00:00:03 → 00:00:06 สวัสดีครับผมมพระเวทเป็นจิตแพทย์ครับเรา
00:00:06 → 00:00:10 พบกันทุกคืนวันอาทิตย์เวลา 20:00 นสำหรับ
00:00:10 → 00:00:13 คืนวันนี้วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์
00:00:13 → 00:00:15 พุทธศักราช
00:00:15 → 00:00:20 2568 เรามีนัดกันในหัวข้ออยู่คนเดียวไม่
00:00:20 → 00:00:24 เหงาอยู่ 2 คนกลับรู้สึกเหงา
00:00:24 → 00:00:28 ครับหัวข้อนี้เนี่ยเป็นข่าวสารสำคัญแง่
00:00:28 → 00:00:32 มุมหนึ่งจากงานวิจัยการพัฒนาคนของทาง
00:00:32 → 00:00:34 มหาวิทยาลัย harvard ที่ดำเนินการมาเกิน
00:00:34 → 00:00:38 กว่า 80 ปีนะครับเป็นการติดตามชีวิตคน 2
00:00:38 → 00:00:42 รุ่นซึ่งทำมานานมากผู้อำนวยการรุ่นที่ 4
00:00:43 → 00:00:45 เพราะว่าโครงการมันนานมากก็มีผู้อำนวยการ
00:00:45 → 00:00:48 มารับช่วงอยู่ 4 รุ่นแล้วนะครับรุ่นคนสุด
00:00:48 → 00:00:51 ท้ายที่อยู่ก็คือคุณหมอร์ตดิอรเนี่ยก็
00:00:51 → 00:00:55 เป็นจิตแพทย์เขามีข่าวสารสำคัญก็คือความ
00:00:55 → 00:00:58 เหงาเนี่ยฆ่าเราตายได้นะครับแล้วเขาได้
00:00:58 → 00:01:01 นิยามความเหงาว่าความรู้สึกว่าตัวเองมี
00:01:01 → 00:01:02 ความ
00:01:02 → 00:01:06 สัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับผู้คนเนี่ยไม่พอ
00:01:06 → 00:01:09 นะครับหรืออาจจะพูดง่ายๆว่ามันเป็นความ
00:01:09 → 00:01:14 รู้สึกโหยหาความสัมพันธ์ก็ได้ซึ่งเราก็จะ
00:01:14 → 00:01:17 รู้ดีกับคำว่ามันเป็นไปได้ที่เราจะเหงาใน
00:01:17 → 00:01:21 ท่ามกลางผู้คนเหงาในที่ทำงานเหงาในบ้าน
00:01:21 → 00:01:25 ของตัวเองนะครับและก็เป็นไปได้เช่นกันที่
00:01:25 → 00:01:28 เราจะรู้สึกถึงความพึงพอใจแม้เราจะอยู่คน
00:01:28 → 00:01:31 เดียวทำกิจกรรมคนเดียวเช่นในเวลาที่เรา
00:01:31 → 00:01:36 ออกกำลังกายว่ายน้ำปั่นจักรยานหรือเดิน
00:01:36 → 00:01:38 ป่าไปอยู่บนยอดเขา
00:01:38 → 00:01:42 สูงตัวนี้ก็เป็นภาพที่นำมาเกิดให้เป็นคำ
00:01:42 → 00:01:46 ถามนะครับในเรื่องของการอยู่เองกับการ
00:01:46 → 00:01:50 อยู่กับคนอื่นและความเหงากับความไม่เหงา
00:01:50 → 00:01:54 และเป็นสุขได้นะครับซึ่งในเรื่องของความ
00:01:54 → 00:01:57 สัมพันธ์เนี่ยความรักความสัมพันธ์ถือเป็น
00:01:57 → 00:02:01 ส่วนผสมสำคัญของชีวิตนะครับในงานวิจัยที่
00:02:01 → 00:02:05 กล่าวถึงก็ได้สรุปด้วยครับว่าตัว
00:02:05 → 00:02:10 กำหนดสุขภาพของคนในวัย 80
00:02:10 → 00:02:16 ปีคือความพอใจในความสัมพันธ์ที่มีในตอนเ
00:02:16 → 00:02:19 อายุ 50 ปีนะครับพูดง่ายๆว่าความสัมพันธ์
00:02:19 → 00:02:24 ที่ดีเราพอใจในตอนที่เราอายุ 50 เนี่ยจะ
00:02:24 → 00:02:28 ทำนายว่าอีก 30 ปีถัดไปเนี่ยสุขภาพเราจะ
00:02:28 → 00:02:30 เป็นยังไงจะดีหรือแย่นะนะครับงั้นความ
00:02:30 → 00:02:33 สัมพันธ์นี้มันก็ช่วยได้ทั้งความสุขและก็
00:02:34 → 00:02:38 สุขภาพชัดเจนมากนะครับในมุมกลับกัน
00:02:38 → 00:02:44 การแยกขาดจากคนอื่นอยู่ตามลำพังขาดความ
00:02:44 → 00:02:47 สัมพันธ์หรือมีปัญหาในความสัมพันธ์นั้นก็
00:02:47 → 00:02:49 เป็นแหล่งความทุกข์ที่
00:02:49 → 00:02:52 สำคัญเวลาที่เราจะพูดเรื่องความสัมพันธ์
00:02:52 → 00:02:57 นะครับผมอยากจะมีพื้นฐาน 3 3 ข้อมาชวน
00:02:57 → 00:03:01 วางรากฐานร่วมกันก่อนนะนะครับอย่างแรกก็
00:03:01 → 00:03:04 คือความสัมพันธ์ของเรากับพ่อแม่ตั้งแต่
00:03:04 → 00:03:07 ตอนที่เราเป็นเด็กเนี่ยถือเป็นรากฐานของ
00:03:07 → 00:03:10 ความสัมพันธ์ที่เราจะมีกับคนอื่นตอนเราโต
00:03:10 → 00:03:14 นะครับดังนั้นวิธีการที่เราปฏิบัติกับคน
00:03:14 → 00:03:16 อื่นความสัมพันธ์ที่เรามีได้กับคนอื่น
00:03:16 → 00:03:20 เนี่ยก็จะถูกกำหนดโดยประสบการณ์ในวัยเด็ก
00:03:20 → 00:03:23 ของเราอยู่มากนะครับแน่นอนว่าเรามีโอกาส
00:03:23 → 00:03:27 ที่จะก้าวพ้นปัจจัยลบในอดีตได้แต่นั่น
00:03:27 → 00:03:30 เป็นเรื่องที่ต้องตระหนักและต้องดำเนิน
