00:00:00 → 00:00:03 This is Thai PBS podcast view the
00:00:03 → 00:00:06 world by the voice.
00:00:06 → 00:00:08 ตัวแอลกอฮอล์เนี่ยมันเป็นสารตัวนึงที่มัน
00:00:08 → 00:00:11 ไปทำให้เกิดการกดระบบประสาทของร่างกายของ
00:00:11 → 00:00:13 มนุษย์เราเมื่อไหร่ที่สมองถูกกดจะทำให้
00:00:13 → 00:00:16 สูญเสียความจำอาจจะมีปัญหาเรื่องของการ
00:00:16 → 00:00:19 ทรงตัวครับกล้าเสี่ยงเกินเหตุขาดสมาธิสูญ
00:00:19 → 00:00:22 เสียความสามารถในการตัดสินใจเห็นภาพช้อน
00:00:22 → 00:00:25 เห็นภาพเบลอเวลาขับรถคนข้ามถนนก็จะมองไม่
00:00:25 → 00:00:26 เห็นแล้วครับความสามารถในการมองเห็นก็ผิด
00:00:26 → 00:00:29 ปกติไปยิ่งถ้าเกิดดื่มแอลกอฮอล์บวกกับขับ
00:00:29 → 00:00:32 รถก็ไม่สามารถที่จะควบคุมตนเองได้
00:00:32 → 00:00:35 >> ขาดสมาธิระบบประสาทเฉื่อยชาง่วงกล้าม
00:00:35 → 00:00:37 เนื้อกับเรื่องของสายตาทำงานไม่สัมพันธ์
00:00:37 → 00:00:39 กันยิ่งถ้าเกิดขับขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใส่
00:00:39 → 00:00:42 หมวกกันน็อคครับสมองเกิดภาวะสมองช้ำส่วน
00:00:42 → 00:00:44 ที่ตามมาก็คือความพิการ
00:00:44 → 00:00:48 >> ก็ต้องดูแลระยะยาวต่อไป
00:00:48 → 00:00:52 >> ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:52 → 00:00:55 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 >> This is Thai PBS Podcast
00:00:58 → 00:01:01 >> คุณผู้ฟังคะเราจะมาพูดถึงเรื่องนี้น่าสน
00:01:01 → 00:01:04 ใจมากเลยทีเดียวดื่มเหล้าเมาถึงสมอง
00:01:04 → 00:01:05 อื้อหือ
00:01:05 → 00:01:07 ไปเมาถึงสมองได้ยังไงแล้วก็เรื่องของผล
00:01:08 → 00:01:11 กระทบนะคะมันมีอะไรบ้างนะคะจากการดื่ม
00:01:11 → 00:01:14 เหล้าคุยกับรองศาสตราจารย์ดร.เวหาเกษมสุข
00:01:14 → 00:01:17 หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุขศาสตร์
00:01:17 → 00:01:20 คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ
00:01:20 → 00:01:21 สวัสดีค่ะอาจารย์คะ
00:01:21 → 00:01:24 >> ครับสวัสดีครับสวัสดีทุกท่านครับผม
00:01:24 → 00:01:26 >> ค่ะอันวันนี้คุยกันเรื่องนี้น่าสนใจมาก
00:01:26 → 00:01:29 เพราะว่าก็เป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่
00:01:29 → 00:01:31 ได้ค่อยใส่ใจแล้วก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีผล
00:01:31 → 00:01:34 กระทบนะคะจากการดื่มเหล้าแล้วไปเมาถึง
00:01:34 → 00:01:37 สมองนะคะอาจารย์คะแล้วเวลาที่เราดื่ม
00:01:37 → 00:01:40 แอลกอฮอล์นะคะต่างๆเหล่านี้เข้าไปเนี่ย
00:01:40 → 00:01:42 มันไปทำอะไรกับสมองของเราคะ
00:01:42 → 00:01:44 >> แน่นอนบังคับเวลาที่เราดื่มเครื่องดื่ม
00:01:44 → 00:01:46 ที่มีแอลกอฮอล์หรือพวกดื่มเหล้าอะไรก็ตาม
00:01:47 → 00:01:49 แต่นะครับตัวแอลกอฮอล์เนี่ยมันเป็นสารตัว
00:01:49 → 00:01:52 นึงที่มันไปทำให้เกิดการกดระบบประสาทของ
00:01:52 → 00:01:54 ร่างกายของมนุษย์เรานะครับ
00:01:54 → 00:01:56 >> ซึ่งระบบประสาทคือตัวสมองนี่แหละครับมัน
00:01:56 → 00:01:57 มีความสำคัญ
00:01:57 → 00:01:59 >> เพราะว่าสมองหัวใจอะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:01:59 → 00:02:02 เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญของร่างกายของ
00:02:02 → 00:02:04 มนุษย์เรานะครับเมื่อไหร่ที่สมองถูกกดนะ
00:02:04 → 00:02:07 ครับมันก็จะเกิดผลกระทบตามมาหลายอย่างไม่
00:02:07 → 00:02:10 ว่าจะเป็นสมองส่วนหน้านะครับสมองส่วนที่
00:02:10 → 00:02:12 เป็นในเรื่องของเกี่ยวกับการอ่า
00:02:12 → 00:02:15 ความจำการเรียนรู้หรือสมองที่เกี่ยวข้อง
00:02:15 → 00:02:18 กับการเคลื่อนไหวหรือการทรงตัวนะครับสมอง
00:02:18 → 00:02:20 ถ้าเกิดมันถูกกดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ครับ
00:02:20 → 00:02:23 แน่นอนย่อมส่งผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์เรา
00:02:23 → 00:02:25 พฤติกรรมที่มันจะเกิดขึ้นตามมาก็อย่าง
00:02:25 → 00:02:28 เช่นการควบคุมตนเองนะครับเรื่องของการใช้
00:02:28 → 00:02:31 เหตุผลการตัดสินใจหรืออารมณ์เปลี่ยนแปลง
00:02:31 → 00:02:34 ไปเนื่องจากว่าแอลกอฮอล์มันไปกดสมองส่วน
00:02:34 → 00:02:35 หน้านะครับ
00:02:35 → 00:02:37 >> หรืออาจจะทำให้เกิดการที่เราสูญเสียความ
00:02:37 → 00:02:41 จำหรือการเรียนรู้มีปัญหาเลยมีความบก
00:02:41 → 00:02:42 พร่องนะครับเนื่องจากว่าสมองส่วน
00:02:42 → 00:02:46 ฮิปโปเคมปัสมันถูกกดนะครับแล้วก็อาจจะมี
00:02:46 → 00:02:49 ปัญหาเรื่องของการทรงตัวครับเดินเซเดิน
00:02:49 → 00:02:52 ไม่ตรงขับรถไม่ตรงเลนอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:02:52 → 00:02:55 แล้วก็ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุตามมาอันนี้
00:02:55 → 00:02:57 ก็คือสมองส่วนที่เป็นเรื่องของซีลิเบรั่ม
00:02:57 → 00:02:58 มันมีปัญหา
00:02:58 → 00:03:01 >> มันเกิดจากตัวฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นะครับดัง
00:03:01 → 00:03:03 นั้นนะครับเวลาที่มันมีการดื่มค่าดื่ม
00:03:03 → 00:03:05 แอลกอฮอล์ครับมันจะเกิดผลตามมาหลายๆส่วน
00:03:06 → 00:03:08 โดยเฉพาะสมองสมองก็จะช้าทำให้เกิดปัญหาใน
00:03:09 → 00:03:11 เรื่องของการคิดการที่มีพฤติกรรมกรรมผิด
00:03:11 → 00:03:14 ปกติไปหรือกล้ากล้าเสี่ยงเกินเหตุอะไร
00:03:14 → 00:03:17 อย่างเงี้ยครับขาดสมาธิสูญเสียความสามารถ
00:03:17 → 00:03:18 ในการตัดสินใจ
00:03:18 → 00:03:21 >> แล้วก็อาจจะมีภาวะตาเบลอมองเห็นภาพซ้อน
00:03:21 → 00:03:24 มองเห็นภาพไม่ชัดเจนกล้ามเนื้อมีปัญหา
