00:00:00 → 00:00:12 [เพลง]
00:00:13 → 00:00:16 พี่หมอครับสวัสดีครับทุกคนครับสวัสดีครับ
00:00:16 → 00:00:20 พี่หมอสวัสดีครับครับสวัครับสวัสดีนะ
00:00:20 → 00:00:23 สวัสดีทุกคนเลยครับผมครับ
00:00:23 → 00:00:26 ผมวันนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดีวันนี้เราจะ
00:00:26 → 00:00:30 คุยกันถึงเรื่องศาตัวนึงซึ่งเป็นผลพวงมา
00:00:30 → 00:00:35 จากการเผาผลาญพลังงานไขมันน่ะนะฮะครับนะ
00:00:35 → 00:00:37 สำหรับกลุ่ม low cf High Good Fat
00:00:37 → 00:00:40 เนี่ยเป้าหมายอ่ะหรือที่หมายสำคัญเลยก็
00:00:40 → 00:00:43 คือคือการเผาผลาพลังงานไขมันให้ดีที่สุด
00:00:43 → 00:00:46 แล้วเราก็หวังหวังสารตัวนึงอ่ะที่จะเกิด
00:00:46 → 00:00:50 ขึ้นที่เรียกว่าคีโตนนะฮะคีโตนครับครับ
00:00:50 → 00:00:53 แล้วก็ใน House of ฮอร์โมนเนี่ยเราถือ
00:00:53 → 00:00:56 ว่าคีโตนเนี่ยเขเป็นพระเอกที่สำคัญในบ้าน
00:00:56 → 00:01:00 นี้แต่แต่เขาไม่ได้ว่า
00:01:00 → 00:01:03 จะมาแสดงตัวแสดงตนหรือว่าอยู่ในบ้านแบบ
00:01:03 → 00:01:06 เปิดเผยอะไรอย่างนั้นน่ะนะฮะอืเพราะว่า
00:01:06 → 00:01:09 House of โมนเนี่ยบ้านเนี้ยหรือร่างกาย
00:01:09 → 00:01:13 ของเราเนี่ยระบบฮอร์โมนที่สำคัญก็คือต้อง
00:01:13 → 00:01:16 มีตัวพ่อตัวแม่แล้วก็ตัวลูกๆหรือหลานหลาน
00:01:16 → 00:01:19 นะแล้วก็โดยเฉพาะอินซูลินเราก็รู้แล้วว่า
00:01:19 → 00:01:22 เขเป็น King of ฮอร์โมนคือฮอร์โมนพ่อ
00:01:22 → 00:01:26 บ้านและเป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดนะฮะแม้
00:01:26 → 00:01:30 ว่าเราจะพูดว่าคีโตนเนี่ยเเป็นพระเอก
00:01:30 → 00:01:34 ก็จริงแต่ก็แค่เป็นพระเอกแต่บทบาทนะบทบาท
00:01:34 → 00:01:39 ต่างๆเลยเนี่ยนะเราจะละเลยหรือเราจะไม่
00:01:40 → 00:01:43 ให้ความสำคัญกับอินซูลินไม่ได้นะฮะนะแล้ว
00:01:43 → 00:01:46 อินซูลินนี่คือสำคัญที่สุดต่อร่างกายหรือ
00:01:46 → 00:01:50 ชีวิตเพราะนะเเป็นเรื่องของการจัดหาพลัง
00:01:50 → 00:01:54 งานการเก็บสะสมของพลังงานรวมทั้งสาอาหาร
00:01:54 → 00:01:57 อื่นๆอะไรต่างๆที่จะเข้าสู่เซลล์นะถ้าไม่
00:01:57 → 00:02:02 มีอินซูลินนะมันก็ลอยเท้งๆ้อ่ะจัดเก็บไม่
00:02:02 → 00:02:07 ได้ครับนะถึงว่าข้อเสียก็คือการสะสมพลัง
00:02:07 → 00:02:12 งานแต่นะการจัดเก็บพลังงานเนี่ยมันก็ต้อง
00:02:12 → 00:02:15 อ่าได้ทั้งของดีของไม่ดีแล้วล่ะนะขึ้น
00:02:15 → 00:02:19 อยู่กับเราต้องมีเรื่องของความรู้ต้องมี
00:02:19 → 00:02:23 เรื่องของของความเหนือกว่าทางวิวัฒนาการ
00:02:23 → 00:02:26 ของสมองอ่ะที่จะเข้าไปบริหารจัดดการครับเ
00:02:26 → 00:02:31 อือ่ะทีนี้อีโตนนะอีโตนคืออะไรเนี่ยนะฮะ
00:02:31 → 00:02:34 ในเนี่ยมันจะเป็นเรื่องของเอ่อข้อความ
00:02:34 → 00:02:39 อะไรต่างๆก็ตามนะที่ที่เราเคยรู้มาหรือ
00:02:39 → 00:02:42 ว่ามันเป็นเบสิคสำหรับเรื่องของโภชนาการ
00:02:42 → 00:02:47 าฟต่ำนะฮะเราต้องสร้างคีโตนให้
00:02:47 → 00:02:52 ได้น้ำตาลคีโตนอินซูลินนะฮะนะและอีกอัน
00:02:52 → 00:02:56 นึงคือคำว่า metabolic flexibility นะฮะ
00:02:56 → 00:03:00 สิ่งเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด
00:03:00 → 00:03:04 เอาอย่างงี้คีโตนเนี่ยนะฮะนะก็เดี๋ยวเรา
00:03:04 → 00:03:08 อ่านดูนะฮะแต่ว่าในข้อเนี้ยนะเราจะเน้น
00:03:08 → 00:03:12 ว่าเ่อพลังงานเนี่ยนะคือคีโตนสูงมากเท่า
00:03:12 → 00:03:16 ไหร่เซลล์ในร่างกายจะยิ่งได้ประโยชน์ได้
00:03:16 → 00:03:20 ประโยชน์นะครับเพราะว่าพลังงานในแง่ของ
00:03:20 → 00:03:23 คีโตนเนี่ยมันมากกว่าน้ำตาลถึง 2 เท่านะ
00:03:23 → 00:03:27 ฮะนะก็คือคีโตนมันเป็นไขมันน่ะนะ 1 กรัม
00:03:27 → 00:03:33 ก็ 9 นะเป็นอ่าคาฟกับเป็นโปรตีนนี่มันก็ 4
00:03:33 → 00:03:35 ใช่มครับทีนี้
00:03:35 → 00:03:40 เอ่อเวลาที่เซลล์เนี่ยใช้คีโตนเป็นพลัง
00:03:40 → 00:03:46 งานเนี่ยนะนะทีนี้ไอ้ไอตัว n produc n
00:03:46 → 00:03:49 product นะฮะ n product ที่จะเป็น West
00:03:49 → 00:03:53 product หรือว่าเป็นเอ่อสารปลายทางเลย
00:03:53 → 00:03:56 เนี่ยนะฮะการเผาผันคีโตนของเซลล์เนี่ยนะ
00:03:56 → 00:04:00 สุดท้ายปลายทางคือน้ำกับกาสคบออกไซด์นะฮะ
00:04:00 → 00:04:04 นะแล้วคาร์บอนไดออกไซด์เนี่ยนะก็เราก็
00:04:04 → 00:04:07 จริงๆจะถือเป็นขยะก็ได้นะฮะแต่ร่างกายก็
00:04:07 → 00:04:10 มีวิธีการขจัดออกแล้วล่ะนะฮะนะแต่เรื่อง
00:04:10 → 00:04:13 ของการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์เนี่ยจะเป็น
00:04:13 → 00:04:17 การเหนี่ยวนำเอาโมเลกุลของออกซิเจนเข้ามา
00:04:17 → 00:04:20 แทนที่ลูกศรมันจะไปกลับนะฮะนะอเพราะ
00:04:20 → 00:04:23 ฉะนั้นเราสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อจะ
00:04:23 → 00:04:27 หายใจออกแล้วจะเกิดปฏิกิริยาหายใจเข้า
00:04:27 → 00:04:30 เพื่อเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายทดแทนนะ
00:04:30 → 00:04:33 เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆเราก็ไม่ถือว่าเป็น
00:04:33 → 00:04:35 ของไม่ดีนะทั้งน้ำเอยทั้ง
00:04:35 → 00:04:38 คาร์บอนไดออกไซด์เอยเนี่ยนะฮะมันก็จะมี
00:04:38 → 00:04:42 สิ่งที่เอ่อหมุนเวียนตอบแทนนะกลับเข้าสู่
00:04:42 → 00:04:45 ร่างกายที่จะเกิดประโยชน์นะฮะครับทีนี้ใน
00:04:45 → 00:04:50 แง่ของการเผาน้ำตาลนะที่เราถือว่ามันมัน
00:04:50 → 00:04:54 เป็นพิษน่ะนะฮะมันเป็นพิษนะฮะนะอ่าความ
00:04:54 → 00:04:57 เป็นพิษของน้ำตาลเนี่ยนะก็คือการเกิดกรด
00:04:57 → 00:05:02 นะก็มีแลคติกมีดีไฮนะฮะโดยเฉพาะน้ำตาลแปร
00:05:02 → 00:05:06 รูปพวกแอลกอฮอล์ต่างๆนะก็คือมันมี
00:05:06 → 00:05:09 แอลดีไฮด์ที่เป็นกดครับนะทั่วๆไปมันก็
00:05:09 → 00:05:12 เป็นแลคติกกดแลคติกนะฮะอันนี้ก็มีความ
00:05:12 → 00:05:15 เป็นพิษของเซลล์อยู่แล้วล่ะนะฮะนอกจากนี้
00:05:15 → 00:05:18 ก็ยังมีปฏิกิริยาที่มันเป็นการออกซิไดซ์
00:05:18 → 00:05:21 นะโดยตัวน้ำตาลเองโดยโมเลกุลน้ำตาลเองนะ
00:05:21 → 00:05:25 ก็ออกซิไดซ์กับอะไรกับโปรตีนนะก็เกิด
00:05:25 → 00:05:28 เนี่ย Advance g cation n product
00:05:28 → 00:05:30 เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตาม
00:05:30 → 00:05:33 ที่เรื่องของการที่เซลล์อ่ะต้องเผาผลาญ
00:05:33 → 00:05:38 น้ำตาลนะอืมคือเซลล์มันกลัวนะฮะนะร่างกาย
00:05:38 → 00:05:41 นี่เขไม่ชอบนะฮะไม่มีเซลล์ไหนที่ชอบน้ำ
00:05:41 → 00:05:44 ตาลเลยนะยกเว้นที่เซลล์ที่ไม่มี
00:05:44 → 00:05:46 ไมโทคอนเดรียเราก็ต้องใช้น้ำตาลเป็นพลัง
00:05:46 → 00:05:49 งานอันนั้นก็อีกเรื่องนึ่งนะฮะแต่เซลล์
00:05:49 → 00:05:52 ทุกเซลล์จะกลัวน้ำตาลนะเพราะฉะนั้น King
00:05:52 → 00:05:54 of ฮอร์โมนหรืออินซูลินเนี่ยก็ต้องมา
00:05:54 → 00:05:58 ช่วยบริหารจัดการนะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ
00:05:58 → 00:06:01 นะต้องการเป็นเรื่องของการสะสมในรูปของไข
00:06:01 → 00:06:04 มันอิ่มตัวไตรกีซาไลน์อะไรอย่างงี้นะฮะ
00:06:04 → 00:06:07 เพราะเพทั้งหมดเนี่ยมันก็คือเรื่องของพิษ
00:06:07 → 00:06:10 ของน้ำตาลนั่นเองนะเซลล์มันต้องประกาศ
00:06:10 → 00:06:13 สถานการณ์ฉุกเฉินล่ะนะถ้าเกิดมันมีน้ำตาล
00:06:13 → 00:06:16 เหลือนะส่วนที่มันต้องใช้ไปมันก็ใช้ไป
00:06:16 → 00:06:17 เท่าที่
00:06:17 → 00:06:21 เอ่อต้องการพลังงานนั่นแหละนะฮะอันต่อมา
00:06:21 → 00:06:25 เนี่ยอันนี้เราต้องรู้นะฮะนะก็คือคีโตน
00:06:25 → 00:06:28 เ่าเป็นสารระงับการอักเสบเป็นแี้อิมที่
00:06:29 → 00:06:31 เป็นโทนนะฮะนะ
00:06:31 → 00:06:36 ครับก็คือคีโตนไปยับยั้งยีนนะของการก่อ
00:06:36 → 00:06:41 อนุมอิสระนะฮะเนี่ยนะฮะอันนี้ก็คือ
00:06:41 → 00:06:45 ปฏิกิริยาที่เรียกว่าเบต้าฮี Stone นะ
00:06:45 → 00:06:49 ซิสนะฮะอันนี้เป็นการเกิดปฏิกิริยาภายใน
00:06:49 → 00:06:51 เซลล์นะฮะ
00:06:51 → 00:06:55 นะอันนี้ก็มีผลในแง่ของการลดการอักเสบนะ
00:06:55 → 00:06:58 อ่าซึ่งเป็นแอชของคีโตนเป็นปฏิกิริยาของ
00:06:58 → 00:07:02 คีโตนถ้าถ้าเซถ้าเซลล์นั้นหรือไม่ตัวขนย
00:07:02 → 00:07:05 นั้นมันสร้างได้นะอือันต่อมาก็คือคีโตน
00:07:05 → 00:07:08 ไม่กระตุ้นอินซูลินนะฮะไม่กระตุ้น
00:07:08 → 00:07:10 อินซูลีนคือกีโตเนี่ยเป็นทั้งพลังงานแล้ว
00:07:10 → 00:07:13 ก็เป็นทั้งฮอร์โมนนะฮะนะไม่ว่าจะเป็นใน
00:07:13 → 00:07:17 แง่ของพลังงานหรือฮอร์โมนเนี่ยเขาจะไม่มี
00:07:17 → 00:07:20 ผลต่ออินซูลินนะเหมือนกับฮอร์โมนอื่นๆ
00:07:20 → 00:07:23 ฮอร์โมนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนตัวแม่
00:07:23 → 00:07:28 คอร์ติซอลหรือฮอร์โมนลูกเทพต่างๆเนี่ยใน
00:07:28 → 00:07:31 ในส่วนใหญ่แล้วเนี่ยก็ยังจะต้องมีผลที่ไป
00:07:31 → 00:07:34 กระตุ้นให้พ่อมานะฮะคือความเป็นแม่ความ
00:07:34 → 00:07:37 เป็นลูกอะไรต่างๆในในที่สุดเนี่ยมันก็
00:07:37 → 00:07:40 เหมือนต้องมีความพึ่งพาน่ะนะถ้าพ่อมาด้วย
00:07:40 → 00:07:43 เนี่ยมันมั่นใจดีกว่านะโดยเฉพาะไทรรอยด์
00:07:43 → 00:07:47 ใช่่มเราก็รู้แล้วว่าเขาเป็นเป็นตัว
00:07:47 → 00:07:51 Dependent กับไอ้ตัวอินซูลินค่อนข้างมาก
00:07:51 → 00:07:55 นะนะทีนี้ผลอย่างนี้เนี่ยก็จะเกิดการผลดี
00:07:55 → 00:07:59 ต่างๆเนี่ยดังที่เห็นนะฮะเออันนี้คือคือ
00:07:59 → 00:08:03 คีโตนนะอ่าทีนี้อันนึงเนี่ยนะที่เรา
00:08:03 → 00:08:06 ต้องการเนี่ยเมื่อเกิดสารคีโตนแล้วก็คือ
00:08:06 → 00:08:10 ภาวะที่เเรียกว่า ket adaptation นะฮะนะ
00:08:10 → 00:08:15 หรือ ket adapted นะอันเนี้ยนะมันเป็น
00:08:15 → 00:08:18 เรื่องที่ว่าใครจะได้หรือไม่ได้อะไรต่างๆ
00:08:18 → 00:08:21 เนี่ยมันก็จะมีรายละเอียดอยู่นะมันจะมี
00:08:21 → 00:08:25 รายละเอียดอยู่นะแต่มันมีเงื่อนไขอ่ะนะเข
00:08:25 → 00:08:28 บอกว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อนะภาวะคี
00:08:28 → 00:08:31 adaptation นะนะก็คือเมื่อมีการกินโ
00:08:31 → 00:08:34 คล้ายๆ low C High Fat ตามคำจำกัด
00:08:34 → 00:08:37 จำกัดความต่างๆนั่นเองนะฮะก็คือกินอาหาร
00:08:37 → 00:08:40 แบบนี้แหละ ow C High Fat นี่แหละนะนะ
00:08:40 → 00:08:44 แล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้เนี่ยจะไปทำให้
00:08:44 → 00:08:47 เ่อไมโทคอนเดรียเนี่ยซึ่งเป็นเป็นเตาเผา
00:08:47 → 00:08:51 พลังงานเนี่ยนะสามารถที่จะใช้ไขมันดีนะฮะ
00:08:51 → 00:08:54 ซึ่งมันเป็นสัดส่วนนะของ low C High
00:08:54 → 00:08:57 Fat เนี่ยในแง่ของพลังงานเนี่ยเราก็ใช้
00:08:57 → 00:09:00 สัดส่วนของไขมันเ่ะประมาณถึง 60% ขึ้นไป
00:09:00 → 00:09:04 อยู่แล้วนะฮะต้องเป็นไขมันดีนะนะแล้วก็
00:09:04 → 00:09:07 ไมโตคอนเดรียเสามารถที่จะใช้ไขมันดีที่
00:09:07 → 00:09:10 ว่าเนี้ยเป็นพลังงานนะฮะเป็นหลักได้เป็น
00:09:10 → 00:09:14 หลักได้ครับส่วนในเรื่องของน้ำตาลเนี่ย
00:09:14 → 00:09:17 มันเป็นแค่มันเป็นแค่พลังงานสะสมที่เป็น
00:09:17 → 00:09:21 ไกลโคเจนแล้วก็เซลจะเอามาใช้ในยาม
00:09:21 → 00:09:26 ฉุกเฉินนี้ะร่างกายปรับตัวเนี่ยนะต่ออ่า
00:09:26 → 00:09:30 คีโตนเนี่ยหรือการเกิดี adaptation เนี่ย
00:09:30 → 00:09:34 ก็คือใช้เวลาเร็วที่สุด 3 วันนะ 3 วันนะ
00:09:34 → 00:09:36 แล้วก็ทั่วๆไปก็ประมาณสักเดือนนึงหรือ
00:09:36 → 00:09:40 เดือนครึ่งอ่าก็คือ 3-6 3 วันถึง 6
00:09:40 → 00:09:42 สัปดาห์
00:09:42 → 00:09:46 นะอีกอันนึงก็คือเอ่อการเปลี่ยนแปลงที่
00:09:47 → 00:09:51 เขาเรียกว่าคีโตฟลูนะคีโตฟลูคีโตฟลูก็คือ
00:09:51 → 00:09:55 การเกิดคีโตนนี่แหละนะฮะแต่ด้วยสภาพร่าง
00:09:55 → 00:10:00 กายด้วยสภาพของอาหารการกินหรือด้วย
00:10:00 → 00:10:02 เรื่องของปฏิกิริยาบางสิ่งบางอย่างที่มัน
00:10:02 → 00:10:05 เกิดการขาดตกบกพร่องเนี่ยนะมันก็จะเกิด
00:10:05 → 00:10:09 ปัญหาเรื่องคีโตฟลูขึ้นมานะฮะอืเ่อพาวะคี
00:10:09 → 00:10:13 โตฟูเนี่ยก็คือการที่ร่างกายนะขาดสาร
00:10:13 → 00:10:17 อาหารนะบางสิ่งบางอย่างในการเกิด
00:10:17 → 00:10:21 ปฏิกิริยาที่เป็นคี adaptation นะอาการ
00:10:21 → 00:10:25 คีโตฟลูก็จะมีแบบเนะฮะดังที่เรา
00:10:25 → 00:10:29 เห็นแต่ถ้าเราเตรียมเนื้อเตรียมตัวดีนะฮะ
00:10:29 → 00:10:32 นะแล้วก็การกิน ow C ไ Fat ถูกต้องเหมาะ
00:10:32 → 00:10:38 สมนะเอ่อการปรุงเอยมื้อที่กินนะการกิน
00:10:38 → 00:10:40 อาหารใน 1 วันเนี่ยที่เรารู้กันอยู่แล้ว
00:10:40 → 00:10:44 ว่าทำไมมื้อแรกกินยังไงมื้อเย็นกินยังไง
00:10:44 → 00:10:48 นะฮะโอกาสเกิดคีโตฟูเนี่ยมันยากนะฮะเพราะ
00:10:48 → 00:10:52 ฉะนั้นเนี่ยไอ้การที่ในสัก 2 ปีที่แล้ว
00:10:52 → 00:10:55 เนี่ยคนเนี่ยมาโพสต์กันถึงเรื่องคีโตฟู
00:10:55 → 00:10:59 หรือว่าพอเคเข้ามาสู่วงการโภชนาการครับา
00:10:59 → 00:11:02 ต่ำเมื่อไหร่เนี่ยนะฮะนะมันก็จะมีปัญหา
00:11:02 → 00:11:05 กับเา้าเนี่ยนะฮะเนี่ยส่วนนึงตอนแรกๆเรา
00:11:05 → 00:11:08 ก็ไม่ค่อยรู้กันนะฮะตอนหลังๆก็คือเรารู้
00:11:08 → 00:11:11 ว่าอ๋อเพราะว่าเรื่องของ what to eat
00:11:11 → 00:11:13 เรื่องของการกินนัแหละนะฮะกินเป็นกินถูก
00:11:14 → 00:11:18 ต้องกินเหมาะสมหรือยังนะมีความรู้ที่ถูก
00:11:18 → 00:11:21 ต้องนะแล้วก็มีความเคร่งครัดมีวินัยในการ
00:11:21 → 00:11:24 ปฏิบัติในเรื่องการกินแบบผลจากการคาต่ำ
00:11:24 → 00:11:28 หรือเปล่านะเอออันเนี้ยอืเรามารู้ทีหลัง
00:11:28 → 00:11:31 นะฮะแต่ตอนหลังๆเนี่ยองค์ความรู้มัน
00:11:31 → 00:11:34 กระจายมากขึ้นนะฮะแล้วก็รายละเอียดต่างๆ
00:11:35 → 00:11:38 หรือว่าการควบคุมการแก้ไขอะไรต่างๆมันก็
00:11:38 → 00:11:41 มีมากขึ้นการเกิดคีโตฟูก็จะน้อยคนก็ไม่
00:11:41 → 00:11:45 ค่อยโพสถามกันนักอ
00:11:45 → 00:11:51 อืเนี่ยนะอันนี้จะเป็นลักษณะแบบสรุปๆนิด
00:11:51 → 00:11:55 นึงนะฮะนะคีโตนนะฮะเขาเป็นพลังงานที่ทำ
00:11:55 → 00:11:59 งานด้วยตัวเาเองนะฮะเขาเป็นเอนเนอร์ยีใน
00:11:59 → 00:12:04 รูปแบบที่เป็นพลังงานนะพลังงานนี้นะทำงาน
00:12:04 → 00:12:10 เองฮะนะไม่ต้องมีใครมาบังคับนะก็ก็สบายนะ
00:12:10 → 00:12:14 ฮะนะสร้างสร้างแล้วนะฮะสามารถมันทำงานได้
00:12:14 → 00:12:17 ด้วยตัวมันเองนะฮะแต่ถ้าเทียบกับน้ำตาลนะ
00:12:17 → 00:12:20 น้ำตาลก็จะเป็นพลังงานที่ทำงานโดยต้องมี
00:12:20 → 00:12:24 ฮอร์โมนนะฮะมากำกับนะก็คืออินซูลินนั่น
00:12:24 → 00:12:29 แหละนะตัวหลักภาวคีโตฟลูนะฮะก็คือภาวะการ
00:12:29 → 00:12:33 ขาดสารอาหารที่ส่งผลให้คีโตนที่เกิดขึ้น
00:12:33 → 00:12:37 เ่อทำงานได้ไม่ดีนะมันก็มีคีโตนน่ะนะแต่
00:12:37 → 00:12:40 คีโตนเนี้ยมันไม่ใช่คีโตนที่มี
00:12:40 → 00:12:42 ประสิทธิภาพจริงๆแล้วเดี๋ยวเราจะมีศัพท์
00:12:42 → 00:12:46 เราเรียกว่าเตี้คีโตนครับเราเรียกว่า dty
00:12:46 → 00:12:51 คีโตนหรือคีโตนขยะอืนะอ่าอันต่อมาก็คือ
00:12:52 → 00:12:55 คีโตนเนี่ยนะเอ่อมันเป็น Miracle
00:12:55 → 00:12:57 substance มันเป็นสารมหัศจรรย์นะฮะมัน
00:12:57 → 00:13:00 เป็นพลังงานแล้วแล้วมันเป็นฮอร์โมนก็ได้
00:13:00 → 00:13:03 นะฮะมันเป็นฮอร์โมนนะถ้าคีโตนเป็นฮอร์โมน
00:13:03 → 00:13:08 เนี่ยเขาก็จะเทียบว่ามันคือเงาในกระจกของ
00:13:08 → 00:13:11 อินซูลินของฮอร์โมนอินซูลินคีโตนก็คือ
00:13:11 → 00:13:15 เป็นอีกด้านนึงเ่อของอินซูลินนะที่เป็น
00:13:15 → 00:13:19 การที่เป็นเงาที่อยู่ในกระจกนะจริงๆคีโตน
00:13:19 → 00:13:21 ก็คืออินซูลินนั่นแหละแต่เป็นเงาของ
00:13:21 → 00:13:25 อินซูลินนะฮะอินซูลินเนี่ยอเขาก็จะมี
00:13:26 → 00:13:28 เรื่องราวต่างๆใช่มั้ยล่ะก็เป็นฮอร์โมน
00:13:28 → 00:13:31 ตัวพ่อนะก็จะทำงานยังไงทำงานเก่งไม่เก่ง
00:13:31 → 00:13:35 ขี้เกียจอ่าทำงานเร็วช้าหรือจะทำงานแบบ
00:13:35 → 00:13:39 เอ่อพุ่งสวิงเหวี่ยงอ่าโมโหฉุนเฉียวอะไร
00:13:39 → 00:13:43 ต่างๆแต่ในแง่ของเงาหรือกระจกของอินซูลิน
00:13:43 → 00:13:47 น่ะก็คือคีโตนอันนี้ไม่นะฮะอันนี้ก็คือนะ
00:13:47 → 00:13:51 คือเขาเป็นสารระดับเทพแล้วน่ะนะฮะเขาก็จะ
00:13:51 → 00:13:55 ไม่แสดงอาการที่มันเป็นอะไรที่แบบเอ่อที่
00:13:55 → 00:13:58 เป็นด้านไม่ดีอ่ะนะนะเพราะฉะนั้นคีโตน
00:13:58 → 00:14:02 เนี่ยคืออินซูลินในด้านดีิดีอ่ะนะฮะนะมี
00:14:02 → 00:14:06 หน้าที่อะไรเค้าก็ทำอย่างนั้นและมักจะทำ
00:14:06 → 00:14:10 เกินหน้าที่หรือทำในเรื่องของเอ่อบวกๆๆ
00:14:10 → 00:14:14 ที่มันดีต่อร่างกายเรานะฮะอ่าๆๆๆแล้ว
00:14:14 → 00:14:17 อินซูลินเนี่ยจะทำงานอยู่เฉพาะในท่อน้ำ
00:14:17 → 00:14:20 เลือดนะฮะก็คืออินซูลินจะไม่สามารถ
00:14:20 → 00:14:24 กระเด็นกระดอนออกไปจากท่อนี้นะฮะนะเค้าก็
00:14:24 → 00:14:27 จะอยู่ในแต่ระบบเลือดเป็นหลักนะฮะอันนี้
00:14:27 → 00:14:30 ก็เป็นฮอร์โมนชนิดเดียวนะที่ไม่สามารถไป
00:14:30 → 00:14:33 อยู่ในระบบท่อน้ำอื่นๆได้นะฮะแต่สำหรับ
00:14:33 → 00:14:36 คีโตนเนี่ยอยู่ได้ทั้งท่อน้ำเหลืองกับท่อ
00:14:36 → 00:14:39 น้ำเลือดแต่ส่วนใหญ่คีโตนจะอยู่ในท่อน้ำ
00:14:39 → 00:14:44 เหลืองนะโดยเขาจะอยู่กับฮอร์โมนลูกๆของ
00:14:44 → 00:14:47 บ้านนี้ก็คือฮอร์โมนลูกเทพต่างๆนะฮะครับ
00:14:48 → 00:14:51 แต่ว่าอินซูลินเนี่ยนะมักจะอยู่กับอ่า
00:14:51 → 00:14:54 ฮอร์โมนตัวแม่คือคอร์ติซอลซึ่งเขาจะต้อง
00:14:54 → 00:14:57 ออกมากำกับกันน่ะนะอแล้วก็ยังมีลูกสาวคน
00:14:57 → 00:15:01 โตนะนะคือเอสโตรเจนมามาอยู่ในในระบบนี้
00:15:01 → 00:15:05 ด้วยนะฮะอันนี้ก็เป็น 4 ข้อสรุปนะฮะ
00:15:05 → 00:15:09 เกี่ยวกับทางด้านของคีโตนนะเอ่อสิ่งที่
00:15:09 → 00:15:13 สำคัญในการเกิดคีโตนเนี่ยก็คือหน่วยเล็กๆ
00:15:13 → 00:15:16 ของเซลล์อ่ะก็คือไมโทคอนเดรียนะฮะซึ่ง
00:15:16 → 00:15:20 เป็นระบบอ่อหน่วยที่มีการสร้างพลังงานใน
00:15:20 → 00:15:23 ระดับเซลล์นะฮะนะทีนี้ไมโตคอนเดรียเนี่ย
00:15:23 → 00:15:27 นะเอ่อส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเอ่อถ้าตาม
00:15:27 → 00:15:31 ธรรมชาติของร่างกายเนี่ยเขาต้องการไขมัน
00:15:31 → 00:15:35 เพื่อสร้างพลังงานนะเป็นพลังงานจากไขมัน
00:15:35 → 00:15:39 หรือจะเป็นคีโตนน่ะนะที่เาต้องการนะฮะอัน
00:15:39 → 00:15:41 นี้เนี่ยธรรมชาติเป็นอย่างนั้นนะฮะแต่คน
00:15:41 → 00:15:45 เราตั้งแต่เกิดนะเอ่อจนไปถึงเท่าไหร่เท่า
00:15:45 → 00:15:48 ไหร่เท่าไหร่จเจ็บป่วยแล้วเนี่ยนะฮะเรา
00:15:48 → 00:15:53 อ่าไม่ได้ไปฝึกฝนหรือว่าไม่ได้มีความรู้
00:15:53 → 00:15:56 หรือความคิดนะที่จะทำให้ไมโทคอนเดรียเคทำ
00:15:56 → 00:15:59 งานตามที่เชอบหรือตามธรรมชาติของความเป็น
00:15:59 → 00:16:04 มนุษย์นะเรามักจะไปฝืนนะนะเรายิ่งรู้ยิ่ง
00:16:04 → 00:16:09 เก่งนะเก็ยิ่งยิฝืนเยอะนะฮะยิ่ง
00:16:09 → 00:16:11 วิวัฒนาการไปในท่านู้นท่านี้อะไรอย่าง
00:16:11 → 00:16:15 เงี้ยนะฮะนะเพราะะนั้นการที่เรากลายเป็นค
00:16:15 → 00:16:20 เนอรเป็นารเนอรนะเราก็ไปฝืนนะธรรมชาติของ
00:16:20 → 00:16:23 ของไมโทคอนเดรียนะฮะทนี้เราก็มาดูว่า
00:16:23 → 00:16:27 ไมโทคอนเดรียในอวัยวะต่างๆนะเอ่อมันมี
00:16:27 → 00:16:31 เอ่อปริเท่าไหร่ยิ่งมีมากก็แปลว่าเขานี้ด
00:16:31 → 00:16:34 หรือเขต้องการไขมันนะที่ต้องการเผาผลาญ
00:16:34 → 00:16:38 ให้เกิดคีโตนเยอะที่สุดนะฮะนะสมองเนี่ย 2
00:16:38 → 00:16:45 ล้านเนอะนะไข่ไข่คือเคือคือตัววุ้มน่ะไข่
00:16:45 → 00:16:49 นะฮะไข่ที่จะเกิดการเจริญเพินพันนะอันนี้
00:16:49 → 00:16:52 600,000 แล้วก็หัวใจ 5,000 ตับ 2,500
00:16:52 → 00:16:54 กล้ามเนื้ออ่าอันนี้จะเป็นกล้ามเนื้อลาย
00:16:54 → 00:16:59 นะนะ 1 2 นะเม็ดเลือขาว 700 อ่าเซลล์ไข
00:16:59 → 00:17:04 มันเนี่ยนะเนี่ยเซลล์ไขมันก็มีไมคอนเอ้ก็
00:17:04 → 00:17:07 มีไอ้ตัวไมโทคอนเดรียที่จะอยากจะเผาไขมัน
00:17:07 → 00:17:11 นั่นแหละนะฮะนะก็ 100 นนะเซลลอิติ 50
00:17:11 → 00:17:16 เม็ดเลือดแดง 0 นะฮะนะเม็ดเลือแดงสูงครับ
00:17:16 → 00:17:19 อันนี้ก็เป็นอันนี้ไม่ใช่อะไรอนี้ร้อยละ
00:17:19 → 00:17:23 เฉลี่ยนะเนี่ยๆมันก็จะเป็นอย่างงี้นะฮะนะ
00:17:23 → 00:17:26 ก็ดูแล้วกันว่าสมองนะฮะเพราะฉะนั้นนะเออ
00:17:27 → 00:17:29 ในเรื่องของคีโตนเนี่ยนะหรือเรื่องการเผา
00:17:29 → 00:17:32 ผลาญไขมันเป็นพลังงานน่ะนะในที่สุดแล้ว
00:17:32 → 00:17:36 เนี่ยตัวพลังงานจากแฟตนี่แหละนะฮะนะมันก็
00:17:36 → 00:17:39 จะรีทมันจะสัมพันธ์กับเรื่องของการใช้
