00:00:06 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ดิฉันสุด
00:00:09 → 00:00:13 ธิดาพรปริป[\h__\h]และนี่คือศัลยกรรมความสุข
00:00:13 → 00:00:16 รายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความสุขมาก
00:00:16 → 00:00:19 ขึ้นมีความทุกข์น้อยลง
00:00:19 → 00:00:21 คุณผู้ฟังคะ
00:00:21 → 00:00:26 คำพูดของคนเราเนี่ยจริงๆแล้วมีอานุภาพมาก
00:00:26 → 00:00:29 แค่ไหนคะวันนี้ที่เราจะคุยกันชื่อว่า
00:00:29 → 00:00:31 วาจาสิทธิ์
00:00:31 → 00:00:40 [เพลง]
00:00:40 → 00:00:45 นี่มันคือคำพูดของคนเราเนี่ยมันจะมี
00:00:45 → 00:00:49 อานุภาพเป็นวาจาสิทธิ์ได้หรือมันทุกคนไหม
00:00:49 → 00:00:53 ใช่ทุกคนไหมแล้วก็ถ้าคุณผู้ฟังหรือพี่วี
00:00:53 → 00:01:08 นึกถึงใครคะถ้าพูดว่าวาจาสิทธิ์
00:01:08 → 00:01:11 พระร่วงนี้ก็คือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
00:01:11 → 00:01:15 ในสมัยสุโขทัยใช่ไหมแล้วพระร่วงก็ไป
00:01:15 → 00:01:17 เกี่ยวกับเรื่องของขอมดำดินเท่าที่จำได้
00:01:17 → 00:01:21 คร่าวๆนะพอดีศัลยกรรมความสุขเราไม่ได้
00:01:21 → 00:01:22 เกี่ยวกับวรรณคดีไม่ได้เกี่ยวกับ
00:01:22 → 00:01:26 ประวัติศาสตร์เราอาจจะรู้ได้หลังๆเหลือๆ
00:01:26 → 00:01:30 นะประมาณว่ามีของดำดินมาอะไรอย่างนี้แล้ว
00:01:30 → 00:01:32 มาถามหาใครสักคนนึงแล้วก็ร่วงเนี่ยเป็นคน
00:01:32 → 00:01:35 ที่มีวาจาเสร็จแล้วก็พูดอะไรบางอย่างไป
00:01:35 → 00:01:36 เนี่ย
00:01:36 → 00:01:38 ขอมดำดินเนื่องจากว่าคำพูดของพระร่วง
00:01:38 → 00:01:42 เนี่ยเป็นคำที่มีวาจาสิทธิ์มีพลานุภาพสูง
00:01:42 → 00:01:46 มากจากคำพูดนั้นเนี่ยทำให้ขอบดำดินคนนั้น
00:01:46 → 00:01:46 เนี่ย
00:01:46 → 00:01:49 แข็งเป็นหินเดี่ยวนั้นเลย
00:01:49 → 00:01:54 อยู่ตรงนั้นเลยเหมือนกับโดนเสกไปเลย
00:01:54 → 00:01:59 ซึ่งตรงนี้เนี่ยเอ่อคนรุ่นใหม่อาจจะเอ๊ะ
00:01:59 → 00:02:02 อ่าพระร่วงไม่รู้จักแต่ว่าถ้าอาจจะคุ้นๆ
00:02:02 → 00:02:06 หูนิดนึงก็คืออาจจะเคยได้ยินเอ่อแว่วๆว่า
00:02:06 → 00:02:12 ปากพระร่วงอ่ามีสามีพระร่วงก็คือมาจาก
00:02:12 → 00:02:15 สิ่งนี้ใช่ไหมครับมาจากเรื่องนี้ซึ่งซึ่ง
00:02:15 → 00:02:18 คนสมัยใหม่อาจจะไม่ได้ยินอีกว่าปากพระ
00:02:18 → 00:02:21 ร่วงเพราะมันอาจจะเก่ามากนะคะแต่ว่าเมื่อ
00:02:21 → 00:02:25 กี้เนี้ยเอ่อที่พี่บีพูดมาคำนึงอ่ะว่าเรา
00:02:25 → 00:02:30 ทุกคนน่ะมีวาจาสิทธิ์ได้ไหมเอออันนี้น่า
00:02:30 → 00:02:34 สนใจมากๆเลยค่ะพี่วีเออตกลงพี่บีคิดว่า
00:02:34 → 00:02:38 เรามีทุกคนมีได้ไหมคะถ้าเกิดถามว่าน่าจะ
00:02:38 → 00:02:40 มีได้ไหมน่าจะมีได้แต่ในความเป็นจริงไม่
00:02:40 → 00:02:45 ใช่ทุกคนที่มีหรือว่าแสดงศักยภาพนี้
00:02:45 → 00:02:48 เพราะเอาง่ายๆนะพี่อ้อยผมเคยสมัยก่อนตอน
00:02:48 → 00:02:50 ที่เป็นนักเรียนเลยนะ
00:02:50 → 00:02:52 สมมุติว่าเราอยู่ในห้องประชุมเนี่ย
00:02:52 → 00:02:56 แล้วนักเรียนในห้องประชุมคุยกัน
00:02:56 → 00:03:00 คุยกันสนั่นเลยแล้วเสียงดังเลยแล้วก็มี
00:03:00 → 00:03:03 ครูบางคนเนี่ยพยายามจะให้อยู่ในความสงบ
00:03:03 → 00:03:07 เนี่ยพูดไปเหอะเด็กก็ไม่เงียบแต่จะมีครู
00:03:07 → 00:03:12 อยู่คนนึงมีวาจาสิทธิ์ปรากฏตัวมาแล้วพูด
00:03:12 → 00:03:14 อะไรคำเดียวนี้เงียบทั้งห้องเลย
00:03:14 → 00:03:16 [เพลง]