00:03:24 → 00:03:26 อย่างเงี้ยครับมันเกิดผลจากการที่สมองเรา
00:03:26 → 00:03:29 มันถูกกดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ครับผม
00:03:29 → 00:03:32 >> โอคือดื่มแอลกอฮอล์นี่มีผลกระทบกับสมอง
00:03:32 → 00:03:35 เราขนาดนี้ในทุกส่วนเลยนะคะที่มันจะส่งผล
00:03:35 → 00:03:37 กระทบแล้วก็เกิดผลระยะยาวด้วยนะครับ
00:03:37 → 00:03:41 >> ค่ะระยะยาวนี่ก็อาจจะเป็นพวกพวกเกี่ยวกับ
00:03:41 → 00:03:42 อะไรบ้างคะอาจารย์
00:03:42 → 00:03:45 >> อ่าถ้าเกิดสมมุติว่าดื่มไปบ่อยๆดื่มนั่น
00:03:45 → 00:03:47 หรือดื่มอย่างต่อเนื่องอะไรอย่างเงี้ย
00:03:47 → 00:03:50 ครับสมองก็จะเกิดปัญหาตามมาอาจจะเกิดการ
00:03:50 → 00:03:53 สูญเสียในเรื่องของความจำสูญเสียในเรื่อง
00:03:53 → 00:03:54 ของ
00:03:54 → 00:03:57 >> ความสามารถในบางเรื่องของสมองแล้วก็อาจจะ
00:03:57 → 00:04:00 ส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นในร่างกายของเรา
00:04:00 → 00:04:00 >> อื
00:04:00 → 00:04:02 >> ทุกอย่างที่เรารับประทานหรือกินเข้าไป
00:04:02 → 00:04:04 หรือสูดดมเข้าไปในร่างกายของเราเนี่ยครับ
00:04:04 → 00:04:06 มันจะไปเผาผ่านที่ตับด้วยเนาะส่งไปที่
00:04:07 → 00:04:09 สมองอะไรพวกเนี้ยครับไปที่หัวใจแล้วก็ขับ
00:04:09 → 00:04:11 ออกที่ตา
00:04:11 → 00:04:13 ส่วนที่ตามมาก็คือเรื่องของตัวหัวใจ
00:04:13 → 00:04:15 เรื่องของหลอดเลือดเรื่องของตัวไตอะไรพวก
00:04:15 → 00:04:18 นี้ก็จะมีผลกระทบตามมาแล้วก็ตับด้วยครับอ
00:04:18 → 00:04:20 >> ซึ่งถ้าเกิดตับมันกำจัดสารพิษทำบ่อยๆทำ
00:04:20 → 00:04:24 บ่อยๆครับตับก็จะเกิดภาวะตับแข็งตับทำงาน
00:04:24 → 00:04:27 ได้ไม่ดีก็จะเกิดโรคใหญ่กับโรคตับก็สูญ
00:04:27 → 00:04:30 เสียชีวิตตามมาจากแอลกอฮอล์นอกจากสมองนะ
00:04:30 → 00:04:33 ครับมาที่ตับมาที่ไตพวกเนี้ยครับแต่สมอง
00:04:33 → 00:04:36 เป็นอวัยวะแรกที่มันมีความสำคัญมันสั่ง
00:04:36 → 00:04:37 การทุกอย่างเหมือนมันเหมันเหมือนเป็นเค้า
00:04:37 → 00:04:40 เรียกว่าอะไรนะเป็นอวัยวะและที่สำคัญควบ
00:04:40 → 00:04:42 คุมร่างกายของเราทุกส่วน
00:04:42 → 00:04:43 >> ค่ะ
00:04:43 → 00:04:44 >> จากสมองนี่แหละครับ
00:04:44 → 00:04:48 >> อืทีนี้อาจารย์พอบอกว่าดื่มแอลกอฮอล์แต่
00:04:48 → 00:04:51 ละคนทำไมระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายอาจจะไม่
00:04:51 → 00:04:53 เท่ากันบางคนอาจจะดูรู้สึกแบบดื่มไปนิด
00:04:53 → 00:04:56 หน่อยโอ้โหเมามากเหลือเกินมีผลกระทบมาก
00:04:56 → 00:04:59 เหลือเกินบางคนบอกโหดื่มจนแบบเป็นขวดๆยัง
00:04:59 → 00:05:02 ไม่รู้สึกอะไรเลยยังไม่เป็นอะไรเลยเบอก
00:05:02 → 00:05:05 ว่าคอแข็งอะไรประมาณนี้ปริมาณระดับ
00:05:05 → 00:05:08 แอลกอฮอล์ที่มีผลกระทบกับสมองกับร่างกาย
00:05:08 → 00:05:10 ของเราที่มันทำให้เราแบบอ่ะไม่ได้เป็นตัว
00:05:10 → 00:05:13 เราแล้วล่ะปริมาณแค่ไหนยังไงคะอาจารย์ที่
00:05:13 → 00:05:14 มันจะมีผลกระทบ
00:05:14 → 00:05:17 >> จริงๆแล้วเ่อดื่มไปนิดหน่อยก็มีผลกระทบ
00:05:17 → 00:05:19 แล้วนะครับแต่ทีนี้ถ้าเกิดสมว่าเราบาง
00:05:19 → 00:05:21 ครั้งที่เวลาที่เรามีการสังสรรค์มีการ
00:05:21 → 00:05:23 ดื่มแอลกอฮอล์กันบางทีเราไม่มีความยัด
00:05:23 → 00:05:25 ยั้งช่างใจที่จะดื่มแต่พอเหมาะพอควร
00:05:25 → 00:05:27 >> บางครั้งเราก็อาจจะมีปาร์ตี้อะไรอย่าง
00:05:27 → 00:05:29 เงี้ยใช่มั้ครับก็สนุกกับเพื่อนๆก็ดื่มไป
00:05:29 → 00:05:30 เรื่อยๆเพลิน
00:05:30 → 00:05:34 >> จนทำให้เกินปริมาณจริงๆแล้วคำว่าจะดื่ม
00:05:34 → 00:05:36 ประมาณเท่าไหร่เนี่ยจะมีผลต่อร่างกายของ
00:05:36 → 00:05:38 คนเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันบางคนก็อาจจะ
00:05:38 → 00:05:41 มีภาวะความทนต่อแอลกอฮอล์ที่แตกต่างบางคน
00:05:41 → 00:05:44 นิดเดียวมีตัวแดงและเวียนศีรษะอะไรอย่าง
00:05:44 → 00:05:46 เงี้ยนะครับก็อาจจะมีการมึนเมาได้อ
00:05:46 → 00:05:49 >> หรือบางคนอาจจะดื่มจำนวนจำนวนมากเพราะว่า
00:05:49 → 00:05:51 เเคยดื่มเป็นประจำร่างกายมันเริ่มเรียน
00:05:51 → 00:05:54 รู้มันเริ่มปรับตัวเพราะว่าธรรมชาติของ
00:05:54 → 00:05:56 มนุษย์เองเนี่ยมันจะมีการปรับตัวให้เพื่อ
00:05:56 → 00:05:57 ให้อยู่รอดครับ
00:05:57 → 00:05:57 >> อ
00:05:57 → 00:05:59 >> ดื่มมาสักระยะนึงดื่มบ่อยๆร่างกายเริ่ม
00:05:59 → 00:06:01 ปรับตัวดื่มเท่านี้ก็อาจจะไม่เมาต้องดื่ม
00:06:01 → 00:06:02 ปริมาณมากถึงจะเมา
00:06:02 → 00:06:02 >> อื
00:06:02 → 00:06:04 >> แต่โดยส่วนใหญ่นะครับถ้าเกิดคนที่อายุต่ำ
00:06:05 → 00:06:08 กว่า 20 ปีก็ไม่ควรจะเกิน 20 มิลกรัเปอ์เ
00:06:08 → 00:06:09 อันนี้เป็นข้อบังบังคับของกฎหมายเลยนะ
00:06:09 → 00:06:12 ครับถ้าเกิดอายุเกิน 20 ปีขึ้นไปก็ไม่ควร
00:06:12 → 00:06:15 จะเกิน 50 มิลกรั์อย่างเบียร์ 1 แก้วนี่
00:06:15 → 00:06:17 ก็อาจจะทำให้เกือบเกินแล้วนะครับจริงๆ
00:06:17 → 00:06:20 แล้วไม่ควรที่จะดื่มมากเกินไปครับ
00:06:20 → 00:06:22 แอลกอฮอล์นี้ไม่ได้มีผลดีต่อร่างกายเรา
00:06:22 → 00:06:24 ชักสักเท่าไหร่นะครับถึงแม้ว่าจะมีงาน
00:06:24 → 00:06:26 วิจัยบอกว่าดื่มไว้วันละแก้วอะไรอย่าง
00:06:26 → 00:06:27 เงี้ย
00:06:27 → 00:06:29 >> อ่าช่วยเรื่องหัวใจอาจจะเป็นใช่มันอาจจะ
00:06:29 → 00:06:31 เป็นปัมันคือมันเป็น individual แล้วแต่
00:06:31 → 00:06:33 บุคคลอย่างเงี้ยครับบางครั้งมันก็อาจจะ
00:06:33 → 00:06:36 ยังบอกไม่ได้ 100% ว่ามันมีผลดีจริงมยมัน
00:06:36 → 00:06:38 อาจจะทำให้เลือดสูบฉีดดีอะไรอย่างเงี้ย
00:06:38 → 00:06:38 ครับ
00:06:38 → 00:06:38 >> ค่ะ
