00:00:00 → 00:00:06 ก็สวัสดีครับช่วงนี้มีคำถามเข้ามานะครับ ว่าเรื่องของคอเลสเตอรอลนะครับว่าเรากิน
00:00:06 → 00:00:12 สแตตินเนี่ยมันจะไม่ดีจริงหรือเปล่าแล้ว ก็มีบางคนไปได้ยินคำว่า LDL type B
00:00:12 → 00:00:17 นะครับหรือ Pattern B มานะครับเออแล้วก็ สงสัยว่ามันคืออะไรนะคะมันเป็นเช่นนั้น
00:00:17 → 00:00:22 จริงหรือไม่นะครับแล้ว statin เนี่ยมันไม่ มีประโยชน์จริงหรือเปล่าวันนี้ผมก็เลยจะ
00:00:22 → 00:00:27 จะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้ให้ฟังนะครับพบ กับผมนะครับนายแพทย์ ธนีย์ ธนียวัน นะครับ
00:00:27 → 00:00:31 เป็นอาจารย์แต่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นะครับเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและ
00:00:31 → 00:00:39 วิกฤตบำบัดนะครับก่อนอื่นเลยนะครับผมอยาก จะแนะนำดรเน่าเคล้านะครับซึ่งผมได้แต่ง
00:00:39 → 00:00:45 งานของท่านไว้ให้ดูในลิงค์ที่อยู่ใต้เป็น ของผมด้วยนะครับท่าน Ronald Krauss นะครับ
00:00:45 → 00:00:51 เป็นคนที่วิจัยในเรื่องของคอเลสเตอรอลมา ตั้งแต่ประมาณสี่ห้าสิบปีที่แล้วนะครับ
00:00:51 → 00:00:57 แล้วก็เป็นคนที่นำการตรวจ LDL โคเลสเตอรอลและก็แล้วชอบต่างๆเข้ามาสู่วง
00:00:57 → 00:01:03 การทางการแพทย์น้องเหลือจากนี้ท่านยัง เป็นเต็มที่ตรวจพบว่าความเสี่ยงต่อการ
00:01:03 → 00:01:08 เกิดโรคหัวใจโรคหลอดเลือดต่างๆเนี่ยนะ ครับมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่า LDL
00:01:08 → 00:01:13 โคเลสเตอรอลเพียงอย่างเดียวแต่ว่ามันขึ้น อยู่กับปริมาณของ
00:01:13 → 00:01:20 อนุภาคเอาดีเอาเรื่องที่เราเพราะว่า LDL particle รวมทั้ง LDL size ก็คือ
00:01:20 → 00:01:26 ขนาดของ LDL ที่มีอยู่ในคนคนนั้นด้วย นะครับโดยท่านพบว่าถ้ามี LDL ขนาดเล็ก
00:01:26 → 00:01:33 เป็นจำนวนมากนะครับหรือที่เรียกว่า เป็น Small dense LDL นะครับคือเล็กมี
00:01:33 → 00:01:39 ความหนาแน่นสูงนะครับเป็น LDL ที่มีความ เล็กเล็กของนั้นสูงและมีจำนวนอนุภาคมากๆ
00:01:39 → 00:01:45 นะครับพวกเนี้ยจะถือว่ามีความเสี่ยงต่อ โรคหลอดเลือดต่างๆมากมายนะครับท่านเป็นคน
00:01:45 → 00:01:50 ที่นำการตรวจ LDL particle เข้ามาสู่วงการ ทางการแพทย์ดังนั้นงานวิจัยของใครก็แล้ว
00:01:50 → 00:01:55 แต่นะครับจะต้องอ้างอิงของท่านนะครับผมก็ อ้างอิงของท่านเช่นกันก็ผมติดตามเรื่องนี้
00:01:55 → 00:01:59 มานานแล้วนะครับ แล้วเป็นเรื่องที่เราได้ เป็นเรื่องใหม่นะครับรู้กับมาตั้งนานแล้ว
00:01:59 → 00:02:06 เพียงแต่ว่าช่วงเวลาที่ท่านไปตรวจไขมัน เวลาตรวจประจำปีเนี่ยนะครับ ตอนตรวจเนี่ย
00:02:06 → 00:02:12 ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยนะครับจะตรวจ LDL-C หรือที่เรียกว่า LDL cholesterol นะครับ
00:02:12 → 00:02:18 จะไม่ได้ตรวจ LDL particle แล้วไม่ได้ตรวจ LDL size นะครับนั้นท่านอาจจะไม่รู้ในตรง
00:02:18 → 00:02:25 นี้นะผมก็อยากจะมาอธิบายตรงนี้ว่าเออไอ้ พวกนี้ทั้งหมด มันมีความเป็นมาอย่างไรอาจ
00:02:25 → 00:02:29 จะผมอาจจะยาวอธิบายซ้ำๆย้ำนิดนึงนะครับ เพราะว่าเรื่องนี้มันอาจจะเข้าใจยาก
00:02:29 → 00:02:39 สำหรับบางคนนะครับอ่ะ LDL คืออะไร LDL นะครับย่อมาจาก Low Density Lipoprotein นะ
00:02:39 → 00:02:45 ครับ Low density ก็คือความหนาแน่นต่ำ Lipoprotein ก็คือมาจากคำสองคำคือ Lipo คือ
00:02:45 → 00:02:50 Lipid คือไขมันนะครับแล้วก็โปรตีนก็คือ โปรตีนนะครับดังนั้น LDL เนี่ยมันจะมี
00:02:50 → 00:02:56 ส่วนประสอบ 2 ส่วนด้วยกันก็คือมีไขมันและ โปรตีนเป็นส่วนประกอบนะครับ โดยไขมันที่
00:02:56 → 00:03:03 อยู่ในตัวมันเนี่ยจะมีทั้งคอเลสเตอรอลและ ไตรกรีเซอไรด์ นะครับและส่วนที่เป็นโปรตีน
00:03:03 → 00:03:11 ก็คือตัวที่เชือกว่า Apolipoprotein นะครับ ตรงนี้นะครับมันก็เลย การที่เราเข้าใจ
00:03:11 → 00:03:16 เรื่องของ LDL cholesterol ว่าเป็นตัว ไม่ดีตัวเลวนะครับก็ไม่ผิดสักทีเดียวนะ
00:03:16 → 00:03:19 ครับแต่มันก็ไม่ถูกสักทีเดียวเช่นกัน เพราะว่ามันมีรายละเอียดที่มากกว่านั้นก็
00:03:19 → 00:03:24 คือใน LDL เนี่ยจะมีคอเลสเตอรอลมี ไตรกลีเซอไรด์ และ Apolipoprotein นะครับ
00:03:24 → 00:03:30 Apolipoprotein เนี่ยจะเป็นตัวที่เอาไว้ เป็นตัว เหมือนกับตัวไปเกาะกับตัวรับของ
00:03:30 → 00:03:36 เซลล์ต่างๆนะครับเพื่อที่จะเอาตัว Lipoprotein เนี่ยไปใช้ประโยชน์นะครับ LDL นี้มันมี
