00:00:06 → 00:00:09 สิ่งที่บางทีลูกๆกำลังจะ complain ให้คน
00:00:09 → 00:00:15 นอกบ้านฟังนะคะพ่อแม่ฉันน่ะดื้อหนักมาก
00:00:15 → 00:00:18 ก็คือเขาอยากจะทำอย่างที่เขาอยากทำอ่ะแต่
00:00:18 → 00:00:20 เราไม่อยากให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ
00:00:20 → 00:00:22 เพราะว่าด้วยด้วยเหตุผลที่อยู่ข้างในลึกๆ
00:00:22 → 00:00:26 ที่อาจจะเป็นเรื่องของความคุ้นเคยอาจจะ
00:00:26 → 00:00:29 เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นในตัวเองอาจจะ
00:00:29 → 00:00:32 เป็นเรื่องที่เป็นความเชื่อถือหรือเป็น
00:00:32 → 00:00:35 อะไรที่เขาคิดว่ามันใช่แล้วก็ยังคงอยากจะ
00:00:35 → 00:00:38 ทำแบบนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่อาจจะเป็นมี
00:00:38 → 00:00:40 ลักษณะของการเชื่อมั่นในตัวเองอ่ะก็อาจจะ
00:00:40 → 00:00:42 ไม่เถียงนะแต่ไม่ทำ
00:00:42 → 00:00:44 [เพลง]
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:53 การโรงหมอกานดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:56 → 00:00:59 การโรงหมอทาง Thai PBS podcast เหล่า
00:00:59 → 00:01:01 นี้มาพบกันเช่นเคยค่ะติดตามสาระวันนี้กัน
00:01:01 → 00:01:05 ได้คุยกันถึงเรื่องของการรับมือกับผู้
00:01:05 → 00:01:08 ใหญ่ที่ดื้อยังไงดีนะคะโอ้โหอันนี้อาจจะ
00:01:08 → 00:01:11 เป็นหัวข้อที่หลายๆคนอยากรอฟังกันอยู่นะ
00:01:12 → 00:01:14 คะเดี๋ยวคุยกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรเกษร
00:01:14 → 00:01:17 สำเภาทองอาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์
00:01:17 → 00:01:19 ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมสุขภาพและ
00:01:19 → 00:01:22 ป้องกันโรคมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ
00:01:22 → 00:01:25 สวัสดีค่ะพี่เกษรค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีหัว
00:01:25 → 00:01:28 ข้อวันนี้รู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
00:01:28 → 00:01:30 เลยนะคะบางทีเราเราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะ
00:01:30 → 00:01:33 ต้องคุยกันเรื่องนี้เลยนะคะรู้สึกเป็น
00:01:33 → 00:01:35 เรื่องใกล้ตัวจังเลยจริงค่ะแล้วก็มีความ
00:01:35 → 00:01:39 รู้สึกว่าบางทีหลายๆคนอาจจะเผชิญอยู่แล้ว
00:01:39 → 00:01:42 นะแบบมีอยู่ว่าแบบคือตอนนี้เราเป็นสังคม
00:01:42 → 00:01:44 ผู้สูงอายุใช่ไหมคะที่จะสอนเราก็จะอยู่
00:01:44 → 00:01:48 กับอ่าผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ
00:01:48 → 00:01:52 ประสบการณ์เพียบไม่ต้องห่วงเลยอ่ามีมุม
00:01:52 → 00:01:56 ชุดความรู้ของเขาเป็นของตัวเองกับหมวกกับ
00:01:56 → 00:02:01 ในยุคนี้ที่เราก็เป็นเอ่อสังคมใหม่ๆใช่
00:02:01 → 00:02:03 ไหมคะมีเด็ก Generation ใหม่ขึ้นมาอย่าง
00:02:03 → 00:02:06 รวดเร็วเป็น Gen เขาเรียกเป็น baby boom
00:02:06 → 00:02:11 อยู่สักพักมีเจนเอสฝ้าแล้วนะคะ
00:02:11 → 00:02:14 Y x y z นู่นนี่นั่นมาอัลฟ่าไปแล้ว
00:02:15 → 00:02:19 เฮ้ยไม่รู้จังเลยค่ะคือถ้าอย่างยุคของ
00:02:19 → 00:02:23 baby boom กับ Gen X ยังอยู่มีความ
00:02:23 → 00:02:25 ใกล้เคียงกันซึ่งเราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน
00:02:25 → 00:02:29 นี้ยังอยู่แต่พอหลังจากนี้ไปปุ๊บ x เป็น
00:02:29 → 00:02:33 Gen YZ ไปแล้วนะคะ Alpha อีกไม่นาน
00:02:33 → 00:02:38 เดี๋ยวจะมีเบต้าไหมคะอยู่ทันใช่
00:02:38 → 00:02:41 Generation อยู่ด้วยกันฉันมีความขัดแย้ง
00:02:41 → 00:02:44 เป็นเรื่องธรรมดานะคะอาจจะมากน้อย
00:02:44 → 00:02:48 รู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เราอยู่กัน
00:02:48 → 00:02:51 แบบครอบครัวใหญ่ค่ะพี่ก็สอนนั่นคือภาพที่
00:02:51 → 00:02:54 เราคุ้นเคยมาในอดีตนะคะปัจจุบันก็อาจจะ
00:02:54 → 00:02:57 ยังมีบ้างอาจจะลักษณะจะอาจจะเปลี่ยนไป
00:02:57 → 00:03:00 บ้างนะแต่เรื่องของความเป็นครอบครัวเนี่ย
00:03:00 → 00:03:02 บางทีมันก็ไม่ใช่แค่ว่าต้องอยู่ด้วยกันใน
00:03:02 → 00:03:05 บ้านหลังเดียวกันบางทีก็อยู่กันคนละ
00:03:05 → 00:03:08 บ้านนี่แหละนะคะด้วยเรื่องของอ่าการทำงาน
00:03:08 → 00:03:10 เรื่องอะไรต่างๆอาจอยู่คนละบ้านแต่มันก็
00:03:10 → 00:03:14 ยังมีโมเมนต์ที่มาอยู่ด้วยกันนะฮะในวัน
00:03:14 → 00:03:17 หยุดบ้างในวันสงกรานต์ในวันนู้นวันนี้มัน
00:03:17 → 00:03:20 ก็จะมาเจอกันนะคะหรือแม้กระทั่งเจอกัน
00:03:20 → 00:03:23 ผ่านสื่อออนไลน์ก็เจอกันอ๋อเดี๋ยวนี้ง่าย
00:03:23 → 00:03:26 มากเลยเอ่อเขาเรียกว่า Video Call กันหา
00:03:26 → 00:03:29 กันได้เห็นหน้าเห็นตาคุยกันได้สื่อสารกัน
00:03:29 → 00:03:31 ได้แล้วก็ตื่นเต้นวิดีโอคอลกันตอนหลังๆ
00:03:31 → 00:03:34 เราก็เถียงกันผ่านวิดีโอคอลได้ด้วยเออมี
00:03:34 → 00:03:37 อาการดื้อผ่านผ่านออนไลน์ด้วยก็มีค่ะเรา
00:03:37 → 00:03:40 สามารถที่จะทะเลาะกันได้ทุกโมเมนต์