00:06:39 → 00:06:40 >> แต่อย่างไรก็ตามแต่ถ้าเกิดเราดื่มอยู่ที่
00:06:40 → 00:06:42 บ้านอะไรอย่างเงี้ยนะครับเพื่อสุขภาพมัน
00:06:42 → 00:06:45 ก็อาจจะพอเป็นไปได้แต่สำหรับตัวผมเองผมก็
00:06:45 → 00:06:46 ไม่แนะนำครับว่าไม่ดื่มจะดีกว่าหลีก
00:06:47 → 00:06:47 เลี่ยงจะดีกว่าอ
00:06:47 → 00:06:48 >> อือนะครับ
00:06:48 → 00:06:50 >> บางทีอาจจะหลีกเลี่ยงยากค่ะหรือว่าจะมา
00:06:50 → 00:06:53 ดื่มแก้วเดียวก็ไม่ได้ค่ะบรรยากาศก็พาไป
00:06:53 → 00:06:55 >> อ่าแล้วก็ต้องสามารถควบคุมตนเองได้หรือ
00:06:55 → 00:06:57 อาจจะต้องหาคนชั่วอย่างเช่นถ้าเกิดต้อง
00:06:57 → 00:06:59 คาโรจต้องเดินทางอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:06:59 → 00:07:02 >> ก็ต้องหาเพื่อนร่วมเดินทางที่ไม่เมาที่
00:07:02 → 00:07:04 ไม่ดื่มอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:07:04 → 00:07:07 >> หรืออาจจะใช้บริการสาธารณะอะไรก็จะดีกว่า
00:07:07 → 00:07:10 >> อ่าอันก็จะปลอดภัยกับคนอื่นครับ
00:07:10 → 00:07:11 >> ปลอดภัยกับตัวเราด้วยนะครับ
00:07:11 → 00:07:14 >> เออบางคนบอกว่าดื่มแบบเพียวๆอาจจะเมาแต่
00:07:14 → 00:07:18 ถ้าแบบว่าเราผสมส่วนผสมอื่นๆใดๆเข้าไปมัน
00:07:18 → 00:07:21 ก็น่าจะแบบเบาลงหรือเปล่าแอลกอฮอล์ก็คือ
00:07:21 → 00:07:22 แอลกอฮอล์นะคะ
00:07:22 → 00:07:24 >> ถูกต้องครับปริมาตรก็ต้องเท่าเดิมครับ
00:07:24 → 00:07:26 แล้วก็ที่สำคัญแล้วเกิดผสมอะไรอย่างเช่น
00:07:26 → 00:07:28 ผสมข้าวดื่มที่เป็นรสชาติหวานก็จะมีน้ำ
00:07:28 → 00:07:28 ตาล
00:07:28 → 00:07:29 >> อโอ้โห
00:07:29 → 00:07:32 >> ได้เข้าไปอีกได้ได้สารเคมีตัวอื่นเข้าไป
00:07:32 → 00:07:34 อีกก็ยิ่งมีผลเสียต่อร่างกายหรือ
00:07:34 → 00:07:34 >> อ
00:07:34 → 00:07:36 >> บางครั้งก็อาจจะมีผลต่อโรคประจำตัวที่มี
00:07:36 → 00:07:38 อย่างเช่นโรคหัวใจโรคบัวหวานอะไรพวกเนี้ย
00:07:38 → 00:07:39 นะครับ
00:07:39 → 00:07:39 >> อื
00:07:39 → 00:07:42 >> หรือบางทีผสมเครื่องดื่มอื่นๆอะไรอย่าง
00:07:42 → 00:07:43 เงี้ยครับก็ยิ่งทำให้เราดื่มได้มากขึ้น
00:07:43 → 00:07:46 กว่าเดิมก็ยิ่งมีปริมาตรแอลกอฮอล์เข้าไป
00:07:46 → 00:07:47 สู่ร่างกายเรามากกว่าเดิม
00:07:47 → 00:07:48 >> ค่ะใช่ค่ะ
00:07:48 → 00:07:50 >> ซึ่งจะมีผลเสียมากกว่าด้วยซ้ำไป
00:07:50 → 00:07:53 >> อ่าเอออาจารย์พูดถึงตอนที่บอกว่าตัวแดง
00:07:53 → 00:07:55 บางคนดื่มแล้วตัวแดงหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:07:55 → 00:07:57 ค่ะอันนี้คือแพ้แอลกอฮอล์เปล่าคะ
00:07:57 → 00:07:59 >> ใช่ครับอาจจะมีเรื่องของการแพ้แอลกอฮอล์
00:07:59 → 00:08:00 หรืออาจจะทำให้เกิด
00:08:00 → 00:08:02 >> ตัวหลอดเลือดของเรามันมีได้เหมือนกับเค้า
00:08:02 → 00:08:04 เรียกว่าปฏิกิริยาของร่างกายที่มันตอบ
00:08:04 → 00:08:06 สนองต่อแอลกอฮอล์ครับบางทีอาจจะเคลียร์
00:08:06 → 00:08:07 ภาวะ
00:08:07 → 00:08:09 >> หลอดต่อเลือดมันหดตัวหรือมันอาจบางคนอาจ
00:08:09 → 00:08:12 จะอ่าทำให้เกิดอาการที่มันเรียกว่ามีมี
00:08:12 → 00:08:15 สารในเรื่องของสารต้านนะครับที่ทำให้เกิด
00:08:15 → 00:08:17 อาการพวกแพ้พวกเนี้ยสารต้านการแพ้อย่าง
00:08:17 → 00:08:19 เงี้ยครับมันผลิตขึ้นมา
00:08:19 → 00:08:22 >> ทำให้เรามีมีลักษณะของตัวแดงอะไรอย่าง
00:08:22 → 00:08:25 เงี้ยครับหลอดเลือดฝอยก็เห็นชัดเจนขึ้น
00:08:25 → 00:08:27 หน้าแดงอะไรพวกเนี้ยครับ
00:08:27 → 00:08:29 >> มันเป็นเรื่องของตัวที่เป็นปฏิกิริยาของ
00:08:29 → 00:08:32 ร่างกายของมนุษย์เราที่มันตอบสนองต่อตัว
00:08:32 → 00:08:33 แอลกอฮอล์อ่ะครับ
00:08:33 → 00:08:35 >> แต่บางคนไม่เป็นเนาะอาจารย์
00:08:35 → 00:08:38 >> ใช่มันเป็นปเจกคนครับบางทีบางคนก็อาจจะ
00:08:38 → 00:08:40 เป็นบางคนอาจจะไม่เป็นอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:08:40 → 00:08:42 มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนบางคนมี
00:08:42 → 00:08:45 >> มียีนบางตัวหรือมีสารบางตัวในร่างกายของ
00:08:45 → 00:08:48 เราที่มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองช้าเร็วไม่
00:08:48 → 00:08:50 เหมือนกันอย่างบางคนแพ้ยาบางคนไม่แพ้ยา
00:08:51 → 00:08:52 คล้ายๆอย่างนั้นนะครับในความหมาย
00:08:52 → 00:08:56 >> อค่ะอืเพราะว่าปกติเวลาอันนี้ก็ดื่มบ้าง
00:08:56 → 00:08:59 นะคะแต่ไม่ได้บ่อยนานๆหรือพยายามหลีก
00:08:59 → 00:09:00 เลี่ยงหรืออะไรเงี้ยแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่
00:09:00 → 00:09:04 ได้ก็ดื่มเนี่ยแป๊บเดียวค่ะอาจารย์หน้า
00:09:04 → 00:09:07 แดงเถือกเลยตัวนี่คือแบบแดงมาแล้วค่ะ
00:09:07 → 00:09:09 อาจารย์เหมือนองค์ลุง
00:09:09 → 00:09:11 >> อก็อาจจะแบบเ้าเรียกว่าเลือดฝาดใช่มั้ย
00:09:11 → 00:09:13 ครับเพราะว่าแอลกอฮอล์เองมันทำให้เลือดลม
00:09:13 → 00:09:15 มันใมันไอเนี่ยครับหลอดมันมีผลกับหล่อน
00:09:15 → 00:09:17 เลือดในร่างกายของเราโดยเฉพาะหลอดเลือด
00:09:17 → 00:09:20 ฝอยเป็นหลอดเลือดเล็กๆอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:09:20 → 00:09:22 >> มันก็ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ได้แล้วก็หัว
00:09:22 → 00:09:23 ใจก็เต้นเร็วขึ้น
00:09:23 → 00:09:25 >> เวลาดื่มแอลกอฮอล์ใช่มั้ครับหัวใจเต้น
00:09:25 → 00:09:27 เร็วขึ้นมันก็สูบฉีดเลือดมากขึ้น
00:09:27 → 00:09:27 >> อ
00:09:27 → 00:09:29 >> พอสูบฉีดมากขึ้นเป็นยังไงครับมันก็มี
00:09:29 → 00:09:30 เลือด
00:09:30 → 00:09:33 >> ไหลเวียนไปทั่วร่างกายมันก็เลยทำให้หน้า
00:09:33 → 00:09:35 แดงตัวแดงอะไรพวกเนี้ยครับผิวแดงอค่ะ