00:03:36 → 00:03:41 หน้าที่เอาพวกไตรกลีเซอไรด์ไปส่งให้ตามเซลล์ ต่างๆแล้วก็มีบางส่วนที่เป็น cholesterol ก็
00:03:41 → 00:03:47 ไปส่งให้กับเซลล์ต่างๆที่มันจำเป็นต้อง ใช้ด้วยนะครับก็จะไปตามนี้นะฮะทีนี้มันมี
00:03:47 → 00:03:54 รายละเอียดที่มากกว่านั้นนะครับ LDL มันมาจากไหน อ่ะมันมาจากไหนนะครับ
00:03:54 → 00:04:00 จุดเริ่มต้นของไขมันเนี่ยมันอยู่ที่ตับ เหล่านี้นะครับเราก็มีส่วนหนึ่งคือ เรากิน
00:04:00 → 00:04:05 ไขมันเนี่ยจะมาจากสองอย่างด้วยกันคือ 1 เรากินเข้าไป อันที่ 2 ร่างกายเราสร้าง
00:04:05 → 00:04:10 ขึ้นมานะครับ เวลาที่เรากินเข้าไปนะครับ คือเรากินคาร์โบไฮเดรตกินไขมันพวกนี้
00:04:10 → 00:04:15 เนี่ยนะครับมันเข้าไปในเซลล์ของลำไส้ที่ เราดูดซึมเสร็จปุ๊บแล้วนะครับมันก็จะ
00:04:15 → 00:04:21 เปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวที่ใช้ในการขนส่งพวก ไขมันพวกนี้ชื่อว่า chylomicron หน้า
00:04:21 → 00:04:26 chylomicron ก็จะเหมือนกับพวก LDL เมื่อ กี้นี่แหละครับคือมันจะใหญ่มากๆนะครับ
00:04:26 → 00:04:30 ข้อแรกคือ chylomicron ใหญ่ที่สุดใน บรรดาทั้งหมดที่ผมจะพูดในวันนี้นะ
00:04:30 → 00:04:35 ครับ แล้วก็จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆก็ คือใกล้คือไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอลและ
00:04:35 → 00:04:40 apolipoprotein นะครับ แต่ว่าอาจจะเป็น apolipoprotein ที่เป็นคนละชนิดกับตัวอื่นก็
00:04:40 → 00:04:47 ได้นะครับ อ่า ถ้ามีหมอมาฟังตัวนี้ apolipoprotein จะเป็น apolipoprotein B48 นะ
00:04:47 → 00:04:53 ครับอ่ะเราไม่ต้องสนใจว่ามันคือ B อะไรก็ แล้วแต่ B48 มันเป็นความยาวของ apolipoprotein
00:04:53 → 00:04:59 ซึ่งมีความยาวถึงแค่ 48% ของ apolipoprotein ทั้งหมดอ้ะ พูดง่ายๆ
00:04:59 → 00:05:04 เท่านี้ละกัน ไม่ลงลึกนะครับ แล้วตรงเนี้ย chylomicron มันก็จะมีหน้าที่ขนส่งเอาพวก
00:05:04 → 00:05:09 อ่ะไขมันต่างๆนะครับไปไว้ที่เซลล์ต่างๆ แล้วก็เข้าไปสู่ตับ แล้วก็เอาทุกอย่างไป
00:05:09 → 00:05:15 ไว้ที่ตับ ตับเนี่ยมันก็จะมีหน้าที่ในการ สังเคราะห์พวกไขมันขึ้นมานะครับ มันจะสั่ง
00:05:15 → 00:05:22 เคราะห์ตัวหนึ่งชื่อว่า VLDL very low density lipoprotein นะครับ very low ก็แปล
00:05:22 → 00:05:27 ว่ามีความหนาแน่นต่ำมากๆเลยนะครับ very low density lipoprotein ในจะเป็นโปรตีนที่
00:05:27 → 00:05:35 ใหญ่เป็นอันดับสองนะครับ Chylomicron นี่ ใหญ่เบิ้มเลย VLDL นี่อยู่ตรงกลางเล็กลง
00:05:35 → 00:05:41 มาหน่อยนึงแต่ก็ยังใหญ่นะครับ แล้วหลังจาก นั้นเนี่ยก็จะเป็นตัวนี้ VLDL เนี่ย
00:05:41 → 00:05:46 มันจะเอาไตรกลีเซอไรด์ไปส่งให้ตามที่ต่างๆนะ ครับเพราะไตรกลีเซอไรด์มันหายไปเรื่อยๆตัว
00:05:46 → 00:05:51 มันก็จะหดเล็กลง มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น นะครับ ก็จะกลายเป็นตรงกลางเรียกว่า IDL
00:05:51 → 00:05:56 หรือ Intermediate Density Lipoprotein นะครับก็อยู่ตรงกลางนะ แล้วพอมัน
00:05:56 → 00:06:01 ปล่อยเอาไตรกลีเซอไรด์ ออกไปเรื่อยๆปุ๊บก็จะเล็ก ลงอีกคราวนี้นะครับต่อไปเป็น LDL low
00:06:01 → 00:06:07 density lipoprotein นะครับ เออแล้ว เพราะถ้าเราเจาะเข้าไปในแต่ละโมเลกุลคือ
00:06:07 → 00:06:13 ในแต่ละ VLDL มันก็จะแบ่งเป็นขนาดใหญ่ ขนาดกลางขนาดเล็กอ่ะ IDL ก็แบ่งเป็น
00:06:13 → 00:06:19 ขนาดใหญ่ขนาดเล็ก ถ้าเป็นตัว LDLที่ เรากำลังพูดถึงนี้นะครับมันก็มีแบ่งขนาด
00:06:19 → 00:06:26 เลยขนาดใหญ่ขนาดกลางขนาดเล็กขนาดเล็กมาก นะครับและอีกขนาดนี้แหละครับที่มีความ
00:06:26 → 00:06:31 สำคัญเขาพบว่า Dr Ronald Krauss นะครับแล้วก็หลายๆนัก
00:06:31 → 00:06:37 วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์พบว่าใน LDL นะ ครับถ้ายิ่งมันโมเลกุลเล็กเท่าไหร่เนี่ย
00:06:37 → 00:06:45 ยิ่งไม่ดีถ้ามันเล็กนะครับมันจะมีโอกาสที่ โมเลกุลของมันเนี่ยจะไปเกาะตามหลอดเลือดนะ
00:06:45 → 00:06:50 ครับก่อให้เกิดการอักเสบ แล้วก็ไปอุดตัน ตามที่ต่างๆเกิดโรคหลอดเลือดโรคเลือดหัว
00:06:50 → 00:06:56 ใจ โรคหลอดเลือดสมองหรือ โรคหลอดเลือดแดง ตามขา ต่างๆขึ้นมาได้นะครับแต่ถ้ามันเป็น
00:06:56 → 00:07:02 โมเลกุลใหญ่คือ LDL ที่โมเลกุลตัวโตๆ นะครับ ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหานะครับ
