00:00:00 → 00:00:02 คุณหมอเคยเจอคนไข้ที่ปอดมีปัญหาเพราะว่า
00:00:02 → 00:00:04 สูตรกลิ่นอะไรบ้างไหคะ
00:00:04 → 00:00:07 >> ที่เจอกันบ่อยๆก็ยกตัวอย่างเช่นสูตรควัน
00:00:07 → 00:00:09 เข้าไปทีเดียวเยอะๆปอดเสียได้สารเคมีทุก
00:00:09 → 00:00:11 ชนิดอ่ะที่มันกลิ่นแรงๆอ่ะมันก็ไม่ดีต่อ
00:00:11 → 00:00:12 ปอดแล้วเหมือนกัน
00:00:12 → 00:00:15 >> โดยเฉพาะคนไทยติดดมยาดมมากรวมถึงบางคนนี่
00:00:15 → 00:00:17 อาจจะยัดเข้าจมูกเลยนะรู้สึกว่าโอหมันดม
00:00:17 → 00:00:19 แล้วมันเฟรชมันฟื้นคืนชีพมากๆเลยอย่าง
00:00:19 → 00:00:22 เงี้ยมันมีผลต่อร่างกายของเรามั้ยคะ
00:00:22 → 00:00:24 >> แล้วถ้าเกิดคุณดมเข้าไปเยอะๆเอายัดเมนู
00:00:24 → 00:00:27 จมูก 2 จมูกแล้วก็ดมทางปากนะดมไปทุกทาง
00:00:27 → 00:00:30 เลยเงี้ยมันก็อาจจะทำให้บางคนไม่ได้สูบ
00:00:30 → 00:00:32 บุหรี่ทำไมเป็นมะเร็งได้เหตุผลนึงก็เพราะ
00:00:32 → 00:00:34 ว่าเนี่ยเราเจอฝุ่นมาตั้งนานเราสูบบุหรี่
00:00:34 → 00:00:36 มาตั้งนานปอดไม่เห็นเป็นอะไรเลยแน่ใจได้
00:00:36 → 00:00:38 ไงว่าไม่เป็นอะไรถ้าใครฟังคลิปนี้อยู่
00:00:39 → 00:00:41 เนี่ยระวังเรื่องนี้ให้ดีมันจะชอบมีคนไป
00:00:41 → 00:00:43 หลอกบอกว่ากินตัวนี้เพื่อล้างพิษกินตัว
00:00:43 → 00:00:45 นี้เพื่อกำจัดสารพิษออกจากปอดการฉีดไอ้
00:00:45 → 00:00:48 นี้เข้าไปจะทำให้การดีท็อกซ์ปอดปลอมหมด
00:00:48 → 00:00:51 เลยถังก็หมด
00:00:51 → 00:00:58 >> เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:00:58 → 00:01:01 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา
00:01:01 → 00:01:04 แก้โรคค่ะ EP วันนี้นะคะพันอยากจะชวนทุก
00:01:04 → 00:01:06 ท่านนะคะมาหาคำตอบไปด้วยกันมีใครเคยมี
00:01:06 → 00:01:09 อาการของการที่เราดมกลิ่นบางอย่างแล้วมัน
00:01:09 → 00:01:12 ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเรามั้คะหรือเคย
00:01:12 → 00:01:14 สงสัยกันมั้ยคะว่ากลิ่นแต่ละอย่างเนี่ย
00:01:14 → 00:01:17 มันมีผลต่อสุขภาพปอดของเราหรือเปล่าวัน
00:01:17 → 00:01:19 นี้นะคะเรามาหาคำตอบไปด้วยกันแพนด้าอยู่
00:01:19 → 00:01:21 กับคุณหมอธนีนายแพทย์ธนีธนียวัณสวัสดีค่ะ
00:01:21 → 00:01:22 คุณหมอ
00:01:22 → 00:01:23 >> สวัสดีครับผม
00:01:23 → 00:01:24 >> เจอกันอีกแล้วค่ะวันนี้
00:01:24 → 00:01:26 >> ใช่ครับขอบคุณที่เชิญมาอีกรอบนึงนะครับ
00:01:26 → 00:01:27 >> ค่ะขอบคุณที่มาอีกรอบนึงเช่นกันก่อนค่ะ
00:01:27 → 00:01:31 >> ครับผมจากจริงๆถ้าคนที่ติดตาม EP ก่อนมา
00:01:31 → 00:01:33 เนาะตอนท้ายๆใน EP ที่แล้วเนี่ยค่ะเรามี
00:01:33 → 00:01:36 การพูดถึงเรื่องของการสูดกลิ่นหรือว่า
00:01:36 → 00:01:39 สูตรอ่าสารต่างๆเข้าไปในร่างกายวันนี้ค่ะ
00:01:39 → 00:01:41 อยากจะมาขอความรู้จากคุณหมอซึ่งน่าจะช่วย
00:01:41 → 00:01:44 ให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้นก่อนอื่นค่ะพน่า
00:01:44 → 00:01:45 อยากรู้ว่าคุณหมอเคยเจอคนไข้ที่ปอดมี
00:01:45 → 00:01:48 ปัญหาเพราะว่าสูตรกลิ่นอะไรบ้างมั้คะ
00:01:48 → 00:01:50 >> มันไม่เชิงเป็นกลิ่นนะครับแต่ว่ามันเป็น
00:01:50 → 00:01:52 สารเคมีที่มีความอันตรายต่อปอดนะครับที่
00:01:52 → 00:01:55 เจอกันบ่อยๆก็ยกตัวอย่างเช่นสูตรควันเข้า
00:01:55 → 00:01:56 ไปทีเดียวเยอะๆนะฮะ
00:01:56 → 00:02:00 >> อย่างถ้าใครที่เคยเข้าสนามรบมีสงครามเ้า
00:02:00 → 00:02:02 มีการเผาอะไรอย่างเงี้ยแล้วสูดเข้าไปตรงๆ
00:02:02 → 00:02:05 อันนั้นน่ะปอดเสียได้นะก็มีคนเป็นอย่าง
00:02:05 → 00:02:08 งั้นมาแล้วหรือบางคนไปสูดพวกอ่ายาฆ่าแมลง
00:02:08 → 00:02:11 นะก็ปอดมีปัญหาหรือในช่วงโควิดเนี่ยบางคน
00:02:11 → 00:02:14 ก็จะมีความกลัวในเชื้อโรคมากๆเขาก็จะเอา
00:02:14 → 00:02:16 ยาฆ่าเชื้อโรคเนี่ยพ่นไว้ทุกที่ทั้งหมอน
00:02:16 → 00:02:19 ทั้งที่นอนทั้งทุกอย่างเลยและเนี่ยถ้าสูด
00:02:19 → 00:02:21 เข้าไปตรงๆเยอะๆก็ปอดมีปัญหาได้เช่นกันนะ
00:02:22 → 00:02:22 ครับ
00:02:22 → 00:02:24 >> ยาฆ่าเชื้อโรคไม่ใช่สเปรย์แอลกอฮอล์
00:02:24 → 00:02:25 >> เป็นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคเลย
00:02:25 → 00:02:26 >> ออค่ะ
00:02:26 → 00:02:28 >> นะฮะลายซออะไรพวกเนี้ยที่พ่นๆทั้งหลาย
00:02:28 → 00:02:30 แหละที่เขา้าเอาบอกว่าเออตัวนี้ใช้ค่า
00:02:30 → 00:02:33 เชื้อโรคตามพื้นผิวได้ดีอ่ะมาพ่นที่โต๊ะ
00:02:33 → 00:02:35 แล้วก็เช็ดอย่างเงี้ยฮะหรือพ่นในห้องน้ำ
00:02:35 → 00:02:37 พ่นในทุกๆที่เวลาคนที่เขากลัวอะไรมากๆเก็
00:02:38 → 00:02:40 พ่นแหลกลานเลยพ่นทั้งตัวพ่นทุกที่อันนี้
00:02:40 → 00:02:41 ก็มีปัญหาเหมือนกันนะ
00:02:41 → 00:02:43 >> กลายเป็นว่าปอดเรารับภาระหนักไปแทน
00:02:43 → 00:02:45 >> ใช่ดังนั้นมันจะไม่ขึ้นกับกลิ่นครับมัน
00:02:45 → 00:02:47 ขึ้นอยู่กับว่าสารที่ทำให้เราดมเข้าไป
00:02:48 → 00:02:50 แล้วกลิ่นแบบนั้นมันเป็นอะไรกันแน่นะครับ
00:02:50 → 00:02:54 >> ออาฮะแล้วมันมีสารหรือกลิ่นหรืออาจจะเป็น
00:02:54 → 00:02:56 สารนั่นแหละค่ะอะไรบ้างที่คนคิดว่าไม่ได้
00:02:56 → 00:02:58 อันตรายนะแต่จริงจริงๆมันอาจจะส่งผลต่อ
00:02:58 → 00:02:59 สุขภาพปอดของเราได้
00:02:59 → 00:03:02 >> ก็อย่างเมื่อกี้ก็ได้คือยาที่ฆ่าเชื้อ
00:03:03 → 00:03:05 ต่างๆนะครับคือมันไม่ได้เอาไว้ใช้ในทาง
00:03:05 → 00:03:07 เดินหายใจของเรามันเอาไว้ฆ่าเชื้อข้างนอก
00:03:07 → 00:03:10 แล้วถ้าเกิดเราพ่นตามปกติแล้วเราทำความ
00:03:10 → 00:03:11 สะอาดเลยเไม่เกิดอะไรขึ้นแต่ถ้าเกิดความ
00:03:12 → 00:03:13 หนาแน่นของมันมากๆอย่างเงี้ยแล้วเราดม
00:03:14 → 00:03:16 เข้าไปอันนั้นแหละที่จะมีปัญหาต่อปอดเรา
00:03:16 → 00:03:18 อาจจะเคยได้ยินคนที่เขาล้างห้องน้ำแล้วก็
00:03:18 → 00:03:21 ดมแล้วสลบไปเลยเสียชีวิตได้เลยนั่นก็
00:03:21 → 00:03:23 เหมือนกันก็คือมันเป็นสารเคมีซึ่งไม่ควร
00:03:23 → 00:03:26 จะสูดดมเข้าไปแล้วเราดันไปสูดดมในปริมาณ
00:03:26 → 00:03:29 ที่มากและอยู่ในพื้นที่ปิดลมไถยเทไม่ดี
00:03:29 → 00:03:30 นั่นน่ะมันก็จะอันตรายได้ทั้งๆที่จริงๆ
00:03:30 → 00:03:33 มันควรจะเป็นของที่เชื้อโรคได้มันควรจะดี
00:03:33 → 00:03:36 >> อค่ะหมายถึงน้ำยาล้างห้องน้ำปกติที่เรา
00:03:36 → 00:03:36 ใช้กันอย่างี้เลย
00:03:37 → 00:03:37 >> ใช่ครับ
00:03:37 → 00:03:38 >> ออ
00:03:38 → 00:03:40 >> สารเคมีทุกชนิดอ่ะที่มันกลิ่นแรงๆอ่ะหรือ
00:03:40 → 00:03:42 ว่าอะไรพวกเนี้ยที่เขาบอกว่าเราไม่ควรกิน
00:03:42 → 00:03:44 เข้าไปอ่ะมันก็ไม่ดีต่อปอดแล้วเหมือนกัน
00:03:44 → 00:03:46 >> แล้วอย่างสมมุติว่าคนที่ต้องอ่าต้องเป็น
00:03:46 → 00:03:49 แม่บ้านต้องล้างห้องน้ำหรือต้องทำอย่าง
00:03:49 → 00:03:51 เงี้ยค่ะมันมีวิธีป้องกันยังไงได้บ้างคะ
00:03:51 → 00:03:53 เพราะว่าก็สะดวกใช้แบบนี้อ่ะ
00:03:53 → 00:03:55 >> ต้องเปิดให้พื้นที่ตรงนั้นน่ะมันมีการ
00:03:55 → 00:03:58 ถ่ายเทอากาศที่ดีเท่าไม่มีอื
00:03:58 → 00:03:59 >> อ๋อคือให้มันเจือจาง
00:03:59 → 00:03:59 >> ใช่
00:03:59 → 00:04:01 >> อือแต่แต่ถึงมันเจือจางเราก็ยังได้รับ
00:04:01 → 00:04:02 อยู่ถูกมั้คะ
00:04:02 → 00:04:04 >> ได้รับอยู่ครับแต่มันอยู่ในปริมาณที่เรา
00:04:04 → 00:04:06 สามารถที่จะทนได้นะฮะ
00:04:06 → 00:04:06 >> อ
00:04:06 → 00:04:08 >> เพราะว่าถ้าเกิดเราจะกันไม่ให้มันเข้ามา
00:04:08 → 00:04:10 ในร่างกายเราเนี่ยหน้ากาก N95 ก็กันไม่
00:04:10 → 00:04:12 ได้เพราะว่าสารเคมีพวกนี้มันเล็กมากถ้า
00:04:12 → 00:04:14 เราจะกันไม่ได้จริงๆก็คือจะต้องใส่หน้า
00:04:14 → 00:04:16 กากกันสารเคมีแบบที่เขาใช้ในสงครามที่มัน
00:04:16 → 00:04:18 เหมือนแมลงวันนั่นแหละซึ่งไม่มีใครเขาใส่
00:04:18 → 00:04:20 กันหรอกครับดังนั้นบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้
00:04:20 → 00:04:22 ที่จะใส่หน้ากากแล้วกันพวกนั้นได้
00:04:22 → 00:04:24 >> ถ้าแม่บ้านบางคนเราจะเห็นเขาใส่หน้ากาก
00:04:24 → 00:04:26 ไว้ใช่มั้ฮะอันนั้นกันสารเคมีไม่ได้นะอ
00:04:26 → 00:04:27 >> การอะไรไม่ได้เลยด้วย
00:04:27 → 00:04:29 >> อ่าก็ทำให้หายใจยากไปอีก
00:04:29 → 00:04:32 >> ก็ส่วนหนึ่งนะฮะแต่ว่าวิธีในการแก้ไขคือ
00:04:32 → 00:04:34 ต้องเปิดบริเวณนั้นให้โล่งให้ลมถ่ายเท
00:04:34 → 00:04:37 เพราะมิฉะนั้นถ้าสารเคมีที่เขาใช้อ่ะมัน
00:04:37 → 00:04:39 มีความหนาแน่นมากๆแล้วเราสูดโดมเข้าไปเออ
00:04:39 → 00:04:40 นั่นน่ะมีปัญหา
00:04:40 → 00:04:42 >> แล้วอย่างสมมุติว่าเราไม่ได้ล้างห้องน้ำ
00:04:42 → 00:04:44 หรือไม่ได้ยุ่งกับสารเคมีเลยอ่ะค่ะแต่
00:04:44 → 00:04:47 อยู่ในห้องที่ไม่ได้เปิดระบายอากาศแบบ
00:04:47 → 00:04:49 เนี้ยมันส่งผลต่อปอดเรามั้คะ
00:04:49 → 00:04:51 >> ไม่ได้ส่งผลต่อปอดตรงๆอ่ะครับแต่ว่ามันก็
00:04:51 → 00:04:54 ทำให้เราได้อากาศเก่าเข้าไปนะครับ
00:04:54 → 00:04:56 >> คือห้องเราเนี่ยมันก็มีออกซิเจนมี
00:04:56 → 00:04:58 คาร์บอนไดออกไซด์ของมันอยู่แล้วมีปริมาณ
00:04:58 → 00:05:00 หนึ่งแต่ถ้าเราอยู่ในห้องนั้นอย่างเดียว
00:05:00 → 00:05:01 แล้วเราอากาศไม่ถ่ายเทเนี่ยเราก็จะปล่อย
00:05:01 → 00:05:03 คาร์บอนไดออกไซด์ออกไปเยอะนะครับแล้วเรา
00:05:03 → 00:05:05 ก็จะใช้ออกซิเจนหมดไปเรื่อยๆสุดท้ายมันก็
00:05:05 → 00:05:07 จะเป็นอากาศที่คุณภาพไม่ค่อยดีอ่ะเราหาย
00:05:07 → 00:05:09 ใจแทนที่เราจะได้ออกซิเจนเต็มๆเราก็ไม่
00:05:09 → 00:05:11 ได้แทนที่เราจะปล่อยคำไดไซออกไปกลับกลาย
00:05:11 → 00:05:13 เป็นว่าเราปล่อยแทบไม่ออกเพราะข้างนอกมัน
00:05:13 → 00:05:15 หนาแน่นอยู่แล้วอย่างเงี้ย
00:05:15 → 00:05:17 >> อือฮึแต่ถ้ามันเป็นห้องปิดที่เปิดแอร์
00:05:17 → 00:05:18 เครื่องปรับอากาศ
00:05:18 → 00:05:21 >> มันก็เอาแอร์ที่มาจากลมในห้องนี่แหละ
00:05:21 → 00:05:23 เพราะว่าแอร์คือหลักการของมันก็คือดูดลม
00:05:23 → 00:05:24 ตรงนั้นแล้วก็ทำให้มันเย็นแล้วก็ปล่อยออก
00:05:24 → 00:05:26 มามันไม่ไปเอาลมจากข้างนอกมาแล้วก็ปล่อย
00:05:27 → 00:05:28 เข้ามาในห้องนะครับซึ่งแตกต่างกัน
00:05:28 → 00:05:31 >> อแต่ว่าถ้าอยู่ห้องแอร์ไปนานๆก็ไม่ได้
00:05:31 → 00:05:32 เป็นอะไรต่อปอดมั้คะหรือว่า
00:05:32 → 00:05:33 >> ก็ไม่ได้เป็นอะไร
00:05:33 → 00:05:34 >> ออ
00:05:34 → 00:05:37 >> คือแอร์ธรรมดาไม่ได้ทำให้ปอดมันเสียแต่
00:05:37 → 00:05:38 อย่างใดเลยนะครับ
00:05:38 → 00:05:38 >> ค่ะ
00:05:38 → 00:05:40 >> แล้วมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วยนะแต่
