00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือสัยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:20 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อยลงพี่อ้อยผม
00:00:20 → 00:00:23 เชื่อว่าในชีวิตพี่อ้อยน่าจะเจอคนเยอะนะ
00:00:23 → 00:00:26 เยอะมากค่ะเยอะมากใช่มั้ยค่ะแล้วก็คนที่
00:00:26 → 00:00:30 เจอก็มีหลายประเภทโอ้สารพัดประใช่มั้ยแต่
00:00:30 → 00:00:32 ถ้าเกิดว่าพี่เจพี่อ้อยเจอคนประเภทนี้พี่
00:00:32 → 00:00:36 อ้อยจะชอบมั้ยประเภทไหนค่ะประเภทที่เป็น
00:00:36 → 00:00:41 คนที่ทำดีไม่หวังผลน่ะชอบต้องชอบสิชอบใช่
00:00:41 → 00:00:43 มั้ยแต่ผมอยากจะบอกให้ว่าผมเป็นคนประเภท
00:00:43 → 00:00:45 ไหนรู้มั้ยเป็นประเภทอะไรคะผมเป็นคน
00:00:45 → 00:00:51 ประเภททำดีไม่หวังผลเชอะทำ
00:00:51 → 00:00:54 เพื่อผิดหวังมั้ยฮะไม่ไม่คิดเลยว่าพี่วี
00:00:55 → 00:00:57 จะเป็นคนแบบนี้เปล่าครับพี่อ้อยครับคือผม
00:00:57 → 00:01:01 พูดตามสิปครับอโออจริงๆผมไม่ใช่เป็นคนแบบ
00:01:01 → 00:01:06 นั้นอ๋อค่ะเหรอเกือบไปแล้วอ้าโอ้ซับซ้อน
00:01:06 → 00:01:08 ไปกันใหญ่เลยใช่มั้ยค่ะที่มันต้องซับซ้อน
00:01:08 → 00:01:10 งี้เป็นเพราะอะไรรู้มั้ยครับพี่อ้อยคุณ
00:01:10 → 00:01:13 ผู้ฟังเป็นเพราะว่าชีวิตมนุษย์เรามันซับ
00:01:13 → 00:01:18 ซ้อนอืมค่ะงั้นเพื่อเราที่จะได้จัดการกับ
00:01:18 → 00:01:21 ชีวิตที่ซับซ้อนเนี่ยนะเราต้องมีวิธีคิด
00:01:21 → 00:01:25 ซับซ้อนกว่าอ้าวนึกว่าให้คิดง่ายๆกว่าคิด
00:01:25 → 00:01:29 อย่าซับซ้อนเวลาใช่เวลาที่เราคิดน่ะต้อง
00:01:29 → 00:01:31 แบบว่าอซับซ้อนกว่าแต่ว่าเวลาที่เรามานำ
00:01:31 → 00:01:36 เสนอเนี่ยค่ะต้องห้ามซับซ้อนโอ้โหลึกซึ้ง
00:01:36 → 00:01:39 มากเลยค่ะนี่ไงต้องเนี่ยอย่างวันเนี้ยคุณ
00:01:39 → 00:01:42 ผู้ฟังครับถ้าบอกว่าเราพูดแค่ว่าทำดีไม่
00:01:42 → 00:01:45 หวังผลนี่ใครเชอบใช่มั้ยค่ะแต่ประเด็นก็
00:01:45 → 00:01:47 คือแล้วถ้าเกิดเราไปเจอเหตุการณ์หรือไป
00:01:47 → 00:01:50 เจอคนบางคนที่เมีเชื่อความเชื่อแบบนี้ล่ะ
00:01:50 → 00:01:56 ว่าอทำดีไม่หวังผลเชื่อทำเพื่อแสดงว่า
00:01:56 → 00:01:59 เค้าเชื่อในการทำดีไม่หวังผลมั้ยหึไม่
00:01:59 → 00:02:01 เชื่อค่ะอ่าแล้วถ้าเราเจอคนแบบนี้เราจะทำ
00:02:01 → 00:02:06 ยังไงเออเราจะทุกข์มั้ยคือจริงๆแล้วคน
00:02:06 → 00:02:09 ส่วนใหญ่ปากก็ว่าเอ่อคือเรื่องทำดีเนี่ย
00:02:09 → 00:02:12 อือไม่รู้ปูย่าตาทวดก็สอนมาเนาะตั้งแต่
00:02:12 → 00:02:15 เด็กจนเราแก่ป่านเนี้ยก็บอกว่าอ้าคนเราก็
00:02:15 → 00:02:18 ต้องทำดีเนาะอืค่ะแล้วก็ทำดีตายไปแล้วยัง
00:02:18 → 00:02:21 ไงความดีก็ยังอยู่อะไรอย่างเงี้ยอเออแต่
00:02:21 → 00:02:24 ว่าเวลาเราทำดีทำดีมันก็มีวิธีการทำดี
00:02:24 → 00:02:28 เยอะแยะอือ่าเช่นไปทำบุญอืใช่มั้ยฮะไปทำ
00:02:28 → 00:02:32 บุญก็อดอธิษฐานไม่ได้ก็ขอให้ลูกช้างร่ำ
00:02:32 → 00:02:35 รวยถูกหวยอะไรอย่างเงี้ยสำเร็จมันมันก็
00:02:35 → 00:02:39 หวังผลอยู่ดีอ่ะเพราะฉะนั้นปากบอกว่าทำดี
00:02:39 → 00:02:42 ไม่หวังผลแต่ว่าสุดท้ายก็หวังอยู่ดีอ่ะมี
00:02:42 → 00:02:46 หรอคนที่ทำดีไม่หวังผลจริงๆอ่ะเอเออมี
00:02:46 → 00:02:49 มั้ยพี่อ้อยว่ามีมั้ยจริงๆคือพี่อ้อยว่า
00:02:49 → 00:02:53 ก็มีแหละอืออย่างน้อยก็เรา 2 คนไงคะเอแน่
00:02:53 → 00:02:56 หรือเปล่าไม่แน่ใจตัวเองใช่มั้ยคะเออบาง
00:02:57 → 00:02:59 ทีนะพี่อ้อยรู้มั้ยว่าจริงๆแล้วการทำ
00:02:59 → 00:03:01 สำหรับผมผมเนี่ยนะค่ะจากประสบการณ์ที่ผม
00:03:01 → 00:03:05 พบเนี่ยว่าค่ะคนที่ทำความดีแล้วหวังผลน่ะ
00:03:05 → 00:03:10 นะค่ะก็คือเหมือนกับเค้าทำความดีแต่เขาจะ
00:03:10 → 00:03:14 มันจะติดอารมณ์แบบมันจะทุกข์หน่อย
00:03:14 → 00:03:19 ๆทุกข์หน่อยๆทุกข์หน่อยๆก็คือทำทำความดี
00:03:19 → 00:03:22 แต่หวังผลเนี่ยมันจะทำความดีแต่อย่าง
00:03:22 → 00:03:25 ทุกข์อยู่อ่ะพูดง่ายๆอ๋อเพราะว่าถ้าเกิด
00:03:25 → 00:03:28 ไม่ได้ตามที่หวังปุ๊บโอ้โหเ้ยเหมือนกับเ