00:07:02 → 00:07:09 และที่สำคัญคือตัว LDL มันเป็นขนาด ใหญ่นะครับมันจะโดนดึงออกไปจากกระแสเลือด
00:07:09 → 00:07:16 ได้เร็วกว่านะครับ ทำให้มันไม่ค่อยก่อปัญหา ฟังดีนะครับ มันไม่ค่อยก่อปัญหาแปลว่ามันก่อ
00:07:16 → 00:07:21 ปัญหาได้นะครับ แต่มันไม่ค่อยก่อปัญหามาก นะครับ แต่มันก่อปัญหาได้นะฮะ ต่างกันตรงนี้
00:07:21 → 00:07:27 นะครับแล้วพอมันกลายเป็นโมเลกุลเล็กๆก็ คือมันโดนดึงเอาไตรกลีเซอไรด์ไปเรื่อยๆมันเล็ก
00:07:27 → 00:07:35 ๆเล็กมากๆนะครับตรงเนี้ยเขาจะเรียกว่า Small dense lipoprotein อ่า เป็น lipoprotein
00:07:35 → 00:07:41 ตัวที่เล็กจิ๋วนะครับ แล้วก็มีความหนาแน่นสูง นะครับ พวกเนี้ยมันจะโดนดึงออกไปจากกระแส
00:07:41 → 00:07:46 เลือดได้ยากกว่า ยากกว่าไม่ได้หมายความว่า มันดึงออกไปไม่ได้นะครับ มันดึงได้ยากกว่านะ
00:07:46 → 00:07:52 ครับ แล้วปกติมันจะหายไปจากกระแสเลือดได้ โดยตัวนึงซึ่งชื่อว่า LDL receptor อ่า
00:07:52 → 00:07:57 นะครับก็คือเป็นตัวรับของ LDL นั่นเองอยู่ ที่ตับนะครับ มันจะหน้าตาเหมือนมืออย่าง
00:07:57 → 00:08:02 นี้นะครับแล้ว LDL ลอยมาปุ๊บมันก็ เกาะตรงนี้ แล้วก็จะดึงเข้าไปไว้ในตับนะครับ แล้วทีนี้
00:08:02 → 00:08:08 LDL แต่ละประเภทนะครับคือ LDL ขนาดที่ มันใหญ่ที่มันอยู่ตรงกลางแล้วก็ที่มัน
00:08:08 → 00:08:13 เล็กนะครับมันจะมีโอกาสในการจับกับตัวรับ เนี่ยไม่เท่ากันถ้าเป็นตัวใหญ่มันจับง่าย
00:08:13 → 00:08:18 มันก็โดนดึงออกไปจากกระแสเลือดได้ง่ายแต่ถ้า มันเป็นขนาดเล็กเนี่ยมันจับแล้วมันไม่
00:08:18 → 00:08:23 ค่อยอยู่นะครับมันก็โดนนึกออกได้ยากไอ้ แบบเล็กๆนะครับที่จะมีปัญหา ดังนั้น
00:08:23 → 00:08:31 ปัจจุบันเราทราบว่าถ้ามีขนาด LDL ที่ เป็นขนาดเล็กเยอะนะครับไม่ดีนะครับแล้ว
00:08:31 → 00:08:37 นี่เองที่เรียกว่า Pattern B นะครับมัน มีสองแพทเทิร์น Pattern A , Pattern B นะ
00:08:37 → 00:08:44 ครับเพราะว่า Dr Krauss เนี่ยเขาเจอว่า มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งนะครับที่ LDL ก็
00:08:44 → 00:08:50 ไม่สูงนะครับเช่น LDL ได้100 แต่ คนกลุ่มนึงเนี่ยขนาด LDL 100 แล้วก็ยัง
00:08:50 → 00:08:54 มีโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดต่างๆ เค้าก็สงสัยว่าเออ
00:08:54 → 00:09:00 ทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้นนะครับก็เลยไป วิเคราะห์ออกมาว่าในคนที่ LDL เนี่ย
00:09:00 → 00:09:07 คอเลสเตอรอล LDL ไม่สูงนะครับได้แค่ 100 เองนะฮะ ก็ไปลองตรวจดูซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น
00:09:07 → 00:09:11 เขาเจอว่าคนกลุ่มที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ โรค หลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดต่างๆเนี่ยนะครับ
00:09:11 → 00:09:20 มีขนาด LDL ที่เล็กมากอ่ะแล้วก็มีจำนวน อนุภาคของ LDL หรือที่เรียกว่า LDL particle
00:09:20 → 00:09:27 จำนวนมากนะครับ เมื่อเทียบกับ คนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งค่าคอเลสเตอรอล LDL
00:09:27 → 00:09:32 เนี่ยเท่ากันเป๊ะเลยนะแต่คนกลุ่มนั้นที่ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับโรคหัวใจ
00:09:32 → 00:09:37 และหลอดเลือดพวกนั้นน่ะ LDL ของเขาอ่ะ ตัวโตกว่าแล้วก็มีอนุภาคจำนวนน้อยกว่า
00:09:37 → 00:09:45 ด้วยนะครับนี่ก็เลยเป็นที่มาต่างๆในการ ที่ที่มีคำแนะนำออกมาเลยนะครับว่าเออเรา
00:09:45 → 00:09:52 จะต้องหันไปสนใจในแง่ของขนาดของ LDL และจำนวนอนุภาคของ LDL เพราะว่ามันมี
00:09:52 → 00:09:59 การนำไปสู่การก่อโรคได้ นะครับ คำถามต่อมา ก็คือ แล้วอย่างนี้นี่เวลาที่เราไปตรวจ
00:09:59 → 00:10:05 ร่างกายตามปกติแล้วเราตรวจไขมันเนี่ยนะ ครับ เนื่องจากผมบอกว่าเขาไม่ได้ตรวจหาตัว
00:10:05 → 00:10:11 อนุภาคหรือ particle แล้วก็ไม่ได้ตรวจดู ขนาดด้วย เขาตัวแต่คอเลสเตอรอล LDL
00:10:11 → 00:10:16 โคเลสเตอรอลอย่างเดียวซึ่ง LDL cholesterol นี่หมายความว่าอะไร มันตรวจเพียงแค่ส่วน
00:10:16 → 00:10:20 หนึ่งของ LDL อะครับ LDL มันมี 3 ส่วน ใช่ไหมครับมีคอเลสเตอรอล มี apolipoprotein และ
00:10:20 → 00:10:27 แล้วก็มีอีกตัวนึงก็คือไตรกลีเซอไรด์นะครับ เขาตรวจแค่ตัว choleterol อย่างเดียว
00:10:27 → 00:10:32 LDL cholesterol อย่างเดียวเลยนะครับ มันไม่ ได้บอกอะไรเลยถามว่าจะมีโอกาสรู้ได้มั้ย
