปมแล้วเราไม่ได้เคลียร์
00:11:56 → 00:12:00 กับมันแล้วเสร็จปึ๊บมันเป็น
00:12:00 → 00:12:02 competitive repetitive compulsive
00:12:02 → 00:12:05 คือเหมือนมันเป็นกลไกทางจิตอย่างนึงที่
00:12:05 → 00:12:08 เราก็จะแบบไปตกหลุมรักคนนั้นน่ะเหมือน
00:12:08 → 00:12:12 เป็นการแบบลงโทษตัวเองอเหมือนเป็นการแบบอ
00:12:12 → 00:12:15 เออส่วนนึงเหมือนแบบฉันฉันก็ไม่ชอบพ่อฉัน
00:12:15 → 00:12:19 เกลียดพ่อแต่ส่วนนึงฉันก็รักเค้าเออแบบ
00:12:19 → 00:12:22 มันเป็นเรื่องกลไกทางจิตอ่ะที่มันขัดแย้ง
00:12:22 → 00:12:26 กันแปลกๆใช่นี่แหละมนุษย์เราอ่ะบางทีมัน
00:12:26 → 00:12:29 มีความขัดแย้งกันซับซ้อนมากเนาะมันเป็น
00:12:29 → 00:12:32 แบบเหมือนจิตใต้สำนึกอ่ะที่เขาบอกว่าเรา
00:12:32 → 00:12:35 ไม่ชอบอะไรเรามักจะได้อย่างนั้นน่ะเออเออ
00:12:35 → 00:12:38 เช่นเราแบบเกลียดคนเจ้าชู้แต่เราก็แบบก็
00:12:38 → 00:12:41 เจอแต่คนเจ้าชู้ตลอดเลยคือคนดีๆเรียบร้อย
00:12:41 → 00:12:44 Family Man มาชอบเราก็ไม่ชอบเค้าไม่มี
00:12:44 → 00:12:47 เสน่ห์ไม่ดึงดูดแต่พอมีคนไหนแบบเออแบบ
00:12:47 → 00:12:51 เจ้าชู้อ่ะเออเราก็รู้สึกแบบชอบรู้สึกหลง
00:12:51 → 00:12:54 เสน่ห์มันท้าทายด้วยมั้ยคะคุณหมอว่าถ้า
00:12:54 → 00:12:56 เกิดเราสามารถที่จะแบบหยุดคนนี้ได้แล้ว
00:12:56 → 00:13:00 หยุดที่ฉันเนี่ยมันจะแบบว่านี่ไงฉันชนะ
00:13:00 → 00:13:03 แล้วเสเธอไม่สามารถเจ้าชู้ได้อีกต่อไปถอด
00:13:03 → 00:13:05 เขี้ยวเลฟอะไรแบบเยมันถึงมันมันได้มั้ย
00:13:05 → 00:13:08 เกี่ยวมั้ยอ่ะอใช่ก็ส่วนใหญ่จิตวิทยาคน
00:13:08 → 00:13:11 ที่มีแฟนเจ้าชู้อ่ะอือฮึส่วนนึงก็พ่อแบบ
00:13:11 → 00:13:16 นี้แหละคิดว่าฉันจะหยุดเา้าได้คิดว่าความ
00:13:16 → 00:13:19 รักของเราจะทำให้เขาดีขึ้นได้คิดว่าฉันจะ
00:13:19 → 00:13:23 สามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้คิดว่าแบบเออเาจะ
00:13:23 → 00:13:27 มาสยบอยู่ที่ฉันได้อมในใจตอนนั้นมันนำมา
00:13:27 → 00:13:29 สู่การที่จะแบบท้าทาย
00:13:29 → 00:13:33 ใช่ใช่หรือบางคนรู้สึกแบบพ่อเจ้าชู้แล้ว
00:13:34 → 00:13:38 ก็ไม่ชอบแม่ทำไมแม่ต้องยอมอ่าเออทำไมแบบ
00:13:38 → 00:13:41 ทำไมแม่ไม่เลิกกับพ่อเลยทำไมแม่ต้องแบบ
00:13:41 → 00:13:44 ยอมให้พ่อทำนี่นู่นนั่นทำไมแม่ไม่ไปตบ
00:13:44 → 00:13:47 เมียน้อยทำไมแม่อยู่เฉยๆไงเออมันก็เป็น
00:13:48 → 00:13:52 แบบความแบบขัดแย้งภายในพอโตขึ้นมาตัวเอง
00:13:52 → 00:13:56 ก็ไปชอบผู้ชายอือๆแบบพ่อตัวเองอ่ะอาฮะ
00:13:56 → 00:13:59 เสร็จละบางคนอาจจะมีปฏิกิยาเหมือนแม่ตัว
00:13:59 → 00:14:03 เองเป๊ะเลยที่แบบด่าแม่ว่าแม่แบบเป็นซอร์
00:14:03 → 00:14:06 แม่แบบไปยอมตัวเองก็ยอมเหมือนแม่เลยแต่
00:14:06 → 00:14:10 มันจะมีอีกกลุ่มนึงที่ลุกขึ้นมาตรงข้าม