00:03:28 → 00:03:31 ใช่ป่ะค่ะมันก็ทำความดีแต่อย่างทุกข์อยู่
00:03:31 → 00:03:34 คือคือไม่ไม่อาจจะไม่สุขอาจจะไม่ทุกข์แต่
00:03:34 → 00:03:39 เอ้โทษทีค่ะอาจจะไม่ทุกข์แต่ว่าก็ไม่สุขอ
00:03:39 → 00:03:42 อย่างงี้ใช่มั้ยนี่ไงมันโดนยั้งไว้หน่อยๆ
00:03:42 → 00:03:46 ค่ะๆแต่ว่าคนถ้าทำความดีนะพี่อ้อยแล้วไม่
00:03:47 → 00:03:53 หวังผลจริงๆเลยนะค่ะเค้าจะมีความสุขมาก
00:03:53 → 00:03:57 อืแต่เชื่อมยครับว่าผลที่เได้เนี่ยมันจะ
00:03:57 → 00:04:02 ได้มากกว่าที่หวังเสียอีกอืใช่ค่ะอันนี้
00:04:02 → 00:04:06 อันนี้เมื่อกี้ที่บอกว่าเรา 2 คนแล้วพี่
00:04:06 → 00:04:10 วีไม่ยอมรับเออใชแต่ว่าพี่อ้อยเป็นนะ
00:04:10 → 00:04:14 เพราะว่าได้รับยิ่งใหญ่มหาศาลกว่าสิ่งที่
00:04:14 → 00:04:19 เราทำไปอีกใช่ค่ะนี่ไงแต่ว่านี่แหละพี่
00:04:19 → 00:04:22 ห้อยประเด็นที่มันน่าจะดูเหมือนจะซับซ้อน
00:04:22 → 00:04:25 แต่ว่ามันก็เข้าใจได้ไม่ยากหรอกก็คือว่า
00:04:25 → 00:04:27 เวลาที่เราทำอะไรบางอย่างแล้วเราบอกเรา
00:04:27 → 00:04:29 ไม่ได้หวังผลเนี่ยค่ะแต่ในที่สุดแล้วเรา
00:04:29 → 00:04:33 ได้เยอะกว่าที่เราหวังเนี่ยใช่ไอ้มันความ
00:04:33 → 00:04:36 ข้อเท็จจริงอันนี้เนี่ยมันจะไปขัดแย้งกับ
00:04:36 → 00:04:41 ในตัวมันเองใช่เห็นป่ะใช่แล้วมันจะไม่ขัด
00:04:41 → 00:04:43 แย้งตรงนั้นมันไปขัดแย้งเพราะว่าเราบอก
00:04:43 → 00:04:46 ว่าเราทำดีไม่หวังผลแล้วเราก็มาบอกว่าแต่
00:04:46 → 00:04:48 รู้มั้ยว่าจริงๆผลที่เราได้เยอะกว่าที่
00:04:49 → 00:04:52 เราหวังอีกอ้าใช่ๆๆอ้าแสดงว่าเราได้ผลอตก
00:04:52 → 00:04:55 ตกลงหวังหรือไม่หวังเนี่ยอ้าเออพี่ออยรู้
00:04:55 → 00:04:59 มั้ยมันเกิดอะไรขึ้นค่ะเราได้เยอะขึ้นอือ
00:04:59 → 00:05:02 อืแต่เราไม่ได้หวังไง
00:05:02 → 00:05:06 อืเราไม่ได้หวังมันมาเองค่ะมันมาเองถ้า
00:05:06 → 00:05:10 มันไม่มาก็ช่างมันก็เราไม่ได้หวังออแต่
00:05:10 → 00:05:14 ถ้าเราหวังแต่แล้วแต่ถ้าเราเราไม่ได้หวัง
00:05:14 → 00:05:17 แต่พอมันได้มามันเหมือนเป็นจะเรียกว่า
00:05:17 → 00:05:20 เป็นโบนัสได้มั้ยเป็นอ่าเป็นโบนัสเป็น
00:05:20 → 00:05:24 กำไรเป็นของขวัญอย่างจะเรียกว่าเป็นโบนัส
00:05:24 → 00:05:26 ก็เหมือนว่าเกือบจะได้แต่ก็ไม่ได้เหรอคะ
00:05:26 → 00:05:28 เพราะอะไรรู้มั้ยคนทำงานเนี่ยได้เงิน
00:05:28 → 00:05:30 เดือนก็
00:05:30 → 00:05:33 ตบว่าเงินเดือนเดนละเท่าไหร่ค่ะก็ได้
00:05:33 → 00:05:35 เดือนละเท่านี้เท่านี้เท่าพอปลายปีปุ๊บ
00:05:35 → 00:05:38 บริษัทมีกำไรเยอะก็เลยมีโบนัสโบนัสก็คือ
00:05:38 → 00:05:41 นอกเหนือจากที่ตกลงอืใช่มั้ยแล้วเราดีใจ
00:05:41 → 00:05:47 มั้ยก็ดีใจสิดีใจใช่มั้ยแล้วมันเราคาด
00:05:47 → 00:05:50 หวังว่าจะได้แต่แรกมั้ยจริงๆก็คาดนะอ่า
00:05:50 → 00:05:54 นี่ไงประเด็นเพราะว่าแล้วก็ถ้าไม่ได้ได้
00:05:55 → 00:05:58 ไม่ไม่ได้ตามเป้าผิดหวังอีกแล้วไปสืบอีก
00:05:58 → 00:06:01 ว่าเฮ้ยไอ้คนนั้นมันทำงานห่วยกว่าเราทำไม
00:06:01 → 00:06:04 มันได้เยอะกว่าเราวะอนี่ไงแสดงว่าโบนัส
00:06:04 → 00:06:10 นี่กลายเป็นกลายเป็นเอ่อจะบอกว่าเป็นการ
00:06:10 → 00:06:14 ทำงานดีที่หวังผลน่ะใช่เห็นป่ะแล้วมันทำ
00:06:14 → 00:06:18 ให้เกิดอะไรขึ้นเกิดความทุกข์เห็นป่ะแสดง
00:06:18 → 00:06:22 ว่ายังไม่ได้ 100% ว่าไม่หวังผลไม่ใช่อ่า
00:06:22 → 00:06:26 ค่ะแต่ว่ามันน่ามันมันจึงเป็นความจะเรียก
00:06:26 → 00:06:29 ว่าอะไรดีนะพี่มันเหมือนกับเป็นความเป็น
00:06:29 → 00:06:33 จริงที่มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอสมควรนะอื
00:06:33 → 00:06:36 เพราะคนบางคนเนี่ยพี่อ้อยผมเคยเจอเอางี้
00:06:36 → 00:06:39 ดีกว่าเคยเจอคนบางคนที่ทำอะไรบางสิ่งบาง
00:06:39 → 00:06:43 อย่างเนี่ยค่ะเอาประสบการณ์ตัวเองก่อนอือ
00:06:43 → 00:06:45 เราเนี่ยไปทุกที่เราก็ไม่ได้หวังผลอะไร
00:06:45 → 00:06:48 แต่ว่าหลังจากนั้นสิ่งนั้นเนี่ยทำให้เรา
00:06:48 → 00:06:52 ได้เชื่อมโยงกับผู้คนอ่าแล้วได้ผลดีกลับ
00:06:52 → 00:06:56 มาเสมอค่ะโดยที่เราไม่ได้หวังเลยอแต่ผม