00:05:40 → 00:05:43 ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าถ้าอากาศไม่ถ่ายเท
00:05:43 → 00:05:45 ห้องนั้นน่ะคือปิดประตูตลอดปีอ่ะไม่เคย
00:05:45 → 00:05:47 เปิดเลยอ่าแน่นอนมันมีปัญหาถ้าถามว่าอ้า
00:05:47 → 00:05:49 แล้วตามโรงแรมอ่ะก็แอร์ตลอดไม่ใช่เหรอ
00:05:49 → 00:05:51 แล้วมันเป็นอะไรเปล่าเนี่ยครับมันถึงไม่
00:05:51 → 00:05:52 เป็นอะไรเพราะว่าแอร์ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
00:05:52 → 00:05:55 สุขภาพเราแต่เ้ามีการถ่ายเทอากาศเเมีการ
00:05:55 → 00:05:57 เปิดประตูให้ลมมันจากข้างนอกเข้ามาเไม่
00:05:57 → 00:05:59 ได้ห้องนั้นน่ะปิดตลอดเวลานะครับดังนั้น
00:05:59 → 00:06:02 ตรงเนี้ยอาจจะต้องเข้าใจเพิ่มขึ้นนิดนึง
00:06:02 → 00:06:04 ทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าแล้วอะไรที่
00:06:04 → 00:06:05 อยู่ในห้องแอร์แล้วระบบแอร์เนี่ยเขาทำยัง
00:06:06 → 00:06:07 ไงถ้าของที่อยู่ในห้องแอร์มันเป็นของที่
00:06:08 → 00:06:10 ทำให้เราเกิดการแพ้ได้เช่นบางคนแพ้ฝุ่น
00:06:10 → 00:06:12 อย่างเงี้ยแล้วมันมีพรมอยู่ในห้องมีผ้า
00:06:12 → 00:06:15 ม่านแล้วเราดมไอ้ของพวกนั้นเข้าไปเราก็มี
00:06:15 → 00:06:16 อาการแพ้ได้
00:06:16 → 00:06:16 >> อือ
00:06:16 → 00:06:19 >> หรือห้องแอร์บางที่มันออาจจะมีการรั่วของ
00:06:19 → 00:06:21 น้ำสักที่นึงแล้วข้างหลังกำแพงเนี่ยมันมี
00:06:21 → 00:06:23 เชื้อราอยู่แล้วเรามองไม่เห็นมันแต่มัน
00:06:23 → 00:06:26 อับแล้วบางคนแพ้สปอลาอย่างเงี้ยแล้วดม
00:06:26 → 00:06:28 เข้าไปก็มีอาการผิดปกติของปอดได้แล้วถ้า
00:06:28 → 00:06:31 เกิดคนไหนที่โชคร้ายกว่านั้นก็คือสูตรดม
00:06:31 → 00:06:33 ราเข้าไปเต็มๆเนี่ยมันจะทำให้เกิดปอดภูมิ
00:06:33 → 00:06:35 แพ้ที่รุนแรงมากแล้วก็รักษายากมากบางทีก็
00:06:36 → 00:06:37 ไม่หายด้วยนี่ก็คือเป็นปัญหาที่ไม่เกี่ยว
00:06:37 → 00:06:39 อะไรกับแอร์นะแต่มันอยู่ในนั้นได้
00:06:40 → 00:06:42 >> ค่ะแล้วมันต้องสูดดมนานแค่ไหนคะกว่าที่
00:06:42 → 00:06:44 มันจะเริ่มไปเข้าไปถึงปอดของเรา
00:06:44 → 00:06:46 >> ตนี้ตอบไม่ได้เลยมันแล้วแต่คนนะครับเรา
00:06:46 → 00:06:48 ยังไม่สามารถทำนายได้ว่าใครจะเกิดขึ้น
00:06:48 → 00:06:50 บ้างแต่เรารู้ว่าถ้าเกิดว่าเราอยู่ในบ้าน
00:06:50 → 00:06:53 ที่มันมีราพวกเนี้ยอยู่ในผนังสักที่นึง
00:06:53 → 00:06:56 ตลอดเวลาเนี่ยคนเหล่าเยมีโอกาสเกิดโรคมาก
00:06:56 → 00:06:56 กว่า
00:06:56 → 00:06:56 >> อ
00:06:56 → 00:06:59 >> แต่จะผ่านไปสักแบบกี่วันนี่ตอบไม่ได้จริง
00:06:59 → 00:07:01 ๆนะมันขึ้นอยู่กับปริมาณที่เราสูดดมเข้า
00:07:01 → 00:07:03 ไปด้วยนะครับถ้าเราสูดดมปริมาณน้อยๆอาจจะ
00:07:03 → 00:07:05 ใช้เวลาเป็นเดือนแต่ถ้าเราลวดเดียวสูดดม
00:07:05 → 00:07:08 เข้าไปแบบเช่นเราเปิดมาปุ๊บโหลาเต็มเลย
00:07:08 → 00:07:10 แล้วเราหายใจสปอที่มันฟุ้งก็อาจจะมีอาการ
00:07:10 → 00:07:11 ตอนนั้นนแหละ
00:07:11 → 00:07:13 >> อาการมันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ
00:07:13 → 00:07:15 >> ก็ถ้าเป็นแบบฉับพลันเนี่ยก็จะหายใจลำบาก
00:07:15 → 00:07:17 นะครับแน่นหน้าอกบางคนมีไข้ขึ้นอันเนี้ย
00:07:17 → 00:07:20 ก็คือเจอได้ส่วนอาการที่เป็นแบบค่อยๆเป็น
00:07:20 → 00:07:22 ค่อยๆไปเรื้อรังเนี่ยก็จะมาด้วยอาการ
00:07:22 → 00:07:24 เหนื่อยเรื้อรังแล้วมีอาการไอแล้วหาเหตุ
00:07:24 → 00:07:27 ผลไม่ได้ว่าทำไมเป็นอย่างเงี้ยนะครับแล้ว
00:07:27 → 00:07:28 ถึงไปตรวจเจอ
00:07:28 → 00:07:30 >> คือถ้ามันเป็นหนักๆนี่คือหมายถึงว่าเชื้อ
00:07:30 → 00:07:31 ราเกาะปอดเลยมั้คะ
00:07:31 → 00:07:34 >> มันไม่เชิงเป็นเชื้อราเกาะปอดนะฮะเชื้อรา
00:07:34 → 00:07:37 มันจะเข้าไปในปอดได้แล้วก็สร้างเรื่องได้
00:07:37 → 00:07:40 แบบการติดเชื้อในคนที่ปอดมีความผิดปกติ
00:07:40 → 00:07:42 หรือภูมิต้านทานผิดปกติเท่านั้น
00:07:42 → 00:07:45 >> นะครับส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นแต่มันไม่ได้
00:07:45 → 00:07:47 แปลว่ามันก่อปัญหาด้วยการทำให้ปอดเราติด
00:07:47 → 00:07:50 เชื้อเท่านั้นมันยังสามารถทำให้ปอดของเรา
00:07:50 → 00:07:52 เนี่ยเกิดการต่อต้านแบบชนิดภูมิแพ้ด้วย
00:07:52 → 00:07:54 ซึ่งการเกิดการต่อต้านต้านแบบชนิดภูมิแพ้
00:07:54 → 00:07:56 นี่ไม่ได้แปลว่าเชื้อรามันกินเข้าไปในปอด
00:07:56 → 00:07:58 นะมันอยู่ตรงนั้นแหละในทางเดินหายใจของ
00:07:58 → 00:08:00 เราแต่ว่าภูมิต้านทานของเราดันตอบสนองแบบ
00:08:00 → 00:08:03 ผิดปกติกับมันทำให้เกิดอาการผิดปกติขึ้น
00:08:03 → 00:08:05 มาหรือปอดมันโดนทำลายจากภูมิคุ้มกันไม่
00:08:05 → 00:08:07 ได้จากรานะครับดังนั้นตรงนี้อาจจะเข้าใจ
00:08:07 → 00:08:09 ยากนิดนึงแต่ว่าแบ่งคร่าวๆก็คือชนิดนึง
00:08:09 → 00:08:12 เป็นการที่เชื้อรามันกินปอดกินทางเดินหาย
00:08:12 → 00:08:14 ใจแล้วก่อให้เกิดโรคอีกชนิดนึงคือรามัน
00:08:14 → 00:08:16 อยู่ตรงนั้นไม่ได้ทำอะไรแต่ดันภูมิด้าน
00:08:16 → 00:08:19 ทานของเราไปตอบสนองผิดปกติแล้วดันทำลาย
00:08:19 → 00:08:20 บริเวณข้างเคียงเองนะครับ
00:08:20 → 00:08:22 >> แล้วถ้ามันอยู่ตรงนั้นเนี่ยคะอย่างบางคน
00:08:22 → 00:08:24 ที่อาจจะแบบสงสัยใสว่าเฮ้ยเราอาจจะได้
00:08:24 → 00:08:27 สูตรไปแล้วล่ะเพราะว่าเจอเชื้อราในบ้าน
00:08:27 → 00:08:27 อย่างเงี้ย
00:08:27 → 00:08:28 >> ไม่เป็นอะไร
00:08:28 → 00:08:30 >> มันมันขับออกได้มั้คะหรือมันเอาออกยังไง
00:08:30 → 00:08:30 อ่ะ
00:08:30 → 00:08:32 >> มันไม่ต้องทำอะไรครับมันขับออกไม่ได้กิน
00:08:32 → 00:08:34 ยาอะไรก็ไม่ได้ไม่มีวิธีหรอกมันก็อยู่
00:08:34 → 00:08:35 อย่างงั้นแต่ว่ามันจะหายของมันไปเองถ้า
00:08:35 → 00:08:38 เราเจอแบบเราเดินผ่านอุ๊ยวันนี้แกะฝ้ามา
00:08:38 → 00:08:39 หูลาเต็มเลย
00:08:39 → 00:08:40 >> แล้วเราก็เดินออกไปเลยอันนี้ไม่เป็นอะไร
00:08:40 → 00:08:43 นะยกเว้นถ้าเราเปิดปุ๊บโอฝุ่นลามันลอยมา
00:08:43 → 00:08:45 ที่หน้าแล้วเฮือกเข้าไปอ่านี้ก็คืออาจจะ
00:08:45 → 00:08:48 เกิดอะไรขึ้นแต่ว่ามันไม่มีวิธีรักษาเรา
00:08:48 → 00:08:50 รักษากันตามอาการแล้วดูซิว่าคนๆนี้จะเกิด
00:08:50 → 00:08:51 อะไรขึ้นไหม
00:08:51 → 00:08:53 >> ถ้าเกิดว่าผ่านไปเออก็ไม่มีอะไรปกติติดี
00:08:53 → 00:08:56 ไม่ต้องทำอะไรแต่ถ้าเกิดหายใจเข้าไปแล้ว
00:08:56 → 00:08:58 มันแน่นหน้าอกมันหายใจไม่ออกมันเหนื่อย
00:08:58 → 00:08:59 มันไอมันมีไข้อย่างเงี้ยต้องไปโรงพยาบาล
00:08:59 → 00:09:01 และแล้วเราก็แจ้งประวัติกับหมอเว่าเออ
00:09:01 → 00:09:03 เนี่ยเราไปแกะฝ้าแล้วมันรามันหล่นลงมาเรา
00:09:04 → 00:09:04 หายใจเข้าไปนะครับ
00:09:05 → 00:09:07 >> อือฮึแล้วถ้าสมมุติบางคนเห็นเราอาจจะยัง
00:09:07 → 00:09:08 ไม่ได้แก้ไขได้ทันทีอย่างงี้เนาะ
00:09:08 → 00:09:10 >> เราสามารถใส่แมสได้มั้คะ
00:09:10 → 00:09:11 >> ไม่ออไม่
00:09:11 → 00:09:12 >> มันก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ยกเว้นถ้าเราใส่
00:09:12 → 00:09:14 N95 อาจจะพอได้นะครับ
00:09:14 → 00:09:17 >> ซึ่งมันคงไม่มีใครทำนะ N95 อยู่ในบ้าน
00:09:17 → 00:09:18 >> ผมยังไม่เคยเห็นเลย
00:09:18 → 00:09:19 >> อือฮึ
00:09:19 → 00:09:21 >> อีกอย่างนึงมันจะมีพวกแอร์ฮะ
00:09:21 → 00:09:21 >> ค่ะ
00:09:21 → 00:09:24 >> คือน้ำที่เอาไว้หล่อหล่อเย็นนะครับโดย
00:09:24 → 00:09:27 เฉพาะพวกโรงแรมใหญ่ๆตรงนี้เนี่ยถ้าเกิด
00:09:27 → 00:09:28 ว่าดูแลไม่ดีมันจะมีเชื้อโรคอยู่ในนั้น
00:09:28 → 00:09:30 ได้นะครับเชื้อที่เราเจอตัวนึงถ้าใคร
00:09:30 → 00:09:32 เรียนหมอก็จะรู้จักเชื้อที่เรียกว่า
00:09:32 → 00:09:34 regener นะครับ regener เนี่ยมันเป็น
00:09:34 → 00:09:36 เชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรงมากๆ
00:09:36 → 00:09:40 แล้วนานๆทีมันก็จะระบาดในโรงแรมที่ดูแล
00:09:40 → 00:09:42 น้ำเนี่ยไม่ค่อยดีแล้วมันมีเชื้อโรคป่น
00:09:42 → 00:09:44 แล้วเราหายใจเข้าไปคราวนั้นก็อาจจะเกิด
00:09:44 → 00:09:46 แบบหลายๆคนเป็นพร้อมๆกันก็ได้นะครับ
00:09:46 → 00:09:49 >> ค่ะแล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะว่าโรงแรมที่
00:09:49 → 00:09:50 เราจะไป
00:09:50 → 00:09:50 >> เราไม่รู้
00:09:50 → 00:09:52 >> เราไม่รู้แต่ถ้าสมมุติเราเปิดประตูห้อง
00:09:52 → 00:09:52 เข้าไป
00:09:52 → 00:09:53 >> ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรอยู่ดี
00:09:53 → 00:09:54 >> ก็ไม่ได้กลิ่น
00:09:54 → 00:09:55 >> นั่นน่ะคือปัญหา
00:09:55 → 00:09:55 >> เออ
00:09:55 → 00:09:58 >> คือคนเราไม่สามารถรู้ได้ทุกอย่างครับ
00:09:58 → 00:10:01 >> เราต้องเชื่อใจว่าโรงแรมเขาจัดการระบบน้ำ
00:10:01 → 00:10:03 ให้เราดีเพราะว่าโรงแรมที่เขาระบาดกัน
00:10:03 → 00:10:05 เนี่ยก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติไปกว่าโรงแรม
00:10:05 → 00:10:06 ทั่วไป
00:10:06 → 00:10:06 >> ค่ะ
00:10:06 → 00:10:09 >> แต่มันก็ระบาดได้ทีเนี้ยเรารู้ว่าเวลามัน
00:10:09 → 00:10:10 ระบาดเนี่ยทุกๆครั้งมันต้องไอ้เชื้อเี่
00:10:10 → 00:10:13 มันจะอยู่ในน้ำนี่แหละงั้นเราต้องไปดูซิ
00:10:13 → 00:10:15 ว่าอะไรในนั้นที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้
00:10:15 → 00:10:17 ขึ้นมาหรือมันมีทีนึงไประบาดที่
00:10:17 → 00:10:19 ซุเปอร์มาร์เก็ตมันไม่ได้ระบาดมาจากแอร์
00:10:19 → 00:10:20 ของซุเปอร์มาร์เก็ตมันระบาดจากไอ้
00:10:20 → 00:10:23 สปริเกอร์ที่มันปล่อยน้ำออกมาให้ผักเรา
00:10:23 → 00:10:25 มันดูชื้นๆน่ะบางทีมีเชื้อโรคอยู่ในนั้น
00:10:25 → 00:10:26 แล้วเราไม่ได้ดูแลให้ดีหรือบางทีถ้าเรา
00:10:27 → 00:10:29 เห็นชัดๆว่าไอ้สปริงเกอร์มันมีแบบรอยดำๆ
00:10:29 → 00:10:31 มีเหมือนมีอะไรมาเกาะๆอ่ะเรารู้แล้วว่า
00:10:31 → 00:10:33 อันนั้นมันสกปรกแหงอยู่แล้ว
00:10:33 → 00:10:33 >> อือ
00:10:33 → 00:10:36 >> นะถ้าเจอแบบนั้นเอ่อก็ต้องรีบแก้ไขอ
00:10:36 → 00:10:38 >> นะครับอยากถามเรื่องกลิ่นนิดนึงค่ะคุณหมอ
00:10:38 → 00:10:40 อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับปอดโดยตรงเนาะแต่
00:10:41 → 00:10:43 อยากรู้ว่าทำไมเวลาที่เราได้กลิ่นบาง
00:10:43 → 00:10:46 อย่างแล้วมันมีส่วนที่ทำให้เรารู้สึกผ่อน
00:10:46 → 00:10:49 คลายขึ้นหรือบางคนได้กลิ่นบางอย่างแล้ว
00:10:49 → 00:10:51 รู้สึกปวดหัวจะอาเจียนอย่างเงี้ยค่ะมัน
00:10:51 → 00:10:52 เกิดจากอะไรคะ