00:10:32 → 00:10:39 ว่าตัวท่านเนี่ยมี LDL ขนาดเล็กอยู่ เยอะไหมมี particle อยู่เยอะไหม มันก็มี
00:10:39 → 00:10:46 ตัวหนึ่งซึ่งพอจะใช้ได้นะครับคือค่า เขาจะตรวจ ค่าไตรกลีเซอไรด์แล้วก็ค่า HDL
00:10:46 → 00:10:53 นะครับให้ท่านเอาค่าไตรกลีเซอไรด์หารด้วย HDL นะฮะถ้า มันมีปัญหาก็คือ
00:10:53 → 00:10:59 ตัวค่าเนี้ยมันเยอะกว่า 2 นะครับ คือหมายความว่าถ้าท่านมีไตรกลีเซอไรด์เยอะ แล้วมี HDL น้อยๆ เนี่ยไม่ดี
00:10:59 → 00:11:04 ไม่ดี นะครับดังนั้นถ้าตัวตั้งมันสูงมากๆ ก็ตัวหารมันน้อยมากๆ ค่าตัวนี้จะยิ่งเยอะ
00:11:04 → 00:11:11 เข้าไปใหญ่นะครับโดยถ้าค่ามันเกิน 2 นี่ก็มีความสัมพันธ์กับการที่ถ้าสมมุติว่า
00:11:11 → 00:11:16 ในกรณีที่เลือดของท่านเอาไปวิเคราะห์ดู จำนวนอนุภาคของ LDL แล้วก็ขนาดของ
00:11:16 → 00:11:24 LDL เนี่ยมักจะเจอว่า ท่านเนี่ยนะ ครับมีอนุภาคเยอะและขนาดของ LDL น้อยนะ
00:11:24 → 00:11:30 ครับพอจะใช้เป็นตัวแทนในการบอกได้นะครับ แต่ว่าไม่ 100% เต็มๆนะครับไม่ 100% เต็ม
00:11:30 → 00:11:35 ๆสามารถที่พอจะใช้คำนวณได้เข้าๆนะครับถ้า เกิดว่าเราไปเจอว่าโอ้ท่านมี
00:11:35 → 00:11:40 ไตรกลีเซอไรด์สูงมากๆนะครับแล้วก็ค่า HDL ของขั้นต่ำมากๆเนี่ยโอกาสที่ท่านจะ
00:11:40 → 00:11:46 มี LDL ตัวเล็กที่มีขนาดหนาแน่นสูงและ ก็ตัวเล็กเนี่ยเราก็มีจำนวนอนุภาคเยอะ
00:11:46 → 00:11:51 เนี่ยมีสูงขึ้นแล้วท่านก็แปลว่า ท่านเนี่ย มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:11:51 → 00:11:57 หลอดเลือดสมอง แล้วก็เหลือตามเส้น เลือดแดงใหญ่ๆเนี้ยสูงขึ้นนะครับ
00:11:57 → 00:12:05 นี่ก็คือเป็นวิธีหนึ่งในการประเมินนะครับ ที่นี้คำถามต่อมาก็คือว่าเออแล้วถ้าเรา
00:12:05 → 00:12:11 เป็นแบบนี้เป็นแบบ Pattern B ที่เราที่ ผมบอกไปเนี่ยเราจะทำยังไงดีนะครับอาจจะทำ
00:12:11 → 00:12:18 ยังไงกับมันดี ตรงนี้ก็มีที่ที่มาของของยา ตัวนั้นก็คือ Statin นะครับ statin นี้
00:12:18 → 00:12:23 เป็นกลุ่มยานะครับอาจจะมีหลายๆตัวอยู่ใน กลุ่มนี้ เช่น simvastatin, pravastatin
00:12:23 → 00:12:29 rosuvastatin นะครับหรือ atorvastatin หรือ ตัวไหนแล้วแต่นะครับ เป็นยากลุ่มที่ใช้กัน
00:12:29 → 00:12:36 บ่อยที่สุดนะครับ แล้วก็มีข้อได้ประโยชน์ ได้เปรียบนะครับเยอะเหมือนกัน แต่ตอน
00:12:36 → 00:12:41 นี้ก็เริ่มมีคนออกมาสงสัยว่าเออมันไม่ดี หรือเปล่ามันทำให้มีปัญหาไหมจำเป็นจะต้อง
00:12:41 → 00:12:45 กินหรือเปล่านะครับ แล้วก็บางคนบอกว่าไม่ ต้องกินด้วยซ้ำไปนะครับไปทำอย่างอื่นนะ
00:12:45 → 00:12:51 ครับ เช่นไปกินคีโต ก็ไม่ต้องกินก็ได้นะครับ อ้ะ มันมีข้อที่ท่านจะต้องเข้าใจตรงนี้
00:12:51 → 00:12:56 แล้วก็ถ้าท่าน Dr Ronald Krauss ก็เตือน วีดีโอของท่านเลยนะครับซึ่งผมจะแปะลิงค์
00:12:56 → 00:13:02 ไว้ให้ดูว่าท่านเตือนไว้ว่าอะไรนะครับ อ่ะต้อง เชื่อท่านนะครับเพราะว่าถ้าเนี่ยเป็นคน
00:13:02 → 00:13:06 ที่ทำงานวิจัยเรื่อง LDL มาตั้งแต่ตอน แรกที่ค้นพบในโลกนี้เลยนะครับตั้งแต่แรก
00:13:06 → 00:13:12 จนปัจจุบันนี้ท่านก็ทำอยู่นะครับงั้นผมจะ อ้างอิงงานวิจัยของท่านเป็นหลักเลยนะครับ
00:13:12 → 00:13:19 อ่ะ เราเข้าใจตรงนี้ก่อน Statin เนี่ยนะครับมัน ไปนำหน้าที่อะไร มันไปบล็อกเอ็นไซม์ตัว
00:13:19 → 00:13:26 หนึ่งชื่อว่า HMGCoA reductase ครับ ในตับนะครับเ อนไซม์ตัวนี้เนี้ยมันเป็นเอนไซม์
00:13:26 → 00:13:33 ที่เอาไว้สร้างคอเลสเตอรอลนะครับ ถ้าเราไป บล็อกมันเนี่ยนะครับ ก็จะเป็นการบล็อคการสร้าง
00:13:33 → 00:13:39 คอเลสเตอรอล พอไม่มีคอเลสเตอรอลเนี่ย ค่า LDL ของท่านก็จะต่ำลงอันนี้ตรงไปตรงมานะ
00:13:39 → 00:13:45 ครับ แต่ไม่ได้ทำแค่นั้นครับ ผลของมันไม่ ได้อยู่แค่การลดโคเลสเตอรอลเท่านั้น statin
00:13:45 → 00:13:51 เนี่ยเราเจอว่ามีผลอื่นๆเพิ่มอีกเยอะเลย ในแง่ของการลดการอักเสบ
00:13:51 → 00:13:57 ตามที่ต่างๆนะครับ แล้วก็ถ้าสมมติว่า ท่านมีพวก
00:13:57 → 00:14:02 สิ่งอุดตันต่างๆตามเส้นเลือดที่ไปเกาะ แล้วก็ก่อให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด
00:14:02 → 00:14:06 นั้นได้ นะครับ ถ้าของอุดตันแบบนี้มันหลุดออกไปแล้วไป
00:14:06 → 00:14:10 อุดตามหลอดเลือดหัวใจของท่านๆ ก็จะเกิด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรืออะไรพวกนี้ต่างๆได้