00:03:16 → 00:03:20 นะคะ 2 คนนี้เออนั่นแหละ
00:03:20 → 00:03:24 คือการที่ใครสักคนนึงจะมีวาจาสิทธิ์คือคำ
00:03:24 → 00:03:27 พูดเขาเนี่ยสามารถที่จะ
00:03:27 → 00:03:29 มีอิทธิพล
00:03:29 → 00:03:31 ให้มันเกิดอะไรบางอย่างตามที่เขาต้องการ
00:03:31 → 00:03:32 ได้เนี่ย
00:03:32 → 00:03:35 มันจะต้องมีที่มาจาก
00:03:35 → 00:03:39 พฤติกรรมก่อนหน้านี้หรือ
00:03:39 → 00:03:41 หรือ
00:03:41 → 00:03:44 แสนยานุภาพของเขาอ่ะถ้าเป็นครูเนี่ยก็คือ
00:03:44 → 00:03:48 กลัวไหมอ่ะเด็กกลัวไหม
00:03:48 → 00:03:52 ถ้าเกิดครูใจดีนี่เด็กก็ไม่กลัวนะแต่ถ้า
00:03:52 → 00:03:54 เกิดครูที่แบบว่าเป็นฝ่ายปกครองอย่าง
00:03:54 → 00:03:57 เงี้ยก็ไม่ได้เป็นใจดีสักเท่าไหร่อะไร
00:03:57 → 00:04:09 อย่างนี้นะเด็กรู้กินศัพท์อ่ะ
00:04:09 → 00:04:13 ก็อยากเล่าเรื่องนึงนะคะก็คือ
00:04:13 → 00:04:18 ตัวเองชอบชอบเดินตลาดนัดเป็นคนชอบมากเลย
00:04:18 → 00:04:21 มันมันหลายตี้ของอะไรอย่างนี้
00:04:21 → 00:04:26 ก็เมื่อเร็วๆนี้ก็ไปเดินตลาดนัดมานะคะ
00:04:26 → 00:04:29 ก็ไปดูเสื้อผ้าดูไปอย่างนั้นแหละไม่ได้
00:04:29 → 00:04:32 คิดว่าเออจะซื้ออะไรมากมาย
00:04:32 → 00:04:37 เข้าไปร้านแรกนะคะก็คนขายก็เป็นไวป้านี่
00:04:37 → 00:04:39 แหละก็วัยป้าเดียวกับเรานี่แหละนะคะอื้อ
00:04:39 → 00:04:42 เขาก็มีลูกค้า 1 คนยืนอยู่เขาก็บอกว่า
00:04:42 → 00:04:46 เนี่ยจะซื้อกางเกงขาสั้นให้ลูกสาวอ่าลูก
00:04:46 → 00:04:49 สาวเนี่ยเอวเท่านี้สะโพกเท่านี้นะคะต้อง
00:04:49 → 00:04:53 อ่าซื้อไซส์อะไรนะคะป้าคนขายก็บอกว่าอ๋อ
00:04:53 → 00:04:58 ก็ต้องใช้ L นะคะคนขายเออเขาก็หยิบมาให้
00:04:58 → 00:05:02 พอหยิบมาให้เสร็จคนที่เขาจะซื้อเขาก็ดู
00:05:02 → 00:05:08 เอวมันใหญ่นะนะคะคนขายก็บอกว่าก็ในเมื่อ
00:05:08 → 00:05:11 สะโพกเท่านี้ก็ต้องเอาสะโพกเป็นหลักไม่มี
00:05:11 → 00:05:16 หรอกคุณจะเอากางเกงสำเร็จรูปที่ตัดมาขาย
00:05:16 → 00:05:19 แล้วแบบว่าจะเอาให้เอวพอดีสะโพกพอดีอะไร
00:05:19 → 00:05:21 อย่างนี้มันไม่มีมันเป็นแบบมาตรฐานนะคะ
00:05:21 → 00:05:23 เพราะฉะนั้นคุณไปซื้อที่ไหนก็ไม่มีไม่มี
00:05:23 → 00:05:26 ขายหรอกร้านไหนๆไม่มีทั้งนั้นเพราะฉะนั้น
00:05:26 → 00:05:29 ถ้าสมมุติว่าไม่เอาตัวนี้คุณไปหาซื้อที่
00:05:29 → 00:05:31 ไหนก็ไม่มีคือเราได้ยินคำว่าไม่มีไม่มี
00:05:31 → 00:05:36 ไม่มีเนี่ยเยอะมากเลยแล้วสุดท้ายเนี่ยคน
00:05:36 → 00:05:40 ที่จะซื้อน่ะเขาก็ไม่ซื้อนะคะก็คือมัน
00:05:40 → 00:05:44 เหมือนได้ยินคำปฏิเสธเนี่ยหลายๆคำมากเลย
00:05:44 → 00:05:49 นะคะก็เราๆๆกำลังยืนเอ่อดูอยู่เราก็เลย
00:05:49 → 00:05:51 บอกว่าเออก็ไม่เป็นไรเราก็เดินต่อไป
00:05:51 → 00:05:54 ก็ไปเจออีกร้านนึงค่ะ
00:05:54 → 00:05:58 ก็จะเป็นมนุษย์ป้าเหมือนกันแต่ว่าก็จะ
00:05:58 → 00:06:02 เอ่อมีความเป็นเจ๊นิดๆนะคะแล้วก็มีคนรอ
00:06:02 → 00:06:05 อยู่ในร้านเนี่ย 4-5 คนเลยอ่าเราเข้าไป
00:06:05 → 00:06:07 เนี่ยเป็นอาจจะเป็นคนที่ 5 หรือคนที่ 6
00:06:07 → 00:06:11 ด้วยซ้ำไปสิ่งที่เราได้ยินเจ๊พูดเนี่ยก็
00:06:11 → 00:06:17 คือได้ๆๆเออได้ๆๆเรามีไซซ์นี้เพราะว่าคือ
00:06:18 → 00:06:21 ที่ร้านเนี่ยที่เขาขายโอ๋มันหลายรายหลาย
00:06:21 → 00:06:23 ไซส์หลายแบบมาก
00:06:23 → 00:06:27 แล้วก็พอคนนึงถามลูกค้าคนนึงถามก็บอกว่า