00:09:35 → 00:09:37 >> มันก็เป็นเรื่องปกติที่มันมีผลจากตัว
00:09:37 → 00:09:40 แอลกอฮอล์ที่ทำให้เกิดอาการต่างๆเหล่านี้
00:09:40 → 00:09:40 ครับ
00:09:40 → 00:09:42 >> อ๋อคือบางคนก็บอกโอหเลือดไหลเวียนดีใช่
00:09:42 → 00:09:44 มั้ยเลยแบบว่าดื่มแอลกอฮอล์ไปนิดเดียวนิด
00:09:44 → 00:09:47 หน้าแดงตัวแดงขนาดนี้เราก็เราก็เริ่มงงๆ
00:09:47 → 00:09:48 ว่าเอ๊ะใช่เหรอ
00:09:48 → 00:09:50 >> ไม่จำเป็นต้องใช้แอลกอฮอล์ก็ได้ครับบางที
00:09:50 → 00:09:52 อยากให้เลือดเลือดสูบฉีดดีทำไงดีออกกำลัง
00:09:52 → 00:09:55 กายหัวใจเต้นแรงเหมือนกันเลือดก็สูบฉีดดี
00:09:55 → 00:09:57 คนออกกำลังกายเห็นมั้ครับหน้าชมพูผิวชมพู
00:09:57 → 00:09:58 พวกเนี้ยครับ
00:09:58 → 00:09:59 >> ค่ะ
00:09:59 → 00:10:01 >> ก็เช่นเดียวกันโดยหลักการเดียวกันคือหัว
00:10:01 → 00:10:02 ใจบีบตัวมากขึ้น
00:10:02 → 00:10:03 >> อ๋อ
00:10:03 → 00:10:04 >> มันก็มีเลือดไปเลี้ยงร่างกายมากขึ้นทำให้
00:10:05 → 00:10:06 ตัวแดงแดงหน้าแดงผิวแดง
00:10:06 → 00:10:08 >> เราควรใช้ออกกำลังการออกกำลังการออกกำลัง
00:10:08 → 00:10:10 กายดีกว่าการใช้แอลกอฮอล์ครับ
00:10:10 → 00:10:13 >> อย่างที่คุยตอนต้นอาจารย์ก็บอกแล้วดื่ม
00:10:13 → 00:10:15 เหล้าเนี่ยแอลกอฮอล์พวกเนี้ยมันมีผลกับ
00:10:15 → 00:10:18 สมองของเราอยู่แล้วสมองส่วนหน้าส่วนกลาง
00:10:18 → 00:10:21 ไฮโปทาัสอะไรต่างๆโอ้โหคือสมองเราเนี่ยก็
00:10:21 → 00:10:24 ก้อนเท่านี้เองนะคะแต่ปริมาณแอลกอฮอล์ที่
00:10:24 → 00:10:26 เข้าไปเนี่ยคือดื่มเข้าปากค่ะอาจารย์แต่
00:10:26 → 00:10:29 แบบมันขึ้นสมอง
00:10:29 → 00:10:31 ใช่แล้วครับเพราะว่าเพราะว่ามันเป็นควบ
00:10:31 → 00:10:34 คุมในเรื่องของสมองเพราะสมองมันควบคุมทุก
00:10:34 → 00:10:35 อย่างในร่างกายของเรานะครับทั้งเรื่องของ
00:10:36 → 00:10:38 การทรงตัวความคิดพฤติกรรมอะไรพวกเนี้ย
00:10:38 → 00:10:41 ครับมันถูกควบคุมโดยสมองทั้งหมดเลยนะครับ
00:10:41 → 00:10:43 เมื่อไหร่ที่สมองมันถูกกดหรืออ่ามีผล
00:10:44 → 00:10:46 กระทบจากตัวแอลกอฮอล์มันก็ทำให้เกิดใน
00:10:46 → 00:10:49 เรื่องของความผิดปกติหรือการแสดงออกทาง
00:10:49 → 00:10:52 ความคิดอารมณ์พฤติกรรมที่มันที่มันเสื่อม
00:10:52 → 00:10:54 เนื่องกับสมองมันก็จะเป็นไปในทางทิศทาง
00:10:54 → 00:10:56 ที่มันถูกกดหรือถูก
00:10:56 → 00:10:58 >> ถูกที่ทำให้มันไม่ทำงานได้อย่างอิสระ
00:10:58 → 00:10:59 ประมาณอย่างนั้นนะครับ
00:10:59 → 00:11:01 >> ค่ะอือแต่ว่าบางคนก็อาจจะบอกงี้ค่ะ
00:11:01 → 00:11:04 อาจารย์ว่าอืก็ดื่มมาตั้งนานแล้วก็ไม่
00:11:04 → 00:11:05 เห็นเป็นอะไรเลย
00:11:05 → 00:11:07 >> แต่ละคนก็อาจจะมีความทนทานหรืออาจจะมีใน
00:11:07 → 00:11:10 เรื่องของสุขภาพร่างกายที่แตกต่างกันครับ
00:11:10 → 00:11:12 บางคนก็อาจจะปี 2 ปีเห็นผลบางคนอาจใช้
00:11:12 → 00:11:15 เวลานานแต่สุดท้ายครับผมไม่เคยเห็นใครที่
00:11:15 → 00:11:18 จะรอดพ้นจากเอ่อพิษของแอลกอฮอล์ครับไม่
00:11:18 → 00:11:20 ว่าจะแข็งแรงขนาดไหนพอเข้าสู่ใบใบช่วง
00:11:20 → 00:11:22 ปลายของชีวิตก็จะมีปัญหาเรื่องของตับ
00:11:22 → 00:11:23 เรื่องของไต
00:11:23 → 00:11:23 >> อ่า
00:11:24 → 00:11:26 >> เรื่องของในเรื่องของโรค NCD หรือโรคไม่
00:11:26 → 00:11:29 ติดต่อเรื้อรังเบาหวานความดันโรคหัวใจโรค
00:11:29 → 00:11:30 พนที่ตามมา
00:11:30 → 00:11:32 >> อยู่แล้วเกือบทุกคนที่เป็นผลมาจาก
00:11:32 → 00:11:34 แอลกอฮอล์ซึ่งมันมีความสำคัญกับสุขภาพ
00:11:34 → 00:11:37 เป็นอย่างมากนะครับวันนี้อาจจะยังไม่เห็น
00:11:37 → 00:11:40 ผลของการดื่มแอลกอฮอล์ครับแต่อนาคตมันมี
00:11:40 → 00:11:41 แน่นอนครับ
00:11:41 → 00:11:41 >> ค่ะ
00:11:41 → 00:11:43 >> เอ่ออย่างระยะสั้นๆเองนะครับการเดืด
00:11:43 → 00:11:46 แอลกอฮอล์เนี่ยที่มันเห็นผลชัดเจนเลยก็
00:11:46 → 00:11:48 คือในเรื่องของความสามารถในการมองเห็นของ
00:11:48 → 00:11:51 เราก็ผิดปกติไปแล้วนะครับเห็นภาพซ้อนเห็น
00:11:51 → 00:11:54 ภาพเบลอเวลาขับรถคนข้ามถนนก็จะมองไม่เห็น
00:11:54 → 00:11:56 แล้วครับความสามารถในการมองเห็นก็ผิดปกติ
00:11:56 → 00:11:56 ไป
00:11:56 → 00:11:59 >> สูญเสียการเคลื่อนไหวการควบคุมตัวเองนะ
00:11:59 → 00:12:02 ครับเดินไม่ตรงเดินเซอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:12:02 → 00:12:03 ครับแล้วก็
00:12:03 → 00:12:05 >> อ่าในเรื่องของเวลายิ่งถ้าเกิดดื่ม
00:12:05 → 00:12:07 แอลกอฮอล์บวกกับขับรถ
00:12:07 → 00:12:09 >> เป็นยังไงครับก็ไม่สามารถที่จะควบคุมตน
00:12:09 → 00:12:13 เองได้เนื่องจากสมองมันช้าเบรกไม่ทานตา
00:12:13 → 00:12:16 เบลอขาดสมาธิอะไรอย่างเงี้ยนะครับระบบ
00:12:16 → 00:12:18 ประสาทเฉื่อยชาง่วง
00:12:18 → 00:12:20 >> แล้วก็ทำให้เกิดเอ่อตัวกล้ามเนื้อกับ
00:12:20 → 00:12:23 เรื่องของสายตาทำงานไม่สัมพันธ์กัน
00:12:23 → 00:12:25 >> ก็เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
00:12:25 → 00:12:28 >> เวลาเกิดอุบัติเหตุนะครับบางทีมันก็อาจจะ
00:12:28 → 00:12:30 เกิดก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเนี่ยบางทีถ้า
00:12:30 → 00:12:32 เกิดดื่มแมกอฮอล์ขับรถอยู่การตัดสินใจก็
00:12:32 → 00:12:35 ผิดพลาดเป็นไฟสีส้มเหยียบทันทีอะไรอย่า
00:12:35 → 00:12:38 เงี้ยเกิดอุบัติเหตุได้หรือบางทีมองเห็น
00:12:38 → 00:12:38 ไฟ
00:12:38 → 00:12:41 >> สีผิดปกติไปอะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:12:41 → 00:12:43 >> พอเกิดอุบัติเหตุผลกระทบที่ตามมาก็คือ