00:14:10 → 00:14:15 Statin เนี่ยมันไปช่วยทำให้เนี่ยมันไม่ รู้ต่อไปนะครับเขาเรียกว่าเป็นการ stabilize
00:14:15 → 00:14:21 plaque ที่เกาะอยู่ตรงผนัง หลอดเลือดนะครับ พวกสิ่งอุดตันแต่มันเป็น
00:14:21 → 00:14:26 ให้มันไม่หลุดออกมาแล้วก็ไปอุดตันนะครับ statin มีหน้าที่ตรงนี้ด้วยกันแล้วก็มีหน้า
00:14:26 → 00:14:31 ที่อีกหลายๆอย่างเลยที่นอกเหนือไปจากการ ลดคอเลสเตอรอลในร่างกายหรือที่เราเรียก
00:14:31 → 00:14:37 รวมๆว่าคือ pleiotropic effect คือผล ที่นอกเหนือไปจากการลดคอเลสเตอรอลนะครับ
00:14:37 → 00:14:43 นี่คือผลประโยชน์ของ statin และที่สำคัญคือ มีงานวิจัยแบบมากมายมหาศาลเลยนะครับ แล้ว
00:14:43 → 00:14:50 Dr. Ronald Krauss ถ้าท่านฟังเขาบ่อยๆ นะครับก็ บอกเลยนะครับว่าผลของ statin ในมันชัดเจนมาก
00:14:50 → 00:14:56 ในคนที่จำเป็นต้องใช้ statin นะครับ มันลด โอกาสเกิดหลอดเลือดปัญหาต่างๆทั้งหัวใจ
00:14:56 → 00:15:02 สมองแล้วก็ที่ต่างๆได้ เยอะมากๆ นะครับ ถ้าใช้ถูก ต้องขึ้น 30 - 40% ลดลงไปเลยนะ
00:15:02 → 00:15:08 ครับลดลงเยอะนะครับ แล้วถามว่าถ้าอย่าง นั้นอ่ะคนไหนที่ต้องใช้ แล้วปกติหมอจะดู
00:15:08 → 00:15:16 ยังไงในเมื่อหมอไม่ได้ดู particle analysis ทุกราย นะครับ วิธีก็คือ ข้อแรกนะครับเราจะดู
00:15:16 → 00:15:22 เรื่องของโอกาสในการเกิด หลอดเลือดหัวใจอุดตัน หลอดเลือดสมองอุดตัน
00:15:22 → 00:15:28 นะครับ ผมจะทิ้งลิงค์ไว้ให้ท่านสามารถ คำนวณได้เองนะครับ มันจะเป็น ท่านก็เอาใส่
00:15:28 → 00:15:35 อายุ ใส่เพศ เชื้อชาตินะครับ ความดัน ค่า LDL โคเลสเตอรอล ค่าอะไรพวกนี้ใส่เข้าไปนะ
00:15:35 → 00:15:40 แล้วก็กดคำนวณมันก็จะคำนวณของมาให้ว่าโอกาศ ในการเกิดโรคของท่านอย่างมันมากน้อยแค่
00:15:40 → 00:15:46 ไหนแล้วก็การใช้ statin จะมีประโยชน์หรือ ไม่นะครับ ปกติเราใช้วิธีแบบนี้นะครับ แต่
00:15:46 → 00:15:52 จริงๆแล้วเนี่ย วิธีนี้มันเป็นวิธีที่ดีนะ ครับ แต่ก็มีคนที่ออกมาค้านอย่างอื่นนะครับ
00:15:52 → 00:15:59 ซึ่งผมจะเล่าต่อไปอีกแป๊บนึงนะครับ เรื่อง ของการใช้ particle analysis เนี่ย
00:15:59 → 00:16:04 Dr. Ronald Krauss บอกว่าไม่ได้จำเป็นต้องใช้ทุกรายนะครับ ใช้โดยเฉพาะถ้าเราต้องการดูความ
00:16:04 → 00:16:09 เสี่ยงให้ลึกลงไปอีกโดยเฉพาะคนที่มี ประวัติเสี่ยงเยอะๆ นะครับ แล้วก็มีปัญหาในแง่
00:16:09 → 00:16:14 ของการที่ LDL ของเค้าปกติดี แต่ว่า มันดูไม่ค่อยปกติแล้ว เช่นว่า มีประวัติ
00:16:14 → 00:16:20 ครอบครัวนะครับ ทำไมอายุน้อยและมีโรคหัวใจ มีอะไรพวกนี้นะครับ ถ้าสมมติว่าถ้ามี
00:16:20 → 00:16:25 เบาหวาน มีโรคหัวใจ มี LDL cholesterol ที่สูง มากๆเลยนะครับการใช้ statin ยังได้ประโยชน์
00:16:25 → 00:16:33 มากอยู่ นะครับ ทีนี้ข้อถกเถียงมันอยู่ตรง ไหน ข้อถกเถียงมีคนไปได้ยินมาจากบางที่ว่า
00:16:33 → 00:16:38 การใช้ statin อ่ะอาจจะทำให้มีปัญหาได้นะ ครับแล้วก็
00:16:38 → 00:16:43 ปัญหาอะไรบ้าง เช่น บางคนอาจจะมีกล้ามเนื้อ ที่มันอักเสบได้ในเป็นผลข้างเคียงบางคน
00:16:43 → 00:16:48 ไม่ได้ทุกคนนะครับ แล้วก็บางคนที่มีความ เสี่ยงในการเป็นเบาหวานอาจจะเกิดเบาหวาน
00:16:48 → 00:16:53 ขึ้นมาได้อนาคตนะครับ แต่ถ้ามีความจำเป็น จะต้องใช้มันจริงๆเนี่ย ก็ไม่มีปัญหาใช้ไปได้เลยนะครับ
00:16:53 → 00:16:57 ไม่ได้เกิดปัญหา ถ้าท่านเป็นเบาหวานอยู่แล้ว การใช้ก็จะ มีประโยชน์เหมือนกันนะครับ เพราะว่ามันไม่
00:16:57 → 00:17:03 ใช่แค่ลดคอเลสเตอรอลอย่างเดียว แต่มันเป็นลด การอักเสบต่างๆของร่างกายด้วยนะครับปัญหา
00:17:03 → 00:17:11 มันอยู่ตรงนี้ครับ เรารู้ว่า Pattern หรือรูปแบบของไขมันที่ไม่ดีที่
00:17:11 → 00:17:19 ก่อให้เกิดโรคคือมีไตรกลีเซอไรด์สูงมี HDL ที่ต่ำนะครับแล้วก็มี LDL particle หรือ
00:17:19 → 00:17:24 อนุภาคของ LDL เยอะมากๆแล้วก็ตัวเล็กๆนี่ คือ Pattern ที่ไม่ดีนะครับหรือที่เรา
00:17:24 → 00:17:29 เรียกว่า Pattern B ก็มีวิจัยของท่าน Ronald Krauss ตัวนี้ออกมาอีกรอบหนึ่งก็คือ
00:17:29 → 00:17:36 ว่าถ้าเราให้กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ต่ำ เช่นพวกอาหารคีโต นะครับ ketogenic diet
00:17:36 → 00:17:42 จะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือว่ามันจะไปเปลี่ยน Pattern B
00:17:42 → 00:17:48 ให้กลายเป็น Pattern A ซึ่งเป็นกลุ่มที่ ว่าดีนะครับ ดีต่อโรคต่างๆของหัวใจ นะครับ