00:03:30 → 00:03:35 การอย่างต่อเนื่องรู้ตัวนะครับประการที่ 2
00:03:35 → 00:03:38 ก็คือคุณภาพความสัมพันธ์ที่เรามีกับตัว
00:03:38 → 00:03:42 เองจะเป็นสิ่งกำหนดคุณภาพความสัมพันธ์ที่
00:03:42 → 00:03:48 เรามีกับคนอื่นนะครับในซาเธียจีวาของซา
00:03:48 → 00:03:51 เธียเนี่ยได้พูดไว้ว่าในความสัมพันธ์
00:03:51 → 00:03:55 ระหว่างคน 2 คนมีงาน 3 งานที่ต้องทำนะ
00:03:55 → 00:03:59 ครับความสัมพันธ์แรกหรืองานงานแรกก็คือ
00:03:59 → 00:04:03 คุณก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองความ
00:04:03 → 00:04:06 สัมพันธ์ที่ 2 หรืองานที่ 2 ก็คือคุณขอมี
00:04:06 → 00:04:08 ความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองหรือเชื่อมต่อ
00:04:08 → 00:04:11 กับตัวเองแล้วจากนั้นแล้วจึงเป็นเรื่อง
00:04:11 → 00:04:14 ของปฏิสัมพันธ์ระหว่างกกับขก็คือเป็นการ
00:04:14 → 00:04:17 เชื่อมโยงระหว่างกันนะครับความหมายตรงนี้
00:04:17 → 00:04:22 ก็คือเราต้องเชื่อมกับตัวเองได้ดีเราถึง
00:04:22 → 00:04:25 จะเชื่อมกับคนอื่นได้ดีนะครับซึ่งสิ่งที่
00:04:25 → 00:04:29 เราจะเชื่อมกับตัวเองจะมีได้มากมายนะครับ
00:04:29 → 00:04:31 มันก็จะกำหนดความสามารถของเราที่จะเชื่อม
00:04:31 → 00:04:32 กับคนอื่นได้
00:04:32 → 00:04:36 ด้วยเช่นสมมุติว่าคุณมีความสามารถในการ
00:04:36 → 00:04:41 ชื่นชมความงามมีสุนทรียภาพแล้วคุณเข้าถึง
00:04:41 → 00:04:46 สุนทรียภาพภายในนะครับคุณก็จะสามารถสร้าง
00:04:46 → 00:04:49 คุณภาพความสัมพันธ์ในแง่มุมของสุนทรียภาพ
00:04:49 → 00:04:53 ภายในนี้ได้ถ้าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดี
00:04:53 → 00:04:56 ด้านร่างกายกับตัวเองนะครับรับรู้ความรู้
00:04:56 → 00:04:59 สึกในร่างกายความต้องการของร่างกายเข้าใจ
00:04:59 → 00:05:03 ตัวเองเนี่ยนะครับคุณก็จะสามารถสร้างความ
00:05:03 → 00:05:05 สัมพันธ์ที่มีร่างกายเข้าไปเกี่ยวข้องกับ
00:05:05 → 00:05:07 คนอื่นได้ดีนะครับเรื่องนี้ก็มีราย
00:05:08 → 00:05:11 ละเอียดเยอะนะครับแต่โดยหลักก็คือเราจะ
00:05:11 → 00:05:15 อยู่และมีความสัมพันธ์กับตัวเองดีเพียงใด
00:05:15 → 00:05:18 จะกำหนดว่าเราจะอยู่และมีความสัมพันธ์ที่
00:05:18 → 00:05:22 ดีกับคนอื่นเพียงนั้นนะครับอันนี้คือข้อ 2
00:05:22 → 00:05:25 ข้อ 3 ก็คือคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ
00:05:25 → 00:05:29 ตัวเองเชื่อมต่อรับรู้เชื่อมโยงตัวเองก็
00:05:29 → 00:05:32 ก็จะมีความสุขได้เมื่ออยู่กับตัวเองนะ
00:05:32 → 00:05:36 ครับในทางกรงข้ามคนที่มีความสัมพันธ์ที่
00:05:36 → 00:05:39 ไม่ดีกับตัวเองมีความขัดแย้งภายในเชื่อม
00:05:39 → 00:05:43 ต่อไม่ถึงตัวเองด้วยปัจจัยหลากหลายนะครับ
00:05:43 → 00:05:47 ก็จะอยู่กับตัวเองได้ยากไม่มีความสุขแล้ว
00:05:47 → 00:05:49 ก็มักจะอยู่กับคนอื่นได้
00:05:49 → 00:05:53 ยากซึ่งความเหงาก็กลายเป็นความรู้สึกที่
00:05:53 → 00:05:56 เกิดขึ้นเวลาที่เราอยู่กับคนอื่นแล้วเรา
00:05:56 → 00:05:59 ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งไม่ได้รู้สึก
00:05:59 → 00:06:03 เชื่อมเโยงไม่ได้รู้สึกว่าเข้าใจกันนะ
00:06:03 → 00:06:07 ครับคนที่เชื่อมโยงคนอื่นได้ยากกับทุกๆคน
00:06:07 → 00:06:10 ก็ยากเนี่ยมักจะเป็นคนที่เชื่อมโยงกับตัว
00:06:10 → 00:06:14 เองก็ไม่ค่อได้นะครับมันจึงมีภารกิจภายใน
00:06:14 → 00:06:18 ที่เราจะต้องสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองกับ
00:06:18 → 00:06:21 ภารกิจภายนอกที่เราจะเรียนรู้วิธีการ
00:06:21 → 00:06:23 สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคน
00:06:23 → 00:06:26 อื่นแต่คนที่มีความเหงาหรือบางคนก็รู้ว่า
00:06:26 → 00:06:29 ตัวเองขี้เหงาเนี่ยแปลว่าเขายังเชื่อมต่อ
00:06:30 → 00:06:32 กับตัวเองได้ไม่แค่ดีด้วยเหตุบางประการ