00:03:40 → 00:03:44 มันมันมีลักษณะของว่าเราก็เลยบอกอ้าวแล้ว
00:03:44 → 00:03:47 ก็ตามประสาครอบครัวมันก็ต้องมีกระทบ
00:03:47 → 00:03:49 กระทั่งกันบ้างนะคะแต่สิ่งที่บางทีลูกๆ
00:03:49 → 00:03:52 กำลังจะ complaint ให้คนนอกบ้านฟังนะคะ
00:03:52 → 00:03:56 พ่อแม่ฉันน่ะดื้อหนักมากเนี่ยนะคะเอ๊ะคำ
00:03:56 → 00:03:59 ว่าพ่อแม่ฉันดื้อหนักมากนี่มันคืออะไรนะ
00:03:59 → 00:04:02 ต้องนิยามคำว่าดื้อนะคะถ้าเป็นผู้ใหญ่
00:04:02 → 00:04:04 ดื้อเอ๊ะถ้าผู้ใหญ่ดื้อเนี่ยเราจะมองว่า
00:04:04 → 00:04:07 จริงๆเรามันหมายความถึงผู้สูงอายุดื้อ
00:04:07 → 00:04:10 หรือเปล่าคะบางทีแต่ว่าเราจะอาจจะใช้ภาษา
00:04:10 → 00:04:13 สุภาพนี้เนาะผู้ใหญ่ดื้อรวมๆไปอะไรอย่าง
00:04:13 → 00:04:16 เงี้ยค่ะแต่ว่าเน้นหนักไปที่พอเป็นผู้สูง
00:04:16 → 00:04:18 อายุแล้วก็จะบอกว่าดื้อดื้อในที่นี้จริงๆ
00:04:18 → 00:04:21 แล้วก็คือเขาอยากจะทำอย่างที่เขาอยากทำ
00:04:21 → 00:04:23 อ่ะแต่เราไม่อยากให้เขาทำในสิ่งที่เขา
00:04:23 → 00:04:25 อยากทำใช่หรือเปล่าคะ definition หรือคำ
00:04:25 → 00:04:28 จำกัดความประมาณนั้นคือจริงๆเป็นอย่างที่
00:04:28 → 00:04:32 พี่เกสรบอกเลยค่ะว่าคือเราเราเป็นห่วงเอา
00:04:32 → 00:04:35 จริงๆเชื่อว่าคุณผู้ฟังที่เป็นคุณลูกทั้ง
00:04:35 → 00:04:38 หลายนะคะเราเป็นห่วงท่านใช่ไหมคะแล้วก็
00:04:38 → 00:04:41 แบบบางทีความใกล้ชิดเราอาจจะไม่ได้ใกล้
00:04:41 → 00:04:43 ชิดกันเหมือนเมื่อก่อนที่อยู่ด้วยกันเรา
00:04:43 → 00:04:46 อาจจะไปสร้างครอบครัวเองทีนี้พอเราได้
00:04:46 → 00:04:48 กลับมาเจอกันหรืออะไรอย่างนี้เราจะเห็น
00:04:48 → 00:04:51 ถึงความเป็นอยู่การที่เขาดูแลตัวเองแบบ
00:04:51 → 00:04:52 ไหนหรืออะไรเงี้ยเราเป็นห่วงเป็นใยอย่าง
00:04:52 → 00:04:56 เงี้ยค่ะแต่การการคุยการสื่อสารน่ะมันอาจ
00:04:56 → 00:04:59 จะไปคนละทิศคนละทางเราสื่อสารด้วยความ
00:04:59 → 00:05:02 ห่วงใยแต่ผู้ใหญ่ที่ในบ้านใช้คำว่าผู้
00:05:02 → 00:05:05 ใหญ่ในบ้านแล้วกันเนาะอาจจะแบบไปอีกมุม
00:05:05 → 00:05:09 นึงเออคิดคนละมุมกันก็ได้นะแต่ในนั้นมัน
00:05:09 → 00:05:12 มีความห่วงใยแหละแต่แค่สื่อสารอาจจะไม่
00:05:12 → 00:05:14 ไม่ถูกใจ
00:05:14 → 00:05:17 บางทีก็สื่อสารอาจจะถูกใจแต่ก็ยังอยากจะ
00:05:17 → 00:05:21 ทำแบบนั้นเพราะว่าเพราะว่าด้วยด้วยเหตุผล
00:05:21 → 00:05:24 ที่อยู่ข้างในลึกๆที่อาจจะเป็นเรื่องของ
00:05:24 → 00:05:27 ความคุ้นเคยอาจจะเป็นเรื่องของความเชื่อ
00:05:27 → 00:05:31 มั่นในตัวเองนะคะอาจจะเป็นเรื่องที่ที่
00:05:31 → 00:05:35 เป็นความเชื่อถือหรือเป็นอะไรที่เขาคิด
00:05:35 → 00:05:38 ว่ามันใช่แล้วก็ยังคงอยากจะทำแบบนั้นแล้ว
00:05:38 → 00:05:43 ลูกๆที่อาจจะเห็นโลกภายนอกหรือว่าเข้าถึง
00:05:43 → 00:05:45 ข้อมูลมากกว่าก็จะบอกไม่ได้ทำแบบนี้
00:05:45 → 00:05:48 อันตรายไม่ได้และทำแบบนี้จะอาจจะเป็น
00:05:48 → 00:05:51 อย่างนั้นยังไงต้องทำแบบนี้สินะคะคุณพ่อ
00:05:51 → 00:05:54 คุณแม่ที่อาจจะเป็นมีลักษณะของการเชื่อ
00:05:54 → 00:05:57 มั่นในตัวเองอ่ะก็อาจจะไม่เถียงนะแต่ไม่
00:05:57 → 00:06:01 ทำอันนี้เขาเรียกว่าดื้อก็ดื้อไงก็คือไม่
00:06:01 → 00:06:05 ๆไม่เถียงไม่ๆแต่บางคนก็เถียงได้บางคนก็
00:06:05 → 00:06:08 เอ๊ะเลี้ยงลูกมาเนี่ยลูกต้องฟังพ่อแม่ไม่
00:06:08 → 00:06:10 ใช่เหรอวันนี้ทำไมพ่อแม่จะต้องเปลี่ยนมา
00:06:10 → 00:06:14 ฟังลูกอ่าอันนี้มันก็ก็เป็นลักษณะของการ
00:06:14 → 00:06:17 ที่ดื้อนั่นแหละนะคะเราอาจจะต้องมามองแบบ
00:06:17 → 00:06:20 นี้ไหมคะว่าในแง่ของจิตวิทยาของครอบครัว
00:06:20 → 00:06:24 การอยู่ร่วมกันเนี่ยก็ต้องคืออันนี้มองไป
00:06:24 → 00:06:28 ในมุมของพ่อแม่ที่อาวุโสนะคะว่าโอ้ฉัน
00:06:28 → 00:06:31 เลี้ยงลูกมาฉันเคยอบรมสั่งสอนแนะนำมี
00:06:31 → 00:06:34 ประสบการณ์ซึ่งก็มาบอกลูกแบบนี้ต้องทำแบบ
00:06:34 → 00:06:38 นี้สิลูกอย่างนี้ๆๆดีเอ๊ะทำไมวันนี้กลาย
00:06:38 → 00:06:40 เป็นว่าฉันต้องมาฟังลูกพ่อทำแบบนี้แม่ทำ
00:06:40 → 00:06:44 แบบนี้สิมันดีเขาปรับตัวไม่ทันอ่าพอเค้า
00:06:44 → 00:06:47 ปรับตัวไม่ทันแล้วเขาก็รู้สึกถึงว่าไอ้
00:06:47 → 00:06:49 ฉันยังเป็นมีคุณค่าเหมือนเดิมหรือเปล่า
00:06:49 → 00:06:54 ฉันยังเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องเคารพนับถืออ่า
00:06:54 → 00:06:57 ฉันอยู่หรือเปล่าทำไมถึงมาเหมือนกับไม่
00:06:57 → 00:07:00 ต้องใช้คำว่าอบรมสั่งสอนเนี่ยทำไมต้องมา
00:07:00 → 00:07:03 บอกให้ฉันทำนู้นทำนี่ฉันไม่เคยกับการที่
00:07:03 → 00:07:07 จะเป็นแบบนี้ก็เลยยังทำใจไม่ได้แล้วก็เลย
00:07:07 → 00:07:11 ปฏิเสธการที่จะได้รับการบอกกล่าวให้ทำ
00:07:11 → 00:07:14 อะไรก็ตามซึ่งแม้ว่าบางครั้งอาจจะมองเออ
00:07:14 → 00:07:16 มันก็ดีเหมือนกันนะแต่ก็อื้ออันนี้นิดนึง
00:07:16 → 00:07:20 นะว่าไม่ได้ฉันเป็นพ่อเป็นแม่ฉันเป็นผู้