00:06:27 → 00:06:30 ได้ๆๆแล้วก็เจ๊เนี่ยทำคนเดียวเพราะฉะนั้น
00:06:30 → 00:06:36 ไม่ว่าจะหาไซส์หาสีหาแบบเก็บเงินทอนเงิน
00:06:36 → 00:06:41 QR Code คนเดียวเลยแล้วก็ลูกค้าก็รอ
00:06:41 → 00:06:46 แล้วทุกคนนิ่งๆรอนะคะรอคิวของตัวเอง
00:06:46 → 00:06:52 สุดท้ายเนี่ยได้ๆๆเนี่ยมาเป็นระยะๆๆแล้ว
00:06:52 → 00:06:55 ตัวเราก็เลยถามในช่วงนึงที่เขาเดินผ่านมา
00:06:55 → 00:07:00 ว่าแบบนี้มีไซส์ไหมเขาบอกได้ๆๆก่อนเลยนะ
00:07:00 → 00:07:05 คะแล้วก็เขาก็ไปบริการคนอื่นเราก็รอ
00:07:05 → 00:07:07 สุดท้ายเนี่ยพบว่า
00:07:07 → 00:07:13 เอ่อแบบนั้นไม่มีสายเราเพราะหมดแล้วเราก็
00:07:13 → 00:07:15 บอกว่าเอ้อไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวเราดูดูลาย
00:07:15 → 00:07:20 อื่นแบบอื่นที่มันมีสายเราเราเต็มใจที่จะ
00:07:20 → 00:07:23 รอแล้วเราก็เห็นภาพ 2 ร้านเนี่ยที่แบบแตก
00:07:23 → 00:07:28 ต่างกันคนนึงอ่ะพูดไม่เต็มเลยอีกคนน่ะได้
00:07:28 → 00:07:32 ๆๆคืออะไรที่แว่วมาหูเขาอ่ะเขาจะได้ๆๆ
00:07:32 → 00:07:35 แล้วทุกคนก็จะยินดีที่จะรอ
00:07:35 → 00:07:38 แล้ววันนั้นเชื่อไหมคะพี่วีพี่อ้อยซื้อ
00:07:38 → 00:07:41 ร้านนี้ประมาณ 10 ตัว
00:07:41 → 00:07:44 ซื้อฝากลูกฝากคนนู้นคนนี้แม่บ้านนู่นนี่
00:07:44 → 00:07:48 ทั้งๆที่ไม่ได้ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อมากมาย
00:07:48 → 00:07:53 ขนาดนั้นก็เลยคิดถึงคำพูดว่า
00:07:53 → 00:07:57 เอ้ยคำว่าได้ Yes Yes มันเหมือน
00:07:57 → 00:08:02 วาจาสิทธิ์นะมันชวนให้เราอ่ะยินดีที่จะรอ
00:08:02 → 00:08:05 ที่จะรับฟังที่จะ
00:08:05 → 00:08:10 ยอมที่จะอาจจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการเราก็
00:08:10 → 00:08:14 อาจจะเปลี่ยนไปอีกแบบนึงในขณะที่พอถ้าคำ
00:08:14 → 00:08:16 ว่าไม่มาก่อน
00:08:16 → 00:08:19 มันจะเหมือนปิดล่ะ
00:08:20 → 00:08:25 วาจาสิทธิ์ค่ะแสดงว่าวาจาสิทธิ์
00:08:25 → 00:08:28 แสดงว่าเราทุกคนเนี่ยสามารถที่จะมี
00:08:28 → 00:08:33 วาจาสิทธิ์ใช่ค่ะเพียงแต่ว่าเราจะใช้มัน
00:08:33 → 00:08:37 หรือไม่แล้วก็เราถูกฝึกมาหรือไม่
00:08:37 → 00:08:40 แล้วพูดเรื่องนี้ปุ๊บมันจะใช้ผมนึกถึง
00:08:40 → 00:08:42 เพื่อนคนนึงที่รู้จักกันเลยว่า
00:08:42 → 00:08:46 เขาคงจะถูกฝึกมาตลอดชีวิตนะครับเวลาที่มี
00:08:46 → 00:08:49 การประชุมหรือการเสนอความคิดเห็นเนี่ยนะ
00:08:49 → 00:08:52 แล้วมีใครสักคนนึงนะแสดงความคิดเห็นอะไร
00:08:52 → 00:08:53 มาเนี่ย
00:08:53 → 00:08:59 คำแรกที่เขาจะพูดก็คือว่าไม่ใช่
00:08:59 → 00:09:00 ไม่ใช่
00:09:00 → 00:09:03 แล้วก็ค่อยอธิบายของตัวเองมันเป็นคำที่
00:09:03 → 00:09:06 เป็นวาจาสิทธิ์แต่ในเชิงลบนะ
00:09:06 → 00:09:09 ที่มันทำให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าคนนี้ต่อ
00:09:09 → 00:09:11 ต้านอย่างเดียว
00:09:11 → 00:09:15 แล้วมันก็เลยนึกไปถึงทฤษฎีพี่อ้อยว่าเวลา
00:09:15 → 00:09:18 ที่มันจะมีเขาเรียกว่านะ
00:09:18 → 00:09:20 แซนวิชแอป
00:09:20 → 00:09:23 ในการที่เราจะไปต่อรองกับใครเนี่ย
00:09:23 → 00:09:26 หรือว่าเราจะไปแนะนำใคร
00:09:26 → 00:09:29 เราใครทำอะไรบางอย่างในแล้วให้เราไป
00:09:29 → 00:09:31 คอมเมนต์เนี่ย
00:09:31 → 00:09:34 เขาบอกว่าเวลาที่เราจะ comment หรือแสดง