00:14:10 → 00:14:14 กับแม่ไปเฉ่งผัวไปตบเมียน้อยไปเหมือนแบบ
00:14:14 → 00:14:18 ได้แก้แค้นว่าเอปมตัวเองในอดีตอะไรอย่าง
00:14:18 → 00:14:21 เงี้ยค่ะเออแปลกดีเหมือนกันเนาะทำไมมัน
00:14:21 → 00:14:25 ถึงมีความแปลกๆขัดแย้งมันซึ่งอันเนี้ยบาง
00:14:25 → 00:14:28 ทีการที่เราเรียนจิตวิทยามันจะทำให้เรา
00:14:28 → 00:14:31 แบบเข้าใจตัวเองมากขึ้นน่ะอพอเราเข้าใจ
00:14:31 → 00:14:34 เราอ๋อที่เราเป็นแบบเนี้ยเพราะแบบนี้นี่
00:14:34 → 00:14:38 เองพอเราเข้าใจปึ๊บเราจะมีสติมากขึ้นที
00:14:38 → 00:14:41 นี้เวลาที่เราแบบเจอคนเจ้าชู้เราก็จะแบบ
00:14:41 → 00:14:45 ว่าอ๋อเออมันไม่ใช่แบบที่เราต้องการนะเออ
00:14:45 → 00:14:48 เราไม่ต้องแบบเหมือนพ่อแม่เราก็ได้อะไร
00:14:48 → 00:14:53 อย่าเงี้ยเออคือคือในในสมัยก่อนเนี่ยคืออ
00:14:53 → 00:14:56 โอเคเาอาจจะต้องแบบว่ารักษาสถานภาพทาง
00:14:56 → 00:14:59 ครอบครัวเป็นห่วงลูกหรืออะไรอย่าเงี้ยก็
00:14:59 → 00:15:01 คนสมัยก่อนจะยอมเนาะค่ะเออแต่ถ้าเป็นยุค
00:15:01 → 00:15:04 นี้น่าจะไม่ค่อยยอมเนาะใช่น่าจะต้องแบบ
00:15:04 → 00:15:07 ว่าไม่เป็นไรฉันสามารถเลี้ยงตัวเองได้ดู
00:15:07 → 00:15:10 แลตัวเองได้ดูแลครอบครัวดูแลลูกตัวเองได้
00:15:10 → 00:15:14 ไม่จำเป็นต้องมีเธอเธออยากจะไปอะไรก็ไป
00:15:14 → 00:15:17 มันมันอาจจะทำให้แบบปมในใจมันดีขึ้นก็ได้
00:15:17 → 00:15:20 นะถ้าเกิดว่าเคยเจอในสถานการณ์ที่พ่ออาจ
00:15:20 → 00:15:25 จะเจ้าชู้ค่ะเออมันก็มีหลายๆอย่างอ่ะนะ
00:15:25 → 00:15:29 เพราะฉะนั้นน่ะปมในใจอ่ะมันก็มีกันทุกคน
00:15:29 → 00:15:32 แหละอือยู่ที่ว่าเราจะแบบเอามาเป็นสาระ
00:15:32 → 00:15:36 ของชีวิตหรือเปล่าโหแต่บางคนจริงจังนะแต่
00:15:36 → 00:15:38 ว่าถ้าเราเข้าใจอย่างเงี้ยอย่างอ่ะยกยก
00:15:38 → 00:15:41 ตัวอย่างตัวเองก็ได้ของหมอแบบเนี้ยค่ะอฮ
00:15:41 → 00:15:45 คือหมออ่ะจะชอบซื้อเสื้อผ้าชอบแต่งตัวสวย
00:15:45 → 00:15:49 ๆค่ะคือชอบช้อปปิ้งชอบซื้อเพราะว่าเราก็
00:15:49 → 00:15:52 เข้าใจตัวเองนะอันนี้เราเรียนมาเนเราก็
00:15:52 → 00:15:55 เข้าใจตัวเองว่าเพราะว่าตอนเด็กๆอ่ะคือ
00:15:55 → 00:16:00 แม่แบบมีมีลูกหลายคนมีลูก 6 คนอือแล้วเรา
00:16:00 → 00:16:04 ก็แบบไม่ได้แบบรวยมากอ่ะแม่ก็กำลังก่อ
00:16:04 → 00:16:06 สร้างเนื้อส้างตัวแล้วคือเราอ่ะเป็นเด็ก
00:16:06 → 00:16:10 เฮาเงี่ยักสวยักงแต่เด็กเออแล้วก็แบบเป็น
00:16:10 → 00:16:13 เด็กแบบแฟชั่นเออเราก็เห็นเสื้อผ้าสวยๆ
00:16:13 → 00:16:16 เราก็อยากได้แล้วคือด้วยความที่เราแบบ
00:16:16 → 00:16:20 เป็นลูกสาวคนที่ 4 อ่ะเราก็จะได้รับ
00:16:20 → 00:16:24 เสื้อผ้าที่ต่อจากพี่มาพี่คนที่ 1 คนที่ 2
00:16:24 → 00:16:27 คนที่ 3 ก็เป็นความรู้สึกอย่างนึงที่แบบ