00:06:56 → 00:07:00 เคยเจอคนบางคนไปทุกที่ที่เหมือนกัน
00:07:00 → 00:07:05 อือเพื่อไปเจอผู้คนอืเพื่อจะได้ผลอะไรบาง
00:07:05 → 00:07:08 อย่างค่ะพี่ย่อจะเห็นว่า 2 สิ่งนี้เกือบ
00:07:08 → 00:07:12 จะเป็นเหมือนสิ่งเดียวกันคือพฤติกรรมภาย
00:07:12 → 00:07:16 นอกดูเหมือนกันเลยมใช่ค่ะแต่ใจไม่เหมือน
00:07:16 → 00:07:19 ใช่มั้ยใจไม่เหมือนค่ะแล้วพี่อ้อยรู้มั้ย
00:07:19 → 00:07:23 ว่าคนรอบข้างเห็นแล้วเรู้มั้ยถ้าเผินๆดู
00:07:23 → 00:07:27 เหมือนไม่รู้แต่ว่าคิดว่ารู้รู้ค่ะนี่ไง
00:07:27 → 00:07:29 เพราะฉะนั้นผลมันจึงแบบ
00:07:29 → 00:07:33 อื้อหือไอ้เนี้ยคำพูดเนี่ยมันดูเหมือนกับ
00:07:33 → 00:07:36 มีความที่เค้าเรียกว่ามันเกิดความขัดแย้ง
00:07:36 → 00:07:39 ในตัวเองอแล้วประเด็นก็คือว่าถ้าเราไม่
00:07:39 → 00:07:42 เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้นะพี่ห้อยอ
00:07:42 → 00:07:46 เราจะกลายเป็นคนที่ทำความดีแต่ทุกข์นะ
00:07:46 → 00:07:47 อื
00:07:47 → 00:07:52 ค่ะแล้วแล้วเราจะแก้ยังไงเออนั่นสิค่ะ
00:07:52 → 00:07:55 อย่างผมเวลาที่ผมทำผมเกิดการเรียนรู้
00:07:55 → 00:07:58 เรื่องนี้ตอนไหนรู้มั้ยครับพี่อ้อยอืค่ะ
00:07:58 → 00:08:00 ตอนที่
00:08:00 → 00:08:03 เมื่อหลายปีก่อนตอนที่ผมทำไม่อยากเรียก
00:08:03 → 00:08:06 ว่าทำความดีเลยมันรู้สึกกระดักไงไม่รู้
00:08:06 → 00:08:08 คือเรามีความรู้สึกว่าเราอยากใช้ความรู้
00:08:08 → 00:08:11 ที่เรามีความสามารถที่เรามีทำประโยชน์ให้
00:08:11 → 00:08:15 กับผู้คนค่ะก็เลยอาสาไปสอนดนตรีในคุกอื
00:08:15 → 00:08:19 ให้กับผู้ต้องขังค่ะพอทำเสร็จแล้วเนี่ยโห
00:08:19 → 00:08:23 มันเกิดประโยชน์มากเลยนะอ๋อเนี่ยก็นึกไม่
00:08:24 → 00:08:29 ออกนะคะว่าไปสอนเล่นเอ้คนคุกเล่นดนตรี
00:08:29 → 00:08:32 แล้วจะเกิดประโยชน์มากตรงไหนอ่าผมไปสอน
00:08:32 → 00:08:35 เ้าเล่นพิแก้วค่ะผมไปสอนดนตรีไม่ใช่เพื่อ
00:08:35 → 00:08:39 จะสอนดนตรีอ่าแต่สอนดนตรีเพื่อใช้ดนตรี
00:08:39 → 00:08:42 เป็นสื่อในการพัฒนาจิตใจพวกเขาอ๋อแล้วผม
00:08:42 → 00:08:45 พบว่าประโยชน์ที่ได้อันแรกซึ่งผมเองตอน
00:08:45 → 00:08:47 เริ่มก็ไม่รู้นะพี่อ้อยออคิดไม่ถึงด้วย
00:08:47 → 00:08:50 ซ้ำไปว่าการเล่นดนตรีเนี่ยมันทำให้เขาไอ้
00:08:50 → 00:08:54 การเล่นพิ่นแก้วมันทำให้เขานิ่งอืพอเค้า
00:08:54 → 00:08:57 นิ่งปุ๊บเนี่ยเค้าเห็นชีวิตเาทะลุปุโปร่ง
00:08:57 → 00:09:00 ด้วยตัวเขาเองโว่าว่าที่ผ่านมาเ้าพลาด
00:09:00 → 00:09:03 เพราะอะไรแล้วในอนาคตเ้าจะยังไงออ๋อแล้ว
00:09:03 → 00:09:06 ที่สำคัญที่สุดนะพี่ห้อยประโยชน์ที่สูง
00:09:06 → 00:09:09 สุดซึ่งผมนึกไม่ถึงเลยนะก็คือมันเป็น
00:09:09 → 00:09:11 เครื่องดนตรีที่ทำให้เค้า
00:09:11 → 00:09:16 เนี่ยกลับมาเห็นคุณค่าในตัวเองหืแล้วก็
00:09:17 → 00:09:20 ได้รับศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์คืนออ
00:09:20 → 00:09:22 เป็นยังไงคะพี่ีคือผู้ต้องขังเนี่ยอ่ะพี่
00:09:22 → 00:09:25 อ้อยสมมุติว่าคนคนนึงทำความผิดแล้วติดคุก
00:09:25 → 00:09:27 เนี่ยอืพี่อ้อคิดว่าเคต้องสูญเสียอะไร
00:09:27 → 00:09:31 บ้างนอกจากอิสรภาพแล้วอันดับแรกเลยคือิ
00:09:31 → 00:09:35 อิสรภาพค่ะใช่มั้ยค่ะแต่ว่าเราก็จะนึกว่า
00:09:35 → 00:09:38 การติดคุกก็คือการสูญเสียอิสรภาพค่ะแต่ผม
00:09:38 → 00:09:40 มาเรียนรู้ในภายหลังว่าแท้ที่จริงแล้ว
00:09:40 → 00:09:42 อิสรภาพอ่ะไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดที่
00:09:42 → 00:09:45 เขาสูญเสียอใช่เพราะอิสรภาพมีวันได้คืนนะ
00:09:45 → 00:09:50 ครับค่ะจะ 5 ปี 10 ปี 20 ปี 30 ปีก็ได้
00:09:50 → 00:09:53 คืนน่ะออือแต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนทำ
00:09:53 → 00:09:56 ความผิดติดคุกค่ะแล้วเคยได้รับชื่อว่า
00:09:56 → 00:09:58 เป็นนักโทษแล้วนี่นะค่ะสิ่งที่เขาสูญเสีย
00:09:58 → 00:10:01 ตลอดชีวิตนะคุณค่าคือศักดิ์ศรีของความ
00:10:01 → 00:10:04 เป็นมนุษย์อ๋อศักดิ์ศรีค่ะเพราะว่าวันที่