00:09:34 → 00:09:36 ความคิดเห็นใครเนี่ย
00:09:36 → 00:09:40 แซนวิชมันจะมี 3 ชั้นใช่ไหมครับมีขนมปัง
00:09:40 → 00:09:45 และก็มีไส้แล้วก็ชั้นล่างก็เป็นขนมปัง
00:09:45 → 00:09:48 ไอ้แซนด์วิชแอปเขาบอกว่าเวลาแนะนำใคร
00:09:48 → 00:09:51 เนี่ยให้เริ่มด้วยคำ
00:09:51 → 00:09:52 ชมก่อน
00:09:52 → 00:09:56 ชมแล้วค่อยๆตามด้วยข้อแนะนำ
00:09:56 → 00:10:02 แล้วก็จบด้วยคำชมคือมี 3 ชั้นชมจะเรียก
00:10:02 → 00:10:05 ว่าชมติชมก็ได้แต่คำว่าติเราก็ไม่ควรใช้
00:10:05 → 00:10:07 เราใช้คำว่าแนะนำ
00:10:07 → 00:10:10 เราชมเขาคือเวลาที่เราเห็นใครสักคนนึง
00:10:10 → 00:10:13 สมมุติว่าพี่อ้อยกำลังฝึกพูดเนี่ยพี่อ้อย
00:10:13 → 00:10:17 ก็มาเล่าเรื่องให้ผมฟังแล้วพี่อ้อยบอกว่า
00:10:17 → 00:10:18 ขอความเห็นหน่อย
00:10:18 → 00:10:22 ผมก็จะบอกว่าถ้าสิ่งที่ควรจะเป็นนะอันนี้
00:10:22 → 00:10:24 เป็นวาจาสิทธิ์นะจะทำให้เราเป็นคนที่มี
00:10:24 → 00:10:26 วาจาสิทธิ์คือเขาจะฟังเรา
00:10:26 → 00:10:28 ถ้าเราเริ่มด้วยคำชม
00:10:28 → 00:10:32 บอกว่าเออเรื่องที่พี่อ้อยเล่าเนี่ยมัน
00:10:32 → 00:10:34 น่าสนใจดีนะ
00:10:34 → 00:10:37 เออแต่ว่าถ้าเกิดว่าพี่อ้อยเพิ่มอีกนิด
00:10:37 → 00:10:41 นึงนะอันนี้อันนี้แนะนำละเพิ่มอีกนิดนึง
00:10:41 → 00:10:43 นะถ้าเกิดเพิ่มตรงนี้เข้าไปอ่ะ
00:10:43 → 00:10:46 มันจะทำให้เรื่องนี้มันดีขึ้นไปอีก
00:10:46 → 00:10:48 [เพลง]
00:10:48 → 00:10:50 คำชม
00:10:50 → 00:10:55 คุณว่าได้ได้จากพี่ฟิล์มบ่อยๆ
00:10:55 → 00:10:57 อันนี้เป็นเทคนิคที่เราจะต้อง
00:10:57 → 00:11:00 ให้มันอยู่ในตัวเราเป็นธรรมชาติเลยคือแน่
00:11:00 → 00:11:02 นอนว่าเขาบอกว่าอย่างนี้
00:11:02 → 00:11:05 ถ้าอันนี้เป็นวิธีที่จะฝึกให้เราเป็นคน
00:11:05 → 00:11:08 ที่มีวาจาสิทธิ์แล้วนะก็คือว่าฝึกให้คำ
00:11:08 → 00:11:10 พูดเราเนี่ย
00:11:10 → 00:11:15 จะมีอานุภาพคล้อยทำให้คนอื่นคล้อยตามเรา
00:11:15 → 00:11:17 ถ้าเราแย้งเข้าทุกเรื่อง
00:11:17 → 00:11:20 ถึงแม้ว่าสิ่งที่แย้งจะเป็นเรื่องจริงนะ
00:11:20 → 00:11:24 เขาก็ไม่ฟังเขาก็ปิดเลยแต่ถ้าเราเริ่ม
00:11:24 → 00:11:26 ด้วยคำชมว่า
00:11:26 → 00:11:28 เขาดียังไงแต่ต้องเป็นของจริงนะไม่ใช่ของ
00:11:28 → 00:11:32 เสแสร้งนะถ้าชมเรื่องที่ไม่จริงเป็นของ
00:11:32 → 00:11:36 เสแสร้งเขาก็รู้ว่ามันไม่จริงใจชมปุ๊บ
00:11:36 → 00:11:39 แล้วค่อยข้อแนะนำแนะนำเสร็จแล้วก็ตบที่ชม
00:11:39 → 00:11:40 อีกอันนึง
00:11:40 → 00:11:42 อันนี้กลายเป็นเทคนิคที่จะทำให้เรากลาย
00:11:42 → 00:11:49 เป็นคนที่มีวาจาสิทธิ์เลยนะคะ
00:11:49 → 00:11:56 [เพลง]
00:11:56 → 00:11:59 ก็คือได้ไว้ก่อน
00:11:59 → 00:12:09 สวัสดี
00:12:09 → 00:12:13 ทั้งหมดและลบบวกลบที่เราอ่ะจะเลือกใช้
00:12:13 → 00:12:18 อะไรใช่แล้วอยู่ที่เราฝึกด้วยแต่ไม่ฝึก
00:12:18 → 00:12:21 ไม่ได้เลยนะคะพี่พูดคำว่าฝึกเนี่ยบอกว่า
00:12:21 → 00:12:25 มันจะไม่มีทางออกมาอัตโนมัติเลยถ้าเราไม่
00:12:25 → 00:12:30 เคยคิดบวกฝึกบวกมันมันจะกลายเป็นเป็นแบบ
00:12:30 → 00:12:34 เดิมของเรานั่นแหละใช่ค่ะแล้วการฝึกเนี่ย
00:12:34 → 00:12:35 ไม่มีข้อจำกัดนะครับ
00:12:35 → 00:12:37 พี่อ้อยรู้ไหมผมเคยเจอเพราะพูดถึงเรื่อง
00:12:37 → 00:12:39 นี้ปุ๊บผมนึกถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่