00:12:43 → 00:12:46 สมองยิ่งถ้าเกิดขับขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใส่
00:12:46 → 00:12:48 หมวกกันน็อคครับสมองเกิดภาวะสมองช้ำ
00:12:48 → 00:12:51 >> สมองถูกกระทบนะครับคนที่ตามมาก็คือใน
00:12:51 → 00:12:53 เรื่องของความพิการ
00:12:53 → 00:12:56 >> ก็ต้องดูแลระยะยาวต่อไปหรือถ้าเกิดสมมุติ
00:12:56 → 00:12:59 ว่าตัวคนขับเองไม่เป็นอะไรครับแต่คนอื่น
00:12:59 → 00:13:00 ล่ะครับ
00:13:00 → 00:13:02 >> คนที่ข้ามถนนคนที่ขับรถมาอย่างถูกต้องตาม
00:13:02 → 00:13:03 กฎหมาย
00:13:03 → 00:13:06 >> เค้าก็ได้รับผลกระทบจากคนที่ดื่มแล้วอ่า
00:13:06 → 00:13:08 สมองมีความผิดปกติสั่งการช้าอะไรพวกอย่าง
00:13:08 → 00:13:10 ที่ว่าเมื่อสักครู่
00:13:10 → 00:13:12 >> ก็เกิดผลกระทบต่อครอบครัวของเขาสูญเสีย
00:13:12 → 00:13:15 ทรัพยากรที่สำคัญของประเทศจากข่าวจะได้
00:13:15 → 00:13:18 เห็นว่าทางประเทศเราเองก็พยายามรณรงค์
00:13:18 → 00:13:20 หลายๆเรื่องเนาะเกี่ยวข้องกับการที่จะไม่
00:13:20 → 00:13:22 ขับเวลาดื่มแอลกอฮอล์เพราะมันเกิดผลกระทบ
00:13:22 → 00:13:25 ตามมาอย่างมากแล้วก็อย่างเกิดการสูญเสีย
00:13:25 → 00:13:28 อย่างอย่างมหาศาลจริงๆนะครับ
00:13:28 → 00:13:30 >> ใช่ใช่ค่ะเพราะว่าเราจะเห็นจากอุบัติเหตุ
00:13:30 → 00:13:32 หลายๆอุบัติเหตุเนี่ยก็มาจากการเมาแล้ว
00:13:32 → 00:13:34 ขับเลยค่ะก็เมาแล้วมันก็ไม่มีผลกับสมอง
00:13:35 → 00:13:37 นี่แหละนะคะบางคนอาจจะบอกมันเกี่ยวกันยัง
00:13:37 → 00:13:40 ไงนี่แหละค่ะเกี่ยวกำลังจะบอกให้ฟังอยู่
00:13:40 → 00:13:44 ว่ามันทำให้สมองเราตัดสินใจผิดพลาดมองไม่
00:13:44 → 00:13:46 ชัดหรืออะไรต่างๆอย่างที่อาจารย์บอกไปเลย
00:13:46 → 00:13:49 หรือบางทีอาจารย์ขับๆอยู่ง่วงหลับไปเลยก็
00:13:49 → 00:13:51 มีคาสีแก็มี
00:13:51 → 00:13:54 >> ใช่ครับบางทีบางทีหลังจากส่างเมานะครับ
00:13:54 → 00:13:57 ส่างเมาแล้วถูกมั้ครับก็อาจจะมีเรื่องของ
00:13:57 → 00:14:00 อ่าความจำนะครับความจำอาจจะเริ่มเสื่อม
00:14:00 → 00:14:02 เริ่มจำอะไรไม่ค่อยได้อะไรอย่างเงี้ยนะ
00:14:02 → 00:14:04 ครับเนื่องจากว่าบัญชีการเดี๋องว่ามันขาด
00:14:04 → 00:14:06 วิตามินบางตัวด้วยในร่างกายของเรา
00:14:06 → 00:14:09 >> นะครับมันมีผลกับวิตามินในร่างกายทำให้
00:14:09 → 00:14:11 ขายวิตามินที่มีผลกับสมองอะไรอย่างเงี้ย
00:14:11 → 00:14:13 นะครับหรืออาจจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวลอง
00:14:13 → 00:14:16 สังเกตคนใกล้ตัวเราก็ได้ครับจากแต่ก่อน
00:14:16 → 00:14:18 เป็นคนสุภาพอ่อนโยนอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:14:18 → 00:14:21 หลังๆมาเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวกล้าได้
00:14:21 → 00:14:24 กล้าเสี่ยงอะไรอย่างเงี้ยนะครับแล้วบางที
00:14:24 → 00:14:27 อาจจะมีในเรื่องของตัวโรคสมองเสื่อมตามมา
00:14:27 → 00:14:29 ในอนาคตนะครับซึ่งตรงนี้ก็มีผล
00:14:29 → 00:14:32 >> ผลเกิดขึ้นแล้วจริงจริงถ้าเกิดเป็นกลุ่ม
00:14:32 → 00:14:34 สตรีตั้งครรภ์หรืออ่าเค้าเรียกว่ากำลัง
00:14:35 → 00:14:37 กำลังให้นมลูกอะไรอย่างเงี้ยนะครับกำลัง
00:14:37 → 00:14:38 ให้นมบวชอยู่
00:14:38 → 00:14:40 >> การดื่มข้าวดื่มแอลกอฮอล์พวกเนี้ยครับก็
00:14:40 → 00:14:42 มีผลกับลูกหรืออาจจะมีผลกับเด็กที่อยู่ใน
00:14:42 → 00:14:44 ท้องหรือในครรภก็ได้
00:14:44 → 00:14:44 >> อื
00:14:44 → 00:14:46 >> ผู้สูงอายุเองก็อาจจะเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อ
00:14:46 → 00:14:48 เรื่องของการบริโภคแอลกอฮอล์ครับ
00:14:48 → 00:14:51 >> บางครั้งดื่มมากๆในผู้สูงอายุเองก็จะมีผล
00:14:51 → 00:14:54 กับในเรื่องของร่างกายสุขภาพของตัวผู้สูง
00:14:54 → 00:14:56 อายุถ้าเกิดเป็นเยาวชนอย่างเงี้ยครับ
00:14:57 → 00:14:57 >> อื
00:14:57 → 00:14:59 >> เป็นกำลังสัมพันธของชาติในอนาคตถ้าเกิด
00:14:59 → 00:15:02 สมองถูกทำลายจะมีปัญหาตั้งแต่เป็นช่วง
00:15:02 → 00:15:05 เยาวชนนะครับแล้วคิดว่าช่วงเป็นวัยผู้
00:15:05 → 00:15:07 ใหญ่วัยทำงานสมองมันจะยังดีอยู่มั้ยครับ
00:15:07 → 00:15:10 แน่นอนครับมันก็จะไม่ดีถูกทำลายไป
00:15:10 → 00:15:12 >> ก็จะมีผลต่อเรื่องของความรู้ความสามารถ
00:15:12 → 00:15:15 ทักษะหรือเอ่อเค้าเรียกว่าอะไรนะเรื่อง
00:15:15 → 00:15:18 ของตัวกำลังคนที่สำคัญของประเทศในการ
00:15:18 → 00:15:21 พัฒนาประเทศต่อไปในอนาคตก็จะขาดแทนตรงนี้
00:15:21 → 00:15:23 ไปเนื่องจากไอตัวแอลกอฮอล์นี่แหละไปทำลาย
00:15:23 → 00:15:25 สมองดีที่สุดคือเราไม่ดื่มจะดีที่สุดครับ
00:15:25 → 00:15:28 แต่ถ้าเกิดมันจำเป็นจริงๆมันสำคัญหรือมัน
00:15:28 → 00:15:31 เป็นอะไรที่มันเป็นเรื่องของสังคมที่มัน
00:15:31 → 00:15:34 จำเป็นนะครับแล้วก็สามารถที่จะจัดการตัว
00:15:34 → 00:15:35 เองได้นะครับ
00:15:35 → 00:15:37 >> แต่อย่างอย่างไรก็ตามแต่เราคงไม่มีเหตุผล
00:15:37 → 00:15:40 ที่จะอ้างว่ามันเป็นเรื่องของความจำเป็น
00:15:40 → 00:15:42 เนาะแอลกอฮอล์เป็นเรื่องของสุขภาพไม่ดี
00:15:42 → 00:15:43 น่าจะดีที่สุดครับ
00:15:43 → 00:15:45 >> ค่ะอาจารย์คะแล้วเมีคนบอกว่าเอ่อผู้หญิง
00:15:45 → 00:15:47 เมาง่ายกว่าผู้ชาย
00:15:47 → 00:15:50 >> ผมว่าไม่เสมอไปครับมันแล้วแต่คนครับมัน
00:15:50 → 00:15:53 แล้วแต่อย่างแต่ละแต่ละคนมันจะมีลักษณะ
00:15:53 → 00:15:56 ของสุขภาพร่างกายตัวพื้นฐานที่มันแตกต่าง
00:15:56 → 00:15:56 กัน
00:15:56 → 00:15:57 >> อ
00:15:57 → 00:15:59 >> มันก็อาจจะเป็นไปได้แต่โดยส่วนใหญ่คนที่
00:15:59 → 00:16:02 ดื่มก็คือตัวผู้ชายไงครับดื่มมาเป็นสัก
00:16:02 → 00:16:05 ระยะเวลานึงแล้วก็อาจจะมีความคงทนต่อ