00:06:32 → 00:06:35 เี่นะครับคนเหล่านี้ก็มักจะหลีกเลี่ยงการ
00:06:35 → 00:06:38 อยู่กับตัวเองด้วยเทคนิควิธีการต่างๆเช่น
00:06:38 → 00:06:41 เขาจะต้องคบหาคนอื่นตลอดเวลาเขาจะต้องมี
00:06:41 → 00:06:45 กิจกรรมยุ่งตลอดเวลาเวลาถ้าเกิดเขามีแฟน
00:06:45 → 00:06:47 แล้วเกิดมีเหตุต้องเลิกกับแฟนคนกลุ่มนี้
00:06:47 → 00:06:50 ก็จะกระโดดเข้าไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่
00:06:50 → 00:06:53 อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สรุปบทเรียนอะไร
00:06:53 → 00:06:55 นะครับคือต้องหาอะไรทำตลอดเพื่อจะได้ไม่
00:06:55 → 00:06:58 ต้องอยู่กับตัวเองนี่ก็เป็นอาการของความ
00:06:58 → 00:07:02 เหงาข้างในไม่ว่าเขาจะมีคนอื่นมาอยู่ด้วย
00:07:02 → 00:07:06 หรือไม่ก็ตามเคก็เหงาข้างในและคนกลุ่มนี้
00:07:06 → 00:07:09 ก็จะมีความเสี่ยงกับการมีความสัมพันธ์ที่
00:07:09 → 00:07:13 ดีกับคนทั่วไปนะครับเรากำลังพูดถึงความ
00:07:13 → 00:07:16 เหงาคล้ายกับปัจจัยภายในของตัวคนนะครับ
00:07:16 → 00:07:19 แต่จริงๆปัจจัยภายนอกนี่ก็เป็นตัวสำคัญนะ
00:07:19 → 00:07:22 ครับเช่นถ้าเราถูกจับให้อยู่โดดเดี่ยวตาม
00:07:23 → 00:07:26 ลำพังยาวนานคนจำนวนมากก็อาจจะมีความเหงา
00:07:26 → 00:07:30 อยู่นะครับเราเนี่ยเลือกได้ว่าเราอยากจะ
00:07:30 → 00:07:33 อยู่คนเดียวตามลำพังหรือเราอยากจะอยู่กับ
00:07:33 → 00:07:36 ผู้คนบางครั้งบางกิจกรรมเราก็เลือกได้ว่า
00:07:36 → 00:07:39 เราอยากจะไปทำคนเดียวนะครับเช่นเราไปดู
00:07:39 → 00:07:43 หนังคนเดียวเราไปเดินไปวิ่งออกกำลังกายไป
00:07:43 → 00:07:46 เดินป่าคนเดียวมันเป็นความสุขแบบที่เราไป
00:07:46 → 00:07:47 คน
00:07:47 → 00:07:52 เดียวงานทางความคิดงานปรัชญางานเขียนดีๆ
00:07:52 → 00:07:56 ก็มักจะสำเร็จได้ตอนเราทำงานคนเดียวนะ
00:07:56 → 00:08:00 ครับการอยู่ตามลำพังกับตัวเองโดยตัวมัน
00:08:00 → 00:08:04 เองเป็นเรื่องดีและมันเป็นตัวเลือกที่เรา
00:08:05 → 00:08:10 จะเลือกได้นะครับแต่ถ้าเราเหงาความเหงา
00:08:10 → 00:08:12 ไม่เคยเป็นตัวเลือกที่คนอยากได้นะครับ
00:08:12 → 00:08:14 ความเหงามันเป็นความไม่ลงตัวระหว่างความ
00:08:15 → 00:08:17 สัมพันธ์ที่เรามีในเวลานั้นกับความ
00:08:17 → 00:08:20 สัมพันธ์ที่เราอยากได้หรือเราโหยหานะครับ
00:08:20 → 00:08:23 มันยังไม่ลงตัวกันนะครับความเหงาก็เป็น
00:08:23 → 00:08:26 สิ่งไม่ดีแต่การอยู่ตามลำพังเป็นสิ่งที่
00:08:26 → 00:08:29 ดีนะครับความเหงามันฆ่าเราได้อย่างที่บอก
00:08:29 → 00:08:31 แล้วมันก็เพิ่มความเสี่ยงกับโรคเรื้อรัง
00:08:31 → 00:08:35 ซึมเศร้าเบาหวานมะเร็งเนะครับซึ่งคนที่ทำ
00:08:35 → 00:08:37 งานด้านโรคเรื้อรังก็จะมีข้อสังเกตครับ
00:08:37 → 00:08:41 ว่าเวลาที่โรคเหล่านี้นะครับมันมีอาการ
00:08:41 → 00:08:44 เป็นครั้งแรกเช่นเบาหวานหรือมะเร็งหรือ
00:08:44 → 00:08:47 ซึมเศร้าเนี่ยมันมักจะเป็นจังหวะเวลาที่
00:08:47 → 00:08:49 ชีวิตช่วงนั้นของเรากำลังอยู่ในห้วงของ
00:08:49 → 00:08:52 ความเหงาครับความเหงามันเจ็บปวดแล้วมันก็
00:08:52 → 00:08:57 กระตุ้นความเจ็บป่วยออกมานะครับเราโหยหา
00:08:57 → 00:09:01 ความสัมพันธ์เหมือนกับเราเราต้องการหรือ
00:09:01 → 00:09:06 โหยหาอาหารโหยหาสัมผัสนะครับตัวเนี้ยมัน
00:09:06 → 00:09:09 เป็นความรู้สึกที่ลึกเข้าไปในร่างกายไม่
00:09:09 → 00:09:13 ใช่ความนึกคิดอย่างเดียวนะครับสิ่งหนึที่
00:09:13 → 00:09:18 เวลาที่ท่านตามดูความรู้เรื่องความเหงา
00:09:18 → 00:09:22 ตามสื่อต่างๆนะครับท่านจะสังเกตได้ว่าคน
00:09:22 → 00:09:25 ส่วนใหญ่จะไม่พูดถึงอิทธิพลประสบการณ์วัย
00:09:25 → 00:09:29 เด็กแต่ความจริงแล้วเนี่ยคนที่เชื่อมต่อ
00:09:29 → 00:09:32 กับตัวเองไม่ได้จากเมื่อกี้นี้ที่พูดนะ
00:09:32 → 00:09:35 ครับคนที่มีความเหงาอยู่ข้างในเนี่ยมักจะ
00:09:35 → 00:09:37 เป็นผลของประสบการณ์วัยเด็กครับความ