00:16:27 → 00:16:30 เหมจริงๆเหมือนเป็นปมอย่างใชเหมือนเหมือน
00:16:30 → 00:16:34 เป็นมในใจเออแล้วเวลาไปห้างไปอะไรเราก็
00:16:34 → 00:16:36 แบบเห็นชุดสวยแล้วก็ร้องไห้อยากได้แล้ว
00:16:37 → 00:16:40 แม่ก็ไม่ซื้อให้แม่ก็แบบใจแข็งมากแม่ก็
00:16:40 → 00:16:42 แบบไม่ได้เดี๋ยวลูกจะเอาแต่ใจตัวเอง
00:16:42 → 00:16:46 เดี๋ยวลูกจะแบบไม่สปอยใช่ไม่สปอยร้องก็
00:16:46 → 00:16:49 ร้องไปเลยแหกปากไปเลยกลางห้างแม่ก็เดินจน
00:16:49 → 00:16:53 แบบหยุดร้องเองเออคือแม่สตรองมากพอ
00:16:53 → 00:16:56 ปัจจุบันนี้เนี่ยเราก็เห็นอะไรสวยๆเราก็
00:16:56 → 00:17:00 อยากซื้ออยากจะรูดปื๊ดๆดปื๊ดเออแต่พอแบบ
00:17:00 → 00:17:03 เออเราโตขึ้นเราเข้าใจตัวเองมากขึ้นเราก็
00:17:03 → 00:17:06 ทำความเข้าใจว่าเออเราก็เข้าใจแม่ไม่ต้อง
00:17:06 → 00:17:10 ไปกวดแม่นะคือแม่มีลูกตั้ง 6 คนน่ะเขา
00:17:10 → 00:17:13 สามารถทำงานแล้วก็ส่งเสียลูกพวกเราให้จบ
00:17:13 → 00:17:17 ปริญญาตรีมีการศึกษาได้ทุกวันนี้ก็ดีมาก
00:17:17 → 00:17:21 แล้วแม่เลี้ยงเรามาได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว
00:17:21 → 00:17:23 แม่อาจจะไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าอย่างชุดนัก
00:17:23 → 00:17:27 เรียนน่ะเปิดเทอมใหม่อ่ะนานมากเลยประมาณ
00:17:27 → 00:17:30 2-3 ปีหมอถึงจะได้ชุดใหม่อ่ะคือที่เหลือ
00:17:30 → 00:17:34 จะใส่ใส่ต่อพี่นอกจากพี่ใส่แบบเย็นมากถึง
00:17:34 → 00:17:37 จะได้ชุดใหม่แบบเงี้ยเออพอเราโตขึ้นพอเรา
00:17:37 → 00:17:39 เข้าใจอย่างเงี้ยเราก็จะไม่โกรธพ่อโกรธ
00:17:39 → 00:17:43 แม่นะเออเราก็จะรักพ่อรักแม่เราก็จะเออ
00:17:43 → 00:17:47 ไม่เคืองเเออถ้าเกิดว่าเราคิดในแง่ลบแบบ
00:17:47 → 00:17:50 ทำไมแม่ไม่รักฉันซื้อให้แต่พี่อืเกิดความ
00:17:50 → 00:17:52 อิจฉาริษยาขึ้นมาถูกต้องเกิดความน้อย
00:17:53 → 00:17:56 เนื้อต่ำใจกลายเป็นปมในใจอะไรอย่างเงี้ย
00:17:56 → 00:17:59 เออแล้วก็ไม่มีความสุขไงความสุกเดี๋ยวนี้
00:17:59 → 00:18:02 พอของอะไรออกใหม่ก็ซื้อแหลกเลยทีนี้แต่ที
00:18:02 → 00:18:05 เนี้ยพอเราแบบเออเข้าใจตรงนั้นมันก็ไม่
00:18:05 → 00:18:09 เป็นปมเราก็จะรู้ว่าเออเราก็ซื้อได้บ้าง
00:18:09 → 00:18:12 อย่างเงี้ยเอออ่ะเงินเดือนออกอ่ะแบ่งส่วน
00:18:12 → 00:18:15 นึงเอาไปซื้อบ้างซื้อให้ตัวเองมีความสุข
00:18:15 → 00:18:20 ซื้อแบบเออแล้วบางทีก็พออยากได้ก็อ่ะๆนึก
00:18:20 → 00:18:23 นึกถึงตอนเด็กๆที่ร้องไห้แล้วก็อยากได้
00:18:23 → 00:18:26 แล้วแม่ไม่ซื้อให้อะไรอย่างเงี้ยเราก็แบบ
00:18:26 → 00:18:30 เออเหมือนเหมือนปอบเด็กในตัวเรา
00:18:30 → 00:18:34 ไม่มันก็ไม่ได้สวยเท่าหรชุดนั้นเออบางที
00:18:34 → 00:18:37 เราก็แค่แบบอยากเอาชนะแม่เท่านั้นเองอะไร