00:17:48 → 00:17:55 อ่ะเวลาเรากิน Ketogenic diet เนี่ยงานวิจัย ของ Dr. Ronald Krauss เนี่ยเขาจะติดตามคนไข้ไปทั้ง
00:17:55 → 00:17:58 หมด 2 ปีด้วยกันนะครับ สิ่งที่เขาเจอก็คือ ว่า
00:17:58 → 00:18:04 LDL ที่ตัวเล็กเนี่ยมันจะกลายเป็นแบบตัว ใหญ่เยอะขึ้นนะครับ Particle ที่มีเยอะๆ
00:18:04 → 00:18:10 เนี่ยมันจะลดลง นะครับ แล้วก็ไตรกลีเซอไร์ มันจะลดลง HDL เอามันเยอะขึ้นที่ถือว่าดี
00:18:10 → 00:18:16 นะครับ แล้วคนก็เลยไปใช้งานวิจัยของท่านนี่ แหละครับ ไปต่อยอดว่า อย่างนั้นถ้าเรากิน
00:18:16 → 00:18:22 Ketogenic diet เข้าไปเยอะๆเนี้ยสิ่งหนึ่ง ซึ่งเราจะเจอเลยนะครับแน่ๆเลยนะครับ
00:18:22 → 00:18:28 LDL cholesterol นะครับ LDL choletserol มันจะเพิ่มขึ้น นี่เป็นปกตินะครับของการ
00:18:28 → 00:18:35 กิน ketones นะครับเพิ่งแค่นี้ตอบไม่เป็น ไรในงานวิจัยของท่านนะครับการกิน
00:18:35 → 00:18:40 ketogenic diet ทำให้ LDL cholesterol ของคน ที่อยู่ในงานศึกษาของท่านที่ติดตามมา 2
00:18:40 → 00:18:49 ปี เนี่ยเพิ่มขึ้นแต่ไม่สูงมากนะครับอยู่ ที่ประมาณ 130 ไม่เกิดนี้นะครับ มีคนที่
00:18:49 → 00:18:55 ตีความผลงานวิจัยตรงนี้ผิด เตือนพรุ่งนี้ผิดแล้วก็ไม่ ได้ดูข้าวเดียวเขาเลิกเช่าในงานของท่าน
00:18:55 → 00:19:02 ด้วยนะครับก็ติดความผิดยังไงนะครับเ ค้าตี ความผิดว่าเอ๊ะถ้าเรากินตัว ketogenic diet
00:19:02 → 00:19:08 เยอะๆแล้วนะครับแล้วเจอว่าค่า LDL คอเลสเตอรอลขึ้นเป็น 170 180 200
00:19:08 → 00:19:15 ไม่เป็นอะไรหรอกเพราะว่าว่ามันเป็น LDL อนุภาคที่โตไม่ใช่อนุภาคที่เล็กและถือว่า
00:19:15 → 00:19:22 ไม่อันตรายตรงนี้ Dr Krauss เนี่ยพูด ไว้ชัดเจนเลยนะครับว่าท่านไม่เห็นด้วยกับ
00:19:22 → 00:19:27 การตีความแบบนี้นะครับแล้วก็รู้สึกว่าไม่ ค่อยสบายใจที่มีคนเอางานวิจัยของทางไปตี
00:19:27 → 00:19:33 ความแบบนี้นะครับ เพราะว่าในงานวิจัยของท่าน LDL cholesterol
00:19:33 → 00:19:39 มันไม่ได้ขนาดนั้นครับ มันต่ำแล้วก็ในกลุ่ม ของที่ท่านทดลองอ่ะมีครึ่งๆที่ได้
00:19:39 → 00:19:44 รับยา statin อยู่นะครับ ต้องลงไปดูราย ละเอียดของงานวิจัยของท่าน มีคนได้รับยา
00:19:44 → 00:19:51 ยา statin อยู่นะฮะ แล้วท่านบอกว่า แล้ว อย่างนี้เนี่ยถ้าเป็นท่านในการถ้าเป็น
00:19:51 → 00:19:58 ท่านใช้ถ้าอย่างนี้เขาจะทำยังไงนะครับข้องใจ แรกก็คือท่า LDL คอเลสเตอรอลสูงมากๆ
00:19:58 → 00:20:05 แบบชัดเจนและมีปัจจัยสิ่งต่างๆเช่นเขา เข้าไปคำนวณโรคหัวใจโรคหลอดเลือดต่างๆที่
00:20:05 → 00:20:10 เมื่อกี้ผมบอกให้ไปคำนวณเนี่ยนะครับแล้ว มันสูงนะครับหรือมีประวัติครอบครัวที่
00:20:10 → 00:20:16 อายุน้อยและมีโรคหัวใจโรคหลอดเลือดสมองนะ ครับมีประวัติโรคหลอดเลือดส่วนปลายมันติด
00:20:16 → 00:20:22 ตามไปแล้วนะครับกลุ่มพวกเนี้ยถ้าคน cholesereol, LDL สูงถ้าอยากจะดื่มไปเลยท่านรักษา
00:20:22 → 00:20:27 เลยนะครับ แล้วก็การกิน ketogenic diet นะครับถ้า LDL มันขึ้นไปสูงมหาศาลขนาด
00:20:27 → 00:20:33 นั้นน่ะ มันก็ไม่ดีนะครับและเหตุผลที่ว่า มันไม่ดีคืออะไร
00:20:33 → 00:20:38 จำไว้อย่างนึงนะครับ LDL อย่างที่ผม บอกไปนะครับมีโมเลกุลใหญ่แล้วก็เล็กๆ
00:20:38 → 00:20:42 เรื่อยๆพวกเล็กๆเนี่ยไม่ดีนะครับพวกใหญ่ๆ เนี่ยโอเค
00:20:42 → 00:20:48 พวกใหญ่ๆนะครับ มันจะถูกเคลียร์ไปจากเลือด ได้เร็วมากกว่าแบบเล็กนะครับ มันก็เลยไม่
00:20:48 → 00:20:54 เกิดปัญหาแต่ไม่ใช่มันไม่เกิดปัญหาเสมอไป แต่ถ้ามันมีเยอะมันก็เกิดปัญหาได้อยู่ดี
00:20:54 → 00:21:01 นะครับมันก็เกิดปัญหาได้อยู่ดีนะ ดังนั้น การใช้ particle analysis ทุกอย่างจะมี
00:21:01 → 00:21:06 ประโยชน์ก็ต่อเมื่อค่า LDL ของท่านเนี่ย มันอยู่ปริ่มปริ่มอยู่ตรงปกติเลยหรือมัน
00:21:06 → 00:21:09 อาจจะสูงไปนิดนึงแล้วท่านสงสัยว่าท่านจะ มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจมากกว่า
00:21:09 → 00:21:14 ปกติหรือว่าต้องทำอะไรเพิ่มไปมากกว่าปกติ หรือเปล่าก็ต้องดูตรงนี้นะครับแต่ถ้าเกิด
00:21:14 → 00:21:20 ว่าไปกิน ketogenic diet แล้วค่า LDLมันสูงมากแล้วไม่น่าจะมีปัญหา
00:21:20 → 00:21:25 อันนี้ไม่ใช่นะฮะเพราะว่าเร็วขนาดใหญ่เนี่ย สุดท้ายมันก็จะเป็นขนาดเล็กได้เหมือนกัน
00:21:25 → 00:21:29 นะครับ เพราะว่าตัวปกติ LDL ขนาดใหญ่จะโดนจับ
00:21:29 → 00:21:35 เคลียร์ไปนะครับ เอาออกไปไว้ในตับ ออกจากเส้น เลือดนะครับ ถ้าท่านมีจำนวนไม่มากมันก็