00:09:38 → 00:09:42 สัมพันธ์ที่พ่อแม่มีกับลูกเนี่ยจะกำหนด
00:09:42 → 00:09:44 ความสัมพันธ์ที่ลูกโตมาจะมีกับคนอื่นนะ
00:09:44 → 00:09:49 ครับในพ่อแม่ที่มีความพร้อมมีความสงบผ่อน
00:09:49 → 00:09:53 คลายและเป็นสุขเวลาอยู่กับลูกมีความใส่ใจ
00:09:53 → 00:09:57 และตอบสนองความต้องการลูกเวลาที่ลูกมี
00:09:57 → 00:10:03 ความตืกลัวเวลาที่มีความไม่พอใจเวลาที่
00:10:03 → 00:10:07 หิวเวลาที่แฉะแล้วร้องไห้นี่นะครับพ่อแม่
00:10:07 → 00:10:11 ที่สงบเนี่ยจะช่วยเหนี่ยวนำให้เด็กสงบตาม
00:10:11 → 00:10:16 นะครับไอ้ตัวนี้ก็มีการวัดมีการศึกษาใน
00:10:16 → 00:10:18 การประเมินระบบประสาทอัตโนมัติในตัวเด็ก
00:10:18 → 00:10:21 และในตัวพ่อแม่นะครับซึ่งก็มีอยู่ 2 ระบบ
00:10:21 → 00:10:25 นะครับตอนที่เด็กร้องไห้โมโหไม่พอใจหิว
00:10:25 → 00:10:28 ปวดท้องไม่สบายตัวเนี่ยมันถูกกระตุ้นด้วย
00:10:28 → 00:10:32 ระบบสัอัตโนมัติของการเร่งความตื่นตัว
00:10:32 → 00:10:33 ขึ้นมา
00:10:33 → 00:10:39 นะถ้าพ่อแม่มีความสงบผ่อนคลายดูแลแบบมี
00:10:39 → 00:10:42 ความรู้ตัวค่อยๆปลอบโปรมนะครับเด็กก็จะ
00:10:43 → 00:10:48 เรียนรู้ที่จะปรับระบบในการเชื่อมต่อแล้ว
00:10:48 → 00:10:51 ก็อาศัยพ่อแม่ช่วยนำพาให้เขาคเข้าสู่ความ
00:10:51 → 00:10:55 สงบนิ่งแล้วก็อยู่กับความปั่นป่วนเมื่อ
00:10:55 → 00:10:59 สักครู่นี้ได้ดีขึ้นนะครับตงเนี้ยเขาก็พบ
00:10:59 → 00:11:02 ว่ามันไม่ใช่เพียงพ่อแม่ที่สร้างความสงบ
00:11:02 → 00:11:05 ให้กับลูกนะครับแต่เวลาพ่อแม่เข้าไป
00:11:05 → 00:11:08 เชื่อมกับลูกได้ในลักษณะนี้เนี่ยลูกก็ส่ง
00:11:08 → 00:11:11 ผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติของพ่อแม่ได้
00:11:11 → 00:11:14 ด้วยเช่นกันซึ่งสำหรับท่านที่สนใจเรื่อง
00:11:14 → 00:11:17 นี้นะครับมันมีศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่ตัวนึ
00:11:17 → 00:11:20 ที่ท่านไปค้นดูได้คือคำว่า co regulation
00:11:20 → 00:11:24 ซึ่งก็คือความร่วมมือกันในการช่วยกัน
00:11:24 → 00:11:28 กำกับควบคุมปฏิกิริยาทางอารมณ์ซึ่งเป็นผล
00:11:28 → 00:11:32 จากระบบประสาทอัตโนมัตินะครับแล้วก็มี
00:11:32 → 00:11:34 ปัจจัยอีกมากเลยครับที่ส่งผลต่อพัฒนาการ
00:11:35 → 00:11:39 ทางอารมณ์ของเด็กคนนั้นที่จะโตมาว่าเคคจะ
00:11:39 → 00:11:42 อยู่กับตัวเองได้ดีเค้าจะมีความสัมพันธ์
00:11:42 → 00:11:43 ได้ดีกับคนอื่นเพียง
00:11:43 → 00:11:47 ใดเช่นถ้าบ้านหลังนั้นมีคนเจ็บป่วยเรื้อ
00:11:47 → 00:11:51 รังถ้าคุณพ่อคุณแม่มีภาระมีปัญหาเครียด
00:11:51 → 00:11:55 เรื้อรังจนไม่เหลือพลังงานมาดูแล
00:11:55 → 00:11:58 ลูกสิ่งที่เด็กจะได้รับก็เหมือนกับเด็กคน
00:11:58 → 00:12:00 นั้นกำลัง
00:12:00 → 00:12:03 ถูกทอดทิ้งหรือถูกล่าเลความต้องการนะครับ
00:12:03 → 00:12:06 ซึ่งตงนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นเข้มข้น
00:12:06 → 00:12:09 รุนแรงแค่ไหนและเป็นนานแค่ไหนแล้วมัน
00:12:09 → 00:12:12 เริ่มต้นตอนเด็กอายุเท่าไหร่นะครับเช่นผม
00:12:12 → 00:12:16 เจอบางคนที่ในช่วง 4-5 ขปีแรกเนี่ยพ่อแม่
00:12:16 → 00:12:21 มีฐานะทางการบ้านทางทางบ้านดีนะครับแล้ว
00:12:21 → 00:12:24 พอเาโตมาถึงระดับนึงแล้วเกิดมีปัญหา
00:12:24 → 00:12:28 เศรษฐกิจพ่อแม่ก็เครียดนะครับแล้วเขาก็มี
00:12:28 → 00:12:31 เหตุที่จะต้องได้รับการดูแลน้อยลงบางง
00:12:31 → 00:12:34 บ้านก็ถูกส่งไปอยู่กับคนอื่นนะครับตรงนี้
00:12:34 → 00:12:38 เนี่ยจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าเมื่อเทียบ
00:12:38 → 00:12:42 กับตอนที่ลูกคลอดตอนที่แม่ท้องอยู่พ่อแม่
00:12:42 → 00:12:46 เครียดมากนะครับมันกระทบไปที่ตัวเด็กด้วย
00:12:46 → 00:12:48 หรือบ้านหลังนั้นสามารถพูดคุยเรื่อง
00:12:48 → 00:12:51 อารมณ์ความรู้สึกกันได้ไหเด็กๆได้เรียน