00:18:37 → 00:18:39 อย่างเงี้ยเออไม่ซื้อไม่เป็นไรเดี๋ยวมี
00:18:39 → 00:18:41 ตังค์เราค่อยซื้อก็ได้แบบเยค่ะเหมือนว่า
00:18:41 → 00:18:45 หาเหตุหาผลมาซัพพอร์ตในสิ่งที่มันเคยเป็น
00:18:45 → 00:18:48 ปมของเราแต่ว่าเป็นเป็นเหตุเป็นผลจริงๆนะ
00:18:48 → 00:18:51 ไม่ใช่เป็นเหตุที่เราซัพพอร์ตเพื่อแบบว่า
00:18:51 → 00:18:53 ลบมันไปหรือล้างมันไปแล้วมันก็ยังเป็นปม
00:18:53 → 00:18:56 อยู่แบบนั้นมันไม่หายไปแต่อันนี้คือใช
00:18:56 → 00:19:00 เอ่อเหตุผลในการที่จะแบบอ๋อมันเป็นเหตแบบ
00:19:00 → 00:19:02 นั้นนะเข้าใจมากขึ้นแล้วไม่ไม่เป็นปมละ
00:19:02 → 00:19:06 เข้าเรใช่การเข้าใจการยอมรับคืออดีตเนี่ย
00:19:06 → 00:19:08 มันเกิดขึ้นแล้วเราไม่สามารถย้อนเวลาหา
00:19:08 → 00:19:12 อดีตกลับไปเปลี่ยนอดีตอะไรได้แต่เรา
00:19:12 → 00:19:16 สามารถอยู่กับปัจจุบันแล้วก็ทำความเข้าใจ
00:19:16 → 00:19:20 กับอดีตที่มันเกิดขึ้นเหมือนเป็นคนดูอ่ะ
00:19:20 → 00:19:23 เออเหมือนแบบแล้วเราก็ต้องรู้จักแบบปลอบ
00:19:23 → 00:19:27 ใจความเด็กของเราในวันนั้นน่ะเออให้เคแบบ
00:19:27 → 00:19:31 ตบเตเติบโตขึ้นเช่นแบบเออก็แม่ไม่มีตังค์
00:19:31 → 00:19:34 จริงๆเนาะถ้าแม่ซื้อให้ลูก 6 คนปาน
00:19:34 → 00:19:38 นี้อาจจะแบบเป็นหนี้อะไรอย่างเงี้ยเออถ้า
00:19:38 → 00:19:40 พอเราเข้าใจเสร็จเราก็เออไม่เป็นไรหรอก
00:19:40 → 00:19:44 เราก็ยอมรับมันเราก็จะอยู่แบบแล้วก็จะมี
00:19:44 → 00:19:47 ความสุขขึ้นกับปัจจุบันแทนที่เราจะมองแบบ
00:19:47 → 00:19:50 น้อยเนื้อต่ำใจใช่มยเราก็มองว่าเออแม่
00:19:50 → 00:19:53 เก่งมากเลยนะเลี้ยงลูกมาได้ขนาดนี้ตัวเรา
00:19:54 → 00:19:58 เราเก่งมากเลยนะเราอยู่แบบเออบนความแบบ
00:19:58 → 00:20:02 ไม่ไม่มีได้แบบอยู่เท่าที่มีได้แบบเยค
00:20:02 → 00:20:05 แล้วบางทีอ่ะถ้าเราเรามีปมถ้าเรามีปมนี้
00:20:05 → 00:20:08 แล้วมันไม่แก้ไขนะรู้มั้ยคะพอเรามีลูกอ่ะ
00:20:08 → 00:20:11 เราจะสปอยลูกอ๋อเพราะเราเคยแบบไม่ได้ถูก
00:20:11 → 00:20:14 ตามใจแบบนั้นเมื่อก่อนลูกฉันได้ทุกอย่าง
00:20:14 → 00:20:16 เลยทีนี้หมอเนี่ยต้องเลี้ยงลูกอย่างมีสติ
00:20:16 → 00:20:20 เพราะว่าเรารู้ว่าตอนเด็กอ่ะเราแบบขาดแคน
00:20:20 → 00:20:23 เราอยากได้ของเล่นเราก็ไม่ได้เราอยากได้
00:20:23 → 00:20:26 เสื้อผ้าสวยๆเราก็ไม่ได้พอวันที่เรามีลูก
00:20:26 → 00:20:30 แล้วเรามีศักยภาพที่เราจะให้ลูกได้อ่ะอ
00:20:30 → 00:20:33 เออมันจะมีคนอยู่ประเภทนึงนะสปล่อยลูกแบบ
00:20:33 → 00:20:37 ซื้อแหลกตอนเด็กแบบกูไม่ได้อ่ะเออลูกอยาก
00:20:37 → 00:20:42 ได้ชุดไหนจัดๆๆเอลสงเอลซ่าแบบเอออะไรจัด
00:20:42 → 00:20:45 ให้ลูกทุกอย่างของเล่นของเล่นแบบเปยลูก