00:17:39 → 00:17:42 พลังงานของสมองมากนะเพราะว่าสมองเนี่ยเ
00:17:42 → 00:17:45 มันมีตัวไมโทคอนเดรียที่พร้อมที่จะเผาไข
00:17:45 → 00:17:49 มันค่อนข้างมากที่สุดนะฮะเนี่ยนะสมองหัว
00:17:49 → 00:17:53 ใจตับเนี่ยนะเนี่ยแมนเรือขาวนะแม้นเรือ
00:17:53 → 00:17:56 ขาวนี้เค้าก็รออยู่แล้วอ่ะในท่อน้ำเหลือง
00:17:56 → 00:18:01 นะฮะรอที่จะได้ไขมันดีๆนะแล้วก็
00:18:01 → 00:18:03 ไมโทคอนเดรียเม็ดืเขาวก็จะได้เผาผลาญนะ
00:18:03 → 00:18:05 เม็ดเขาก็จะได้พลังงานแล้วก็แข็งแรงแล้ว
00:18:05 → 00:18:10 ก็เก่งอ่ารอท่าอยู่ในระบบน้ำเหลืองเมื่อ
00:18:10 → 00:18:13 ไหร่นะมันมีสัญญาณนะตรงนั้นตรงนี้ที่มี
00:18:13 → 00:18:17 เชื้อโรคก้ำกายมีพิษมีของไม่ดีอะไรต่างๆเ
00:18:17 → 00:18:19 แมได้เขาก็พร้อมที่จะ
00:18:19 → 00:18:25 เอ่อกระจายตัวออกไปอ่ะเพื่อสู้รบนะฮะ
00:18:25 → 00:18:30 นะแต่ถ้าเกิดเราไม่ไม่ได้ไม่ได้หาพวกไข
00:18:30 → 00:18:32 มันดีๆไม่ได้มุ่งหมายที่จะเป็นการสร้าง
00:18:32 → 00:18:36 คีโตนโดยการเผ่าผลไขมันนะในทางตรงข้ามเรา
00:18:36 → 00:18:41 ก็ใช้แต่น้ำตาลใช้แต่คราบใช้แต่แป้งอะไร
00:18:41 → 00:18:44 ต่างๆนะพวกเยในที่สุดเม็ดือขาวไม่มีไขมัน
00:18:44 → 00:18:47 กินมันก็ต้องเอาวะเอ่อไม่กินกูก็กินน้ำ
00:18:47 → 00:18:50 ตาลนะกูก็ต้องมารอกันอยู่ในระบบเลือดอ่ะ
00:18:50 → 00:18:54 นะเพราะว่ามันไม่มีพลังงานที่เป็นไขมันดี
00:18:54 → 00:18:56 เข้าในระบบน้ำเหลืองนักนะ
00:18:56 → 00:19:01 เก็แล้วเก่งมั้ยล่ะถ้าเมขาวมาอยู่ในระบบ
00:19:01 → 00:19:03 เลือดนะมันก็เหมือนอยู่ในสภาวะที่จะต้อง
00:19:03 → 00:19:07 สู้รบที่จะต้องมีความเครียดอะไรต่างๆนะ
00:19:07 → 00:19:10 เต็มไปหมดนะฮะนะแตกต่างจากการอยู่ในระบบ
00:19:10 → 00:19:12 น้ำเหลืองนะฮะ
00:19:12 → 00:19:16 อืทีนี้เอ่อเราต้องดูที่ตับนะฮะ
00:19:16 → 00:19:21 ไมโทคอนเดรียของตับเนี่ยนะนะพี่หมอชอบพูด
00:19:21 → 00:19:24 เสมอว่าเรื่องระบบพลังงานเนี่ยพยายามมา
00:19:24 → 00:19:29 โฟกัสที่ตัตับๆนะฮะนะเนี่ยเพราะในที่สุด
00:19:29 → 00:19:32 แล้วตับเนี่ยนะจะเป็นตัวที่มีเอี่ยวมาก
00:19:32 → 00:19:36 ที่สุดนะฮะในเรื่องที่จะจัดการพลังงานนะ
00:19:36 → 00:19:39 ตับตับอ่อนแต่ตับเนี่ยจะเป็นหลักเลยนะฮะ
00:19:39 → 00:19:42 ในการที่เราจะเป็น Sugar burner หรือ Fat
00:19:42 → 00:19:45 burner มันก็คืออยู่ที่ตับนะะแล้วการที่
00:19:45 → 00:19:49 ตับเนี่ยอ่ามีไมโทคอนเดรียในระดับต้นๆทอไ
00:19:49 → 00:19:54 เนี่ยนะฮะเพราะฉะนั้นก็แน่นอนนะฮะนะตับเ
00:19:54 → 00:19:57 อยากได้ไขมันและเป็นไขมันดีเพื่อจะผลัก
00:19:57 → 00:20:01 ดันให้ตัวเาเนี่ยอ่าเป็น Fat burner นะ
00:20:01 → 00:20:05 ฮะเกิด Fat แล้วเกิดคีน adap นะฮะครับแต่
00:20:05 → 00:20:07 ก็ตามที่บอกไปอ่ะว่าตับเองเนี่ยเขเป็น
00:20:07 → 00:20:10 อวัยวะที่การใช้พลังงานเขาก็จะใช้แต่รี
00:20:10 → 00:20:15 fatty Acid นะหรือกดไขมันอิสระนะฮะแต่
00:20:15 → 00:20:19 นะเขาก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตัวไขมัน
00:20:19 → 00:20:23 ที่ดีกลายเป็นคีโตนได้นะแต่เขาไม่ได้ใช้
00:20:23 → 00:20:29 นะฮะส่วนใหญ่เขาจะใช้แค่กดไขมันอิสระอื
00:20:29 → 00:20:32 เพราะฉะนั้นเนี่ยนะเรื่องของตับนะฮะนะจะ
00:20:32 → 00:20:35 เป็นเรื่องที่จะต้องมีการรีวนะหรือมีการ
00:20:35 → 00:20:41 ปรับนะฮะนะให้มันดีที่สุดก่อนนะฮะแม้แต่
00:20:41 → 00:20:43 เรื่องของการรีวไอ้เรื่องภาวะดื้อ
00:20:43 → 00:20:47 อินซูลินเนี่ยนะเอ่อหลังจากที่เราเคลียร์
00:20:47 → 00:20:50 ที่ตับอ่อนแล้วนะต้องรีบมาปรับที่ตับนะ
00:20:50 → 00:20:53 แล้วการปรับที่ตับหลักๆก็คือการที่ต้อง
00:20:53 → 00:20:57 ให้ตับได้รับสิ่งที่เขาชอบก็คือไขมันดีก็
00:20:57 → 00:21:00 เลยเป็นที่ที่มาของการกินน้ำมันสกัดเย็น
00:21:00 → 00:21:03 น้ำมันพืชสกัดเย็นอ่าทรีออยในรูปของน้ำ
00:21:04 → 00:21:08 สลัดนั่นเองนะฮะก็ตับก็ชอบนะฮะนะครับก็
00:21:08 → 00:21:11 ไม่เพียงแต่ตับหรอกถ้าตับเขาสามารถคีโต
00:21:11 → 00:21:15 adap นะสร้างคีโตนได้เนี่ยสมองเอยนะหัว
00:21:15 → 00:21:20 ใจเอยก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วยนะฮะอยากตับ
00:21:20 → 00:21:22 ก็เป็นกล้ามเนื้อเนี่ยกล้ามเนื้อกตับต่าง
00:21:22 → 00:21:26 กันครึ่งๆใช่มนะแล้วก็เม็ด้วขาวเงี้ยนะ
00:21:26 → 00:21:30 อ่านะ
00:21:30 → 00:21:34 ทีนี้เอ่อแหล่งผลิตคีโตนหลักๆเลยเนี่ยนะ
00:21:34 → 00:21:38 ฮะมันจะจุดประกายเริ่มที่ตับนะเพราะตับ
00:21:38 → 00:21:40 เนี่ยเป็นอวัยวะหลักเลยในเรื่องของพลัง
00:21:40 → 00:21:46 งานนะฮะนะเราพบว่านะฮะนะเนี่ยไอ้ตัว fy
00:21:46 → 00:21:49 Acid ต่างๆเนี่ยนะที่จะกลายเป็นคีโตน
00:21:49 → 00:21:52 เนี่ยนะตัวไมโตคอนเดรียที่ตัดเนี่ยเปติ
00:21:52 → 00:21:56 ไมโทคอนเดรียเนี่ยนะถ้าเขามีสิ่งแวดล้อม
00:21:56 → 00:22:00 ที่ครบถ้วนนะบริบูรณ์อะไรต่างๆนะแล้วก็
00:22:00 → 00:22:03 ร่างกายเราอ่ะนะเอ่อเค้าเรียกว่ามีความ
00:22:03 → 00:22:06 ตั้งใจอ่ะที่จะให้ตับเผาผลาญพลังงานแล้ว
00:22:06 → 00:22:09 ได้คีโตนเนี่ยนะฮะสิ่งที่จะได้ก็คือเบต้า
00:22:09 → 00:22:14 ไฮดรอกซี่บทดนะฮะนะอันนี้ก็คือก็คือเบต้า
00:22:14 → 00:22:18 คีโตนนั่นเองนะฮะอ่าเบต้าคีโตนนี่แหละนะฮ
00:22:18 → 00:22:21 อืคีโตนดีใช่มั้แล้วตัวเนี้ยะเป็นคีโตนดี
00:22:21 → 00:22:25 ใช่มั้ยฮะก็เป็นคีโตนที่ดีนะฮะนะคือคีโตน
00:22:25 → 00:22:29 จะมี 3 แบบนะฮะก็คือมีแแ่าเบต้าแล้วก็
00:22:29 → 00:22:33 แกมมานะเบต้าเนี่ยจะเป็นตัวที่ดีที่สุดนะ
00:22:33 → 00:22:36 ฮะตัวที่แย่ที่สุดคือแอลฟ่าเดี๋ยวจะมีราย
00:22:36 → 00:22:41 ละเอียดครับผมแมมก็เป็นตัวที่ดีนะฮะทีนี้
00:22:41 → 00:22:44 ตัวตั้งต้นเลยของคีโตนเนี่ยนะฮะนะที่ดี
00:22:44 → 00:22:48 ด้วยนะนะก็คือไมโตคอนเดรียของตับเนี่ย
00:22:48 → 00:22:53 สร้างตัวเบต้าไฮดรอกซี่ทะเลนะฮะนะแล้วตัว
00:22:53 → 00:22:56 เนี้ยมันมีพี่น้องอีก 2 ตัวนะ
00:22:56 → 00:23:01 ฮะก็คือคือมีอะซิโตนกับซิโตอะซิเตตครับ
00:23:01 → 00:23:04 แต่เฉพาะตัวเบต้าไฮดรอกซี่วาเลตนะฮะนะ
00:23:04 → 00:23:09 เบต้าคีโตนตัวนี้นะฮะเมีนะมีคุณสมบัติเ
00:23:09 → 00:23:13 เรียกเป็น signaling ลกุล signaling ลกุล
00:23:13 → 00:23:17 ก็คือเป็นคีโตนที่จะไปเค้าเรียกไป ind
00:23:17 → 00:23:20 อ่ะไป Activate นะฮะไป Activate
00:23:20 → 00:23:23 ไมโทคอนเดรียที่เซลล์อื่นๆน่ะที่ไม่ใช่
00:23:23 → 00:23:26 เซลล์ต่นะฮะให้เเรียก Extra hepatic
00:23:26 → 00:23:30 ไมโทคอนเดรียเนี่ยครับให้มีการเผาผลาญไข
00:23:30 → 00:23:35 มันเป็นพลังงานคล้ายๆกับที่ตับนะอืๆแต่
00:23:35 → 00:23:38 ทุกอย่างจะเริ่มที่ตับก่อนนะฮะนะแล้วก็
00:23:38 → 00:23:41 เลยกระจายต่อไปเพราะฉะนั้นถ้าตับเดี้ยง
00:23:41 → 00:23:45 ตับไม่ดีตับมีประสิทธิภาพมีคุณภาพลดลงนะ
00:23:45 → 00:23:49 ฮะในเรื่องของการทำงานก็แน่นอนนะฮะร่าง
00:23:49 → 00:23:53 กายมันเข้าภาวะคีโตอแดปได้ไม่ดีนะหรือ
00:23:53 → 00:23:58 เข้าได้แต่เป็นคีโตขยะนะฮะเป็นคีโตนขยะ
00:23:58 → 00:24:02 เป็น Dirty คีนนะมันก็จะมีแต่ผลเสียได้นะ
00:24:02 → 00:24:04 ฮะ
00:24:04 → 00:24:09 นะทีนี้ตัวสำคัญเลยเนี่ยนะอ่าที่เราบอก
00:24:09 → 00:24:11 ว่าคีโตนเนี่ยมันเป็นเงาในกระจกของ
00:24:11 → 00:24:14 อินซูลินนะฮะครับอย่างหนึ่งก็คือเราก็
00:24:14 → 00:24:20 ต้องรู้ว่านะฮะนะตัวอินซูลินเนี่ยเเอ่อ
00:24:20 → 00:24:24 เค้าก็จะมีบทบาทด้วยนะฮะกับคีโตนเบทบาท
00:24:24 → 00:24:27 ที่สำคัญก็ก็คืออินซูลินเนี่ยเ่อๆจะมีการ
00:24:27 → 00:24:30 เปลี่ยนแปลงในรูปแบบหลายลักษณะอย่างเยนะ
00:24:30 → 00:24:32 ฮะนะ insulin sensitivity insulin
00:24:32 → 00:24:36 resistance อ insulin อ่า Hyper
00:24:36 → 00:24:38 sensitivity นะฮะนะแล้วก็
00:24:38 → 00:24:41 hyperinsulinemia นะอันนี้เป็นเรื่องของ
00:24:41 → 00:24:44 อินซูลินที่เขามีการเปลี่ยนแปลงนะฮะภาวะ
00:24:44 → 00:24:47 นึงเนี่ยเขาเรียกว่า insulin Hyper
00:24:47 → 00:24:53 sensitivity นะฮะที่จะมีผลในในเรื่องของ
00:24:53 → 00:24:57 คีโตนเนี่ยนะฮะนะคือถ้าคนเราเข้าคีโตนนะ
00:24:57 → 00:25:01 นะมีคีโตนสร้างคีโตนเข้าภาวะคีโตสิสอยู่
00:25:01 → 00:25:06 นานๆอยู่นานๆนะฮะนะมันจะเป็นการทำให้
00:25:06 → 00:25:11 อินซูลินเนี่ยนะฮะเกิดความผิดปกตินะฮะนะ
00:25:11 → 00:25:16 แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปหลุดคาฟนะฮะนะ
00:25:16 → 00:25:21 ไปหลุดคาฟไปหลุดน้ำตาลไปหลุดไอ้ชูการอะไร
00:25:21 → 00:25:26 ขึ้นมาเนี่ยนะเขาจะเกิดภาวะไอ้ตัวคาฟอนทน
00:25:26 → 00:25:31 นะฮะนะหรือ Sugar intolerance นะนะซึ่ง
00:25:31 → 00:25:33 เป็นภาวะที่เรียกว่า insulin Hyper
00:25:33 → 00:25:36 sensitivity ภาวะนี้ทำให้เราเจ็บป่วยทำ
00:25:36 → 00:25:39 ให้เราเจ็บป่วยไม่สบายนะ
00:25:39 → 00:25:43 ฮะคือหลายคนเนี่ยก็หลง่ะนะก็เอาคีโตนดี
00:25:43 → 00:25:46 ใช่ไหมถ้างั้นสร้างคีโตนทั้งวันทั้งคืน
00:25:46 → 00:25:49 เอ่อมันก็ไม่ได้นะฮะไม่ได้เพราะร่างกาย
00:25:50 → 00:25:52 มันต้อง metabolic flexibility นะฮะถ้า
00:25:52 → 00:25:56 เราอยู่ในคีโตสิสยาวๆนานๆหรือสูงๆอ่ะมี
00:25:56 → 00:26:02 คีโตนเยอะๆเยอะนะเวลาที่อ่อที่จะต้องต้อง
00:26:02 → 00:26:06 มีาฟเข้าไปบ้างหรือว่าต้องต้องเผลอไผลอ่ะ
00:26:06 → 00:26:09 นะต้องหลุดคาฟเมื่อไหร่เนี่ยเราก็จะเกิด
00:26:09 → 00:26:13 ภาวะคาฟ intolerance นะฮะซึ่งเราจะป่วยนะ
00:26:13 → 00:26:17 อันเนี้ยอันนี้คือความสัมพันธ์นะฮะอ่าอัน
00:26:17 → 00:26:20 นี้เดี๋ยวเราจะย้อนกลับมานะฮะนะตัวเบต้า
00:26:20 → 00:26:23 hydroxy ิสคือตัวกลางนะฮะตัวบนนี่เป็น
00:26:23 → 00:26:27 แอลฟ่านะแล้วตัวล่างเป็นแกมม่านะฮะที่บอก
00:26:27 → 00:26:31 ว่าออนมี 3 รูปแบบนะฮะนะถ้ารูปแบบที่เป็น
00:26:31 → 00:26:33 โครงสร้างก็จะเป็นแบบนี้นะฮะตรงกลางนี่
00:26:33 → 00:26:37 เป็นเบต้าตัวบนนี่เป็นแอลฟ่าแอลฟ่าคีโตน
00:26:37 → 00:26:42 นี่เขากระตุ้นอินซูลินแรงเลยนะนะแล้วเป็น
00:26:42 → 00:26:46 เตี้คีโตนด้วยนะฮะแต่แมมเนี่ยเป็นคลน
00:26:46 → 00:26:49 คีโตนอันนี้เบต้าเป็นคลีนคีโตนอยู่แล้วนะ
00:26:49 → 00:26:51 ฮะครับๆๆ
00:26:51 → 00:26:55 ออ่ะเรามาเรียนรู้เรื่องคีโตนขยะนะฮะ
00:26:55 → 00:26:59 คีโตนขยะหรือ dey คีโตนนะฮะอ่านคีโตน
00:26:59 → 00:27:02 เนี่ยมันก็สร้างจากอาหารไขมันใช่มั้ยล่ะ
00:27:02 → 00:27:05 นะเรากินโล High Good Fat นะนะนอกจาก
00:27:06 → 00:27:09 นี้ตัวไขมันที่สะสมในร่างกายเราก็สามารถ
00:27:09 → 00:27:12 ถูกเผาผลาญน่ะกลายเป็นคีโตนได้ซึ่งก็แล้ว
00:27:12 → 00:27:17 แต่ว่าร่างกายเราอ่ะเอ่อสะสมไขมันมีต้น
00:27:17 → 00:27:20 ทางมาจากอะไรถ้าไขมันนั้นเนี่ยมาจากน้ำ
00:27:20 → 00:27:24 ตาลอ่าที่จะเปลี่ยนเป็นไตกีสไลแล้วกลาย
00:27:24 → 00:27:30 เป็นพิติแอซิด c16 ครับนะถ้าอย่างนี้นะฮะ
00:27:30 → 00:27:34 นะเวลาที่ร่างกายเวลาที่ร่างกายเผาผลาญไข
00:27:34 → 00:27:37 มันเนี่ยนะจะไปออกกำลังกายจะไปทำโปรลองฟา
00:27:37 → 00:27:42 อะไรต่างๆเราก็จะเกิด Dirty คีนนะฮะนะขณะ
00:27:42 → 00:27:45 เดียวกันถ้านะเรามีไขมันสะสมที่เป็นไขมัน
00:27:45 → 00:27:51 ดีนะฮะเช่นก็เป็นพิตินะ c16 นะแต่เป็นก
00:27:51 → 00:27:55 Fat นะอ่าเป็นก Fat จากเรียว Food อะไร
00:27:55 → 00:27:59 ต่างๆหรือการกินกินไอ้พวกไขมันที่เป็นน้ำ
00:27:59 → 00:28:03 สลัดทรีออยแต่มันอาจจะกินแล้วโอเวอร์เกิน
00:28:03 → 00:28:07 ไปนะในบางช่วงบางขณะนะในการซัมเมชั่นแล้ว
00:28:07 → 00:28:10 มันเกิดไขมันที่เยอะเกินไปเหล่าเนี้ยนะฮะ
00:28:10 → 00:28:13 เอ่อไขมันไตรกีสไลเหล่าเนี้ยก็เป็นไขมัน
00:28:13 → 00:28:17 อิ่มตัวที่ดีเวลาที่ร่างกายเผาผลาญเนี่ย
00:28:17 → 00:28:22 นะมันก็ไม่ได้ได้เป็นไอ้ตัวเตี้คีโตนนะนะ
00:28:22 → 00:28:26 ก็คือเตี้คีโตนเนี่ยนะก็คือคีโตนเนี่ยมัน
00:28:26 → 00:28:28 ที่มันเกิดขึ้นมาแล้วมันมีสิ่งแวดล้อม
00:28:28 → 00:28:31 อะไรนะที่เป็นต้นทางหรือเป็นปลายทางมา
00:28:31 → 00:28:35 ด้วยนะฮะอันเนี้ยความหมายมันเป็นอย่างนี้
00:28:35 → 00:28:38 นะงั้นให้รู้ว่าคีโตนเนี่ยมาจาก 2 ทางนะ
00:28:38 → 00:28:43 ฮะคืออาหารที่เรากินนะและไขมันที่เราสะสม
00:28:43 → 00:28:46 อยู่ซึ่งไขมันที่สะสมอยู่ก็มีทั้งต้นทาง
00:28:46 → 00:28:49 ที่ดีและไม่ดีนะในการที่จะเปลี่ยนเป็น
00:28:49 → 00:28:54 คีโตนนะฮะนะอ่าอะไรต้นน้ำกลางน้ำปลายน้ำ
00:28:54 → 00:28:57 อะไรเนี่ยนะฮะอนะสิ่งแวดล้อมเหล่านี้
00:28:57 → 00:29:01 เนี่ยมีผลที่จะทำให้เกิดเป็น Clean หรือ
00:29:01 → 00:29:06 เป็น Dirty คีโตนนะฮะคีโตนเนี่ยตลอดอ่า
00:29:06 → 00:29:09 เส้นทางของการเปลี่ยนแปลงต่างๆนะฮะนะซึ่ง
00:29:09 → 00:29:13 ไอ้ตัวเบต้า hydroxy bate เนี่ยเขาก็จะ
00:29:13 → 00:29:16 มีลูกศรไปกลับเป็นสามเหลี่ยมกับตัว
00:29:16 → 00:29:19 อะซิโตนอะซิโตนอะซิเตตอะไรต่างๆนะฮะสิ่ง
00:29:19 → 00:29:23 เหล่านี้เป็นกรดทั้งหมดนะร่างกายเราเ่อ
00:29:23 → 00:29:25 ถือว่าเเป็นกดอ่อนๆตลอดเส้นทางของการ
00:29:25 → 00:29:28 เปลี่ยนแปลงนะฮะ
00:29:28 → 00:29:31 เพราะฉะนั้นด้วยสภาพของความเป็นกรดนะร่าง
00:29:31 → 00:29:34 กายก็ถ้าเกิดมันมันร่างกายมันใช้ไม่ได้นะ
00:29:34 → 00:29:37 มันสร้างได้แต่มันใช้ไม่ได้อ่ามันใช้ไม่
00:29:37 → 00:29:39 ได้เนี่ยความเป็นกดเนี่ยร่างกายก็จะต้อง
00:29:39 → 00:29:43 มีการขับออกนะแล้วก็แล้วแต่ก็จะขับออกทาง
00:29:43 → 00:29:47 หายใจอะซิโตนหรือขับออกทางปัสสาวะเป็น
00:29:47 → 00:29:50 ซิโตอะซิเตตนะที่ไปกับยูรีนอะไรอย่าเงี้ย
00:29:50 → 00:29:53 นะเราก็จะตรวจเจอคีโตนน่ะ 1 + 2 + 3
00:29:53 → 00:29:54 +
00:29:54 → 00:29:59 นะอ่าอันนี้ต่อไปก็คือให้รู้ว่าเนื่องจาก
00:29:59 → 00:30:02 เซลล์สมองเนี่ยเขามีไมโตคอนเดรียมากที่
00:30:02 → 00:30:06 สุดเพราะฉะนั้นก็แน่นอนนะเซลล์สมองเขา
00:30:06 → 00:30:11 อยากได้คีโตนอ่ามากที่สุดนะฮะมากที่สุดนะ
00:30:11 → 00:30:15 แล้วการเกิดคีโตนที่จะเป็น Clean หรือ
00:30:15 → 00:30:19 เป็นเตี้เนี่ยเ่อก็จะมีผลกับเซลล์สมองมาก
00:30:19 → 00:30:22 นะฮะแล้วสมองถ้ามันผิดปกติที่เป็น Dirty
00:30:22 → 00:30:26 คีนมันก็จะแสดงอาการน่ะแล้วแต่เป็นเนฟ
00:30:26 → 00:30:29 เป็นงุนงงวิงงงอะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
00:30:29 → 00:30:34 อ๋ออก็บางทีอ่ะนะที่เรากินพลอาการคาฟต่ำ
00:30:34 → 00:30:37 แล้วเราทำ If เราออกกำลังกายอะไรต่างๆ
00:30:38 → 00:30:40 หลายเรื่องหลายราวล่ะที่ผลักดันให้ร่าง
00:30:40 → 00:30:44 กายเนี่ยสามารถเอ่อ Fat adap คีโตน adap
00:30:44 → 00:30:47 ได้หรือเข้าคีโตสิสได้เนี่ยแต่ผลที่เกิด
00:30:47 → 00:30:50 ขึ้นมันเป็นเตี้คีโตนเนี่ยมันก็อาจจะมีผล
00:30:50 → 00:30:54 ต่อสมองต่อกล้ามเนื้อต่อตับอะไรต่างๆอื
00:30:54 → 00:30:56 นั่นแหละฮะเนี่ยก็เรียกว่าเป็นปฏิกิริยา
00:30:56 → 00:31:01 ที่ว่าเออคุณก็คุณก็ก็ Fat เบอร์เนอร์
00:31:01 → 00:31:04 แหละแล้วเข้าคีโตสิสได้เนี่ยนะแต่มันเป็น
00:31:04 → 00:31:09 คลีนคีโตนหรือเป็นเตี้คีโตนล่ะนะเงั้น
00:31:09 → 00:31:14 คีโตนต้องคลีนไม่ใช่เตี้อะไรล่ะมีผลทำให้
00:31:14 → 00:31:19 เกิดภาวะคีโตนขยะเอืมันก็ 3 เรื่องนี้
00:31:19 → 00:31:23 แหละที่อยู่แวดล้อมนะฮะเพราะว่าต้นตอต้น
00:31:23 → 00:31:26 ทางจริงๆของการที่จะเกิดคีโตนได้ก็คือไข
00:31:26 → 00:31:29 มันนะเพราะฉะนั้นถ้าเป็นไขมันดีซะอย่าง
00:31:29 → 00:31:34 นึงมันก็เป็นคลีนคีโตนนั่นแหละนะฮะแต่เรา
00:31:34 → 00:31:37 ก็คงไม่ได้กินไขมันอย่างเดียวเป็นหลักนะ
00:31:37 → 00:31:41 ฮะนะเวลาเรากินเนี่ยเ่าการจัดสรรอาหารนะ
00:31:41 → 00:31:43 ที่มันเป็นสิ่งแวดล้อมที่มากับไขมันเนี่ย
00:31:43 → 00:31:46 ครับนะเช่นมีคาฟเนี่ยนะถ้าเราไม่ได้กินใน
00:31:47 → 00:31:49 แนวทางที่เราพอจะรู้ในเรื่องของโ C High
00:31:49 → 00:31:52 Good Fat นะเนี่ยมันก็เหมือนเเรียกว่า
00:31:52 → 00:31:56 กินไม่เป็นกินมั่วที่หมอชอบพูดนะอันที่ 1
00:31:56 → 00:32:00 คเนี่มันเป็นยังไงอ่ะเออมันเป็นมันเป็นก C
00:32:00 → 00:32:07 นะเอ่ออะไรน่ะก C เ C เหรือว่าหรือว่า
00:32:07 → 00:32:10 อะไรฟเร Food อะไรอย่างเงี้ยออร์แกนิอะไร
00:32:10 → 00:32:14 ต่างๆก็ว่าไปนะแต่ส่วนใหญ่เนี่ยปัญหาเตี้
00:32:14 → 00:32:18 คีนมันเกิดจากาฟแฝงฮะนะาฟแฝงนะพวกน้ำมัน
00:32:18 → 00:32:21 พวกแป้งอะไรต่างๆนะเดี๋ยวนี้มันแฝงกันมาซ
00:32:21 → 00:32:24 จะไม่รู้จะยังไงะครับอีกอันนึงก็คือเนี่ย
00:32:24 → 00:32:29 ปฏิกิริยาที่เรียกว่า R นะฮะนะซึ่งถ้า
00:32:29 → 00:32:31 เป็นทั้งาฟทั้งไขมันที่แปรรูปด้วยเนี่ยนะ
00:32:32 → 00:32:34 เพราะฉะนั้นความเป็น Dirty คีนก็มันจะ
00:32:34 → 00:32:38 ขนาดไหนล่ะนะฮะนะเพราะว่าแค่เป็นแค่
00:32:38 → 00:32:42 ธรรมชาติน่ะนะทั้งคาฟทั้งไขมันที่มันไม่
00:32:42 → 00:32:45 ได้แปรรูปอะไรมากเนี่ยนะมันก็เกิด rand
00:32:45 → 00:32:48 ไซคินะฮะที่มันก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เป็น
00:32:48 → 00:32:52 Dirty คีนอยู่แล้วนะฮะนะอันนี้นะฮะนะก็
00:32:52 → 00:32:56 ต้องระวังนะการกินค้าคู่กับไขมันซึ่งเรา
00:32:56 → 00:32:59 อ่ะถ้าเกิดเราคล่องๆแล้วเนี่ยเราก็จะรู้
00:32:59 → 00:33:02 เองอ่ะมองป๊าดก็รู้แล้วล่ะนะว่าอันนี้มัน
00:33:02 → 00:33:06 ค้าบวกไขมัน Random Reaction มาแน่ล่ะนะ
00:33:06 → 00:33:10 มามากมาน้อยนะแล้วก็ดูด้วยว่าเโพสขนาดไหน
00:33:10 → 00:33:14 เนาะอืครับอันต่อมานะฮะก็คือโปรตีนนะ
00:33:14 → 00:33:18 โปรตีนโปรตีนเนี่จะมี 2 นัยยะนะฮะนะอัน
00:33:18 → 00:33:22 ที่ 1 ก็คือโปรตีนที่มีสิ่งต่างๆนะที่
00:33:22 → 00:33:25 ร่างกายไม่อยากได้นะฮะอย่างเช่นคุณกิน
00:33:25 → 00:33:28 เนื้อสัตว์นะแต่คุณเอาไปทอดทอดไฟแรงทอด
00:33:28 → 00:33:32 นานๆหรือทอดซ้ำอะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะก็คือ
00:33:32 → 00:33:35 การปรุงนะหรือการใส่โน่นใส่นี่แต่งเติม
00:33:35 → 00:33:39 อะไรต่างๆนะเ่อก็คือแรกๆอ่ะต้นทางเป็นเร
00:33:39 → 00:33:42 Food นะมันเป็นเนื้อมันเป็นไข่มันเป็น
00:33:42 → 00:33:45 อะไรต่างๆแต่เสร็จแล้วคุณเอาไข่ไปทอดไป
00:33:45 → 00:33:49 เจียวอ่าเอาไข่ไปไปไปไปทำข้าวผัดไปอะไร
00:33:49 → 00:33:52 อย่างเงี้ยนะฮะนะอันนี้ความหมายคืออย่าง
00:33:52 → 00:33:55 นี้นะฮะนะซึ่งสิ่งเหล่าเนี้ยนะก็จะมีผลใน
00:33:55 → 00:33:59 ที่สุดแล้วเนี่ยนะสมมุติว่าก็คือกิน ow C
00:33:59 → 00:34:01 High GR fash อะไรอย่างนี้แหละนะแต่
00:34:01 → 00:34:05 ว่าเอ่อทำไมอ่ะมันไปได้เตี้คีนมันก็มีข้อ
00:34:06 → 00:34:10 อธิบายในแง่ของโปรตีนเออทำมายังไงนะปรุง
00:34:10 → 00:34:15 มายังไงนะหามายังไงนะฮะนะครับอีกอันนึงก็
00:34:15 → 00:34:19 คือภาวะที่มีการกินโปรตีนล้นเกินนะฮะนะ
00:34:19 → 00:34:23 กินโปรตีนล้นเกินก็ในที่สุดจะไปเกิด
00:34:23 → 00:34:26 เรื่องของแอลฟ่าคีโตนนะฮะแอลฟ่าคีโตน
00:34:26 → 00:34:30 เนี่ยเค้าเรียกว่าคีโตรอลคีโอนะอเดี๋ยวจะ
00:34:30 → 00:34:35 เห็นครับๆอันนี้ก็เป็นพวกอ่าคีโตนประเภท
00:34:35 → 00:34:38 นึงแต่เป็นคีโตนไม่ดีแล้วแอลฟ่าคีโตน
00:34:38 → 00:34:42 เนี่ยมันเป็นสัญญาณนะว่าเฮ้ยกินโปรตีน
00:34:42 → 00:34:47 เยอะนะฮะนะแล้วโปรตีนเนี่ยนะโปรตีนที่
00:34:47 → 00:34:50 เกินอเนี้ยนะฮะนะร่างกายมีการเปลี่ยนเป็น
00:34:50 → 00:34:53 น้ำตาลแล้วส่วนหนึ่งก็เป็นคีโตนนะฮะ
00:34:53 → 00:34:57 อืแล้วก็เป็นคีโตนแต่เป็นคีโตนโนไม่ดีอ่ะ
00:34:57 → 00:35:00 เอาไปใช้ไม่ได้เอาไปใช้ไม่ได้นะแล้วก็เอา
00:35:00 → 00:35:05 ไปเก็บนะฮะส่วนพอเป็นน้ำตาลปุ๊บนะเอ่อพอ
00:35:05 → 00:35:07 ไม่ได้ใช้ก็ต้องเอาไปเก็บก็เปลี่ยนเป็น
00:35:07 → 00:35:11 ไตรกีสไลแล้วก็ใครมาอินซูลินมานะแล้วเวลา
00:35:11 → 00:35:15 อัลฟ่าคีโตนต้องเอาไปเก็บใครมาอินซูลินมา
00:35:15 → 00:35:17 นะเพราะฉะนั้นในที่สุดแล้วเนี่ยพวกนี้ก็
00:35:17 → 00:35:20 คือเกิดภาวะดื้ออินซูลินนะฮะในที่สุดนะ
00:35:20 → 00:35:23 เตี้คีโตนก็จะมีความหมายในเรื่องการดื้อ
00:35:23 → 00:35:29 อินซูลินและอ่าการเกิดเ่อมันจะตีกลับน่ะ
00:35:29 → 00:35:32 นะเอ่อกลายเป็นขบวนการที่เกิดเรื่องเกิด
00:35:32 → 00:35:36 โรคอะไรหลายอย่างนะฮะครับนะจากภาวะดื้อ
00:35:36 → 00:35:39 อินซูลินนี่แหละนะฮะนะอีกอันนึงก็คือไข
00:35:39 → 00:35:42 มันที่เป็น unhealthy Fat นะฮะนะอันนี้