00:10:04 → 00:10:07 พ้นโทษแล้วเนี่ยพี่อ้อยค่ะคำว่าอดีตผู้
00:10:07 → 00:10:10 ต้องขังเนี่ยมันจะติดตัวเไปตลอดค่ะแล้ว
00:10:10 → 00:10:13 เขาจะรู้สึกไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเองอื
00:10:14 → 00:10:17 แล้วศักดิ์ศีความเป็นมนุษย์เนี่ยไม่มีใคร
00:10:17 → 00:10:21 คืนให้เขาคได้นะออค่ะนอกจากตัวเาเองอืวัน
00:10:21 → 00:10:24 ไหนก็ตามที่เารู้สึกว่าเฮ้ยฉันยังมีคุณ
00:10:24 → 00:10:27 ค่าอยู่เนี่ยค่ะเขาได้รับคืนะ
00:10:27 → 00:10:30 อ๋อค่ะกิกรรมที่ผมทำเนี่ยมันทำให้เภูมิใจ
00:10:31 → 00:10:33 ในตัวเองค่ะ
00:10:33 → 00:10:36 แต่มันเกี่ยวอะไรกับการทำดีไม่หวังผลรู้
00:10:36 → 00:10:39 มั้ยฮะนั่นสิถามว่าผมหวังผลได้ผมไม่ได้
00:10:39 → 00:10:42 อยากได้อะไรจากการนี้อืแต่ผมมีความคาด
00:10:42 → 00:10:46 หวังว่าเาจะดีขึ้นอืแล้วผมก็มั่นใจว่า
00:10:46 → 00:10:48 สิ่งที่เราทำเนี่ยมันมีประโยชน์กับมนุษย์
00:10:48 → 00:10:51 อือฮึจนกระทั่งวันนึงนะพี่อ้อยมีเพื่อนคน
00:10:51 → 00:10:55 นึงถามผมว่าเครู้ว่าผมเข้าไปทำกิจกรรมใน
00:10:55 → 00:10:58 เรือนจำเนี่ยเป็นจิตอาสาคือไม่ได้มีใคร
00:10:58 → 00:10:59 จ่ายตังค์
00:10:59 → 00:11:02 ค่ะเราไม่ได้ตังค์เราไม่ได้เงินอือเพื่อน
00:11:02 → 00:11:05 ก็เลยถามว่าพี่พี่ทำถึงเมื่อไหร่เนี่ยอื
00:11:05 → 00:11:07 ด้วยความเป็นห่วงไงอเราก็ไม่ได้คิดว่าจะ
00:11:07 → 00:11:09 ทำถึงเมื่อไหร่จนกระทั่งเราก็ตอบไปว่าก็
00:11:09 → 00:11:14 จะทำไปจนถึงวันที่เราพบว่าผู้ทงขังที่เรา
00:11:14 → 00:11:17 สอนเนี่ยพ้นโทษไปแล้ววันไหนที่เราพบว่ามี
00:11:17 → 00:11:21 ลูกศิษย์กลับเข้าคุกใหม่คดีเดิมนะอืผม
00:11:21 → 00:11:25 เลิกอืนั่นเป็นข้อยืนยันว่าสิ่งที่เราทำ
00:11:25 → 00:11:29 ไม่มีประโยชน์หรอกอืผมคิดอย่างงั้นไงค่ะ
00:11:29 → 00:11:32 ที่คิดอย่างนี้เพราะอะไรเราทำความดีเรา
00:11:32 → 00:11:34 หวังผลป่ะเนี่ย
00:11:34 → 00:11:37 อ๋ออันนี้ก็คือหวังแอบหวังผลน่ะใช่เราไม่
00:11:38 → 00:11:40 ได้หวังผลต่อตัวเราเองแต่เราหวังผลจาก
00:11:41 → 00:11:44 สิ่งที่เราทำว่ามันจะมีประโยชน์อ๋อก็ยัง
00:11:44 → 00:11:47 เป็นการหวังผลป่ะล่ะใช่มั้ยค่ะค่ะแล้ววัน
00:11:47 → 00:11:51 นึงเนี่ยพี่อ้อยความหวังผลเนี่ยมันทำให้
00:11:51 → 00:11:55 เราทุกข์อืเพราะว่ามีอยู่วันนึงผมก็ไปเจอ
00:11:55 → 00:11:58 ว่าผู้ต้องขังที่เคยเรียนกับผมเนี่ยพ้น
00:11:58 → 00:12:02 โทษไปแล้วกลับเข้าคุกใหม่คดีเดิมอืโอ้โหย
00:12:02 → 00:12:05 ผมทุกข์ใหญ่ทุกข์มหาศาลเลยพี่อ้อยอืเพราะ
00:12:06 → 00:12:08 ทำให้เกิดความรู้ว่ามันเกิดความรู้สึกว่า
00:12:08 → 00:12:11 สิ่งที่เราทำเนี่ยไม่มีประโยชน์ว่ะ
00:12:11 → 00:12:15 เพ้อเจ้อเลิกเหอะอย่างงี้เลยนะอือแล้ววัน
00:12:15 → 00:12:19 นั้นเนี่ยวันที่เจอเนี่ยโอ้โหขับรถกลับมา
00:12:19 → 00:12:21 ระหว่างการสอนขับรถกลับมานี่ร้องไห้เสีย
00:12:21 → 00:12:26 ใจมากเลยอืแล้วก็บอกตัวเองเลยว่าเลิกพี่
00:12:26 → 00:12:30 อ้อยเห็นอานุภาพของความหวังผลมั้ยอืถึง
00:12:30 → 00:12:32 แม้ว่าไม่ได้หวังผลในเชิงเศรษฐกิจหรือราย
00:12:32 → 00:12:36 ได้หรือเงินทองไม่ได้หวังเข้าตัวด้วยอื
00:12:36 → 00:12:41 แต่เรามีความคาดหวังค่ะก็เลยทุกข์ไงค่ะ
00:12:41 → 00:12:44 แล้วก็เลยมาเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนคนที่
00:12:44 → 00:12:47 ถามอ่ะพี่จะทำถึงเมื่อไหร่เนี่ยพอมาเล่า
00:12:47 → 00:12:50 ให้เพื่อนฟังเพื่อนก็ถามผมว่า
00:12:50 → 00:12:53 พี่พี่รู้จักพระเยซูมั้ยเนื่องจากเราเป็น
00:12:53 → 00:12:57 คริสต์ทั้งคู่อบอกรู้จักสินะแล้วเถามผม
00:12:57 → 00:13:01 ว่าพี่รู้จักพระพุทธเจ้ามั้ยอือรู้สิแล้ว
00:13:01 → 00:13:03 ก็ถามผมว่าพี่รู้จักพระมูฮัมหมัดมั้ยอือ
00:13:03 → 00:13:07 ฮึรู้สิอคำถามสุดท้ายนะพี่ห้อยผมบรรลุเลย
00:13:07 → 00:13:13 นะอือเขาถามผมว่าแล้วพี่เป็นใครเหรออู้หู
00:13:13 → 00:13:18 นายวีรชัยนายเป็นใครคือเหมือนโดนไม้ฟาด
00:13:18 → 00:13:23 อย่างแรงเลยอ่ะเออเราเป็นใครวะสิโทษทีค่ะ