00:20:45 → 00:20:48 มากลูกก็กลายเป็นแบบเสียนิสัยเอาแต่ใจตัว
00:20:48 → 00:20:51 เองแบบอยากได้อะไรก็ต้องได้ใช่มั้ยคะ
00:20:51 → 00:20:54 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราเข้าใจปมในอดีตของ
00:20:54 → 00:20:57 เราว่าเออมันเป็นอดีตนะมันผ่านมาแล้วมัน
00:20:57 → 00:21:00 จบมาแล้วนะเออแล้วเราก็ใช้ชีวิตอย่างสม
00:21:00 → 00:21:04 เหตุสมผลเอออย่างหมอเนี่ยหมอก็จะไม่สปอย
00:21:04 → 00:21:08 ลูกมากคือเราก็จะให้เขาแบบพอดีไม่ได้ให้
00:21:08 → 00:21:12 มากจนเกินไปไม่ได้ให้มากจนโอเวอร์แต่ก็
00:21:12 → 00:21:14 ไม่ได้แบบไม่ให้เลยเราก็ต้องไม่เป็นแม่
00:21:14 → 00:21:18 เราในอดีตเออๆๆก็อยู่ทางสายกลางเพราะเรา
00:21:18 → 00:21:22 เข้าใจแล้วว่าการไม่ได้มันรู้สึกแบบไหน
00:21:22 → 00:21:24 ใช่การถ้าเกิดเราสปอยมากเกินไปอ่ะมันจะ
00:21:24 → 00:21:27 เกิดอะไรขึ้นเพราะเรารู้ไงถูแล้วบางทีอ่ะ
00:21:27 → 00:21:30 ถ้าเราไปเรียนแบบแแม่เรามากคือแบบไม่สปอย
00:21:30 → 00:21:34 ไม่ให้ไม่ให้อะไรบ้างเลยอย่างเงี้ยมันก็
00:21:34 → 00:21:37 จะส่งต่อทำให้ลูกอ่ะเก็บกดไงก็เป็นปมอีก
00:21:37 → 00:21:40 ใช่ลูกก็จะกลายเป็นปมโตมาลูกก็จะเป็นแบบ
00:21:40 → 00:21:43 เราอีกปมปมนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องถ่าย
00:21:43 → 00:21:47 ทอดทางพันธุกรรมนะคะไม่ใช่บางทีมันแบบส่ง
00:21:47 → 00:21:51 ต่อนะส่งต่อกันเป็นมรดกตกทอดแบบแนวคิด
00:21:51 → 00:21:55 ต่างๆมันแบบเออเรื่องของจิตใจมนุษย์อ่ะ
00:21:55 → 00:21:57 มันบางทีมันก็แปลกเนาะอะไรที่เราไม่ชอบ
00:21:58 → 00:22:01 อ่ะเราก็เป็นอือๆเอออะไรที่เราไม่อยาก
00:22:01 → 00:22:03 เป็นเราก็เป็นอะไรอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้น
00:22:03 → 00:22:07 น่ะต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติสรุปคืออดีต
00:22:07 → 00:22:10 ผ่านมาแล้วอ่ะปล่อยมันไปเถอะเอออยู่กับ
00:22:10 → 00:22:15 ปัจจุบันใช้เหตุใช้ผลมีแบบใช้ทางสายกลาง
00:22:15 → 00:22:18 เออเอาแบบนะแล้วก็มีความสุขกับชีวิตแค่
00:22:18 → 00:22:22 นั้นแหละไม่ต้องไปคุขียหาปมถึงแม้ว่าจะ
00:22:22 → 00:22:25 อยากรู้ว่าแบบคลายปมคลายปมยังไงถ้าเกิด
00:22:25 → 00:22:27 มันไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้นอย่างที่คุณ
00:22:27 → 00:22:30 หมอบอกตั้งแต่ต้นมันเป็นสาระสำคัญในชีวิต
00:22:30 → 00:22:32 หรือเปล่าปมนั้นน่ะมันมีผลกระทบกับชีวิต
00:22:32 → 00:22:35 ในปัจจุบันหรือเปล่าถ้ามีอ่ะก็ต้องไปหาคน
00:22:36 → 00:22:38 ที่จะช่วยในเรื่องคลายปมอย่างถูกต้อง
00:22:38 → 00:22:42 เหมาะสมใช่ค่ะมาปรึกษาจิตแพทย์ก็ได้นะคะ
00:22:42 → 00:22:44 แบบหมอเนี่ยคนไข้อ่ะมาพร้อมกับปมกันเยอะ
00:22:44 → 00:22:47 มากเลยเออมาเจอหมอทีเดียวเท่านั้นแหละ