00:35:42 → 00:35:45 เราก็พอรู้แล้วล่ะนะก็เยอะแยะมากเลยนะ
00:35:45 → 00:35:49 ทั้งชนิดของไขมันที่แปรรูปน้ำมันพืชไขมัน
00:35:49 → 00:35:54 ทานนะหรือการปรุงอ่าไม่ถูกนะฮะครับเพราะ
00:35:54 → 00:35:59 กินไม่เป็นเนานี่ไงผลของเตี้คีโตนเนี่ยนะ
00:35:59 → 00:36:04 ฮะนะนะน้ำหนักลดลงสัดส่วนลดลงคือคือคีโตน
00:36:04 → 00:36:08 เนี่ยคีโตนก็คืออะไรก็คือคือเรื่องของการ
00:36:08 → 00:36:12 เอ่อการที่เป็นเป็นการเผาผลาญไขมันได้นะ
00:36:12 → 00:36:16 ฮะนะแล้วถ้าไขแผวเผาผเผาผังไขมันได้น้ำ
00:36:16 → 00:36:20 หนักลดความอ้วนลดสัดส่วนลดนะฮะอแต่บาง
00:36:20 → 00:36:23 สิ่งบางอย่างเราต้องมาดูต่อนะนะว่าคีโตน
00:36:24 → 00:36:27 ที่ได้มาเนี่ยนะสิ่งเหล่านี้ดีในด้านบวก
00:36:27 → 00:36:30 แต่ในด้านลบเนี่ยร่างกายอาจจะตีกลับมา
00:36:30 → 00:36:33 เป็นการดื้ออินซูลินเ่อบางคนเกิดนิ่วใน
00:36:33 → 00:36:36 ถุงน้ำดีนิ่วในไตมีภาวะกระดูกพรนครับอ่า
00:36:36 → 00:36:40 แล้วก็สัดส่วนร่างกายลดลงอ่ะนะฮะเร็วๆนี้
00:36:40 → 00:36:43 ก็มีเคสที่ว่าเคยสูง 150 แล้วลดลงมาเหลือ
00:36:43 → 00:36:47 130 จริงึเปล่าไม่รู้อ่ะเออเดียนะนส่วน
00:36:47 → 00:36:50 สูงส่วนสูงหรือน้ำหนักนะพี่หมอรู้ส่วนสูง
00:36:50 → 00:36:54 ส่วนสูงฮะเออ 150 ดเหลือ 130 โอมันลงมา
00:36:54 → 00:36:57 ได้ยังไงตั้งเยอะอ่ะ 20 ซนันั่นแหละนะฮะ
00:36:57 → 00:37:01 เราก็ยังต้องสืบเสาเราเรื่องก่อนอ่อนเพีย
00:37:01 → 00:37:07 ผมร่วงนะฮะนอนไม่หลับความดันสูงนะก็คือ
00:37:07 → 00:37:11 เนี่ยนะมันมีเคสต่างๆนะฮะที่ว่าเา้าก็กิน
00:37:11 → 00:37:14 low C High Fat กิน CD kcd นะแต่
00:37:14 → 00:37:18 ทำไมเมาเกิดสิ่งเหล่านี้ทั้งๆที่เตัดคฟเ
00:37:18 → 00:37:22 low very low Car นะฮะนะแล้วก็บางคน
00:37:22 → 00:37:27 ก็ทำ If ทำอะไรตรร่วมด้วยนะฮะนะแต่ปรากฏ
00:37:27 → 00:37:31 ว่าขบวนการเกิด Fat adap คี adap หรือ
00:37:31 → 00:37:35 ภาวะคีโตซิสเนี่ยมันเป็นคีโตซิสในอีกด้าน
00:37:35 → 00:37:39 นึงอ่ะนะที่จะเกิดภาวะการตีกลับเพราะว่า
00:37:39 → 00:37:42 คุณไปเกิดเรื่องของ dey คีนขึ้น
00:37:43 → 00:37:47 มาคือจริงๆต้องบอกก่อนว่าคีโตนไม่ได้เกิด
00:37:47 → 00:37:51 ยากนะฮะนะคีโตนก็เกิดง่ายทั้ง Fat adap
00:37:51 → 00:37:54 ทั้งคีน adap เนี่ยถ้าเรามีความตั้งใจ
00:37:54 → 00:37:57 จริงในเรื่องของแนวทางสุขภาพแบบเเยนะซึ่ง
00:37:57 → 00:37:59 คนที่เข้ามาส่วนใหญ่เเค้าก็ไม่ได้เข้ามา
00:37:59 → 00:38:02 เล่นๆหรอกเก็อยากมีหวังผลน่ะนะฮะเคก็
00:38:03 → 00:38:06 พยายามตั้งใจจริงอ่ะนะแต่ความสำเร็จที่
00:38:06 → 00:38:09 เกิดขึ้นนะฮะของการเผาผลาที่เป็น Fat
00:38:09 → 00:38:12 adap ก็ดีหรือคีโตน adap ก็ดีเนี่ยมัน
00:38:12 → 00:38:16 อาจจะมีความแตกต่างกันนะโดยเฉพาะเมื่อถึง
00:38:16 → 00:38:19 ขั้นเป็นคีโตนแล้วเป็นเตี้คีโตนเนี่ยแต่
00:38:19 → 00:38:23 มันมาลงเด้วยโรคคล้ายๆเจ็บตีกับอมงคลแล
00:38:23 → 00:38:26 น้ำตาลสูงไม่ลดไตกีสรายก็สูงนะฮะฮีโมมิน
00:38:27 → 00:38:32 a1c ไม่ลดนะฟมอเ่อพุ่งขึ้นเรื่อย
00:38:32 → 00:38:40 ๆพวกนี้เป็นผลตีกลับนะก็คือเตี้คีนนะมัน
00:38:40 → 00:38:45 ไปอิการเกิดภาวะดื้ออินซูลินนะขึ้นมาอีก
00:38:46 → 00:38:50 ทางนึงอ่ะนะแต่ไม่ใช่ทางที่เป็นแบบกินคาฟ
00:38:50 → 00:38:53 เยอะๆอะไรอย่างนั้นแล้วดื้ออินซูลินจาก
00:38:53 → 00:38:56 จากคาฟแต่มันดื้ออินซูลินจากจากอันเนี้ย
00:38:56 → 00:39:00 จากไขมันจากโปรตีนอะไรต่างๆเนี่ยที่เกิด
00:39:00 → 00:39:01 แอลฟ่า
00:39:01 → 00:39:06 คีโตนเพราะฉะนั้นเนี่ยนะไขมันดีและสาร
00:39:06 → 00:39:11 อาหารที่ดีในการแวดล้อมไขมันเนี่ยนะฮะรวม
00:39:11 → 00:39:14 ทั้งการกินแบบ ow C High Fat ที่ถูก
00:39:14 → 00:39:17 ต้องเหมาะสมคือหัวใจที่สำคัญที่สุดของ
00:39:17 → 00:39:23 ครีม
00:39:23 → 00:39:28 คีโตนทีนี้เราก็จะมาถึงเรื่องที่มีคำถาม
00:39:28 → 00:39:32 เนี่ยว่า E adap กับ Fat adapt มันคือ
00:39:32 → 00:39:36 อะไรมันแตกต่างกันยังไงนั่นแหละครับึ
00:39:36 → 00:39:38 เนี่ยเราก็จะมีข้อสรุป 3 เรื่องนี้แหะมัน
00:39:38 → 00:39:42 แตกต่างกันที่การสร้างแตกต่างกันที่การ
00:39:42 → 00:39:45 ใช้งานนะฮะนะก็คือสิ่งเหล่าเมันเป็นการ
00:39:45 → 00:39:50 เผาผลาญพลังงานพลังงานที่เกิดขึ้นนะเจาก
00:39:50 → 00:39:53 การเป็น Fat adap กับ ket adap เนี่ย
00:39:53 → 00:39:57 เวลาเอไปใช้งานเนี่ยนะฮะมันจะมีข้อแตก
00:39:57 → 00:40:00 การสร้างแตกต่างใช้งานแตกต่างผลลัพธ์แตก
00:40:00 → 00:40:04 ต่างนะฮะแต่ประเด็นหลักเนี่ยนะของความแตก
00:40:04 → 00:40:07 ต่างที่ชัดเจนคือการสร้างนะฮะการสร้าง
00:40:07 → 00:40:11 ระหว่าง ket adap กับ Fat adap คือการ
00:40:11 → 00:40:14 สร้าง ket adap เนี่ยนะฮะเพื่อสร้าง
00:40:14 → 00:40:17 คีโตนเนี่ยเพื่อสร้างคีโตนแล้วเอาคีโตนไป
00:40:17 → 00:40:19 เป็นพลังงานหรือไปเป็นฮอร์โมนหรือไปทำ
00:40:19 → 00:40:22 ประโยชน์กับร่างกายเราเนี่ยนะอันนี้เรา
00:40:22 → 00:40:25 ต้องมีความตั้งอกตั้งใจมีความรู้มีการ
00:40:25 → 00:40:30 เตรียมตัวนะฮะเพราะว่าเงื่อนไขที่จะเกิดี
00:40:30 → 00:40:32 adap เนี่ยมันมี 1 2
00:40:32 → 00:40:38 3 ก็คือ 1 นะอินซูลินจะต้องต่ำเป็นระยะ
00:40:38 → 00:40:43 เวลานานพอสมควรนะคือไม่ใช่ต่ำแบบคือต่ำ
00:40:43 → 00:40:46 แล้วต้องต่ำแล้วเสถียรน่ะคือต่ำแล้วต้อง
00:40:47 → 00:40:52 ต้องยาวนานไปหน่อยๆนะฮะอันที่ 2 ร่างกาย
00:40:52 → 00:40:55 หรือเซลล์ก็จะต้องมีไขมันดี Good Healthy
00:40:55 → 00:41:00 fat นะเพื่อจะเกิดการเผาผลาญนะฮะเพราะ
00:41:00 → 00:41:04 ว่าตอนเนี้ยเราตัดคาฟเราทำให้อินซูลินลด
00:41:04 → 00:41:10 ต่ำลงไม่มารบกวนนะนะที่นะเซลล์ของตับนะจะ
00:41:10 → 00:41:13 เกิดการสร้างนะหรือการเผาผลาญไขมันจน
00:41:13 → 00:41:17 กระทั่งเป็นคีโตนนะอันที่ 3 ก็คือจะต้อง
00:41:17 → 00:41:22 มีตัวช่วยก็คือสารอาหารต่างๆที่จะมาเป็น
00:41:22 → 00:41:25 องค์ประกอบในการเผาผานพลังงานจากไขมัน
00:41:25 → 00:41:27 เพราะว่าเวลาเาเราเผาผานพลังงานจากไขมัน
00:41:27 → 00:41:31 เนี่ยเราจะได้ตัว ATP ค่อนข้างเยอะนะแล้ว
00:41:31 → 00:41:34 ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนะฮะเาต้องใช้วัตถุ
00:41:34 → 00:41:37 ดิบหลายอย่างโดยเฉพาะเกลือแร่นะฮะแล้ว
00:41:37 → 00:41:39 เกลือแร่ 3 ตัวเนี่ยสำคัญที่สุดก็คือ
00:41:39 → 00:41:43 โปแทสเซียมแมกนีเซียมโซเดียมนะฮะอ่าเหล่า
00:41:43 → 00:41:46 นี้มีความสำคัญมากในเรื่องของกระบวนการ
00:41:46 → 00:41:51 เผาผ่านนะฮะเกลือแร่วิตามินฮะถ้าวิตามิน
00:41:51 → 00:41:55 ก็คือตัว B1 นะฮะงั้นทั้งวิตามินทั้ง
00:41:55 → 00:41:58 เกลือแร่อะไรต่างๆนะอ่าจะต้องเพียบพร้อม
00:41:58 → 00:42:01 บริบูรณ์นะสำหรับการเผาผลาญไขมันเป็นพลัง
00:42:01 → 00:42:06 งานจนกระทั่งได้เป็นสารคีโตนนะฮะอย่าง B1
00:42:06 → 00:42:08 เนี่ยในสัตว์ก็จะมีมากกว่าพืชอยู่แล้วนะ
00:42:08 → 00:42:11 ฮะเราก็ไม่ค่อยห่วงเพราะยังไงเราก็กินอ่า
00:42:11 → 00:42:15 โลคาฟที่มันไอไ typ โปรตีนอยู่แล้วแต่
00:42:15 → 00:42:20 โปแตสเซียมนะกับแมกนีเซียมอันเนี้ยนะ
00:42:20 → 00:42:24 สำคัญที่สุดนะต้องมาจากพืชนะฮะต้องมาจาก
00:42:24 → 00:42:28 พืชนะนะเพราะฉะนั้นการกินผักใบผักหัวผัก
00:42:28 → 00:42:32 ผงผักดองอะไรต่างๆนะก็จะต้องมีนะฮะจะต้อง
00:42:32 → 00:42:36 มีเพราะว่าเราจะอาศัยโปแตสเซียมที่มาจาก
00:42:36 → 00:42:41 สัตว์อย่างเดียวอ่ะไม่ได้เ่านะมันมันมัน
00:42:41 → 00:42:46 ไม่เเรียกมันไม่ po มันไม่ potential อ่า
00:42:46 → 00:42:50 เท่ากับมันไม่มีศักยภาพนะดีเท่ากับจากพืช
00:42:50 → 00:42:53 นะฮะนะเพราะฉะนั้นแหล่งเกือแรกพวกเนี้ย
00:42:53 → 00:42:58 ต้องมาจากพืชผักไม่ใช่ผลไม้นะฮะย้ำนะอย่า
00:42:58 → 00:43:02 ยุคนี้พ.ศนี้นี่ปีใหม่ปีนี้เนี่ยนะฮะอย่า
00:43:02 → 00:43:05 ไปวนเวียนเรื่องเกลือแร่ที่อยู่ในผลไม้นะ
00:43:05 → 00:43:08 เราตัดประเด็นนี้ออกไปได้เลยนะเราต้องการ
00:43:08 → 00:43:11 เกลือแร่เราต้องกินคาบางอย่างก็จริงแต่
00:43:11 → 00:43:15 ต้องมาจากหมวดหมู่ที่เป็นผักอ่าไม่ใช่
00:43:15 → 00:43:20 ผลไม้นะฮะนะคนละอย่างกันเนาะทีนี้ในกรณี
00:43:20 → 00:43:23 ของ Fat adapt เนี่ยนะเขาก็ไม่ได้
00:43:23 → 00:43:25 ต้องการอะไรมากมายอย่างนี้นะฮะนะคือ fat
00:43:25 → 00:43:29 adap ไม่ได้เกิดยากนะฮะนะเช่นอะไรอ่ะนะ
00:43:29 → 00:43:34 คุณอ่าแควอินแค Out อ่ะคุณลดแคลอรี่ลงนะ
00:43:34 → 00:43:39 คุณอะไรทำอ่าอ่าออกกำลังกายเยอะๆนะฮะนะ
00:43:39 → 00:43:42 คือมีเนี่ยไม่ไม่ต้องตั้งใจก็ได้นะฮะ
00:43:42 → 00:43:45 จำกัดเ่อกินน้อยลงอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะ
00:43:45 → 00:43:48 มันมันก็เผาผลาญไขมันไกิสไลยเป็นพลังงาน
00:43:48 → 00:43:52 แล้วนะฮะเพราะว่าการเผาผลแค่เนี้ยนะฮะมัน
00:43:52 → 00:43:53 ไม่ได้เกิดยากแล้วมันไม่ได้ยุ่งยากอะไร
00:43:53 → 00:43:56 เอ่อก็เผาๆไปแต่ถามว่าว่า Fat adap
00:43:56 → 00:44:00 เนี่ยมันมีคีโตนมยนะบางทีมันก็มีคีโตนแต่
00:44:00 → 00:44:04 มันไม่ได้มีคีโตนมากมายนะฮะนะหลายคนก็
00:44:04 → 00:44:07 พยายามอดพยายามจำกัดแคลอรี่อะไรต่างๆเป็น
00:44:07 → 00:44:10 ระยะเวลายาวนานมันก็ทั้ง Fat adapt นะ
00:44:10 → 00:44:14 แล้วก็แล้วก็บางครั้งมันก็เกิดคีโตนด้วย
00:44:14 → 00:44:18 แต่คีโตนมันจะมาแบบโบๆๆๆมันไม่เสถียรนะฮะ
00:44:18 → 00:44:22 มันไม่เสถียรนะและเาก็ถือว่าการเกิด S
00:44:22 → 00:44:25 adaptation เนี่ยคุณจะไม่ได้คีโตนถึง
00:44:25 → 00:44:28 ระดับที่เซล์จะนำมาเป็นใช้งานเป็น
00:44:28 → 00:44:31 ประโยชน์ได้อันนี้ก็คือข้อแตกต่างอันนี้
00:44:31 → 00:44:34 คือเรื่องของการสร้างนะฮะส่วนการใช้งาน
00:44:35 → 00:44:37 กับผลลัพธ์อะไรต่างๆเนี่ยเดี๋ยวเราจะมี
00:44:37 → 00:44:41 พูดในภาคต่อไปแล้วจะค่อยกลับมาสรุปอีกที
00:44:41 → 00:44:46 นะฮะเทีนี้เ่าตอนเนี้ยหมอจะย้อนกลับมานิด
00:44:46 → 00:44:52 นึงนะฮะเดี๋ยวขอดูสไลด์ต่อไปก่อนนี่นะ
00:44:52 → 00:44:55 เอก่อนที่เราจะไปถึงอันนี้เนี่ยจะมี
00:44:56 → 00:44:59 อารัมภบทนิดหน่อยนะฮะนะคือคีโตนเนี่ยเ
00:44:59 → 00:45:02 เป็นพลังงานธรรมชาติในร่างกายของคนและ
00:45:02 → 00:45:06 สัตว์นะทุกตัวตนนะฮะอีโตนเนี่ยมันจะต้อง
00:45:07 → 00:45:10 เกิดมาจากบทหมู่อาหารก็คือไขมันไม่ว่าจะ
00:45:10 → 00:45:13 เป็นไขมันจากอาหารหรือไขมันที่เราสะสม
00:45:13 → 00:45:17 เก็บสะสมไว้นะฮะคนและสัตว์จะสะสมพลังงาน
00:45:17 → 00:45:22 ในรูปของไขมันนะไว้แบบ unlimit นะฮะ
00:45:22 → 00:45:26 unlimit นะฮะนะแต่เราอ่ะไม่ไม่ได้สะสม
00:45:26 → 00:45:31 พวกน้ำตาลหรือคาบนะแบบเดียวกับไขมันนะ
00:45:31 → 00:45:36 เพราะว่าเราจะสะสมในแค่คือแค่จำกัดไม่
00:45:36 → 00:45:40 เยอะนะฮะที่ตับก็ไม่เกิน 100 กรัมนะกลาย
00:45:40 → 00:45:44 เป็นไกลโคเจนนะฮะเพื่อรอขบวนการกลูโคโนสิ
00:45:44 → 00:45:47 ส่วนที่กล้ามเนื้อก็ประมาณ 300-500 กรัม
00:45:47 → 00:45:51 นะฮะอันนี้สต๊อกนะในการสะสมอ่าพลังงานจาก
00:45:51 → 00:45:55 คาฟที่เกินมันมีแค่นี้นะฮะนะแต่ไขมันนี่
00:45:55 → 00:45:59 นี่มัน unlimit นะนะ unlimit ที่สะสมไว้
00:45:59 → 00:46:01 กลายเป็นเป็นแสนๆเป็นเค้าเรียกว่าเป็น
00:46:01 → 00:46:07 ระดับแสนกิโลแควนะฮะนะที่เราสะสมไว้นะอ่า
00:46:07 → 00:46:11 สาเหตุก็เพราะว่าในแต่ก่อนของวิวัฒนาการ
00:46:11 → 00:46:13 ของคนเราเนี่ยนะเพราะเราก็ไม่รู้หรอกว่า
00:46:14 → 00:46:17 จะมีอาหารกินทุกวีทุกวันแบบนี้มั้ยนะฮะนะ
00:46:17 → 00:46:23 หรือจะต้องประสบกับนะเอ่ออะไรอ่ะเอ่ออะไร
00:46:23 → 00:46:26 ภัยพิบัติอะไรต่างๆตามธรรมชาติที่มันมามี
00:46:26 → 00:46:29 กันเยอะแยะนะฮะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยนะก็
00:46:29 → 00:46:32 เป็นวิวัฒนาการของคนเราอ่ะนะที่จะต้องมี
00:46:32 → 00:46:35 การสะสมพลังงานในรูปแบบนี้นะฮะอีกอย่าง
00:46:36 → 00:46:39 นึงจะเห็นว่าการสะสมไขมันเนี่ยมันมีความ
00:46:39 → 00:46:43 เป็นพิษน้อยมากนะมันมีความเป็นพิษน้อยนะ
00:46:43 → 00:46:47 แล้วไขมันที่สะสมไว้เนี่ยนะ 1 โมเลกุล
00:46:47 → 00:46:50 อย่างเงี้ยมันให้พลังงานเยอะเวลาที่จะนำ
00:46:50 → 00:46:53 มาใช้นะต่างจากไอ้พวกการสะสมคาฟหรือ
00:46:53 → 00:46:56 ไกลโคเจนอันนั้น 1 โมเลกุลก็ 4 แต่ไขมัน
00:46:56 → 00:47:00 มัน 9 นะแล้วเวลาเราสะสมอ่อคาฟหรือ
00:47:00 → 00:47:03 ไกลโคเจนเนี่ยเราต้องเอาน้ำมาล้อมมันอีก 3
00:47:03 → 00:47:07 เท่าอ่ะนะฮะนะไกลโคเจน 1 กรัมอย่างเงี้ย
00:47:07 → 00:47:10 ต้องมีน้ำบวกเข้าไปอีก 3 กลายเป็น 4 กรัม
00:47:10 → 00:47:13 อย่างเงี้ครับนะมันต้องมีน้ำมาด้วยนะอัน
00:47:13 → 00:47:16 นี้ก็เป็นข้อเสียหรือข้อแตกต่างกันแล้ว
00:47:16 → 00:47:20 อเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อไหร่ก็ตามที่เราจะ
00:47:20 → 00:47:24 ต้องนำเอาพลังงานเหล่าเนี้ยมาใช้นะฮะมา
00:47:24 → 00:47:28 ใช้มาเผาผลาญหรือง่ายๆนะตอนที่เราเจ็บ
00:47:28 → 00:47:32 ป่วยใช่มนะเวลาเจ็บป่วยเนี่ยนะร่างกายก็
00:47:32 → 00:47:35 จะมีเ่อกระบวนการหรือมีปรากฏการณ์น่ะนะ
00:47:35 → 00:47:40 ที่ทำให้เราหยุดหรือพักนะเพื่อเยียวยา
00:47:40 → 00:47:42 รักษาตัวเองซึ่งในขั้นตอนนั้นเนี่ยก็มี
00:47:42 → 00:47:45 การเผาผานพลังงานหรือใช้พลังงานก็คือจาก
00:47:45 → 00:47:48 ไขมันนี่แหละนะฮะนะแล้วก็อาจจะได้เผาถึง
00:47:48 → 00:47:52 ขั้นเป็นคีโตนด้วยนะกดไขมันอิสระด้วยนะฮะ
00:47:52 → 00:47:56 นะนอกจากนี้ก็ก็ทำให้เรารู้สึกเบื่ออาหาร
00:47:56 → 00:47:59 นะซึ่งเป็นสัญญาณที่นะจะพยายามใช้พลังงาน
00:47:59 → 00:48:01 ที่สะสมอยู่ในตัวเอง
00:48:01 → 00:48:06 เนเอ่อปกติเนี่ยในเรื่องของคีโตนเนี่ยนะ
00:48:06 → 00:48:10 ฮะนะเราจะต้องทำความเข้าใจ 3 เรื่องนะฮะ 3
00:48:10 → 00:48:12 เรื่องเนี้ยเป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ
00:48:12 → 00:48:15 เรื่องของคีโตนนะเกี่ยวกับเรื่องคีโตนนะ
00:48:15 → 00:48:19 ก็คือข้อที่ 1 นะฮะการจะเกิดคีโตนได้
00:48:19 → 00:48:22 เฉพาะคีโตนเนี่ยนะฮะนะร่างกายจะต้องได้
00:48:22 → 00:48:27 รับการสอนให้สร้างและสอนให้ใช้นะฮะเพราะ
00:48:27 → 00:48:30 ธรรมชาติของร่างกายนะในคนปัจจุบันอันนี้
00:48:30 → 00:48:33 เอาคนคนปัจจุบันนะไม่เอาคนแต่สมัยก่อน
00:48:33 → 00:48:37 แล้วนะครับเอ่อตั้งแต่เกิดนะจนกระทั่ง
00:48:37 → 00:48:41 เป็นตัวเป็นตนจนกระทั่งถึงเป็นผู้ใหญ่
00:48:41 → 00:48:44 แล้วก็ป่วยแล้วเนี่ยนะฮะเราไม่ได้ถูกฝึก
00:48:44 → 00:48:49 ฝนในเรื่องของเอ่อการใช้ไขมันเป็นพลังงาน
00:48:49 → 00:48:53 เลยนะฮะเราไม่ได้ถูกฝึกฝนไม่ฝูกฝนหมายถึง
00:48:53 → 00:48:56 ว่าไม่ได้มีการสอนนะให้ใช้ไขมันเป็นพลัง
00:48:56 → 00:49:01 งานนะและขณะเดียวกันนะนะร่างกายนะสร้าง
00:49:01 → 00:49:04 อ่าร่างกายก็ใช้ไม่เป็นด้วยนะฮะร่างกาย
00:49:04 → 00:49:09 มันใช้ไม่เป็นนะฮะนะเอเพราะฉะนั้นแรกๆ
00:49:09 → 00:49:13 เนี่ยถ้ามีการเผาผันอ่าไขมันเป็นพลังงาน
00:49:13 → 00:49:16 มีการสร้างคีโตนแต่ร่างกายจะใช้พลังงาน
00:49:16 → 00:49:19 ที่เผาจากไขมันไม่ได้ใช้คีโตนไม่ได้ครับ
00:49:19 → 00:49:22 นะเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาช่วงแรกๆที่เรา
00:49:22 → 00:49:26 กลายเป็น Fat burner นะหรือเราปิดอ่า
00:49:26 → 00:49:30 หมุนเวียนจากากการเป็นคาฟไปเป็นอ่า Fat
00:49:30 → 00:49:32 burner อะไรเงี้ยเราก็จะหมดแรงเราจะหมด
00:49:32 → 00:49:36 แรงหมดพลังนะเราจะไปออกแรงออกกำลังอะไร
00:49:36 → 00:49:40 ต่างๆไม่ได้นะฮะหรือหายป่วยไข้อะไรใหม่ๆ
00:49:40 → 00:49:43 เหล่าเนี้ยนะเอ่อพวกเนี้ร่างกายมันก็ต้อง
00:49:43 → 00:49:48 มาจูนใหม่มันต้องมารีอะไรอ่ะ reuse ร
00:49:48 → 00:49:50 Balance อะไรใหม่นะ
00:49:50 → 00:49:55 ฮะอืครับผมอย่างไรก็ดีนะฮะนะต้องมีความ
00:49:55 → 00:50:01 เข้าใจนิดนึงว่านะร่างกายเขาก็ไม่ได้พฟร
00:50:01 → 00:50:04 ที่จะใช้คีโตนอย่างเดียวนะฮะนะร่างกายจะ
00:50:04 → 00:50:07 ต้องมีภาวะ metabolic flexible หรือมี
00:50:07 → 00:50:11 ความยืดหยุ่นนะใช้ได้ทั้งน้ำตาลและคีโตน
00:50:11 → 00:50:14 แต่แน่ล่ะสัดส่วนที่จะต้องใช้คีโตนเป็น
00:50:14 → 00:50:16 พลังงานหรือใช้แคมันเป็นพลังงานต้องมาก
00:50:16 → 00:50:21 มากๆกว่าน้ำตาลนะเพราะฉะนั้นเวลาที่เรา
00:50:21 → 00:50:23 ต้องการจะให้เกิด Fat adap ket adap
00:50:23 → 00:50:27 นะหรือเป็น fat burner คีโตสิสได้นะเรา
00:50:27 → 00:50:32 ต้องมีการสอนนะฮะนะให้เข้าสู่ภาวะคีโตสิส
00:50:32 → 00:50:36 นะใช้แฟตเป็นพลังงานและสอนให้ร่างกายใช้
00:50:36 → 00:50:39 พลังงานที่ได้ได้อ่าจากการเผาผลาญไขมัน
00:50:39 → 00:50:43 หรือจากการได้คีโตนนะฮะขณะเดียวกันก็จะ
00:50:43 → 00:50:48 ต้องไม่ลืมนะที่จะทำให้ร่างกายน่ะกลับมา
00:50:48 → 00:50:51 เผาน้ำตาลด้วยนะฮะเป็นบางครั้งคราวเพราะ
00:50:51 → 00:50:55 ฉะนั้นเราถึงได้มีการชีท Day อ่ามีาฟไซ
00:50:55 → 00:50:58 King นะเฉลี่ยแล้วก็คือทุกๆจริงๆแล้วทุก
00:50:58 → 00:51:02 ๆ 10 วันนะต่อ 1 หรือ 2 วันนะฮะแต่คนเรา
00:51:02 → 00:51:06 ส่วนใหญ่ก็สะดวกกันในเรื่องของเอ่อ 7 วัน
00:51:06 → 00:51:11 นะต่อ 1 วันน่ะนะสัปดาห์นึงก็มีี day มี
00:51:11 → 00:51:14 มีไอคฟ cing สักประมาณวันนึงอะไรเงี้ย
00:51:14 → 00:51:18 ครับอันเนี้ยอันเนี้ยคือคือจุดประสงค์นะ
00:51:18 → 00:51:20 ที่เราต้องทำความเข้าใจและคนส่วนใหญ่เป็น
00:51:20 → 00:51:23 ทำความเข้าใจผิดคือคนเอยากเป็น Fat
00:51:23 → 00:51:25 burner เก็จะเป็น Fat burner ยาวนาน
00:51:25 → 00:51:30 ตลอดกาลแลตลอดไปมันก็ไม่ใช่มันไม่ใช่นะฮะ
00:51:30 → 00:51:33 นะเพราะว่าไม่งั้นแล้วเนี่ยนะก็แล้วแต่บอ
00:51:33 → 00:51:35 type ของร่างกายด้วยน่ะนะจะมีความ
00:51:35 → 00:51:37 sensitive หรือว่าจะมีข้อดีข้อเสียเกิด
00:51:37 → 00:51:41 ขึ้นเร็วช้าเนาะอออันเนี้ยมันหมายถึงทั้ง
00:51:41 → 00:51:44 คนผอมคนอ้วนไม่ว่าจะเป็นบอดี้ type ชนิด
00:51:44 → 00:51:48 ไหนนะฮะนะอันนี้เราต้องเข้าใจในเรื่องการ
00:51:48 → 00:51:53 การสอนนะแล้วการสอนเนี่ยการสอนให้ร่างกาย
00:51:53 → 00:51:56 ใช้ไขมันเป็นพลังงานหรือการสอนให้ร่างกาย
00:51:56 → 00:51:59 ให้เซลล์มันสร้างคีโตนเนี่ยนะฮะต้องสอนใน
00:51:59 → 00:52:03 เวลาที่กินไม่สอนในเวลาที่อดนะฮะครับนะ
00:52:03 → 00:52:06 ไม่สอนในเวลาที่อดเพราะฉะนั้นมันจะต้อง
00:52:06 → 00:52:09 เริ่มที่การกินเป็นนะกินเป็นกินถูกต้อง
00:52:09 → 00:52:14 ด้วยนะฮะถ้าอยากจะได้ให้เผาไขมันแล้วก็
00:52:14 → 00:52:18 ได้ได้คีโตนเนี่ยนะฮะทีนี้อันต่อมาก็คือ
00:52:18 → 00:52:22 นะความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งก็คือคนเนี่ยนะ
00:52:22 → 00:52:26 อยากเป็น Fat เบอร์เนอร์ตลอดเวลานะหรือ
00:52:26 → 00:52:30 เป็นให้นานที่สุดนะเป็นให้นานที่สุดเท่า
00:52:30 → 00:52:35 ที่จะนานได้นะอนี้ไม่ถูกนะเพราะนะเมื่อ
00:52:35 → 00:52:38 กี้บอกไปแล้วนะเราจะเกิดภาวะกลูโคส
00:52:38 → 00:52:42 intolerance นะฮะนะหรือภาวะที่เเรียกว่า
00:52:42 → 00:52:47 inulin Hyper sensitivity นะฮะนะซึ่ง
00:52:47 → 00:52:52 เมื่ออยู่ในคีโตสิสไปนานๆเผาไขมันไปนานๆ
00:52:52 → 00:52:55 นะร่างกายก็จะลืมแล้วไม่รู้จักที่ที่จะ
00:52:55 → 00:53:00 เผาน้ำตาละนะเวลาไปโดนน้ำตาลน้ำตาลแฝงนะ
00:53:00 → 00:53:03 หรือเวลาไปหลุดไปพาดพั้งอะไรมาเนี่ยเราก็
00:53:03 → 00:53:06 จะมีปฏิกิริยาของภาวะกลูโคส intolerance
00:53:06 → 00:53:09 หรือ insulin hypersensitivity นะฮะอื
00:53:09 → 00:53:13 บางคนก็จะช็อกได้นะฮะนะอืก็คือระบบพลัง
00:53:13 → 00:53:18 งานมันมัน struck อ่ะมันหยุดไปเลยอ่ะนะ
00:53:18 → 00:53:21 เนี่ยไมโตคันเดยมันมันไม่ถูกฝึกฝนเตาเผา
00:53:21 → 00:53:26 อะไรต่างๆมันไม่ชินนะมันก็เลยมีปัญหาใน
00:53:26 → 00:53:30 บางคนในบางคนนะฮะในบางคนในบางบอ type นะ
00:53:30 → 00:53:32 ครับแล้วบอ type ที่จะมักจะมีปัญหาส่วน
00:53:32 → 00:53:37 ใหญ่ก็คือบอ type ประเภทสายแป้งนี่แหละนะ
00:53:37 → 00:53:41 พวกคไรอยนี่
00:53:41 → 00:53:46 แหละสายผอมๆนี่แหละมีปัญหาเยอะ
00:53:46 → 00:53:49 นะแล้วก็บางคนก็ไม่มีปัญหาทางด้านจิตเวช
00:53:49 → 00:53:54 น่ะนะฮะนะไปเป็นแนิไปเป็น ani ไปเป็น