00:12:39 → 00:12:41 เคยเจอที่พัทยาครับ
00:12:41 → 00:12:44 ไปเที่ยวพัทยาแล้วตอนกลางคืนก็ไปกินอาหาร
00:12:44 → 00:12:46 ทะเลอยู่ริมชายทะเล
00:12:46 → 00:12:49 ก็มีเด็กประมาณอนุบาล
00:12:49 → 00:12:53 อนุบาล 2 อนุบาล 3 ยังเด็กมากเลยพี่อ้อย
00:12:53 → 00:12:57 ที่พ่อแม่เขาอ่ะจะให้เขาถือดอกไม้ไปขาย
00:12:57 → 00:13:04 ต่างโต๊ะ
00:13:05 → 00:13:08 ไม่เห็นไม่อยากส่งเสริมอ่ะให้พ่อแม่เนี่ย
00:13:08 → 00:13:13 เอาลูกเล็กๆเนี่ยมามาทำมาหากินแบบนี้นะ
00:13:13 → 00:13:16 เราก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเราจะเห็น
00:13:16 → 00:13:19 ด้วยหรือไม่เห็นด้วยประเด็นนี้นะแต่ตอน
00:13:19 → 00:13:21 นี้ผมกำลังจะพูดถึงเรื่องของวาจาสิทธิ์
00:13:21 → 00:13:37 ของเด็กคนนี้
00:13:37 → 00:13:40 ในใจผมได้เห็นอย่างนี้ก็มักจะพยายามช่วย
00:13:40 → 00:13:44 ไว้ก่อนแต่เราก็จะคุยกับเด็ก
00:13:44 → 00:13:48 น้องเรียนชั้นไหนนู่นนั่นๆคือคุยเล่นไป
00:13:48 → 00:13:53 เนี่ยดอกละเท่าไหร่ล่ะดอกละ 20 อยู่นี่
00:13:53 → 00:13:54 นั่นก็คุยเล่นไปก่อนแล้วเดี๋ยวก็จะซื้อ
00:13:54 → 00:13:57 อะไรเงี้ยผมก็เลยบอกว่า
00:13:57 → 00:14:00 น้องดอกละ 20 ใช่ไหม
00:14:00 → 00:14:04 เอางี้นะเดี๋ยวพี่ให้หนู 20
00:14:04 → 00:14:07 พี่ให้หนู 20 แต่พี่ไม่เอาดอกไม้
00:14:07 → 00:14:12 อันนี้เป็นการช่วยให้หนูฟรีๆเลย
00:14:12 → 00:14:15 พี่อ้อยทำให้เรา
00:14:15 → 00:14:20 ในที่สุดแล้วเราจะต้องต้องซื้อ
00:14:20 → 00:14:23 คือยังไงเราเสีย 20 อยู่แล้วไงแต่คำตอบ
00:14:23 → 00:14:26 เขาเนี่ยทำให้เราจะต้องซื้อแล้วต้องซื้อ
00:14:26 → 00:14:27 มากกว่าเดิม
00:14:27 → 00:14:29 [เพลง]
00:14:29 → 00:14:30 เขาตอบว่า
00:14:30 → 00:14:31 เออ
00:14:32 → 00:14:34 พี่ให้หนู 20 แล้วพี่ไม่เอาดอกไม้หนูหนู
00:14:34 → 00:14:37 ไม่เอาค่ะทำไมครับ
00:14:37 → 00:14:40 คือหนูมาขายดอกไม้หนูไม่ใช่ขอทาน
00:14:40 → 00:14:43 [เพลง]
00:14:43 → 00:14:45 อันนี้มันเป็นตัวอย่างของวาจาสิทธิ์ได้
00:14:45 → 00:14:47 ไหมครับ
00:14:47 → 00:14:51 ได้ค่ะเป็นคำพูดที่มีพลัง
00:14:51 → 00:14:54 สูงมาก
00:14:54 → 00:14:57 ที่ทำให้เราทีแรกเราจะเสีย 20 แต่เราไม่
00:14:57 → 00:14:58 เอาดอกไม้
00:14:58 → 00:15:01 แต่พอพูดอย่างนี้เรามีความรู้สึกเด็กคน
00:15:01 → 00:15:02 นี้
00:15:02 → 00:15:05 เขามีวาจาสิทธิ์หรือสูงมากจนกระทั่งเราจะ
00:15:05 → 00:15:09 ต้องเสีย 40
00:15:09 → 00:15:15 แล้วเอาดอกไม้มา 2 ดอก
00:15:15 → 00:15:20 ครับว่าการที่บอกว่าวาจาสิทธิ์ทีแรกผมก็
00:15:20 → 00:15:25 คิดว่าจะทุกคนมีไหมสรุปได้ว่าทุกคนมีได้
00:15:25 → 00:15:31 แต่ต้องฝึกต้องฝึกเลยค่ะ
00:15:31 → 00:15:36 แล้วก็คืออันหนึ่งที่เป็นคุณสมบัตินึงที่
00:15:36 → 00:15:38 พี่วีพูดบ่อยๆเลยก็คือเราต้องรู้จัก
00:15:38 → 00:15:41 สังเกตนะคะเราก็อันนี้เป็นคุณสมบัติที่ดี
00:15:41 → 00:15:45 มากแล้วก็ตัวเองก็เคยใช้โดยไม่รู้ตัวมาก็
00:15:45 → 00:15:49 คือมันมีเคสอยู่เคสนึงซึ่งยกให้น้องคนนี้
00:15:49 → 00:15:53 เป็นครูเราถึงทุกวันนี้เลยนะคะก็เป็นใน
00:15:53 → 00:15:57 กลุ่มวิทยากรด้วยกันนี่แหละเราไปเดินซื้อ
00:15:57 → 00:16:00 ของที่จะเอามาแจกอะไรอย่างเงี้ยที่ตลาด
00:16:00 → 00:16:03 พาหุรัดไปกัน 2 คน