00:21:35 → 00:21:41 ต้องเฉลี่ยได้หมดไม่มีปัญหาอะไร แล้วถ้า มันมีมากๆเลยแต่ไม่หมดเลยนะครับต้องให้
00:21:41 → 00:21:45 เคลียร์ให้ตายยังไงนะ มันก็ยังหลืออยู่ดี แล้วพอมีเหลือ สุดท้ายมันก็จะกลายไปเป็น LDL ตัวเล็ก
00:21:45 → 00:21:51 อยู่ดีนะครับ แล้วก็เหมือนกันเป็นตัวเล็กได้ อยู่ดี ตัวเนี้ยความเสี่ยงในการเกิดโรค
00:21:51 → 00:21:55 หลอดเลือดหัวใจต่างๆ ก็จะตามมาทันทีนะครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นสิ่งที่ Dr Ronald Krauss
00:21:55 → 00:22:00 เค้าเตือนไว้เลยนะครับ ว่าคนที่กิน Super low carbohydrate diet นะครับหรือโลว์
00:22:00 → 00:22:06 คาร์โบไฮเดรต Diet แล้วก็กิน ketogenic diet เยอะๆนะครับโอกาสที่เจอ LDL
00:22:06 → 00:22:12 ที่มันสูงเกินกว่าปกติเยอะๆเนี่ยไม่ใช่ สิ่งที่ท่านสบายใจแล้วก็ปล่อยเฉยๆนะครับ
00:22:12 → 00:22:18 ถ้าท่านที่เข้าใจงานวิจัยตรงนี้แล้วก็ติด ตามท่าน Ronald Krauss แล้วก็ไปอ่านงานวิจัยจริงๆ
00:22:18 → 00:22:23 อ่านจริงๆนะครับ ไม่ได้คิดเองนะครับ ท่านจะ รู้เลยว่าตรงนี้เป็นจุดบอด ของหลายๆคนที่
00:22:23 → 00:22:30 เอาเอางานวิจัยของท่าน โดยเฉพาะพวกที่โปร ในด้านของการกิน Keto โปรนะครับ เอาไปใช้เพราะ
00:22:30 → 00:22:35 ว่าหลายคนบอกว่า อันเนี้ยกิน Keto และสิ่ง ที่เกิดขึ้นก็คือเบาหวานคุมได้ง่ายขึ้น อันนี้
00:22:35 → 00:22:39 ไม่เถียงนะครับ อันนี้ถูกต้องนะครับ เบาหวาน คุมได้ง่ายขึ้น คุมได้ดีขึ้นนะครับอาจจะลด
00:22:39 → 00:22:45 ยาเบาหวานได้ด้วยนะครับไขมันเกาะที่ตับ ลดลงนะครับหรือที่เรียกว่าเป็น
00:22:45 → 00:22:50 Non-alcoholic fatty liver นะครับดีขึ้น อัน นี้ถูกต้องนะครับ ผลค่าใช้มันต่างๆดีขึ้น
00:22:50 → 00:22:57 นะครับ แต่จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งนี่ล่ะครับที่ กิน ketogenic diet แล้ว cholesterol ที่เป็น
00:22:57 → 00:23:03 LDL นี่มันสูงมากๆ พวกเนี้ยไม่ดี แต่ถ้า มันไม่สูงมากไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ถ้าแบบ
00:23:03 → 00:23:07 130-150 นี้ถือว่าโอเคอยู่ ยังไม่ได้ถือว่าน่ากลัวอะไรนะครับแต่ถ้า
00:23:07 → 00:23:14 มาสูงจน 160 - 170 เนี่ย ท่านก็แนะนำ ว่าอันนี้ไม่ปกติแล้วนะครับน่าจะมีปัญหา
00:23:14 → 00:23:21 อะไรบ้างบางอย่างซึ่งซ่อนอยู่ในตัวร่าง กายของท่าน เพราะว่าระบบของไขมันไม่ใช่แค่
00:23:21 → 00:23:29 เอา cholesterol ไขมันไตรกลีเซอไรด์แล้วก็ โปรตีนต่างๆมันมีการผิดปกติของตัว
00:23:29 → 00:23:34 ต่างๆ เช่นตัวรับ LDL นะถ้าตัวรับ LDL เสียพวกค่า LDL สูงเยอะขึ้นในเลือด
00:23:34 → 00:23:40 เลยนะครับ แล้วก็ที่ผมบอก LDL มันมี ตัวนึงก็คือ apolipoprotein นะครับคือ
00:23:40 → 00:23:45 apolipoprotein ที่อยู่บน LDL เนี่ยมันจะชื่อว่า apolipoprotein B100
00:23:45 → 00:23:51 ตัวนี้มีปัญหา ถ้ามันมีปัญหาเมื่อไหร่แล้ว ก็ LDL จะไม่ถูกดูดซึมเข้าไปในตับแล้ว
00:23:51 → 00:23:56 LDL ในเลือดก็จะสูงขึ้น แล้วคนพวกเนี้ยก็ จะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัว
00:23:56 → 00:24:00 ใจต่างๆได้ต่อให้ LDL มันจะเป็นใหญ่จะ เป็นเล็กยังไงคนพวกนี้ก็เกิดอยู่ดี
00:24:00 → 00:24:07 นอกเหนือจากนี้ยังมีพวก มี lipoprotein แบบแปลกๆนะครับเช่น lipoprotein (a)
00:24:07 → 00:24:13 นะครับมันจะมีตัวเครื่องหมาย ( ) แล้วก็ มีตัว a เล็กๆในตัวนี้ก็จะเป็นปัญหาได้นะ
00:24:13 → 00:24:20 ครับ ทั้งหมดเนี่ยก็คือเป็นตัวที่จะบอกว่า ว่าไอ้ค่า lipoprotein คือ LDL เนี่ยจะ
00:24:20 → 00:24:26 บอกว่าเป็นคอเลสเตอรอลที่เลวก็คงไม่ใช่ ก็ทีเดียวแล้วก็คงไม่ผิดสักทีเดียวนะครับ
00:24:26 → 00:24:31 มันขึ้นอยู่กับว่าเราต้องไปดูที่ particle size นะครับว่ามันเล็ก ยิ่งเล็กยิ่งไม่ดี
00:24:31 → 00:24:37 ยิ่งมีแบบเล็กๆเยอะๆดีแล้วก็มีจำนวนมากก็ ไม่ดีและถ้ามันระดับรวมๆมากๆแล้วก็สูง
00:24:37 → 00:24:44 ขึ้นมากๆร่างกายก็ไม่ดีเช่นกันนะครับ ดังนั้นเนี่ยปัจจุบันเนี่ยนะครับวิธีที่เราใช้
00:24:44 → 00:24:48 ในการรักษาคนไข้เนี่ย เราจะประเมินความ เสี่ยงก่อนเลยนะครับ แล้วถ้าความเสี่ยงที่
00:24:48 → 00:24:54 เราแก้ได้ แก้ นะครับ แก้ไปก่อนนะครับอ่ะ ถ้ามีเบาหวาน มีไขมันอย่างอื่นสูง
00:24:54 → 00:25:00 เช่น ไตรกลีเซอไรด์สูงมากๆ HDL ต่ำมากๆเนี่ย ต้องแก้นะครับ คนที่สูบบุหรี่ก็ต้องงดแน่ๆ