00:53:54 → 00:53:58 depress อะไรต่างๆด้วยนะฮะนะก็แล้วแต่จะ
00:53:58 → 00:54:04 จะป่วยหนักไปในระบบไหนด้วยนะครับ
00:54:04 → 00:54:08 ๆก็คือต้องมีความยืดหยุ่นในการเผาผลาญ
00:54:08 → 00:54:11 พลังงานนั่นเองนะฮะใช้ได้ทั้งน้ำตาลและไข
00:54:11 → 00:54:12 มัน
00:54:12 → 00:54:17 นะคือคือคำว่าน้ำตาลเนี่ยเราก็ต้องเข้าใจ
00:54:17 → 00:54:20 อ่ะนะฮะนะไม่ใช่ให้มากินน้ำตาลนะฮะแต่ว่า
00:54:20 → 00:54:24 ต้องกินคาฟให้ถูกต้องนะแล้วก็หมอก็เคยพูด
00:54:24 → 00:54:26 เรื่องรายละดเกี่ยวกับคฟไปแล้วเนี่ยว่า
00:54:26 → 00:54:29 เหตุผลที่คาฟก็มีความสำคัญเนี่ยในเรื่อง
00:54:29 → 00:54:32 ของ metabolic flexibility เนี่ยก็คือ
00:54:32 → 00:54:34 ร่างกายเไม่ได้ต้องการน้ำตาลไม่ได้
00:54:34 → 00:54:38 ต้องการแป้งโดยตรงงนะเขาต้องการเพียงเล็ก
00:54:38 → 00:54:43 น้อยนะที่จะมีทำให้เกิดอ่าไกลโคเจนที่ตับ
00:54:44 → 00:54:47 ประมาณ 50-1 กรัมเท่านั้นเองนะคือความ
00:54:47 → 00:54:50 ต้องการแค่นั้นไม่ได้ต้องการมากมายและอัน
00:54:50 → 00:54:53 นี้ก็คือต่อวันต่อ 24 ชมงด้วยแต่สิ่งที่
00:54:53 → 00:54:56 เขาต้องการจริงๆในความเป็นกลุ่มอาหาร
00:54:56 → 00:54:59 ประเภทคาฟหรือสารอาหารประเภทคาฟเนี่ยก็
00:54:59 → 00:55:03 คือไฟเบอร์นะแล้วก็คือวิตามินแร่ธาตุสาร
00:55:03 → 00:55:06 พรึกษาเคมีเอนไซม์ฮอร์โมนต่างๆที่เาอยู่
00:55:06 → 00:55:09 ในพืชครับนะแต่ในแง่ของความเป็นพลังงาน
00:55:09 → 00:55:12 เนี่ยเขาก็ต้องการแค่นั้นนะฮะก็คือการ
00:55:12 → 00:55:16 เกิดเอ่อไกลโคเจนนะการสะสมเป็นเอ่อ
00:55:16 → 00:55:20 ไกลโคเจนที่ตับในมื้อเย็นนั่นแหละนะฮะมัน
00:55:20 → 00:55:23 มันประเด็นมันก็คืออยู่แค่เนี้ยนอกจาก
00:55:23 → 00:55:26 นั้นก็คือจะเป็นพลังงานหลักจากไขมันพืช
00:55:26 → 00:55:31 นั่นแหละนะครับอันนี้คือเหตุผลนะฮะนะอืที
00:55:31 → 00:55:36 นี้อันต่อมาเนี่ยอืก็คือร่างกายต้องมี
00:55:36 → 00:55:43 ความยืดหยุ่นของการเผาผลพลังงานที่สูงที่
00:55:43 → 00:55:49 สุดนะก็คือเอ่อก็คือเรียกว่าเป็นเบิ
00:55:49 → 00:55:53 flexibility ขั้นสูงสุดนะฮะการจะเกิด
00:55:53 → 00:55:55 metabolic flexibility ขั้นสูงสุดได้
00:55:55 → 00:55:58 เนี่ยก็เหมือนกันนะฮะต้องมีการเรียนการ
00:55:58 → 00:56:02 สอนของร่างกายนะโดยเราเนี่ยต้องมีเป็นผู้
00:56:02 → 00:56:05 ที่จะสอนนะแล้วก็เข้าใจตัวเราเองเ่ะว่า
00:56:05 → 00:56:09 เราจะยืดหยุ่นแค่ไหนนะในการจะเติมาฟหรือ
00:56:09 → 00:56:14 ในการจำกัดาฟอะไรต่างๆนะฮะนะอันนี้นะที
00:56:14 → 00:56:17 นี้เวลาเขาจะ metalic flexibility เนี่ย
00:56:17 → 00:56:20 ก็ง่ายๆก็คือการกินอาหารใน 1 วันให้ถูก
00:56:20 → 00:56:23 ต้องนะฮะนะสำหรับกลุ่มเราเนี่ยเราจะเน้น
00:56:23 → 00:56:26 เรื่อง TR me a day ก็คือกินอาหารวัน
00:56:26 → 00:56:30 ละ 2 มื้อครับอ่ามื้อแรกอเป็นการเบรคฟาส
00:56:30 → 00:56:33 นะฮะนะกินอย่างไรนะควรจะเป็นรูปแบบของ
00:56:33 → 00:56:37 อาหารประเภทไหนจุดประสงค์คืออะไรนะฮะนะ
00:56:37 → 00:56:40 เนี่ยเราก็จะต้องอ่อมื้อแรกก็คือคือการ
00:56:40 → 00:56:43 สร้างพลังงานนี่แหละนะฮะนะแล้วมื้อแรก
00:56:43 → 00:56:46 เนี่ยก็คือมื้อที่จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะ
00:56:46 → 00:56:51 คีโตซิสจากอาหารนะหลังจากที่เราคีโตสีด
00:56:51 → 00:56:55 จากการอดนะเ่ามาเป็นเวลายาวนานเนี่ยหลัง
00:56:55 → 00:56:58 จากนั้นเนี่ยเรากินอาหารแต่เราก็ใช้
00:56:58 → 00:57:02 nutritional ketosis ในการจะรันภาวะ
00:57:02 → 00:57:05 คีโตสิสของร่างกายต่อไปก็คือร่างกายเป็น
00:57:05 → 00:57:08 Fat เบอร์เนอร์เผ่าผลาญไขมันเป็นพลังงาน
00:57:08 → 00:57:12 นะและได้คีโตนนะฮะเพราะฉะนั้นการกินอาหาร
00:57:12 → 00:57:15 ในมื้อแรกก็คือการกินเพื่อจะเผาไขมันและ
00:57:15 → 00:57:19 สร้างคีโตนให้กับร่างกายนะมาเป็นพลังงาน
00:57:19 → 00:57:23 แล้วมาใช้งานนะฮะเพราะงั้นมื้อแรกเนี่ยก็
00:57:23 → 00:57:26 เป็นมื้อที่เราจะต้องตัดคาฟเราก็เน้นแต่
00:57:26 → 00:57:31 อ่าเ่อไโปรตีนเอ้ยพวกโปรตีนที่ถูกต้อง
00:57:31 → 00:57:33 โปรตีนคุณภาพนะแล้วก็ High Good Fat นะ
00:57:33 → 00:57:36 ฮะงั้นมื้อแรกการสร้างโปรตีนการเผ่าผาญไข
00:57:36 → 00:57:39 มันเนี่ยก็เป็นธรรมดาที่ร่างกายจะต้องได้
00:57:39 → 00:57:43 สารอาหารนะเข้าไปช่วยในการเผาผลาญนะเพราะ
00:57:43 → 00:57:47 ฉะนั้นสิ่งแวดล้อมของไขมันที่หมอบอกเนะก็
00:57:47 → 00:57:51 ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนนะที่เยอะนะและจะต้อง
00:57:51 → 00:57:56 มีคาฟประเภทผักใบมีผักดองอ่าอ่ามีการกิน
00:57:56 → 00:58:01 เกลือมีการกินไอ้พวกอะไรน้ำส้มสายชูหมัก
00:58:01 → 00:58:05 อะไรต่างๆมีจุลินทรีย์อ่ามีของที่มันเป็น
00:58:05 → 00:58:07 กระจุ๊กกระจิ๊กนิดๆหน่อยๆอะไรต่างๆเนี่ย
00:58:07 → 00:58:10 อันนี้ก็ต้องจัดมาในรูปของน้ำสลัดนั่น
00:58:10 → 00:58:14 แหละนะฮะอืๆๆๆอันนี้ก็สำคัญนะฮะเพราะอะไร
00:58:14 → 00:58:16 อ่ะเพราะว่าการเผาผลาญไขมันเนี่ยเ่อมัน
00:58:17 → 00:58:20 ต้องมีสารอาหารแวดล้อมสูงนะฮะนะไม่งั้น
00:58:20 → 00:58:24 เนี่ยคุณก็จะกลายเป็นเตี้คีโตนนะหรือเอ่อ
00:58:24 → 00:58:28 เอคุณก็ไม่ได้คลีนคีโตนน่ะเอาง่ายๆนะฮะ
00:58:28 → 00:58:31 ครับเพงั้นมื้อแรกของวันเนี่ยเหตุผลเนี่ย
00:58:31 → 00:58:33 ก็คือเหตุเนี้ยที่เราต้องกินอาหารออกมาใน
00:58:33 → 00:58:38 รูปแบบนี้นะฮะนะนะแล้วเป็นมื้อที่มันจะมี
00:58:39 → 00:58:41 รูรั่วทางด้านสารอาหารค่อนข้างเยอะแต่
00:58:41 → 00:58:44 พลังงานเนี่ยมันเต็มที่อ่ะใช่มั้ยล่ะรู
00:58:44 → 00:58:47 ร่วงด้านสารอาหารหมายถึงว่าก็คือการเผา
00:58:47 → 00:58:49 ผังไขมันนี่แหละฮะมันต้องใช้สารอาหารเยอะ
00:58:49 → 00:58:53 ร่างกายจะเกิดความบกพร่องนะของสารอาหารนะ
00:58:53 → 00:58:55 ครับเพราะฉะนั้นพอมามาถึงมื้อเย็นนะการ
00:58:55 → 00:58:58 กินถูกต้องใน 1 วันมื้อเย็นเรากินอะไรเรา
00:58:58 → 00:59:02 กินให้ได้สารอาหารครบถ้วนนี่คือเหตุผลนะ
00:59:02 → 00:59:04 ก็คือเรามาอุดรูรั่วแล้วเรามาเติมสาร
00:59:04 → 00:59:07 อาหารนะในมื้อเย็นนะแล้วมื้อเย็นเราไม่
00:59:07 → 00:59:10 ต้องการพลังงานนะเพราะงั้นหลักๆก็คือสาร
00:59:10 → 00:59:15 อาหารต้องครบนะทั้งโปรตีนคาร์โบไฮเดรตไข
00:59:15 → 00:59:18 มันนะฮะแต่อยู่ในรูปของความเป็นอะไรที่
00:59:18 → 00:59:21 มันมีคุณภาพดีๆทั้งหมดนะนะแต่ไม่ต้องการ
00:59:21 → 00:59:25 พลังงานจากจากไขมงไขมันหรือจากาฟอะไรมาก
00:59:25 → 00:59:27 มายอะไรแล้วเพราะเดี๋ยวเราจะนอนพอเราเติม
00:59:27 → 00:59:31 สารอาหารครบเราก็จะอุดรูรั่วของการเกิด
00:59:31 → 00:59:34 ภาวะคีโตสิสในระหว่างวันเนะเพราะว่าช่วง
00:59:34 → 00:59:37 เนี้ยเรามีคาฟเข้ามาปุ๊บอินซูลินเข้ามา
00:59:37 → 00:59:40 ปุ๊บนะคีตสินมันก็ถูกบล็อกไปนะการเผาผลน
00:59:40 → 00:59:44 ไขมันมันก็หยุดไปนะเนี่ยนะมันก็เป็นเป็น
00:59:44 → 00:59:47 เป็นไอ้ Sugar burner เป็น C burner
00:59:47 → 00:59:52 เป็นโหมดของของของการเผาเรื่องคาฟอะไรต่อ
00:59:52 → 00:59:55 อะไรไปนะซึ่งหมดเนี่ยเป็นการเติมสารอาหาร
00:59:55 → 01:00:00 นะฮะนะพอเติมครบนะอ่าพอเติมครบเรียบร้อย
01:00:00 → 01:00:04 นะคอร์ติซอลก็ไม่อ่าไม่ไม่เกี้ยวกาจไม่
01:00:04 → 01:00:09 รู้สึกไม่สบายใจนะเค้าก็เค้าก็เงียบๆนะฮะ
01:00:09 → 01:00:14 นะแล้วก็พอเติมครบนะสมองสมองจะเป็นตัวตัด
01:00:14 → 01:00:19 สินนะฮะว่าเออครบอพครบก็หลับนะครบก็หลับ
01:00:19 → 01:00:23 ดีนะเนี่ยที่มาที่ไปมันก็เป็นอย่างนี้นะ
01:00:23 → 01:00:27 ฮะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยตรงนี้ขอสรุปอย่าง
01:00:27 → 01:00:32 นี้นะฮะคีโตซีสนะฮะก็คือการเผาผลาญไขมัน
01:00:32 → 01:00:35 เป็นพลังงานร่างกายจะอยู่ในสภาวะนี้จะ
01:00:35 → 01:00:41 ต้องไม่คีโตสิสในช่วงที่อดนะฮะข้อสำคัญก็
01:00:41 → 01:00:44 คือภาวะคีโตสิสที่จะเผาผลาญไขมันเป็นพลัง
01:00:44 → 01:00:47 งานและจะได้ไขมันหรือได้คีโตนมาด้วยเนี่ย
01:00:47 → 01:00:51 นะเอ้ยจะได้จะได้เฉพาะไขมันเป็นพลังงาน
01:00:51 → 01:00:53 หรือจะได้สารคีโตนมาด้วยเนี่ยนะจะต้อง
01:00:54 → 01:00:58 อยู่ในช่วงของการฟีดนะฮะการกินนะฮะการกิน
01:00:58 → 01:01:05 นะนะเพื่อสอนนะหรือเพื่อฝึกร่างกายให้ใช้
01:01:05 → 01:01:10 ไขมันเป็นพลังงานได้นะฮะครับพอพอร่างกาย
01:01:10 → 01:01:12 เนี่ยสามารถ
01:01:12 → 01:01:15 อ่อสร้างแล้วก็เผาไขมันเป็นพลังงานได้
01:01:15 → 01:01:18 แล้วก็ใช้ไขมันและคีโตนเป็นพลังงานเป็น
01:01:18 → 01:01:22 แล้วเนี่ยเนี่ยคราวเนี้ยคุณก็ไปอดหรือไป
01:01:22 → 01:01:28 ฟานะฮะนะนะซึ่งอันนี้แหละนะก็จะเป็นช่วง
01:01:28 → 01:01:35 อ่าสำคัญเลยนะที่ร่างกายก็จะเผาตัวแฟตตัว
01:01:35 → 01:01:38 กดไขมันอิสระแล้วก็สร้างคีโตนนะฮะนะครับ
01:01:38 → 01:01:42 อันนี้จะเป็นของจริงแต่ถ้าไม่ผ่านแบบการ
01:01:42 → 01:01:45 กินหรือการฝึกการสอนตามเหตุตามผลที่หอบอก
01:01:45 → 01:01:48 ในมื้อแรกเนี่ยออยู่ดีๆเนี่ยคุณก็ฟาเข้า
01:01:49 → 01:01:51 ไปเลยอะไรอย่างเงี้ยนะคุณไม่เข้าใจอะไร
01:01:51 → 01:01:53 อย่างเงี้ยมันไม่เกิดนะฮะนะหรือถ้ามัน
01:01:53 → 01:01:58 เกิดมันก็เป็น Dirty คีนนะนะอันนี้
01:01:58 → 01:02:05 ครับทีนี้นะนะใครมันจะเอ่อกีตสีได้เร็ว
01:02:05 → 01:02:09 ได้ช้าอะไรต่างๆเนี่ยนะฮะนะมันก็จะมีข้อ
01:02:09 → 01:02:12 ปีกย่อย 3 อย่างเนี้ยที่หมอจะบอก
01:02:12 → 01:02:19 นะอครับๆเรามาลองทายกันว่านะคนที่เขกิน CD
01:02:19 → 01:02:25 กิน kcd หรือกิน low C High โปรตีนเยอะ
01:02:25 → 01:02:29 ๆนะนะแล้วก็ low Fat นะฮะนะก็คือกลิ่นไ
01:02:29 → 01:02:32 โปรตีนนี่แหละนะฮะเ่อคิดว่าคนพวกเนี้ย
01:02:32 → 01:02:36 ร่างกายเจะเข้าสู่คีโตซิสได้ดีได้เร็วได้
01:02:36 → 01:02:38 ง่าย
01:02:38 → 01:02:44 มยได้ง่ายมั้ยนะครับนะอันเนี้ยข้อข้อ
01:02:44 → 01:02:48 อธิบายก็คือเราต้องกลับไปว่านะตับเนี่ย
01:02:48 → 01:02:50 ไมโตคอนเดรียตับมันจะคีโตสิสได้เนี่ยมัน
01:02:51 → 01:02:55 ต้อง 1 2 3 1 2 3 ออืนะอันที่ 1 ก็
01:02:55 → 01:02:58 คืออินซูลินต้องต่ำนะเป็นระยะเวลานานพอสม
01:02:58 → 01:03:03 ควรอันที่ 2 ก็คือไขมันนะฮะนะมันต้องได้
01:03:03 → 01:03:06 ไขมันมันต้อง Good Healthy Fat นและอัน
01:03:06 → 01:03:09 ที่ 3 ก็คือสิ่งแวดล้อมเที่เป็นสารอาหาร
01:03:09 → 01:03:13 หลักสารอาหารรองอื่นๆต้องครบถ้วนนะฮะการ
01:03:13 → 01:03:16 กินในลักษณะเนี้ยมันมีขาดตกบกพร่องมันมี
01:03:16 → 01:03:23 ขาดเกินอะไรมยล่ะนะฮะครับเนี่ยกิน cd kcd
01:03:23 → 01:03:25 หรือกินโลคไโปรตีนโล Fat อะไรอย่างเงี้ย
01:03:25 → 01:03:30 นะฮะอ่าๆๆเพราะฉะนั้นพวกนี้นะฮะนะพวกนี้
01:03:30 → 01:03:35 ก็คือเป็นการกินไโปรตีนนะฮะนะแล้วก็ไขมัน
01:03:35 → 01:03:40 ดีโดยเฉพาะไขมันดีที่มาจากพืชนะซึ่งจะมี
01:03:40 → 01:03:43 สารอาหารดีกว่าเพียบพร้อมกว่าไขมันที่มา
01:03:43 → 01:03:48 จากสัตว์นะนะอันนี้แหละก็คือข้ออธิบายว่า
01:03:48 → 01:03:51 เออนะการ
01:03:51 → 01:03:54 คีโตซีสนะการคีโตซีสตามเหตุตามผลเนี่ย
01:03:54 → 01:03:58 เนี่ยนะก็ไม่น่าจะดีนะครับหรือจะเข้ายาก
01:03:58 → 01:04:02 หน่อยนะไม่ได้ง่ายไม่ได้ง่ายนะฮะ
01:04:02 → 01:04:06 นะทีนี้ถ้าเรามาดูเป็นสายๆนะฮะพวกสายแป้ง
01:04:06 → 01:04:10 สายเนื้อเนี่ยนะหรือคนผอมคนอ้วน
01:04:10 → 01:04:15 เนี่ยใครมันจะคีโตซีสได้เก่งกว่ากันเออ
01:04:15 → 01:04:17 คิดว่าใครมันจะคีโตซีสได้เก่งกว่ากันเผา
01:04:17 → 01:04:22 ผ่านไข่มันเป็นพลังงานนะเอ่อเอ่อเผาไขมัน
01:04:22 → 01:04:26 แล้วก็สร้างขีตจะเป็นคนอ้วนนะฮะโอ้ยใช่
01:04:26 → 01:04:29 ตอบอ้วนผมก็ตอบผอมเือนอ้วน
01:04:29 → 01:04:32 [เสียงหัวเราะ]
01:04:32 → 01:04:36 ๆครับผมสรุปคือคนอ้วนใช่มั้ยครับใช่ฮะคือ
01:04:36 → 01:04:39 คนพวกเนี้ยเขมีอินซูลินเยอะนะแล้ว
01:04:39 → 01:04:42 อินซูลินเไม่ไม่ได้ผิดปกติอะไรนะฮะเพราะ
01:04:42 → 01:04:45 ภาวะดอินซูลินเนี่ยมันเกิดจากการที่เซลล์
01:04:45 → 01:04:51 ต่างๆเนี่ยเขารีเจคเขาเขาแอนตี้นะอ่าเขา
01:04:51 → 01:04:54 เขาไม่ให้อินซูลินเนี่ยมาปฏิบัติการในการ
01:04:54 → 01:04:57 เปิดประตูนะให้น้ำตาลเข้าเซลล์อะไรอย่าง
01:04:57 → 01:05:02 นี้นะฮะนะแต่ว่าอินซูลินเนี่ยนะถึงเขาจะ
01:05:02 → 01:05:06 เยอะก็ตามนะฮะนะแต่ถ้าเรากิน ow C High
01:05:06 → 01:05:09 Fat เราทำ If นะเฉพาะคนอ้วนๆเนี่ยนะหรือ
01:05:09 → 01:05:13 คนที่ดื้ออินซูลินในแง่นี้นะฮะในแง่ที่เ
01:05:13 → 01:05:18 เรียกว่าอะไรโซนิเนี่ยนะนะเพราะฉะนั้น
01:05:18 → 01:05:22 เวลาเราตัดาฟเวลาเราทำ If หรือเราทำ
01:05:22 → 01:05:26 โปรลองฟัอะไรต่างๆ 23/1 OM อะไรต่างๆนะ
01:05:26 → 01:05:29 พวกเนี้ยมันเป็นการที่ควบคุมอินซูลินได้
01:05:29 → 01:05:33 ดีกว่าได้ดีกว่านะฮะนะแล้วถ้าเข้าใจเนี่ย
01:05:33 → 01:05:36 เรากิน OC High Good Fat ที่ถูกต้องนะ
01:05:36 → 01:05:41 เราเติมไขมันดีเข้าไปนะไปจุดชนวนนะคือไป
01:05:41 → 01:05:46 สอนในช่วงที่กินน่ะว่าเซลล์นะนี่นะแกต้อง
01:05:46 → 01:05:49 เผาไขมันอย่างนี้นะนะเผาเสร็จแล้วเดี๋ยว
01:05:49 → 01:05:52 ได้ของพวกเนี้ยที่มันเป็นคลีนเอ่อคลีน
01:05:52 → 01:05:55 คีโตนเนี่ยก็เอาไปใช้ๆใช้ๆนะเออแล้วมันก็
01:05:55 → 01:05:58 จะเกิดประโยชน์นู่นนี่ 1 2 3 4 5
01:05:58 → 01:06:02 อย่าเงี้ยนะอือันนี้ก็คือกรณีของคนอ้วนนะ
01:06:02 → 01:06:05 นะโดยเฉพาะพวกสายเนื้อพวกเ่ามีภาวะดื้อ
01:06:05 → 01:06:09 อินซูลินเป็นหลักครับนมันพูดสายแป้งสาย
01:06:09 → 01:06:13 แป้งนะกนผอมๆนะฮะพวกนี้ก็อินซูลิน
01:06:13 → 01:06:16 ฟังก์ชันนะ
01:06:16 → 01:06:19 ฮะคืออินซูลินเค้าไม่ได้สร้างออกมาเยอะ
01:06:19 → 01:06:22 ถ้าเสร้างออกมาเยอะเค้าก็อ้วนแล้วนะฮะนะ
01:06:22 → 01:06:26 เค้าอาจจะสร้างพอดีพอดีหรือสร้างอ่ออะไร
01:06:26 → 01:06:30 อ่ะเอ่อ low อะไรนะนะ
01:06:30 → 01:06:35 เอ่ออะไรล่ะ Lower Limit อ่ะนะก็คือ
01:06:35 → 01:06:41 สร้างเ่อพอพอให้มันมีอ่ะนะนะแต่แต่ปัญหา
01:06:41 → 01:06:43 ก็คือคุณภาพประสิทธิภาพการทำงานอินซูลิน
01:06:43 → 01:06:46 เนี่ยมันไม่ดีนะเราถึงเรียกว่าอิซูลิน
01:06:46 → 01:06:50 ฟังก์ชันเพราะฉะนั้นเหมือนกับว่าถ้าคุณ
01:06:50 → 01:06:54 เป็นสายเนี้ยสายแป้งสายผอมเนี่ยนะมันเรา
01:06:54 → 01:06:59 ไปถึงเราจะไป ow คาฟเราจะไปมันมันจัดการ
01:06:59 → 01:07:02 ยากหน่อยอ่ะกับอินซูลินน่ะมันแทบจะไม่ได้
01:07:02 → 01:07:04 จัดการอะไรนักกับอินซูลินน่ะนะเพราะ
01:07:04 → 01:07:06 อินซูลินเไม่ได้เยอะเราไม่ต้องไปไปลด
01:07:07 → 01:07:09 อินซูลินน่ะคืออินซูลินเค้าดฟังก์ชันก็ด
01:07:09 → 01:07:12 ฟังก์ชันอยู่งงั้นแหละนะฮะนะนะมันไม่
01:07:12 → 01:07:15 เหมือนกับไอ้สายอ้วนน่ะคนอ้วนเนี่ย
01:07:15 → 01:07:18 อินซูลินมันเยอะแต่อินซูลินเดี
01:07:18 → 01:07:22 ประสิทธิภาพคุณภาพก็โอเคนะ่า ir เก็ดี
01:07:22 → 01:07:25 อะไรอย่างเงี้ยครับเออเพราะฉะนั้นสายสาย
01:07:25 → 01:07:28 แป้งสายผอมเนี่ยมันมีปัญหาที่อินซูลิน
01:07:28 → 01:07:33 ฟังก์ชันนะฮะนะทีนี้เอ่อคุณเองเนี่ยเ่อก็
01:07:33 → 01:07:36 ไม่ค่อยจะมีไขมันสะสมหรือพลังงานสะสมใน
01:07:36 → 01:07:40 รูปของไขมันมากมายเลยนะนะมันก็อยู่แบบดิต
01:07:40 → 01:07:44 พอดีน้ำหนักสมส่วนสมส่วนค่อนผอมหรือผอม
01:07:44 → 01:07:47 ต่ำกว่าเกณฑ์อย่าเงี้ยนะอ่าเพราะฉะนั้น
01:07:47 → 01:07:50 พวกนี้ก็คือต้องอาศัยไขมันจากข้างนอก
01:07:50 → 01:07:54 เนี่ยนะเข้ามานะเพื่อเกิดเกิดการสอนให้
01:07:54 → 01:07:57 เซลล์เผอผันไขมันแล้วใช้ไขมันในรูปแบบของ
01:07:57 → 01:08:01 คีโตนครับตรงเมันก็ยากอีกอ่ะเพราะ
01:08:01 → 01:08:05 ว่าโลกเหเนี้ยประชากรในโลกหรือผู้คนที่
01:08:05 → 01:08:08 รู้เรื่องไขมันแล้วเข้าใจไขมันในระดับที่
01:08:08 → 01:08:12 ดีอ่ะนะมันน้อยไงมันน้อยนะเคก็กินไขมันก็
01:08:12 → 01:08:16 กินๆไปกินไปกินมามันก็เหมือนกับไม่รู้นะ
01:08:16 → 01:08:20 เหมือนไปได้เตี้คีโตนซะล่ะนะฮะงั้นคนผอม
01:08:20 → 01:08:24 เนี่ยส่วนใหญ่ก็ต้องต้องเยอะนิดนึงอ่ะนะ
01:08:24 → 01:08:27 ในการที่จะมาพิจารณาดูอ่ะนะแล้วคุณเองอ่ะ
01:08:27 → 01:08:31 ก็เข้าคีโตสิสได้ยากกว่านะฮะยากกว่าคน
01:08:31 → 01:08:35 อ้วนเเนาะอันเนี้ยเออมันก็เป็นอย่างนี้นะ
01:08:35 → 01:08:37 ข้ออธิบาย
01:08:37 → 01:08:41 นะอันนี้ในเรื่องกินนะฮะในเรื่องกินนะแต่
01:08:41 → 01:08:44 ถ้ามาในเรื่องการทำ If กับ Exercise
01:08:44 → 01:08:47 เนี่ยนะฮะนะ
01:08:47 → 01:08:50 เอ่อ If กับ Exercise เนี่ยก็คือหลายคนก็
01:08:50 → 01:08:53 ไม่ไม่เข้าใจนักอ่ะนะฮะก็ไม่ได้เน้น
01:08:53 → 01:08:56 เรื่องการกินไม่ได้ฝึกที่การกินเป็นหลัก
01:08:56 → 01:09:01 ก่อนนะฮะนะระหว่างสายแป้งกับสายเนื้อนะนะ
01:09:01 → 01:09:03 นี่แหละ
01:09:03 → 01:09:08 เอ่อสายแป้งนะสายแป้งสายผอมๆเนี่ยนะปัญหา
01:09:08 → 01:09:12 คอร์ติซอลจะค่อนข้างเยอะนะแล้วอินซูลิน
01:09:12 → 01:09:16 เนี่ยเอ้ยเอโทษทีคอร์ติซอลเนี่ยนะส่วน
01:09:16 → 01:09:18 ใหญ่เนี่ยคนผอมเนี่ยก็มีแนวโน้มที่จะกิน
01:09:18 → 01:09:21 แล้วขาดพลังงานเขาดสารอาหารเลยแต่ส่วน
01:09:21 → 01:09:24 ใหญ่เป็นเรื่องการขาดพลังงานพอขาดพลังงาน
01:09:24 → 01:09:28 ปุ๊บตัวแม่ที่เขาค่อนข้างไวอ่ะนะฮะนะเขา
01:09:28 → 01:09:31 ก็จะตีความออกมาแล้วนะไม่ได้ต้องรีบ
01:09:31 → 01:09:36 กลูโคโนสิสนะอ่าหาพลังงานมาให้ลูกแล้ว
01:09:36 → 01:09:40 พลังงานเวลาเจะหามาเนี่ยนะเขาก็ไม่ได้มัว
01:09:40 → 01:09:44 แต่ไปพึ่งแอรีนแล้วก็ไปเผาไขมันน่ะมันช้า
01:09:44 → 01:09:49 นะฮะส่วนใหญ่เขาก็กลูโคโนสิจากอะไรอ่ะจาก
01:09:49 → 01:09:52 น้ำตาลจากโปรตีนน่ะในกล้ามเนื้อมาเป็นน้ำ
01:09:52 → 01:09:56 ตาลนะฮะฮะนะแล้วพวกนี้เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ย
01:09:56 → 01:10:01 เตกใจไงเตกใจเเมักจะเลยเถิดน่ะที่จะสร้าง
01:10:01 → 01:10:04 น้ำตาลมาค่อนข้างเยอะนะเช่นปฏิกิริยาของ
01:10:05 → 01:10:08 ฟีนอลเนี่ยที่เราเห็นๆกันเี่ส่วนใหญ่มัน
01:10:08 → 01:10:13 ก็ยากหรือช้ามากอ่ะเที่จะไปควบคุมฟมอนะ
01:10:13 → 01:10:15 เพราะว่ามันควบคุมคอร์ติซอลมันไม่ได้ควบ
01:10:15 → 01:10:18 คุมง่ายๆเหมือนอินซูลินนะเเพราะฉะนั้นถ้า
01:10:18 → 01:10:22 น้ำตาลมาเยอะอินซูลินเขาก็ต้องออกมานะ
01:10:22 → 01:10:24 เพื่อจัดการกับน้ำตาลนะฮะเพราะฉะนั้น
01:10:24 → 01:10:27 เนี่ยพออินซูลินมาเนี่ยมันจะคีโตสิสได้
01:10:27 → 01:10:31 ง่ายมั้ยล่ะนะคีโตนมันจะมามถ้าอินซูลินมา
01:10:31 → 01:10:34 อเพราะฉะนั้นแนวโน้มในสายแป้งคนผอมหรือคน
01:10:34 → 01:10:37 ที่มีปัญหาเรื่องคอร์ติซอลนะดุเด่นดื้อ
01:10:38 → 01:10:42 อะไรพวกนี้นะพวกเนี้ยนะทั้งอาหารทั้งการ
01:10:42 → 01:10:45 If ทั้งการออกกำลังกายเนี่ยนะก็ต้องมี
01:10:45 → 01:10:48 รายละเอียดพอสมควรน่ะถ้าคุณอยากจะ Fat
01:10:48 → 01:10:52 adap เอ้ยถ้าคุณอยากจะคีโตสิส Fat adapt
01:10:52 → 01:10:56 นะแล้วคีน adapt นะฮะนะแต่คนอ้วนเนี่ยมัน
01:10:56 → 01:11:00 ไม่ค่อยจะไม่ค่อยจะนะสายสายเนื้อสายคน
01:11:00 → 01:11:03 อ้วนๆอะไรต่างๆนะพวกนี้คอร์ติซอลเค้าไม่
01:11:03 → 01:11:08 ค่อยจะมีผลมากนะเคส่วนใหญ่เค้าก็เค้าก็
01:11:08 → 01:11:12 ไม่ไม่ไม่อะไรมากนะมันไม่ใช่ลักษณะที่เขา
01:11:12 → 01:11:15 จะต้องมาห่วงหาอาธรอะไรมากนะอ้วนแล้วพลัง
01:11:16 → 01:11:19 งานสะสม Fat เฟิสก็ยังมีนะแฟตมีสารอาหาร
01:11:19 → 01:11:23 มันก็มีอ่ะนะคนเราไม่ได้สะสมแฟตเียวๆ 100%
01:11:23 → 01:11:26 นะยังไงยังไงมันก็มีสารหารบวกอยู่ด้วยนิด
01:11:26 → 01:11:32 ๆหน่อยๆนะงั้นพวกนี้เนี่ยก็คอร์ติซอลไม่
01:11:32 → 01:11:38 ค่อยจะมีผลนักนะฮะนะแล้วก็คนอ้วนนะมันก็
01:11:38 → 01:11:42 เลยสามารถที่จะนี่แหละอ่าเข้าคีโตสิสได้
01:11:42 → 01:11:45 ดีกว่าง่ายกว่าเร็วกว่าก็จะเป็นอย่างนั้น
01:11:45 → 01:11:51 นะฮะอครับผมก็ย้ำนิดนึงอ่ะนะฮะว่านะ
01:11:51 → 01:11:52 เรื่องของการที่จะเป็น fat เบอร์เนอร์
01:11:52 → 01:11:56 คีโตซีนนะแล้วก็คี adap Fat adap เนี่ย
01:11:56 → 01:12:02 นะอินซูลินต้องต่ำนะต้องมีไขมันดีนะ
01:12:02 → 01:12:04 Healthy Good Fat นะฮะนะให้
01:12:04 → 01:12:08 ไมโทคอนเดรียเเผาแล้วก็ต้องมีพวกเ่อสาร
01:12:08 → 01:12:13 อาหารรองต่างๆโดยเฉพาะเกลือแร่เกลือแร่
01:12:13 → 01:12:18 ครับเวลาที่เกิดขบวนการคีโตซีสนะนะขึ้นมา