00:22:47 → 00:22:50 คลายเสร็จหายกลับบ้านเอคล้ายๆไปนวดคลาย
00:22:50 → 00:22:54 เส้นเออใช่ปมบางทีก็แบบเออเอามาคุยกันเอา
00:22:54 → 00:22:58 มาขยี้บางทีถ้าเขายังทำใจไม่ได้นะวันนั้น
00:22:58 → 00:23:03 น่ะก็ต้องให้เวลาเนะอเอออย่างคนไข้หมอ
00:23:03 → 00:23:06 จำนวนมากเลยนะมีปมกับพ่อกับแม่ตัวเองอ่ะ
00:23:06 → 00:23:09 เออเออเสร็จแล้วก็รู้สึกกิลตี้ไงรู้สึก
00:23:09 → 00:23:13 ผิดที่แบบเฮ้ยทำไมแบบเราไปแบบไม่ชอบแม่
00:23:13 → 00:23:16 ตัวเองแบบนั้นนี่นู่นนั่นใช่มั้ยคะบางที
00:23:16 → 00:23:20 ก็มาหาหมอเออหมอก็จะบอกว่าเออเนี่ยคุณน่ะ
00:23:20 → 00:23:24 มีปัญหาขัดแย้งกับพ่อแม่นี่นู่นๆก็ให้เขา
00:23:24 → 00:23:28 แบบเออเข้าใจอ่ะเข้าใจพ่อแม่ว่ามนุษย์ทุก
00:23:28 → 00:23:31 คนเกิดมาไม่ได้จะเกิดมาเป็นพ่อแม่ดีเด่น
00:23:31 → 00:23:34 ทุกคนอพ่อแม่อ่ะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดเท่า
00:23:34 → 00:23:39 ที่เขาทำได้ณณตรงนั้นน่ะเทำได้แค่นี้แหละ
00:23:39 → 00:23:42 เออเราแค่ยอมรับว่าเออเขาคทำได้เท่านี้
00:23:42 → 00:23:46 แล้วเขาก็ไม่ได้แบบเรียนเป็นนักติดวิทยา
00:23:46 → 00:23:48 เป็นจิตแพทย์ที่เขาจะมาเข้าใจจิตใจลูกใช่
00:23:48 → 00:23:50 มั้ยหรือแม้แต่เป็นเนี่ยบางทีก็ยังไม่
00:23:50 → 00:23:54 เข้าใจจเหมือนกันเออเพราะฉะนั้นน่ะก็ยอม
00:23:54 → 00:23:57 รับอดีตที่มันเกิดขึ้นทุกเรื่องราวเนาะ
00:23:57 → 00:24:01 ยอมรับมันแล้วเราไม่ต้องแบบมาแบบนั่งแบบ
00:24:01 → 00:24:04 เป็นคนน่าสงสารเป็นคนแบบมีปมด้อยอยู่นั่น
00:24:04 → 00:24:07 แหละเอาปมมาทำให้แบบตัวเองดูน่าสงสารแล้ว
00:24:07 → 00:24:10 ก็แบบเอแล้วก็แบบทำให้ตัวเองแบบซึมเศร้า
00:24:10 → 00:24:14 ทำให้บางทีแบบเหมือนเอามาเป็นจุดเด่นของ
00:24:14 → 00:24:16 ตัวเองอ่ะมันเรียกร้องความสนใจผสมอยู่
00:24:16 → 00:24:19 ด้วยมั้ยคุณหมอใช่นั่นแหละเหมือนแบบโอ๊ยน
00:24:19 → 00:24:23 น่าสงสารอะไรเงี้ยก็ต้องบอกว่าแบบโอ๊ยไม่
00:24:23 → 00:24:26 ได้น่าสงสารเลยเออมนุษย์ทั้งโลกก็เป็นแบบ
00:24:26 → 00:24:29 เนี้ยเอยตัวอย่างอย่าเช่นแบบเดี๋ยวนี้
00:24:29 → 00:24:32 เนาะพ่อแม่อาจจะแบบเลิกการหย่าล้างกัน
00:24:32 → 00:24:35 เยอะอ่ะอ่าง่ายๆเออเพราะฉะนั้นน่ะเด็ก
00:24:35 → 00:24:37 ความจริงแล้วอ่ะเด็กส่วนใหญ่เลยนะจะเกิด
00:24:38 → 00:24:41 มาในครอบครัวที่พ่อแม่เลิกราากันซึ่งตรง
00:24:41 → 00:24:44 เนี้ยบางคนแบบถ้าจะเก็บเอามาเป็นปมอ่ะมัน
00:24:44 → 00:24:48 ก็เป็นได้ไงอืเออแบบว่าเออเนี่ยพ่อแม่
00:24:48 → 00:24:53 เลิกกันฉันแบบเออเกิดมาแบบกำพ้าพ่อกำพ้า
00:24:53 → 00:24:55 แม่แบบดรามุ่งดราม่ากับชีวิตตัวเองแล้วก็
00:24:55 → 00:24:59 แบบมานั่งซึมเศร้าแบบเงี้ยความจริงอ่ะแหก