00:12:51 → 00:12:54 รู้อารมณ์ความรู้สึกกันหรือเปล่านะครับ
00:12:54 → 00:12:59 เวลามีเรื่องอะไรเด็กได้คุยได้เล่าแลแล้ว
00:12:59 → 00:13:01 ก็ได้ทำความเข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกของ
00:13:01 → 00:13:04 ตัวเองโดยมีพ่อแม่ช่วยเพียงใดนะครับทั้ง
00:13:04 → 00:13:08 ในแง่ของการโ regulate นะครับช่วยทำให้
00:13:08 → 00:13:11 ลูกสงบลงทั้งในแง่ของการทำให้ลูกได้เรียน
00:13:11 → 00:13:15 รู้วิธีคิดแล้วก็เข้าใจเรื่องอารมณ์นะ
00:13:15 → 00:13:17 ครับพ่อแม่เปิดรับอารมณ์ความรู้สึกด้วย
00:13:17 → 00:13:21 ความเข้าใจเพียงใดหรือว่าพ่อแม่ตัดสิน
00:13:21 → 00:13:24 อารมณ์ของเด็กที่ทำให้เด็กไม่กล้าที่จะ
00:13:24 → 00:13:28 เปิดเผยอารมณ์นั้นซึ่งภาวะทั้งหมดที่พูด
00:13:28 → 00:13:31 มาในชุดหลังนี้เนี่ยก็จะส่งผลต่อการที่คน
00:13:31 → 00:13:35 ๆนั้นเชื่อมต่อกับตัวเองได้ดีเพียงใดนะ
00:13:35 → 00:13:38 ครับคือไอ้โ regulation เนี่ยมันเกิดขึ้น
00:13:38 → 00:13:43 ตั้งแต่เล็กตอนคลอดนะครับแต่ไอ้ตัวการดู
00:13:43 → 00:13:48 แลความใส่ใจความเข้าใจการเติบโตทาง
00:13:48 → 00:13:52 อารมณ์นะครับมันเป็นตัวที่ต่อเนื่องมาจน
00:13:52 → 00:13:57 โตนะครับถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันก็จะกระทบ
00:13:57 → 00:14:01 กับความสามารถของเราในการที่เราจะจัดการ
00:14:01 → 00:14:04 อารมณ์ตัวเองสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจตัว
00:14:04 → 00:14:09 เองและอยู่กับตัวเองได้นะ
00:14:09 → 00:14:14 ครับซึ่งจะนำไปสู่การที่เขาจะสร้างเพื่อน
00:14:14 → 00:14:17 มีความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวได้ไนะครับ
00:14:17 → 00:14:21 กลับมาที่ภาพใหญ่ในปัจจุบันนะครับโลก
00:14:21 → 00:14:23 ปัจจุบันเนี่ยมันมีการแพร่ระบาดของความ
00:14:23 → 00:14:26 เงาทุกคนคงคุ้นเคยนะครับเพมันมีปัจจัย
00:14:26 → 00:14:29 ใหญ่ๆ 2 ประการซึ่งอันนี้ผมคิดเองไม่ได้
00:14:29 → 00:14:33 หาอ้างอิงมาดูนะครับแต่ว่ามันมีข้อมูล
00:14:33 → 00:14:36 อยู่ 2 ชิ้นที่ทำให้เห็นว่าการระบาดของ
00:14:36 → 00:14:39 ความเหงามันเกิดจากอะไรบ้างอย่างแรกก็คือ
00:14:39 → 00:14:43 มนุษย์เรากำลังมีการเชื่อมโยงระหว่างกัน
00:14:43 → 00:14:46 น้อยลงนะครับเราความสัมพันธ์ของมนุษย์
00:14:46 → 00:14:49 เนี่ยเปลี่ยนไปจากเดิมมากในช่วง 30 ปีนี้
00:14:49 → 00:14:53 นะครับเราไม่มีเวลากับตัวเองเพราะเราความ
00:14:53 → 00:14:56 ใส่ใจไปอยู่ในหน้าจอนะครับและเราก็ไม่
00:14:56 → 00:14:59 ค่อยมีความเกี่ยวข้องกันเด็กๆไม่ได้เล่น
00:14:59 → 00:15:03 กันในสนามเหมือนเดิมนะครับและถ้าพ่อแม่
00:15:03 → 00:15:07 เลี้ยงลูกด้วยเอ่อแท็บเล็ตอันนั้นก็ทำให้
00:15:07 → 00:15:09 พ่อแม่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกแต่ถ้า
00:15:09 → 00:15:12 พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยการอ่านหนังสือให้
00:15:12 → 00:15:14 อยู่บนตักตรงนี้ก็มีความสัมพันธ์ที่แตก
00:15:15 → 00:15:18 ต่างกันนะครับคนเนี่ยกำลังเหงาเพิ่มขึ้น
00:15:18 → 00:15:22 กว่าเดิม 2 เท่านะครับแล้วแม้ว่าเราจะ
00:15:22 → 00:15:24 อยู่ในโลกที่เปิดตลอดเวลาในเชิงของ
00:15:24 → 00:15:27 โซเชียลมีเดียแล้วก็อินเทอร์เน็ตแต่เรา
00:15:27 → 00:15:29 กลับเชื่อมต่อกันน้อยลงอันนี้คือประการ
00:15:29 → 00:15:33 แรกก็คือวิถีชีวิตจากการเปลี่ยนแปลง
00:15:33 → 00:15:37 เทคโนโลยีแล้วการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่
00:15:37 → 00:15:41 มีคนย้ายถิ่นฐานนะครับมีการเปลี่ยนแปลง
00:15:41 → 00:15:43 ทั้งหมดเนี่ยมันทำให้คนเราเชื่อมต่อกัน
00:15:43 → 00:15:44 น้อย
00:15:44 → 00:15:48 ลงประการที่ 2 ที่ทำให้มีความเหงามากขึ้น
00:15:48 → 00:15:51 ในยุคปัจจุบันก็คือเรามีผู้สูงอายุมาก
00:15:51 → 00:15:56 ขึ้นซึ่งกลุ่มคนวัย 60 ขึ้นไปเนี่ยคือ