01:12:18 → 01:12:24 เนี่ยนะฮะอ่าเราก็สามารถรู้ได้นะในเบื้อง
01:12:24 → 01:12:29 ต้นนก็คือ 1 ความไม่หิวนะฮะความไม่หิว 2
01:12:29 → 01:12:34 นะสมองเนี่ยนะสมองอ่ามันจะรู้สึกปอดโป่ง
01:12:34 → 01:12:39 โล่งนะอ่าปอดโปร่งโล่งคือมันไม่มึนๆตื้อๆ
01:12:39 → 01:12:45 งงๆเบลอๆอะไรอย่าเงี้ยนะฮะอ่าแล้ว
01:12:45 → 01:12:49 ก็กล้ามเนื้อหรือร่างกายมันจะมีกำลังอ่ะ
01:12:49 → 01:12:53 นะมันมีเรี่ยวมีแรงนะเพราะว่าแฟตเวลาเผา
01:12:53 → 01:12:57 แล้วมันได้ 9 กิโลแคลอรี่นะครับแล้วก็ไม่
01:12:58 → 01:13:00 มีอาการหรืออาการแสดงของภาวะน้ำตาลใน
01:13:00 → 01:13:02 เลือดต่ำนะ
01:13:02 → 01:13:07 ฮะก็คือแน่นอนว่าถ้าร่างกายชินหรือชอบที่
01:13:07 → 01:13:11 จะใช้พลังงานมันถูกทางกันแล้วเนี่ยนะฮะนะ
01:13:11 → 01:13:16 ถึงเราจะ ow ow อะไรอ่ะ ow คาฟมากๆมากๆ
01:13:16 → 01:13:19 มาๆจนกระทั่งน้ำตาลต่ำเยอะๆเลยเ่ะ 4 40
01:13:19 → 01:13:21 กว่า 50 กว่าอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยก็จะไม่
01:13:21 → 01:13:26 มีอาการไม่มีอาการเพราะร่างกายเยังมีพลัง
01:13:26 → 01:13:29 งานใช้อยู่สมองก็ชอบคีโตนอยู่แล้วเนาอื
01:13:29 → 01:13:36 ครับ
01:13:36 → 01:13:41 ผมเอ่ออย่างนึงนะฮะสำหรับเรื่องของการยืด
01:13:41 → 01:13:43 หยุ่นทางด้านพลังงานหรือ metalic
01:13:43 → 01:13:45 flexibility เนี่ยนะ
01:13:45 → 01:13:49 ฮะคือการเกิดคีโตนเนี่ยนะฮะนะการเกิด
01:13:49 → 01:13:53 คีโตนเนี่ยนะคีโตนเนี่ยหรือพลังงานจากไข
01:13:53 → 01:13:59 มันเนี่ยนะควรรจะมีการสวิงขึ้นลงนะฮะสวิง
01:13:59 → 01:14:04 ขึ้นลงนะฮะไม่นิ่งนะฮะไม่นิ่งนะก็คือมื้อ
01:14:04 → 01:14:09 แรกอ่ามีการสวิงขึ้นพุ่งขึ้นของคีโตนนะ
01:14:09 → 01:14:12 หรือการใช้ไขมันเอ่อการผ่าหวานไขมันเป็น
01:14:12 → 01:14:15 พลังงานเนี่ยนะแล้วหลังจากนั้นก็จะมีการ
01:14:15 → 01:14:20 ดรอปลงในช่วงที่อินซูลินเข้ามามื้อเย็นนะ
01:14:20 → 01:14:23 แล้วก็ค่อยไปพุ่งขึ้นอีกทีนึงตอนใกล้ๆ
01:14:23 → 01:14:26 เที่ยงคืน
01:14:26 → 01:14:32 เนี่ยแล้วก็จะไปเริ่มลดลงอีกทีนึงนะตอน
01:14:32 → 01:14:36 ที่จะตื่นเนี่ยนะฮะจะตื่นเนี่ยนะว่า
01:14:36 → 01:14:39 คอร์ติซอลเนี่ยเขมากลูโค neogenesis แล้ว
01:14:39 → 01:14:41 น้ำตาลมา
01:14:41 → 01:14:45 เนี่ยครับตอนเนี้ยคีตนมันก็จะต้องเนี่ย
01:14:45 → 01:14:48 มันก็คือเป็นเป็นเป็นอะไรเป็นขึ้นๆลงๆ
01:14:48 → 01:14:51 เหมือนก็ไม่ไม่เชิงรถไฟเหาะทีลังกาหรอก
01:14:51 → 01:14:53 มันก็ต้องเป็นเป็นอย่างเงี้ยนะคือมีการ
01:14:53 → 01:14:58 สวิงขึ้นลงที่ดีนะโดยเฉพาะเขาใช้การตัด
01:14:58 → 01:15:02 สินที่มื้อแรกนะฮะเป็นหลักก็คือการกิน
01:15:02 → 01:15:06 อ่อการกินมื้อแรกที่ถูกต้องเนี่ยมันจะ
01:15:06 → 01:15:10 พุ่งหรือสวิงคีโตนขึ้นไปชูตขึ้นไปเลยนะฮะ
01:15:10 → 01:15:15 ถ้าชูตขึ้นไปเนี่ยนะถึงระดับคีโตซีสที่ดี
01:15:15 → 01:15:19 ๆเลยเนี่ยนะฮะครับนะอันเนี้ยมันก็จะมีผล
01:15:19 → 01:15:23 ต่อกลูโคสคีน index นะ
01:15:23 → 01:15:27 ซึ่งมันก็จะมีตัววัดต่างๆนะว่า gki อ่ะ
01:15:27 → 01:15:32 1-3 แปลว่าอะไรนะมากกว่า 3 ไม่เกิน 6
01:15:32 → 01:15:34 แปลว่าอะไร 6 - 9 แปลว่าอะไรแล้วเกิน 9
01:15:34 → 01:15:37 ก็แปลว่าอะไรนะฮะอันนี้อันนี้เดี๋ยวจะพูด
01:15:37 → 01:15:38 ทีหลัง
01:15:38 → 01:15:41 นะแล้วก็คีโตนเหล่าเนี้ยควรจะอยู่ในช่วง
01:15:42 → 01:15:47 ยาวๆนะคีโตนควรจะมาเร็วๆพึ่งพุ่งขึ้นแล้ว
01:15:47 → 01:15:53 มีการลดลงนะแล้วก็ค่อยๆหมดไปแบบช้าๆนะฮะ
01:15:53 → 01:15:58 ไอ้ตรงเนี้ยนะในมื้อแรกเนี่ยเาถึงว่าในคน
01:15:58 → 01:16:01 ที่ถ้าเกิดว่าจะเข้าคีโตซีสในช่วงแรกแๆก็
01:16:01 → 01:16:07 เลยมีการแนะนำให้ใช้ mct Oil นะนะคู่กับ
01:16:07 → 01:16:10 ตัวน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นคือใช้คู่กันไป
01:16:10 → 01:16:13 แต่แรกๆจะใช้แต่ mct อย่างเดียวในโควต้า
01:16:13 → 01:16:15 ของไขมันอิ่มตัวก็ได้นะฮะเพราะอันนี้มัน
01:16:15 → 01:16:19 ชูตคีโตนได้เร็วมากนะฮะงั้นมื้อแรกเนี่ย
01:16:19 → 01:16:22 เราต้องสวิงคีนขึ้นไปให้ให้สูงสุดเท่าที่
01:16:22 → 01:16:27 จะทำได้นะเนี่ยนะเพราะฉะนั้นการกินน้ำมัน
01:16:27 → 01:16:31 สกัดเย็นเพื่อจะเข้าคีโตสิสให้ได้ดีเก่งๆ
01:16:31 → 01:16:35 เร็วๆนะก็จะต้องเป็นเรื่องของชนิดของน้ำ
01:16:35 → 01:16:38 มันอิ่มเดี่ยวซ้อนที่ถูกต้องมีปริมาณมี
01:16:38 → 01:16:42 สัดส่วนและมีการปรุงเข้าร่าง
01:16:42 → 01:16:46 ที่ที่ที่ดีอ่ะที่เหมาะสมนะฮะครับก็คือจะ
01:16:46 → 01:16:51 ต่างจากเรื่องของคาฟนะฮะนะถ้าเป็นการนะ
01:16:52 → 01:16:55 ที่จะเม flexibility ในแง่ของใช้พลังงาน
01:16:56 → 01:17:00 จากคาฟนะโดยเฉพาะในมื้อเย็นนะลักษณะของ
01:17:00 → 01:17:05 คาฟนะน้ำตาลจะต้องมีความเสถียรนะแล้วก็มี
01:17:05 → 01:17:09 เเรียกว่ามีไมิ index ค่อนข้างต่ำน่ะนะก็
01:17:09 → 01:17:12 คือมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระดับน้ำตาลใน
01:17:12 → 01:17:16 เลือดช้าๆนะฮะนะค่อยๆซึมนะฮะนะแล้วเกิด
01:17:16 → 01:17:21 เป็นเวลาช่วงสั้นๆแล้วก็หมดไปเร็วๆนะคือ
01:17:21 → 01:17:24 คาฟเนี่ยน้ำตาลเนี่ยต้องเสถียรไม่สวิง
01:17:24 → 01:17:29 ขึ้นลงแบบคีโตนนะฮะนะแล้วลักษณะก็คือ
01:17:29 → 01:17:33 เอ่อมาอยู่แค่ช่วงสั้นๆประมาณ 4 4
01:17:33 → 01:17:37 ช่วโมงอ่ะ 2-4 ชมงนะแล้วก็ค่อยๆขึ้นแบบ
01:17:37 → 01:17:42 ช้าๆนะแล้วเวลาหมดให้หมดไปเร็วๆเลยนะฮะนะ
01:17:42 → 01:17:44 เพราะฉะนั้นอันเนี้ยเราก็ต้องใช้
01:17:44 → 01:17:49 อ่อไอ้ good to get Car น่ะนะก็คือ
01:17:49 → 01:17:51 Quality ของคฟนี่ก็จะต้องเป็นคฟที่มี
01:17:51 → 01:17:54 คุณภาพคฟที่ดีครับเชิงซ้อนนะอะไรอย่างงี้
01:17:55 → 01:17:58 นะโดยมีการจำกัดควบคุมในเรื่องของปริมาณ
01:17:58 → 01:18:01 ปริมาณเป็นหลักนะสำหรับาฟในกรณีที่จะ
01:18:01 → 01:18:05 metalic effectivity นะฮะ
01:18:06 → 01:18:12 นะเอาล่ะนะทีนี้มาดูคำ 3 คำนะฮะเนี่ยใน
01:18:12 → 01:18:15 หน้านี้นะครับ
01:18:15 → 01:18:19 ครับอันแรกเลยคือคำว่า Fat burner Fat
01:18:19 → 01:18:22 burner ก็ง่ายๆก็แปลว่าเนี่ยเราจะ
01:18:22 → 01:18:24 เปลี่ยนจากการเป็น Sugar burner หรือ Car
01:18:24 → 01:18:28 burner นะมาเผาผลาญไขมันเป็นพลังงานส่วน
01:18:28 → 01:18:31 จะเผาได้ไม่ได้นี่ก็อีกเรื่องนึงนะฮะบาง
01:18:31 → 01:18:35 คนแยบๆเข้ามาแล้วก็ไม่ถูกจริตมันก็เผาไม่
01:18:35 → 01:18:38 ได้อ่ะนะนะเพราะว่าการเป็น Fat burner
01:18:38 → 01:18:41 ก็ต้องใช้ timing ใช้เวลาด้วยนะฮะนะบางคน
01:18:41 → 01:18:43 ก็ก็เล่นๆน่ะ
01:18:43 → 01:18:48 นะนะทีนี้ขั้นต่อมาก็คือ Fat adapt นะ
01:18:48 → 01:18:50 Fat adapt คืออะไร Fat adapt ก็คือการ
01:18:50 → 01:18:55 ที่ร่างกายเนี่ยเอาไขมันนะที่กินหรือที่
01:18:55 → 01:18:58 สะสมเนี่ยมาใช้เป็นพลังงานได้อันนี้คือ
01:18:58 → 01:19:02 ใช้เป็นพลังงานได้นะฮะนะพอใช้เป็นพลังงาน
01:19:02 → 01:19:07 ได้เนี่ยนะมันจะมีคีโตนด้วยนะเอ่อหรือไม่
01:19:07 → 01:19:12 มีก็ได้นะฮะนะแต่ถ้าจะมีคีโตนด้วยเนี่ยนะ
01:19:12 → 01:19:15 ฮะส่วนใหญ่มันจะเป็นคีโตนที่มาเป็นแบบ
01:19:15 → 01:19:21 ช่วงสั้นๆนะนะแล้วก็ไม่มากนะและไม่สามารถ
01:19:21 → 01:19:25 เอ่ออยู่เป็นเวลายาวนานที่จะเกิดประโยชน์
01:19:25 → 01:19:27 ต่อร่างกายได้อันนี้คือความหมายของ Fat
01:19:27 → 01:19:31 adapt นะฮะนะเช่นอย่างไรบ้างก็คือเช่น
01:19:31 → 01:19:34 กรณีของการลดน้ำหนักการออกกำลังกายแล้ว
01:19:34 → 01:19:38 ใช้ไขมันเป็นพลังงานแบบนักกีฬานะรวมทั้ง
01:19:38 → 01:19:42 คนกลุ่มใหญ่ๆเนี่ยนะที่จะเนี่ยลดน้ำหนัก
01:19:42 → 01:19:46 ลดไขมันอะไรต่างๆแล้วยังไม่เข้าใจวิถีทาง
01:19:46 → 01:19:50 ของของของการที่จะเข้าสู่ Fat burner
01:19:50 → 01:19:53 ที่ถูกต้องเนี่ยนะมันก็ถ้าขขมมันลดลง
01:19:53 → 01:19:55 เนี่ยมันก็จะเกิดภาวะที่เป็น Fat adapt
01:19:55 → 01:19:59 ทั้งนั้นนะฮะนะก็จะเป็นอย่างงนี้นะนะแล้ว
01:19:59 → 01:20:05 ส่วนใหญ่คีโตนในเลือดนะเอ่อมีก็จะน้อยนะ
01:20:05 → 01:20:10 เอ่อแล้วก็ไม่นานนะหมดไปนะแล้วก็ไม่มากพอ
01:20:10 → 01:20:13 ในระดับที่จะมาใช้ประโยชน์เพราะงั้น
01:20:13 → 01:20:16 เรื่องของ Fat adap เนี่ยลดน้ำหนักได้
01:20:16 → 01:20:20 แต่ก็ยังสามารถเจ็บป่วยได้เหมือนคนทั่วไป
01:20:20 → 01:20:24 นะความหมายก็คือมันแค่ลดน้ำหนักได้นะฮะที
01:20:24 → 01:20:27 นี้อันต่อมาอันที่ 3 คือจาก Fat adap
01:20:27 → 01:20:31 เนี่ยนะเราจะต้องเข้าคีโตซิสนะฮะให้ได้นะ
01:20:31 → 01:20:36 ฮะนะคีโตซิสก็คือการมีระดับคีโตนคราวนี้
01:20:36 → 01:20:38 มีคีโตนแล้วะนะฮะก็คือมันต้อง f adap ไป
01:20:38 → 01:20:42 ถึงขั้นที่จะจะตับจะสร้างคีโตนออกมาแล้ว
01:20:42 → 01:20:46 นะเกิดการมีระดับของคีโตนในเลือดนะที่มา
01:20:46 → 01:20:50 จากการเผาผานไขมันนะในระดับที่มากพอใน
01:20:50 → 01:20:53 ระดับที่มากพอก็ต้องเผามากพอสมควนแล้วะนะ
01:20:53 → 01:20:58 ฮะอ่าก็รู้ได้ไงก็ตรวจเลือดนะค่าของคีโตน
01:20:59 → 01:21:01 เนี่ยเวลาเจาะเลือดแล้วมันจะมากกว่า 0.5
01:21:01 → 01:21:06 มิลลิโมลเปอร์ลิตรขึ้นไปนะฮะครับอันเนี้ย
01:21:06 → 01:21:09 เราถึงเรียกว่าคนๆนั้นอยู่ในภาวะคีโตซีส
01:21:09 → 01:21:13 นะฮะนะสร้างคีโตนได้นะแต่มันจะจีรังยั่ง
01:21:13 → 01:21:16 ยืนยังไงนี่ก็อีกเรื่องนึงนะฮะคือมัน
01:21:16 → 01:21:20 อันเนี้ยมันแตกต่างจากคนทั่วๆไปนะเค้าก็
01:21:20 → 01:21:24 บอกว่าคนทั่วๆไป 99% เนี่ยไม่มีคีโตนนะ
01:21:24 → 01:21:27 ถ้าเจาะเลือดวัดเนี่ยนะเจาะเลือดวัดเนี่ย
01:21:27 → 01:21:31 นะพวกนี้ระดับของคีโตนในเลือดจะน้อยกว่า
01:21:31 → 01:21:35 0.1 มิลลิโมลเปรลิตรนะ
01:21:35 → 01:21:41 ฮะหรือคนที่เป็น Fat เนอรแต่ยังไม่ไม่
01:21:41 → 01:21:45 สามารถเข้าคีโตสิสได้เนี่ยก็อาจจะมีค่า
01:21:45 → 01:21:49 คีโตนในเลือดอยู่ในระดับที่มากกว่า 0.1
01:21:49 → 01:21:53 แต่ไม่ถึง 0.5 ครับนะฮะนะเนี่ยอันเนี้ย
01:21:53 → 01:21:56 เราก็เรียกแค่ว่าเป็น Fat burner แต่คุณ
01:21:56 → 01:21:59 คีโตสิสไม่ได้นะฮะคือความหมายมันก็จะ
01:21:59 → 01:22:03 กระจุ๊กกระจิ๊กนิดนึงนะฮนี้นี้เวลาที่คน
01:22:03 → 01:22:07 เราเข้าสู่คีโตซิสแล้วเนี่ยนะฮะนะความ
01:22:07 → 01:22:10 หมายสำคัญเลยของคำจำกัดความก็คือจะต้องมี
01:22:10 → 01:22:14 การตรวจระดับคีโตนในเลือดที่เกินกว่า 0.5
01:22:14 → 01:22:19 มิลลิโมลเลิตรขึ้นไปนะฮะขึ้นไป
01:22:19 → 01:22:23 นะซึ่งการจะเกิดภาวะคีโตสิสได้เนี่ยนะฮะ
01:22:23 → 01:22:27 องค์ประกอบสำคัญที่สุดก็คือภาวะที่
01:22:27 → 01:22:31 อินซูลินจะต้องต่ำสุดๆนะเป็นระยะเวลานาน
01:22:31 → 01:22:36 พอสมควรอืครับผมอันนี้อันนี้คือคือข้อ
01:22:36 → 01:22:40 สำคัญนะฮะในขณะที่ร่างกายเกิดภาวะคีโตสิส
01:22:40 → 01:22:46 นะฮะนะร่างกายก็จะมีคีโตนเกิดขึ้นแต่การ
01:22:46 → 01:22:50 ตีความเนี่ยนะฮะของร่างกายเนี่ยนะคีโตน
01:22:50 → 01:22:53 เนี่ยมีความเป็นกรดอ่อนๆนะร่างกายก็จะบอก
01:22:53 → 01:22:58 ว่าอันนี้เป็นสิ่งแปลกปลอมนะฮะนะในขณะที่
01:22:58 → 01:23:01 เกิดคีโตสิสนะอันนี้เป็นสิ่งแปลกปลอมนะ
01:23:01 → 01:23:05 เอ่อเราไม่เคยเราไม่รู้จักนะเพราะฉะนั้น
01:23:05 → 01:23:07 กระบวนการของร่างกายก็จะต้องพยายามขับกด
01:23:07 → 01:23:12 ออกนะแล้วก็ช่องทางที่ขับมากที่สุดเลยนะ
01:23:12 → 01:23:15 ของความเป็นกฎเนี่ยก็คือปัสสาวะนะฮะเพราะ
01:23:15 → 01:23:18 ฉะนั้นเนี่ยนะรูปแบบของคีโตนที่เกิดขึ้น
01:23:18 → 01:23:23 นะฮะก็จะต้องถูกขับออกนะในทางปัสสาวะก็
01:23:23 → 01:23:27 เป็นฟอร์มของซิโตอะซิเตตนะฮะนะอืแต่คีโตน
01:23:27 → 01:23:32 ที่เกิดขึ้นในเลือดก็คือเบต้าไอกิวนะ
01:23:32 → 01:23:36 ฮะอันนี้ก็จะเป็นเป็นขั้นที่เขาเรียกว่า
01:23:36 → 01:23:39 เกิดคีโตสิสนะก็ยังไม่เกี่ยวกับอะซีโตนนะ
01:23:39 → 01:23:43 ฮะส่วนใหญ่มันก็จะตรวจในเลือดแล้วก็ตรวจ
01:23:43 → 01:23:48 ในปัสสาวะเจอนะฮะเจอนะเร่างกายจะมีการขับ
01:23:48 → 01:23:52 คีโตนทิ้งเพราะไม่รู้จักนะเนื่องจากอ่า
01:23:52 → 01:23:56 ส่วนใหญ่เราชาชินกับอินซูลินที่มันสูง
01:23:57 → 01:24:00 แล้วก็มีแต่เผาไอ้เรื่องคาฟเรื่องไขมัน
01:24:00 → 01:24:03 เป็นพลังงานนะเนี่ยไมโตคอนเดรียมันก็ยัง
01:24:03 → 01:24:07 ไม่รู้จักนะและไม่รู้วิธีการจะเอาไปใช้นะ
01:24:07 → 01:24:10 ฮะนะคือตอนเไมโคนมันเหมือนมันมันได้รับ
01:24:10 → 01:24:15 การสอนน่ะว่าต่อไปนี้นะจะเอาคาฟออกแล้วนะ
01:24:15 → 01:24:18 จะเอาไขมันเข้ามาแกก็เผาๆๆไปสิอ้ามันก็
01:24:18 → 01:24:22 เผาอ่ะนะเผาแต่ว่ามันมันไม่รู้จะใช้ยงมัน
01:24:22 → 01:24:25 เอาไปให้ใครใช้ไม่ได้นะเ่อตัวมันเองก็ใช้
01:24:25 → 01:24:29 ไม่เป็นนะเพราะไม่ไม่รู้จักนะฮะจนกระทั่ง
01:24:29 → 01:24:32 timing อ่ะหรือระยะเวลาน่ะต้องผ่านไปอีก
01:24:32 → 01:24:37 อีกระยะนึงอ่ะนะนะจนนะจนเนี่ยนะจนเข้าข้อ
01:24:37 → 01:24:41 ที่ 3 ก็คือ ket adaptation นะฮะคือภาวะ
01:24:41 → 01:24:43 ket adapted เนี่ยจะเป็นขั้นตอนเป็น
01:24:43 → 01:24:47 process อันต่อมานะที่ว่าเมื่อเวลาผ่าน
01:24:47 → 01:24:53 ไปผ่านไปแล้วนะะนะเนี่ยนะร่างกายเนี่ยก็
01:24:53 → 01:24:55 ไม่มีพลังงานอะไรใช้แล้วล่ะนะน้ำตาลไม่มี
01:24:55 → 01:24:59 ละนะมีแต่แฟตนะอย่างอันนั้นเลยก็ยังไงมัน
01:24:59 → 01:25:03 ต้องอยู่รอดน่ะนะมันก็ต้องใช้อ่ะนะฮะนะที
01:25:03 → 01:25:06 นี้การใช้คีโตนเนี่ยเค้าก็จะเปลี่ยนฟอร์ม
01:25:06 → 01:25:11 นะฮะจากไอ้อะไรอ่ะเบต้าเบต้าคีโตนน่ะ
01:25:11 → 01:25:15 เบต้าไฮดรอกซี่บิทินะกลายไปเป็น
01:25:15 → 01:25:21 อะซิโตนนะกลายไปเป็นอะซีโตนนะนะแล้วแล้ว
01:25:21 → 01:25:24 ร่างกายก็เอาไปใช้นะเอาเซลล์ต่างๆมันก็
01:25:24 → 01:25:27 เอาไปใช้พอใช้เสร็จสมมุติเหลือเหลือก็จะ
01:25:27 → 01:25:31 มีการขับอะซิโตนออกทางลมหายใจ
01:25:32 → 01:25:35 นะส่วนเวลาที่ไมโตคอนเดรียมันผลิตเนี่ย
01:25:35 → 01:25:40 มันก็จะผลิตเป็นรูปแบบของไอ้ตัวไอ้ตัว
01:25:40 → 01:25:47 เบต้าไฮดรอกซี่บิเนี่ยเป็น
01:25:47 → 01:25:52 หลักทนี้หลังจากนะใช้เรียบร้อยแล้วแล้วก็
01:25:52 → 01:25:58 การผลิตคีโตนเยอะๆยๆนะเอ่อร่างกายใช้ไม่
01:25:58 → 01:26:01 ทันนะมันก็จะเปลี่ยนฟอร์มจากเบต้า
01:26:02 → 01:26:04 ไฮดรอกซีบิทิเนี่ยกลายเป็น
01:26:04 → 01:26:09 อะซิติกแล้วขับออกทางปัสสาวะเป็นหลักงั้น
01:26:09 → 01:26:11 ฟอร์มที่จะขับทางปัสสาวะก็เป็นซิโต
01:26:11 → 01:26:15 อะซิเตตนะฮะฟอร์มที่จะขับออกทางลมหายใจ
01:26:15 → 01:26:17 และการนำไปใช้ก็คือ
01:26:17 → 01:26:22 อะซิโตนนะส่วนเบต้าไฮดรอกซี่บิทิเนี่ยมัน
01:26:22 → 01:26:26 เป็นตัวกลางเป็นตัวกลางๆนะนะที่จะเปลี่ยน
01:26:26 → 01:26:29 ที่จะเปลี่ยนถ้าเปลี่ยนแล้วใช้ได้เนี่ยก็
01:26:29 → 01:26:32 เป็นอะซิโตนถ้าใช้ไม่ได้เปลี่ยนกลับมา
01:26:32 → 01:26:34 เป็นซิโต
01:26:34 → 01:26:39 อะซิเตตแล้วถ้าเกินก็ขับออกนะแล้วจะเป็น
01:26:39 → 01:26:43 อย่างเนะฮะนะอันนี้เค้าก็เรียกว่าเป็นรูป
01:26:43 → 01:26:49 แบบนะเอ่อของคี adaptation ในการใช้นะ
01:26:49 → 01:26:54 พลังงานคีโตนนะแล้วก็มีเรื่อง
01:26:54 → 01:26:58 ของเป็นเาเรียกว่าคีนบอใช่มคีนบอก็คือ 3
01:26:58 → 01:27:02 ฟอร์มเนี่ยเป็นอะซิโตนอิโนซิสแล้วก็เป็น
01:27:02 → 01:27:04 เบต้าไฮดรอกซี่
01:27:04 → 01:27:11 วทกเอ่อคีโตนนะถ้าเซลล์ใช้ได้แล้วเนี่ยนะ
01:27:11 → 01:27:14 มันจะเป็นพลังงานที่เหนือพลังงานนะฮะคีน
01:27:14 → 01:27:18 is Beyond Power นะฮะคือคีโตนเป็นได้
01:27:18 → 01:27:22 ทั้งพลังงานเป็นได้ทั้งฮอร์โมนนะและเป็น
01:27:22 → 01:27:26 ได้ทั้งยาเป็นได้ทั้งยาเขาก็เลยถือว่ามัน
01:27:26 → 01:27:29 เป็น Miracle substance นะ
01:27:29 → 01:27:33 ฮะซึ่งเดี๋ยวในภาคที่ 2 เนี่ยนะก็จะบอก
01:27:33 → 01:27:36 ว่ามันมีประโยชน์อะไรนะฮะนะ 10 อย่าง 10
01:27:36 → 01:27:40 อย่างนะก็เป็นประโยชน์เลิศเลอทั้งนั้นเลย
01:27:40 → 01:27:43 นะฮะเพราะฉะนั้นตอนเนี้ยเราพอรู้แล้วใช่
01:27:43 → 01:27:47 มยว่า Fat Fat burner Fat adapt ket
01:27:47 → 01:27:51 adap นะคีต adapt kos อะไรอย่างเงี้ยนะ
01:27:51 → 01:27:54 metabolic ability นะฮะครับทีนี้มีอีก
01:27:54 → 01:27:58 คำนึงคือ Healthy ketosis นะฮะนะปกติ
01:27:58 → 01:28:02 เนี่ยเวลาเราคีต adap ได้คีโตนมาใช้แล้ว
01:28:02 → 01:28:08 เนี่ยนะฮะได้คีโตนมาใช้นะถ้าคนๆเนี้ยนะฮะ
01:28:08 → 01:28:12 นะโชคดีโชคดีนะคือสร้างคีโตนได้เยอะๆ
01:28:12 → 01:28:16 เซลล์เนี่ยก็ชอบที่จะใช้คีโตนเป็นหลักนะ
01:28:16 → 01:28:21 ฮะไอ้ค่า gki ของคุณเนี่ยมันก็จะไปอยู่ใน
01:28:21 → 01:28:22 ระดับ
01:28:22 → 01:28:29 1-3 ถ้า 1-3 เนี่ยมันคือการเกิดออฟีนะฮะ
01:28:29 → 01:28:32 แล้ว aut fy เนี่ยก็จะไปมีผลอะไรต่างๆ
01:28:32 → 01:28:35 ทุกอย่างแม้แต่เซลล์มะเร็งนะทุกอย่างจะ
01:28:35 → 01:28:40 เปลี่ยนหมดเลยนะฮะอันเนี้ยเขาเรียกว่าจุด
01:28:40 → 01:28:45 หมายปลายทางที่ดีที่สุดนะนะแต่มันก็ยาก
01:28:45 → 01:28:48 อ่ะที่จะ aut fy เพราะงั้นใครอ่ะที่บอก
01:28:48 → 01:28:51 ว่าเนี่ยเขาจะอดเขจะโปรลองฟ้าเาจะอย่าง
01:28:51 → 01:28:54 โง้นอย่างงี้เนี่ยเพื่อจะให้ให้มันเกิดอ
01:28:54 → 01:28:58 fy เนี่ยนะมันก็ไม่รู้ว่าทำได้หรือไม่
01:28:58 → 01:29:02 ได้นะนะอย่างนึงเนี่ยที่จะเป็นตัววัด
01:29:02 → 01:29:07 เนี่ยก็คืออันนี้นะฮะก็คือ gki นะมันออก
01:29:07 → 01:29:10 มาอยู่ในช่วง 1 2 หรือ 3 อะไรอย่างเงี้ย
01:29:10 → 01:29:13 นะเนี่ยไม่เกิน 3 นะฮะมันถึงจะออโต้จี้
01:29:13 → 01:29:15 ได้อ๋อครับ
01:29:15 → 01:29:20 ผมแต่ทีนี้เออทีนี้ถ้าถ้าไม่อย่างนั้น
01:29:20 → 01:29:24 เนี่ยแล้วถ้ามากกว่า 3 ไม่เกิน 6 เนี่ย
01:29:24 → 01:29:27 อยู่ระดับอันนี้เป็นระดับกลางๆนะเป็น
01:29:27 → 01:29:31 ระดับกลางๆหรือมากกว่า 3 แล้วไม่เกิน 9
01:29:31 → 01:29:34 ไม่เกิน 9 3 4 5 6 7 8 9 นะอันนี้
01:29:34 → 01:29:38 เเรียกระดับ Healthy ketosis นะฮะซึ่ง
01:29:38 → 01:29:42 ไอ้ Healthy ketosis เนี่ยมันไม่ aut fy
01:29:42 → 01:29:45 แต่มันเป็นระดับ terapic อ่ะมันก็คือเป็น
01:29:45 → 01:29:48 ระดับที่จะสามารถเยียวยารักษาอะไรต่างๆ
01:29:48 → 01:29:52 ได้นะฮะนะพวกโรคภัยไข้เจ็บพวกอะไรอ่ะพวก
01:29:52 → 01:29:55 as cvd พวกเบาหวาน type 2 พวกไขมันพอก
01:29:55 → 01:29:59 ตับพวกอัลไซเมอร์พวกเนี่ยมันก็ก็เป็น
01:29:59 → 01:30:04 ระดับที่มาใช้ในการดูแลรักษาอย่างเงี้ย
01:30:04 → 01:30:08 นะอันนี้ก็คือแต่ถ้าเมื่อไหร่เกิน 9 ถ้า
01:30:08 → 01:30:11 เมื่อไหร่เกิน 9 อันนี้ก็คือหลุดเอ่อหลุด
01:30:11 → 01:30:17 นะหลุดคีโตนนะเ่อร่างกายไม่คีโตสินะ
01:30:17 → 01:30:19 เอ่อเพราะ
01:30:19 → 01:30:22 ฉะนั้นคนเราอ่ะส่วนใหญ่อ่ะมันจะได้แค่
01:30:22 → 01:30:26 Healthy ketosis คือมากกว่า 3 แต่ไม่
01:30:26 → 01:30:32 เกิน 9 นะฮะเนี่ยอ fy ได้น้อยคนนะฮะนะ
01:30:32 → 01:30:36 เป็นส่วนน้อยมากๆนะแต่ถ้าเกิน 9 อันนี้ก็
01:30:36 → 01:30:40 คนส่วนใหญ่นะก็มันก็ไม่ได้มันยังไม่ได้
01:30:40 → 01:30:44 มันยังไม่ได้นะเพราะฉะนั้นเบาหวานจะ
01:30:44 → 01:30:47 emission ได้ GK คุณต้องต่ำกว่า 9 ฮะ
01:30:47 → 01:30:52 ต้องต่ำกว่า 9 แล้วถามว่าแล้วถ้าเบาหวาน
01:30:52 → 01:30:56 เวอร์คือจะหายสนิทเลยถ้าอย่างนั้น gki
01:30:56 → 01:31:00 คุณต้องต่ำกว่า 3 นะอันเนี้ยถึงจะเกิด
01:31:00 → 01:31:04 ออฟีตับโ่งตับอ่อนอะไรต่างๆเบาหวานหายไม่
01:31:04 → 01:31:07 ต้องเบาหวานหายหรอกมะเร็งมันยังหายเลยนะ
01:31:07 → 01:31:12 เบาหวานมันจะขนาดไหนเออนะเนี่ย
01:31:12 → 01:31:18 อนะคีโตนบอดี้มีสภาพเป็นขดอ่อนๆนะเนี่ยก็
01:31:18 → 01:31:21 ถ้าเกิดช่วงแรกๆร่างกายก็ตกใจก็ต้องขับ
01:31:21 → 01:31:24 ออกเวลาขับออกมันก็ต้องไปแย่งกับอะไรที่
01:31:24 → 01:31:28 มันจะต้องขับทางไตอ่ะนะนะแต่ว่าไตมันก็
01:31:28 → 01:31:31 อย่างงี้แหละร่างกายเไม่สะสมไว้นะฮะคือ
01:31:31 → 01:31:34 คีโตนยังไงก็ต้องต้องเอาออกเอาออกทางลม
01:31:34 → 01:31:36 หายใจทางผิวหนงผิวหนังหรือทางปัสสาวะแต่
01:31:37 → 01:31:40 ส่วนใหญ่มันออกทางนี้นะฮะนะเพราะฉะนั้น
01:31:40 → 01:31:43 การขับกดยูริกมันลดลงเพราะฉะนั้นช่วงแรกๆ
01:31:43 → 01:31:46 เวลาร่างกายมันใช้คีโตนไม่ได้แล้วมันขับ