00:16:05 → 00:16:06 แอลกอฮอล์สูงกว่าผู้หญิง
00:16:06 → 00:16:08 >> พอผู้หญิงไม่ค่อยได้ดื่มนานๆดื่มที่อย่าง
00:16:08 → 00:16:10 เงี้ยครับพอมาดื่มปุ๊บร่างกายเรามันไม่
00:16:10 → 00:16:13 ได้เจอบ่อยๆมันก็อาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยา
00:16:13 → 00:16:15 ง่ายอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:16:15 → 00:16:17 >> ร่างกายยังปรับตัวไม่ทันแต่ผู้ชายที่ดื่ม
00:16:17 → 00:16:18 บ่อยๆดื่มนานๆ
00:16:19 → 00:16:20 >> มันก็อาจจะมีเรื่องของการปรับตัวของร่าง
00:16:20 → 00:16:21 กายของเรา
00:16:21 → 00:16:23 >> ที่เราเรียกว่า compensation ของร่างกาย
00:16:23 → 00:16:25 โดยปกติธรรมชาติของมนุษย์มันจะต้องทำให้
00:16:25 → 00:16:27 ตัวเองมีชีวิตอยู่ให้คงรอดนะครับ
00:16:27 → 00:16:28 >> อือื
00:16:28 → 00:16:30 >> มันก็จะทำทนต่อแอลกอฮอล์ได้ดีกว่าก็อาจจะ
00:16:30 → 00:16:33 เป็นไปได้แต่ถามว่าผู้ชาย
00:16:33 → 00:16:35 >> จะคอแข่งหรือทนกว่าผู้หญิงอันนี้มันมัน
00:16:35 → 00:16:37 อาจจะยังไม่ 100% ครับ
00:16:37 → 00:16:39 >> ค่ะไม่แน่ก็อาจจะเจอผู้หญิงที่คอแข็งกว่า
00:16:39 → 00:16:41 นะคะทนทานได้ยิ่งกว่า
00:16:41 → 00:16:43 >> ใช่ใช่แล้วครับ
00:16:43 → 00:16:45 เหมือนในละครบางรายบางเรื่องอะไรอย่าง
00:16:45 → 00:16:46 เงี้ยครับ
00:16:46 → 00:16:48 >> ผู้หญิงก็ดื่มเก่งอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:16:48 → 00:16:51 >> เอออันนี้ก็ชีวิตจริงนะคะอออาจารย์แล้วมี
00:16:51 → 00:16:54 อีกอย่างนึงพอหลังจากที่สั่งเมาโอ้โหหัว
00:16:54 → 00:16:57 จะปวดไม่ใช่หัวจะปวดอย่างเดียวปวดหัวมาก
00:16:57 → 00:16:58 มึนตึ๊บ
00:16:58 → 00:17:00 >> ฤดแอลกอฮอล์หมดมันก็จะเริ่มมีอาการทาง
00:17:00 → 00:17:02 ร่างกายแสดงให้เห็นมีการปวดเมื่อยตัวปวด
00:17:02 → 00:17:03 ศีรษะ
00:17:03 → 00:17:04 >> ซึม
00:17:04 → 00:17:06 >> มึนอะไรอย่างเงี้ยครับแล้วก็คลื่นไส้
00:17:06 → 00:17:07 อาเจียนพวกเนี้ยครับ
00:17:07 → 00:17:08 >> ออ
00:17:08 → 00:17:09 >> มันก็ยังคงอยู่
00:17:09 → 00:17:11 >> การดูแลตนเองก็สำคัญครับหลังดื่มนะต้อง
00:17:11 → 00:17:14 พวกเครื่องดื่มที่มันเค้าเรียกว่าอะไรนะ
00:17:14 → 00:17:17 ที่มันมันขับขับพิษจากร่างกายของเราอย่าง
00:17:17 → 00:17:19 เช่นน้ำดื่มน้ำเปล่า
00:17:19 → 00:17:21 >> ก็ต้องดื่มน้ำให้มากๆอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:17:21 → 00:17:23 ครับผักผลไม้ก็ต้อง
00:17:23 → 00:17:25 >> เหมือนกับกลับมาฟื้นตัวเราพูดง่ายๆครับ
00:17:25 → 00:17:27 ร่างกายเรามันสูญเสียอะไรบางอย่างไปต้อง
00:17:27 → 00:17:28 มาฟื้นตัวเรา
00:17:28 → 00:17:29 >> ค่ะ
00:17:29 → 00:17:32 >> นะครับต้องดื่มน้ำขับของพิษเอ้ยขับพิษขับ
00:17:32 → 00:17:36 ของเสียในร่างกายออกไปแล้วก็อาจจะมีการ
00:17:36 → 00:17:39 อ่าดื่มเค้าเรียกอะไรนะพวกเครื่องดื่มบาง
00:17:39 → 00:17:42 อย่างที่มันมันบำรุงร่างกายของเราอะไร
00:17:42 → 00:17:44 อย่างเงี้ยนะครับเพื่อกำจัดพิษอะไรอย่าง
00:17:44 → 00:17:46 เงี้ยนะครับก็มีส่วนช่วย
00:17:46 → 00:17:48 >> แต่อย่างสมุนไพรไทยเองก็เค้าก็บอกว่ารัง
00:17:48 → 00:17:50 จืดก็ช่วยได้นะครับพิษ
00:17:50 → 00:17:53 >> แต่การดื่มมากๆก็ไม่ดีครับบางอย่างมันมี
00:17:53 → 00:17:54 ทั้งคุณและโทษครับ
00:17:54 → 00:17:55 >> อื
00:17:55 → 00:17:57 >> ตัวรางจืดเองก็ช่วยได้ในระดับนึงแต่ก็
00:17:57 → 00:18:00 อย่าไม่ให้ใช้ประจำหรือไม่ควรที่จะเป็น
00:18:00 → 00:18:03 ตัวเลือกในการใช้กำจัดพิษแอลกอฮอล์
00:18:03 → 00:18:05 >> แต่ก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ในเรื่องของการ
00:18:05 → 00:18:08 กำจัดสารพิษเพราะอย่างในเกษตรกรบางทีเรา
00:18:08 → 00:18:11 มีการใช้สารเคมีบางอย่างการใช้รังจืด
00:18:11 → 00:18:14 ในศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยก็ช่วยได้ครับ
00:18:14 → 00:18:17 >> อืค่ะอาจารย์แล้วถ้าเกิดว่าเราเอ่อดื่ม
00:18:17 → 00:18:19 รังจืดแต่ก็ต้องในปริมาณที่เหมาะสมด้วย
00:18:19 → 00:18:21 ใช่มั้คะแบบ
00:18:21 → 00:18:23 >> ใช่ครับไม่ควรไม่ก็ควรจะคือถ้าเกิดเป็น
00:18:23 → 00:18:25 เชิงสมุนไพรเองเนี่ยก็อาจจะเอาใบมาต้ม
00:18:25 → 00:18:27 หรืออะไรก็ได้แต่ถ้าถ้าเกิดสว่ามันหาไม่
00:18:27 → 00:18:29 ได้ก็อาจจะมีพวกแคปซูลแต่ที่สำคัญยิ่งก็
00:18:29 → 00:18:33 ควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์แผนไทย
00:18:33 → 00:18:35 หรือแพทย์หรือเศษกรหรือพยาบาลพวกเนี้ย
00:18:35 → 00:18:36 ครับก่อน
00:18:36 → 00:18:36 >> ค่ะ
00:18:36 → 00:18:39 >> แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าเลี่ยงได้ก็คือเอาแค่
00:18:39 → 00:18:41 ตัวน้ำเปล่านี่แหละครับดีที่สุดครับปลอด
00:18:41 → 00:18:44 ภัยที่สุดกับตัวเราแล้วก็อาจจะดื่ม
00:18:44 → 00:18:47 >> ดื่มเอ่อน้ำผลไม้อย่างเช่นน้ำส้มอะไรพวก
00:18:47 → 00:18:49 เนี้ยครับอาจจะทำให้เราสดชื่น
00:18:49 → 00:18:51 >> กลับมากระปี้กระเป๋าได้เหมือนเดิมค่ะ
00:18:51 → 00:18:51 >> นะครับ
00:18:51 → 00:18:54 >> อ๋อแล้วถ้าเกิดว่าเราปวดหัวจากอาการเมา
00:18:54 → 00:18:56 ค้างแบบนี้ค่ะอาจารย์เราเรากินยาพาราได้
00:18:56 → 00:18:57 มั้ยคะ
00:18:57 → 00:19:00 >> จริงๆตัวแอลกอฮอล์เองนะครับเราดื่มเข้าไป
00:19:00 → 00:19:04 เนี่ยมันไปเผาผ่านที่ตับขับออกที่ไตตับ
00:19:04 → 00:19:06 เป็นตัวกำจัดสารพิษนะครับทีนี้เวลาเรา
00:19:06 → 00:19:09 เปิดสีใสเราทานยาไปตัวยาทุกตัวที่เรากิน