00:10:52 → 00:10:55 >> มันเกิดจากการที่สมองของแต่ละคนเนี่ยมี
00:10:55 → 00:10:59 ความทรงจำกับการรับของต่างๆที่ไม่เหมือน
00:10:59 → 00:11:01 กันนะครับเพราะว่าเราก็คงจะเคยเจอไอ้
00:11:01 → 00:11:03 กลิ่นเนี้ยบางคนดมแล้วหอมบางคนบอกว่ามัน
00:11:03 → 00:11:05 เหม็นชัดเจนเลยคือทุเรียนบางคนบอกโอ้โห
00:11:05 → 00:11:07 ชอบมากเลยกลิ่นทุเรียนมันหอมเหลือเกินมัน
00:11:07 → 00:11:09 แบบเราต้องกินแล้วแต่บางคนโอ้โหนี่กลิ่น
00:11:09 → 00:11:11 มันเหมือนส้วมเลยอ่ะมันดมไม่ได้มันเหม็น
00:11:11 → 00:11:13 จริงๆอ่ะกินไม่ได้คือต้องบอกว่าสมองคนเรา
00:11:13 → 00:11:15 เนี่ยมันมีความแปลกประหลาดอย่างนึงคือมัน
00:11:15 → 00:11:17 ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่เรามีด้วยกลิ่น
00:11:17 → 00:11:19 นี่ก็อย่างเดียวกันบางคนดมแล้วอันนี้หอม
00:11:19 → 00:11:22 บางอันนี้เหม็นบางคนดมแล้วรู้สึกดีบางคน
00:11:22 → 00:11:24 ดมแล้วอ้าไม่ไหวอ่ะหนักเกินอ่ะ
00:11:24 → 00:11:26 >> นะครับงั้นมันเป็นเรื่องของประสบการณ์
00:11:26 → 00:11:28 ล้วนๆเลยแต่มันจะมีคนบางคนที่มีความผิด
00:11:28 → 00:11:31 ปกติเรื่องของร่างกายเช่นระบบรับกลิ่นมัน
00:11:31 → 00:11:33 อาจจะเพี้ยนเราเจอเยอะๆตอนช่วงโควิดระบาด
00:11:33 → 00:11:35 ใช่มั้ยบางคนบอกว่าดมแล้วไม่ได้กลิ่นเลย
00:11:35 → 00:11:37 นะครับแล้วตอนช่วงที่มันหายเนี่ยการดม
00:11:37 → 00:11:39 กลิ่นก็เพี้ยนไปแบบเฮ้ยไอ้นี่มันเคยหอม
00:11:39 → 00:11:41 ตอนนี้มันไม่ค่อยหอมแล้วอ่ะก็เป็นเพราะ
00:11:41 → 00:11:43 ว่าเส้นประสาทที่ใช้ในการรับกลิ่นเ่ะมัน
00:11:43 → 00:11:46 มีความผิดปกติไปอันนี้คือมีจริงๆหรือบาง
00:11:46 → 00:11:49 คนก็เป็นเนื้องอกตรงสมองส่วนที่มันรับ
00:11:49 → 00:11:51 กลิ่นพอดีอันนี้ก็จะผิดปกติปิไปบางคนมี
00:11:51 → 00:11:53 การวิ่งของกระแสไฟฟ้าตรงบริเวณรับกลิ่น
00:11:53 → 00:11:55 ที่ผิดปกติเป็นโรคลมชักชนิดหนึ่งกลิ่นมัน
00:11:55 → 00:11:57 ก็ผิดปกติไปได้เหมือนกันแล้วนอกเหนือจาก
00:11:57 → 00:11:59 นั้นคือบางคนมีโรคทางด้านปอดกลิ่นพวก
00:11:59 → 00:12:01 เนี้ยบางทีมันก็ไปกระตุ้นให้เกิดอาการ
00:12:02 → 00:12:04 หนักขึ้นมาได้บางคนอาจจะเคยเห็นว่าไปโรง
00:12:04 → 00:12:06 พยาบาลเขาจะเขียนว่าไม่ให้ใช้น้ำหอมอ่า
00:12:06 → 00:12:08 ใช่มั้ฮะทำไมไม่ให้ใช้น้ำหอมมันไม่ได้แปล
00:12:08 → 00:12:10 ว่ามันเหม็นหรอกนะแต่มันเป็นเพราะว่ามัน
00:12:10 → 00:12:12 มีผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะผู้ป่วยทางเดิน
00:12:12 → 00:12:14 หายใจที่ดมเป็นของพวกเนี้ยแล้วโรคเขาจะ
00:12:14 → 00:12:16 กำเริบดังนั้นเนี่ยเราไม่อยากจะให้ใครก็
00:12:16 → 00:12:19 ตามที่เข้าโรงพยาบาลเนี่ยใช้น้ำหอมเพราะ
00:12:19 → 00:12:20 ว่าอาจจะเป็นแบบนะครับ
00:12:20 → 00:12:23 >> อืค่ะอาจจะถามเพิ่มเติมไปเรื่อยๆเนาะจาก
00:12:23 → 00:12:25 แนว่าหลายๆคนน่าจะมีประสบการณ์เรื่องของ
00:12:25 → 00:12:27 กลิ่นแตกต่างกันมากมันจะมีอยู่กลิ่นนึง
00:12:27 → 00:12:30 ค่ะที่หลายๆคนน่ะค่ะเป็นก็คือเวลาที่เรา
00:12:30 → 00:12:32 สมมุติเราขึ้นรถสาธารณะอ่าอาจจะเป็นรถ
00:12:32 → 00:12:33 แท็กซี่
00:12:33 → 00:12:35 >> อ่าอย่างประเทศไทยนะคะมักจะได้กลิ่น
00:12:35 → 00:12:38 กระบูรหรือว่ากลิ่นที่เขาชอบใช้ดับกลิ่น
00:12:38 → 00:12:41 ในรถซึ่งแบบเราก็ไม่รู้มันหอมตรงไหนนะแต่
00:12:41 → 00:12:44 ว่าหลายๆคนใช้แล้วพอขึ้นไปแล้วทำไมเราถึง
00:12:44 → 00:12:46 เหมือนเกิดอาการเมาหรือว่ารู้สึกผอืดพะอม
00:12:46 → 00:12:49 ได้คืออย่างตอนแรกคุณหมอบอกว่ากลิ่นเนี่ย
00:12:49 → 00:12:52 มันมันเฉพาะเจาะจงกับความทรงจำของแต่ละคน
00:12:52 → 00:12:55 แต่ไอ้อย่างกลิ่นเนี้ยในรถเนี่ยค่ะทำไม
00:12:55 → 00:12:56 มันหลายคนเป็นได้ล่ะคะ
00:12:57 → 00:12:59 >> มันทั้งร้อนทั้งอับอ่ะบางทีนะครับแต่ถ้า
00:12:59 → 00:13:02 เกิดว่าเราเจอกลิ่นที่มีความเข้มข้นสูงๆ
00:13:02 → 00:13:04 อ่ะจากหอมมันก็กลายเป็นไม่หอมได้นะอย่าง
00:13:04 → 00:13:08 น้ำหอมเนี่ยบางทีถ้าเราฉีดมาแบบสเปรย์นึง
00:13:08 → 00:13:10 อ้ามันกำลังดีไอ้นี่ล่อไป 10 สเปรย์เลย
00:13:10 → 00:13:12 อันนี้เหม็นละกาลบูลก็เหมือนกันครับคือ
00:13:12 → 00:13:15 ถ้าเราดมในปริมาณที่น้อยๆเออมันก็เย็นๆ
00:13:15 → 00:13:17 หอมๆดีแต่ถ้าเล่นใส่ไปทั้งก้อนอะไรอย่าง
00:13:17 → 00:13:20 เงี้ยเยอะๆหรือแบบรถแท็กซี่สมัยก่อนเอา
00:13:20 → 00:13:22 ใบเตยยัดเข้าไปเป็นกระบุงเลยเออมันก็เยอะ
00:13:22 → 00:13:24 เกินไปฮะดังนั้นเวลาที่เราได้กลิ่นที่
00:13:24 → 00:13:27 เยอะเกินไปเราก็จะมีปัญหาส่วนคนขับเนี่ยเ
00:13:27 → 00:13:30 ชินของเขาอยู่แล้วเก็ใช้งี้ทุกวันพอใช้ไป
00:13:30 → 00:13:32 นานๆเออมันเฉยๆมันหอมดีแฮะแล้วบางทีคนเรา
00:13:32 → 00:13:34 เวลาชินกลิ่นเนี่ยปริมาณเท่าเดิมไม่มัน
00:13:34 → 00:13:37 ไม่หอมล่ะเพิ่มดีกว่ากาลบูตอนแรกใส่นิด
00:13:37 → 00:13:40 เดียวมันก็หอมดีแต่อยู่ไปมันจางจังใส่
00:13:40 → 00:13:42 เข้าไปอีกใส่ๆจนมันพูนเลยถึงจะได้กลิ่น
00:13:43 → 00:13:45 แต่ผู้โดยสารน่ะมันไม่เคยชินกับกลิ่นขนาด
00:13:45 → 00:13:47 นั้นน่ะเข้ามาทีโอหูมันเยอะขนาดนี้มันอึด
00:13:47 → 00:13:50 อัดมันหายใจแล้วมันไม่ไหวนั่นก็คือเหตุผล
00:13:50 → 00:13:52 หนึ่งคือเราชินได้แล้วก็ขึ้นกับ
00:13:52 → 00:13:53 ประสบการณ์ของเราด้วยนะครับ
00:13:53 → 00:13:56 >> อ๋อคือพอเราไม่ชินเราเข้าไปแล้วคือสมอง
00:13:56 → 00:13:58 สั่งให้เราแบบไม่อยากหายใจกลิ่นนี้อย่าง
00:13:58 → 00:13:59 เงี้ยเหรอคะ
00:13:59 → 00:14:00 >> มันใช่มันมันได้เข้าไปแล้วมันรู้สึกว่า
00:14:00 → 00:14:01 มันเยอะไปอ่ะอ
00:14:01 → 00:14:04 >> นะครับคือกาลบูลจริงๆต้องบอกมันเป็นพิษนะ
00:14:04 → 00:14:06 เรากินเข้าไปก็ไม่ได้นะครับ
00:14:06 → 00:14:07 >> ของมันมันเป็นพิษอยู่ดีดังนั้นเนี่ยถ้า
00:14:07 → 00:14:09 เราได้เข้าไปปริมาณมากๆเนี่ยร่างกายเรา
00:14:09 → 00:14:11 มันไม่ชอบอยู่แล้วมันก็จะ
00:14:11 → 00:14:13 >> ไม่ได้ละอย่างลูกเหม็นอย่างเงี้ยนะครับ
00:14:13 → 00:14:15 ลูกเหม็นมันก็มันก็เป็นพิษนะกินเข้าไปก็
00:14:15 → 00:14:17 ไม่ได้นะเม็ดเลือดแดงแตกหมดนะฮะไอ้ลูก
00:14:17 → 00:14:19 เหม็นพวกเนี้ยแต่ว่าถ้าปริมาณน้อยๆเราได้
00:14:19 → 00:14:21 กลิ่นเออมันก็ยังโอเคนะมันไม่ได้แย่มาก
00:14:21 → 00:14:23 แต่ถ้าเกิดว่าใครเข้าห้องน้ำชายแล้วเจอ
00:14:23 → 00:14:25 ลูกเหม็นเยอะๆอ่ะรับรองว่าน่าจะแย่ได้
00:14:25 → 00:14:27 >> นะครับมันมันเหม็นจริงๆ
00:14:27 → 00:14:29 >> ค่ะเมื่อกี้คุณหมอพูดถึงการฉีดน้ำหอมว่า
00:14:29 → 00:14:31 เอ้ยถ้าฉีดปริมาณประมาณเนี้ยกำลังโอเค
00:14:31 → 00:14:33 นั่นหมายความว่าจริงๆการฉีดน้ำหอมหรือการ
00:14:33 → 00:14:36 ใช้แบบกลิ่นต่างๆมันไม่ได้มีผลต่อร่างกาย
00:14:36 → 00:14:38 ของเราใช่มั้ยคะหมายถึงเอฟเฟคต่อสุขภาพ
00:14:38 → 00:14:38 อย่างเงี้ย
00:14:38 → 00:14:40 >> ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมี
00:14:40 → 00:14:40 >> อ
00:14:40 → 00:14:43 >> ก็ต้องบอกว่ามีเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว
00:14:43 → 00:14:45 โรคทางเดินหายใจต่างๆบางคนอาจจะไวต่อน้ำ
00:14:45 → 00:14:48 หอมได้ที่เหลือคือมันผลต่อจิตใจล้วนๆ
00:14:48 → 00:14:50 >> อย่างอย่าโรคไมเกรน
00:14:50 → 00:14:50 >> ครับ
00:14:51 → 00:14:53 >> ไมเกรนเนี่ยค่อนข้างจะไวต่อสิ่งกระตุ้น
00:14:53 → 00:14:55 มากมายน้ำหอมนี้ก็ไม่ได้เหมือนกันครับผม
00:14:55 → 00:14:57 >> อันนี้มันเป็นอยากให้คุณหมออธิบายนิดนึง
00:14:57 → 00:15:00 ว่าไมเกรนคือมันไวต่อกลิ่นหรือจริงๆมัน
00:15:00 → 00:15:03 เป็นแค่ประสบการณ์ที่เขาไม่โอเคกับ
00:15:03 → 00:15:05 >> อไม่ใช่ไมเกรนเนี่ยบางคนมันจะมีปัญหาที่
00:15:05 → 00:15:08 ว่าเส้นประสาทของเขามันจะนำความรู้สึกได้
00:15:08 → 00:15:11 ไวกว่าปกตินะครับพอมันไวกว่าปกติอะไรนิด
00:15:11 → 00:15:13 นึงอ่ะมันก็ไม่ได้แล้วอ่ะอย่างเช่นตอน
00:15:13 → 00:15:15 เป็นไมเกรนบางคนเจอแสงปวดหัวไม่ไหวต้อง
00:15:15 → 00:15:16 ห้องมืด
00:15:16 → 00:15:18 แล้วต้องต้องเงียบๆด้วยนะครับเพราะถ้า
00:15:18 → 00:15:21 เสียงดังแบบนิดเดียวอ่ะมันปวดหัวแล้วอ่ะ
00:15:21 → 00:15:24 หรือบางทีแค่เห็นอาหารอ่ะก็คลื่นไส้ทั้งๆ
00:15:24 → 00:15:27 ที่ปกติเราก็กินได้แต่ตอนเป็นไมเกรนแบบ
00:15:27 → 00:15:29 ไม่เอาอ่ะมันจะอ้วกอ่ะมันจะปวดหัวนะครับ
00:15:29 → 00:15:31 >> คืออันนั้นมันเป็นที่ตัวโรคของมันเองทำ
00:15:31 → 00:15:33 ให้เส้นประสาทของเรามันไวในการรับความรู้
00:15:34 → 00:15:36 สึกจนเกินไปก็เกิดอาการขึ้นมาได้
00:15:36 → 00:15:38 >> มันมีเหตุมั้คะก่อนที่จะมาเป็นเส้นประสาท
00:15:38 → 00:15:39 รับรู้ไวเกิน
00:15:39 → 00:15:42 >> เเชื่อว่ามันเกิดจากตัวยีนอยู่ตัวนึงชื่อ
00:15:42 → 00:15:45 ว่า CGRP นะครับแคลซิ Jean related
00:15:45 → 00:15:48 pepปtiไideนะไอ้ตัวเนี้ยเป็นตัวที่เขา
00:15:48 → 00:15:50 เชื่อว่ามันทำให้มีอาการไมเกรนขึ้นมาทั้ง
00:15:50 → 00:15:52 หมดเลยถ้าใครที่มีความผิดปกติของตัวเนี้ย
00:15:52 → 00:15:54 ก็จะเกิดอาการไมเกรนแล้วเดี๋ยวเนี้ยมันมี
00:15:54 → 00:15:57 ยาที่มันจัดการกับไอ้ตัวนี้โดยเฉพาะแล้ว
00:15:57 → 00:15:59 นะครับสำหรับคนที่เป็นไมเกรนะงั้นมันก็
00:15:59 → 00:16:01 เลยคิดว่าเออมันคงจะเป็นกลไกนี้นี่แหละ
00:16:01 → 00:16:03 ที่ทำให้สมองของเรามันเกิดการนำกระแสไฟ
00:16:03 → 00:16:05 ฟ้าที่มันไม่ถูกต้องดังนั้นเวลาไปเจอสิ่ง
00:16:05 → 00:16:08 กระตุ้นมันก็เลยเกิดพวกไมเกรนอะไรก็แล้ว
00:16:08 → 00:16:10 แต่ที่ทำให้วงจรนี้มันทำงานเช่นถ้าคนเป็น
00:16:10 → 00:16:13 ไมเกรนเนี่ยกินข้าวไม่ตรงเวลากินเยอะไป
00:16:13 → 00:16:15 กินอาหารบางชนิดไม่ได้หลับไม่ได้นอน
00:16:15 → 00:16:18 เครียดมากมีประจำเดือนหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:16:18 → 00:16:20 มันก็จะมาละกระตุ้นทำให้เราเป็นได้หรือ
00:16:20 → 00:16:23 บางทีบางคนกินยาบางตัวก็อ่ะเป็นนะครับก็
00:16:23 → 00:16:24 มีได้
00:16:24 → 00:16:26 >> โอ้เป็นโรคที่แบบเบาะบางเหมือนกัน
00:16:26 → 00:16:29 >> ใช่บอกบางแต่ว่ามันก็มันก็รักษาได้นะมัน
00:16:29 → 00:16:30 มีวิธีในการดูแลตัวเองเหมือนกัน
00:16:30 → 00:16:31 >> ก็คือหายขาดได้เลย
00:16:31 → 00:16:34 >> ไมเกรนส่วนใหญ่มันจะไม่ได้หายขาดซักขนาด
00:16:34 → 00:16:36 นั้นแต่ว่ามันจะดีขึ้นเวลาที่เราอายุเยอะ
00:16:36 → 00:16:37 ขึ้นนะส่วนใหญ่แล้ว