01:31:46 → 01:31:49 ออกมากๆนะเ่ามันก็เกิดไฮเปอร์ยูรีเมียใน
01:31:49 → 01:31:53 เลือดนะเดี๋ยวก็มีเคสตัวอย่างให้เห็นด้วย
01:31:53 → 01:31:58 นะฮะอ่าเบต้าไฮดรอกซี่บิสนะฮะ bhb นะแล้ว
01:31:58 → 01:32:01 ก็มีพี่น้องอีก 2 คืออะซิโตนกับซิโต
01:32:01 → 01:32:04 อะซิเตตนะฮะอันนี้เป็นเรื่องของคีโตน
01:32:04 → 01:32:07 บอดี้มันเป็นอย่างนี้นะฮะของพวกนี้เป็น
01:32:07 → 01:32:11 คีโตนทั้งหมดนะฮะนะ 3 ตัวนี้นะฮะนะแต่ที
01:32:11 → 01:32:15 นี้โครงสร้างของไฮดรอกซี่ buic นะฮะคือ
01:32:15 → 01:32:18 กรดกรดเนี้ยนะฮะกรดอันเนี้ยมันสามารถ
01:32:18 → 01:32:22 ฟอร์มตัวได้อีก 3 รูปแบบได้อีก 3 รูปแบบ
01:32:22 → 01:32:26 นะฮะนะเรามีชื่อว่าแอลฟ่าคีโตนเบต้าคีโตน
01:32:26 → 01:32:30 แมมคีโตนนะฮะนะก็คือเกิดจากการเอากดตัว
01:32:30 → 01:32:35 เนี้ยนะไปฟอร์มไปฟอร์มนะฮะนะอ่าซึ่งแต่ละ
01:32:35 → 01:32:40 ตัวมีรายละเอียดนะฮะสำหรับแมมคีโตนนะแมม
01:32:40 → 01:32:45 คีโตนก็คือแมมไฮดรอกซี่วทสนะฮะที่ไปรวม
01:32:45 → 01:32:49 ตัวกับกดอะมิโนกลูตามิกแล้วก็ไกลซีนนะฮะ
01:32:49 → 01:32:53 กลายเป็นสารสื่อประสาทสมองคือกบบ้ากาบ้า
01:32:53 → 01:32:57 นะฮะแอลฟ่าคีโตนและแมมคีโตนไม่เกี่ยวข้อง
01:32:57 → 01:33:03 กับคีโตนบอนะฮะไม่ใช่คีนบอนะเฉพาะเบต้า
01:33:03 → 01:33:07 กีนเท่านั้นหรือเบต้า hdy buic bate
01:33:07 → 01:33:10 เท่านั้นที่เป็นเรื่องของคีโตนบอนะฮะ
01:33:10 → 01:33:15 แอลฟ่าคีโตนอ่าคืออะไรแมมคีโตนคืออะไรนะ
01:33:15 → 01:33:17 ก็เดี๋ยวคุยให้
01:33:17 → 01:33:23 ฟังสนุกขึ้นเรื่อๆเวลาหุกขึ้นเรื่อยๆคือ
01:33:23 → 01:33:27 เวลาที่เราคีต adap แล้วเนี่ยมันจะต้องไป
01:33:27 → 01:33:32 ต่อเนี่ยก็คือมันจะต้องไปต่อนะฮะนะการไป
01:33:32 → 01:33:35 ต่อของคีต adap เนี่ยก็คือการไปต่อที่
01:33:35 → 01:33:40 เบต้า hydroxy bate นะนะกับ
01:33:40 → 01:33:44 อ่าถ้าเป็นตัวนี้ก็เป็นคลีนคีโตนนะฮะนะ
01:33:44 → 01:33:48 เ่าแต่ส่วนใหญ่เราจะมาได้ตัวนี้ฮะนะ al
01:33:48 → 01:33:52 ซึ่งเราเรียกว่า Dirty คีนแ่าแ่านะฮะ
01:33:52 → 01:33:54 แอลฟ่า
01:33:54 → 01:33:57 อืคือทุกอย่างเนี่ยมันก็ขึ้นอยู่กับอะไร
01:33:57 → 01:33:59 อ่ะคือขึ้นอยู่กับการสอนร่างกายเนี่ยให้
01:33:59 → 01:34:03 สร้างคีโตนให้ได้ก่อนนะเพราะงั้นคุณจะสอน
01:34:03 → 01:34:06 ร่างกายสร้างคีโตนหมอบอกไปแล้วคือคุณต้อง
01:34:06 → 01:34:10 สอนตอนกินไม่ใช่สอนตอนอดเพราะว่าตอนเพราะ
01:34:10 → 01:34:13 ว่าการสร้างคีโตนเนี่ยนะเนี่ยมันก็สร้าง
01:34:13 → 01:34:15 ที่ตับที่ไมโทคอนเดรียของตับมันก็ต้องมี
01:34:15 → 01:34:19 วัตถุดิบนะนะหรือว่ามีมีสถานการณ์น่ะก็
01:34:19 → 01:34:23 คืออินซูลินต่ำและคุณโลคะได้โลคาไปแล้วนะ
01:34:23 → 01:34:26 แล้วคุณก็จะต้องมีไขมันให้เค้านะฮะจะเป็น
01:34:26 → 01:34:30 ไขมันในร่างกายหรือจะเป็นไขมันจากภายนอก
01:34:30 → 01:34:32 นะแต่ในช่วงที่เราฟีดเรากินเราก็ต้องใช้
01:34:32 → 01:34:36 ไขมันในอาหารที่ดีที่ถูกต้องไปจุดชนวนนะ
01:34:36 → 01:34:39 ฮะไปจุดชนวนเสร็จแล้วก็ต้องมีอ่ะผักใบผัก
01:34:39 → 01:34:43 หัวมีตัวโปรตีนมีตัวโปรตีนที่ถูกต้องอ่ะ
01:34:43 → 01:34:47 นะนะไขมันโปรตีนเอ่อไขมันอยู่ตัวสูงไขมัน
01:34:48 → 01:34:50 อะไรไขมันสูงไขมันปากาไขมันต่ำอะไรตาม
01:34:51 → 01:34:52 สัตว์ตัวสนกินมื้อเช้ามื้อแรกมื้อเย็น
01:34:52 → 01:34:56 อะไรเงี้ยครับนะก็ตามเนี้ยนะฮะนะทีนี้
01:34:56 → 01:34:59 เวลามันเกิดนะคีโตนขึ้นมาก็คือเกิดเบต้า
01:34:59 → 01:35:03 hydroxy bate แล้วเนี่ยนะเนี่ยเอ่อ
01:35:03 → 01:35:07 เซลล์ก็จะต้องมีการถูกฝึกนะให้ใช้ไอ้ตัว
01:35:07 → 01:35:10 ตัวเนี้ยตัว bhb เนี่ยเป็นพลังงานแทนน้ำำ
01:35:10 → 01:35:15 ตาลนะเเรียกว่าเข้าสู่คีโต adap นะเออ
01:35:15 → 01:35:19 นะแล้วก็เนี่ยแบบที่บอกไปเนาะอันนี้เข้า
01:35:19 → 01:35:23 ใจแล้วคีโตนเป็นพลังงานเป็นฮอร์โมนเป็นยา
01:35:23 → 01:35:28 ายุวัฒนะนะเพราะอะไรเพราะว่าไอ้สารต้นทาง
01:35:28 → 01:35:31 ก็คือตัวไขมันดีนี่แหละนะมันเป็นไขมันจาก
01:35:31 → 01:35:35 พืชเป็นพลังงานจากพืชนะซึ่งมันเป็นมัน
01:35:35 → 01:35:38 เป็นเค้าเรียกมันเป็นอะไรมันเป็นเป็นเพีย
01:35:38 → 01:35:42 Energy อ่ะนะคือเวลาเราเอาเอาน้ำมันพืช
01:35:42 → 01:35:45 มาสกัดเย็นอะไรต่างๆเนี่ยเราสามารถสกัด
01:35:45 → 01:35:47 เป็นตัวไขมันที่มีความบริสุทธิ์ได้มาก
01:35:47 → 01:35:51 กว่ามากกว่าคุณไปสกัดน้ำมันหมูน้ำมันหนัง
01:35:51 → 01:35:54 ไก่น้ำมันอะไรพวกเนี้ยนะฮะความเร็วบริสุด
01:35:54 → 01:35:58 มันต่างกันนะแล้วก็องค์ประกอบอื่นๆนองค์
01:35:58 → 01:36:01 ประกอบอื่นๆที่อยู่ในพืชน่ะโดยเฉพาะการมี
01:36:01 → 01:36:04 สารพฤกษาเคมีเนี่ยมันก็คือข้อแตกต่างนะ
01:36:04 → 01:36:07 ที่พืชเมีให้กับเรานะฮะแล้วเราก็ยังต้อง
01:36:07 → 01:36:11 พึ่งพาสิ่งเหล่านี้อยู่นะอืครับผมทีนี้
01:36:11 → 01:36:16 เรามาดูต่อไปในเรื่องตัวแอลฟ่าไฮดรอกซี่
01:36:16 → 01:36:19 บสนะฮะนะอันนี้มันไม่เกี่ยวกับเบต้า
01:36:19 → 01:36:23 ไฮดรอกซี่บสไม่ใช่คีโตนนะฮะนะก็แบบที่บอก
01:36:23 → 01:36:28 ไปเมื่อกี้นี้ว่าพวกเนี้ยนะมันเป็นคือตัว
01:36:28 → 01:36:30 เมันเป็นสัญญาณของสิ่งที่เป็นปัญหาต่อ
01:36:30 → 01:36:37 ร่างกายเกิดจากนะกดอะมิโนกลุ่มนึงอ่าที่
01:36:37 → 01:36:40 อยู่ในโปรตีนนะฮะนะเ้าเรียกว่าแอลฟ่าอิน
01:36:40 → 01:36:45 บิทิ Acid นะแล้วโปรตีนกลุ่มนี้เนี่ยนะ
01:36:45 → 01:36:48 ถ้ามันเยอะเกินไปนะร่างกายจะมีการเปลี่ยน
01:36:49 → 01:36:53 เป็นคีโตนชนิดนี้นะคือโปรตีนมันสามารถ
01:36:53 → 01:36:56 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลก็ได้เปลี่ยนเป็นคีโตน
01:36:56 → 01:37:00 ก็ได้แต่ส่วนใหญ่เกินกว่า 80% ถ้ามันเกิน
01:37:00 → 01:37:03 มันจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลนะฮะที่เหลือไม่
01:37:03 → 01:37:06 ถึง 20% มันจะเปลี่ยนเป็นคีโตนนะฮะแล้ว
01:37:06 → 01:37:10 คีโตนที่มันเปลี่ยนมันก็คือ Dirty คีนตัว
01:37:10 → 01:37:15 นี้นะที่ชื่อว่าแอลฟ่า hydroxy buic อ๋อ
01:37:15 → 01:37:19 ครับ buic bate นี่แหละนะฮะนะซึ่งเถือ
01:37:19 → 01:37:23 ว่ามันเป็นคีโตนตัวปลอมไม่ใช่ตัวจริงมัน
01:37:23 → 01:37:27 เป็นคีโตนตัวปลอมแต่มันไม่ใช่คีโตนนะฮะ
01:37:27 → 01:37:31 มันไม่ใช่คีโตนนะฮะนะก็มันก็เป็นสารที่
01:37:31 → 01:37:34 เกิดเป็น n produc อย่างนึงอ่ะของโปรตีน
01:37:34 → 01:37:38 นะแล้วสารตัวนี้เนี่ยร่างกายเอาไปใช้ไม่
01:37:38 → 01:37:42 ได้นะร่างกายจะต้องเกิดการสะสมแล้วเวลา
01:37:42 → 01:37:46 การสะสมสารตัวนี้อ่าอินซูลินเฮอร์โมนตัว
01:37:46 → 01:37:49 พ่อต้องออกมานะ
01:37:49 → 01:37:53 ฮะสารตัวนี้สสามารถตรวจพบได้ในกระแสเลือด
01:37:53 → 01:37:57 และในปัสสาวะนะเมื่อตรวจพบนะแอลฟ่า
01:37:57 → 01:38:00 ไฮดรอกซี่บิ Acid นะไม่ว่าจะเป็นในปัสสวะ
01:38:00 → 01:38:04 หรือในเลือดนะเมีมีมีตัวจุ่มที่ตรวจด้วย
01:38:04 → 01:38:09 นะฮะนะครับถือเป็นสัญญาณว่าร่างกายของคุณ
01:38:09 → 01:38:12 มีภาวะการดื้ออินซูลินที่เกิดจากการ
01:38:12 → 01:38:15 โอเวอร์โปรตีนนะเพราะปริมาณโปรตีนที่คุณ
01:38:15 → 01:38:19 กินหรืออทคเข้าไปใช้ไม่หมดนะโดยโปรตีนที่
01:38:19 → 01:38:22 เหลือกองใหญ่จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลนะและ
01:38:22 → 01:38:25 โปรตีนส่วนที่เหลือกลุ่มเล็กๆจะถูก
01:38:25 → 01:38:28 เปลี่ยนเป็นไขมันชนิดนี้นะซึ่งเราถือว่า
01:38:28 → 01:38:34 เป็นเตี้คีโตนนะไขมันเอ้ยคีโตนตัวปลอมตัว
01:38:34 → 01:38:36 นี้มีอีกชื่อนึงว่า
01:38:36 → 01:38:41 คีอคีโตรอลคุณหมอลืมวงเล็บนะฮอ๋อ k e t
01:38:41 → 01:38:44 o r a l
01:38:44 → 01:38:50 คีอ
01:38:50 → 01:38:52 อื
01:38:52 → 01:38:56 ก็มันเป็นสัญลักษณ์นะฮะเอ่อเดี๋ยวโทษที
01:38:56 → 01:38:59 อันนี้มันจะเนี่ยอิโน Acid potential นะ
01:38:59 → 01:39:03 ฮะนะคือการกินโปรตีนเนี่ยนะฮะมันจะมีทั้ง
01:39:03 → 01:39:07 อ่าไม่จำเป็นนะ non essential อิโน Acid
01:39:07 → 01:39:11 นะฮะ essential อิโน Acid นะฮะนะแล้วก็
01:39:11 → 01:39:14 ระหว่างไม่จำเป็นกับไอ้กดอะมิโนจำเป็น
01:39:14 → 01:39:16 เนี่ยมันยังแบ่งออกเป็น
01:39:16 → 01:39:19 อ่าถ้าเกิดมันเหลือเนี่ยมันจะเปลี่ยนเป็น
01:39:20 → 01:39:23 เนี่ยมันมีคุณสบัติเป็นเนี่ยอ่า
01:39:23 → 01:39:31 กลูโคโนกลูโคอะไรกลูโคเจนินะกลูโคนิกนะ
01:39:31 → 01:39:41 อิโนแอซิดนะฮะกับ
01:39:41 → 01:39:44 กีนิวกับเปลี่ยนเป็น
01:39:44 → 01:39:47 คีโตนก็แล้วแต่ชนิดของอมิโนแอซิดที่หลง
01:39:47 → 01:39:50 เหลืออยู่นะฮะไม่ว่าจะเป็นทั้งจำเป็นไม่
01:39:50 → 01:39:51 จำเป็น
01:39:51 → 01:39:55 นะแล้วก็อันนี้ก็เปลี่ยนเป็น 2 ทิศทางนะ
01:39:55 → 01:39:58 ก็ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนตัวไหนมาเยอะกว่ากัน
01:39:58 → 01:40:02 นะฮะเนี่ยครับผมถ้าเป็นฮอร์โมนคอร์ติซอล
01:40:02 → 01:40:06 มาเยอะนะมันก็จะเปลี่ยนเป็นฝั่งนี้ถ้าพวก
01:40:06 → 01:40:08 เนี้ยถ้าฮอร์โมนอินซูลินมาเยอะก็เปลี่ยน
01:40:08 → 01:40:10 เป็นฝั่งนี้แต่ส่วนใหญ่มันก็เปลี่ยนเป็น
01:40:10 → 01:40:14 ฝั่งนี้แหละฮะนะฮะครับเพราะฉะนั้นเนี่ย
01:40:14 → 01:40:17 แอลฟ่าคีโตนก็คือตัวนี้นะฮะตัวเเป็นหลัก
01:40:17 → 01:40:22 นะเนี่ยตัวลิวซีนตัวไลซีนลิวซีนส่วนใหญ่
01:40:22 → 01:40:25 ที่มันวอรหรือมันเยอะมันมาจาก
01:40:25 → 01:40:35 อะไรมาจากเโปรตีนและบนอิน Acid เพวกเกับบ
01:40:35 → 01:40:38 chain ต่างๆจะมีซีนที่เขาจะเอาไปสร้าง
01:40:38 → 01:40:43 ก้ามแต่ถ้าคุณกินเยอะสูปเกินไปนะ
01:40:43 → 01:40:48 เออพวกนี้มันเกินอ่ามันเกินมันก็จะกลาย
01:40:48 → 01:40:51 เป็นนี่แหละนะเอ่อ
01:40:51 → 01:40:58 เป็นแอลฟ่าเ่ออไี่ินะเป็น Dirty คีนไป
01:40:58 → 01:41:01 เนาะอันมันก็มีมีมีเนี่ยเเรียกว่าอิน
01:41:01 → 01:41:03 แอซิดโนล
01:41:03 → 01:41:09 นะมีการตรวจวัดคีโตนนะเนี่ยเอ่อก็มีสูตร
01:41:09 → 01:41:13 ต่างๆนะฮะนะอันนี้ก็ไม่มีอะไรนะน้อยกว่า 3
01:41:13 → 01:41:16 เป็นคีโตสิสขั้นสูงนะฮะบางคนน้อยกว่า 1
01:41:16 → 01:41:19 ก็มีนะฮะนะบางคนก็น้อยกว่า 1 3-6 อยู่
01:41:19 → 01:41:25 ขั้นกลางๆนะ 6-9 นะค่า gki นะฮะค่า gki
01:41:25 → 01:41:29 นะอันนี้ก็อยู่ในระดับกสิแบบอ่อนๆนะฮะมาก
01:41:29 → 01:41:33 กว่า้าไม่ไม่คีโตสิสแล้วนะฮะร่างกาย
01:41:33 → 01:41:36 เปลี่ยนเข้าสู่ระบบการสะสมพลังงานแล้วนะ
01:41:36 → 01:41:41 ฮะแล้วระดับ gki 13 เป็น auty นะ
01:41:42 → 01:41:47 นะแล้วก็ต่ำมา 1 นี่ auty เต็มที่นะฮะนะ
01:41:47 → 01:41:50 อืก็ยังมีอีกสูตรนึงนะฮะนะอันนี้ก็เป็น
01:41:50 → 01:41:53 สูตรที่เอาเอานะอัตราส่วนของกลูโคสหาร
01:41:53 → 01:41:59 ด้วยคีโตนนะฮะแล้วก็คูณ 100 คูณ 100
01:41:59 → 01:42:05 นะอันนี้อันนี้เเรียกว่าอะไรด Boss เรช
01:42:05 → 01:42:10 อะไรเยนะฮะครับผมไม่จะมีถ้าต่ำกว่า 80 นะ
01:42:10 → 01:42:14 เริ่มขบวนการ auty ถ้าต่ำกว่า 20 เนี่ย a
01:42:14 → 01:42:18 fy ในระดับในระดับเนี่ยระดับ 1-3 เนี่ย
01:42:18 → 01:42:25 นะฮะนะเออันนี้ก็เป็นระดับอะไรอ่ะ 3-6 นะ
01:42:25 → 01:42:29 เนี่ยอันนี้ก็เป็นระดับนะน้อยกว่า 9 นะฮะ
01:42:29 → 01:42:36 นะ 9 6-9 นะนะถ้ามากกว่า 80 ก็เอาไปแล้ว
01:42:36 → 01:42:44 นะอ่าไม่เข้าคีโตสิสอะไระเนา
01:42:44 → 01:42:49 อือันนี้ก็สัญญาณที่บอกว่าร่างกายปรับมา
01:42:49 → 01:42:53 ใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักได้แล้วนะฮะอัน
01:42:53 → 01:42:56 นี้ก็คือหมายถึงว่านิ่งะนิ่งะก็คือ
01:42:56 → 01:43:00 คีโตซิสจนกระทั่ง fash adap ket adap
01:43:00 → 01:43:02 เรียบร้อยแล้วนะฮะก็จะเป็นอย่างง
01:43:02 → 01:43:07 นี้เมื่อกี้บอกไป
01:43:07 → 01:43:13 แล้วครับผมนี่ก็ที่ที่เห็นกันนะเออก็ไม่
01:43:13 → 01:43:19 มีอะไรแล้วก็หมดแล้วอันนี้อย่างที่ตั้งใจ
01:43:19 → 01:43:22 จะพูดนะกลัวจะเกเกิน 2 กจะเกิน 22 นตาม
01:43:22 → 01:43:24 สัญญาก
01:43:24 → 01:43:28 สุทัศก็มีเคสนะฮะมีเคสอันนี้เราก็เห็นเคส
01:43:28 → 01:43:33 อยู่แล้วึเปล่านะฮะอ้าโอเคครับที่เบอกว่า
01:43:33 → 01:43:36 เ่อโปรลองฟามา 100 ช่วโมงแล้วก็หลังจาก
01:43:36 → 01:43:40 ออกฟาก็ไปลองตรวจผลเลือดผลปัสสาวะก็ได้ผล
01:43:40 → 01:43:45 มาอย่างนี้มีอะไรผิดพลาดมปกติทาน omas นะ
01:43:45 → 01:43:47 โดยในมื้อนั้นๆเนี่ยก็คือกินมื้อเดียวอ่ะ
01:43:47 → 01:43:51 23/1 นี่แหละนะต่อมื้อก็จะมีไข่ต้ม 3-4
01:43:51 → 01:43:56 ฟองทุกมื้อเลยนะฮะนะเอ่อคนนี้ก็ความดันดี
01:43:56 → 01:44:00 ชีพจรดีนะฮะเนี่ยก็คือคือเา้าอ่ะเข้าสู่
01:44:01 → 01:44:04 ไอ้เรื่องคีโตซิสเข้าสู่เข้าสู่อะไรอ่ะ
01:44:04 → 01:44:09 เข้าสู่ Fat adapt คี adapt เี่นะแช adap
01:44:09 → 01:44:13 ั่นแหละนะฮะนะเนี่ยชีพจรไม่เร็วใช่มยนะ
01:44:13 → 01:44:16 ไม่ได้เร็วนะน้ำหนักก็ค่อนข้างต่ำกว่า
01:44:16 → 01:44:21 เกณฑปกติน่าจะสักประมาณ 65 66 อ่ะนะอัน
01:44:21 → 01:44:24 นี้ 60 เองนะอ่าผลหลับก็จะเป็นอย่างเงี้ย
01:44:24 → 01:44:29 นะแล้วก็มีตัวแดงนะในปัสสาวะของเค้านะฮะ
01:44:29 → 01:44:33 เนี่ยโปรตีนเทสนะฮะนะมีการรั่วของโปรตีน
01:44:33 → 01:44:38 ออกมาด้วยนะที่ไตนะนะแล้วก็มีคีโตน 3 บว
01:44:38 → 01:44:42 คีโตน 3 บวกนะฮะเนี่ยร่างกายเหมือนมีการ
01:44:42 → 01:44:46 ขับโปรตีนออกด้วยดูดกลับไม่ได้นะก็คือคือ
01:44:46 → 01:44:49 ไตมันเสียฟังก์ชันการทำงานในการดูดกลับ
01:44:49 → 01:44:52 การ absorb นะเพราะว่าอันเนี้ยโปรตีนมัน
01:44:52 → 01:44:54 ออกไม่ได้นะฮมันรั่วไม่ได้มันต้อง
01:44:54 → 01:44:59 Negative นะอแต่ว่าคีโตนก็เยอะนะฮะนะ
01:44:59 → 01:45:03 แล้วก็คนนี้เนี่ยเอ่อที่เเรียก striking
01:45:03 → 01:45:07 หน่อยเนี่ยนะคตนขึ้นไป 1.5 แล้วนะคนพวก
01:45:07 → 01:45:10 นี้ส่วนใหญ่คียไม่ควรเกิน 1.2 นะฮะแล้วก็
01:45:10 → 01:45:12 ยูริกขึ้นไปตีขึ้นไปถึง
01:45:12 → 01:45:19 14.2 14.2 เออโอครับอันนี้ค่าแลบนะก็คน
01:45:19 → 01:45:23 นี้ BMI 20 10.3 นะฮะลักษณะรูปร่างเป็น
01:45:23 → 01:45:27 พุงตับเป็นพุงตับนะที่นิพนธ์
01:45:27 → 01:45:33 แล้วก็เห็นม fing ชารต่ำแต่ไม่มีอาการแต่
01:45:33 → 01:45:34 ไม่มี
01:45:34 → 01:45:38 อาการเคนนี้ก็มีทั้ง Fat adap คีโ adap
01:45:38 → 01:45:42 นั่นแหละนะนี้ยังไม่มีอาการอะไรนะ a1c
01:45:42 → 01:45:43 4.5
01:45:43 → 01:45:49 นะต่ำสุดของ a1c ก็คือก็คือ 4.2 นะฮะไม่
01:45:49 → 01:45:53 ควรต่ำก 4 1.2 นะ
01:45:53 → 01:46:00 นะก็ไตเนี่ยนะิี 1.5 ไม่รู้ว่า GFR ตอนเ
01:46:00 → 01:46:03 ไปเท่าไหร่เหลือเท่าไหร่แล้วนะฮะนะจริงๆ
01:46:03 → 01:46:06 มันต้องคำนวณออกมานะฮะแล้วก็ยูริกเนี่ย
01:46:06 → 01:46:08 พุ่งขึ้นไปเยอะเลยนะก็เป็น
01:46:08 → 01:46:12 hyperemia แต่ไม่ได้มี gy
01:46:12 → 01:46:17 attack แล้วก็เอนไซม์ตับก็ดีนะแล้วก็
01:46:17 → 01:46:23 ไตกีสไลพุ่งนะเอ่อ hdl D นะ
01:46:23 → 01:46:27 เอ่อ ldl น่าจะเป็น type B นะคนนี้
01:46:27 → 01:46:30 เหมือนมีเนี่ยดื้ออินซูลินของตับอ่อนดื้อ
01:46:30 → 01:46:36 อินซูลินของตับนะแล้วก็มีพลังงาน
01:46:36 → 01:46:40 เกินแล้วก็มีการโอเวอร์โปรตีน
01:46:40 → 01:46:45 นะก็คือคนนี้กิน omas แล้วกินวอร์โปรตีน
01:46:45 → 01:46:50 นะอื้ากายก็ขับโปรตีนออกทางไตด้วยนะฮะฮะ
01:46:50 → 01:46:56 นะขับขับไม่ทันใช่มั้ครับงานเกินหอืคือ
01:46:56 → 01:46:59 ขับโปรตีนไม่ทันหรอครับผมเหมือเโอเวอร์
01:46:59 → 01:47:04 โปรตีนมากไปนะครับใช่นะอืเนี่ยไอ้ตัว a b
01:47:04 → 01:47:10 ติดลบนะฮะครับเอ่อพลังงานเเกินนะคิดว่า
01:47:10 → 01:47:14 ยังไงอ่ะนะก็คิดว่าน่าจะมีคอร์ติซอลเนี่ย
01:47:14 → 01:47:18 นะฮะน่าจะก็คือการโปรลองฟ้าตั้ง 100
01:47:18 → 01:47:21 ชั่วโมงเนี่ยคอร์ติซอลน่าน่าจะมาแล้วล่ะ
01:47:21 → 01:47:25 นะจะมามากมาน้อยอะไไม่รู้่ะแล้วก็น่าจะมี
01:47:25 → 01:47:29 เรื่องของการจัดหาพลังงานน่ะนะอ่ามาช่วย
01:47:29 → 01:47:34 นะแต่ไอ้ตัวเรือเนี่ยฮะ vldl เนี่ยนะมัน
01:47:34 → 01:47:38 ก็ต้องทำหน้าที่อ่ะในการที่จะกาเอามีการ
01:47:38 → 01:47:42 สลายพลังงานออกมานะแล้วก็เกิดการฟอร์มตัว
01:47:42 → 01:47:46 เป็น vldl พุ่งออกจากตับไปให้เซลล์ได้ใช้
01:47:46 → 01:47:50 อ่ะนะฮะเพราะฉะนั้นไตกิลก็เลยมาท้นอยู่ใน
01:47:50 → 01:47:54 กระแสเลือดเนี่ยนะเนี่ยมีคนถามอ่ะว่าทำไม
01:47:54 → 01:48:01 ไคิสูงๆๆสูงเกินรอก็คือเมัน 158 นะ
01:48:01 → 01:48:04 ฮะเพราะว่าคนๆนี้เนี่ยช่องทางในการ
01:48:04 → 01:48:07 ลำเลียงพลังงานและใช้พลังงานเนี่ยมันอยู่
01:48:07 → 01:48:09 ในระบบเลือดอ่ามันไม่ค่อยได้อยู่ในระบบ
01:48:09 → 01:48:13 น้ำเหลืองนะเพราะร่างกายเนี่ยมันน่าจะมี
01:48:13 → 01:48:18 อ่อฮอร์โมนเครียดคอร์ติซอลออกมา
01:48:18 → 01:48:24 นะแลแล้วก็ดูตัวเนี้ยเเหมือนเหมือนจะตี
01:48:24 → 01:48:28 กลับมาดื้ออินซูลินอีกอ่ะนะเอก็ไม่รู้ว่า
01:48:28 → 01:48:31 ไอ้ตัวฟังก์ชันของอินซูลินเป็นยังไงเค้า
01:48:31 → 01:48:34 ก็ไม่ได้จอกม่ายอเอ้ยเไม่ได้จอก ting
01:48:34 → 01:48:36 อินซูลิน
01:48:36 → 01:48:42 ด้วยก็คือคนๆเนี้ยนะพลังงานเนี่ยมันมาจาก
01:48:42 → 01:48:44 คอร์ติซอล
01:48:44 → 01:48:50 นะก็มีการสลายไขมันออกมานั่นแหละนะฮะก็
01:48:50 → 01:48:53 สลายเยอะเลยล่ะนะฮะเพราะว่าเโปรลองฟ้ามา
01:48:53 → 01:48:59 ตั้ง 100 ชั่วโมงนะ
01:48:59 → 01:49:04 ครับข้อแนะนำก็คือนะสงสัยว่าจะเป็นสาย
01:49:04 → 01:49:07 แป้งน่ะนะมันจะโปรลองฟาอย่างนี้ไม่ได้นะ
01:49:07 → 01:49:13 ฮะนะคอซอมันจะพีคเอพอมันพีคมากๆเนี่ยนะ
01:49:13 → 01:49:18 มันก็ต้องสลายกล้ามเนื้อนั่นแหละ
01:49:18 → 01:49:24 อืสลายทั้งกล้ามเนื้อสลายทั้งไขมันนะไข
01:49:24 → 01:49:28 มันที่อยู่ที่ร่างกายสะสมนี่แหละนะฮะแล้ว
01:49:28 → 01:49:33 ก็ตัวไขมันนี่แหละนะก็ใช้ไม่ได้ใช้ไม่หมด
01:49:33 → 01:49:37 ใช้ไม่ทันครับไกิสไลนมัน
01:49:37 → 01:49:41 พุ่งคือมันน่าจะพุ่งเป็นตัว remnant นฮะ
01:49:41 → 01:49:45 นะอยู่ในเรือของพวก VL dl VL remnant
01:49:45 → 01:49:49 idl อะไรพวกเนี้ยอ้าเพราะว่าเซลล์มันเอา
01:49:49 → 01:49:51 ไปใช้ไม่ทัน
01:49:51 → 01:49:53 เซมันใช้ไม่ทันเพราะอะไรเพราะว่าร่างกาย
01:49:53 → 01:49:57 เนี่ยคิอเนี่ยมันเกิดการสั่งให้เก็บพลัง
01:49:57 → 01:50:02 งานนะไม่ให้ใช้อืเพราะร่างกายมันขาดพลัง
01:50:02 → 01:50:08 งานตอนเนี้ย
01:50:08 → 01:50:15 ครับก็พูดแถมนิดนึงจากเรื่องของไอ้ตัวไร
01:50:15 → 01:50:19 ติดต่างๆที่เราพูดกันไปนะอือฮึก็หมอก็ได้
01:50:19 → 01:50:22 ไปอ่านของของอะไรนะ Daniel เเอร์นะฮะหมอ
01:50:22 → 01:50:27 Daniel jer นะแล้วก็ที่เคยพูดไปถึง
01:50:27 → 01:50:32 ออร์มใช่ม 2 คนเนี่ยก็เอเอกทัตคะทางด้าน
01:50:33 → 01:50:36 ครับผมอ่าไรปิดนะฮะก็คือ Daniel jer
01:50:36 → 01:50:40 เนี่ยนะอันนี้เขเป็น hdl นะเก่งมากใน
01:50:40 → 01:50:43 เรื่อง hdl เทำงานวิจแต่เรื่อง hdl นะฮะ
01:50:43 → 01:50:47 นะส่วน Man เนี่ยนะอันนี้ก็เป็นเป็นเอกใน
01:50:47 → 01:50:50 เรื่องของ A B
01:50:50 → 01:50:51 แล้ว
01:50:51 → 01:50:56 ก็คือเา้าบอกว่าวิวัฒนาการของมนุษย์เนี่ย
01:50:56 → 01:51:01 นะมนุษย์เนี่ยพยายาม develop คือจาก hdl
01:51:01 → 01:51:06 เนี่ยนะฮะนะเค้าก็มาพยายามที่จะสร้างไอ้
01:51:06 → 01:51:10 ตัวการนำส่งพลังงานเนี่ยไตกิสรายต่างๆนะ
01:51:10 → 01:51:13 ฮะนะซึ่งมันเป็นการนำส่งพลังงานแบบชั่ว
01:51:13 → 01:51:19 คราวนะของช่วงชีวิตนะคือปกติอ่ะมนุษย์
01:51:19 → 01:51:22 เนี่ยการนำส่งพลังงานต้องอยู่ในระบบท่อ
01:51:22 → 01:51:27 น้ำเหลืองโดยไคโรไมคอนนะเวลาที่กินกับ
01:51:27 → 01:51:31 เวลาที่อดเนี่ยนะนะการนำส่งพลังงานให้
01:51:31 → 01:51:35 เซลล์ต่างๆเนี่ยมันควรจะอยู่ในระบบน้ำ
01:51:35 → 01:51:38 เหลืองเป็นระบบที่ถาวรที่สุดนะแต่ไหนแต่
01:51:38 → 01:51:43 ไรมาแล้วนะฮะทีนี้พอมนุษย์เจริญขึ้นมามี
01:51:43 → 01:51:46 วิวัฒนาการอะไรขึ้นมาเนี่ยแล้วก็ไปกิน
01:51:46 → 01:51:50 อะไรต่างๆนะที่มันไม่ใช่เป็นการใช้ไขมัน
01:51:50 → 01:51:55 เป็นพลังงานหลักอ่ะนะมนุษย์ก็เลยต้องมี
01:51:55 → 01:51:58 การจัดส่งพลังงานอีกช่องทางนึงก็คือน้ำ
01:51:58 → 01:52:01 เลือดน้ำเลือดก็คือส่งผ่านในรูปแบบของ
01:52:01 → 01:52:05 vldl อ่ะโดยการทำงานของตับในการสร้างนะ
01:52:05 → 01:52:08 ฮะซึ่งในองค์ประกอบที่จะเป็นเรืออะไรต