00:07:20 → 00:07:24 ใหญ่ในบ้านฉันจะมาทำตามที่ลูกบอกเนี่ยดู
00:07:24 → 00:07:26 เหมือนฉันลดทอนอ่าอำนาจในมือของฉันลงไป
00:07:26 → 00:07:31 หรือเปล่านะก็เลยจะเกิดอาการดื้อรั้นไม่
00:07:31 → 00:07:33 น่าเชื่อเลยนะคะว่ามันจะกลายเป็นมุมที่
00:07:33 → 00:07:37 เขาไปคือคิดความคิดต่อยอดไปเป็นมุมแบบ
00:07:37 → 00:07:39 นั้นได้ค่ะอันนี้มันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
00:07:39 → 00:07:41 จริงๆอ่ะค่ะคุณผู้ฟังที่บางทีเรานึกไม่
00:07:41 → 00:07:44 ถึงด้วยซ้ำว่าอาจจะมีความรู้สึกอยู่ในใจ
00:07:44 → 00:07:47 อยู่เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้พูดอะไรออกมา
00:07:47 → 00:07:51 อาจจะดูแบบเอ๊ะทำไมดูตึงๆไปใช่ไหมคะเงียบ
00:07:51 → 00:07:55 ๆอยู่ๆก็ชวนคุยไม่คุยเฉยเลยก็มีเพราะว่า
00:07:55 → 00:07:58 แบบฉันรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมต้องฟังอารมณ์
00:07:58 → 00:08:03 ประมาณนี้เขาบอกว่าถ้าหากว่าในบทในมุมมอง
00:08:03 → 00:08:06 ของการที่เราเป็นลูกแล้วเรามองไปที่พ่อ
00:08:06 → 00:08:09 แม่ที่สูงวัยนิดนึงแล้วเรารู้สึกว่าพ่อ
00:08:09 → 00:08:12 แม่เราเป็นคนดื้อบอกอะไรเนี่ยจะไม่ค่อย
00:08:12 → 00:08:15 เชื่อไม่ค่อยฟังหรือว่าไม่อยากจะทำตามทำ
00:08:15 → 00:08:17 ความเห็นของคนอื่นเนี่ยเขาบอกว่าอาจเรา
00:08:18 → 00:08:20 อาจจะต้องมานั่งนึกย้อนกลับไปในวัยที่
00:08:20 → 00:08:23 ท่านยังเอ่อเป็นหนุ่มเป็นสาวในวัยที่เป็น
00:08:23 → 00:08:26 หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้นำเค้าบอกกลุ่มคน
00:08:26 → 00:08:29 ที่วัยหนุ่มสาววัยที่เป็นหัวหน้าครอบครัว
00:08:29 → 00:08:33 เป็นผู้นำเนี่ยมีความสำเร็จนะคะมีตำแหน่ง
00:08:33 → 00:08:36 หน้าที่การงานที่สูงนะคะเป็นที่นำหน้าถือ
00:08:36 → 00:08:39 ตากลุ่มคนเหล่านี้พอเป็นเอ่อเรียกว่าหมด
00:08:39 → 00:08:42 บทบาทตรงนั้นแล้วอยู่ในบ้านแล้วเอ่อต้อง
00:08:42 → 00:08:45 ให้ลูกเป็นผู้ดูแลเนี่ยกลุ่มนี้จะทำตาม
00:08:45 → 00:08:50 ลูกได้ยากกว่าเพราะเขาเคยเป็นผู้นำเขาเคย
00:08:50 → 00:08:53 เป็นผู้ที่ออกคำสั่งหรือว่างั้นเถอะเขา
00:08:53 → 00:08:57 เคยเป็นผู้ที่ตัดสินใจนะคะแล้วก็เคยเชื่อ
00:08:57 → 00:09:00 มั่นในตัวเองมาสูงตลอดเพราะฉะนั้นลูกลูกๆ
00:09:00 → 00:09:02 ของคุณพ่อคุณแม่กลุ่มนี้ก่อนที่จะว่า
00:09:02 → 00:09:05 กล่าวว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ดื้อเราอาจจะต้อง
00:09:05 → 00:09:09 ใช้หลักจิตวิทยาขั้นสูงสักนิดนึงทำความ
00:09:09 → 00:09:14 เข้าใจนะคะแล้วการอยู่ร่วมกันก็ก็จะสงบไป
00:09:14 → 00:09:16 ได้แล้วก็ท่านก็จะไม่ได้ดื้อตลอดไปหรอก
00:09:16 → 00:09:19 ค่ะนะวันหนึ่งท่านก็จะเข้าใจแต่ว่ามันมี
00:09:19 → 00:09:24 ช่วงเวลาของการที่จะดื้อรั้นหรือว่าไม่
00:09:24 → 00:09:27 ฟังใครอยู่ช่วงหนึ่งนะคะด้วยด้วย
00:09:27 → 00:09:30 ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมานะคะเพราะฉะนั้น
00:09:30 → 00:09:34 เขาบอกว่าให้ให้คุณลูกนะคะที่ต้องอยู่กับ
00:09:34 → 00:09:37 เอ่อพ่อแม่สูงวัยที่ที่อาจจะมีอาการแบบ
00:09:37 → 00:09:40 นี้ให้นึกย้อนไปเอ่อเวลาลูกๆก็มีลูกของ
00:09:40 → 00:09:44 ตัวเองเหมือนกันนะคะว่าเด็กๆอ่ะก็จะผ่าน
00:09:44 → 00:09:48 ช่วงขึ้นไวของการดื้อมาเหมือนกันนะเขาบอก
00:09:48 → 00:09:51 ว่าวัยในราคา 3-5 ขวบ 2-5 ขวบประมาณนี้ก็
00:09:51 → 00:09:53 จะเป็นเด็กดื้อเพราะว่าเขาอยากเรียนรู้
00:09:53 → 00:09:56 เด็กน่ะดื้อเพราะอยากเรียนรู้บอกไม่ทำเลย
00:09:57 → 00:09:59 ลองทำหน่อยเพราะว่าเขาต้องเรียนรู้เขา
00:09:59 → 00:10:01 ต้องมีประสบการณ์แต่ผู้ใหญ่ไม่ได้ดื้อ
00:10:01 → 00:10:04 เพราะเขาอยากเรียนรู้แต่เขาดื้อหรือว่า
00:10:04 → 00:10:06 เขาไม่ฟังแล้วอยากทำตามที่เขาอยากทำเนี่ย
00:10:06 → 00:10:09 เพราะว่าเขารู้สึกว่ามันคือตัวตนของเขา
00:10:09 → 00:10:12 ที่ยังคงมีอำนาจยังคงมีคุณค่ายังคงสามารถ
00:10:12 → 00:10:16 ที่จะปกครองดูแลตัวเองได้เขาอยากจะใช้
00:10:16 → 00:10:19 สิ่งนี้เห็นไหมคะเพราะฉะนั้นอาการที่ดื้อ
00:10:19 → 00:10:21 เนี่ยของเด็กกับผู้สูงอายุหรือผู้ใหญ่
00:10:21 → 00:10:24 เนี่ยไม่ไม่ได้มาจากสาเหตุเดียวกันผู้สูง
00:10:24 → 00:10:27 อายุหรือผู้ใหญ่ไม่ได้ดื้อเพราะว่าอยากจะ
00:10:27 → 00:10:30 มีประสบการณ์ของการดื้อนั้นแต่เขารู้สึก
00:10:30 → 00:10:33 ว่ายังคงอยากคงไว้ซึ่งอำนาจในการดูแลตัว
00:10:33 → 00:10:36 เองในการปกครองตัวเองหรือว่าปกครอง
00:10:36 → 00:10:40 ครอบครัวนะคะถ้าเข้าใจตรงนี้ได้เนี่ยเรา
00:10:40 → 00:10:43 ก็จะมีหลักในการที่จะเข้าแหมเรียกว่าอะไร
00:10:43 → 00:10:46 เขาเรียกว่าใช้ศิลปวิธีในการโน้มน้าวนะคะ
00:10:46 → 00:10:50 แล้วก็ทำให้บรรยากาศมันดีได้ฟังตรงนี้
00:10:50 → 00:10:51 แล้วเนี่ยค่ะคุณผู้ฟังไม่ได้รู้สึกว่า
00:10:51 → 00:10:56 เอ่อเขาเรียกอะไรนะเหมือนกับแบบเราเราทำ
00:10:56 → 00:10:58 ความเข้าใจพอเรารู้บทบาทของเขาแล้วเนี่ย