00:16:37 → 00:16:38 >> อเพราะอะไรคะคุณหมอ
00:16:38 → 00:16:40 >> อันนี้คิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับ
00:16:40 → 00:16:42 ฮอร์โมนบ้างนะครับโดยเฉพาะถ้าเพศหญิง
00:16:42 → 00:16:45 เนี่ยเป็นตอนมีประจำเดือนทุกทีเลยถ้าเกิด
00:16:45 → 00:16:47 ผ่านไปนานๆอ้าวเราหมดประจำเดือนและอ่าตอน
00:16:47 → 00:16:49 นั้นฮอร์โมนมันก็ไม่สวิงขึ้นสวิงลงแล้ว
00:16:49 → 00:16:50 อะไรอย่างเงี้ยมันอาจจะดีขึ้นได้นะครับ
00:16:50 → 00:16:52 แต่บางคนก็ต้องรักษาต่อเนื่องเหมือนกัน
00:16:53 → 00:16:55 >> บางคนก็บอกว่าความเครียดพอเครียดมากๆก็
00:16:55 → 00:16:56 ไมเกรนมา
00:16:56 → 00:16:57 >> อ๋อก็เกี่ยวกันใช่
00:16:57 → 00:16:59 >> ก็เกี่ยวกันนะครับเครียดมากกินข้าวตรง
00:16:59 → 00:17:02 เวลานอนพักผ่อนน้อยอย่างเงี้ยซึ่งแต่ละคน
00:17:02 → 00:17:05 เนี่ยความสิ่งที่ตัวเป็นตัวกระตุ้นเนี่ย
00:17:05 → 00:17:07 มันก็จะไม่เหมือนกันบางคนบอกตอนฝนตกแล้ว
00:17:07 → 00:17:10 เป็นเพราะว่ามันเปลี่ยนแปลงความชื้นกับ
00:17:10 → 00:17:12 ความกดอากาศอ่ะเป็นทันทีบางคนบอกว่าเจอ
00:17:12 → 00:17:14 อากาศร้อนแล้วเป็นอยู่ประเทศไทยก็คือ
00:17:14 → 00:17:15 เหมือนเป็นประเทศไมเกรนแต่พอไปเที่ยว
00:17:15 → 00:17:18 สวิตเซอร์แลนด์โอแฮปปี้สบายไมเกรนหาย
00:17:18 → 00:17:20 อย่างเงี้ไม่ต้องกินยาเลยก็มีแบบนี้
00:17:20 → 00:17:21 เหมือนกันอือโอเคนี้ก็เป็นเรื่องของ
00:17:22 → 00:17:24 ไมเกรนที่หลายๆคนอาจจะเป็นเนาะแชร์
00:17:24 → 00:17:26 ประสบการณ์กันได้นะคะกลับมาเรื่องกลิ่น
00:17:26 → 00:17:29 นิดนึงว่ามีพฤติกรรมนึงที่หลายๆคนน่าจะ
00:17:29 → 00:17:33 ชอบทำคือการดมยาดมโดยเฉพาะคนไทยอ่าดมติด
00:17:33 → 00:17:35 ดมยาดมมากมีหลายแบบมีหลายกลิ่นมากคุณหมอ
00:17:35 → 00:17:37 รวมถึงบางคนนี่อาจจะยัดเข้าจมูกเลยนะแบบ
00:17:37 → 00:17:40 รู้สึกว่าโอหมันดมแล้วมันเฟรชมันฟื้นคืน
00:17:40 → 00:17:42 ชีพมากๆเลยอย่างเงี้ยมันมีผลต่อร่างกาย
00:17:42 → 00:17:43 ของเรามั้คะ
00:17:43 → 00:17:46 >> มันจะมีผลต่อตัวเยื่อบุจมูกของเรามากกว่า
00:17:46 → 00:17:48 เพราะไอ้ของพวกเนี้ยถ้าเกิดว่ามันให้เข้า
00:17:48 → 00:17:50 ไปเต็มที่ใช่มั้ครับสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะ
00:17:50 → 00:17:52 เกิดการบาดเจ็บต่อพวกเยื่อทางเดินอากาศ
00:17:52 → 00:17:54 ของเราสิ่งหนึ่งซึ่งเจอแน่ๆก็คือมันจะทำ
00:17:54 → 00:17:56 ให้การรับกลิ่นเนี่ยเพี้ยนเพี้ยนไปเหมือน
00:17:56 → 00:17:58 กับคนกินเผ็ดจนชินน่ะต่อไปมันก็ไม่เผ็ด
00:17:58 → 00:18:00 แล้วอ่ะต่อไปกินอะไรมันก็ไม่อร่อยแล้วไอ้
00:18:00 → 00:18:02 นี่ก็ลดประมาณอย่างนั้นนะเวลาเข้าไปใน
00:18:02 → 00:18:04 จมูกของเรานะครับถ้าเกิดคุณดมเข้าไปเยอะๆ
00:18:04 → 00:18:07 เอายัดเมนูจมูก 2 จมูกแล้วก็ดมทางปากดมไป
00:18:07 → 00:18:10 ทุกทางเลยเงี้ยมันก็อาจจะทำให้การรับรู้
00:18:10 → 00:18:12 ประสาทเนี่ยผิดเพี้ยนไปนะครับคนเหล่า
00:18:12 → 00:18:15 เนี้ยลองไปดูสิสิครับถ้าใครที่ใช้ทุกวัน
00:18:15 → 00:18:17 ใช้ประจำใช้มาตั้งแต่หนุ่มยนต์แก่เนี่ย
00:18:17 → 00:18:18 เวลาให้เค้าดมกลิ่นอ่อนๆเนี่ยมันจะไม่ได้
00:18:18 → 00:18:19 กลิ่นละ
00:18:19 → 00:18:21 >> แต่คือมันก็ก็มีปัญหาแค่เรื่องของการรับ
00:18:21 → 00:18:24 กลิ่นเพี้ยนแต่ว่าไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพ
00:18:24 → 00:18:27 >> มันก็มีกรณีนึงเหมือนกันจริงๆน่าจะเมื่อ
00:18:27 → 00:18:29 ไม่กี่อาทิตย์เมื่อก่อนเนะครับคือมีคนไป
00:18:29 → 00:18:31 ได้ยาดมอันนึงแล้วข้างในเนี่ยมันเป็น
00:18:31 → 00:18:33 สมุนไพรแต่มันมีเชื้อราอยู่ในนั้น
00:18:33 → 00:18:34 >> อ๋อ
00:18:34 → 00:18:35 >> ใช่มั้ยได้ดูข่าวไม่รู้
00:18:35 → 00:18:37 >> คือดมขึ้นไปคุณก็ได้เชื้อราเข้าไปได้
00:18:37 → 00:18:39 เหมือนกันส่วนมันจะเกิดเชื้อราในปอดหรือ
00:18:39 → 00:18:41 เปล่าอันนี้แล้วแต่ดวงเลยล้วนๆเลยมันกัน
00:18:41 → 00:18:43 ไม่ได้ด้วยแล้วถ้าเกิดใครดมไปแล้วก็ไม่มี
00:18:43 → 00:18:46 วิธีในการรักษาเราไม่ได้ให้ยาฆ่าเชื้อรา
00:18:46 → 00:18:48 ทุกคนในคนที่ดมเข้าไปแล้ว
00:18:48 → 00:18:48 >> ค่ะ
00:18:48 → 00:18:50 >> ดังนั้นเนี่ยถ้าเราจะเอามันมาดมเราต้อง
00:18:50 → 00:18:52 ตรวจให้แน่ใจก่อนว่ามันไม่ได้มีความผิด
00:18:52 → 00:18:54 ปกติข้างในนะครับแล้วก็มันเป็นของใหม่ไม่
00:18:54 → 00:18:56 หมดอายุไม่งั้นมันอาจจะได้ปัญหาอย่างอื่น
00:18:56 → 00:18:57 ตามมาแทน
00:18:57 → 00:18:59 >> แล้วอย่างอีกแบบนึงเมื่อกี้อาจจะเป็นยาดม
00:18:59 → 00:19:01 แบบเป็นแห้งมันก็จะมีอีกแบบนึงที่จะเป็น
00:19:02 → 00:19:04 เหมือนเขาเรียกน้ำมันหอมระเหยอย่างเงี้ย
00:19:04 → 00:19:07 ที่เราทาแบบเนี้ยมันเอฟเฟคมั้ยคะต่อร่าง
00:19:07 → 00:19:08 กาย
00:19:08 → 00:19:10 >> น้ำมันหอดระเหยที่ว่าก็มันจะมีแบบที่ใช้
00:19:10 → 00:19:11 นวดใช่มั้ฮะ
00:19:11 → 00:19:13 >> ในพวกสปาก็จะมีน้ำมันหอมเหย Essential
00:19:13 → 00:19:16 oil ชั้นนวดบางอันก็ใช้ในฟิวuserที่มา
00:19:16 → 00:19:19 ปล่อยให้มันเป็นละอองขึ้นมาพวกเนี้ยถ้า
00:19:19 → 00:19:22 เราดมผ่านเฉยๆเนี่ยไม่มีปัญหาเลยนะฮะแต่
00:19:22 → 00:19:24 ถ้าเกิดคุณไปดมด้วยความเข้มข้นแบบห้องปิด
00:19:24 → 00:19:27 เล็กมากๆและมีน้ำมันแบบเยอะๆเลยเนี่ยน้ำ
00:19:27 → 00:19:29 มันพวกนี้ถ้ามันเยอะมากๆมันจะสามารถทำให้
00:19:29 → 00:19:31 เกิดปอดอักเสบได้
00:19:31 → 00:19:32 >> อ๋อเกิดปอดอักเสบได้
00:19:32 → 00:19:33 >> แล้วมันรักษาไม่ได้ด้วย
00:19:33 → 00:19:35 >> มันเกิดจากอะไรคะถึงเป็นปอดอักเสบได้
00:19:35 → 00:19:37 >> เกิดจากตัวไขมันเนี่ยแหละมันไปเกาะอยู่ใน
00:19:37 → 00:19:38 ตัวปอดตรงๆเลย
00:19:38 → 00:19:41 >> อ๋อน้ำมันนี่ก็คือมีไขมันอมันไปอยู่ใน
00:19:41 → 00:19:43 นั้นแล้วมันรักษาไม่ได้ด้วยนะฮะ
00:19:43 → 00:19:43 >> อืค่ะ
00:19:43 → 00:19:46 >> คือต้องปล่อยแล้วก็หลีกเลี่ยงการสัมผัส
00:19:46 → 00:19:48 แล้วแล้วหวังว่ามันจะดีขึ้นเอง
00:19:48 → 00:19:50 >> แล้วถ้าอีกกรณีนึงที่เขา้าเอาพวกน้ำมัน
00:19:50 → 00:19:51 หอมระเขยพวกเนี้ยป้ายจมูก
00:19:51 → 00:19:53 >> ก็ถ้าป้ายตลอดเวลาก็เหมือนกันนะครับเพราะ
00:19:53 → 00:19:55 มันดมเข้าไปตรงๆเยอะนะฮะ
00:19:55 → 00:19:56 >> อ
00:19:56 → 00:19:58 >> คือมันจะเคยมีเคสเคสหนึ่งที่เกิดปอด
00:19:58 → 00:20:01 อักเสบจากไขมันเพราะว่าเขาเอาไอ้ตัวคล้าย
00:20:02 → 00:20:04 ๆวาซลีนมาป้ายตางจมูกตลอดเวลาหรือป้ายปาก
00:20:04 → 00:20:06 ตลอดเวลาเพราะว่าเขาชินแบบนั้นไอ้เนี่ย
00:20:06 → 00:20:08 มันคือก้อนไขมันล้วนๆเลยแต่ว่าคนที่เอา
00:20:08 → 00:20:10 น้ำมันหอมระเหยมาทาแล้วจนเกิดปอักเซเนี่ย
00:20:10 → 00:20:13 ผมยังไม่เคยเจอเพียงแต่ว่าในทฤษฎีแล้วมัน
00:20:13 → 00:20:15 เป็นไปได้ถ้าเกิดว่าใช้เยอะๆซึ่งไม่มีใคร
00:20:15 → 00:20:17 บอกได้หรอกครับว่าใช้เยอะแค่ไหนใช้นาน
00:20:17 → 00:20:19 เท่าไหร่มันถึงจะเกิดเรื่องขึ้นมาแต่ใน
00:20:19 → 00:20:21 เมื่อเรารู้ว่าทฤษฎีแล้วมันเป็นไปได้
00:20:21 → 00:20:23 เนี่ยคุณก็ลดการใช้ลงมาหน่อยดีกว่านะครับ
00:20:23 → 00:20:26 >> อทำเพิ่มอยากรู้อยากรู้เองว่าอย่างเอ่อ
00:20:26 → 00:20:28 อย่างเมื่อกี้วัสดีหมายถึงว่ามันเป็น
00:20:28 → 00:20:30 เหมือนเป็นน้ำมันแบบจับได้เป็นลื่นๆอย่าง
00:20:30 → 00:20:33 งี้แล้วเราป้ายแล้วเวลาเราหายใจเข้าไปมัน
00:20:33 → 00:20:35 ไม่ได้มีการดักก่อนหรอคะมันทำไมมันถึง
00:20:35 → 00:20:35 เข้าไปได้ล่ะ
00:20:35 → 00:20:37 >> มันไม่ได้ดักอะไรหรอกครับมันก็เข้าไปได้
00:20:37 → 00:20:39 ตามปกติอยู่แล้วมันไม่มีอะไรมากั้นมันนะ
00:20:39 → 00:20:40 >> อื
00:20:40 → 00:20:42 >> อย่างดีก็มีแค่ขนจมูกซึ่งขนจมูกมันก็แปล
00:20:42 → 00:20:45 ว่าบริเวณที่ไม่มีขนจมูกมันก็ลอยเข้าไป
00:20:45 → 00:20:45 ได้อยู่ดีนะฮะ
00:20:45 → 00:20:48 >> อือฮึจริงๆห้ามถึงขั้นห้ามเลยมั้คะว่าไม่
00:20:48 → 00:20:49 ควรเอามาป้ายนะ
00:20:49 → 00:20:51 >> จริงๆมันไม่ควรจะมาป้ายอยู่แล้วอ่ะคือเขา
00:20:51 → 00:20:54 ไม่ได้ใช้ให้มาป้ายจมูกของพวกเนี้ยใช่มั้
00:20:54 → 00:20:55 >> แต่เราทำกันชินมาก
00:20:55 → 00:20:56 >> เออ
00:20:56 → 00:20:58 >> งั้นก็ระวังตัวไว้ดีๆเพราะว่าเราไม่
00:20:58 → 00:21:00 สามารถบอกได้ว่าใครจะเกิดปัญหาที่สำคัญ
00:21:00 → 00:21:02 คือเกิดแล้วมันแก้ไม่ได้ก็ต้องแล้วแต่ดวง
00:21:02 → 00:21:04 ว่าคุณจะดีขึ้นหรือเปล่างั้นถ้าเราใช้
00:21:04 → 00:21:07 อยู่เนี่ยก็ลดความถี่ในการใช้ลงนะคนโดย
00:21:07 → 00:21:09 เฉพาะถ้าเราใช้ตั้งแต่อายุน้อยเพราะนั่น
00:21:09 → 00:21:11 หมายความว่าถ้าเราใช้แบบนี้จนชินมันจะใช้
00:21:11 → 00:21:13 ไปต่อเนื่องเรื่อยๆจนถึงอายุเท่าไหร่ก็
00:21:13 → 00:21:15 ไม่รู้แล้วถ้าถึงตอนนั้นแล้วเกิดปัญหา
00:21:15 → 00:21:17 เนี่ยมันมองย้อนกลับมามันทำอะไรกับมันไม่
00:21:17 → 00:21:18 ได้สักอย่างเลยนะฮะ
00:21:18 → 00:21:21 >> ค่ะโอก็เป็นอะไรที่ดมก็พอเนาะดมห่าง
00:21:21 → 00:21:23 >> เออดมห่างๆหรือจะทาไว้ตรงข้อมืออะไรอย่าง
00:21:23 → 00:21:23 เงี้ยก็ได้
00:21:23 → 00:21:25 >> อ๋อข้อมือได้ข้อมือไม่ได้ซึมเข้าไปใน
00:21:25 → 00:21:27 กระแสเลือดไม่ได้ซึมซึมมันไม่มันไม่ดี
00:21:27 → 00:21:31 ขนาดนั้นนะแล้วนี่เราอยากจะดมเราก็ตอนที่
00:21:31 → 00:21:32 เราสะบัดมือเราก็ได้กลิ่นของเราอยู่แล้ว
00:21:32 → 00:21:34 แต่ถ้ามาทาตรงนี้เลยมันอันเนี้จะเยอะไป
00:21:34 → 00:21:35 หน่อย
00:21:35 → 00:21:37 >> ทีนี้มีอีกอย่างนึงเรื่องของกลิ่นที่
00:21:37 → 00:21:40 แพนด้าว่าหลายๆคนทำก็คือการจุดเทียนหอม
00:21:40 → 00:21:40 >> ครับ
00:21:40 → 00:21:43 >> อ่ะอ่าการจุดเทียนหอมเอาไว้ในห้องส่วน
00:21:43 → 00:21:45 ใหญ่แล้วเนี่ยเราไม่ค่อยจุดเทียนหอมกันใน
00:21:45 → 00:21:47 บริเวณที่เปิดหรอกเรามักจะจุดกันในห้อง
00:21:47 → 00:21:49 อยู่แล้วล่ะแล้วพฤติกรรมเนี้ยค่ะมัน
00:21:49 → 00:21:51 อันตรายต่อร่างกายเรามั้คะ
00:21:51 → 00:21:53 >> ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเท่าไหร่
00:21:53 → 00:21:53 >> อฮ
00:21:53 → 00:21:54 >> เพราะว่าเราคงไม่ได้ปิดห้องนั้นไว้ตลอด
00:21:55 → 00:21:55 เวลาถูกมั้ย
00:21:55 → 00:21:57 >> พอเราเสร็จปุ๊บเดี๋ตอนเช้าเราก็ต้องเปิด
00:21:57 → 00:21:59 ห้องเราออกไปจากห้องอะไรเงี้ยหรือใครไป
00:21:59 → 00:22:02 จุดตอนอาบน้ำอย่างเงี้ยแช่อยู่ในอ่างเออ
00:22:02 → 00:22:04 มันก็แป๊บเดียวแล้วเดี๋สักพักเราก็ต้อง