01:52:08 → 01:52:10 อะไรพวกเนี้ยแล้วในที่สุดมันก็กลายเป็น
01:52:10 → 01:52:13 ldl เนี่ยนะมันก็เลยต้องมีองค์ประกอบที่
01:52:13 → 01:52:15 มนุษย์ที่วิววิวัฒนาการของมนุษย์และตับ
01:52:16 → 01:52:20 เนี่ยต้องมีการสร้าง a b ขึ้นมาอืนี้
01:52:20 → 01:52:25 แหละฮะนะมันก็เป็นชนวนที่มาบอกว่านะนี่
01:52:25 → 01:52:30 แหละเ่อการใช้พลังงานชั่วครั้งชั่วคราวนะ
01:52:30 → 01:52:32 นะที่จะต้องมี a b มาเกี่ยวข้องด้วย
01:52:32 → 01:52:36 เนี่ยนะมันไม่ใช่สิ่งถาวรที่มนุษย์ควรจะ
01:52:37 → 01:52:39 ใช้นะเพราะมนุษย์ควรจะใช้ต้องไปใช้พลัง
01:52:39 → 01:52:43 งานในช่องทางน้ำเหลืองโดยไคโลไมคอนซึ่ง
01:52:43 → 01:52:47 มันจะมีการกลับตับภายใน 30 นาทีอยู่ไม่
01:52:47 → 01:52:50 เกิน 2-4 ชั่วโมงอะไรอย่างเงี้ยแต่เมื่อ
01:52:50 → 01:52:54 วิวัฒนาการต้องมาใช้ไอ้พวกเรือที่เป็น VL
01:52:54 → 01:52:58 dl นะแล้วอยู่ในระบบน้ำเลือดเนี่ยนะซึ่ง
01:52:58 → 01:53:01 วิวัฒนาการอันเนี้ยมันเป็นวิวัฒนาการที่
01:53:01 → 01:53:04 เอามาใช้ชั่วคราวในช่วงที่มนุษย์ไม่ได้
01:53:04 → 01:53:08 กินรวมทั้งในช่วงเวลาที่เรานอนเนี่ยแต่ไป
01:53:08 → 01:53:12 ๆมาๆแล้วมนุษย์วิวัฒนาการไปเป็นการกิน All
01:53:12 → 01:53:15 Around the coock อ่ะคือหมายถึงกิ 24
01:53:15 → 01:53:18 ชั่วโมงเพราะงั้นระบบเยมันก็เลยเป็นระบบ
01:53:18 → 01:53:20 ที่ต้องทำงานหนักเกินไปครับนะเพราะฉะนั้น
01:53:21 → 01:53:24 การสร้าง a b สร้าง ldl non hdl อะไร
01:53:24 → 01:53:29 ต่างๆรวมทั้งเรือ vldl ไค vldl VL แล้ว
01:53:29 → 01:53:33 ก็ idl ต่างๆมันก็เลยเยอะแยะขึ้นไปหมดเลย
01:53:33 → 01:53:38 นะฮะนะมันฝืนวิวัฒนาการไงอนะเพราะว่ามัน
01:53:38 → 01:53:41 เป็นระบบชั่วคราวแต่มนุษย์เนี่ยพยายามจะ
01:53:41 → 01:53:45 กินกินกๆเพื่อนำส่งพลังงานให้มันเป็นระบบ
01:53:45 → 01:53:50 ถาวรไปครับมันผิดธรรมชาติฮะระบบนี้มัน
01:53:50 → 01:53:53 เป็นระบบชั่วคราวแต่บัดนี้เนี่ยมันเอามา
01:53:54 → 01:53:56 ทั้งส่งไปให้ใช้พลังงานและส่งไปสะสมพลัง
01:53:56 → 01:54:00 งานกลายเป็นระบบถาวรไปแล้วและไม่ยอมที่จะ
01:54:00 → 01:54:03 ไปใช้ไคโลไมคอนที่จะอยู่ในระบบน้ำเหลือง
01:54:03 → 01:54:08 เลยอ๋อครับผมออพอเข้าใจมครับอ่า Daniel
01:54:08 → 01:54:13 เจอร์เบอกอย่างเงี้ยเออนี่แหละมันก็เลย
01:54:13 → 01:54:16 เป็นอะไรที่ตอนหลังๆเนี่ยเอ่อในเมื่อมัน
01:54:16 → 01:54:19 คุณจะพยายามทำให้ระบบชั่วคราวเป็นระบบ
01:54:19 → 01:54:23 ถาวรใช่มั้ยล่ะนะแล้วมันก็เลยทำให้ไอ้ตัว
01:54:23 → 01:54:27 ldl เนี่ยมี plma Residence Time นาน
01:54:27 → 01:54:30 เกินไปครับพอมันนานเกินไปมันก็จะต้องหา
01:54:30 → 01:54:33 ทางออกทางออกทางนึงโดยธรรมชาติของมนุษย์
01:54:33 → 01:54:37 เนี่ยก็คือเอาไปที่ซตที่ตับที่ท่าเรือที่
01:54:37 → 01:54:40 จะพยายามส่งออกคอเลสเตอรอลออกไปแล้ว ldl
01:54:40 → 01:54:43 จะได้สลายตัวออกไปจากกระแสเลือดครับแต่ใน
01:54:43 → 01:54:45 เมื่อ plma Residence Time มันนานแล้ว
01:54:45 → 01:54:47 มันอยู่แทนที่จะอยู่ไม่เกิน 5 วันมันก็
01:54:47 → 01:54:50 อยู่ไปตั้ง 7 วันมีหนังซ้ำคุณยังมีการ
01:54:50 → 01:54:53 อักเสบเจ็บป่วยดื้ออินซูลินอะไรอีกเนี่ย
01:54:53 → 01:54:56 คราวเนี้ยเนี่ยมันยิ่งอยู่นานแล้วมันก็
01:54:56 → 01:55:00 เลยยิ่งเอากูไปทางตับก็ไม่ได้ซตก็น้อยกู
01:55:00 → 01:55:03 ก็ตกตะกอนตามหลอดเลือดนี่จะออกทางหลอด
01:55:03 → 01:55:07 เลือดนี่แหละกูจะอเอานี่แหละมึงจะทำไมกู
01:55:07 → 01:55:12 ล่ะกูไม่มีที่ภยแล้วเออๆๆมันก็เลยเป็นเ้า
01:55:12 → 01:55:14 เรียกว่าในในในแนวทางของการอธิบายแบบ
01:55:14 → 01:55:18 วิวัฒนาการเก็อธิบายอย่างงนี้ครับสุทัศน์
01:55:18 → 01:55:20 ก็เอาไปเขียนเรื่องเป็นนิยายเป็นอะไรเลย
01:55:20 → 01:55:24 อ่ะแต่พเข้าใจฟังหยมั้ยว่ามันมีที่มาที่
01:55:24 → 01:55:26 ไปมันเล่าเรื่องได้แต่คุณจะเชื่อไม่เชื่อ
01:55:27 → 01:55:30 ก็แล้วแต่แต่เนี่ยฉันก็อ่านมาจากเนี่ย
01:55:30 → 01:55:34 Daniel เตอรอะไรอ่ะที่ที่หมอลงรูปไปแหละ
01:55:34 → 01:55:38 แล้วก็เป็นเอตทัะที่เขายกย่องให้เป็นอยู่
01:55:38 → 01:55:42 ในระดับทปไเลยของ lipid List ที่เล่น
01:55:42 → 01:55:47 เรื่อง hdl อ่ะเก็เป็นหมอโลหัวใจอือืก็
01:55:47 → 01:55:51 เป็นอย่างเงี้ยนะเนี่ยสนุกมั้ยล่ะมันก็มี
01:55:51 → 01:55:54 เหตใช่ล่ะเออในเมื่อมันออกทางตับไม่ได้กู
01:55:54 → 01:55:57 ก็ตกตะกอนมันอยู่ในหลอดเลือดนี่แหละกูจะ
01:55:57 → 01:56:03 กูจะอินจเอาใครกูอ่ะครับผมๆๆๆสนุกเกินไปึ
01:56:03 → 01:56:10 เปล่าเนี่ยยิ่งยิ่งยิยิ่งยิ่งยิ่งมัน
01:56:10 → 01:56:15 นะส่วนไอ้ outside อิเนี่ยเราก็ไม่รู้นะ
01:56:15 → 01:56:18 เราก็ว่ามันก็สมเหตุสมผลน่ะนะถึงจะเป็น
01:56:18 → 01:56:21 เรื่องเล่าแบบเนี้ยเเก็เล่าแบบมีเหตุมีผล
01:56:21 → 01:56:24 นฮะเออแล้วมันจะทำยังไงอ่ะยิ่งยุค
01:56:24 → 01:56:26 ปัจจุบันเนี่ยอาหารการกินเ่ะมันก็ผลักดัน
01:56:26 → 01:56:29 ให้มีการขนส่งเก็บสะสมพลังงานในระบบเลือด
01:56:29 → 01:56:33 แหละเออไม่ไม่ไประบบน้ำเหลืองกันน่ะเออ
01:56:33 → 01:56:35 แปลกมั้ยก็ไม่ค่อยมีใครพูดเรื่องระบบ
01:56:35 → 01:56:37 เลือดระบบน้ำเหลืองนะเราก็พูดแต่ถึงระบบ
01:56:37 → 01:56:39 น้ำเหลืองอย่างเดียวเนาะเอ้ยระบบระบบ
01:56:39 → 01:56:41 เลือดอย่างเดียวเลือดๆอย่างเดียวเออเรา
01:56:41 → 01:56:44 พูดถึงระบบเลือดอย่างเดียวกันน่ะคือไคโร
01:56:44 → 01:56:47 ไมคอนเนี่ยมันก็มี a b มันก็มีโปรตีนน่ะ
01:56:47 → 01:56:51 มันไม่ใช่เ้ B 100 ไงมันเป็นเป็น a b48
01:56:51 → 01:56:53 นะเพราะฉะนั้น plma Resident Time เ
01:56:53 → 01:56:56 ต้องสั้นมันเป็นการบังคับอยู่แล้ว่ะด้วย
01:56:56 → 01:57:00 ตัวตัวโปรตีนตัวเนี้ยแล้วไคโนไมคอนจะไม่
01:57:00 → 01:57:04 อยู่ในระบบเลือดนะยกเว้นแต่ว่าแต่ว่านะ
01:57:04 → 01:57:08 แต่ว่าเขาเป็นไคโรไมคอนเลนที่จ่ายพลังงาน
01:57:08 → 01:57:11 ไปแล้วแล้วโมเลกุลมันเล็กลงแล้วก็แล้วก็
01:57:11 → 01:57:13 มันมันมีเหตุการณ์บางอย่างหรือมี
01:57:13 → 01:57:15 พันธุกรรมบางอย่างเนี่ยมันก็เลยเข้ามา
01:57:15 → 01:57:20 อยู่ในระบบระบบเลือดด้วยนะนะแต่มันก็ไม่
01:57:20 → 01:57:23 ใช่สที่ดีอ่ะใช่มั้ยล่ะแล้วเหตุการณ์ที่
01:57:23 → 01:57:26 ว่ามันมี aple B1 อยู่ในระบบเลือดแล้วตก
01:57:26 → 01:57:29 ตะกอนเนี่ยโดยเฉพาะ ldl มันอยู่นานที่สุด
01:57:29 → 01:57:32 มันก็ตกมากที่สุดครับเออก็เพราะว่ามัน
01:57:32 → 01:57:35 ร่างกายมันวิวัฒนาการขึ้นมาให้ใช้ชั่ว
01:57:35 → 01:57:38 คราวแต่แกพวกแกเเนี่ยไปกินไปทำอะไรก็ไม่
01:57:38 → 01:57:42 รู้่ะไปใช้ชีวิตไปมีไลฟ์สไตล์ไปอะไรต่างๆ
01:57:42 → 01:57:46 ที่จะพยายามครับผมเป็นแบบถาวรแทนระบบน้ำ
01:57:46 → 01:57:50 เหลืองไปเลยอ่ะไม่ได้อๆๆๆๆครับผม
01:57:50 → 01:57:53 อ๋อเอ้ยนี้ก็เพิ่งเคยได้ยินนะครับเราเรา
01:57:53 → 01:57:57 เอาระบบระบบือดนี่เป็นชั่วคราวเนาะเออเรา
01:57:57 → 01:58:00 สลับกันหมดังไงอ่ะเพราะอะไรเพราะอาหาร
01:58:00 → 01:58:04 เนี่ยเออเพราะอาหารเราเราเราไม่รู้เลยว่า
01:58:04 → 01:58:07 จริงๆคือระบบเลือดเป็นชั่วคราวเลยส่วน
01:58:07 → 01:58:10 ใหญ่เมองว่าคือมันมันเลือดเป็นแบบถาวร
01:58:10 → 01:58:15 แล้วเป็นท่อทางหลักเลยครับผมอืๆคือพลัง
01:58:15 → 01:58:17 งานกับสารอาหารไงพลังงานต้องเข้าระบบน้ำ
01:58:17 → 01:58:20 เหลืองเมีช่องทางตามธรรมชาติให้เเข้าอยู่
01:58:20 → 01:58:23 แล้วนะไม่ต้องไปผ่านตับด้วยแล้วเอาไปใช้
01:58:23 → 01:58:27 งานเลยไม่ต้องมีรีเซตอ่าไม่ต้องมีฮอร์โมน
01:58:27 → 01:58:31 อะไรมากมายนักนะที่จะมาบังคับเค้ามีประตู
01:58:31 → 01:58:36 มีอะไรต่างๆไม่ต้องมีนะฮะนะแต่แต่ไอ้พวก
01:58:36 → 01:58:40 สารอาหารนะแล้วก็พลังงานที่ร่างกายไม่ได้
01:58:40 → 01:58:43 ต้องการเยอะแยะก็คือพวกคาฟเนี่ยนะแล้วก็
01:58:43 → 01:58:46 โปรตีนเนี่ยโปรตีนก็เป็นสารอาหารใช่มั้ย
01:58:46 → 01:58:49 นะแล้วก็พวกอะไรอ่ะพวกที่เป็นวิตามินแรด
01:58:49 → 01:58:52 ธาตุพวกที่เป็นเอ่อไฟเบอร์ละลายน้ำพวกที่
01:58:52 → 01:58:56 เป็นอะไรอ่ะเอ็นตรงเอนไซม์หรือว่าเป็น
01:58:56 → 01:59:00 เป็นเป็นไขมันที่เป็นอะไรชอตชต Chin
01:59:00 → 01:59:03 medium Chin อะไรตงๆอันเนี้ยเาตีเป็น
01:59:03 → 01:59:07 สารอาหารที่สำคัญที่ต้องรีบรีบเอาไปไป
01:59:07 → 01:59:10 สำคัญต่อกายหยาบอ่ะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยให้
01:59:10 → 01:59:13 เข้าระบบเลือดแล้วเข้าเร็วๆเข้าแล้วมีต่ำ
01:59:13 → 01:59:17 เป็นตัวตรวจสอบนะเออแล้วก็พยายามกระจาย
01:59:17 → 01:59:22 ออกไปด้วยเอาบูมินด้วยโปรตีนอะไรต่างๆนะ
01:59:22 → 01:59:27 เนี่ยแต่ระบบพลังงานนี่แหละซึ่งเป็นเป็น
01:59:27 → 01:59:29 กายละเอียดเนี่ยเป็นให้กายละเอียดอะไร
01:59:29 → 01:59:32 ต่างๆเนี่ยนะซึ่งร่างกายจะมีการตอบรับ
01:59:32 → 01:59:35 ก่อนพวกสารอาหารเพราะกายละเอียดเนี่ยเขา
01:59:35 → 01:59:37 ต้องอาศัยพลังงานเนี่ยแล้วพลังงานพวกเ
01:59:38 → 01:59:40 เป็นพลังงานที่ถาวรเพมนุษย์ต้องใช้ไขมัน
01:59:40 → 01:59:44 เป็นพลังงานแต่มนุษย์กลับไปเห็นดีเห็นงาม
01:59:44 → 01:59:48 ยังไงก็ไม่รู้ไปใช้แต่ไอ้ตัวคาฟหรือชูก้า
01:59:48 → 01:59:51 เป็นพพลังงานอย่างเงี้ยอินซูลินมันก็เลย
01:59:51 → 01:59:55 ต้องเยอะนะเค้าก็มาช่วยเราน่ะแหละ
01:59:55 → 02:00:00 นะดีได้วยดีต้องจัดการไม่งั้นแล้วคาฟเป็น
02:00:00 → 02:00:02 พิษเมื่อไหร่ก็ตามที่กินคาฟเยอะๆคาฟเป็น
02:00:02 → 02:00:05 พิษน้ำตาลเหลือเกินร่างกายก็ประกาศ
02:00:05 → 02:00:09 สถานการณ์ฉุกเฉินทันทีเลยนะผมว่าต้องรีบ
02:00:09 → 02:00:12 แล้วต้องรีบเปลี่ยนแล้วต้องรีบทำอะไรแล้ว
02:00:12 → 02:00:15 ไม่งั้นน้ำตาลเนี่ยมันเป็นพิษต่อโปรตีน
02:00:15 → 02:00:18 มันทำลายโนนทำลายนี่
02:00:18 → 02:00:20 อื
02:00:20 → 02:00:25 อืๆๆๆเอก็ต้องเข้าใจเข้าใจบริบทเข้าใจ
02:00:25 → 02:00:28 ฮอร์โมนเข้าใจครับอะไรไม่รู้ว่าสารอาหาร
02:00:28 → 02:00:31 หรือว่าสิ่งต่างๆที่ต้องมาพยายามผูกพัน
02:00:31 → 02:00:35 กันเป็นเรื่องเป็นเรื่องไปครับๆครับไ
02:00:36 → 02:00:39 บิลินโลกเนี่ยพี่หมอส่วนมากเป็นหมอหัวใจ
02:00:39 → 02:00:41 อ่ะครับหรือว่ายังไงฮะพี่เป็นหมอหัวใจอ่ะ
02:00:41 → 02:00:46 ออเป็นหมอหัวใจเป็นหมอไอ้นิวตริน่ะดรกิ
02:00:46 → 02:00:50 คาโฮก็เป็นนิวตริ
02:00:50 → 02:00:53 อ๋อเป็นนิวริชไม่ได้เป็นโรคหัวใจนะเป็น
02:00:53 → 02:00:58 หมอนิวตริครับๆๆอืแต่เคือพวกเนี้ยเขาจะ
02:00:58 → 02:01:02 ได้ phd ฮะเป็นปริญญาเอกคือพื้นฐานคุณ
02:01:02 → 02:01:05 เป็นหมอก็จริงแต่คุณต่อทางด้านทางด้าน
02:01:05 → 02:01:08 โมเลกุล่าทางด้านโมเลกุลที่จะไปเล่นใน
02:01:08 → 02:01:10 เรื่องสารอาหารแต่ละตัวบางคนก็เล่นเรื่อง
02:01:10 → 02:01:13 โปรตีนเรื่องคาฟเรื่องไขมันน่ะแต่ส่วน
02:01:13 → 02:01:15 ใหญ่คนเก่งๆก็จะมาเรื่องเล่นเรื่อง
02:01:16 → 02:01:22 โมเลกุลของไขมันครับอืๆๆแล้วก็พวกนี้ก็
02:01:22 → 02:01:26 พื้นฐานเจะมาจากทางด้านโรคหัวใจกันเป็น
02:01:26 → 02:01:30 หลักนะเพราะว่าอเพราะว่าไอ้เรื่อง as cvd
02:01:30 → 02:01:32 อะไรต่างๆเนี่ยมันก็จะพวกนี้มันจะต้อง
02:01:32 → 02:01:37 สัมพันธ์กับเรื่องไขมงไขมันเนี่ยครับ
02:01:37 → 02:01:43 อือือืๆๆก็ดูน่าสนุกอ่ะเนาะน่าสนุกครับ
02:01:43 → 02:01:46 พี่หมอเพราะว่ามันก็ค่อนข้างเปิดเปิดโลก
02:01:46 → 02:01:49 เหมือนกันนะคือคือแต่ก่อนผมก็ก็ก็ค่อน
02:01:49 → 02:01:51 ข้างเาีกับหมอหัวใจ
02:01:51 → 02:01:55 นะมันได้เห็นเห็นมุมมุมมองมุมมองใหม่ๆ
02:01:55 → 02:01:58 ครับผมไม่แต่มันเชื่อมกันได้ไงคือถ้าแต่
02:01:58 → 02:02:01 แต่หมอเมืองนอกเ้าไม่ใช้น้ำมันไงพพี่หมอ
02:02:01 → 02:02:04 อืคือสุผลสรุปของเค้าอย่างหมอแอเทียเนี่ย
02:02:05 → 02:02:07 ผสลุของเขาคก็คือปรับอาหารก็เหมือนกับที่
02:02:07 → 02:02:08 เราเรารู้ๆกันเนาะก็ไปกินแบบ
02:02:08 → 02:02:11 เมดิเตอร์เรเนียนมั่งไปลดลดไขมันอิ่มตัว
02:02:11 → 02:02:14 พวกเนื้อสัตว์ใหญ่อะไรอย่างเงี้ยอ่าแต่เ
02:02:14 → 02:02:17 แต่เไม่ได้พูดในเรื่องของพลังงานแบบแตก
02:02:17 → 02:02:20 แตกฉานเหมือนกับทางทางพี่หมออธิบายอย่าง
02:02:20 → 02:02:23 งี้ไงแล้วส่วนส่วนมากมันก็ลดยากเอาจเค้า
02:02:23 → 02:02:27 ก็ใช้ไขมันพวกน้ำมันมะกอกเป็นหลักอ่ะก็
02:02:27 → 02:02:30 คือเค้ายังเ้าเรียกว่าเน้นเน้นเรื่องมู
02:02:30 → 02:02:34 ฝ้าอืนะฮะแล้วการกินของเขาคเไม่ได้ต้องมา
02:02:34 → 02:02:36 ทำน้ำมันสกัดเย็นนี่เพราะว่าระบบทางเดิน
02:02:37 → 02:02:40 อาหารของคนพวกนี้เวิวัฒนาการมานานแล้วกับ
02:02:40 → 02:02:44 การกินน้ำมันแบบราดน่ะแบบกรอกอ่ะอืๆๆนะ
02:02:44 → 02:02:47 แล้วเวลาสมมุติว่าเราไปกินอาหารสเปนอาหาร
02:02:47 → 02:02:50 อิตาเลียนเนี่ยนะเาก็จะต้องมีน้ำมันมะกอก
02:02:50 → 02:02:54 มีเกลือน่ะมีเกลือมีน้ำมันมะกอกมีอือๆๆๆ
02:02:54 → 02:02:58 มีผักดองมีคล้ายๆจะไม่เป็นผักดองแบบทาง
02:02:58 → 02:03:02 เอเชียไงครับเพเป็นผักของเค้าอ่ะที่คล้าย
02:03:02 → 02:03:05 ๆไม่รู้ว่าเป็นคล้ายๆซาวดเค้าหรืออะไร
02:03:05 → 02:03:08 ต่างๆพวกเนี้ยครับเอ่อมาให้เรากินน่ะมา
02:03:08 → 02:03:11 กอกดองอะไรอย่างเงี้ยเค้าก็มีมีชุดของ
02:03:11 → 02:03:14 เขาคอ่ะครบเครื่องแต่น้ำมันของเค้า่ะราด
02:03:14 → 02:03:19 อ่าแล้วเอาขนมปังไปจิ้มอ่าๆใช่ยังมีาฟ
02:03:19 → 02:03:22 ด้วยให้เสียดายเออแต่มันก็จะเค็มๆเปรี้ยว
02:03:22 → 02:03:26 ๆอะไรก็ไม่รู้อ่ะใช่ๆครับอส่วนมากับมอง
02:03:26 → 02:03:29 ที่ผมเห็นบ่อยๆตั้งแต่สมัยนานแล้วมันจะ
02:03:29 → 02:03:33 เป็นไอ้แตงกวาเล็กอ่ะครับเป็นซูกิแตเออ
02:03:33 → 02:03:37 เออไม่ใช่ิเล็กกว่านั้นเอ่อแตงกวาจิ๋วเลย
02:03:37 → 02:03:40 แตงกวาผมไม่รู้ผมไม่รู้ภาษาอังกฤษเเรียก
02:03:40 → 02:03:42 อะไรไอ้ไอเยอรมันมันเรียกเกคิน่ะภาษา
02:03:42 → 02:03:45 ฝรั่งเศสมันเรียกกีชแต่แต่ไม่แน่ใจอังกฤษ
02:03:45 → 02:03:48 เ้าเรียกอะไรนะทับอกหรือเปล่าหรือไงตัว
02:03:48 → 02:03:51 เนี้ยมันจะเป็นแตงกวาจิ๋วๆเลยแล้วมันก็จะ
02:03:51 → 02:03:54 มีเป็นแเม็ดคล้ายๆถั่วเขียวบ้านเรานะแต่
02:03:54 → 02:03:56 แต่คนละเรื่องเลยนะแต่ไตส์เล็กๆเหมือนกัน
02:03:56 → 02:03:59 เนี่ยใช่ดองเปรี้ยวมาน่ะเเรียกเ้าเรียก
02:03:59 → 02:04:03 เม็ดคาเปอร์มงหรือไงอันเนี้ยนะนอกนั้นก็
02:04:03 → 02:04:06 จะมีที่คล้ายๆที่คนที่ที่คนไทยรู้คุ้นๆ
02:04:06 → 02:04:10 อยู่ก็จะมีไอ้หัวหอมนะฮะหัวหอมแต่คนเจะ
02:04:10 → 02:04:15 เป็นหอมขาวเป็นหอมขาวหัวเล็กๆนะหัวเล็กๆ
02:04:15 → 02:04:18 ใช่อันนี้ที่ผมที่ผมเห็นบ่อยนะเจะจำความ
02:04:18 → 02:04:21 ได้แต่สมัยวัยรุ่นสมัยอะไรที่เคยไปอยู่
02:04:21 → 02:04:23 บ้านฝรั่งอะไรอย่างเงี้ยเราแต่เราไม่มี
02:04:23 → 02:04:26 ความรู้ไม่รู้จักหรอกสมัยนั้นก็เห็นเจ้า
02:04:26 → 02:04:28 บ้านเ้ากินเราก็กินตามเค้าอ่ะไม่ได้เข้า
02:04:28 → 02:04:32 ใจอะไรอืแต่แต่แต่แต่จะสังเกตว่าฝรั่ง
02:04:32 → 02:04:35 เนี่ยกินกินขนมปังน้อยกว่าที่อันนี้ฝรั่ง
02:04:35 → 02:04:39 ยุโรปนะกินขนมปังน้อยกว่าที่เราเราคาดไง
02:04:39 → 02:04:42 คือไม่ใช่สแตนดาร์ดอเมริกันแน่ๆคือกินขาบ
02:04:42 → 02:04:45 ไม่ถึง 50% แน่นอนเพราะว่ายังไงวะพี่หมอ
02:04:45 → 02:04:48 อยากรู้เพราะว่าดูเราดูจากหปังที่เที่เ
02:04:48 → 02:04:50 กินเนี่ยอย่าอย่างที่ผมไปนี่ฝรั่งเศสนะ
02:04:50 → 02:04:53 ปลาแก๊สอันนึงเนี่ยหนมปังฝรั่งเศสแท่งยาว
02:04:53 → 02:04:56 ๆเนี่ยเค้ากินเงินทั้งในครอบครัวเลย 4 ซะ
02:04:56 → 02:05:00 5 คนเนี่ยเไม่ใช่ว่ากินคนนึงเยอะๆนะฮะ
02:05:00 → 02:05:02 คือเราเห็นแท่งมันยาวๆใหญ่ๆก็จริงอ่ะแต่
02:05:02 → 02:05:05 เค้าหั่นแบ่งกกินทั้งบ้านนะอ้าเหรอครับ
02:05:05 → 02:05:08 ไม่ได้กินเยอะเหมือนบ้านเราเหรอเอ้อไม่
02:05:08 → 02:05:11 ได้ไม่ได้ว่าแบบโอ้โหเป็นเหมือนเหมือนคน
02:05:11 → 02:05:13 ไทยนกินไม่เยอะเหมือนคนไทยกินข้าวเอางี้
02:05:13 → 02:05:16 แล้วกันเยอะขนาดนั้นอ้าแล้วเค้ากินกิน
02:05:16 → 02:05:19 อะไรเป็นหลักครับพี่หมอก็ถ้าเป็นมื้อหลัก
02:05:19 → 02:05:22 ที่เากินเมนคอสก็คือกินเนื้อสัตว์เนี่ยจะ
02:05:22 → 02:05:24 เป็นเนื้อเป็นปลาก็แล้วแต่เนี่ยออเค้าก็
02:05:24 → 02:05:27 จะกินหมปังไอ้นี่แหละหนมปังบาแก๊สเนี่ย
02:05:27 → 02:05:30 แต่เขไม่ได้กินเยอะฮะไม่ได้กินเยอะ
02:05:30 → 02:05:35 อ๋อแล้วแล้วภาคพื้นภาคพื้นยุโรปเนี่ยส่วน
02:05:35 → 02:05:38 มากมื้อเค้ากิน 3 มื้อก็จริงนะแต่ว่ามื้อ
02:05:38 → 02:05:41 เช้าเจะกินน้อยครับนะฮะแต่จะมีแต่เท่าที่
02:05:42 → 02:05:44 ทราบแต่จะมีอังกฤษเนี่ยที่ที่กินมื้อเช้า
02:05:44 → 02:05:47 ค่อนข้างหนักอือ่าแต่ถ้าเป็นฝรั่งเศส
02:05:48 → 02:05:50 เยอรมันหรือประเทศภาคพื้นสปงสเปนอะไรพวก
02:05:50 → 02:05:53 เนี้ยเคจะกินมื้อเช้าน้อยแต่ถามว่า
02:05:53 → 02:05:55 Healthy มั้ยในความเห็นผมก็ไม่นะเพราะ
02:05:55 → 02:05:58 ว่ามันก็กินกับแยมมั่งอะไรมั่งก็ไม่ใช่
02:05:58 → 02:06:01 ไม่ไม่ไม่มีน้ำตาลน่ะพูดถึงอ่ะครับแต่
02:06:01 → 02:06:04 อย่างสเปนสเปนนี่มีคล้ายๆคนไทยเลยเ้ามี
02:06:04 → 02:06:06 ปลาโตโก๋สเปนที่เเรียกชูโรสอ่ะมันจะมัน
02:06:06 → 02:06:09 ค้ายๆปาทโก๋เราเลยแต่แท่งมันยาวกว่าแค่
02:06:09 → 02:06:12 นั้นน่ะแล้วเคก็ทานกาแฟร้อนครับก็ก็คล้าย
02:06:12 → 02:06:15 ๆที่คนไทยจำนวนมากกินน่ะเพียงแต่เป็นเป็น
02:06:15 → 02:06:19 สูตรของของเค้าครับนะอแต่แต่แต่ฝรั่งเศส
02:06:19 → 02:06:21 เนี่ยซึ่งซึ่งผมเข็นว่าเ้เ้าเป็นประเทศ
02:06:21 → 02:06:23 ที่ที่ที่เก่งเรื่องขนมปังเมีขนมปังเยอะ
02:06:23 → 02:06:26 นะแต่ปรากฏว่าไปอยู่บ้านฝรั่งสมัยโน้น
02:06:26 → 02:06:28 เนี่ยโอ้โหนึกว่าเค้าทานขนมปังเยอะไม่
02:06:28 → 02:06:32 เยอะครับไม่เยอะจริงๆอๆๆๆๆ
02:06:33 → 02:06:36 อืแต่แต่แต่ที่เข็นว่ากินเยอะนะไขมันก็จะ
02:06:36 → 02:06:38 เป็นชีสอีกตัวนึงที่เทานกันเพราะเเป็น
02:06:38 → 02:06:42 เมืองชีสอยู่ะอืชีสเปิดตู้เย็นมาเนี่ยเจะ
02:06:42 → 02:06:45 มีตะกร้ามาเลยนะเจะมีเจะมีชีสเป็นสัก 8
02:06:45 → 02:06:48 อย่าง 10 อย่างอะไรอ่ะเค้าก็หันมาให้เรา
02:06:48 → 02:06:50 กินให้ให้เราเลือกกินแล้วแต่ชอบอย่างละ
02:06:50 → 02:06:54 นิดอย่างละหน่อยที่ยุโรปเป็นร้านอืๆอ่า
02:06:54 → 02:06:56 อย่างกล้านเลยนะถ้าเป็นคนไทยเห็นอก็เป็น
02:06:56 → 02:06:59 ล้านแล้วแล้วอันที่เอ้าถือว่าเป็นของแพง
02:06:59 → 02:07:02 นะครับเหมือนกับว่าแขกมาเนี่ยมาจากมาจาก
02:07:02 → 02:07:05 ไทยแลนด์เนี่ยอะไรอย่างเงี้ยนะเจะต้อง
02:07:05 → 02:07:07 เป็นชีสที่ทำจากแพะฮะอืแต่สมัยนั้นเรากิน
02:07:08 → 02:07:09 เราไม่รู้ความไม่มีความรู้แล้วเราก็ไม่
02:07:09 → 02:07:13 ได้กินอ่ะนะกินไปกไม่เห็นมันจะอร่อยกว่า
02:07:13 → 02:07:17 ชีสแกะชีสวัวตรงไหนเราก็ชอบแบบชีสตรงวัว
02:07:17 → 02:07:20 มากกว่าอ่าๆอๆๆๆแต่แต่แต่แต่เป็นอันรู้
02:07:20 → 02:07:22 กันน่ะตามธรรมเนียมฝรั่งเศสเลยถ้าถ้า
02:07:22 → 02:07:26 เสิร์ฟชิสแพะมาเนี่ยแสดงว่าเนี่ยแขกแขก
02:07:26 → 02:07:30 VIP นะเี้เกียจนะอะไรแบบเนี้ยอันนี้เป็น
02:07:30 → 02:07:33 วัฒนธรรมครับโอ้ๆแต่ที่แล้วรู้หรือยังอ่ะ
02:07:33 → 02:07:37 ว่าเพราะอะไรถึงต้องเป็นแพะ
02:07:37 → 02:07:41 ครับผมก็ไม่รู้เหตุผลเเหมือนกันเพแพะมัน
02:07:41 → 02:07:44 กินแต่หญ้าไงถ้าเอาข้าวโพดเอาถั่วเหลือง
02:07:44 → 02:07:49 ไปเลี้ยงแพะแพะตายหรือแพะมันแคะแกนแล้ว
02:07:49 → 02:07:52 ไม่มีนมครับเพราะว่าแพะเป็นสัตว์เลี้ยง
02:07:52 → 02:07:55 ลูกด้วยนมชนิดเดียวเท่านั้นที่ต้องกิน
02:07:55 → 02:07:59 หญ้าจึงทำเป็นอุตสาหกรรมอะไรต่างๆได้ค่อน
02:07:59 → 02:08:07 ข้างยากอืเอแพะกินอาหารพวกพวกแกะหรือพวก
02:08:07 → 02:08:11 วัวอะไรเงี้ยไม่ได้แพะจะตายแพะจะอดอาหาร
02:08:11 → 02:08:15 ตายแพะมันต้องกินหญ้าอย่างเดียวอ๋อเพ
02:08:15 → 02:08:18 ผลิตภัณฑ์จับแพะโดยเฉพาะที่เป็นนมแพะหรือ
02:08:18 → 02:08:22 ว่าที่ทำชีสทำเนยอะไรต่างๆมันเลยแพงมากอ
02:08:22 → 02:08:25 เพราะมันหายากออืแล้วมันก็เลยเป็นอะไรที่
02:08:25 → 02:08:31 เหมือนดีที่สุดในแง่ของสารอาหารด้วยอืๆๆๆ
02:08:31 → 02:08:36 ๆแล้วก็โปรตีนเคซีนเนี่ยโปรตีนเคซีนในนม
02:08:36 → 02:08:40 แพะหรือชีสแพะเนี่ยจะไม่
02:08:40 → 02:08:46 มีจะไม่มีอะไรนะอะไรอะไรโปรตีนเคซีน A1