00:24:59 → 00:25:04 ตาดูหน่อยเออเนี่ยทั่วโลกอ่ะคนเก็พ่อแม่
00:25:04 → 00:25:07 เลิกลากันมีเยอะแยะก็ไม่เห็นจะมีใครเก็
00:25:07 → 00:25:10 เติบโตมาแบบสมบูรณ์มีความสุขได้ก็แค่เข้า
00:25:10 → 00:25:13 ใจว่าเออคนเรามันรักกันมันก็มีหมดรักกัน
00:25:13 → 00:25:17 มันก็เลิกกันได้ไม่เป็นไรพ่อแม่เลิกกันก็
00:25:18 → 00:25:20 ไม่เป็นไรดีกว่าแบบมาอยู่ด้วยกันแล้วก็
00:25:20 → 00:25:24 ทุบตีทะเลาะกันเครียดกว่าเดิมหนักกว่า
00:25:24 → 00:25:27 เดิมนะคะเพราะฉะนั้นน่ะถ้าคุณเคลียร์ปม
00:25:27 → 00:25:30 ตัวเองไม่ได้เชิญค่ะพบจิตแพทย์ค่ะพบหมอ
00:25:30 → 00:25:34 ได้ค่ะเชิญที่ห้องปวดพบหเข้าคิวหน่อยนะคะ
00:25:34 → 00:25:37 ได้ค่ะน่าจะคนไข้เยอะอะไรประมาณนี้อ่ะนี้
00:25:37 → 00:25:40 ก็เป็นสิ่งที่แบบว่าบางอย่างไม่จำเป็น
00:25:40 → 00:25:43 ต้องไปขุดไปเอาปมนั้นขึ้นมาหรือเอาปมมา
00:25:43 → 00:25:45 เป็นทำให้ตัวเองเนี่ยมาสร้างดราม่าให้กับ
00:25:45 → 00:25:48 ชีวิตในปัจจุบันบางทีมันไม่ได้มีอะไรเลย
00:25:48 → 00:25:50 ถ้าย้อนกลับไปบางทีอาจจะเป็นในมุมความคิด
00:25:51 → 00:25:53 ของตัวเองในขณะนั้นพอโตมาแล้วเฮ้ยมันไม่
00:25:53 → 00:25:55 ใช่เป็นแบบนั้นนี่หว่าใช้เหตุผลมีสติ
00:25:55 → 00:25:57 เพราะว่าคุยกับคุณหมอมาหลายๆครั้งเนี่ย
00:25:57 → 00:26:00 คุณหมอจะเน้นเรื่องของการมีสติแล้วก็ทาง
00:26:00 → 00:26:04 สายกลางเป็นเหตุเป็นผล 3 ข้อนี้หลักๆนะคะ
00:26:04 → 00:26:07 แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆอันนี้คือพบกับคุณหมอ
00:26:07 → 00:26:10 ได้ค่ะค่ะขอบคุณคุณหมอค่ะสวัสดีค่ะขอบคุณ
00:26:10 → 00:26:12 ค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังเพลิด
00:26:12 → 00:26:15 เพลินกันไปหมดเวลาแล้วนะคะเราจะกลับมาพูด
00:26:15 → 00:26:17 คุยกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอ Thai
00:26:17 → 00:26:20 PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดี
00:26:20 → 00:26:24 ค่ะ This Is Thai PBS podcast ดวงตา
00:26:24 → 00:26:26 ของสุนัขมีลักษณะขุ่นมัวมีสาเหตุเกิดจาก
00:26:26 → 00:26:29 อะไรผู้ช่วยศาสตอาจารย์นายศตวแพทย์ดรรดิ์
00:26:30 → 00:26:32 รุ่งเรืองกิจไกลจากคณะสัตวแพทยศาสตร์
00:26:32 → 00:26:36 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเล่าให้ฟังครับ
00:26:36 → 00:26:40 ต้องบอกว่าตาขุ่นมัวตาขุ่นคือภาพที่เรา
00:26:40 → 00:26:43 มองเห็นจากภายนอกว่าเอ๊ะโดยปกติแล้วเนี่ย
00:26:43 → 00:26:46 ดวงตาของสุนัขก็จะใสมีแววตาเป็นประกายแต่
00:26:46 → 00:26:48 เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มสังเกตว่าตาของ
00:26:48 → 00:26:51 เขาเนี่ยตัวที่กระจกตาเขาไม่เป็นปกติไม่