00:10:58 → 00:11:01 เราก็จะเข้าใจมากขึ้นแล้วเราก็จะไม่ได้
00:11:01 → 00:11:04 รู้สึกว่าสิ่งที่เขาดื้อมันดูไม่มีที่มา
00:11:04 → 00:11:07 ที่ไปไม่มีเหตุผลหรืออะไรแบบนั้นนะคะคือ
00:11:07 → 00:11:12 จริงๆมันอยู่ที่สังคมหรือการใช้ชีวิตที่
00:11:12 → 00:11:15 ผ่านมาด้วยนะใช่ค่ะมันบทบาทเขาทำให้เขา
00:11:15 → 00:11:18 เป็นแบบนี้แหละแล้วเขาก็รู้สึกว่าบทบาท
00:11:18 → 00:11:21 ตรงนี้มันทำให้เขาประสบความสำเร็จแล้วก็
00:11:21 → 00:11:23 เขาเรียกอะไรสามารถที่จะดูแลครอบครัวได้
00:11:23 → 00:11:26 เพราะฉะนั้นเขาก็เลยอยากจะใช้วิธีการแบบ
00:11:26 → 00:11:29 นี้เขาเคยสะสมประสบการณ์อะไรต่างๆมามาก
00:11:29 → 00:11:31 มายแต่เอ๊ะเป็นแค่เรื่องกินแค่นี้ทำไม
00:11:31 → 00:11:34 ต้องมาบอกด้วยเหรออ้าวกินข้าวได้แล้วทำไม
00:11:34 → 00:11:37 ไม่กินอะไรอย่างนี้นะคะมันก็มันดูเหมือน
00:11:37 → 00:11:39 เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เขาไม่เคยคิดแต่ว่า
00:11:39 → 00:11:42 วันหนึ่งเขาจะปรับตัวนะฮะแต่ทีนี้วิกฤต
00:11:42 → 00:11:45 มันมักจะเกิดขึ้นในลักษณะที่เมื่อผู้ใหญ่
00:11:45 → 00:11:47 ท่านนั้นเกิดเจ็บป่วย
00:11:47 → 00:11:50 พอเจ็บป่วยเนี่ยกินยาต้องตามเวลากินอาหาร
00:11:50 → 00:11:53 ต้องแบบนี้จะต้องแบบนี้แบบนี้แล้วถ้าดื้อ
00:11:53 → 00:11:56 หรือว่าไม่ฟังเนี่ยมันจะประสบกับความยุ่ง
00:11:56 → 00:11:59 ยากในเรื่องของการดูแลรักษาตรงเนี้ยถ้า
00:11:59 → 00:12:02 หากอยู่ในทีมของอ่าบุคลากรนั้นสุขภาพนะ
00:12:02 → 00:12:05 คุณหมอคุณพยาบาลเขาก็จะมีหลักจิตวิทยาใน
00:12:05 → 00:12:08 การดูแลนะฮะทำให้ยอมทำตามหรือว่าปฏิบัติ
00:12:09 → 00:12:12 ตามไม่ฟังรู้แต่ฟังหมอก็มีใช่ไหมคะอันนี้
00:12:12 → 00:12:16 เรื่องจริงค่ะอุ๊ยคุณหมอนี่เป็นแบบว่าคุณ
00:12:16 → 00:12:21 หมอพยาบาลเป็นเทวดานางฟ้าสำหรับเรา
00:12:21 → 00:12:23 อันนี้ก็ช่วยได้แต่อย่าคิดว่าคุณหมอคุณ
00:12:23 → 00:12:26 พยาบาลจะดูแลเขาได้ตลอดเวลาวันหนึ่งก็
00:12:26 → 00:12:28 ต้องกลับมาบ้างแต่พอกลับมาบ้านแล้วทีนี้
00:12:28 → 00:12:33 ล่ะค่ะก็จะก็คือจะละเลยสิ่งที่คุณหมอบอก
00:12:33 → 00:12:36 มานั้นลูกก็ต้องพยายามที่จะเชื่อมโยงนะคะ
00:12:36 → 00:12:39 ให้ได้ว่าอ้าวคุณหมอบอกว่าอย่างนี้จะไม่
00:12:39 → 00:12:42 ใช่แฟนที่ลูกจะสั่งคุณหมอบอกใช่ไหมว่าให้
00:12:42 → 00:12:45 แบบนี้อะไรอย่างเงี้ยค่ะหรือคุณพยาบาลคน
00:12:45 → 00:12:48 นั้นน่ะคุณเป็นคนที่น่ารักๆเนี่ยเขาบอก
00:12:48 → 00:12:51 คุณพ่อใช่ไหมว่าให้ทำแบบนี้อันนี้ก็คือ
00:12:51 → 00:12:54 ใช้หลักจิตวิทยาเชื่อมโยงนะคะพลังในการ
00:12:54 → 00:12:57 สร้างความร่วมมือมาจากโรงพยาบาลก็จะพอ
00:12:57 → 00:13:01 ช่วยได้อ๋อก็คือคือการคุยกันพูดกันสื่อ
00:13:01 → 00:13:04 สารอะไรเงี้ยเราจะไม่ได้เป็นการออกคำสั่ง
00:13:04 → 00:13:08 ใช่แต่ว่าเป็นการแบบเออเอ่อโน้มน้าวหรือ
00:13:08 → 00:13:11 ว่ามีแบบมีทางเลือกว่าแบบอันนี้ดีไหมหรือ
00:13:12 → 00:13:14 อะไรแล้วเล่าให้เขาได้ทางเลือกจริงนะคะดี
00:13:14 → 00:13:16 มากๆเลยค่ะคำนี้ที่น้องหลีดพูดเนี่ยคือ
00:13:16 → 00:13:20 อย่าลืมนะคะว่ามนุษย์เราเนี่ยมักจะขอเป็น
00:13:20 → 00:13:21 คนเลือก
00:13:21 → 00:13:23 เพราะฉะนั้นเราต้องเสนอทางเลือกที่ดีทั้ง
00:13:23 → 00:13:26 หมดแหละแล้วมันไม่ได้ทำให้อะไรเสียหายแต่
00:13:26 → 00:13:28 เขารู้สึกว่าเออฉันได้เลือกนะอ่ะเลือกสัก
00:13:28 → 00:13:31 หน่อยค่ะอันเนี้ยเราไม่ได้แบบยอดเยี่ยม
00:13:31 → 00:13:34 เข้าไปว่าจะต้องอันนี้ก็จะช่วยให้เขารู้
00:13:34 → 00:13:36 สึกว่าฉันเป็นคนเลือกเองที่ทำแบบนี้แล้ว
00:13:36 → 00:13:38 ก็จะให้ความร่วมมือกับสิ่งที่เขาเลือก
00:13:38 → 00:13:42 โอ้โหเดี๋ยวไปเรียนหลักจิตวิทยาด้วยแต่ที
00:13:42 → 00:13:45 นี้ถ้าหากว่าครอบครัวเองอยู่ในภาวะตึง
00:13:45 → 00:13:47 เครียดซึ่งเราไม่ได้บอกว่าทุกคนต้อง
00:13:47 → 00:13:50 อารมณ์ดีหมดทุกคนต้องมีความพร้อมหมดพ่อ
00:13:50 → 00:13:55 แม่สูงวัยที่ยังคงมีเรื่องว่าต่อต้านดื้อ
00:13:55 → 00:13:57 หรือแม้ความร่วมมือแล้วถ้าไปเจอกับคุณลูก
00:13:57 → 00:14:01 ที่มีปัญหาตึงเครียด burn Out จากงานมี
00:14:01 → 00:14:05 ภาวะอะไรต่างๆมีออฟฟิศซินโดรมห้องอาหาร
00:14:05 → 00:14:08 เร่งรีบมากแข่งขันแล้วมาเผชิญกับพ่อแม่
00:14:08 → 00:14:11 ที่ยังดื้อด้วยอันนี้มันก็อาจจะสร้างความ
00:14:11 → 00:14:13 ร้าวฉานได้เยอะ
00:14:13 → 00:14:16 สร้างความเร้าเฉยหรือสร้างความรู้สึกกด
00:14:16 → 00:14:19 ดันบรรยากาศในครอบครัวอีกอันเนี้ยก็อาจจะ
00:14:19 → 00:14:22 ต้องเข้าใจอาจจะต้องพึ่งคนที่ 3 และนะคะ
00:14:22 → 00:14:25 ก็คืออาจจะต้องมีคนมาให้คำปรึกษาต้องมีคน
00:14:25 → 00:14:28 มาช่วยดูแลหรือว่าผ่อนคลายบรรยากาศนะคะ
00:14:28 → 00:14:30 คือเรียกว่าเราต้องตั้งรับให้ดีอ่ะค่ะ
00:14:30 → 00:14:33 ก่อนที่มันจะปะทุแล้วก็กลายเป็นเรื่อง