00:16:03 → 00:16:07 นี้ก็เดินโอ๊ยแบบ Enjoy มากว่าร้านข้าว
00:16:07 → 00:16:11 ร้านนู้นออกร้านนี้อะไรก็แอบสังเกตล่ะพอๆ
00:16:11 → 00:16:14 เข้าร้านไหนบางทีไม่ได้ซื้อนะคะก็เข้าไป
00:16:14 → 00:16:16 ดูของแล้วมันยังไม่ตรงไหน
00:16:16 → 00:16:20 น้องคนนี้ก็จะบอกว่าขายดีร่ำรวยนะพี่อะไร
00:16:20 → 00:16:23 อย่างนี้นะคะแล้วก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
00:16:23 → 00:16:26 จนกระทั่งไปเจอรถเข็นข้างทาง
00:16:26 → 00:16:28 เป็น
00:16:28 → 00:16:34 เป็นป้าคนนึงที่เขาเรียกว่าอะไรอ่ะเขาปิด
00:16:34 → 00:16:38 ตาข้างนึงเป็นลักษณะเหมือนผ่าตัดมาค่ะมีๆ
00:16:38 → 00:16:43 ผ้าก๊อซแล้วก็แปะแปะตาข้างวัวไว้เขาขาย
00:16:43 → 00:16:45 เป็นขาย
00:16:45 → 00:16:49 ก้างปลาทอดทอดมันอะไรอย่างนี้เป็นของทอดๆ
00:16:49 → 00:16:50 อ่ะค่ะ
00:16:50 → 00:16:54 น้องคนนี้ก็ทักเลยอ้าว
00:16:54 → 00:16:57 ไม่สบายหรอคะเป็นอะไรอะไรอย่างนี้
00:16:57 → 00:17:01 ป้าคนนี้ก็บอกว่าโอ๊ยเนี่ยไปผ่าตัดตามา
00:17:01 → 00:17:05 เนี่ยเอ่อยังไม่หายดีเลยน้องก็บอกว่าโอ้
00:17:05 → 00:17:09 ยังไม่หายดีไม่พักเหรอคะเออไม่ๆให้หายดี
00:17:09 → 00:17:12 ก่อนแล้วค่อยมาพักไม่ได้หรอกไม่มีรายได้
00:17:12 → 00:17:16 เนี่ยที่บ้านก็ไม่มีใครช่วยเลยสักคนนึงก็
00:17:16 → 00:17:20 ต้องแบบถ้าไม่มาขายก็รายได้ก็ไม่มีเนี่ย
00:17:20 → 00:17:23 เพราะฉะนั้นเนี่ยเจ็บป่วยยังไงก็ต้องอดทน
00:17:23 → 00:17:26 สู้มาขายน้องก็บอกว่า
00:17:26 → 00:17:32 โอ้งั้นแบบขอให้ขาดแข็งแรงเร็วๆนะคะอ่าขอ
00:17:32 → 00:17:36 ให้ตาเนี่ยกลับมาเป็นปกตินะแข็งแรงเร็วๆ
00:17:36 → 00:17:39 นะจะได้แบบจะออกมาขายแล้วก็ได้รายได้เข้า
00:17:39 → 00:17:43 ที่บ้านแล้วตอนนี้ดูแลยังไงก็บอกอ๋อก็หมอ
00:17:43 → 00:17:45 บอกให้ทำอะไรเขาก็ทำ
00:17:45 → 00:17:51 มันแสดงความห่วงใยในคำพูดแล้วทำให้แม่ค้า
00:17:51 → 00:17:53 คนนั้นชื่อตอนแรกบ่นครอบครัวบ่นนู่น
00:17:53 → 00:17:57 บ่นนี่ขายของก็ไม่ดีอะไรพอฟังคำพูดกับ
00:17:57 → 00:18:00 น้องคนนี้ปุ๊บบอกอุ๊ยขอบคุณมากเลยหนูเออ
00:18:00 → 00:18:03 เดี๋ยวแถมให้นะอย่างเงี้ยค่ะอย่างนี้เลย
00:18:03 → 00:18:07 นะคะเอ๊ะๆบทเรียนภาพนั้นน่ะที่เราเห็นนะ
00:18:07 → 00:18:11 มันทำให้เรารู้สึกว่า 1 ก็คือน้องเค้าฟัง
00:18:11 → 00:18:15 คำพูดที่ที่พรั่งพรูออกมาจากความรู้สึก
00:18:15 → 00:18:20 ของคนขายของป๊าคนขายของคนนั้น 2 เขามีคำ
00:18:20 → 00:18:23 พูดที่เป็นวาจาสิทธิ์ที่พูดคำพูดด้วยคำดี
00:18:23 → 00:18:27 ๆกลับไปอวยพรกลับไปแล้วจากที่เขาอวยพรทุก
00:18:27 → 00:18:30 ร้านขายดีร่ำรวยขายดีร่ำรวยเรามีความรู้
00:18:30 → 00:18:34 สึกว่าเนี่ยมันเป็นพลังคำพูดที่ดีมากเลย
00:18:34 → 00:18:39 มันมีแต่คนต้อนรับคนๆนี้หลังจากนั้นพี่
00:18:39 → 00:18:42 อ้อยใช้วิธีการนี้เลยค่ะ
00:18:42 → 00:18:46 พอเวลามีโอกาสเข้าไปร้านไหนเราจะขอบคุณ
00:18:46 → 00:18:50 เราขอบคุณได้เราจะขอบคุณเสมอแม้เราจะซื้อ
00:18:50 → 00:18:54 หรือไม่ซื้อก็ขอบคุณนะคะอะไรอย่างนี้แล้ว
00:18:54 → 00:18:57 ก็เจ้าขอบคุณบ่อยมากกับทุกสถานการณ์ที่
00:18:57 → 00:19:02 ขอบคุณได้ขนาดคนที่เขาพึ่งพาเราเราก็
00:19:02 → 00:19:05 ขอบคุณว่าอย่างเขามาปรึกษาเราในเรื่อง
00:19:05 → 00:19:07 ส่วนตัว