00:26:51 → 00:26:54 ใสไม่ดูเงาเหมือนปกติแล้วเนี่ยไอันนั้น
00:26:54 → 00:26:56 แหละคือลักษณะที่ผิดปกติแล้วซึ่งจริงๆ
00:26:56 → 00:26:59 แล้วเนี่ยความผิดปกติของของดวงตาของสุนัข
00:26:59 → 00:27:01 มันมีหลายอย่างเลยเราอาจจะเห็นเป็นตา
00:27:01 → 00:27:06 ลักษณะเป็นลักษณะแแดงๆมีรอยช้ำๆมีรอยเอ่อ
00:27:06 → 00:27:09 สีแดงๆมีน้ำตาไหลเยอะมีขี้ตาอะไรต่างๆ
00:27:09 → 00:27:11 เหล่านี้ก็เป็นความผิดปกติที่สามารถเจอ
00:27:11 → 00:27:14 ได้ที่ดวงตาของสุนัขทีนี้พอพูดถึงเรื่อง
00:27:14 → 00:27:17 ตาขุ่นเนี่ยตาขุ่นมันมีจากหลายหลายสาเหตุ
00:27:17 → 00:27:20 มากค่ะภาพที่เราเห็นจากเดิมที่ควรจะเป็น
00:27:20 → 00:27:23 ลูกตาลูกตาใสๆเนี่ยลูกกตานี้ดูไวได้เลย
00:27:23 → 00:27:25 เพราะพูดคำว่าลูก
00:27:25 → 00:27:29 กตาลูกตาใสๆเนี่ยกลายเป็นสีขาวหรือขุ่น
00:27:29 → 00:27:32 ขึ้นมาเนี่ยมันมีปัจจัยมีสาเหตุมีอะไร
00:27:32 → 00:27:35 หลายๆอย่างคือคือปกติแล้วบางทีเนี่ยอาการ
00:27:35 → 00:27:37 ที่เา้าเป็นเพียงเล็กน้อยเราอาจจะสังเกต
00:27:37 → 00:27:39 ไม่เห็นซึ่งถ้าเป็นเพียงเล็กน้อยแล้วเรา
00:27:39 → 00:27:42 รักษามันก็คือจบก็ผ่านกระบวนการขั้นตอน
00:27:42 → 00:27:45 การรักษาไปได้ได้ประสบความสำเร็จได้อย่าง
00:27:45 → 00:27:48 รวดเร็วแต่ถ้าเกิดว่าเป็นโดยปกติแล้ว
00:27:48 → 00:27:51 เนี่ยเวลาเจอเนี่ยเรามักจะเจอตอนอาการที่
00:27:51 → 00:27:53 เห็นค่อนข้างเยอะแล้วคือถ้าถ้าอย่าง
00:27:53 → 00:27:56 สาเหตุหลักๆที่บอกที่บอกว่าทำให้เกิดการ
00:27:56 → 00:27:58 ขุ่นของของตัวตาที่เรามองเห็นได้เนี่ยอาจ
00:27:59 → 00:28:01 จะเกิดจากเรื่องต้อกระจกต้อหินหรือว่าแผล
00:28:01 → 00:28:04 หลุมที่กระจกตาซึ่งในกรณีที่แผลหลุมที่
00:28:04 → 00:28:06 กระจกตาเนี่ยถ้าเป็นในปริมาณเล็กๆเนี่ย
00:28:06 → 00:28:08 บางทีเราอาจจะยังไม่สังเกตอาการเริ่มแรก
00:28:09 → 00:28:11 อาจจะยังเห็นไม่ชัดค่ะซึ่งถ้าเป็นตัวคน
00:28:11 → 00:28:12 เราหรือเป็นเด็กเนี่ยอาจจะบอกได้ว่าเออมี
00:28:12 → 00:28:15 การเจ็บตานะแต่ในในสุนัขเนี่ยเขาบอกเรา
00:28:15 → 00:28:17 ไม่ได้อาการที่เขาแสดงออกอาจจะเห็นว่ามี
00:28:18 → 00:28:21 น้ำตาไหลเริ่มมีการเอาหน้าไปถูๆอะไรต่างๆ
00:28:21 → 00:28:23 เหล่านั้นเราอาจจะต้องสังเกตตั้งแต่แรกๆ
00:28:23 → 00:28:26 แต่ส่วนใหญ่เท่าที่เจอแล้วเนี่ยมักจะเจอ
00:28:26 → 00:28:30 ตอนที่เริ่มมีปปัญหาการขุ่นมากจนกระทั่ง
00:28:30 → 00:28:33 เรามองเห็นแล้วอ่ะ
00:28:33 → 00:28:37 ครับ This Is tha PBS
00:28:37 → 00:28:41 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:28:41 → 00:28:42 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:28:42 → 00:28:58 www.thaipbs.or.th
00:28:58 → 00:29:01 อ