00:14:33 → 00:14:36 รุนแรงเพราะฉะนั้นมันก็จะเชื่อมโยงกับกับ
00:14:36 → 00:14:38 เรื่องของการใช้ความรุนแรงกับผู้สูงอายุ
00:14:38 → 00:14:41 ด้วยบางทีผู้สูงอายุก็ดื้อซะจนครอบครัว
00:14:41 → 00:14:44 รับไม่ได้ก็มีความรุนแรงตอบโต้อย่างนี้
00:14:44 → 00:14:47 เป็นต้นนะคะซึ่งมันเป็นไปได้หมดจริงๆ
00:14:47 → 00:14:50 เพราะว่าคือเราคุยกันตรงนี้มันเป็นภาพ
00:14:50 → 00:14:52 กว้างเราไม่สามารถที่จะไปลงลึกรายบุคคล
00:14:52 → 00:14:55 ได้ผู้สูงอายุบางท่านก็ไม่ได้ดื้อนะคะดัง
00:14:55 → 00:14:57 นั้นก็ไม่เป็นนะบางไม่เป็น
00:14:57 → 00:15:01 แต่บางบ้านก็ปานกลางระดับเอ่อเขาเรียก
00:15:01 → 00:15:04 อะไรนะความปานกลางระดับสูงแล้วก็มีการสูง
00:15:04 → 00:15:06 ก็ไม่เยอะ
00:15:06 → 00:15:09 ความสั่นสะเทือนไม่เยอะแต่บางบ้านก็โอ้โห
00:15:09 → 00:15:13 แล้วมันก็พาลให้ลูกหลานเนี่ยจะไม่ค่อย
00:15:13 → 00:15:16 กล้าเข้าใกล้หรือว่าซ้ายบรรยากาศในบ้าน
00:15:16 → 00:15:19 ไม่ดีนะคะถึงแม้ว่าอย่างอย่างที่พี่เคส
00:15:19 → 00:15:22 สำหรับบางทีเราที่คุยกันน่ะนะคะเราบางที
00:15:22 → 00:15:24 อย่างของรีเองเนี่ยเราก็มีความเข้าใจ
00:15:24 → 00:15:27 เพราะว่าคุยกับพี่เกสรมาตลอดนะคะคุณผู้
00:15:27 → 00:15:30 ฟังแล้วก็นำเอาประสบการณ์ที่พี่เกสรคุยใน
00:15:30 → 00:15:32 รายการเนี่ยเอาไปปรับใช้กับที่บ้านเหมือน
00:15:32 → 00:15:35 กันหลายๆครั้งบางทีเรายังแบบเขาเรียกอะไร
00:15:36 → 00:15:38 นะคะสะกดตัวเองเลิกจ้างตัวเองไม่ทันนะคะ
00:15:39 → 00:15:41 ใช่มันมีหลุดบ้างมีอะไรบ้างขึ้นเป็น
00:15:41 → 00:15:44 เรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดามากที่จะ
00:15:44 → 00:15:47 เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นคือเข้าใจในสภาวะของ
00:15:47 → 00:15:50 คนที่อาจจะด้วยความ
00:15:50 → 00:15:53 กดดันหลายๆทางไหนจะต้องดูแลท่านอีกใช่ไหม
00:15:53 → 00:15:59 คะแล้วก็ทำให้การพูดคุยกันยิ่งแย่ไปพอ
00:15:59 → 00:16:02 ดื้อกับคนจัดการไม่มีแค่ความพร้อมที่จะ
00:16:02 → 00:16:05 รับกับสภาพของการดื้อรั้นก็เลยอยากจะอย่า
00:16:06 → 00:16:08 ให้เสร็จๆกินข้าวกินข้าวอาบน้ำอาบน้ำอ้าว
00:16:09 → 00:16:11 กินยาอะไรอย่างนี้นะคะสมมุติว่าแบบนั้น
00:16:11 → 00:16:13 เนี่ยพอเราไปเร่งรีบแบบนั้นเราก็ลืมที่จะ
00:16:13 → 00:16:16 เสนอทางเลือกเราลืมไปจะคิดว่าตอนนี้เขา
00:16:16 → 00:16:19 รู้สึกอย่างไรเพราะว่าเราก็หนักมาแล้วจาก
00:16:19 → 00:16:21 บางเรื่องเมืองราวข้างนอกนะคะเพราะฉะนั้น
00:16:21 → 00:16:23 อันนี้หากเป็นเรื่องที่เราจะต้องสำรวจ
00:16:23 → 00:16:25 อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองด้วยในกรณีที่
00:16:25 → 00:16:28 เป็นลูกนะคะที่นี่ในมุมของผู้สูงอายุก็
00:16:28 → 00:16:31 ต้องมีมุมนั้นเหมือนกันเพราะว่าเป็นมุม
00:16:31 → 00:16:33 ที่ว่าเราอาจจะต้องดูสังเกต
00:16:33 → 00:16:37 ผู้คนรอบข้างด้วยบางทีเนี่ยแต่ว่าผู้สูง
00:16:37 → 00:16:39 อายุเองเนี่ยถ้าเขาได้รู้สึกว่าเขาเสีย
00:16:39 → 00:16:42 สละเพื่อลูกเพื่อหลานเพื่อคนในครอบครัว
00:16:42 → 00:16:44 เนี่ยเขาก็จะยินดีนะ
00:16:44 → 00:16:47 ใช่มั้ยบางทีเขาก็จะลูกดูท่าทางวันนี้ลูก
00:16:48 → 00:16:50 ก็เจอเอ่อดูหนักดูตึงเครียด
00:16:50 → 00:16:53 ให้ความร่วมมือไปกับบางเรื่องเมืองราวเขา
00:16:53 → 00:16:56 ก็จะทำนะคะอ่าอย่างบางทีมีมีบางคนที่แบบ
00:16:56 → 00:16:59 ว่าสามารถคุยได้อย่างเงี้ยแล้วท่านท่าน
00:16:59 → 00:17:02 ฟังหรือยังเงี้ยก็เป็นส่วนที่ดีที่เป็น
00:17:02 → 00:17:05 ส่วนที่ดีค่ะมีบุคคลที่ 3 มาช่วยในการคุย
00:17:05 → 00:17:08 หรืออะไรแบบเนี้ยมันจะลดทอน
00:17:08 → 00:17:10 บรรยากาศบรรยากาศ
00:17:10 → 00:17:14 แล้วบางทีเนี่ยต่างถ้าเห่าย้อนกลับไปทุก
00:17:14 → 00:17:17 คนอยู่บนพื้นฐานของความรักความปรารถนาดี
00:17:17 → 00:17:19 ในครอบครัวอยู่แล้วก็จะต้องมาตั้งต้นที่
00:17:19 → 00:17:22 ความรู้สึกแบบนั้นว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม
00:17:22 → 00:17:25 น้ำเสียงอาจจะสูงมากอะไรอย่างนี้สีหน้า
00:17:25 → 00:17:28 อาจจะแบบดูเคร่งเครียดแต่ภายใต้นั้นคือ
00:17:28 → 00:17:32 ปรารถนาดีภายใต้ของคำพูดที่อาจจะฟังดูไม่
00:17:32 → 00:17:35 ลื่นหูแต่จริงๆก็ยังรักอยู่นั่นแหละนะคะ
00:17:35 → 00:17:39 แล้วต่างฝ่ายต่างก็มองให้เห็นถึงพื้นฐาน
00:17:39 → 00:17:43 ของที่เราก้าวมาชีวิตที่เป็นครอบครัวด้วย
00:17:43 → 00:17:46 กันก็จะให้อภัยกันได้แล้วอย่างบางบางที
00:17:46 → 00:17:48 บุคลิกของเราล่ะคะพี่เกสรอย่างบางที
00:17:48 → 00:17:51 สมมุติว่าเราไม่ได้เป็นคนอ่อนโยนมากเรา
00:17:51 → 00:17:54 ไม่ได้เป็นคนที่แบบว่าขาอ่อนอ้อนแต่ไหน
00:17:54 → 00:17:56 แต่ไรเราก็เป็นอย่างนี้แหละนะคะคือหมาย
00:17:56 → 00:18:01 ถึงว่าเอ่อปกติทั่วไปที่งานก็ทำพ่อแม่ก็
00:18:01 → 00:18:04 ดูแลอยู่แหละหรืออะไรเงี้ยแต่ไม่ได้ถึง