00:19:09 → 00:19:12 เข้าไปก็ไปถูกเผาผ่านที่ตับเช่นเดียวกัน
00:19:12 → 00:19:15 ตับก็จะไปเปลี่ยนรูปแบบของยานู่นนี่นั่น
00:19:15 → 00:19:17 อย่างเงี้ยครับแล้วก็กำจัดตัวที่เป็นพิษ
00:19:17 → 00:19:18 ออกจากร่างกายของเรา
00:19:18 → 00:19:18 >> ค่ะ
00:19:19 → 00:19:21 >> ดังนั้นการกินยาแก้ปวดบางทีมันก็อาจจะทำ
00:19:21 → 00:19:24 ให้เกิดการทำลายตับเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียว
00:19:24 → 00:19:27 กันนะครับแต่ถ้าเกิดมันทนไม่ได้จริงๆก็
00:19:27 → 00:19:29 อาจจะทานได้ในปริมาณที่ไม่ได้เยอะมากหรือ
00:19:29 → 00:19:31 ไม่ใช่ว่าทานเป็นประจำครับ
00:19:31 → 00:19:32 >> ค่ะ
00:19:32 → 00:19:33 >> อันนี้สำคัญมากๆเลยเพราะว่าแอลกอฮอล์
00:19:33 → 00:19:36 ทำลายตับแล้วครับยังเอายังเอายาแก้ปวดไป
00:19:36 → 00:19:38 ทำลายตับอีก
00:19:38 → 00:19:40 >> มันก็ยิ่งเกิดผลเสียต่อร่างกายของเรานะ
00:19:40 → 00:19:40 ครับ
00:19:40 → 00:19:43 >> ค่ะอ่าก็อันถ้าเกิดไม่ได้จำเป็นก็ไม่ต้อง
00:19:43 → 00:19:46 กินยาพาราแต่ว่าใช้วิธีการดื่มน้ำตามมากๆ
00:19:47 → 00:19:48 มากๆมากๆอย่างเงี้ยนะ
00:19:48 → 00:19:50 >> ใช่เพื่อให้มันขับออกแล้วก็นอนหลับก็พัก
00:19:51 → 00:19:51 ผ่อน
00:19:51 → 00:19:54 >> ให้ฟื้นตัวครับก็ต้องพักผ่อนต่อนอนหลับ
00:19:54 → 00:19:55 ต่ออะไรอย่างเงี้ยครับ
00:19:55 → 00:19:57 >> อย่าเพิ่งไปทำอย่างอื่นอันนี้ก็คือเป็น
00:19:57 → 00:19:59 วิธีการดูแลตนเองในเบื้องต้นหรือหา
00:19:59 → 00:20:01 เครื่องดื่มอุ่นๆมาดื่มอะไรพวกเนี้ยครับ
00:20:01 → 00:20:03 หรือน้ำผลไม้มาดื่มอย่างเงี้ยครับ
00:20:03 → 00:20:08 >> หลายคนก็มีทั้งแบบใช้เทศกาลสำคัญในการที่
00:20:08 → 00:20:10 จะลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โลหรืองดหรือ
00:20:10 → 00:20:13 เลิกไปเลยก็มีนะคะอาจารย์เดี๋ยวนี้ก็มี
00:20:13 → 00:20:16 หลายคนเลยหรือบางคนก็อ่ะปริมาณเริ่มน้อย
00:20:16 → 00:20:19 ลงแล้วเพราะเริ่มมีผลต่อสุขภาพบางอย่าง
00:20:19 → 00:20:22 บางทีเป็นโรคอย่างอื่นนะคะเออก็ทำให้ต้อง
00:20:22 → 00:20:24 ลดแอลกอฮอล์ลงเรื่อย
00:20:24 → 00:20:26 แต่ว่าบางคนดื่มหนักก็ยังดื่มหนักอยู่
00:20:26 → 00:20:29 เหมือนกันนะคะครับจริงๆแล้วเรื่องของงด
00:20:29 → 00:20:31 เล่าเข้าพรรษานี่ก็ดีนะครับ 3 เดือนจริงๆ
00:20:31 → 00:20:34 ผมคิดว่า 9 เดือนไม่ดื่มจะดีกว่าดื่ม
00:20:34 → 00:20:36 เฉพาะช่วงเข้าพรรษาอาจจะดีกว่า
00:20:36 → 00:20:37 >> 3 เดือน
00:20:37 → 00:20:39 >> ไม่ดื่ม 9 เดือนดื่ม 6 ดื่ม 3 เดือนอะไร
00:20:39 → 00:20:40 อย่างเงี้ยครับ
00:20:40 → 00:20:43 >> เปลี่ยนเป็นแบบทั้งปีได้มั้คะ
00:20:43 → 00:20:45 >> อ่าผมจะบอกว่าจริงๆแล้วควรงดทั้งปีจะดี
00:20:45 → 00:20:47 กว่าก็อย่างที่ว่าบางทีมันมีความจำเป็น
00:20:47 → 00:20:50 เนาะมันเป็นเรื่องของสังคมวัฒนธรรมบางที
00:20:50 → 00:20:51 ประเพณีบ้านเรา
00:20:51 → 00:20:53 >> หลายๆอย่างมันก็จะมีเรื่องของแอลกอฮอล์
00:20:53 → 00:20:55 เรื่องของเรามามีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่
00:20:55 → 00:20:58 รากของทางสังคมอย่างบางคนอย่างประเพณีชาว
00:20:58 → 00:21:00 บ้านอะไรอย่างเงี้ยเกษตรกรรมเกษตรกรก็จะ
00:21:00 → 00:21:02 มีพิธีเครื่องว่ายเครื่องเส้นอะไรอย่าง
00:21:02 → 00:21:04 เงี้ยนะครับก็จะมีเรื่องของแอลกอฮอล์มัน
00:21:04 → 00:21:07 เป็นส่วนประกอบบางภาคก็จะมีการทำเล่าทำ
00:21:07 → 00:21:08 อะไรเองอะไรอย่างเงี้ยมันอยู่ในสังคมใน
00:21:08 → 00:21:09 วิถีชีวิต
00:21:09 → 00:21:12 >> บางทีมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับแต่ถ้าเกิด
00:21:12 → 00:21:14 มันหลีกเลี่ยงไม่ได้มันจำเป็นก็ต้องก็
00:21:14 → 00:21:16 ต้องเลือกบริโภคหรือเลือกใช้อย่างชาญฉลาด
00:21:16 → 00:21:17 >> อืมันก็
00:21:17 → 00:21:18 >> ให้พอดีพอเหมาะพอควร
00:21:18 → 00:21:22 >> อืมันก็เป็นวิถีชุมชนในบางชุมชนด้วยนะคะ
00:21:22 → 00:21:23 ที่เขาอาจใช่ครับ
00:21:23 → 00:21:27 >> ทำเองอะไรแบบนี้แต่ว่าถ้าน้อยลงได้ก็ดี
00:21:27 → 00:21:30 >> ก็ดีใช่ครับแต่ผมก็เห็นหลายๆชุมหลายชุมชน
00:21:31 → 00:21:33 ทำในเรื่องของนี่นะครับงานศพปลอดเหล้างาน
00:21:34 → 00:21:36 >> กฐินปลอดเหล้างานบุญปอดเหล้าอะไรอย่าง
00:21:36 → 00:21:37 เงี้ยนะครับเห็นหลายพื้นที่ทำแล้วก็
00:21:37 → 00:21:39 สำเร็จด้วยนะครับ
00:21:39 → 00:21:42 >> เป็นธรรมนูญของชุมชนเลยในการที่จะตกลง
00:21:42 → 00:21:44 ร่วมกันว่าเราจะไม่มีการใช้เครื่องเหลือ
00:21:44 → 00:21:46 แอลกอฮอล์อะไรอย่างเงี้ยครับในพื้นที่ของ
00:21:46 → 00:21:48 ตำบลนี้ตำบลนี้แล้วก็เป็นอะไรที่เป็น
00:21:48 → 00:21:51 นวัตกรรมทางสุขภาพที่มันเกิดขึ้นจริงแล้ว
00:21:51 → 00:21:54 ผลลัพธ์มันเกิดขึ้นแล้วอย่างเอ่อวัดผลได้
00:21:54 → 00:21:56 อย่างดีแล้วก็มีตัวชี้วัดที่มันเป็นตัว
00:21:56 → 00:21:59 บ่งบอกว่ามันประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน
00:21:59 → 00:21:59 เลยครับ
00:21:59 → 00:22:02 >> ค่ะวันนี้ก็ครอบคลุมนะคะสำหรับในการพูด
00:22:02 → 00:22:04 คุยในวันนี้ได้รู้กันแล้วนะคะว่าดื่ม
00:22:04 → 00:22:07 เหล้าแล้วเมาถึงสมองยังไงคือยังไงต่อให้
00:22:07 → 00:22:09 เราดื่มไปผ่านคอลงกระเพาะมันก็ไปสมองอยู่
00:22:09 → 00:22:13 ดีค่ะนะคะเออเพราะฉะนั้นต้องระวังด้วยนะ
00:22:13 → 00:22:15 คะวันนี้ก็ฝากไว้สำหรับข้อมูลดีๆจากราย
00:22:15 → 00:22:18 การโรงหมอนะคะแล้วก็อาจารย์เวหาที่มาร่วม
00:22:18 → 00:22:20 พูดคุยในวันนี้ด้วยนะคะขอบคุณค่ะอาจารย์
00:22:20 → 00:22:20 คะ