00:13:23 → 00:13:26 เราเป็นใครค่ะถึงจะไปคาดหวังว่าสิ่งที่
00:13:26 → 00:13:29 เราทำอ่ะมนุษย์
00:13:29 → 00:13:33 คือผู้ต้องขังจะเปลี่ยนแปลงได้ 100% อื
00:13:33 → 00:13:37 ขนาดถ้าเราไปเทียบกับบรรดาศาสดาผู้ยิ่ง
00:13:37 → 00:13:40 ใหญ่ในโลกนะอือเราไม่ใช่ฝุ่นนะเราเป็นเศษ
00:13:41 → 00:13:44 ฝุ่นของฝุ่นน่ะอืแล้วเรากล้าหาญชาญชัย
00:13:44 → 00:13:48 ขนาดไหนสำคัญขนาดไหนถึงจะบอกกับตัวเองว่า
00:13:48 → 00:13:52 ลูกศิษย์เรานะต้องบรรลุธรรมทุกคนน่ะอื
00:13:52 → 00:13:56 เฮ้ยเราเป็นใครวะอืวันนั้นบรรลุเลยอแล้ว
00:13:56 → 00:13:59 ก็บอกเพื่อนเลยว่าโอเคไม่เลิกก็ได้
00:13:59 → 00:14:03 อแต่แค่เปลี่ยนคือเปลี่ยน KPI เป็นไม่มี
00:14:03 → 00:14:08 ความคาดหวังอืออแค่บอกว่าเราต้องทำอะไรก็
00:14:09 → 00:14:14 ทำไปอืแล้วไม่หวังผลเพียงแต่ว่าผลมันจะดี
00:14:14 → 00:14:17 ขึ้นหรือจะแย่ลงขึ้นอยู่กับเค้าดิ
00:14:17 → 00:14:21 อ่าเค้าก็ต้องลุกขึ้นแล้วเดินต่อป่ะอ๋อ
00:14:21 → 00:14:26 ค่ะเราไม่เอาตัวเองไปหวังผลแล้วออค่ะหลัง
00:14:26 → 00:14:30 จากนั้นมีความสุขเลยอออืค่ะแล้วมันทำให้
00:14:30 → 00:14:34 เราเห็นเลยว่าไอ้บอกทำดีไม่หวังผลเนี่ย
00:14:34 → 00:14:38 อือถึงแม้ว่าผลที่ไม่หวังอ่ะจะไม่ได้เป็น
00:14:38 → 00:14:40 ผลในเชิงเศรษฐกิจเป็นเงินทองเป็นชื่อ
00:14:40 → 00:14:45 เสียงไม่ได้อะไรเลยนะออือแต่ถ้าหวังผลที่
00:14:45 → 00:14:48 จะเกิดขึ้นต่อคนอื่นก็ตามทีก็ยังเป็นการ
00:14:48 → 00:14:51 หวังผลอยู่ดีอออือถ้าถ้าเมื่อกี้ฟังมามัน
00:14:51 → 00:14:55 จะมีคำ 2 คำที่คล้ายๆกันเออก็คือคำว่า
00:14:55 → 00:15:00 หวังผลกับคำว่าคาดหวังอืถ้าพูดแล้วเนี่ย
00:15:00 → 00:15:03 เอ่อมีความรู้สึกว่าเป็นจริงๆมันเป็นคำ
00:15:03 → 00:15:06 เดียวกันแหละอือการหวังผลกับการคาดหวัง
00:15:06 → 00:15:10 อ่ะอนะคะแต่มันเป็นคนละคำกับคำว่ามีความ
00:15:10 → 00:15:14 หวังอืเพราะฉะนั้นหลายคนก็จะแบบอาจจะ
00:15:14 → 00:15:20 สับสนหน่อยว่าเอ้าตกลงเอ่อหวังผลคาดหวัง
00:15:20 → 00:15:24 กับความหวังมันไม่เหมือนกันเหรออืนะคะเออ
00:15:24 → 00:15:28 เพราะฉะนั้นตรงนี้พี่วีอธิบายไปก็คือหวัง
00:15:28 → 00:15:32 ผลกับคาดหวังเนี่ยเหมือนเป็นคำเดียวกันอ
00:15:32 → 00:15:37 ก็คือเราต้องการเราเราแอบมีมีอะไรซ่อน
00:15:37 → 00:15:40 อยู่ในใจเราว่าเราอยากเห็นผลลัพธ์อะไรบาง
00:15:40 → 00:15:43 อย่างซึ่งกับตัวเราหรือกับคนอื่นก็ตาม
00:15:43 → 00:15:46 หรือกับสิ่งที่เราทำก็ตามอันนั้นคือเรา
00:15:46 → 00:15:49 ยังมีตัวเนี้ซ่อนอยู่ในใจแต่ถ้าสมมุติมี
00:15:50 → 00:15:53 ความหวังเนี่ยหมายความว่ามันจะเ่าเปิดใจจ
00:15:53 → 00:15:58 ของเราว่าเอ่อเป็นแรงแรงผลักเราว่ามันยัง
00:15:58 → 00:16:01 มีชีวิตอ่ะมันยังมีความหวังที่จะทำอะไร
00:16:01 → 00:16:04 ได้ต่อไปเพราะฉะนั้นเรามันไม่ใช่เรื่อง
00:16:04 → 00:16:08 ความคาดหวังหรือหวังผลถูกมั้ยคะใช่ๆแล้ว
00:16:08 → 00:16:11 มันจะทำให้เราเนี่ยปราศจากความทุกข์จะคน
00:16:11 → 00:16:16 ที่เถามว่าทำดีไม่หวังผลเชอเพื่ออืเพราะ
00:16:16 → 00:16:17 ว่าเค้าคิด
00:16:17 → 00:16:22 ว่าทำเพื่ออะไรล่ะทำเพื่ออะไรใช่ป่ะใช่
00:16:22 → 00:16:25 แต่ว่าใครๆก็หวังผลกันทั้งนั้นเออคำตอบผม
00:16:25 → 00:16:29 คือก็ไม่ได้ทำเพื่ออะไรอ้อออทำเพราะว่า
00:16:29 → 00:16:32 เราเห็นว่าเราควรทำอืๆก็ไม่ได้ทำเพื่อ
00:16:32 → 00:16:35 อะไรอืค่ะแล้วมันทำให้ผมนึกถึงอะไรอีก
00:16:35 → 00:16:39 อย่างะพี่อ้อยค่ะคำว่าผลน่ะทำอะไรบาง
00:16:39 → 00:16:41 อย่างเพื่อหวังผลคำว่าผลเนี่ยพี่อ้อยนึก
00:16:41 → 00:16:45 ถึงอะไรมีอะไรที่เราเรียกว่าเป็นผลมงก็
00:16:45 → 00:16:49 คือเป็นประโยชน์อย่างที่เอ่อเคสที่ตัวเอง
00:16:49 → 00:16:53 เจอเนี่ยก็จะเจอแบบเหมือนกับมีอ่อน้องที่
00:16:53 → 00:16:59 รู้จักเค้าก็ทำแบงค์อืเนาะเค้าก็เอ่อเอ่อ
00:16:59 → 00:17:02 อันนี้ไม่ไม่ไม่ไม่เรียกว่าทำดีสิอือเคส
00:17:02 → 00:17:06 ที่กำลังพูดเนี่ยเป็นเป็นเคสที่เค้าไม่มี