00:22:04 → 00:22:05 เปิดประตูห้องน้ำอยู่ดีซึ่งส่วนใหญ่มัน
00:22:06 → 00:22:08 ไม่มีปัญหาอะไรแต่พวกที่มีปัญหาเนี่ย
00:22:08 → 00:22:10 >> คือจุดไว้ในห้องแล้วไม่เคยเปิดประตูเลย
00:22:10 → 00:22:12 ปิดไว้อย่างงั้นนั่นแหละแน่นอนว่ามันก็มี
00:22:12 → 00:22:14 ปัญหาได้เพราะว่าอากาศมันไม่มีการหายเท
00:22:14 → 00:22:15 อะไรเลย
00:22:15 → 00:22:17 >> เพราะว่าคนเราชอบจุดเพื่อที่เอากลิ่นเอา
00:22:17 → 00:22:17 บรรยากาศ
00:22:17 → 00:22:21 >> ใช่เพราะว่ามันมันดมแล้วมันสบายใจบางที
00:22:21 → 00:22:23 มันก็เหมือนเป็นการย้ำเตือนว่าเออไอ้
00:22:23 → 00:22:25 บรรยากาศแบบเนี้ยมันเป็นบรรยากาศที่เรา
00:22:25 → 00:22:28 เคยชอบนะสมมุติเราไปเที่ยวทะเลแล้วเราได้
00:22:28 → 00:22:30 กลิ่นเงี้ยแล้วเราก็เอากลิ่นเนี้ยมาเอ่อ
00:22:30 → 00:22:32 ตั้งอยู่ในห้องเรามันรู้สึกทำให้เรานึก
00:22:32 → 00:22:34 ถึงวันที่เรามีความสุขมันก็ช่วยทางด้าน
00:22:34 → 00:22:36 จิตใจของเราได้แต่ก็แค่แบบเราเราไม่ได้
00:22:36 → 00:22:38 เอาจมูกไปจ่อเทียนแล้วดม
00:22:38 → 00:22:41 >> นะแล้วเราก็ไม่ได้แบบปิดห้องนั้นไว้ตลอด
00:22:41 → 00:22:42 เวลาดังนั้นส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้เป็น
00:22:42 → 00:22:43 อะไร
00:22:43 → 00:22:43 >> ครับ
00:22:43 → 00:22:45 >> จะยกเว้นเฉพาะคนที่เขามีโรคปอดถ้าเขาใช้
00:22:45 → 00:22:48 แล้วรู้สึกเอ๊ะหายใจมันไม่ปกติไอ้พวกนี้
00:22:48 → 00:22:50 ไม่ต้องใช้ครับเลือกใช้ซะมันไม่มีวิธีทำ
00:22:50 → 00:22:51 ให้ใช้ได้ด้วยนะฮะไม่มี
00:22:51 → 00:22:54 >> โอเค่ะคือที่สงสัยเนี่ยเพราะว่าบางคนแต่
00:22:54 → 00:22:56 ว่าคุณหมออาจจะตอบไปแล้วตอนแรกๆเนาะว่า
00:22:56 → 00:22:59 อย่างเราจุดเทียนหอมไว้กลิ่นเดียวกัน
00:22:59 → 00:23:02 >> แต่บางคนเขาบอกว่ามันพอมันมีควันควันที่
00:23:02 → 00:23:04 มันมีกลิ่นมันทำให้เขาแบบ
00:23:04 → 00:23:05 >> ปวดหัวแบบ
00:23:05 → 00:23:06 >> เไม่ชอบกลิ่นนั้นฮะ
00:23:06 → 00:23:07 >> มันไม่ได้เกี่ยวกับร่างกายอะไรเลยแค่ไม่
00:23:07 → 00:23:07 ชอบ
00:23:07 → 00:23:08 >> ไม่เกี่ยวแค่ไม่ชอบ
00:23:08 → 00:23:10 >> มันก็เลยกำเริบขึ้นมา
00:23:10 → 00:23:12 >> อืก็เหมือนกับทุเรียนน่ะฮะบางคนบอกเหม็น
00:23:12 → 00:23:14 จังบางคนมาหอมจังก็กลิ่นเดียวกันนั่นแหละ
00:23:15 → 00:23:17 >> อ๋อค่ะถามนิดนึงค่ะถ้าสมมุติว่าอย่างงั้น
00:23:17 → 00:23:20 แล้วเมื่อเราสมมุติเราอยู่ในบริเวณเดียว
00:23:20 → 00:23:22 กันนะแล้วก็อาจจะเป็นที่ทำงาน
00:23:22 → 00:23:24 >> ซึ่งมันไม่สามารถที่จะไปแบบมีจุดได้มั้ย
00:23:24 → 00:23:25 อย่างเงี้ย
00:23:25 → 00:23:27 >> เราเราทำยังไงได้บ้างถ้าเราต้องทำงานตรง
00:23:27 → 00:23:28 นั้นจริงๆค่ะ
00:23:28 → 00:23:31 >> ก็ลำบากละเพราะว่าถ้าเราต้องอยู่กับของ
00:23:31 → 00:23:34 ที่มันมีปัญหากับเราอันนึงนะอย่างดีที่
00:23:34 → 00:23:36 เราทำได้ก็เอาพัดลมมาเป่าจากเนี้ยให้มัน
00:23:36 → 00:23:38 ไปทางอื่นซะอย่าให้มาเจอเรานะครับ
00:23:38 → 00:23:40 >> อย่างที่ 2 บางคนก็อย่าดมอย่าดมแล้วกัน
00:23:40 → 00:23:41 ให้กลิ่นมันเปลี่ยนๆไป
00:23:41 → 00:23:42 >> ออ
00:23:42 → 00:23:44 >> ก็ได้แค่เนี้ยครับเพราะว่าจริงๆเนี่ยคน
00:23:44 → 00:23:46 ที่เขาอยู่กับคนหมู่มากอ่ะจะต้องมีความ
00:23:46 → 00:23:48 เกรงใจคนหมู่มากจะต้องคิดถึงใจคนอื่นเขา
00:23:48 → 00:23:50 เพราะกลิ่นนึงที่หอมสำหรับเรามันอาจจะไม่
00:23:50 → 00:23:52 หอมสำหรับคนอื่นเขา
00:23:52 → 00:23:52 >> อื
00:23:52 → 00:23:54 >> เหมือนกับที่เขาชอบบอกว่าลูกเราเนี่ยไม่
00:23:54 → 00:23:57 ใช่น่ารักกับทุกคนนะมันน่ารักกับเราอย่าง
00:23:57 → 00:23:59 เดียวที่เหลือเาอาจจะมีปัญหากับลูกเราก็
00:23:59 → 00:23:59 ได้นะครับ
00:23:59 → 00:24:01 >> อือฮึสุดท้ายก็คือต้องกลับมาถ้ามันแก้ที่
00:24:01 → 00:24:03 คนอื่นไม่ได้ต้องแก้ที่ตัวเราเองด้วยแหละ
00:24:03 → 00:24:05 >> ใช่แล้วบางทีเราอาจจะต้องเราก็ต้องหาทาง
00:24:05 → 00:24:07 ทำเท่าที่เราทำได้เปลี่ยนกลิ่นเอาพัดลม
00:24:07 → 00:24:09 เป่าหรือไปทำที่อื่นอะไรเงี้ย
00:24:09 → 00:24:12 >> อีกกลิ่นนึงค่ะที่แพนด้าเชื่อว่าหลายๆคน
00:24:12 → 00:24:14 อาจจะมีประสบการณ์เหมือนกันคือเรื่องของ
00:24:14 → 00:24:17 ควันบุหรี่แน่นอนแหละเราเรารู้กันว่า
00:24:17 → 00:24:19 บุหรี่มันมันเป็นอะไรที่มันไม่ดีต่อ
00:24:19 → 00:24:21 สุขภาพเนาะแล้วก็บางครั้งเราไม่ใช่คนที่
00:24:21 → 00:24:24 สูบแต่เราต้องอยู่ในบริเวณที่มีคนสูบไม่
00:24:25 → 00:24:27 ว่าจะเป็นบุหรี่หรือว่าบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว
00:24:27 → 00:24:29 เราเนี่ยจะต้องใช้อากาศร่วมกับเค้าเนี่ย
00:24:29 → 00:24:30 ค่ะคุณหมอ
00:24:30 → 00:24:30 >> ครับผม
00:24:31 → 00:24:33 >> ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้จริงๆเราเราทำยังไงได้
00:24:33 → 00:24:33 บ้างคะ
00:24:33 → 00:24:34 >> ทำอะไรไม่ได้เลยครับ
00:24:34 → 00:24:35 >> เอาอีกแล้ว
00:24:35 → 00:24:37 >> ตอันนี้ตรงๆเลยทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆเพราะ
00:24:37 → 00:24:39 ว่าควันพวกเนี่ยเนี่ยต่อให้เราใส่หน้ากาก
00:24:39 → 00:24:41 มันก็เข้าไปได้อยู่ดีเพราะว่าอนุภาคของ
00:24:41 → 00:24:43 มันเล็กมากนะครับ N95 ก็มาไม่ได้จะกันได้
00:24:43 → 00:24:45 อย่างเดียวคือใส่หน้ากากที่เอาไว้กัน
00:24:45 → 00:24:47 ก๊าซิในสงครามแค่นั้นเลยที่มันกันได้แล้ว
00:24:47 → 00:24:50 ก็คือมันต้องอยู่ในพื้นที่เปิดหรือเอาพัด
00:24:50 → 00:24:53 ลมเป่าให้มันไปทางอื่นถ้านอกเหนือจากนี้
00:24:53 → 00:24:55 แล้วไม่มีวิธีอะไรเลยดูแลตัวเองก็ไม่ได้
00:24:55 → 00:24:55 เลย
00:24:55 → 00:24:58 >> อืใช่แต่ทีเนี้ยเออมันก็เป็นมันก็จะไม่
00:24:58 → 00:25:00 ใช่เรื่องของสุขภาพแล้วแต่มันจะกลายเป็น
00:25:00 → 00:25:02 เรื่องของจิตสำนึกไปว่าอย่างคนที่สูบก็
00:25:02 → 00:25:04 ควรที่จะสูบในบริเวณที่ให้สูบเนาะ
00:25:04 → 00:25:05 >> ใช่ครับ
00:25:05 → 00:25:07 >> แต่คืออย่างบางคนเไปสูบในบริเวณที่ให้สูบ
00:25:07 → 00:25:08 แล้วนะคะแต่กลิ่นกลิ่นมันติดตัวกลับมา
00:25:08 → 00:25:09 อย่างเงี้ย
00:25:09 → 00:25:10 >> อืเราก็โดนไปด้วยฮะ
00:25:10 → 00:25:13 >> ไอ้กลิ่นที่ติดตัวเขา้าอยู่มันอาจจะจาง
00:25:13 → 00:25:14 แล้วแต่ว่าเราได้กลิ่นอันนี้มันก็ถือว่า
00:25:15 → 00:25:16 รับปกติมั้ยคะ
00:25:16 → 00:25:18 >> ก็รับแต่อาจจะปริมาณน้อยกว่าตอนที่คุณไป
00:25:18 → 00:25:19 อยู่กับควันของมันนะครับ
00:25:19 → 00:25:22 >> อันเนี้ก็คือจริงๆมันมีประสบการณ์ของหมอ
00:25:22 → 00:25:24 หลายๆท่านที่เขาเจอเ้าเรียกว่าเป็นบุหรี่
00:25:24 → 00:25:27 มือสองแล้วก็มีบุหรี่มือ 3 แล้วเดี๋ยวนี้
00:25:27 → 00:25:29 >> มือ 2 หมายความว่าสมมุติว่าอ่าในครอบครัว
00:25:29 → 00:25:32 มีพ่อแม่ลูกอ่ะพ่อไปสูบบุหรี่ข้างนอกมานะ
00:25:32 → 00:25:35 ครับไม่ได้สูบในบ้านแต่เอาบุหรี่เข้ามา
00:25:35 → 00:25:37 ด้วยคือมากับเสื้ออย่างเงี้ยกลิ่นมันติด
00:25:37 → 00:25:39 อย่างเงี้ยเนี่ยลูกก็อาจจะเป็นโรคทางทาง
00:25:39 → 00:25:41 เดินหายใจเพิ่มมากขึ้นบุหรี่มือ 3 คือก็
00:25:42 → 00:25:45 พ่อเนี่ยคือเค้าเคยอยู่แถวๆเมาก่อนเค้า
00:25:45 → 00:25:46 ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วคือเค้าสูบุหรี่
00:25:46 → 00:25:48 เดินผ่านสมมุติห้องนี้ห้องนึงเป็นห้อง
00:25:48 → 00:25:51 เล่นของลูกเดินเข้าไปอยู่ห้องนั้นน่ะแล้ว
00:25:51 → 00:25:53 ตัวเองก็ไปไหนแล้วไม่รู้ห้องนั้นไม่มีไม่
00:25:53 → 00:25:56 มีพ่ออยู่แล้วแล้วลูกเข้าไปในนั้นมันก็
00:25:56 → 00:25:57 ยังเจอบุหรี่ได้อีก
00:25:57 → 00:25:57 >> อือ
00:25:57 → 00:25:59 >> แล้วก็มีความไวต่อทางเดินหายใจของเด็กได้
00:25:59 → 00:26:02 เพราะเด็กเนี่ยมันไวที่สุดเลยทีนี้ถ้าคน
00:26:02 → 00:26:04 ทั่วๆไปอ่ะแน่นอนบุหรี่มือหนึ่งอันตราย
00:26:04 → 00:26:07 สุดแต่บุหรี่มือสองถ้าดมเข้าไปกับควัน
00:26:07 → 00:26:09 ใกล้ใกล้ๆเนี่ยก็เออเยอะพอสมควรน่ะเกิด
00:26:09 → 00:26:11 อันตรายได้แต่ถ้าเป็นมือสมันก็จะจางลงไป
00:26:11 → 00:26:13 อีกแต่ไม่ได้แปลว่ามันปลอดภัยอ
00:26:13 → 00:26:13 >> อืครับ
00:26:13 → 00:26:14 >> ค่ะ
00:26:14 → 00:26:16 >> ไม่ไม่สูดจะดีที่สุดพยายาม
00:26:16 → 00:26:18 >> ใช่มันมันทำอะไรไม่ได้จริงๆดังนั้นเป็น
00:26:18 → 00:26:20 เรื่องของจิตสำนึกจริงๆอ่ะบริเวณที่ปลอด
00:26:20 → 00:26:21 ภัยที่สุดอาจจะเป็นบนเครื่องบินที่เขา
00:26:21 → 00:26:24 ห้ามสูบอะไรสักอย่างเลยี้เออนะฮะดีแน่ๆ
00:26:24 → 00:26:24 >> อือ
00:26:24 → 00:26:26 >> นะครับไม่งั้นข้างล่างเราก็เออเดี๋เรา
00:26:26 → 00:26:29 เดินผ่านใครเอาจจะสูบเป็นปกติของเขานะ
00:26:29 → 00:26:29 ครับ
00:26:29 → 00:26:32 >> อืมันน่าเศร้านิดนึงตรงที่ว่าเหมือนเรา
00:26:32 → 00:26:35 อยากจะรักตัวเองแล้วนะแต่มันไม่ได้จบที่
00:26:35 → 00:26:37 แค่เราเนาะมันมันมีคนถูกต้องถูกต้อง
00:26:37 → 00:26:40 >> ค่ะแล้วมีอาชีพอะไรอีกบ้างคะที่คุณหมอมอง
00:26:40 → 00:26:43 ว่าเฮ้ยเเนี่ยน่าจะเสี่ยงต่อโรคของปอดได้
00:26:43 → 00:26:46 ที่สุดควันสารพิษหรือว่าฝุ่นเข้าไป
00:26:46 → 00:26:48 >> ก็ใครที่ทำงานตรงถนนน่ะทุกคนล่ะครับถูก
00:26:48 → 00:26:49 มั้ย
00:26:49 → 00:26:49 >> อื
00:26:49 → 00:26:52 >> ก็ตำรวจจราจรนะครับคนที่เา้าทำงานเก็บขยะ
00:26:52 → 00:26:55 แถวนั้นแม่ค้าพ่อค้าที่อยู่ตรงข้างๆทาง
00:26:55 → 00:26:58 อันนี้ก็คือก็เต็มๆเลยฮะได้ฝุ่นได้ควัน
00:26:58 → 00:27:00 ได้ทุกอย่างเข้าไปหรือคนที่ทำงานที่ศาล
00:27:00 → 00:27:02 เจ้าที่มันยังมีการจุดธูปอยู่อ่าคุณก็ได้
00:27:02 → 00:27:04 ควันพวกนี้เข้าไปเต็มๆเลยแต่พวกพนักงาน
00:27:04 → 00:27:06 ออฟฟิศคนที่ทำงานฟรีแลนซ์พวกนี้มันโอกาส
00:27:06 → 00:27:08 ที่จะได้ของพวกเมันน้อยหน่อยเพราะคุณไม่
00:27:08 → 00:27:10 ได้อยู่หน้าพวกนั้นอีกอย่างนึงก็คือพวก
00:27:10 → 00:27:13 เกษตรกรที่เผาทั้งหลายทั้งแหล่เนี่ยเผา
00:27:13 → 00:27:15 อ้อยเผาทุ่งเผาอะไรก็คุณก็อยู่ตรงนั้นต่อ
00:27:15 → 00:27:17 ให้คุณใส่หน้ากากมันก็ดมเข้าไปอยู่ดีและ
00:27:17 → 00:27:20 อันที่คนมักจะหลงลืมก็คือพวกแม่ครัวพ่อ
00:27:20 → 00:27:22 ครัวทั้งหลายแหล่นะครับได้ดมกลิ่นได้ดม
00:27:22 → 00:27:25 ควันนะครับโดยเฉพาะถ้าเราทำจนมันไหม้แล้ว
00:27:25 → 00:27:26 มันเป็นควันสีดำเนี่ยไอ้นั่นคือสารกอง