00:18:04 → 00:18:08 ขนาดว่าเจอกันปุ๊บโอ้โหวาจาหวานหูไพเราะ
00:18:08 → 00:18:11 หล่อขนาดนั้นอะไรอย่างนี้แล้วรูปมือรูปไร
00:18:11 → 00:18:12 นะคะ
00:18:12 → 00:18:15 แตะสัมผัสด้วยความรัก
00:18:15 → 00:18:19 ก็อาจจะไม่มีบางคนก็ไม่คุ้นกับตลอดชีวิต
00:18:19 → 00:18:22 ที่เขาโตมาเขาก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ
00:18:22 → 00:18:25 คะคือพ่อแม่ก็คงต้องรู้แหละว่าลูกตัวเอง
00:18:25 → 00:18:28 เนี่ยเป็นสไตล์ไหนแล้วก็เปลี่ยนไหมคะเรา
00:18:28 → 00:18:30 ต้องเปลี่ยนตัวเองมั้ยเชื่อว่าเราเปลี่ยน
00:18:30 → 00:18:33 ไม่ได้มากหรอกค่ะนอกจากมันลองดูแต่เราก็
00:18:33 → 00:18:36 จะเขินตัวเองไหมล่ะคะเขินจริงบางคนก็แม่
00:18:36 → 00:18:39 รักนะพ่อรักนะบางคนไม่เคยพูดจะมาพูดก็
00:18:39 → 00:18:44 อื้อมันก็ไม่ๆไม่คุ้นที่จะเอ่ยวาจาแบบ
00:18:44 → 00:18:46 นั้นแต่ว่าจริงๆแล้วในการอยู่ด้วยกัน
00:18:46 → 00:18:49 เนี่ยมันความปรารถนาดีมันถึงกันด้วยรูป
00:18:49 → 00:18:52 แบบอื่นๆได้นะคะเช่นหาข้าวให้ทานหรือกิน
00:18:52 → 00:18:55 ข้าวยังอ่ะอาจจะพูดไม่เพราะกินข้าวยังล่ะ
00:18:55 → 00:18:58 อะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าอันนี้จริงๆคือเขาก็
00:18:58 → 00:19:01 อยากจะรู้ว่าเออเรารับประทานอาหารหรือยัง
00:19:01 → 00:19:03 อะไรเงี้ยอันนี้ซึ่งๆจริงๆแล้วพ่อแม่
00:19:03 → 00:19:05 เนี่ยก็อาจจะต้องปรับให้เข้าใจลูกๆเหมือน
00:19:05 → 00:19:09 กันนะคะหรือว่าเราลองเปลี่ยนคำคำท้าย
00:19:09 → 00:19:12 ประโยคเมื่อกี้ได้ไหมคะกินข้าวยังอ่ะอ่ะ
00:19:12 → 00:19:16 ปึ๊บมันสั้นใช่ไหมคะมันดูห้วนกินข้าวยัง
00:19:16 → 00:19:20 อ่ะลากกินข้าวหรือยัง
00:19:20 → 00:19:23 แล้วก็เขาก็บอกว่าถ้าหากว่าในครอบครัว
00:19:23 → 00:19:27 เนี่ยมีลูกๆหลายคนแล้วก็พ่อแม่อาจจะออก
00:19:27 → 00:19:30 อาการเป็นผู้ใหญ่ดื้อแบบนี้นะคะใครก็เข้า
00:19:30 → 00:19:32 หน้าไม่ติดแต่เขาบอกว่าจะมีคนหนึ่งอ่ะ
00:19:32 → 00:19:35 เป็นคนโปรดที่เขาได้จริงอันนี้จริงแล้วก็
00:19:35 → 00:19:39 จงใช้คนนั้นล่ะค่ะในแง่ที่ว่าวันล้อมนะคะ
00:19:39 → 00:19:42 ให้เขาได้ผ่อนคลายโดยเฉพาะยิ่งยามเจ็บ
00:19:42 → 00:19:45 ป่วยใครก็เข้าหน้าไม่ติดแล้วเราทุกคนก็
00:19:45 → 00:19:47 รักพ่อแม่หมดแหละนะคะเพียงแต่ว่าใครล่ะ
00:19:47 → 00:19:51 เข้าใกล้แล้วเอาวงแตกก็ต้องเลี้ยงนิดนึง
00:19:51 → 00:19:53 หรือว่าใครเข้าใกล้แล้วเออสำเร็จนะนี่
00:19:53 → 00:19:56 กล่อมกินยาได้อะไรเงี้ยก็จงมองหาคนโปรดคน
00:19:56 → 00:20:00 นั้นเข้าไปในจังหวะเวลาที่ดีนะคะเออฟัง
00:20:00 → 00:20:02 แล้วคือเอาจริงๆคุยไปกับพี่เกสรนี้ก็นั่ง
00:20:02 → 00:20:06 ยิ้มอยู่นะนั่งยิ้มใช่มั้ยคะใช่ใช่ไหมคะ
00:20:06 → 00:20:10 ตรงทุกจุดพูดมาแล้วก็อื้อใช่เลยอะไรอย่าง
00:20:10 → 00:20:12 เงี้ยเพราะว่าจะต้องแบบอย่างบางทีซื้อพวก
00:20:12 → 00:20:16 อาหารเสริมที่แบบมีประโยชน์ให้นะคะเอาไป
00:20:16 → 00:20:19 ให้เราก็บอกสรรพคุณหมดทุกเรื่องราวเออก็
00:20:19 → 00:20:21 เห็นด้วยเห็นดีเห็นงามด้วยแต่ไม่กินค่ะ
00:20:21 → 00:20:25 ฮ่าๆๆเราก็อ้าวทำไมไม่กินซื้อมาก็ไม่ถูก
00:20:25 → 00:20:27 ใช่ไหมคะอ่ะเราก็ต้องไปฝากให้คนที่สามารถ
00:20:27 → 00:20:32 เข้าหาได้โปรดปรานเป็นที่โปรดปรานนะคะ
00:20:32 → 00:20:35 แบบเดียวก็คือกระป๋องเรานี่แหละเอาไปให้
00:20:35 → 00:20:39 เสร็จปุ๊บอ้าวได้นะใช่
00:20:39 → 00:20:42 อันนี้เขาก็บอกว่ามันเป็นเรื่องของความ
00:20:42 → 00:20:45 รู้สึกนะคะซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไร
00:20:45 → 00:20:48 เลยนะคะเพราะว่าเป้าหมายของเราคือเราอยาก
00:20:48 → 00:20:50 ได้อยากให้คุณพ่อคุณแม่ของเราได้สิ่งที่
00:20:50 → 00:20:53 ดีแต่พอผ่านมือเราแล้วบางทีมันเบี่ยงเบน
00:20:53 → 00:20:55 ด้วยประสบการณ์หรือว่าความรู้สึกอะไรบาง
00:20:55 → 00:20:58 อย่างที่ที่อยากจะดื้อกับเราเพราะฉะนั้น
00:20:58 → 00:21:00 ก็เปลี่ยนเป็นคนอื่นซะอะไรอย่างนี้แล้วก็
00:21:00 → 00:21:03 ดูเรื่องจังหวะเวลาด้วยนะคะบางทีเข้าหา
00:21:03 → 00:21:06 แล้วก็อยู่หลายรอบแล้ว
00:21:06 → 00:21:10 ใจเย็นๆแต่ว่าหลังๆมาเนี่ยค่ะก็ด้วย
00:21:10 → 00:21:14 ประสบการณ์เพราะว่าบางทีเจอะเจอกับเหตุ
00:21:14 → 00:21:17 การณ์หลายๆเหตุการณ์ที่มีคนที่ใกล้ชิด
00:21:17 → 00:21:19 หรือไรเงี้ยค่ะจากไปโดยที่ไม่มีการร่ำลา
00:21:19 → 00:21:21 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ยชีวิตคน
00:21:21 → 00:21:24 เราเนี่ยเขาจะไปเมื่อไหร่เราไม่รู้เพราะ
00:21:24 → 00:21:26 ฉะนั้นอะไรที่เราจะแสดงออกซึ่งความรัก
00:21:26 → 00:21:29 หรือให้เขารู้สึกดีอะไรเงี้ยเราควรทำเนอะ
00:21:29 → 00:21:32 ไม่ควรไปทำตอนที่เขาไม่อยู่แล้วใช่ไหมคะ
00:21:32 → 00:21:34 มันไม่มีประโยชน์แล้วอ่ะความสุขกันตอนนี้
00:21:34 → 00:21:37 นะคะดีต่อกันก็ตอนนี้นะคะก็เลยบอกว่าเออ
00:21:37 → 00:21:39 ไม่เป็นไรเขาจะดื้อเขาจะอะไรยังไงเนี่ย