00:17:06 → 00:17:09 ปฏิสัมพันธ์ใดๆกับเรายกเว้นตอนที่เ
00:17:09 → 00:17:13 ต้องการเงินฝากเ้าก็จะติดต่อมาอันนี้อัน
00:17:13 → 00:17:16 นี้ไม่ไม่ใช่เคสที่พี่วีถามอือแต่ถ้าเป็น
00:17:16 → 00:17:19 เคสที่พี่วีถามเนี่ยน่าจะเป็น
00:17:19 → 00:17:23 เอ่อเหมือนสิ่งที่ที่พี่อ้อยเองรู้สึกว่า
00:17:23 → 00:17:27 เฮ้ยตัวเองทำไมญาติเยอะจังอืญาติเต็ม
00:17:27 → 00:17:30 เมืองเลยอะไรอย่างเงี้ยเพราะว่าเราอ่ะได้
00:17:30 → 00:17:35 เอ่อจะบอกว่าเกื้อกูลอือ่าให้อะไรบาง
00:17:35 → 00:17:39 อย่างเล็กๆน้อยๆหรืออะไรก็ตามเนี่ยกับคน
00:17:39 → 00:17:43 ที่ที่ตั้งแต่คนที่ในครอบครัวเราคนอื่นคน
00:17:43 → 00:17:46 แปลกหน้าคนไม่รู้จักอย่างพี่อ้อยบอกว่า
00:17:46 → 00:17:49 เอ่อทุกวันนี้พี่อ้อยมีญาติเยอะมากอย่าง
00:17:49 → 00:17:53 ช่างซ่อมบ้านอก็ก็เป็นก็เป็นญาติเป็นญาติ
00:17:53 → 00:17:56 อ่าช่างทำผมก็เป็นญาติน้องแม่บ้านที่ทำ
00:17:56 → 00:18:00 งานบ้านให้ก็เป็นญาติอือแม่บ้านที่อก็
00:18:00 → 00:18:04 เป็นาติคนขายส้มตำหน้าปากซก็เป็นญาติรปพ
00:18:04 → 00:18:08 ก็เป็นญาติถามว่าทำไมเมีญาติเยอะขนาดนี้
00:18:08 → 00:18:11 ก็เพราะว่าจริงๆแล้วพี่อ้อยคิดว่ามันเป็น
00:18:11 → 00:18:14 เพราะสิ่งที่เรามีน้ำใจเกื้อกูลเขาด้วย
00:18:14 → 00:18:20 เ่อขนมหรือการถามไถ่ว่าเอ่อเป็นยังไงสบาย
00:18:20 → 00:18:23 ดีหรือเปล่าลำบากหรรือเปล่ามีอะไรให้ช่วย
00:18:23 → 00:18:26 หรือเปล่าอะไรพวกเนี้ยมันทำให้กลายเป็น
00:18:26 → 00:18:31 สิ่งที่อ่าเชื่อมใจเขากับใจเราอืแล้วมัน
00:18:31 → 00:18:34 ก็เลยกลายเป็นว่าสิ่งที่เรามอบให้เค้าอ่ะ
00:18:34 → 00:18:38 เราไม่ได้หวังผลอืแต่แต่มันคือสิ่งที่เรา
00:18:38 → 00:18:42 ได้ได้ได้ทำโดยใจของเราเองอือหรือเราได้
00:18:42 → 00:18:47 ช่วยใครบางคนที่เอ่อมีอะไรให้ช่วยมั้ย
00:18:47 → 00:18:50 แล้วเราก็ช่วยออือๆแล้วหลังจากนั้นน่ะที่
00:18:50 → 00:18:53 พี่วีพูดว่าผลตอบแทนมันยิ่งใหญ่มหาศาล
00:18:53 → 00:18:56 กลับมาเนี่ยมันเกิดขึ้นจริงๆและใหญ่จริงๆ
00:18:57 → 00:19:00 เราได้จริงๆกับตัวตัวพี่อ้อยเองค่ะแต่ถ้า
00:19:00 → 00:19:02 เป็นคนเล็กๆอย่างที่บอกญาติเมื่อกี้เนี่ย
00:19:02 → 00:19:06 ยกตัวอย่างเขาก็จะแบบกูรีกูจออะไรน้ำใจ
00:19:06 → 00:19:10 กับเราค่ะอือๆมันมันผลลัพธ์ที่ได้อ่ะอาจ
00:19:10 → 00:19:13 จะมีเล็กๆอาจจะมีใหญ่ๆแต่ทุกชิ้นเป็นของ
00:19:14 → 00:19:17 ขวัญในชีวิตหมดแล้วเราก็มีความสุขเออค่ะ
00:19:17 → 00:19:19 แล้วเราไม่ได้หวังเหล่านี้เลยไม่หวังเลย
00:19:19 → 00:19:22 ค่ะมาเองแต่ถ้าเมื่อไหร่เราหวังปุ๊บเรา
00:19:22 → 00:19:25 ผิดหวังทันทีใช่แล้วระหว่างที่พี่อ้อย
00:19:25 → 00:19:27 เล่าเนี่ผมนึกถึงอะไรมผมนึกถึงพี่อ้อยอ่ะ
00:19:27 → 00:19:29 เดินไปไหนนี่นะที่ญาติเยอะนี่เพราะอะไร
00:19:30 → 00:19:33 รู้มั้ยค่ะพี่อ้อยหว่านเมล็ดพันธุ์ของของ
00:19:33 → 00:19:38 น้ำใจอ่ะออทั่วไปหมดเลยไปไหนก็หว่านเมล็ด
00:19:38 → 00:19:41 พันธุ์ของความมีน้ำใจทั่วไปหมดเลยค่ะแล้ว
00:19:41 → 00:19:43 มันก็ไปเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มันไปตกตรงไหน
00:19:43 → 00:19:46 เนี่มันก็งอกงามเติบโตกลายเป็นสัมพันธภาพ
00:19:46 → 00:19:50 ออค่ะที่ดีออค่ะแบบสัมพันธภาพของความจริง
00:19:50 → 00:19:53 ใจเหมือนญาติพี่น้องเลยนะค่ะใช่มั้ยเพราะ
00:19:53 → 00:19:55 เมื่อกี้นี่พี่อ้อยเดินไปไหนเนี่ยไปทำผม
00:19:55 → 00:19:59 ก็ไปเป็นญาติกับเ้าอย่างเงี้ยใช่ค่ะเดินเ
00:19:59 → 00:20:03 หน้ารปพก็ไปเป็นญากับรปพค่ะแล้วในที่สุด
00:20:03 → 00:20:06 เราก็หว่านเมล็ดพันธุ์ของความมีน้ำใจไป
00:20:06 → 00:20:10 ทั่วเลยนะค่ะแล้วมันก็เติบโตมันเหมือน
00:20:10 → 00:20:15 เป็นเป็นตัวตนเราอ่ะอืเราไม่ได้ทำเพื่อ
00:20:15 → 00:20:18 หวังผลแต่เรารู้สึกว่าเรามีความสุขที่ได้
00:20:18 → 00:20:21 ทำอืแล้วเมื่อตะกี้นี้พี่อ้อยพูดถึง
00:20:21 → 00:20:25 ประเด็นนึงประเด็นที่แล้วคนที่ทำอะไร
00:20:25 → 00:20:28 เพื่อหวังผลอืเราจะเห็นทันทีแล้วเราจะมี