00:27:26 → 00:27:28 มะเร็งของแท้เลย
00:27:28 → 00:27:28 >> ออ
00:27:28 → 00:27:31 >> แล้วจะเห็นว่าบางคนไม่ได้สูบบุหรี่ทำไม
00:27:31 → 00:27:33 เป็นมะเร็งได้อันนี้คือหนึ่งในนั้นเราได้
00:27:33 → 00:27:35 กลิ่นจากไอ้ของพวกนี้นั่นแหละจริงๆมีการ
00:27:35 → 00:27:37 ศึกษาในเอเชียด้วยว่าคนที่เขา้าไม่สูบ
00:27:37 → 00:27:39 บุหรี่ไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครัวก็ไม่
00:27:39 → 00:27:41 มีใครเป็นแล้วทำไมมันเป็นมะเร็งขึ้นมาได้
00:27:41 → 00:27:43 เหตุผลนึงก็เพราะว่าไอ้ฝุ่นพวกนี้นี่แหละ
00:27:43 → 00:27:45 ที่ตัวเองทำอาหารตลอดเวลาแล้วสูดดมเข้าไป
00:27:45 → 00:27:47 ร่วมกับการที่อาจจะมียีนผิดปกติตัวนึง
00:27:48 → 00:27:50 ชื่อว่า EGFR ซึ่งเจอในคนเอเชียได้เยอะนะ
00:27:50 → 00:27:54 ครับดังนั้นผู้หญิง 30-40 ทำกับข้าวมา
00:27:54 → 00:27:56 แล้วมียีนผิดปกติรวมกันกลายเป็นมะเร็งปอด
00:27:56 → 00:27:58 เฉยเลยนะครับก็เจออยู่เรื่อยๆ
00:27:58 → 00:28:00 >> ค่ะอ่ะนั่นหมายความว่าถ้าสมมุติเราอาจจะ
00:28:00 → 00:28:02 มีพฤติกรรมแบบนั้นแต่เราไม่ได้มียีนผิด
00:28:02 → 00:28:04 ปกติเราก็อาจจะโชคดีไปแต่เราไม่มีทางรู้
00:28:05 → 00:28:06 ครับว่าเรามีผิดปกติหรือเปล่า
00:28:06 → 00:28:07 >> มันตรวจได้มั้คะ
00:28:07 → 00:28:08 >> มันตรวจได้แต่มันไม่ตรงไปตรงมาขนาดนั้น
00:28:08 → 00:28:11 เพราะว่ายีนตัวนึงเนี่ยมันมีความยาวขนาด
00:28:11 → 00:28:13 หนึ่งแล้วเวลาเราตรวจเนี่ยเราต้องตรวจว่า
00:28:13 → 00:28:15 ยีนตัวเนี้ยเวลาเราตรวจหานะมันจะผิดปกติ
00:28:15 → 00:28:17 ตำแหน่งที่ 1 2 3 4 อย่างงี้ใช่มั้ย
00:28:17 → 00:28:20 ครับแต่ถ้าเกิดมันผิดตำแหน่งที่ 20 อย่าง
00:28:20 → 00:28:22 เงี้ยแล้วเราไม่มีชุดตรวจสำหรับ 20 เราก็
00:28:22 → 00:28:22 ไม่รู้
00:28:22 → 00:28:23 >> อื
00:28:23 → 00:28:24 >> อย่างเงี้ยมันต้องไปตรวจพิเศษซึ่งไอ้เวลา
00:28:24 → 00:28:27 ตรวจพิเศษทั้งยีนเนี่ยมันแพงมาก
00:28:27 → 00:28:30 >> ซึ่งไม่มีใครสามารถไปตรวจให้ทุกคนได้
00:28:30 → 00:28:32 >> เนี่ยคือตรวจปัญหาแล้วต่อให้ตรวจเจอแล้ว
00:28:32 → 00:28:34 ยังไงต่อสมมุติว่าเรารู้ว่าเรามีความผิด
00:28:34 → 00:28:37 ปกติของตัวแน่ๆแล้วแปลว่าคุณจะเกิดมะเร็ง
00:28:37 → 00:28:40 100% มั้ยก็ไม่จะเกิดเมื่อไหร่ไม่มีทาง
00:28:40 → 00:28:43 รู้จะเกิดหรือเปล่าไม่รู้แล้วต้องสูดดม
00:28:43 → 00:28:45 ควันไปนานเท่าไหร่ถึงจะเกิดไม่รู้
00:28:45 → 00:28:47 >> ดังนั้นเนี่ยการจะไปตรวจยีนตัวนึงเพื่อ
00:28:47 → 00:28:49 ให้รู้ว่าความเสี่ยงมันมากแค่ไหนเนี่ยบาง
00:28:49 → 00:28:51 ทีต้องไปคุยกับคุณหมอเลยฮะจนกระทั่งแบบ
00:28:51 → 00:28:53 เราเข้าใจจริงๆเพราะไม่ฉะนั้นบางคนจะตรวจ
00:28:53 → 00:28:55 ไปเสร็จปุ๊บจะกังวลใจอย่างยิ่งเมื่อไหร่
00:28:55 → 00:28:57 จะเกิดมะเร็งขึ้นกับฉันฉันจะเกิดมั้ยต้อง
00:28:57 → 00:28:59 ตรวจอะไรเพิ่มเติมมั้ยแล้วก็ไม่เป็นอันทำ
00:28:59 → 00:29:01 อะไรเลยมันจะเป็นแบบเนี้ยนะครับ
00:29:01 → 00:29:03 >> อค่ะมี 2 คำถามคำถามแรกคณะอยากรู้ว่าแล้ว
00:29:03 → 00:29:06 อย่างคนที่ทำงานอยู่ที่ท้องถนนที่แน่นอน
00:29:06 → 00:29:08 แหละพอเาอยู่เดี๋เแล้วเก็จะชินกับอากาศ
00:29:09 → 00:29:09 ตรงนั้น
00:29:09 → 00:29:11 >> แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีปัญหากับ
00:29:11 → 00:29:13 สุขภาพอะไรเลยแบบนี้แล้วก็สมมุติอายุอยู่
00:29:13 → 00:29:16 มานานแล้วเนี่ยคะทำมานานแล้วอยู่มาจนแบบ
00:29:16 → 00:29:17 อายุมาก
00:29:17 → 00:29:17 >> 100 ปี
00:29:17 → 00:29:20 >> ก็ไม่ได้เป็นโหอาจจะยังไม่ถึงแต่ก็ไม่ได้
00:29:20 → 00:29:21 เป็นอะไรเลย
00:29:21 → 00:29:21 >> อ่า
00:29:21 → 00:29:23 >> เค้าก็สบายใจได้มั้คะแบบนั้น
00:29:23 → 00:29:25 >> คำนี้ไม่ได้ครับคำว่าไม่เป็นอะไรเลยแน่ใจ
00:29:26 → 00:29:27 ได้ไงว่าไม่เป็นอะไรอือฮึ
00:29:27 → 00:29:28 >> ตรวจหรือเปล่า
00:29:28 → 00:29:29 >> ก็ไม่ตรวจก็ไม่เป็น
00:29:29 → 00:29:31 >> เออถ้าไม่ตรวจก็ไม่เป็นแล้วอีกอย่างนึง
00:29:31 → 00:29:33 เวลาตรวจสุขภาพทั่วไปเนี่ยมันไม่ได้ตรวจ
00:29:33 → 00:29:35 ละเอียดจนกระทั่งต้องรู้นะหลายคนบอกว่า
00:29:35 → 00:29:38 เนี่ยก็ตรวจเลือดตรวจขึ้นไฟหัวใจตรวจเปอด
00:29:38 → 00:29:41 ปกติมว.ปอดดีไม่ดีนะครับเพราะว่าการตรวจ
00:29:41 → 00:29:43 ปอดให้ละเอียด 100% เนี่ยมันทำแค่นั้นไม่
00:29:43 → 00:29:45 เพียงพออยู่แล้วแล้วจริงๆในโลกเรามันไม่
00:29:45 → 00:29:47 มีวิธีตรวจ 100% นะครับสมมุติว่าเราจะไป
00:29:47 → 00:29:50 ตรวจให้มันละเอียดที่สุดแล้วทำไงอ่ามี CT
00:29:50 → 00:29:53 SC ปอดนะครับมีการตรวจค่าการทำงานของปอด
00:29:53 → 00:29:55 ที่เรียกว่า Paryery Function Test ถ้า
00:29:55 → 00:29:57 ไม่ตรวจตัวนี้ก็ไม่มีทางรู้ว่าการทำงาน
00:29:57 → 00:29:59 ของปอดมันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมยังไงบ้าง
00:29:59 → 00:30:01 แล้วแค่นี้ก็ไม่ 100% อีกคือถ้าอยากจะให้
00:30:01 → 00:30:03 ซเปอร 100% ก็คือต้องตัดชิ้นเนื้อปอดมาดู
00:30:03 → 00:30:05 ว่าข้างในมันผิดปกติจริงหรือไม่เพราะว่า
00:30:05 → 00:30:08 บางอย่างเนี่ย CT SCแกนก็ปกติแต่ว่าพอเอา
00:30:08 → 00:30:10 ชิ้นเนื้อมาดูมันไม่ปกติไปแล้วดังนั้นการ
00:30:10 → 00:30:13 ที่บอกว่าเนี่ยเราเจอฝุ่นมาตั้งนานเราสูบ
00:30:13 → 00:30:15 บุหรี่มาตั้งนานปอดไม่เห็นเป็นอะไรเลยคุณ
00:30:15 → 00:30:17 แน่ใจได้ไงว่าไม่เป็นอะไรข้อแรกคุณไม่ได้
00:30:17 → 00:30:19 ตรวจให้มันชัดเจนและข้อที่ 2 คือบางทีมี
00:30:19 → 00:30:22 อาการผิดปกติไปแล้วแต่ไม่ยอมรับว่ามัน
00:30:22 → 00:30:24 เกิดจากการใช้ชีวิตแบบนี้แล้วเนี่ยเจอ
00:30:24 → 00:30:27 บ่อยด้วยส่วนบางคนก็ไม่รู้จริงๆว่าตัวเอง
00:30:27 → 00:30:29 มีความผิดปกติเพราะว่าพออายุเยอะแล้วเวัน
00:30:29 → 00:30:31 ๆก็ไม่ทำอะไรและนั่งอยู่เฉยๆใช่มั้ฮะแต่
00:30:31 → 00:30:33 ถ้าเกิดลองให้ไปเดินสิลองให้ไปเดินให้ไป
00:30:33 → 00:30:35 ออกแรงเหนื่อยง่ายกว่าปกติอ่านั่นคือ
00:30:35 → 00:30:38 อาการของความผิดปกติแล้วเพียงแต่ว่าเค้า
00:30:38 → 00:30:39 ไม่ได้ไปทำก็เลยไม่รู้นะครับ
00:30:39 → 00:30:42 >> ทีนี้อยากรู้ในอ่าอีกอาชีพนึงอย่างเช่น
00:30:42 → 00:30:44 อาชีพที่ต้องอยู่กับสารเคมีอย่างเช่นช่าง
00:30:44 → 00:30:47 ทำผมอย่างเงี้ยค่ะมันสามารถส่งผลต่อปอด
00:30:47 → 00:30:49 ของเราได้ขนาดไหนคะคุณหมอ
00:30:49 → 00:30:51 >> คือของพวกนั้นมันระคายเคืองต่อทางเดินหาย
00:30:51 → 00:30:53 ใจอยู่แล้วดังนั้นบางคนก็ไปมากๆก็อาจจะมี
00:30:53 → 00:30:56 ปัญหาได้กับโรคหอบหืดหลอดลมไวเกินอะไรพวก
00:30:56 → 00:30:58 นี้นะครับแต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือบาง
00:30:58 → 00:30:59 ทีมันมีสารก่อมะเร็งอยู่ในนั้นน่ะสมัย
00:30:59 → 00:31:01 ก่อนมันจะมีพวกสารกลุ่มเบนซีนอะไรพวก
00:31:01 → 00:31:04 เนี้ยนะครับพวกเด็กปั๊มน้ำมันก็จะเจอนะฮะ
00:31:04 → 00:31:07 >> แล้วก็พวกเนี้ยก็จะมีสารเคมีต่างๆในตัว
00:31:07 → 00:31:10 ที่ทำผมนะครับถ้าอากาศไถเทไม่ดีแล้วสูตร
00:31:10 → 00:31:12 ดมอยู่เรื่อยๆเบางคนก็เกิดมะเร็งบางอย่าง
00:31:12 → 00:31:13 ขึ้นมาก็ได้
00:31:13 → 00:31:15 >> ถ้าสมมุติเราเคยทำอาชีพเหล่านั้นอ่ะแล้ว
00:31:15 → 00:31:18 วันนี้แบบโอเครู้ว่ามันน่าจะไม่ดีต่อปอด
00:31:18 → 00:31:20 ก็เลยเลิก
00:31:20 → 00:31:21 >> แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้วครับ
00:31:21 → 00:31:22 >> ใช่
00:31:22 → 00:31:23 >> มันเข้าแล้วเข้าเลย
00:31:23 → 00:31:26 >> อ้าสมมุติว่าเราแทนด้วยการดูแลสุขภาพมาก
00:31:26 → 00:31:27 ขึ้นดูแลปอดมากขึ้นหรอคะ
00:31:27 → 00:31:29 >> ก็ดีครับแต่มันไม่ได้แปลว่าคุณจะแก้ไข
00:31:29 → 00:31:31 สิ่งที่โดนไปแล้วได้
00:31:31 → 00:31:31 >> อื
00:31:31 → 00:31:33 >> อันเนี้คือโชคร้ายอย่างหนึ่งของกลุ่มสาร
00:31:33 → 00:31:35 เคมีเพราะว่าถ้าเราได้มันเข้าไปในร่างกาย
00:31:35 → 00:31:38 แล้วโอกาสที่จะเอามันออกมาได้เนี่ยมันยาก
00:31:38 → 00:31:40 แล้วมันก็ไม่มีวิธีเฉพาะเจาะจงด้วยนะครับ
00:31:40 → 00:31:43 ที่สำคัญถ้าใครฟังคลิปนี้อยู่เนี่ยระวัง
00:31:43 → 00:31:45 เรื่องนี้ให้ดีมันจะชอบมีคนไปหลอกบอกว่า
00:31:46 → 00:31:47 กินตัวนี้เพื่อล้างพิษกินตัวนี้เพื่อ
00:31:47 → 00:31:50 กำจัดสารพิษออกจากปอดการทำฉีดไอ้นี้เข้า
00:31:50 → 00:31:53 ไปจะทำให้การดีท็อกซ์ปอดปลอมหมดเลยทั้ง
00:31:53 → 00:31:56 หมดคือผมไม่ต้องการจะมาบอกให้คนเขาเสีย
00:31:56 → 00:31:58 กำลังใจนะแต่ว่าไอ้ของทั้งหมดเนี่ยผมมอง
00:31:58 → 00:32:00 ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้วก็หากิน
00:32:01 → 00:32:03 บนความคิดของคนที่แบบอยากจะดูแลสุขภาพตัว
00:32:03 → 00:32:06 เองอ่ะแต่ว่ามันไม่ได้จริงๆนะครับสิ่งที่
00:32:06 → 00:32:09 เราทำได้แล้วมีโอกาสในการจะขับของไม่ดี
00:32:09 → 00:32:11 ออกจากปอดข้อแรกนะเอาตัวเองออกมาจากสิ่ง
00:32:11 → 00:32:15 แวดล้อมที่มีปัญหาข้อที่ 2 การที่เรา
00:32:15 → 00:32:17 สามารถทำให้เหงื่อเราออกมากขึ้นได้บางที
00:32:17 → 00:32:20 มันขับของพนี้ออกมาได้บ้างแต่ก็ไม่ 100%
00:32:20 → 00:32:20 >> อือ
00:32:20 → 00:32:22 >> การที่เราดื่มน้ำให้มากเพียงพอเราบางที
00:32:22 → 00:32:24 อาจจะปัสสาวะเอาของพวกนี้ออกมาได้บ้างแต่
00:32:24 → 00:32:26 ก็ไม่ 100% อยู่ดีเพียงแต่ว่ามันเป็นสิ่ง
00:32:26 → 00:32:28 ที่ทำได้เหงื่อออกเออเราไปวิ่งก็ได้เราไป
00:32:28 → 00:32:31 ซาวหน้าเราไปสตรีมก็ได้นะครับให้ปัสสาวะ
00:32:31 → 00:32:33 เพิ่มมากขึ้นก็ดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นก็เป็น
00:32:33 → 00:32:35 สิ่งที่ดีกับร่างกายเราไอ้เนี่ยเราทำได้
00:32:35 → 00:32:37 นะครับแต่ว่ามันก็ไม่ 100% ที่จะขับทุก
00:32:37 → 00:32:39 อย่างที่มันเข้าไปแล้วออกมาทั้งหมดมัน
00:32:39 → 00:32:42 เป็นไปไม่ได้นะครับอือฮึงั้นก็ต้องเลือก
00:32:42 → 00:32:43 สภาพแวดล้อมในการอยู่
00:32:43 → 00:32:44 >> ใช่
00:32:44 → 00:32:46 >> เพราะว่าพอเข้าไปแล้วยิ่งพวกเป็นสารเคมี
00:32:46 → 00:32:48 หรืออะไรพวกนี้มันมันออกไม่ได้อย่างที่
00:32:48 → 00:32:48 คุณบอก
00:32:48 → 00:32:49 >> ออกไม่ได้ออกยากมาก
00:32:49 → 00:32:50 >> มันอยู่ได้นานหรือตลอดไปเลย
00:32:50 → 00:32:52 >> โอตลอดไปเลยอ่ะบางทีอ่ะ
00:32:52 → 00:32:54 >> มันอยู่เป็นอนุภาคแบบไหนคะเป็น