00:15:56 → 00:16:00 กลุ่มคนที่มีความเหงาที่สุดกหนในสังคมทุก
00:16:00 → 00:16:03 สังคมนะครับสาเหตุส่วนหนึงก็เพราะว่าวัย
00:16:03 → 00:16:06 นี้ก็เป็นวัยที่หลายคนก็จะออกจากงานนะ
00:16:06 → 00:16:11 ครับก็แปลว่าการติดต่อทางสังคมหายไปภาระ
00:16:11 → 00:16:15 ต่างๆกิจวัตรต่างๆหายไปนะครับเพื่อนในที่
00:16:15 → 00:16:19 ทำงานหายไปซึ่งก็ทำให้คนกลุ่ม
00:16:19 → 00:16:23 เนี้ยอยู่ในเงื่อนไขที่จะมีโอกาสขาดการ
00:16:23 → 00:16:26 ติดต่อทางสังคมและแยกตัวนะครับส่วนเขาจะ
00:16:26 → 00:16:29 เหงาไม่เหงาเนี่ยขึ้นอยู่กับกับว่าเาจะ
00:16:29 → 00:16:32 จัดการเชื่อมโยงกับตัวเองได้ดีเพียงใด
00:16:32 → 00:16:36 แล้วเยังมีทักษะในการสร้างสายสัมพันธ์มี
00:16:36 → 00:16:41 เพื่อนมีญาติพี่น้องที่สมดุลลงตัวระหว่าง
00:16:41 → 00:16:44 ข้างในคือการเชื่อมกับตัวเองข้างนอกคือ
00:16:44 → 00:16:47 การเชื่อมกับคนอื่นซึ่ง 2 อย่างเนี้ยใช้
00:16:47 → 00:16:51 ทักษะคนละทักษะนะครับคนละชุดทักษะเลยนะ
00:16:51 → 00:16:54 ครับ
00:16:54 → 00:16:58 เอ่อนักผู้นำทางจิตวิญญาณท่านหนึ่งชัน
00:16:58 → 00:17:00 เรียกอย่างนี้แล้วกันคือ Z กูรูเนี่ยได้
00:17:00 → 00:17:03 พูดไว้น่าฟังนะครับเขาตอบคำถามวัยรุ่นที่
00:17:03 → 00:17:05 ถามถึง
00:17:05 → 00:17:10 อิสรภาพซกรูบอกว่าคนเราเนี่ยปากก็พูดว่า
00:17:10 → 00:17:14 อยากได้อิสรภาพแต่ในมุมกลับกันเนี่ยเราก็
00:17:14 → 00:17:18 มีความต้องการความผูกพันนะครับเราอยากได้
00:17:18 → 00:17:22 อิสรภาพแต่เราก็ต้องการความผูกพันซึ่ง 2
00:17:22 → 00:17:24 สิ่งเนี้ยมันเหมือนเป็น 2 สิ่งที่เป็น
00:17:24 → 00:17:28 ขั้วตรงข้ามกันนะครับคุณลองคิดดูนะครับ
00:17:29 → 00:17:30 ถ้าคุณอยากได้อิสรภาพเป็นยังไงครับโอเค
00:17:31 → 00:17:33 เลยคนจำนวนนึงรุ่นใหม่อยากได้อิสรภาพก็
00:17:33 → 00:17:36 เลือกที่จะไม่ไปทำงานในองค์กรนะครับอยาก
00:17:36 → 00:17:40 ทำงานตัวเองแน่นอนการทำงานของตัวเองกับ
00:17:40 → 00:17:42 การทำงานองค์กรการเกิดสายสัมพันธ์ก็ไม่
00:17:42 → 00:17:45 เหมือนกันละนะครับแต่ในมุมกับกันเราก็
00:17:45 → 00:17:48 อยากได้ความผูกพันใกล้ชิดอยากได้กลุ่มนะ
00:17:48 → 00:17:51 ครับดังนั้นมันจึงเป็นเรื่อง
00:17:51 → 00:17:56 ของการทำงานภายในในความตระหนักในความ
00:17:56 → 00:17:58 ต้องการ 2 อย่างนี้นะครับเพราะถ้าเราอยาก
00:17:59 → 00:18:01 ได้อิสรภาพมากเราก็ต้องแยกตัวปลีกวิเวก
00:18:01 → 00:18:04 มากหน่อยนึงนะครับถ้าเราอยู่ไม่เป็นมัน
00:18:04 → 00:18:07 เสี่ยงกับความเหงานะครับแต่ลถ้าเราอยาก
00:18:07 → 00:18:10 ได้ความผูกพันอยากได้เข้ากลุ่มเราก็จะ
00:18:10 → 00:18:13 เสี่ยงกับการเสียอิสรภาพของเราไปเพราะ
00:18:13 → 00:18:16 เวลาอยู่ในกลุ่มคนอยู่ในสังคมเนี่ยมันไม่
00:18:16 → 00:18:19 ได้เป็นอิสระได้ 100% นะครับมันจึงเหมือน
00:18:19 → 00:18:23 กับการบริหารชีวิตของเราให้มีความลงตัว
00:18:23 → 00:18:27 ระหว่างอิสรภาพกับความผูกพันนะครับเคล็ด
00:18:27 → 00:18:30 ลับในเรื่องนี้นะครับครับในทัศนะของผมอัน
00:18:30 → 00:18:32 นี้ไม่ใช่ซักูรูพูดนะ
00:18:32 → 00:18:37 ครับในพยะขณะที่เราต้องการอิสรภาพและความ
00:18:37 → 00:18:41 เป็นส่วนตัวในระดับหนึแต่เราก็ยังคิดว่า
00:18:41 → 00:18:44 มันจำเป็นต้องงไว้ซึ่งสายสัมพันธ์ทาง
00:18:44 → 00:18:48 สังคมและความผูกพันเนี่ยทักษะสำคัญมากๆใน
00:18:48 → 00:18:51 การบริหาร 2 สิ่งนี้ก็คือความสามารถในการ
00:18:52 → 00:18:56 ลากเส้นแบ่งความสัมพันธ์ความสามารถในการ
00:18:56 → 00:18:59 สร้างพื้นที่ส่วนตัวและทำให้คนอื่นเคารพ
00:18:59 → 00:19:02 ในพื้นที่ส่วนตัวของเรานะครับเราต้องรู้
00:19:02 → 00:19:05 วิธีบริหารพื้นที่ส่วนตัวของเราให้เป็น
00:19:05 → 00:19:07 ไม่ว่าเราจะอยู่กับคนเดียวอยู่กับตัวเอง
00:19:08 → 00:19:10 หรือจะอยู่กับใครเนี่ยเราก็ยังต้องการ