00:22:20 → 00:22:24 >> ครับขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์เอาล่ะค่ะ
00:22:24 → 00:22:26 หมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังเราจะกลับมาพบกัน
00:22:26 → 00:22:29 ใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย PBS
00:22:29 → 00:22:33 พcสนะคะวันนี้ลาไปก่อนค่ะสวัสดีค่ะ
00:22:33 → 00:22:35 >> This is Thai PBS Podcast
00:22:35 → 00:22:38 >> อาการจากเส้นเลือดโป่งพองมีความแตกต่าง
00:22:38 → 00:22:40 จากการเป็นโรคหัวใจอย่างชัดเจนอย่างไรและ
00:22:40 → 00:22:42 สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากอะไรผู้ช่วย
00:22:42 → 00:22:45 ศาสราจารย์อรชุมานากรคณะพยาบาลศาสตร์
00:22:45 → 00:22:48 มหาวิทยาลัยมหิดลมาเล่าให้ฟังครับ
00:22:48 → 00:22:50 >> ถ้ามันมีปัญหาหลอดเลือดแดงแตก
00:22:50 → 00:22:51 >> อื
00:22:51 → 00:22:53 >> นั่นหมายถึงท่อน้ำประปาใหญ่อ่ะค่ะที่ส่ง
00:22:53 → 00:22:55 ออกเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายเรา
00:22:55 → 00:22:58 มันแตกร่างกายต่างๆไม่ได้รับเลือดเลย
00:22:58 → 00:23:00 อย่างเงี้ยค่ะเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่าง
00:23:00 → 00:23:03 แน่นอนสาเหตุอาจจะเกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ
00:23:03 → 00:23:07 อย่างเช่นน่ะผู้ชายที่มีประวัติสูบบุหรี่
00:23:07 → 00:23:10 หรือว่าโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้ควบ
00:23:10 → 00:23:13 คุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
00:23:13 → 00:23:15 >> หรือแม้แต่พออายุที่เพิ่มมากขึ้นน่ะค่ะ
00:23:15 → 00:23:19 ผู้สูงอายุก็จะมีการเสื่อมตามวัยของนะ
00:23:19 → 00:23:20 หลอดเลือดได้ค่ะ
00:23:21 → 00:23:24 >> ปัจจุบันพบคนไข้ที่เป็นหลอดเลือดแดงโป่ง
00:23:24 → 00:23:26 พองและเข้ามารับการผ่าตัดนี้มีจำนวนเพิ่ม
00:23:26 → 00:23:29 มากขึ้นนะคะและด้วยความผกของหลอดเลือดแดง
00:23:29 → 00:23:32 ใหญ่โป่งพองอ่ะค่ะโดยส่วนใหญ่บางทีคนไข้
00:23:32 → 00:23:35 ไม่ได้มีอาการเลยค่ะแต่มาตรวจพบโดย
00:23:35 → 00:23:36 บังเอิญ
00:23:36 → 00:23:40 >> จากการตรวจเชรยปอดคุณหมอก็จะเห็นว่าเอ๊ะ
00:23:40 → 00:23:43 ทำไมเงาของหลอดเลือดแดงมันมันโตขึ้นอย่าง
00:23:43 → 00:23:43 เงี้ย
00:23:43 → 00:23:46 >> อ่าก็จะสงสัยละว่าน่าจะมีปัญหาหลอดเลือด
00:23:46 → 00:23:51 แดงโป่งครองหรือถ้าคนมีอาการน่ะค่ะบางที
00:23:51 → 00:23:53 อาการเริ่มแรกเนี่ยอาจจะมาเกิดจากที่หลอด
00:23:53 → 00:23:57 เลือดนะค่ะมันไปกดเบียดอวัยวะข้างเคียง
00:23:57 → 00:24:00 เช่นคนไข้มาหาหมอด้วยภาวะเสียงแหบแต่
00:24:00 → 00:24:03 ปรากฏตรวจไปแล้วเพราะว่าหลอดเลือดน่ะค่ะ
00:24:03 → 00:24:06 แดงอ่ะมันไปกดเบียดไอ้ตรงกล่องเสียงอ่ะ
00:24:06 → 00:24:10 ค่ะหรือบางมาด้วยภาวะกลืนลำบากปรากฏหลอด
00:24:10 → 00:24:12 เลือดมันไปกดตรงบริเวณหลอดอาหารอย่าง
00:24:12 → 00:24:16 เงี้ยค่ะก็เป็นไปได้บางกลุ่มอ่ะค่ะ
00:24:16 → 00:24:19 >> มาด้วยภาวะที่แบบเฉียบพันก็คือมีโอกาสที่
00:24:19 → 00:24:22 หลอดเลือดแดงจะแตกมาด้วยอาการเจ็บหน้าอก
00:24:22 → 00:24:24 อย่างเงี้ยค่ะเจ็บหน้าอกรุนแรงมากบางราย
00:24:25 → 00:24:27 ก็อาจจะมีร้าวทะลุไปหลังได้
00:24:27 → 00:24:30 >> หรือบางรายถ้าเป็นหลอดเลือดแดงโป่งพองใน
00:24:30 → 00:24:32 ช่วงช่องท้อง
00:24:32 → 00:24:35 >> ก็อาจจะมาด้วยอาการปวดท้องมากแล้วก็ที่
00:24:35 → 00:24:38 สำคัญปวดร่างกายก็จะคือมันจะเห็นอ่าเส้น
00:24:38 → 00:24:41 เลือดน่ะค่ะมันเต้นได้เลยค่ะเราเรียกว่า
00:24:41 → 00:24:43 คำได้ก้อนเต้นตามจังหวะหัวใจอ่ะค่ะ
00:24:43 → 00:24:44 >> อ๋อ
00:24:44 → 00:24:46 >> ถ้าถ้าบอกว่าเป็นในส่วนช่องท้องอ่ะค่ะ
00:24:46 → 00:24:50 แล้วโตมากๆบางทีแค่มองอ่ะค่ะก็สามารถเห็น
00:24:50 → 00:24:53 ได้ละหรือคำมันก็จะสมมุติคุณหมอตรวจร่าง
00:24:53 → 00:24:55 กายโดยการคลำตรวจท้องอย่างเงี้ยค่ะก็จะ
00:24:55 → 00:24:57 คลำได้ก้อนเต้นได้
00:24:57 → 00:25:00 >> คนไข้กลุ่มเนี้ยเวลาเจ็บอ่ะค่ะถ้ามันใกล้
00:25:00 → 00:25:03 จะปริแตกเนี่ยหรือมันโตมากๆเนี่ย
00:25:03 → 00:25:05 >> คนไข้จะเจ็บค่อนข้างรุนแรง
00:25:05 → 00:25:08 >> พอเจ็บรุนแรงมากพยาบาลก็จะซักประวัติ
00:25:08 → 00:25:11 เพื่อที่จะแยกโรคว่าไอ้อ่าเจ็บหน้าอกแน่น
00:25:11 → 00:25:15 หน้าอกแบบเนี้ยลักษณะมันเป็นยังไงมันต่าง
00:25:15 → 00:25:18 จากหลอดเลือดหัวใจมยเพราะอาการลักษณะความ
00:25:18 → 00:25:20 เจ็บก็จะต่างกันค่ะอย่างบอกเราบอกว่าหลอด
00:25:20 → 00:25:23 เลือดหัวใจเนี่ยเวลาตีบมันจะเจ็บแบบแน่นๆ
00:25:23 → 00:25:25 เหมือนมีอะไรกด
00:25:25 → 00:25:27 >> แต่ในขณะที่หลอดเลือดแดงโป่งพองอ่ะค่ะ
00:25:27 → 00:25:30 อาการเจ็บมันจะจำเพาะก็คือเจ็บแบบเปียด
00:25:31 → 00:25:34 แทงหรือเหมือนมีอะไรไปฉีดขาดเนื้อเยื่อ
00:25:34 → 00:25:36 ฉีดขาดอย่างนั้นเลยค่ะคนไข้มักจะทนไม่ไหว
00:25:36 → 00:25:39 แล้วก็จะมาโรงพยาบาลพอมาโรงพยาบาลเนี่ย
00:25:39 → 00:25:42 สิ่งสำคัญที่เรามักจะตรวจเจอก็คือว่า
00:25:42 → 00:25:46 >> ในขณะที่เขาเจ็บความดันจะสูงมาก
00:25:46 → 00:25:48 [เพลง]
00:25:48 → 00:25:52 >> This It's Thai PBS Podcast
00:25:52 → 00:25:55 ติดตามรายการของ Thai PBS Podcast ได้
00:25:55 → 00:25:57 ทางเว็บไซต์ www.thaipspodcast.com
00:25:57 → 00:25:59 thapodcast.com
00:26:00 → 00:26:03 แอปพลิเคช Thai PBBS Podcast รวมถึงฟัง
00:26:03 → 00:26:06 ผ่าน podcast ช่องทางอื่นๆ Spotify
00:26:06 → 00:26:09 YouTube Apple Podcast และ Soundcloud
00:26:09 → 00:26:11 เ้า
00:26:11 → 00:26:14 [เพลง]