00:32:54 → 00:32:55 >> มันบางทีก็ไปอยู่ในเซลล์ของเรานี่แหละ
00:32:55 → 00:32:56 >> อ๋อ
00:32:56 → 00:32:59 >> นะฮะหรืออย่างบางทีอ่าอาจจะเคยได้ยินว่า
00:32:59 → 00:33:00 ถ้าโลหะหนักเข้าไปในร่างกายเราแล้วเนี่ย
00:33:00 → 00:33:02 ไปตรวจที่เส้นผมยังอยู่เลยอย่างเงี้ยราก
00:33:03 → 00:33:04 รากผมมันจะมีไอ้โลหะหนักอยู่ตรงนั้นเลย
00:33:04 → 00:33:06 อ่ะแล้วมันก็รู้ด้วยว่าอ๋อมันอยู่มันเป็น
00:33:06 → 00:33:08 เดือนแล้วแหละอยู่ตรงเนี้ยนะครับ
00:33:08 → 00:33:11 >> อืค่ะโอเคแต่ก็แพนด้าเชื่อว่าคนที่ใช้
00:33:11 → 00:33:13 ชีวิตมาถึงวันเนี้ยมันคงเป็นไปได้ยากมาก
00:33:13 → 00:33:15 ที่เราจะไม่เคยสูดดมอะไรพวกนี้เข้าไปเลย
00:33:15 → 00:33:15 เนาะถูกต้อง
00:33:15 → 00:33:18 >> อ่าแต่ว่าก็คุณหมอมีคำแนะนำยังไงคะถ้าเรา
00:33:18 → 00:33:21 เคยมีอดีตที่ต้องอยู่กับอะไรแบบนี้
00:33:21 → 00:33:23 >> อดีตที่ขมขืน
00:33:23 → 00:33:24 >> แล้ววันนี้เราก็แบบเอ้ยเราจะทำยังไงให้
00:33:24 → 00:33:26 ร่างกายของเรามันดีขึ้นได้บ้างที่เราจะทำ
00:33:26 → 00:33:28 ให้เขาแบบช่วยเค้าอ่ะ
00:33:28 → 00:33:30 >> ข้อแรกนะในเมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรไม่ดี
00:33:30 → 00:33:33 อ่ะดีแล้วครับเราจะได้หลีกเลี้ยงให้มาก
00:33:33 → 00:33:35 ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพียงแต่ว่าไม่
00:33:35 → 00:33:37 มีทางที่เราจะเรียกลิ่ง 100% เพราะว่าถ้า
00:33:37 → 00:33:39 เรายอยู่กับฝุ่นพวกอะไรพวกเนี้ยมันก็โดน
00:33:39 → 00:33:42 บ้างนะครับทีนี้สิ่งที่เราทำได้ก็คือทำ
00:33:42 → 00:33:44 พื้นฐานของชีวิตให้ดีออกกำลังกายมันช่วย
00:33:44 → 00:33:46 แน่ๆอยู่แล้วการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
00:33:46 → 00:33:48 ก็ช่วยทำให้ร่างกายของเราเนี่ยซ่อมแซม
00:33:48 → 00:33:50 ส่วนต่างๆที่มันโดนสารเคมีพวกเนี้ยทำลาย
00:33:50 → 00:33:52 ให้มันกลับมาดีดังเดิมได้การที่เรารับ
00:33:52 → 00:33:54 ประทานอาหารให้มันสมดุลดื่มน้ำให้เพียงพอ
00:33:54 → 00:33:56 อ่ามันก็สามารถซ่อมแซมร่างกายแล้วก็ขับ
00:33:56 → 00:34:00 สิ่งพวกนี้ออกไปจากร่างกายได้ที่เหลือคือ
00:34:00 → 00:34:02 คนเราเวลามันมีปัญหาเนี่ยแต่ถ้าเป็นคนที่
00:34:02 → 00:34:04 แข็งแรงแล้วสุขภาพจิตใจดีเนี่ยปัญหาพวก
00:34:04 → 00:34:06 นั้นมันจะเบาลงก็เหมือนกับคนป่วยคนนึงถ้า
00:34:06 → 00:34:07 เกิดว่าคนนึงเนี่ยเป็นซึมเศร้ากับอีกคน
00:34:08 → 00:34:10 นึงแบบสภาจิตใจดีคนที่ซึมเศร้านั่นแหละ
00:34:10 → 00:34:12 มันจะรู้สึกว่าป่วยแย่กว่าเดิมดังนั้น
00:34:12 → 00:34:14 เนี่ยถ้าเราดูแลทางด้านจิตใจเราดีเช่นเรา
00:34:14 → 00:34:16 เนี่ยเอ่ออยู่กับธรรมชาติบ้างเราไม่ได้
00:34:16 → 00:34:17 เล่นแต่โซเชียลทั้งวันเออมันก็จะมีแต่ของ
00:34:17 → 00:34:19 ดีๆเข้าร่างกายเราแล้วการไปอยู่กับ
00:34:19 → 00:34:21 ธรรมชาติบางทีถ้าเราไปเจอต้นไม้อะไรเงี้ย
00:34:21 → 00:34:24 ก็สบายใจบางทีเราไปเจอกลิ่นเออไหนๆพูดถึง
00:34:24 → 00:34:25 เรื่องกลิ่น
00:34:25 → 00:34:26 >> มันจะมีกลิ่น
00:34:26 → 00:34:29 >> ของเอ่อพวกต้นไม้ใหญ่ๆนะครับมันจะมีสาร
00:34:29 → 00:34:31 ตัวนึงชื่อไฟทนไซพวกเนี้ยมันเป็นสารที่
00:34:31 → 00:34:32 ต้นไม้มันหลั่งออกมาเพื่อที่จะต้านเชื้อ
00:34:32 → 00:34:34 โรคซึ่งมันก็มีประโยชน์กับเราด้วยคือเรา
00:34:34 → 00:34:36 ถ้าเราหายใจของพวกนี้เข้าไปภูมิต้านทาน
00:34:36 → 00:34:38 เราก็จะแข็งแรงขึ้นด้วยตัวที่เมีไว้ใจมาก
00:34:38 → 00:34:40 ที่สุดก็คือซนญี่ปุ่น Japanes ไสหรือไอ้
00:34:40 → 00:34:42 ซนฮิโนกิเ
00:34:42 → 00:34:44 ก็คือสามารถเสริมภูมิต้านทานให้เราได้นะ
00:34:44 → 00:34:46 ครับงั้นถ้าการที่เราไปอยู่กับธรรมชาติ
00:34:46 → 00:34:48 แล้วได้ของพวกเนี้ยก็ดีนะครับมันจะช่วย
00:34:48 → 00:34:50 ร่างกายเราจัดการกับของผิดปกติอีกอย่าง
00:34:51 → 00:34:53 นึงก็คือสังคมของเรารอบๆตัวถ้าเรามีแต่คน
00:34:53 → 00:34:55 ที่แบบคิดลบทุกอย่างอ่ะอยู่ไอ้นี่ก็บ่น
00:34:55 → 00:34:57 อยู่นั่นก็ไอ้นี่ก็ไม่ดีนั่นก็ไม่ได้คือ
00:34:57 → 00:34:59 ถ้าเราอยู่กับคนพวกนี้มากๆเราก็ได้รับผล
00:34:59 → 00:35:01 กระทบไปด้วยนะครับดังนั้นก็ทำให้จิตใจของ
00:35:01 → 00:35:03 เราไม่ดีแล้วพอเราเจอปัญหาจากสารเคมีต่าง
00:35:03 → 00:35:05 ๆมันก็ระลับมือได้ไม่ค่อยไม่ดีเพราะว่า
00:35:05 → 00:35:06 มันเครียดอยู่แล้วอ่ะ
00:35:06 → 00:35:06 >> ค่ะ
00:35:06 → 00:35:08 >> สุดท้ายคือการที่เราทำร้ายตัวเองด้วยกัน
00:35:08 → 00:35:11 เอาสารไม่ดีเข้าไปในร่างกายเช่นยาเสพติด
00:35:11 → 00:35:13 ต่างๆแล้วเราไม่ไม่รู้จักตรวจร่างกายตัว
00:35:13 → 00:35:15 เองด้วยว่ามันมีอะไรบ้างนะครับก็ต้องทำ
00:35:15 → 00:35:17 พวกเนี้ยครบนะถึงจะช่วยได้
00:35:17 → 00:35:19 >> ถามเป็นความรู้เพิ่มนิดนึงค่ะอย่างเมื่อ
00:35:19 → 00:35:21 กี้คุณหมอบอกว่าต้นไม้ใหญ่ๆเนี่ยเาก็จะมี
00:35:21 → 00:35:24 สารที่ทำให้ช่วยเรื่องภูมิๆกันเนาะ
00:35:24 → 00:35:26 >> มันมีเวลามั้คะว่าเราควรจะไปอยู่ใกล้ช่วง
00:35:26 → 00:35:28 ไหนเพื่อถ้าเราโตมาเราก็จะรู้ว่าเอ้ยตอน
00:35:28 → 00:35:30 กลางคืนต้นไม้คลายคาร์บอนไดออกไซด์นะ
00:35:31 → 00:35:31 >> อ๋อ
00:35:31 → 00:35:31 >> อ่า
00:35:32 → 00:35:33 >> เรื่องคลายคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ต้องสนใจ
00:35:33 → 00:35:35 เลยครับหลอกลวงเราทั้งนั้นแหละฮะ
00:35:35 → 00:35:38 >> เอาอีกแล้วนะคะเราเข้าใจอะไรผิดกันไปเยอะ
00:35:38 → 00:35:39 เหมือนกัน
00:35:39 → 00:35:40 >> ใช่จริงๆผมเคยทำคลิปเรื่องนี้ไปแล้วว่า
00:35:40 → 00:35:42 ถ้าเราเอาต้นไม้มาวางไว้ในห้องเหมือนสมัย
00:35:42 → 00:35:44 ก่อนเบอกว่าไม่ควรจะปลูกต้นไม้ในห้องนอน
00:35:44 → 00:35:46 นะเดี๋มันคลายคอใส่ออกมาให้เราตอนนอนหลับ
00:35:46 → 00:35:48 แล้วเดี๋ยวเราจะนอนหลับไม่เต็มอิ่มเนาะ
00:35:48 → 00:35:50 แล้วคำเข้าไปเยอะไม่มีความจริงเลยครับ
00:35:50 → 00:35:52 สามารถปลูกต้นไม้ไว้ในห้องได้จะปลูกต้น
00:35:52 → 00:35:54 ใหญ่แค่ไหนก็ปลูกได้อยู่ดีไม่ได้มีปัญหา
00:35:54 → 00:35:55 อะไรเลยมันไม่ทำให้เรานอนไม่หลับหรืออะไร
00:35:55 → 00:35:57 เงี้ยยกเว้นว่าเราปลูกกับต้นไม้เอุ๊ยมัน
00:35:57 → 00:35:59 เหมือนผีเลยอ่านี้ก็อีกเรื่องนึงนะ
00:35:59 → 00:36:01 ครับงั้นถ้าเรื่องของต้นไม้แล้วเนี่ยเรา
00:36:01 → 00:36:02 ลืมเรื่องนี้ไปเลยก็ได้เพราะว่ามันไม่มี
00:36:02 → 00:36:04 ปัญหาอะไรกับการปลูกอือ
00:36:04 → 00:36:06 >> มันเป็นอะไรที่วาระที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน
00:36:06 → 00:36:08 นะคะที่จะต้องมาเปลี่ยนความเชื่อที่เรา
00:36:08 → 00:36:09 เคยเชื่อมาตลอด
00:36:09 → 00:36:09 >> ใช่
00:36:09 → 00:36:12 >> อแต่คุณหมอยืนยันว่ามันไม่มีผล
00:36:12 → 00:36:13 >> ไม่มีผลอะไรเลย
00:36:13 → 00:36:14 >> โอเค
00:36:14 → 00:36:16 >> นะครับปลูกไว้ข้างหัวก็ได้มันไม่เกิดอะไร
00:36:16 → 00:36:18 ขึ้นมาโยมกระถางมันตกใส่หัวเราะอีก
00:36:18 → 00:36:20 >> ค่ะเดี๋เราจะไปซื้อทุเรียนมาปลูกกันแล้ว
00:36:20 → 00:36:20 ในบ้าน
00:36:20 → 00:36:22 >> อ่าปลูกแล้วก็กินเองใช่มั้ฮะอันนี้ก็อาจ
00:36:22 → 00:36:24 จะอ้วนได้โอ
00:36:24 → 00:36:26 >> ไปต่อกันดีกว่าค่ะ
00:36:26 → 00:36:28 >> ทีนี้อย่างที่คุณหมอบอกว่าจริงๆปอดก็เ้า
00:36:28 → 00:36:31 มีกลไกของเขาแหละเพราะเราอยากรู้ว่าแล้ว
00:36:31 → 00:36:33 ปอดเนี่ยค่ะมีกลไกในการฟื้นฟูหรือว่าทำ
00:36:33 → 00:36:36 ความสะอาดตัวเองยังไงในการที่แบบเวลาเรา
00:36:36 → 00:36:37 รับสารต่างๆมา
00:36:37 → 00:36:39 >> ปอดเราเนี่ยมันจะมีเยื่อเมือกพวกเมือก
00:36:39 → 00:36:41 ต่างๆก็คือเสมหะเรานี่แหละเอาไว้จับกับ
00:36:41 → 00:36:44 สิ่งแปลกปลอมนะครับแล้วพอมันจับเสร็จปุ๊บ
00:36:44 → 00:36:46 เนี่ยเซลล์ในทางเดินหายใจของเรามันจะมีขน
00:36:46 → 00:36:48 สั้นๆที่คอยพัดเอาเมือกเนี่ยออกไปข้างนอก
00:36:48 → 00:36:51 แล้วเราก็จะไอมันออกไปอันเนี้ยเราจะเรียก
00:36:51 → 00:36:54 กลไกว่า muco sary clearance muคก็คือ
00:36:54 → 00:36:57 mucัแปลว่าเมือกนะครับก็คือเป็นขนเล็กๆ
00:36:57 → 00:37:00 พวกเนี้ยคอยพัดๆแล้วเอาไปทิ้งนี่คือกลไก
00:37:00 → 00:37:02 อันที่ 1 กลไกอันที่ 2 ก็คือเป็นเซลล์
00:37:02 → 00:37:04 เซลล์ที่มันอยู่ในปอดเอาไว้เก็บกินพวก
00:37:04 → 00:37:07 ฝุ่นสารเคมีเชื้อโรคนะครับเป็นเซลล์ภูม
00:37:07 → 00:37:09 กันที่เราเรียกว่าแมฟช 2 อันเนี้ยมันเป็น
00:37:09 → 00:37:12 ตัวหลักๆของปอดเลยที่จัดการกับสิ่งสกปรก
00:37:12 → 00:37:14 ดังนั้นแปลว่าถ้าเราไปทำอะไรให้กลไกพวก
00:37:14 → 00:37:17 นี้เสียไปเช่นเราสูบบุหรี่ clearance
00:37:17 → 00:37:20 เมื่อตะกี้ขนเมื่อกี้มันตายมันเสียคุณก็
00:37:20 → 00:37:23 จะขับอะไรออกไปไม่ได้มันก็สะสมในปอดแล้ว
00:37:23 → 00:37:25 ถ้าเราสูดดมของไม่ดีเข้าไปเยอะๆไอ้เซลล์
00:37:25 → 00:37:27 เม็ดเลือดขาวมันจะเก็บแมกฟาดมันมันกิน
00:37:27 → 00:37:29 เต็มที่แล้วมันก็ยังไม่ได้อยู่ดีมันก็มี
00:37:29 → 00:37:32 เข้ามาอีกอ่ะมันทำไงอ่ะมันก็มันก็ตายตาย
00:37:32 → 00:37:34 ใช่มั้ครับก็ทำอะไรไม่ได้ทีนี้พอมันตาย
00:37:34 → 00:37:37 มันก็บอกว่าเฮ้ยมันยังเหลือขยะอีกเยอะเลย
00:37:37 → 00:37:39 เราไปเรียกเพื่อนมาดีกว่ามันก็หลั่งสาร
00:37:39 → 00:37:41 อักเสบเต็มไปหมดทำให้เซลล์อักเสบมันมาที่
00:37:41 → 00:37:42 ปอดเยอะอย่างเงี้ย
00:37:42 → 00:37:42 >> อ
00:37:43 → 00:37:45 >> มันก็จะมาช่วยกันกำจัดนะครับถ้ามันมีเข้า
00:37:45 → 00:37:48 มาแค่นั้นกำจัดเออหมดก็คือหมดนะครับปอดก็
00:37:48 → 00:37:50 ทำความสะอาดตัวเองได้จัดการตัวเองได้แต่
00:37:50 → 00:37:52 ถ้าเกิดว่าสิ่งที่มันเป็นขยะมันเยอะจน
00:37:52 → 00:37:56 เกินกำลังของปอดในการกำจัดอ่ะก็แย่งั้น
00:37:56 → 00:37:59 มันมีแค่วิธีเดียวคือเราต้องอย่าไปรับของ
00:37:59 → 00:38:01 พวกเนี้ยเข้ามาเยอะจนเกิดกำลังของปอดใน
00:38:01 → 00:38:02 การขับ
00:38:02 → 00:38:05 เท่านั้นเลยเราไม่สามารถที่จะไปกินตัวนี้
00:38:05 → 00:38:07 ฉีดตัวนั้นให้ไอ้เซลล์พวกนี้ทำงานดีขึ้น
00:38:07 → 00:38:10 ให้เราสามารถพัดโบกเอาของสกปรกออกมาจาก
00:38:10 → 00:38:11 ปอดได้ดีขึ้นไม่มี
00:38:11 → 00:38:12 >> อือฮึ
00:38:12 → 00:38:14 >> ปัจจุบันยังไม่มีตัวไหนทำได้แบบนั้นเลยฮะ
00:38:14 → 00:38:16 >> ถามเพิ่มนิดนึงว่าอย่างสมมุติว่าคุณหมอ
00:38:16 → 00:38:20 บอกว่ากรณีของการสูบบุหรี่หรือรับสารพิษ