02:08:46 → 02:08:50 น่ะจะไม่มีครับมันเป็น A2 หมดเลยนะเพราะ
02:08:50 → 02:08:53 ฉะนั้นมันไม่เกิดทำให้ลำไส้รั่วหรือว่าทำ
02:08:53 → 02:08:59 ให้เกิดการแพ้อืของแพะนะอ๋อไม่น่าล่ะทำไม
02:08:59 → 02:09:03 มันถึงแพงเนาะเออเอ้ยแต่ผมตื่นตาตื่นใจ
02:09:03 → 02:09:06 มากนะพี่หมอเวลาไปไปไปยุโรปอ่ะมันโอ้โห
02:09:06 → 02:09:08 ร้านชีสมันเป็นร้านเหมือนร้านขายของชำเลย
02:09:08 → 02:09:11 อ่ะแล้วมันขายชีสอย่างเดียวเลยอ่ะอืเป็น
02:09:11 → 02:09:16 เป็นเป็นอะไรนะเป็นกระถังๆเลยอ่ะนี้เป็น
02:09:16 → 02:09:20 โปรตีนนะเป็นโปรตีนไม่ได้เป็นไขมันแต่เนย
02:09:20 → 02:09:24 บัสเตอร์กีอันนี้เป็นไขมันอือๆต้องเรียก
02:09:24 → 02:09:29 ชื่ออ่าภาษาภาษาอาหารให้ถูกครับมาเจอพี่
02:09:29 → 02:09:32 หมอนพวกนี้จะมีผลต่อการออกฤทธิ์ของ
02:09:32 → 02:09:35 ฮอร์โมนเจอพี่หมอนี่ก็เจอชื่ออาหารแปลกๆ
02:09:35 → 02:09:41 เยอะนะครับอะไรก็ไม่รู้กีเกอรอะไรก็ไม่
02:09:41 → 02:09:44 รู้นั่นแหละครับ
02:09:44 → 02:09:48 อคีโตนี่ยังมีภาค 2 ใช่มั้ยครับพี่หมอ
02:09:48 → 02:09:50 ต้องมีอีกภาคนึงฮะต้องมีนะเห็นพี่หมอบอก
02:09:50 → 02:09:54 จัดละเอียดเลยอ่ะต้องมีภาค 2 ด้วยแล้วถึง
02:09:54 → 02:09:57 จะสรุปว่าคีต adap กับ fash adap ต่าง
02:09:57 → 02:10:01 กันยังไงนะแต่ตอนเนี้ยสรุปได้ 1 ข้อ
02:10:01 → 02:10:05 เรื่องการสร้างแต่มันยังมีเรื่องของการนำ
02:10:05 → 02:10:10 ไปใช้แล้วก็เรื่องผลลัพธ์อือหือต้องให้จบ
02:10:10 → 02:10:15 ก่อนแล้วก็สรุปอืตอบตอนเนี้ยเรารู้แค่ว่า
02:10:15 → 02:10:20 คีโตนคืออะไรมาเป็นมายังไงมีกี่รูปแบบ
02:10:20 → 02:10:23 ครับเกิดขึ้นยังไงอะไรอย่างเงี้ยเอ่อต้อง
02:10:23 → 02:10:27 รู้อันนี้ก่อนเบื้องต้นน่ะอืแล้วหลังจาก
02:10:27 → 02:10:29 นั้นถึงจะไปรู้ว่าเออกฤทธิ์ยังไงเค้ามี
02:10:29 → 02:10:34 ประโยชน์ยังไงเมีข้อเสียเปล่านะแล้วก็จะ
02:10:34 → 02:10:36 ตรวจเช็คตรวจสอบยัง
02:10:36 → 02:10:42 ไงเออๆแล้วถึงมาสรุปนะครับดีครับอาจจะ
02:10:42 → 02:10:46 เป็นพรุ่งนี้ก็ได้ถ้าว่างครับๆๆดีครับดี
02:10:46 → 02:10:52 ครับโอเคทีนี้เคสเนี่ยยมีข้อสงสัยอะไรรือ
02:10:52 → 02:10:57 เปล่าก็ยังไม่มีใครไปตอบอะไรเค้านักนะเคส
02:10:57 → 02:11:00 เนี้ยนะฮะเพราะว่าเมื่อเข้าตารางแล้ว
02:11:00 → 02:11:04 เนี่ยมันมีความผิดปกติอ่ะนะแต่ว่ามันก็
02:11:04 → 02:11:07 ต้องอธิบายลึกๆอยู่เหมือนกันแล้ว
02:11:07 → 02:11:12 ก็แล้วก็ต้องต้องเข้าใจอะไรไปลึกๆอ่ะนะ
02:11:12 → 02:11:16 ครับคือเคสนี้เ้าได้อจีมั้ยครับเคสนี้
02:11:16 → 02:11:21 เหรอไม่การที่เอด 100 100 ชั่วโมงเนี่ย
02:11:21 → 02:11:23 เออไม่
02:11:23 → 02:11:27 โอ้โหไม่ออโต้จี้ฮะ
02:11:27 → 02:11:31 นะคือคือมันต้องมีการตรวจอย่างอื่นน่ะไป
02:11:31 → 02:11:35 โรจนะครับเขาไม่ได้ดูเรื่องอินซูลินโดย
02:11:35 → 02:11:39 เฉพาะการคำนวณฮ่า ir นะแล้วคนเนี้ยคน
02:11:40 → 02:11:43 เนี้ยเน่าจะมีการตรวจปฏิกิริยาการอักเสบ
02:11:43 → 02:11:50 hsrp อ่าอืแล้วก็ต้องอะไร
02:11:50 → 02:11:52 คือเกสเนี้ยยังไม่ค่อยรู้รายละเอียด
02:11:52 → 02:11:55 เกี่ยวกับอาหารการกินเค้าก็บอกว่าเค้ากิน
02:11:55 → 02:12:00 omas มาแล้วก็แล้วก็เนี่ยๆมาทำโปรลองฟ้า
02:12:00 → 02:12:04 100 ช่วโมงแล้วก็ตรวจเลือดเลยนะครับแล้ว
02:12:04 → 02:12:09 ก็แลบเก่าเเป็นยังไงเราก็ไม่รู้นะ
02:12:09 → 02:12:16 อื ting บัชูก้า 54 นะนะอืมันมันก็ยังไม่
02:12:17 → 02:12:21 แน่ใจในเรื่องไทรรอยด์นะฮะไทรอยด์เาจะมี
02:12:21 → 02:12:22 ปัญหาหรือเปล่า
02:12:23 → 02:12:27 เไทรรอยด์จะเพี้ยนด้วยหรือเปล่านะฮะครับ
02:12:27 → 02:12:31 แต่อย่างเงี้ยผมก็สงสัยว่าในเมื่อาติ
02:12:31 → 02:12:34 ชูก้าแค่ 54 เนี่ยแล้วก็คีโตนในเลือดก็
02:12:34 → 02:12:38 น่าจะเยอะพอสมควรอ่ะมันก็น่าจะได้ gki
02:12:38 → 02:12:39 ที่ต่ำกว่า 3 อ่ะ
02:12:39 → 02:12:43 ครับต้องไม่รู้อ่ะต้องวัดออกมานะต้องวัด
02:12:43 → 02:12:46 ออกมาเพราะครับเนี่ยสำคัญที่สุดคือ homa
02:12:46 → 02:12:50 ir เนี่ยมันมันต่ำกว่า 0.5 มั้ยนะเอ่อ
02:12:50 → 02:12:54 ไอ้เคสนี้เคสของห้องอาจารย์ลอยป่ะฮะใช่ฮะ
02:12:54 → 02:13:00 นะที่ว่าตดสินะคนนี้ที่ว่าคตนสูงๆคนนี้
02:13:00 → 02:13:04 เหมือนเหมื gki 0.75 นะถ้าถ้าผมจำไม่ผิด
02:13:04 → 02:13:06 gki ไม่ใช่
02:13:06 → 02:13:13 ฮไม่ใช่ฮะไม่ใช่คนละคนอันนี้เเชว์ผลแลบไง
02:13:13 → 02:13:18 คนนี้เไม่ได้โชว์ gki คนนี้เโชว์ผลบครับ
02:13:18 → 02:13:21 เหมือนเหมือนมันมีคนนึงที่ว่าที่ว่าอด 7
02:13:21 → 02:13:23 วันอะไรเนี่ยแล้วมีแล้วมีเนี่ยเนี่ยหมอ
02:13:23 → 02:13:26 โต้งจำได้มั้ยเนี่ยที่ี่เโชว์ผลเลือดแบบ
02:13:26 → 02:13:31 เนี้ยเอาแต่คนละคนเออคนละคนฮะแต่ว่าคน
02:13:31 → 02:13:34 นั้นเนี่ยคนนั้น
02:13:34 → 02:13:39 gki gki เอ่อคนนั้นคนนั้นที่ชื่อวิริ
02:13:39 → 02:13:41 เนี่ยวิริวิริคน
02:13:41 → 02:13:46 นี้เดี๋ยวโทษนะแป๊บนึงนะสุทัศน์เอ้ยครับ
02:13:46 → 02:13:50 ได้ครับไม่วิิคนเนี้ยที่หมอโต้งพูดเ่ะนะ
02:13:50 → 02:13:53 ฮะที่เขาใช้ดบอบเรชเป็นหลักอ่ะคนนี้เจะ
02:13:53 → 02:13:57 ใช้สูตรอันนี้นะฮะนะ 24 ชมงผ่านไปอันนี้
02:13:57 → 02:14:01 รู้สึกว่าจะจะ Fast 7 วันนะเนี่ยพอ 24
02:14:01 → 02:14:05 ชมงผ่านไปเนี่ย gki เข้า 5 นะเนี่ย 5
02:14:05 → 02:14:12 5.86 นะแล้วก็อันนี้มัน 105 นะฮะมัน
02:14:12 → 02:14:18 105 เนี่ยอันนี้ gki เนี่ยคีน 0.9 9 นะ
02:14:18 → 02:14:23 fing บันะแล้วเดี๋ยวมีพอเนี่ยพอ 48 ชม 2
02:14:23 → 02:14:31 วันผ่านไปนะ gki 2.3 นะเยเข้านะครับชมก็
02:14:31 → 02:14:36 1.77 นะนะ 96 ชม 4 วันก็
02:14:36 → 02:14:41 1.89 นะ 1.49 เนี่ย 120 ชมนะรู้สึกคนนี้
02:14:41 → 02:14:43 ฟ้า 5 วัน
02:14:43 → 02:14:48 ใช่นะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายนะช่างน้ำ
02:14:48 → 02:14:53 หนักทุกวันตอนเช้านะอะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
02:14:53 → 02:14:57 แล้วก็มี Body fash ลดลงไป 2.2 น้ำหนัก
02:14:57 → 02:15:02 ลดไป 3 ก 6 3.65 ก
02:15:02 → 02:15:05 นะอ่าอย่างคนเนี้ย
02:15:05 → 02:15:13 อโฟนะเนี่ยคีโตซิสอโฟนะมีคีโตนมีมี auty
02:15:13 → 02:15:18 เกิดนะฮเนี่ยเพราะ gki อยู่ในระดับต่ำ 3
02:15:18 → 02:15:22 หมดเลยนะแล้วออโตแี่คนนี้ก็เกิดหลัง 24
02:15:22 → 02:15:26 ชมงนะฮะเดี๋ยวโทษทไม่รู้ค่าเลือดเป็นยัง
02:15:26 → 02:15:28 ไงบ้างนะครับเหมือนเหมคนที่เาตามตามในเพจ
02:15:28 → 02:15:32 เราด้วยนะเอ่อคนคนนี้อยู่ในเพจเราฮะอยู่
02:15:32 → 02:15:35 ในเพจตามในเพจเราด้วยแต่ไม่ถ้าเราอยู่ใน
02:15:35 → 02:15:38 เพจจานลอยด้วยถ้าได้ค่าเลือดมาประกอบข้อ
02:15:38 → 02:15:41 มูลตรงนี้ด้วยก็จะดีมากเลยเออถ้าได้ฟัง
02:15:41 → 02:15:43 แต่อันนี้เโพสต์นานแล้วนะฮะโพสตเป็นปี
02:15:43 → 02:15:48 แล้วอือโพสตเป็นปีแล้วครับเนี่ยอันนี้
02:15:48 → 02:15:53 เป็นตัวอย่างก็เลยก็เลยเคยทำไว้ว่าเออคน
02:15:53 → 02:15:59 เนี้ยเขาใช้เนี่ยดบอสเรชด้วยนะ
02:15:59 → 02:16:03 ฮะใช้ใช้สูตรอันนี้
02:16:03 → 02:16:07 ด้วยไม่ใช่ไม่ใช่คนนี้นะฮะนะเ่อคนนี้เก็
02:16:07 → 02:16:10 ไม่ได้ตรวจอะไรมากมายอ่ะเยังไม่รู้เรื่อง
02:16:10 → 02:16:14 ไปบอกเไม่รู้เรื่องคือเยังไม่รู้หรอกนะฮะ
02:16:14 → 02:16:17 นะเนี่ยเก็ทำแค่นี้แหละโโรองฟ้า 100 น 100
02:16:17 → 02:16:21 ชั่วโมงอ่าแล้วก็ตรวจปัสสาวะอเอ้ยตรวจ
02:16:21 → 02:16:22 เลือดตรวจปัสสาวะแล้วมันเป็นอย่างงี้
02:16:22 → 02:16:25 เนี่ยนะแต่ข้อมูลมันน้อยไปอ่ะเนาะข้อมูล
02:16:25 → 02:16:28 เออข้อนนไปไม่รู้กินอะไรบ้างนอกจากไคร่นะ
02:16:28 → 02:16:31 ฮะพลังงานพอมั้ยแต่เขาคก็ไม่ได้กินน้ำมัน
02:16:31 → 02:16:33 สกัดเย็นเลยหรอกนะ
02:16:33 → 02:16:37 ฮะนะเพราะฉะนั้นในเมื่อพลังงานไม่พอแต่
02:16:37 → 02:16:42 เลมแนนมันเยอะนะก็แปลว่าร่างกายมีการต้อง
02:16:42 → 02:16:45 มีฮอร์โมนที่ไปสลายพลังงานแล้วก็จะพยายาม
02:16:45 → 02:16:49 สะสมพลังงานตัวนั้นก็คือคิอนะฮะแล้วพลัง
02:16:49 → 02:16:52 งานที่สลายออกมาแล้วก็อยู่ในร่างกายเนี่ย
02:16:52 → 02:16:55 มันก็ไม่ได้อยู่ในรูปของน้ำตาลไงมันอยู่
02:16:55 → 02:16:58 ในรูปของไตรกีซาไลน์นะแต่เซลล์มันใช้ไม่
02:16:58 → 02:17:02 ได้อเซล์มันใช้ไม่ได้ร่างกายแล้วไกินอื
02:17:02 → 02:17:05 ที่มันอยู่อ่ะก็อยู่ในเรื่องของ vldl นี่
02:17:05 → 02:17:09 แหละเออมันถึงเป็น remnant คำว่า remnant
02:17:09 → 02:17:14 คอสเตอก็คือไกินที่อยู่บนเรือ vldl vldl
02:17:14 → 02:17:16 lant idl
02:17:16 → 02:17:20 นะเพราะว่าพลังงานที่เกินอยู่ใช่มครับผม
02:17:20 → 02:17:23 ใช่ก็คือมันเป็นพลังงานอดอดกินนะไม่กิน
02:17:23 → 02:17:27 แต่พลังงานเกินได้เกินได้เพราะว่าเออเอา
02:17:27 → 02:17:31 สิเพราะร่างกายมันสลายจากไขมันที่สะสมมา
02:17:31 → 02:17:35 ไงเออโปรตีนเกินอีกต่างหากเออแล้วแล้ว
02:17:35 → 02:17:39 เนี่ยเลนเกินแบบเนี้ยเลนเกิน 32 เนี่ยใน
02:17:39 → 02:17:40 กิลก็
02:17:40 → 02:17:45 158 เพราะมันใช้ไม่ได้ไงฮะแล้วที่ที่ตลก
02:17:45 → 02:17:48 กว่านั้นคือดื้ออินซูลินด้วยเออดื้อดื้อ
02:17:48 → 02:17:53 ทั้งตับอ่อนดื้อทั้งตับเลยอืตลกมากเลยเ่อ
02:17:53 → 02:17:58 ร่างกายเข้าหมดเก็บสะสมสูงมากใช่ฮะนะร่าง
02:17:58 → 02:18:01 กายคอร์ติซอลพยายามจะสะสมแล้วไปสะสมที่
02:18:01 → 02:18:05 ไหนน่าจะสะสมที่ visceral Space viser
02:18:05 → 02:18:09 อแกนอืก็แต่ว่าเอาจจะสลายโปรตีนกล้าม
02:18:09 → 02:18:11 เนื้อมาใช้เลยไม่ไม่ได้เอาเซลล์ที่มัน
02:18:11 → 02:18:15 ใกล้เสือมามาใช้คือก็น่าจะเป็นอย่างงั้น
02:18:15 → 02:18:19 คือเหมือนกับการจะการจะไให้ได้นานๆต้อง
02:18:19 → 02:18:22 ต้องคุมฮอร์โมนตัวแม่ให้ดีเนาะพี่หมอเนา
02:18:22 → 02:18:25 ต้องคุมให้ดีต้องคุมคอร์ติซอลให้ดีเนาถ้า
02:18:25 → 02:18:28 ถ้าไม่สงบแล้วก็ต้องตรวจเลือดเตรียมไว้ดี
02:18:28 → 02:18:31 ๆด้วยนะฮะจะได้มีข้อเปรียบเทียบถ้าสมมุติ
02:18:31 → 02:18:34 คุณจะทำโปรองฟ้าักอสัก 100 ชมงหรือว่าสัก
02:18:34 → 02:18:38 72 ช่วโมงหรือ 4 วัน 5 วันอะไรอย่าเงี้ย
02:18:38 → 02:18:42 ครับแล้วส่วนเลือเปรียบเทียบเลยอาหารก่อน
02:18:42 → 02:18:45 ก่อนจะจะฟาเนี่ยก็ต้องเป็นอาหารที่ที่ดี
02:18:45 → 02:18:50 ด้วยครับผมใช่นะเนี่ยถ้าถ้าจะเอาแลบมา
02:18:50 → 02:18:52 เทียบกันเนี่ยก็ต้องเจาะทั้งหมดเนี่ยย
02:18:52 → 02:18:55 เจาะแบบเแหละนะเจาะให้ได้แลบประมาณเนี้ย
02:18:55 → 02:18:58 แหละแล้วเจาะการอักเสบไปด้วยเลยผมมองผม
02:18:58 → 02:19:00 มองว่าการ Fast Fast เพื่อ auty เนี่ย
02:19:00 → 02:19:03 เหมือนการใช้ทำคีโมโดยธรรมชาติเลยนะพี่
02:19:03 → 02:19:08 หมอใช่มันคือยาแรงเลยนะมันเป็นยาแรงคือ
02:19:08 → 02:19:10 คือถ้าหายก็หายแต่ถ้าไม่หายคือตีกลับเลย
02:19:10 → 02:19:13 นะตีกลับเนี่ยอย่างที่เราเห็นเนี่ยเคส
02:19:14 → 02:19:16 เนี้ยกลัวมันจะตีกลับไงเนี่ยกลัวมันจะตี
02:19:16 → 02:19:22 กลับมาเจอพี่หมอผมก็บ้าอี้นะอือเพราะบ้า
02:19:22 → 02:19:25 คำนี้มากเลยแล้วแล้วเราก็แล้วเราก็พยายาม
02:19:25 → 02:19:29 ที่จะที่จะอดแต่ว่ามันเราก็ฟังถึงร่างกาย
02:19:29 → 02:19:32 อยู่นะว่ามันไม่ไหวเราก็ไม่กล้าอดนานไง
02:19:32 → 02:19:35 แต่พอมาคยอย่างเดียวไม่ได้มันต้องมีแลบ
02:19:35 → 02:19:38 มอนิเตอร์ก็โอ้โหตอนนั้นก็นอนไม่หลับแล้ว
02:19:38 → 02:19:41 พี่หมอยังไม่ต้องเจาะ
02:19:41 → 02:19:45 หรอกเแล้วคนนี้เราก็ไม่รู้ประวัติละเอียด
02:19:45 → 02:19:47 ไงว่าเค้าเป็นอะไรึเปล่าหลับนอนเลยเป็น
02:19:47 → 02:19:49 ตัวอย่างดีมากเลยนะพี่หมอส่งมาให้ผมดู
02:19:49 → 02:19:53 แล้วบอกว่าไอ้นี่เป็นเคสที่เออดีจริงๆว่ะ
02:19:53 → 02:19:56 ไม่หรือคุณเนี่ยคุณทำ 100 ชั่วมงแล้วคุณ
02:19:56 → 02:19:58 ก็นอนติดเตียงอยู่งั้นหรือ
02:19:58 → 02:20:01 เปล่าเดี๋ยว
02:20:01 → 02:20:04 พี่หมอโต้
02:20:04 → 02:20:09 หมอไม่รู้คนอนนิ่งๆสเตียงอยู่ึเปล่า่ะ
02:20:09 → 02:20:12 เนี่ยแซวๆอ่ะนะมันไม่ใช่งั้นหรอกมันมัน
02:20:13 → 02:20:15 อาจจะต้องมันต้องคือต้องมีรายละเอียดมาก
02:20:15 → 02:20:18 กว่านี้ถึงจะจะทำอย่างงี้นะคุณต้องทำแบบ
02:20:18 → 02:20:21 เคสเมื่อกี้อ่ะที่มันมี gki อ่ะฮะนั่น
02:20:21 → 02:20:25 แหละอ่าต้องมี gki แล้วคุณก็ตรวจแหบพวก
02:20:25 → 02:20:28 นี้ไว้อินสรงอินซูลินตรวจไว้เลยการอักเสบ
02:20:28 → 02:20:31 กระต่อมไทรรอยด์ก็ตรวจไว้ด้วยนะเนี่ย
02:20:31 → 02:20:34 สมมุติว่ามีหมอหมอช่วยมอนิเตอร์เนี่ยอุ้ย
02:20:34 → 02:20:37 ดีๆๆแหมหมอจะได้ศึกษาด้วยจะได้เปรียบ
02:20:37 → 02:20:40 เทียบจะเอากี่วันล่ะ 5 วันเหรอ 7 วันเหรอ
02:20:41 → 02:20:44 โอเคนะงั้นเดี๋ยวก่อนก่อนฟาสนี่เจาะเลือด
02:20:44 → 02:20:46 นะแล้วหลังฟาเนี่ยเจาะอีกทีนึงจะได้
02:20:47 → 02:20:49 เปลี่ยนเปรียบเทียบนะ Before After แล้ว
02:20:49 → 02:20:52 ก็จะได้ลงผลไงว่าไอ้โปรลอง Fast เนี่ยมัน
02:20:53 → 02:20:56 ดีมมันคือ aut fy หรือมันไม่ aut fy
02:20:56 → 02:20:59 หรือมันจะเกิดปัญหาเรื่องนี่แหละเรื่อง
02:20:59 → 02:21:01 อะไร insulin hypersensitivity
02:21:01 → 02:21:06 เออเกิดอะไรอะไรอินอะไรอย่างเงี้ยแล้วถ้า
02:21:06 → 02:21:09 มัน autopy สมมุตินะมัน autopy ขึ้นได้
02:21:09 → 02:21:11 เนี่ย jki ต่ำกว่า 3 ปั๊บเนี่ยแต่ว่าค่า
02:21:11 → 02:21:14 เลือดออกมาลักษณะนี้ล่ะมันมันเป็นไปได้ม
02:21:14 → 02:21:18 มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะว่าอฟี้เนี่ยโจ้
02:21:18 → 02:21:23 จี้มันก็ต้องดีทุกอย่างอ่ะนะอืเอมันก็
02:21:23 → 02:21:25 ต้องเคลียร์ทุกอย่างอะไรต่างๆถึงถึงอยาก
02:21:25 → 02:21:29 รู้ไงว่าถ้าเกิดคนทนที่จังหวะ
02:21:29 → 02:21:33 ที่ gki ต่ำแล้วก็จังหวะได้ตรวจค่าเลือด
02:21:33 → 02:21:35 ด้วยเนี่ยค่าเลือดนะตอนนั้นเป็นยังไงเนาะ
02:21:35 → 02:21:37 ถ้าถ้ามาชนกันได้นี่ก็จะเห็นภาพชัดขึ้น
02:21:37 → 02:21:40 เนาะคือคุณหมอก็อยากให้มีแลบแบบเนี้ยใน
02:21:40 → 02:21:42 ต่างประเทศถ้ามีเมื่อไหร่คุณหมอจะโพสต์
02:21:42 → 02:21:45 ทันทีเลยเพราะเราก็อยากหาอยู่แล้วล่ะอือๆ
02:21:45 → 02:21:49 ว่าครับผมว่าก่อนกหลังออโตจี้โดยการทำ
02:21:49 → 02:21:52 โปรลอง Fast เนี่ยมันดีไม่ดียังไงค่าแลป
02:21:52 → 02:21:55 มันจะเป็นยังไงมันก็ไม่มีแต่คนไทยเนี่ย
02:21:55 → 02:21:58 ยากหาไม่เจอหรอกโอ้ยเอาให้ตรวจไลปิด
02:21:58 → 02:22:00 โปรไฟล์ให้ครบทุกตัวก่อนเพราะก็บุญแล้ว
02:22:00 → 02:22:02 ครับพี่
02:22:02 → 02:22:06 หมอก็เลยไม่รู้จะทำยังไงอนะเราก็ต้องรอ
02:22:07 → 02:22:10 หมอโต้งทำตอนนี้หมอโต้งมี gki แล้วของเรา
02:22:10 → 02:22:14 มันประเทศกำลังพัฒนาเราเราจะประหยัดการ
02:22:14 → 02:22:18 ตรวจตรวจมาได้ 3 ตัวแปรผลไม่ได้
02:22:18 → 02:22:21 คืออย่าลืมว่าคีโตนที่มันออกมาเนี่ยมัน
02:22:21 → 02:22:25 เยอะยิ่งเยอะยิ่งดีไงเพราะว่าในเเวื่อกี้
02:22:25 → 02:22:28 ในใบแรกคุณหมอว่าคีโตนยิ่งเยอะยิ่งดีต่อ
02:22:28 → 02:22:31 ร่างกายนะแล้วยิ่งดีต่อร่างกายเนี่ยคีโตน
02:22:31 → 02:22:34 เก็จะไปลดการอักเสบไปโน่นไปนี่อะไรต่างๆ
02:22:34 → 02:22:36 ที่บอกไปตั้งแต่หน้าแรก
02:22:36 → 02:22:39 อ่ะจริงๆการการที่เรามีเา้าเรียกว่า
02:22:40 → 02:22:42 nutritional ketosis ได้ได้ได้ทุกวัน
02:22:42 → 02:22:45 เป็นวงจรของมันมันก็มันก็ดีอยู่แล้วนะพี่
02:22:45 → 02:22:48 หมอเนพอแล้วมันก็
02:22:48 → 02:22:51 ซ่อมตอนแรกอ่ะผมก็ค้านอยู่ในหัวนะตอนที่
02:22:51 → 02:22:54 พี่หมอบอกว่าเอ้าให้กินอะไรนะมันสกัดเย็น
02:22:54 → 02:22:57 น่ะตอนแรกผมก็เข้าใจว่าน้ำมันสกัดเย็นมัน
02:22:57 → 02:23:00 ยังคีโตสิสอยู่แต่ถามว่ามัน autopy มยคุณ
02:23:00 → 02:23:03 หมอพี่หมอบอกไม่ autopy แล้วเราก็ค้าในใจ
02:23:03 → 02:23:07 ไงบอกเอ้ากูจะเอาออฟจิอ่ะแต่ว่าก็เพิ่งจะ
02:23:07 → 02:23:11 มาเข้าใจนี่ไงว่าอ๋อจริงๆมันมันแค่คีโตน
02:23:11 → 02:23:14 มันมันตามวงจรของมันในแต่ละวันเนี่ยมันก็
02:23:14 → 02:23:18 เหมือนมันมันคอยเนทร่างกายเราอยู่แล้วไงอ
02:23:18 → 02:23:20 คือคุณจะต้องเริ่มด้วย nutritional
02:23:20 → 02:23:24 ketosis ก่อนเสมออืก่อนที่คุณจะไปเรื่อง
02:23:24 → 02:23:30 ของของการคีโตซิสแบบแบบที่แบบแบบอดน่ะแบบ
02:23:30 → 02:23:35 ฟาสน่ะคือคือคีโตสิสตัวจริงเนี่ยนะคีโตน
02:23:35 → 02:23:39 ตัวจริงมันต้องออกมาตอนฟาสนะแต่เราต้อง
02:23:39 → 02:23:44 ฝึกแล้วต้องสอนแล้วก็การสอนเนี่ยสอนให้
02:23:44 → 02:23:47 สอนให้คีโตซิสเป็นและสอนให้ใช้ใช้พลังงาน
02:23:47 → 02:23:52 จากคีโตซิสเป็นด้วยนะคือคนๆเนี้ยคุณหมอ
02:23:52 → 02:23:55 กลัวว่าเขาอ่ะร่างกายเซลล์เนี่ยคีโตสิส
02:23:56 → 02:23:59 เป็นแต่ใช้พลังงานไม่
02:23:59 → 02:24:04 เป็นครับอพอใช้พลังงานไม่เป็นเนี่ยนะมัน
02:24:04 → 02:24:06 ก็เลยเป็น West product เป็น West
02:24:06 → 02:24:10 product Energy ไปหมดนะเพราะฉะนั้นลม
02:24:11 → 02:24:14 หายใจขี้เยี่ยวอะไรต่างๆนะกลิ่นเนื้อ
02:24:14 → 02:24:16 กลิ่นตัวอะไรต่างๆในช่วงโปรลองฟ้า 100
02:24:17 → 02:24:20 ชั่วโมงก็คงจะถูกขับออกอ่ะขับพลังงานจาก
02:24:20 → 02:24:24 ไขมันพวกเยออกอืแล้วมันอาจจะขับไม่ทันน่ะ
02:24:24 → 02:24:27 นะเพราะว่าร่างกายก็มีแต่พลังงานไตกีสไล
02:24:27 → 02:24:31 มาให้สลายอ่ะนะอืแต่สลายแล้วมันมันไม่ได้
02:24:31 → 02:24:33 เอาไปใช้ไม่ได้ไปซ่อมไม่ได้ไปเป็น
02:24:33 → 02:24:36 ประโยชน์อะไรเลยอืมันไม่ได้ออโต้จี้จริง
02:24:37 → 02:24:40 อ่ะนะอือันนี้ข้อมูลนี้เป็นประไขมันแล้ว
02:24:40 → 02:24:42 ก็มีแต่ของเสียอืเป็นประโยชนมากเพราะว่า
02:24:42 → 02:24:45 เราก็อนไม่ออกอไม่ใช่ตะบี้ดาบันอดนะมัน
02:24:46 → 02:24:49 มันต้องมีกระบวนการเเออแล้วมีตัว
02:24:49 → 02:24:52 มอนิเตอร์ดีๆด้วยให้รู้เหนือรู้ใต้อืแบบ
02:24:52 → 02:24:56 อย่างคนเมื่อกี้เมีความรู้ไงเเเลองอินว่า
02:24:56 → 02:24:59 วิริอะไรกุนๆอะไโอๆคนคนนั้นข้อมูลแน่น
02:24:59 → 02:25:01 ครับข้อมูลแน่นเลยแหละแน่นเลยนั่นแหละเ
02:25:01 → 02:25:04 เขาถึงได้ทำอย่างนั้นไงแล้วเมอนิเตอร์มา
02:25:04 → 02:25:07 ไม่ต้องมอนิเตอร์อะไร aki อะไรอย่างเดียว
02:25:07 → 02:25:10 ก็พอแล้วอืไม่น่าหรอกคนที่ระดับโลกเถึง
02:25:10 → 02:25:13 บอกว่าไม่ต้องทำพวกโปรลองบ่อยหรอกปีนึง
02:25:13 → 02:25:15 ครั้งนึงก็พอแล้วเหมือนกับมารีเซตร่างกาย
02:25:16 → 02:25:17 ทีนึงอ่ะเนาะ
02:25:17 → 02:25:21 เพราะถ้าทำไม่ถูกมันก็จะยิ่งเข้าเนื้อแะ
02:25:21 → 02:25:24 มันไม่ง่ายไงพี่หมอเออมันจะกลายเป็นอะไร
02:25:24 → 02:25:27 ไปเออเนี่ยมันตีกลับแดงหมดเลยอ่ะจากที่
02:25:27 → 02:25:29 ไม่ดื้ออินซูลินอาจจะดื้อกลับเข้ามาเลยก็
02:25:29 → 02:25:30 ได้
02:25:30 → 02:25:36 เนี่ยยิ่งมีคีนเยอะยิ่งดีนะแล้วยิ่งออโต้
02:25:36 → 02:25:39 จี้
02:25:39 → 02:25:42 นะครับก็ไม่รู้ไม่กล้าไปถามเค้าว่ามี
02:25:42 → 02:25:47 อาการอะไรรือเปล่านะอะไรอย่างเงี้ยนะก็ก็
02:25:47 → 02:25:49 เ้อไม่ใช่ไม่ใช่ไม่เข้าไม่อยากเข้าไปตอบ
02:25:49 → 02:25:52 หรอกครับมันมีหลายคนถูกแบนออก
02:25:52 → 02:25:57 มาพวกผัวผัวหมู่ทะโลงฟันของเราโดนแบนหมด
02:25:57 → 02:26:02 แล้วได้แต่ดูดูห่างๆอย่างห่วง
02:26:02 → 02:26:07 ๆก็แต่ถเลยแค่ถเอาตัวเลขมาใส่ในตารางเรา
02:26:07 → 02:26:10 ก็จะพอพอตีค่ารู้อ่ะครับเห็นสีก็รู้แล้ว
02:26:10 → 02:26:17 ว่ามันมีอะไรผิดปกติละอือจะทำหรือเปล่าก็
02:26:17 → 02:26:21 ไม่รู้่ะอีกเรื่องนึงแต่ใช่ๆครับเดี๋ยวมี
02:26:21 → 02:26:23 คำถามอะไรเพิ่มเติมมย
02:26:23 → 02:26:30 ครับอืไม่มีหรอครับไม่มีครับโอเคไม่มีก็
02:26:30 → 02:26:33 พักผมได้เดี๋ยวเราเจอกันใหม่เนพี่หมอเนาะ
02:26:33 → 02:26:37 เราต่อภาค 2 กันอีกทีนึงเนาะเออโอเคครับ
02:26:37 → 02:26:39 ผมขอบคุณแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาขึ้นเลยใช่
02:26:39 → 02:26:42 มั้ยเอาขึ้นเลยครับเวลา
02:26:42 → 02:26:44 เดิมเหมือนเดิมเลยครับพี่
02:26:45 → 02:26:48 หมอครับครับๆสวัสดีครับขอบคุณพี่หมอครับ
02:26:48 → 02:26:51 ขอบคุณทุกคนครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ
02:26:51 → 02:26:55 ครับสวัสดีครับขอบคุณมากครับพี่หมอผม
02:26:55 → 02:27:11 [เพลง]
02:27:11 → 02:27:15
02:27:15 → 02:27:16 ครับ
02:27:16 → 02:27:25 [เพลง]
02:27:25 → 02:27:28 เ