00:19:07 → 00:19:09 เราก็บอกว่าขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติและ
00:19:09 → 00:19:13 ไว้ใจเล่าเรื่องส่วนตัวเราของเขาให้เรา
00:19:13 → 00:19:16 ฟังแล้วก็ไว้ใจที่จะรับคำปรึกษาจากเรา
00:19:17 → 00:19:21 คำเนี่ยคำว่าขอบคุณมันก็เลยเป็นวาจาจิต
00:19:21 → 00:19:24 ของพี่อ้อยไปแล้วค่ะแล้วโหอันนั้นดีมาก
00:19:24 → 00:19:27 แล้วก็คำว่าขอบคุณที่มันเจ๋งมากนะก็คือ
00:19:27 → 00:19:31 ว่าวันนึงเนี่ยเราใช้ได้ไม่จำกัดใช่ค่ะ
00:19:31 → 00:19:34 ไม่มีไม่มีข้อกำหนดเลยว่าวันหนึ่งเรา
00:19:34 → 00:19:35 สามารถพูดคำว่าขอบคุณ
00:19:36 → 00:19:39 ได้กี่ครั้งห้ามเกินนี้ไม่มีจำกัดแล้วก็
00:19:39 → 00:19:43 ได้ในทุกสถานการณ์และทายให้ผมนึกถึงอัน
00:19:43 → 00:19:46 นึงที่เป็นของตัวเองนะ
00:19:46 → 00:19:51 ผมมักจะมีความคิดอย่างนี้ว่ามันจะมีไหมคำ
00:19:51 → 00:19:54 พูดเล็กๆคำหนึ่งที่เราพูดติดปากแล้วมันจะ
00:19:54 → 00:19:58 ทำให้ชีวิตเราเนี่ยไปไหนก็มีเราก็มีแต่
00:19:58 → 00:20:01 ความสุขแล้วเราก็มอบความสุขไปได้ทั่วโดย
00:20:01 → 00:20:06 แค่คำพูดเล็กๆก็คือวาจาสิทธิ์นี่แหละก็
00:20:06 → 00:20:09 คือคำว่าขอบคุณนี่แหละใช่ไหมผมก็มี
00:20:09 → 00:20:12 ประสบการณ์เร็วๆนี้เลยผมก็ไปเวลาที่ผมไป
00:20:12 → 00:20:16 ตามติดตามอาคารสาธารณะเนี่ยพี่อ้อยเวลา
00:20:16 → 00:20:19 ที่เราต้องไปใช้บริการห้องน้ำเนี่ยเราก็
00:20:19 → 00:20:21 จะเจอพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ
00:20:21 → 00:20:26 แล้วผมจะรู้สึกเกรงใจมากเลยคือเวลาที่เขา
00:20:26 → 00:20:29 กำลังเช็ดพื้นห้องน้ำใหม่ๆแล้วเราเดิน
00:20:29 → 00:20:31 เข้าไปเป็นคนแรกเนี่ย
00:20:31 → 00:20:34 รอยเท้ารองเท้าเราอ่ะทำให้พื้นที่สะอาด
00:20:34 → 00:20:38 เมื่อกี้เปื้อนทันทีผมก็จะแบบเฮ้ยทำไงดี
00:20:38 → 00:20:42 แต่เราไม่เดินเข้าไปก็ไม่ได้ไง
00:20:42 → 00:20:44 เพราะฉะนั้นทุกครั้งเวลาที่ผมเจอแบบนี้นะ
00:20:44 → 00:20:48 ผมก็จะบอกว่าขอโทษนะครับเมื่อกี้มันยัง
00:20:48 → 00:20:52 สะอาดอยู่ตอนนี้คือขอโทษที่ทำให้มัน
00:20:52 → 00:20:55 เปื้อนเขาบอกไม่เป็นไรครับไม่เป็นไรเขาก็
00:20:55 → 00:20:57 จะแบบไม่เป็นไรไม่เป็นไรเป็นหน้าที่เขา
00:20:57 → 00:20:59 อะไรอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้นอีกคำหนึ่งที่
00:20:59 → 00:21:01 ผมใช้บ่อยเวลาที่ผมเจอสถานการณ์นี้คือขอ
00:21:01 → 00:21:02 โทษ
00:21:02 → 00:21:05 แล้วก็
00:21:05 → 00:21:08 ทุกครั้งเวลาที่เดินออกมาจากห้องน้ำถ้าผม
00:21:08 → 00:21:10 เจอพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ข้าง
00:21:10 → 00:21:13 หน้านะผมก็จะบอกว่าขอบคุณมากนะครับห้อง
00:21:13 → 00:21:15 น้ำสะอาดมากเลย
00:21:15 → 00:21:19 เพิ่งพูดเมื่อ 2 วันนี้ประโยคนี้ในห้อง
00:21:19 → 00:21:22 น้ำสาธารณะผมคิดว่ามัน
00:21:22 → 00:21:26 มันเป็นวาจาสิทธิ์ที่ทำให้ทั้งตัวเราเอง
00:21:26 → 00:21:31 แล้วทุกคนที่เราเจอแล้วทุกคนที่ได้เจอเรา
00:21:31 → 00:21:34 มีความสุขโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรใช้แต่
00:21:34 → 00:21:36 วาจาสิทธิ์
00:21:36 → 00:21:39 เราเหมือนมี
00:21:39 → 00:21:43 อานุภาพศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว
00:21:43 → 00:21:47 แล้วแต่ว่าเราอ่ะได้ใช้ไหมเราได้ฝึกใช้