00:38:20 → 00:38:22 ต่างๆเข้าไปแล้วมันไปทำลายแมคโครฟาดไป
00:38:22 → 00:38:26 ทำลายเอ่อมิวคัสที่มันเป็นการฟื้นฟูหรือ
00:38:26 → 00:38:28 ว่าล้างสารพิษของเราเนี่ยคือถ้าสมมุติเรา
00:38:28 → 00:38:31 เคยมีพฤติกรรมแบบนั้นที่มันอาจจะไปส่งผล
00:38:31 → 00:38:34 ให้การล้างพิษทำได้ไม่ดีเนี่ยค่ะมันจะส่ง
00:38:34 → 00:38:36 ผลตลอดไปเลยมั้คะหรือว่ายังไงคือตายแล้ว
00:38:36 → 00:38:37 ตายเลยมั้ย
00:38:37 → 00:38:37 >> ไม่ฮะไม่
00:38:38 → 00:38:38 >> อ
00:38:38 → 00:38:40 >> ก็อย่างถ้าเราเลิกสูบบุหรี่เนี่ยไอ้กลไก
00:38:40 → 00:38:43 พวกนี้ก็จะกลับมาทำงานได้ดีขึ้นนะครับดัง
00:38:43 → 00:38:45 นั้นสิ่งหนึ่งซึ่งเราจะเจอบ่อยมากๆเลยนะ
00:38:45 → 00:38:47 แล้วก็ทำให้คนหลายคนสงสัยว่าการเลิก
00:38:47 → 00:38:49 บุหรี่มันดีจริงหรือเปล่าก็คือถ้าใครสูบ
00:38:49 → 00:38:51 บุหรี่มานานๆแล้วบอกให้เลิกวันเนี้ยแล้ว
00:38:51 → 00:38:53 เลิกได้นะไอ้ 2 อาทิตย์เนี่ยอายแหลกเลย
00:38:53 → 00:38:53 >> อ
00:38:53 → 00:38:55 >> เสมหะเยอะด้วย
00:38:55 → 00:38:55 >> ค่ะ
00:38:55 → 00:38:57 >> เบอกว่าเนี่ยตอนสูบไม่เห็นมันมีเสมหะไม่
00:38:57 → 00:38:59 เห็นไอไม่เห็นเป็นอะไรเลยทำไมเลิกสูบแล้ว
00:38:59 → 00:39:01 มันเยอะแยะขนาดนี้ก็เพราะว่ากลไกเนี่ยมัน
00:39:01 → 00:39:04 กลับมาทำงานได้แล้วไงขยะที่เต็มปอดที่มัน
00:39:04 → 00:39:07 แบบสะสมไว้เยอะๆมันก็ถูกเอาออกมาทิ้งแล้ว
00:39:07 → 00:39:09 อ่ะดีแล้วด้วยที่มันขับออกมาได้ไม่งั้น
00:39:09 → 00:39:11 มันก็อยู่ในนั้นน่ะนานๆนะครับแล้วพอมัน
00:39:11 → 00:39:13 ขับออกมาจนหมดปุ๊บอ่าเดี๋ยว
00:39:13 → 00:39:15 >> ไม่มีขยะแล้วมันก็เลือกไอเองนั่นแหละนี่
00:39:15 → 00:39:17 คือคำถามที่ผมเจอบ่อยจากคนที่เลือกบุหรี่
00:39:17 → 00:39:18 เลยนะฮะ
00:39:18 → 00:39:21 >> อืค่ะอ่ะถ้าใครที่สูบอยู่ก็ยังมีความหวัง
00:39:21 → 00:39:22 นะเออถ้าเราเลิกปุ๊บ
00:39:22 → 00:39:25 >> ถ้ารีบเลิกจะดีที่สุดถ้าสูบมานานมากๆแล้ว
00:39:25 → 00:39:27 เลิกเนี่ยมันก็อาจจะมีปัญหากับปอดไปเยอะ
00:39:27 → 00:39:30 แล้วเกินกว่าที่ปอดจะกลับมาสู่ภาวะปกติ
00:39:30 → 00:39:31 ได้นะครับ
00:39:31 → 00:39:34 >> แล้วนอกจากในร่างกายของเราที่เขามีกลไกใน
00:39:34 → 00:39:37 การล้างพิษแล้วเนี่ยค่ะเราสามารถทำอะไร
00:39:37 → 00:39:39 อย่างอื่นได้อีกมั้ยที่จะช่วยล้างพิษเ้า
00:39:39 → 00:39:39 อ่ะ
00:39:39 → 00:39:40 >> น้ำครับ
00:39:40 → 00:39:41 >> อ๋อน้ำปลา
00:39:41 → 00:39:44 >> ดื่มน้ำดื่มน้ำให้เพียงพอเลยมันจะมีโอกาส
00:39:44 → 00:39:46 ขับมันออกมาทางปัสสาวะได้เยอะหน่อยนะครับ
00:39:46 → 00:39:47 อือ
00:39:47 → 00:39:49 >> อ่าใครท้องผูกก็ทำให้ท้องมันไม่ผูกแล้ว
00:39:49 → 00:39:52 กันจะกินกากใยไฟเบอร์ดื่มน้ำเยอะๆนะครับ
00:39:52 → 00:39:54 หรือบางทีจะใช้ยาระบายพวกนี้ก็ช่วยได้
00:39:54 → 00:39:56 เหมือนกันคือของพวกนี้มันมันมีของเสียมัน
00:39:56 → 00:39:58 ออกมาได้อยู่แล้วนะครับแต่การที่คุณไปฉีด
00:39:58 → 00:40:00 ยาอะไรกินยาอะไรเข้าไปเนี่ยมันไม่มี
00:40:00 → 00:40:02 ประโยชน์อ่ะไม่มีเลยจริงๆคือผมเข้าใจนะ
00:40:02 → 00:40:04 ว่ามีหมอบางท่านที่บอกว่าให้ไปทำโน้นทำ
00:40:04 → 00:40:06 นี้คือนี้ต้องบอกจริงๆว่ามันผิดจรรยาบรรณ
00:40:06 → 00:40:09 แพทย์นะผิดมากๆด้วยเพราะว่าเราไม่มีหลัก
00:40:09 → 00:40:12 ฐานทางการแพทย์ที่เพียงพอจะบอกว่ามันทำ
00:40:12 → 00:40:14 แบบนั้นได้เลยสักอย่างนึงแล้วหลักฐานหลาย
00:40:14 → 00:40:16 ๆครั้งที่มีแพทย์บางคนยกขึ้นมาเนี่ยพอเรา
00:40:16 → 00:40:18 เข้าไปศึกษาจริงๆอ่ะมันเป็นหลักฐานที่
00:40:18 → 00:40:21 อ่อนมากอ่ะมันไม่สามารถเอามาบอกว่ามันทำ
00:40:21 → 00:40:23 เช่นนั้นเช่นนี้ได้ซึ่งตรงนี้เป็นความรู้
00:40:23 → 00:40:25 ที่น่ากลัวมากเพราะว่าคนทั่วไปที่ไม่มี
00:40:25 → 00:40:27 ความรู้ลึกๆแบบเนี้ยเห็นเป็นแพทย์ออกมา
00:40:27 → 00:40:29 พูดก็จะเชื่อไปก่อนทั้งที่จริงๆมันไม่ถูก
00:40:29 → 00:40:31 ต้องแล้ววิธีการแยกง่ายๆเลยนะถ้าสิ่งที่
00:40:31 → 00:40:33 เขาแนะนำมาเนี่ยประกันไม่จ่าย
00:40:33 → 00:40:35 >> ปลอมแหงอ่ะ
00:40:35 → 00:40:37 >> ง่ายๆเลยเพราะว่าถ้าเกิดว่ามันดีต่อ
00:40:37 → 00:40:40 สุขภาพจริงๆแล้วประกันไม่จ่ายประกันโดน
00:40:40 → 00:40:42 ฟ้องอ่ะประกันแพ้เพราะว่ามีหลักฐานไปยืน
00:40:42 → 00:40:45 ยันแต่ถ้าเกิดว่าอ้าวมันไม่มีหลักฐานอะไร
00:40:45 → 00:40:47 เลยแล้วฟ้องประกันประกันไปต่อสู้อ่ะนี่
00:40:47 → 00:40:49 คุณไม่เห็นมีหลักฐานทางการแพทย์บอกว่ามัน
00:40:49 → 00:40:50 เป็นอย่างเงี้ยหลักฐานนี้มันอ่อนใครชนะ
00:40:50 → 00:40:52 ใครแพ้บริษัทประกันชนะค่ะ
00:40:52 → 00:40:53 >> รู้มั้ครับ
00:40:53 → 00:40:55 >> อันนี้คือง่ายที่สุดเลยจริงๆ
00:40:55 → 00:40:58 >> อือฮึที่เราฟังคุณหมอมาหลายๆหลายๆอย่าง
00:40:58 → 00:41:00 ที่คุณหมอแนะนำเนี่ยค่ะน่าสงสัยอย่างนึง
00:41:00 → 00:41:02 มันมักจะเป็นอะไรที่เป็นเกี่ยวกับ
00:41:02 → 00:41:03 ธรรมชาติอ่ะ
00:41:03 → 00:41:03 >> ครับ
00:41:03 → 00:41:07 >> ไปหาต้นไม้สมาธิก็ไปหาต้นไม้ไปอยู่กับ
00:41:07 → 00:41:10 >> อ่ารวมถึงเมื่อกี้ก็ให้กินน้ำ
00:41:10 → 00:41:13 >> เป็นตัวช่วยในเรื่องของการขับสารพิษคือ
00:41:13 → 00:41:15 แพนด้าอยากรู้ว่าธรรมชาติมันเป็นยาที่ดี
00:41:15 → 00:41:17 สำหรับร่างกายเราใช่มั้ยคะ
00:41:17 → 00:41:19 >> คนเรามันเกิดมาอยู่กับธรรมชาติอยู่แล้ว
00:41:19 → 00:41:22 ตั้งแต่บรรพบุรุษแต่เราดันมีเทคโนโลยี
00:41:22 → 00:41:24 เพิ่มมากขึ้นซึ่งจริงๆมันก็ทำให้ชีวิตเรา
00:41:24 → 00:41:26 สะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นแต่ว่าในขณะเดียว
00:41:26 → 00:41:27 กันมันก็มีปัญหาเหมือนกันตอนนี้เราก็
00:41:27 → 00:41:29 เครียดเพิ่มมากขึ้นคนก็นอนไม่หลับกัน
00:41:29 → 00:41:31 เพราะว่าวันๆเล่นโซเชียลสมัยก่อนแบบอ่ะ
00:41:31 → 00:41:34 19:00 น.น.พระที่ตกมันอย่างดีก็คือมีกอง
00:41:34 → 00:41:36 ไฟเราไม่มีไฟแบบเนี้ยเขาก็หลับได้แต่ตอน
00:41:36 → 00:41:37 นี้มันไม่หลับไงคือแสงมันกระตุ้นให้เรา
00:41:37 → 00:41:39 ตื่นตลอดเวลาก็เล่นดังนั้นถ้าเราถอยกลับ
00:41:40 → 00:41:42 ไปในช่วงที่มันมีธรรมชาติในร่างกายของเรา
00:41:42 → 00:41:44 มากหน่อยเนี่ยมันก็ค่อนข้างที่จะเหมาะกับ
00:41:44 → 00:41:47 สภาพของร่างกายมนุษย์นี่แหละนะครับซึ่ง
00:41:47 → 00:41:48 เราหลงลืมไปเยอะเลยจริงๆอ
00:41:48 → 00:41:51 >> ออือค่ะวันนี้ที่ได้คุยกับคุณหมอมาน้าว่า
00:41:51 → 00:41:55 เหมือนเดิมเลยได้ทำความเข้าใจอะไรใหม่ๆ
00:41:55 → 00:41:56 มากขึ้นซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่เราเคย
00:41:56 → 00:41:59 เข้าใจแบบนั้นมาแล้วมันดันผิดเนาะแต่วัน
00:41:59 → 00:42:02 นี้คุณหมอยืนยันอีกครั้งมั้ยคะว่าต้นไม้
00:42:02 → 00:42:02 ปลูกในบ้านได้
00:42:02 → 00:42:03 >> ปลูกได้ครับ
00:42:03 → 00:42:06 >> โอเคค่ะนั้นทุกคนตามนี้นะคะก็
00:42:06 → 00:42:07 >> เลือกต้นสวยๆแล้วกันนะฮะ
00:42:07 → 00:42:09 >> อ่าได้แล้วก็อย่าเลือกอะไรที่มันแบบร่วง
00:42:09 → 00:42:11 ได้จะไม่ได้กำเนิดนิวตันคนใหม่
00:42:11 → 00:42:14 >> อืปลูกแอปเปิ้ลไว้ในบ้านเข้าใจแล้วครับ
00:42:14 → 00:42:18 >> เกินมุกมันล้ำไปโอเคค่ะวันนี้ก็ได้ทั้ง
00:42:18 → 00:42:22 สาระแล้วก็แพนว่าเป็นการคุยที่สนุกมากนะ
00:42:22 → 00:42:23 คะหวังว่าคุณหมอก็จะสนุกไปด้วยกัน
00:42:23 → 00:42:24 >> ดีเลยครับสนุกดี
00:42:24 → 00:42:27 >> โอเคค่ะก็ถ้าชอบคลิปนี้นะคะฝากกดไลค์กด
00:42:27 → 00:42:30 แชร์คลิปนี้ด้วยนะคะฝากคอมเมนต์ด้วยว่ามี
00:42:30 → 00:42:32 ความเชื่ออะไรบ้างที่เราเคยเชื่อมาแล้ว
00:42:32 → 00:42:36 วันเนี้คุณหมอได้ทำลายมันทิ้งคอมเมนต์บอก
00:42:36 → 00:42:38 กันเอาไว้ได้หรือว่ามีอะไรที่เราสงสัยนะ
00:42:38 → 00:42:40 คะแล้วก็อยากได้คำตอบเนี่ยก็คอมเมนต์เอา
00:42:40 → 00:42:42 ไว้ได้เช่นกันนะคะถ้าอยากติดตามคุณหมอ
00:42:43 → 00:42:44 เนี่ยสามารถติดตามได้ช่องทางไหนคะ
00:42:44 → 00:42:47 >> ก็มีช่องทาง YouTube ดนี่นะครับในนั้นผม
00:42:47 → 00:42:50 ก็ตอบด้วยตัวเองมาตลอด 4 ปีไม่มีแอดมินนะ
00:42:50 → 00:42:52 ครับแล้วก็เป็นห้องสมุดทางด้านการแพทย์
00:42:52 → 00:42:55 ถ้าใครสงสัยอะไรก็ไปเสิร์ชหาแล้วก็ในนั้น
00:42:55 → 00:42:56 จะมีคำตอบไว้อยู่แล้วนะครับ
00:42:56 → 00:42:59 >> ค่ะไปที่นี่ได้เลยเนาะสงสัยอะไรที่นี่มี
00:42:59 → 00:43:02 ครบเลยนะคะแล้วก็วันนี้ค่ะทางเกลาก็มีมา
00:43:02 → 00:43:06 เราคุยเรื่องปอดกันนะคะนี้ก็มีถุงผ้ามา
00:43:06 → 00:43:09 ให้คุณหมอด้วยนะคะเป็นถุงผ้าเกลาค่ะ
00:43:09 → 00:43:10 >> มอบให้เลยค่ะ
00:43:10 → 00:43:11 >> ขอบคุณมากครับผม
00:43:11 → 00:43:13 >> เราก็จะได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุก EP นะคะ
00:43:13 → 00:43:15 >> จะมีถุงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
00:43:15 → 00:43:18 >> ค่ะอันนี้ถ้าใครสนใจนะคะถุงผ้าแบบนี้นะคะ
00:43:18 → 00:43:20 สามารถสั่งซื้อได้ที่ใต้ description นี้
00:43:20 → 00:43:23 เลยนะคะยังมีเสื้อเกลาแล้วก็หมวกเกลาด้วย
00:43:23 → 00:43:25 นะคะเร็วๆนี้ก็จะมีหนังสือเกลาด้วยนะคะ
00:43:25 → 00:43:27 คุณหมอมีหนังสือเหมือนกัน
00:43:27 → 00:43:29 >> มีหนังสือครับผมตอนนี้เขียนมา 2 เล่ม
00:43:29 → 00:43:32 กำลังมีเล่ม 345 ที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
00:43:32 → 00:43:34 >> ออุ๊ยทำไมเพิ่มมาทีเดียว 345 เลย
00:43:34 → 00:43:36 >> เพราะว่าเราบ้าพลังหน่อย
00:43:36 → 00:43:39 >> ความรู้เยอะต้องทำเยอะครับเยอะค่ะก็ติด
00:43:39 → 00:43:41 ตามได้นะคะทั้งคุณหมอแล้วก็ทางช่องเกลา
00:43:41 → 00:43:43 เลยค่ะวันนี้ต้องขอขอบคุณคุณหมอมากๆเลยนะ
00:43:43 → 00:43:43 คะ
00:43:43 → 00:43:44 >> ยินดีครับขอบคุณมากครับ
00:43:45 → 00:43:48 >> ขอขอบคุณสถานที่สวยๆในการถ่ายทำเรกุcาเฟ่
00:43:48 → 00:43:51 คาเฟ่รับย่านพร้อมพงษ์ร้านกาแฟสไตล์
00:43:51 → 00:43:54 ญี่ปุ่นที่บรรยากาศดีสุดๆถ่ายรูปมุมไหนก็
00:43:54 → 00:43:56 สวยที่นี่มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารอร่อย
00:43:56 → 00:43:59 ๆสั่งได้เลยไม่ต้องกลัวหิวนะคะใครที่อยาก
00:43:59 → 00:44:01 จะมานั่งชิลมานั่งนั่งทำงานหรือว่ามาอ่าน
00:44:01 → 00:44:03 หนังสือเนี่ยก็มาได้เลยร้านอยู่ที่ซอย
00:44:03 → 00:44:08 สุขุมบิ๊ก 35 อย่าลืมมาเช็คอินกันนะ
00:44:08 → 00:44:30 [เพลง]