00:19:10 → 00:19:13 พื้นที่นี้ขณะเดียวกันพื้นที่ที่เกี่ยว
00:19:13 → 00:19:15 ข้องกับผู้อื่นหรืออาจจะเรียกว่าพื้นที่
00:19:15 → 00:19:18 ทางสังคมเนี่ยเราก็ต้องรู้รู้วิธีบริหาร
00:19:19 → 00:19:22 พื้นที่นั้นด้วยเช่นกันนะครับคนที่มีอายุ
00:19:22 → 00:19:25 มากขึ้นจำนวนมากสังเกตตัวเองว่าเาแคร์คน
00:19:25 → 00:19:28 อื่นน้อยลงซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างพื้น
00:19:28 → 00:19:32 ที่ตัวเองได้เก่งขึ้นนะครับแต่ว่าถ้าเรา
00:19:32 → 00:19:35 ไม่เข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความ
00:19:35 → 00:19:38 ต้องการ 2 อย่างที่ขัดกันเองในตัวมันเอง
00:19:38 → 00:19:41 เราก็มีแนวโน้มที่จะงงตัวเองนะครับแต่
00:19:41 → 00:19:43 จริงๆแล้วก็คือเราอยากได้ทั้ง 2 อย่างล
00:19:44 → 00:19:47 ครับเราก็ต้องเรียนรู้พื้นที่ส่วนตัวและ
00:19:47 → 00:19:51 รู้วิธีบริหารพื้นที่ทางสังคมบางคนที่รัก
00:19:51 → 00:19:55 สันโดษมากๆมีคำใหม่เข้ามานะครับเคพอใจใน
00:19:55 → 00:19:58 สิ่งที่มีและพอใจกับการอยู่เองตามลำพัง
00:19:58 → 00:20:02 กับตัวเองเขาก็สามารถมีพื้นที่ส่วนตัวที่
00:20:02 → 00:20:05 กว้างขวางและใหญ่ขึ้นนะครับขณะที่พื้นที่
00:20:05 → 00:20:08 ทางสังคมของเขาอาจจะไม่ต้องมีมากนักนะ
00:20:08 → 00:20:11 ครับเพราะมีการศึกษาพบ
00:20:11 → 00:20:14 ว่าพื้นที่ในสังคมเนี่ยจำนวนเพื่อนฝูง
00:20:15 → 00:20:18 หรือคนรู้จักของเราเนี่ยไม่สำคัญเท่ากับ
00:20:18 → 00:20:21 คุณภาพที่มีอยู่หมายถึงว่าคุณมีแค่ไม่กี่
00:20:21 → 00:20:25 คน 2 คน 3 คนแล้วคุณรู้สึกพอก็พอละไม่
00:20:25 → 00:20:27 จำเป็นที่จะต้องพยายามรักษาพื้นที่ทาง
00:20:27 → 00:20:30 สังคมให้ใหญ่ตรงนี้เป็นเรื่องของการ
00:20:30 → 00:20:33 บริหารพื้นที่ของเรานะครับถ้าเรามี
00:20:33 → 00:20:36 ประสบการณ์กับตัวเองเวลาอยู่กับตัวเองนะ
00:20:36 → 00:20:39 ครับเราก็จะรู้วิธีอยู่กับตัวเองได้ดี
00:20:39 → 00:20:42 ขึ้นแม้ว่าเราจะแต่งงานมีครอบครัวแล้วเรา
00:20:42 → 00:20:44 ก็ต้องเรียนรู้วิธีอยู่กับตัวเองอยู่ดีนะ
00:20:44 → 00:20:47 ครับเพราะว่าไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องแยก
00:20:47 → 00:20:50 จากกันนะครับไม่ใช่เค้าไปก่อนเราก็ไปก่อน
00:20:50 → 00:20:55 นะครับในการสัมภาษณ์คนถึงความกลัวของคน
00:20:55 → 00:20:58 วัยเกษียณคนวัยสูงอายุจากการศึกษาของคุณ
00:20:58 → 00:21:03 หมอวิจรเมื่อสักครู่นี้นะครับจะมีคนจำนวน
00:21:03 → 00:21:06 นึงในคนที่อายุมากขึ้น
00:21:06 → 00:21:09 80 บอกว่าสิ่งที่เขาคกลัวที่สุดตอนนี้ก็
00:21:09 → 00:21:12 คือเขาคกลัวว่าคู่ชีวิตของเขาจะตายไปก่อน
00:21:12 → 00:21:15 เหลือเอยู่คนเดียวเพราะข้อเสียอย่างนึง
00:21:15 → 00:21:18 ของการอยู่ด้วยกันก็คือเราจะเคยชินกับการ
00:21:18 → 00:21:21 มีอีกคนนึงมาช่วยเติมความรู้สึกให้เรานะ
00:21:21 → 00:21:23 ครับนั่นเป็นเหตุที่เราจำเป็นที่จะต้อง
00:21:23 → 00:21:26 ฝึกอยู่กับตัวเองให้เป็นแม้เราจะมีคู่
00:21:26 → 00:21:29 แล้วก็ตามเพราะไม่วันใดวันหนึ่ง
00:21:29 → 00:21:31 เราก็ต้องได้อยู่คนเดียวถ้าเราตายก่อนตอน
00:21:31 → 00:21:34 ตายเราก็ตายคนเดียวเหมือนกันนะครับเอ่อ
00:21:34 → 00:21:37 อีกขั้วนึงนะครับอันนี้ไม่ใช่ซักรูพูดนะ
00:21:37 → 00:21:42 ครับเ่อก็พูดถึงธรรมชาติชายหญิงนะครับคือ
00:21:42 → 00:21:47 โลกใบนี้ณจุดเริ่มต้นนะครับมีผู้ชายมีผู้
00:21:47 → 00:21:50 หญิงเป็นเพศ 2
00:21:50 → 00:21:54 เพศธรรมชาติเช่นนี้ก็ถือว่าเมื่อชายหญิง
00:21:54 → 00:21:58 มารู่ร่วมกันจับคู่กันก็ทำให้มีความ
00:21:58 → 00:22:01 สมบูรณ์ในแง่ที่ว่ามันทำให้เกิด
00:22:01 → 00:22:04 เพศสัมพันธ์และการมีลูกหลานทำให้เผ่า
00:22:04 → 00:22:08 พันธุ์นั้นดำรงต่อได้นะครับหลายคนก็จะมอง
00:22:08 → 00:22:11 ว่าผู้ชายเกิดมาก็ต้องมีผู้หญิงผู้หญิง