00:21:47 → 00:21:47 ไหม
00:21:48 → 00:21:52 มันคือคำพูดที่ดีเป็นพลังบวกแล้วก็ให้
00:21:52 → 00:21:56 ความรู้สึกดีๆแก่ผู้คนนี่แหละค่ะคุณผู้
00:21:56 → 00:21:59 ฟังครับตอนเริ่มต้นเนี่ยเริ่มด้วยบอกว่า
00:21:59 → 00:22:02 วาจาสิทธิ์และพี่อ้อยก็ถามว่าเราทุกคนมี
00:22:02 → 00:22:06 ไหมเนี่ยเริ่มต้นที่สงสัยว่าเออมีไหมใน
00:22:06 → 00:22:10 ที่สุดสรุปว่ามีแต่เราก็พบว่ามีแต่ไม่ใช่
00:22:10 → 00:22:11 ทุกคนใช้
00:22:11 → 00:22:16 หลายคนมีแต่เก็บเอาไว้แล้วก็ไม่ได้ใช้
00:22:16 → 00:22:20 แล้วถ้าเราอยากจะใช้เราต้องฝึกแล้วเมื่อ
00:22:20 → 00:22:22 สักครู่นี้พี่อ้อยก็ได้บอกวิธีการฝึกแล้ว
00:22:22 → 00:22:26 ด้วยเราทุกคนเนี่ยมีวาจาสิทธิ์แน่นอนล่ะ
00:22:26 → 00:22:31 นะคะแล้วมันก็ไม่ได้ยากไม่ต้องไปสรรหาคำ
00:22:31 → 00:22:35 อะไรที่มันหรูหรามาใช้
00:22:36 → 00:22:41 แค่คำว่าขอบคุณนะคะเพียงแต่ว่าเราจะ
00:22:41 → 00:22:44 ขอบคุณได้เราต้องเห็นอะไรบางอย่าง
00:22:44 → 00:22:47 เพราะฉะนั้นถ้าเราสมมุติเราเดินไปเข้า
00:22:47 → 00:22:52 ห้องน้ำก็ไปทำธุระส่วนตัวแล้วก็ออกไป
00:22:52 → 00:22:54 มันก็จบไปในเหตุการณ์นั้นเราไม่ได้สร้าง
00:22:54 → 00:22:57 คุณค่าอะไรแก่ใครแล้วก็ไม่ได้ฝึกใช้
00:22:57 → 00:23:01 วาจาสิทธิ์แต่ถ้าเราเนี่ยสังเกตนิดนึงนะ
00:23:01 → 00:23:05 คะเราเห็นแม่บ้านกำลังกู Record เช็ดทำ
00:23:05 → 00:23:07 ความสะอาดเข้าห้องนู้นออกห้องนี้ถ้าเรามี
00:23:07 → 00:23:12 จังหวะที่พอดีกันเราก็บอกเขาได้ว่าขอบคุณ
00:23:12 → 00:23:16 มากเลยที่ดูแลห้องน้ำสะอาดดีมากเลยขอบคุณ
00:23:16 → 00:23:21 นะอย่างนี้หรือว่าในกรณีอื่นๆใดๆก็ตามที่
00:23:21 → 00:23:28 ในชีวิตประจำวันแม้แต่ส่งบัตรจอดรถคืนเขา
00:23:28 → 00:23:32 เรียกป้อมค่ะป้อมยามรปภป้อมยาม
00:23:32 → 00:23:36 มีที่หนึ่งที่อยู่ใกล้บ้านตัวเองเป็นห้าง
00:23:36 → 00:23:39 รปภจะพูดว่าในป้อม
00:23:39 → 00:23:41 เดินทางปลอดภัยนะคะ
00:23:41 → 00:23:45 ไม่ได้ยินคำนี้จะห้างใดเลย
00:23:45 → 00:23:47 ยกเว้นห้างนี้
00:23:47 → 00:23:52 นะคะนั่นก็คือวาจาสิทธิ์ของรปภในป้อมแล้ว
00:23:52 → 00:23:55 เพราะฉะนั้นคุณดำเนินชีวิตในชีวิตประจำ
00:23:55 → 00:23:58 วันอาชีพอะไรก็ตามคุณสามารถเลือกคำว่า
00:23:58 → 00:24:01 อาจารย์สิทธิที่เหมาะกับอาชีพคุณมาใช้
00:24:01 → 00:24:04 แล้วก็เขาพูดกับทุกคนแล้วเราก็จะยิ้มตอบ
00:24:04 → 00:24:07 แล้วเราก็จะมีพลังงานดีๆต่อกัน
00:24:07 → 00:24:09 เพราะฉะนั้นก็เลยอยาก
00:24:09 → 00:24:11 บอกทุกคนว่า
00:24:11 → 00:24:14 อย่าลืมฝึกใช้วาจาสิทธิ์
00:24:14 → 00:24:19 ในทุกวันที่สามารถทำได้กับทุกคนใครก็ได้
00:24:19 → 00:24:23 ค่ะวันนี้ศัลยกรรมความสุขก็ส่งมอบ
00:24:23 → 00:24:25 วาจาสิทธิ์นะครับแล้วเราก็จะสามารถใช้
00:24:25 → 00:24:28 วาจาสิทธิ์นี้ทำให้ชีวิตเราเนี่ยมีความ
00:24:28 → 00:24:33 สุขมากขึ้นแล้วก็มีความทุกข์น้อยลงผมแล้ว
00:24:33 → 00:24:35 ก็พี่อ้อยนะครับวันนี้ก็ต้องลาไปก่อนนะ
00:24:35 → 00:24:38 ครับแล้วก็ต้องขออนุญาตใช้วาจาสิทธิ์วัน
00:24:38 → 00:24:41 นี้เลยครับขอบคุณคุณผู้ฟังทุกท่านนะครับ
00:24:41 → 00:24:44 ที่ติดตามเราอย่างสม่ำเสมอวันนี้ลาไปก่อน
00:24:44 → 00:24:46 ครับสวัสดีครับสวัสดีค่ะ
00:24:46 → 00:25:07 [เพลง]
00:25:07 → 00:25:11