00:21:39 → 00:21:42 แต่ว่าเราแค่ถ้าเราจะต้องกลับมาทำงานใช่
00:21:42 → 00:21:45 ไหมคะจะเดินเข้าไปกอดแน่นๆรับแน่นๆเป็นงู
00:21:45 → 00:21:47 เหลือมรัด
00:21:47 → 00:21:50 แล้วก็จะแบบเขย่าตัวแล้วก็บอกว่ารักนะ
00:21:50 → 00:21:53 อะไรอย่างนี้รักรักคุณแม่น่ารักคุณพ่อนะ
00:21:53 → 00:21:56 หรืออะไรอย่างนี้ค่ะก็ควรจะข่มขืนของเขา
00:21:56 → 00:21:58 นี่นะคะเพราะว่าวัฒนธรรมไทยเราไม่ใช่ว่า
00:21:58 → 00:22:01 วัฒนธรรมเจอแล้วกอดกันหอมแก้มกันอะไร
00:22:01 → 00:22:04 อย่างนี้นะคะแต่ถ้าเป็นฝรั่งเนี่ยแบบนั้น
00:22:04 → 00:22:07 เขาก็ดูเหมือนทำแบบเป็นธรรมชาตินะคะเวลา
00:22:07 → 00:22:10 เราเจอเรามีแฟนเรากอดแฟนได้ไงเราหอมแก้ม
00:22:10 → 00:22:14 แฟนได้อ่ะแต่พอพ่อแม่รู้สึกแล้วทำไมไม่ทำ
00:22:14 → 00:22:16 เขาบอกว่าอันนี้ด้วยนะคะถ้าหากกรณีที่คุณ
00:22:16 → 00:22:20 ลูกที่เป็นเป็นเรียกว่าเป็นเอ่อเป็นผู้นำ
00:22:20 → 00:22:23 ครอบครัวแล้วก็มีพ่อแม่สูงวัยนะคะอยู่
00:22:23 → 00:22:26 อยู่ด้วยแล้วก็มีลูกหลานอยู่ด้วยเนี่ยนะ
00:22:26 → 00:22:29 คะเขาบอกการที่เราได้ทำดีหรือว่าการที่
00:22:30 → 00:22:33 เราได้ปฏิบัติอะไรก็ตามที่เอ่อเราเห็นว่า
00:22:33 → 00:22:36 มันเหมาะควรแม้ว่าผู้ใหญ่พ่อแม่ของเราอาจ
00:22:36 → 00:22:39 จะดื้อรั้นหรือว่าไม่เชื่อไม่ฟังตามที่
00:22:39 → 00:22:41 เราบอกในสิ่งที่ดีก็ตามเนี่ยแต่เราจงมี
00:22:41 → 00:22:44 ศิลปวิธีในการที่จะดูแลอย่างดีเพราะว่าคน
00:22:44 → 00:22:47 ที่มองเราอยู่คือลูกของเราเขาจะมองเรา
00:22:47 → 00:22:51 อยู่นะคะแล้ววันหนึ่งเราก็จะต้องเป็นคน
00:22:51 → 00:22:53 นั้นเหมือนกันคือลูกก็จะขยับเลื่อนมาเป็น
00:22:54 → 00:22:57 ผู้ที่อ่าดูแลเราเหมือนกันนะถ้าเขาเห็น
00:22:57 → 00:23:00 ว่าเราตอนที่คุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่าดือ
00:23:00 → 00:23:04 เนี่ยพ่อแม่ก็ดูแลดีนะมีจิตวิทยาเขาก็จะ
00:23:04 → 00:23:06 ได้เรียนรู้บางทีเราก็คิดซะว่าเออทำเพื่อ
00:23:06 → 00:23:09 ให้ลูกเห็นตัวอย่างแล้วบรรยากาศ 3
00:23:09 → 00:23:12 Generation ที่อยู่ด้วยกันก็จะดีคือ
00:23:12 → 00:23:14 เหมือนกับว่าอะไรยอมได้ก็ยอมบ้างเล็กน้อย
00:23:14 → 00:23:18 ๆก็หยวนๆไปละกัน
00:23:18 → 00:23:21 แต่อย่างใดก็ตามเนี่ยถ้ากรณีที่มันเป็น
00:23:21 → 00:23:25 เรื่องร้ายแรงอย่างเช่นเปิดฟืนเปิดไฟแล้ว
00:23:25 → 00:23:29 หลงลืมนะแล้วก็พอจะอะไรยังไงก็ไม่ไม่
00:23:29 → 00:23:31 ระมัดระวังเนี่ยอาจจะต้องเพิ่มการดูแล
00:23:31 → 00:23:35 ด้วยการกระทำไปเลยก็คือตามไปปิดไฟทำอะไร
00:23:35 → 00:23:37 ตรงต้องทำไปเลยเพราะว่ามันอันตรายเกี่ยว
00:23:37 → 00:23:39 กับเรื่องฟืนไฟนะคะหรืออันตรายจาก
00:23:39 → 00:23:41 อุบัติเหตุอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็ต้อง
00:23:41 → 00:23:44 ปฏิบัติเลยนะคะอย่าเพียงแต่ไปบอกว่าทำสิ
00:23:44 → 00:23:46 เพราะบางทีธรรมชาติผู้สูงอายุอย่างหนึ่ง
00:23:46 → 00:23:49 คือบางทีไม่ได้ดื้อแต่ลืมลืมเช่นลืมปิด
00:23:49 → 00:23:53 บ้านลืมปิดน้ำลืมปิดไฟไม่ได้ดื้อค่ะแต่
00:23:53 → 00:23:55 ลืมจริงๆนะคะอันนี้เราก็ต้องเข้าใจต้องทำ
00:23:55 → 00:23:58 ให้เลยนะคะอือแล้วก็อย่าลืมหาเวลาที่แบบ
00:23:58 → 00:24:01 ไปเที่ยวด้วยกันบ้างนะคะสร้างความ
00:24:01 → 00:24:04 สัมพันธ์ที่ดีต่อการบ้านถึงบางทีท่านอาจ
00:24:04 → 00:24:07 จะไม่สะดวกในการเดินเหินแต่เดี๋ยวนี้ก็
00:24:07 → 00:24:10 หลายพื้นที่นะเขาก็ทำสำหรับอ่าในการที่จะ
00:24:10 → 00:24:13 มีรถเข็นหรือว่าอะไรเงี้ยนะคะวีลแชร์ได้
00:24:13 → 00:24:16 นะคะมีสิ่งแวดล้อมสภาพบ้านเมืองเราก็
00:24:16 → 00:24:18 เอื้อให้ผู้สูงอายุได้ไปพักผ่อนหย่อนใจ
00:24:18 → 00:24:21 กับครอบครัวได้ด้วยนะคะอยู่ยาวเลยไม่แน่
00:24:21 → 00:24:23 นะคะมันอาจจะกลายเป็นการสร้างความ
00:24:23 → 00:24:25 สัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาได้เพราะว่าคืออยู่
00:24:25 → 00:24:27 แต่เนี่ยอยู่แต่ในบ้านน่ะไม่ได้ออกไปข้าง
00:24:27 → 00:24:30 นอกไม่ได้ไปเจอะเจออะไรข้างนอกเลยพอไป
00:24:30 → 00:24:33 ปุ๊บบรรยากาศมันเปลี่ยนอะไรมันเปลี่ยนไป
00:24:33 → 00:24:37 เติมพลังนะคะกลับมาก็จะพูดคุยกันลงตัวให้
00:24:37 → 00:24:40 ความร่วมมือกันดีทุกอย่างนะคะก็ไปกันทั้ง
00:24:40 → 00:24:42 หมดแล้วค่ะทุกคน
00:24:42 → 00:24:45 เพราะว่าบางทีไปเที่ยวแล้วเห็นบางบ้านนะ
00:24:45 → 00:24:48 คะพาคุณพ่อคุณแม่ที่อายุมากๆแล้วเนี่ยไป
00:24:48 → 00:24:50 เที่ยวต่อให้ต้องเป็นวีลแชร์ต้องเขียน
00:24:50 → 00:24:52 หรือว่าที่สถานที่นั้นเนี่ยมันไม่ได้มี
00:24:52 → 00:24:54 ทางลาดหรืออะไรก็ไม่ได้ราบรื่นทั้งหมดนะ
00:24:54 → 00:24:58 คะแต่ก็ดูแลอุ๊ยดีจังเลยอ่ะก็เป็นภาพที่
00:24:58 → 00:25:01 น่ารักนะเป็นภาพที่น่าประทับใจความเป็นคน
00:25:01 → 00:25:03 ไทยความสังคมไทยอะไรอย่างเงี้ยมันมีมัน