00:25:00 → 00:25:05 นะครับ คนที่มีประวัติครอบครัวเยอะๆนะครับ เช่นอายุน้อยแล้วก็มีโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:25:05 → 00:25:09 หลอดเลือดสมอง พวกนี้มันแก้ไม่ได้นะครับแต่ เรารู้ว่าคนพวกนี้มีความเสี่ยงสูงมากๆนะครับ
00:25:09 → 00:25:16 เอ่อ นอกเหนือจากนั้นก็ คนกลุ่มพวกนี้เราต้อง คิดแล้วถ้าเกิดคนที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:25:16 → 00:25:22 มาแล้วโรคหลอดเลือดสมองมาแล้ว การกิน statin ได้ประโยชน์ทันทีนะครับ ได้ทันทีถ้า
00:25:22 → 00:25:27 ไม่กินก็ไม่มีปัญหานะครับมันเป็นสิทธิ์ ของท่านแต่ว่าว่าท่านก็จะมีปัญหาในอนาคตได้
00:25:27 → 00:25:32 นะครับนี่คือนี้คือสิ่งที่เราต้องเข้าใจ นะครับ แล้วถ้าเราไปทำการลดคาร์โบไฮเดรต
00:25:32 → 00:25:36 นี้มันจะช่วยได้มากๆนะครับการลด คาร์โบไฮเดรตเป็นการลดไตรกลีเซอไรด์ใน
00:25:36 → 00:25:42 ร่างกายแล้วก็ลดไขมันโดยรวมของร่างกายทำ ให้ทุกอย่างมันจะดูดีขึ้นถ้าการทำแบบนั้น
00:25:42 → 00:25:46 การทำ ketogenic diet หรือการลด คาร์โบไฮเดรตมากๆเพิ่มโปรตีนหรืออะไรก็
00:25:46 → 00:25:51 แล้วแต่นะครับ เอ่อเออจริงๆงานวิจัยของ Dr. Krauss นะครับที่เขาบอกว่าคนสามารถ
00:25:51 → 00:25:57 เปลี่ยนจาก Pattern B ซึ่งไม่ดีกลายไปเป็น Pattern A ได้ดีเนี่ย เขาไม่ได้เพิ่มการกิน
00:25:57 → 00:26:04 ไขมันนะครับแต่เขาไปเพิ่มการกินโปรตีนแล้ว ก็เป็นลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตนะถ้าไปดูงาน
00:26:04 → 00:26:11 จริงๆนะครับ ไปลดคาร์โบไฮเดรตแล้วก็เพิ่ม โปรตีนนะ จากคาร์โบไฮเดรตสักประมาณจำไม่ได้
00:26:11 → 00:26:16 ว่าตอนนั้นสัก 50 เปอร์เซ็นต์เนี่ยลดลงไป เหลือประมาณ 20% แล้วก็เพิ่มโปรตีนเป็น
00:26:16 → 00:26:21 30% ส่วนค่าไขมันในกินอยู่ที่ประมาณ 30% เหมือนเดิมนะครับไปเพิ่มไปลดตรงนี้ที่
00:26:21 → 00:26:27 นิดๆหน่อยๆนะครับ งานของท่านนะครับ เป็นแบบนี้ นะครับ ถ้าทำแบบเนี้ย มันถือว่า เขาพบว่า
00:26:27 → 00:26:33 ช่วยมากๆนะครับแล้วก็อย่างที่บอกถ้า เราดูเรื่องพวกนี้มันมีรายละเอียดเยอะแยะ
00:26:33 → 00:26:40 นะฮะงั้นโดยสรุปนะครับเวลาที่เรารักษาคน ไข้พวกนี้เราประเมินความเสี่ยงก่อน แก้ไข
00:26:40 → 00:26:45 ความเสี่ยง แล้วถ้าเราจะไปกิน low carb diet ช่วยได้นะครับแต่ถ้ากิน low carb diet แล้ว
00:26:45 → 00:26:49 ค่า LDL มันสูงแบบลอยมากมหาศาลพวกนี้ ไม่ถือว่าปลอดภัยนะครับ ไม่ใช่สามารถเอามา
00:26:49 → 00:26:55 อ้างนะว่าเป็นเอาเดียวโมเลกุลเบิ้มที่ตัว ใหญ่ไม่มีอันตรายใดๆทั้งสิ้นอันนี้ไม่ถูก
00:26:55 → 00:27:00 ต้องนะครับ เป็นการตีความงานวิจัยที่ผิดนะ ครับท่านก็เป็นคนทำงานวิจัยชนิดนี้เองนะ
00:27:00 → 00:27:05 ครับแล้วก็เป็นคนบอกมาด้วยนะครับ แล้วไม่ ใช่สิ่งที่หมอไม่รู้นะครับ หมอรู้เรื่อง
00:27:05 → 00:27:11 นี้มาตั้งชาตินึงแล้วครับ ไม่ใช่แบบโอ้ ความรู้เราเพิ่งเป็นความรู้ใหม่ไม่ใช่นะ
00:27:11 → 00:27:16 ครับก็รู้พวกนี้มีมาสี่ห้าสิบปีแล้วนะ ครับผมก็ติดตามมาตลอดนะครับแล้วก็รู้ว่า
00:27:16 → 00:27:21 มันใช้ประโยชน์ยังไงบ้างนะครับโอเค วัน นี้ก็เล่ามายาวนิดนึงมันอาจจะเข้าใจยาก
00:27:21 → 00:27:26 ในบางประเด็นนะครับ ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไร เรื่องเนี้ยก็สอบถามมาได้นะครับผมจะทิ้ง
00:27:26 → 00:27:31 ลิงค์งานวิจัยต่างๆของ Dr. Ronald Krauss ตัวรวมทั้งลิ้งค์ของ YouTube ที่เขาเคย
00:27:31 → 00:27:37 ท่านเคยเอาไปพูดนะครับอ่าในงานต่างๆงาน ประชุมไว้ให้ทุกท่านไปฟังได้ด้วยตัวเอง
00:27:37 → 00:27:42 นะครับว่ามันคืออะไรกันแน่ นะครับ แต่อาจจะ ทิ้งลิงค์ไว้ให้ไม่ครบทุกอย่างเพราะว่ามี
00:27:42 → 00:27:47 เยอะเหลือเกินนะครับงานวิจัยของท่านมาก็ มีเป็นร้อยอ่ะฮะ ถ้าอยากจะทราบรายละเอียด
00:27:47 → 00:27:51 ก็อาจจะต้องไปค้นเอาเองนะครับ แล้วก็ท่าน ที่อ่านงานวิจัยเก่งๆนะครับแนะนำว่า
00:27:51 → 00:27:58 เข้าไปนี่เลยครับ www.pubmed.gov นะครับแล้วก็
00:27:58 → 00:28:03 เป็นค้นชื่อท่านเลยครับ Ronald Krauss ขึ้นมาเต็มไป หมดเลยนะครับ เรื่องเกี่ยวข้องกับ
00:28:03 → 00:28:07 lipoprotein นะครับแล้วท่านก็ไปหาอ่านเอาเองนะ ครับเพราะว่าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดวันนี้ก็
00:28:07 → 00:28:14 เอามาจากท่านนี้แหละครับนะครับ โอเควันนี้ ก็เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