00:20:28 → 00:20:31 ปฏิกิริยากับอีกแบบนึงกับเค้าเลยใช่มั้ย
00:20:31 → 00:20:34 ใช่ค่ะอย่างเช่นอะไรครับใช่ค่ะอืมคนหวัง
00:20:34 → 00:20:36 ผลก็คือ
00:20:36 → 00:20:38 คือจะบอก
00:20:38 → 00:20:43 ว่ามันมันมีสิ่งที่เราสัมผัสได้อ่ะเออนะ
00:20:43 → 00:20:48 คะกับการที่เวลาเราสื่อสารเวลาเรามี
00:20:48 → 00:20:51 กิจกรรมร่วมหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะอเค้าจะ
00:20:51 → 00:20:55 แสดงให้เราเห็นค่ะเออว่าการที่เค้าทำบาง
00:20:55 → 00:20:59 สิ่งนั้นน่ะมันมันมีมีเหมือน Hi agenda
00:20:59 → 00:21:03 อยู่ข้างหลังบางทีเขาก็หวังเงินบางทีเขา
00:21:03 → 00:21:07 ก็หวังความช่วยเหลือบางทีเขาก็หวังอ่า
00:21:07 → 00:21:10 เรื่องงานเรื่องอะไรก็ตามเนี่ยซึ่งซึ่ง
00:21:10 → 00:21:14 เราสัมผัสได้แล้วเรารู้สึกว่ากลายเป็นว่า
00:21:14 → 00:21:18 เราเรารู้แล้วเราไม่อยากปฏิสัมพันธ์กับคน
00:21:18 → 00:21:21 แบบนี้อ่าอืเราก็ไม่อยากอยู่ใกล้แล้ว่ะ
00:21:21 → 00:21:24 ไม่อยากอยู่ใกล้ค่ะใช่มั้ค่ะงั้นคุณผู้
00:21:24 → 00:21:27 ฟังครับเห็นมยว่าจริงๆแล้วเวลาที่เราเรา
00:21:27 → 00:21:29 บอกว่าเราทำความดีจะเรียกว่าทำความดีหรือ
00:21:29 → 00:21:33 ทำอะไรก็ตามทีเนี่ยอืเราจะทักทายใครค่ะ
00:21:33 → 00:21:38 เราจะสวัสดีใครค่ะเราจะหวังผลหรือไม่อือ
00:21:38 → 00:21:41 ถ้าเราทักทายแบบไม่ได้หวังผลเนี่ยอือก็
00:21:41 → 00:21:44 คือเราไม่ได้หวังอะไรเลยแล้วเราจะมีความ
00:21:44 → 00:21:48 สุขใจมากเลยใช่แต่ถ้าเราทักทายใครเราทัก
00:21:48 → 00:21:52 ทายเพราะว่าเค้าจะมีผลอะไรบางอย่างให้เรา
00:21:52 → 00:21:56 ค่ะคนเหล่านี้เนี่ยเขาจะจับสัญญาณอันนี้
00:21:56 → 00:21:59 ได้จับสัญญาณได้ใช่แล้วเจะไม่อยากอยู่
00:21:59 → 00:22:03 ใกล้เราใช่เพราะฉะนั้นเนี่ยผมอยากจะบอก
00:22:03 → 00:22:06 ว่าคนที่ทำ
00:22:06 → 00:22:11 ดีแต่มีความเชื่อว่าทำดีแต่ไม่หวังผลเชอะ
00:22:11 → 00:22:14 เพื่อมีเหรออะไรอย่างเงี้ยนะค่ะคนที่มี
00:22:14 → 00:22:18 ความเชื่อแบบนี้เนี่ยคงจะต้องอยู่กับตัว
00:22:18 → 00:22:21 เองแล้วก็จะต้องทำความเข้าใจเรื่องเกี่ยว
00:22:21 → 00:22:24 กับการทำความดีแบบไม่หวังผลทำอะไรก็ตาม
00:22:24 → 00:22:27 ไม่หวังผลเนี่ยคให้ลึกซึ้งขึ้นแล้วให้อือ
00:22:27 → 00:22:30 ให้จริงจังขึ้นเพื่อไม่ได้ไม่ได้เพื่อว่า
00:22:31 → 00:22:33 ในที่สุดแล้วที่เมื่อกี้ผมพูดตั้งแต่แรก
00:22:33 → 00:22:35 ว่าในที่สุดแล้วเราจะได้มากกว่าเดิมหไม่
00:22:35 → 00:22:37 ใช่เพื่อสิ่งนี้ด้วยใช่ถ้าเพื่อสิ่งนี้
00:22:37 → 00:22:41 ปุ๊บก็กลับไปหวังอีกใช่มั้ฮะค่ะแล้วจะ
00:22:41 → 00:22:43 เจ็บหนักกว่าเดิมอีกใช่ใช่มั้ยฮะค่ะถ้า
00:22:43 → 00:22:46 เราเข้าใจเรื่องนี้เนี่ยอื้อหือเหมือนเรา
00:22:46 → 00:22:48 ต้องทำตัวตนของเรา
00:22:48 → 00:22:54 ให้ให้เป็นจะบอกว่ามีมีน้ำำใจเกื้อกูลฮะฮ
00:22:54 → 00:22:58 เป็นเป็นปกติของเรานะคะเพราะว่าเพราะว่า
00:22:58 → 00:23:01 มีคำพูดนึงจำได้พี่วีพูดว่าสัมพันธภาพ
00:23:01 → 00:23:05 มนุษย์น่ะต้องการการหล่อเลี้ยงอืเออเพราะ
00:23:05 → 00:23:08 ฉะนั้นน้ำใจเนี่ยจะมาเฉพาะตอนกระหายน้ำ
00:23:08 → 00:23:13 ไม่ได้เเออใช่ๆใช่มั้ค่ะแล้วก็สำหรับผม
00:23:13 → 00:23:16 เี่นะมันผมจะมีเคดรับอีกอันนึงที่ค่อน
00:23:16 → 00:23:19 ข้างเห็นเป็นแบบชัดเจนก็คือว่าเวลาที่
00:23:19 → 00:23:24 เราทำทำอะไรกับใครโดยที่ไม่หวังผลนี่นะอ
00:23:24 → 00:23:27 ง่ายๆเลยก็คือว่าถ้าเราสามารถทำอะไรบาง
00:23:27 → 00:23:30 อย่างให้กับใครเนี่ยค่ะโดย
00:23:30 → 00:23:35 ที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำกับคนที่เราไม่เคย
00:23:35 → 00:23:38 รู้จักมาก่อนนะข้อที่ 1 ค่ะค่ะแล้วข้อที่
00:23:38 → 00:23:41 2 โดยเฉพาะยิ่งกับคนที่เขาไม่สามารถที่
00:23:41 → 00:23:46 จะตอบแทนเราได้เลยอืค่ะอันเนี้ย
00:23:46 → 00:23:50 หูยอันนี้เป็นเเรียกเป็นวิธีปฏิบัติที่
00:23:50 → 00:23:54 ชัดเจนที่สุดมันเหมือนเป็นวิธีฝึกมั้ยคะ
00:23:54 → 00:23:57 พี่ใช่เพราะว่ามันหวังก็ไม่ได้นะใช่หวัง