00:25:03 → 00:25:08 ยังสวยงามเสมอเราไปหาที่ไหนไม่ได้นะเพราะ
00:25:08 → 00:25:10 ฉะนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนไหมคะว่าผู้ใหญ่
00:25:10 → 00:25:12 ผู้สูงอายุก็ไม่ได้ดื้อหรอกค่ะเพียงแต่
00:25:12 → 00:25:15 ว่าเขายังอยากคงไว้ซึ่งการได้รับการเคารพ
00:25:15 → 00:25:18 นะคะรักแล้วก็เชื่อฟังแต่ว่าในวิถีชีวิต
00:25:18 → 00:25:22 ประจำวันก็อาจจะต้องฟังลูกๆแล้วล่ะค่ะ
00:25:22 → 00:25:25 เราก็เลยมานิยามว่าเอ๊ะอาการลักษณะหรือ
00:25:25 → 00:25:28 เป็นแบบนี้เนี่ยใช้คำว่าดื้อไหม
00:25:28 → 00:25:31 คะมันอาจจะมีบางมุมที่เหมือนแต่บางมุมก็
00:25:31 → 00:25:34 อาจจะไม่ใช่ด้วยบทบาทภารกิจหน้าที่อย่าง
00:25:34 → 00:25:37 ที่พี่เกสรบอกนะคะก็เป็นแนวทางให้สำหรับ
00:25:37 → 00:25:40 คุณผู้ฟังนะคะก็หวังว่าจะได้เป็นความ
00:25:40 → 00:25:42 สัมพันธ์ที่ดีที่เกิดขึ้นในครอบครัวของ
00:25:42 → 00:25:44 ทุกๆครอบครัวกันต่อไปด้วยนะคะขอบคุณพี่
00:25:44 → 00:25:47 เกสรค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมด
00:25:47 → 00:25:50 เวลาแล้วนะคะฟังกันมาเพลินๆนะคะติดตามรับ
00:25:50 → 00:25:51 ฟังรายการของเรากันได้ใหม่ครั้งหน้านะคะ
00:25:51 → 00:25:55 แล้วก็เอ่อมีอะไรก็สามารถที่จะพูดคุย
00:25:55 → 00:25:57 คอมเมนต์กันมาได้เช่นเคยนะคะวันนี้หมด
00:25:57 → 00:26:01 เวลาแล้วลาไปก่อนค่ะสวัสดีค่ะ This Is
00:26:01 → 00:26:03 Choice previous What Cash คนที่ทำ
00:26:03 → 00:26:05 งานหรือเข้ากะงานตอนกลางคืนส่งผลต่อ
00:26:05 → 00:26:08 คุณภาพการนอนอย่างไรและมีผลทำให้เกิดโรค
00:26:08 → 00:26:11 อะไรได้บ้างแพทย์หญิงชีวารัตน์ปราสาทจาก
00:26:11 → 00:26:15 โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีมาเล่าให้ฟังครับ
00:26:15 → 00:26:18 ในร่างกายของเราเนี่ยจะมีเรียกว่า
00:26:18 → 00:26:20 surgadial Little อยู่หรือว่านาฬิกา
00:26:20 → 00:26:23 ชีวิตเนี่ยตอนเช้าเนี่ยร่างกายเราจะหลั่ง
00:26:24 → 00:26:28 ฮอร์โมนออกมาให้มีการตื่นตัวทำงาน Active
00:26:28 → 00:26:31 นะคะแต่ตอนกลางคืนพอพระอาทิตย์ตกดินเนี่ย
00:26:31 → 00:26:34 ร่างกายเราก็จะมีการหลั่งฮอร์โมนโกรท
00:26:34 → 00:26:38 ฮอร์โมนการหลับการง่วงนอนนะคะให้เราพัก
00:26:38 → 00:26:41 ผ่อนแล้วก็มีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของ
00:26:41 → 00:26:45 ร่างกายถ้าสมมุติต้องทำงานกะกลางคืนแล้ว
00:26:45 → 00:26:48 เราไม่ได้นอนพักผ่อนเพียงพอเนี่ยจะทำให้
00:26:48 → 00:26:51 ฮอร์โมนโกรทฮอร์โมนหรือว่าฮอร์โมนในร่าง
00:26:51 → 00:26:54 กายต่างๆของเราเนี่ยมันหลั่งออกมาน้อย
00:26:54 → 00:26:59 หรือเยอะกว่าปกตินะคะรวมถึงพฤติกรรมต่างๆ
00:26:59 → 00:27:02 เวลาที่เราทำงานตอนกลางคืนทำงานเสร็จอ่อน
00:27:02 → 00:27:06 เพลียก็มีการกินอาหารก็ทำให้น้ำตาลในร่าง
00:27:06 → 00:27:09 กายมันสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ควรจะสูง
00:27:09 → 00:27:12 เพราะว่าในช่วงพักผ่อนเนี่ยเราไม่ควรที่
00:27:12 → 00:27:16 จะทานอะไรเยอะและพวกแป้งพวกน้ำตาลควรจะลด
00:27:16 → 00:27:18 เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและตอนนี้พอเรา
00:27:18 → 00:27:21 ทำงานเสร็จแล้วเราไปทานเนี่ยมันจะทำให้
00:27:21 → 00:27:24 ระดับน้ำตาลในร่างกายสูงและถ้าเป็นอย่าง
00:27:24 → 00:27:28 นี้ระยะเวลานานเข้าก็จะทำให้เกิดโรคเบา
00:27:28 → 00:27:30 หวานโรคความดันโลหิตสูงตามขึ้นมาได้หรือ
00:27:30 → 00:27:33 โรคไขมันในเลือดสูงขึ้นมาได้เวลาเรานอนจะ
00:27:33 → 00:27:38 มีวงจรกันนอนอยู่นะคะมันก็จะแบ่งเป็นการ
00:27:38 → 00:27:40 หลับมันจะมีหลายระยะเริ่มแรกก็คือเรา
00:27:40 → 00:27:44 เริ่มเคลิ้มๆก่อนเริ่มง่วงนะคะต่อมาเราก็
00:27:44 → 00:27:48 จะเริ่มเริ่มหลับแล้วหลับตื้นๆตอนนี้หัว
00:27:48 → 00:27:52 ใจเต้นช้าลงอุณหภูมิร่างกายลดลงอันนี้
00:27:52 → 00:27:56 เริ่มหลับแล้วประมาณระยะนี้จะประมาณ 50%
00:27:56 → 00:28:00 แล้วก็ต่อมาเราจะเริ่มหลับลึกนะคะหลับลึก
00:28:00 → 00:28:02 เนี่ยคือร่างกายได้พักและร่างกายมีการ
00:28:02 → 00:28:05 หลั่งกรดฮอร์โมนมีการซ่อมแซมส่วนที่สึก
00:28:05 → 00:28:08 หรอของร่างกายค่ะแล้วก็สุดท้ายเลยก็คือ
00:28:08 → 00:28:13 ร่างกายเราจะเริ่มมีการฝันอ่าอันนี้เป็น
00:28:13 → 00:28:16 ระยะฝันและค่ะอันนี้ก็ร่างกายเราจะทำงาน
00:28:16 → 00:28:20 คล้ายกับตอนตื่นแต่ก็ยังหลับอยู่นะค่ะใช่
00:28:20 → 00:28:24 ฝันร่างกายจะมีการทบทวนเรื่องของความจำ
00:28:24 → 00:28:29 ความทรงจำต่างๆในระยะนี้ค่ะ
00:28:29 → 00:28:34 This is
00:28:34 → 00:28:37 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:37 → 00:28:41 ของไทยพีแบสถ์คลาส spotify Sound Google
00:28:41 → 00:28:44 podcast Apple podcast และ YouTube
00:28:44 → 00:28:48 Channel Thai PBS portcast Thai PBS
00:28:48 → 00:28:51 beautiful
00:28:51 → 00:28:57 [เพลง]