00:23:57 → 00:23:59 ผลก็ไม่ได้เพราะว่าเไม่มีโอกาสที่จะตอบ
00:23:59 → 00:24:04 แทนเราเลยแต่เใจเราฟูมากเลยนะพี่วีใช่ค่ะ
00:24:04 → 00:24:06 ถ้าใครฝึกแบบนี้ได้นะครับเราจะรู้เลยว่า
00:24:06 → 00:24:10 การทำดีแบบไม่หวังผลน่ะมันอือโอ้โหมันจะ
00:24:10 → 00:24:13 มีความสุขขนาดไหนค่ะแต่เราก็ไม่ได้ทำ
00:24:13 → 00:24:16 เพื่อความสุขนะบอกก่อนนะฮะต้องต้องลองก็
00:24:16 → 00:24:18 ไม่หวังความสุขอีกไม่หวังด้วยแต่มันได้
00:24:18 → 00:24:21 เองหวังเพราะว่าเราเห็นว่าเนี่ยคนเนี้ย
00:24:21 → 00:24:23 เค้าต้องการความช่วยเหลือค่ะแล้วเราก็
00:24:23 → 00:24:26 ช่วยเหลือเขาไปทั้งๆที่เราไม่รู้จักเขา
00:24:26 → 00:24:28 เลย
00:24:28 → 00:24:32 พี่วีช่วยเหลือเนี่ยมันต้องลงทุนเงินทอง
00:24:32 → 00:24:36 นู่นนี่มากมายมั้ยคะไม่ต้องเป็นอะไรก็ได้
00:24:36 → 00:24:40 ค่ะด้วยการให้เค้ามีตัวตนน่ะยกตัวอย่าง
00:24:40 → 00:24:43 เช่นวันนี้ผมเจอคนคนนึงเลยระหว่างทางเดิน
00:24:43 → 00:24:47 ทางมาเนี้ยเค้าก็ทักทายผมค่ะแล้วผมก็เห็น
00:24:47 → 00:24:50 เค้าเคกำลังอยู่ปฏิบัติหน้าที่อยู่อือฮึ
00:24:50 → 00:24:53 เป็นรปพค่ะแต่ว่าอยู่ในป้อมรปภเนี่ยแล้ว
00:24:54 → 00:24:55 แต่ผมเห็นว่าเวลาที่เราเดินเข้ามาปุ๊บ
00:24:56 → 00:24:58 เนี่ยเาก็ทักทายเราอืแต่ผมสังเกตเห็นว่า
00:24:58 → 00:25:01 เขากำลังทานข้าวเช้าอยู่ค่ะก็เป็นเรื่อง
00:25:01 → 00:25:04 ปกติใช่มั้ยฮะค่ะแล้วก็ผ่านมาก็จบค่ะแต่
00:25:04 → 00:25:09 จริงๆผมก็แค่ก่อนจะผ่านมาผมก็แค่แสดง
00:25:09 → 00:25:12 อาการเป็นอย่างคือชะโงกหน้าดูอาหารเช้า
00:25:13 → 00:25:18 เค้าแล้วก็ถามเบอกว่าโหยอาหารเช้าวันนี้
00:25:18 → 00:25:22 ดูน่ากินมากเลยครับอืค่ะผมไม่ได้ลงทุน
00:25:22 → 00:25:27 อะไรเลยพี่พี่วีลงทุนลงทุนอะไรฮะพี่วีลง
00:25:28 → 00:25:32 ทุนสังเกตแล้วพี่วีก็ลงทุนใส่ใจแล้วพี่วี
00:25:32 → 00:25:37 ก็ลงทุนในการทักทายอะไรบางอย่างเอออืเค้า
00:25:37 → 00:25:40 ก็รู้สึกว่าเค้ามีแล้วเก็ยิ้มได้รับความ
00:25:40 → 00:25:43 ใส่ใจใช่แล้วมีคนสังเกตเห็นเค้าค่ะแค่
00:25:43 → 00:25:47 นั้นแหละอืมคือก็คือคำพูดพี่วีเมื่อกี้
00:25:47 → 00:25:51 แหละทำให้เขามีตัวตนใช่อืมค่ะไม่ได้ใช้
00:25:51 → 00:25:54 อะไรมากกว่านี้เลยอ๋อพี่อ้อยว่าที่พี่
00:25:54 → 00:25:56 อ้อยบอกญาติเยอะเนี่ยพี่อ้อยก็ทำสิ่งนี้
00:25:56 → 00:26:00 แะพี่ิใช่โดยที่ไม่รู้ตัวเลยเอออืค่ะก็
00:26:00 → 00:26:03 เลยหว่านเมล็ดพันธุ์ของความปรารถนาดีไป
00:26:03 → 00:26:06 ทั่วหมดเลยอืเนี่ยไม่หวังผลแล้ววันนึงเรา
00:26:06 → 00:26:09 ก็มีความรู้สึกว่าอื้อหือมันดีจังเลยไง
00:26:09 → 00:26:12 อือแล้วก็เรามาสรุปที่หลังเราถึงจะเห็น
00:26:12 → 00:26:16 ว่าในที่สุดแล้วเราได้มากกว่าอืใช่ที่เรา
00:26:16 → 00:26:19 จะคาดหวังได้ซะอีกใช่ค่ะอย่างนี้เป็นต้น
00:26:19 → 00:26:22 นะครับเพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังครับเราอาจจะ
00:26:22 → 00:26:24 พบว่าในสังคมยุคปัจจุบันอาจจะไม่ใช่
00:26:24 → 00:26:27 เรื่องง่ายนะแต่ว่าถ้าเราฝึกแล้วเราเข้า
00:26:27 → 00:26:30 ใจอย่างถ่องแท้ว่าการทำดีแบบหวังผลเนี่ย
00:26:30 → 00:26:34 แท้ที่จริงแล้วในที่สุดเราจะทุกข์อืถึง
00:26:34 → 00:26:38 แม้จะทำความดีแต่หวังผลก็ทุกข์นะครับค่ะ
00:26:38 → 00:26:44 เพราะฉะนั้นทำดีโดยไม่หวังผลเชออยากจะบอก
00:26:44 → 00:26:45 ว่ามีอยู่จริงนะ
00:26:45 → 00:26:49 ครับวันนี้ผมพี่วีนะครับและพี่ห้อยต้องลา
00:26:49 → 00:26:53 ไปก่อนครับสวัสดีครับสวัสดี
00:26:53 → 00:26:56 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:26:56 → 00:26:59 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:26:59 → 00:27:02 spotify soundcloud Google podcast
00:27:02 → 00:27:05 Apple podcast และ YouTube Channel
00:27:05 → 00:27:09 Thai PBS podcast tha PBS podcast
00:27:09 → 00:27:12 View the world via The
00:27:12 → 00:27:21 [เพลง]
00:27:21 → 00:27:24 Voice