00:22:11 → 00:22:14 เกิดมาก็ต้องมีผู้ชายเหมือนกับสิ่งที่
00:22:14 → 00:22:17 เป็นขั้วตรงข้ามต้องมาประกอบกันมันถึง
00:22:17 → 00:22:20 เกิดความสมบูรณ์ได้นะครับดังนั้นใน
00:22:20 → 00:22:24 ธรรมชาติข้อนี้เนี่ยมันมีความโหยหาที่จะ
00:22:24 → 00:22:28 ไปเชื่อมกับสิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามซึ่งใน
00:22:28 → 00:22:30 ในกรณีนี้ผู้ชายผู้หญิงมาเชื่อมต่อกันไม่
00:22:30 → 00:22:33 ใช่เฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์นะครับมันจะมี
00:22:33 → 00:22:35 ความรู้สึกเหมือนได้เติมเต็มกันและ
00:22:35 → 00:22:39 กันแต่ถ้าคุณไปคุยกับคนที่มีคู่จริงๆมี
00:22:39 → 00:22:42 ครอบครัวแล้วเขาก็จะเห็นได้ว่าการมีคู่
00:22:42 → 00:22:44 มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดมันไม่ได้เป็นหลัก
00:22:44 → 00:22:48 ประกันของชีวิตที่สมบูรณ์และมันก็ไม่ใช่
00:22:48 → 00:22:52 สิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เราเงานะครับแต่
00:22:52 → 00:22:56 ปัจจัยสำคัญก็คือเรายังคงแม้จะมีคู่นะ
00:22:56 → 00:22:59 ครับเรายังคงต้องดูแลความรู้สึกสึกของตัว
00:22:59 → 00:23:04 เราเองหรือการพัฒนาตัวตนของเราให้สามารถ
00:23:04 → 00:23:08 มีความเป็นสุขภายในและอยู่ได้ด้วยตัวเอง
00:23:08 → 00:23:11 นะครับเหมือนกับคำที่ผมพูดกับนักเรียนของ
00:23:11 → 00:23:13 ผมบ่อยๆเวลาที่เราพูดถึงความสัมพันธ์ก็
00:23:13 → 00:23:17 คือเราต้องฝึกให้อยู่คนเดียวก็ได้อยู่
00:23:17 → 00:23:20 ด้วยกันก็ดีนะครับซึ่งในอดีตเนี่ยทุก
00:23:20 → 00:23:24 สังคมวัฒนธรรมจะแนะนำว่าให้แต่งงานนะถ้า
00:23:24 → 00:23:27 คนไหนไม่แต่งงานไม่มีลูกเนี่ยสังคมจะมอง
00:23:27 → 00:23:30 ด้วยเสตาแปลกๆแล้วมองว่าชีวิตเราเนี่ยจะ
00:23:30 → 00:23:32 ไม่มีความสุขและเป็นชีวิตที่ไม่ประสบความ
00:23:32 → 00:23:35 สำเร็จนะครับแต่ปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้น
00:23:35 → 00:23:40 แล้วนะครับมันจึงเป็นโจทย์ในเรื่องของการ
00:23:40 → 00:23:45 ทำงานควบคู่กันระหว่างภายในและภาย
00:23:45 → 00:23:49 นอกซึ่งความโหยหาความสัมพันธ์เนี่ยมัน
00:23:50 → 00:23:51 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
00:23:51 → 00:23:55 ได้ก็คือความเหงาเนี่ยนะครับเป็นสิ่งที่
00:23:55 → 00:23:57 เกิดขึ้นได้ไม่ว่าเราจะอยู่คนเดียวตาม
00:23:57 → 00:24:01 ลำพังหรือเราจะมีคู่มีครอบครัวแล้วก็
00:24:01 → 00:24:05 ตามยังไงมันก็ไม่หายไปลึกๆมันยังคงมีสิ่ง
00:24:05 → 00:24:09 นี้อยู่นะครับแม้ว่าเราจะมีคู่ที่ดีแต่
00:24:09 → 00:24:13 มันมีอะไรบางอย่างภายในซึ่งมันเป็นอารมณ์
00:24:13 → 00:24:17 ที่ผ่านมาและผ่านไปได้นะครับเราจำเป็นที่
00:24:17 → 00:24:20 จะต้องเรียนรู้ว่าถ้าเราอยู่คนเดียวนะ
00:24:20 → 00:24:22 ครับมันอาจจะเหงาเพิ่มขึ้นมากกว่าหน่อย
00:24:22 → 00:24:25 นึงเอ่อเราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่
00:24:25 → 00:24:28 กับความโหยหาความสัมพันธ์นั้นเนี่ยว่ามัน
00:24:29 → 00:24:32 มีความรู้สึกเช่นนี้แต่มันจะเหมือนกับการ
00:24:32 → 00:24:35 ฝึกทุกชนิดในเวลาที่ความรู้สึกไม่ว่าจะ
00:24:35 → 00:24:38 เป็นลบหรือเป็นบวกปรากฏขึ้นก็คือเราถอย
00:24:38 → 00:24:41 ความรู้สึกตัวเราเองออกมาหน่อยนึงแล้วเรา
00:24:41 → 00:24:44 รับรู้ได้ว่ามันมีความรู้สึกโหยหาความ
00:24:44 → 00:24:48 สัมพันธ์แต่เราไม่จมไม่ถูกมันดูดเข้าไปนะ
00:24:48 → 00:24:50 ครับซึ่งเราจะทำเช่นนี้ได้ก็ต้องเมื่อเรา
00:24:50 → 00:24:55 สร้างพื้นที่สงบเป็นสุขภายในขึ้นมานะครับ
00:24:55 → 00:24:58 ซึ่งถ้าเราคิดว่าเราต้องมีใครสักคนนึง
00:24:58 → 00:25:01 ชีวิตเราถึงจะเติมเต็มสมบูรณ์เรากลับจะ
00:25:01 → 00:25:04 ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตเราขาดอะไรไปบางอย่าง
00:25:04 → 00:25:07 แลเราจะยิ่งรู้สึกโหยหาและทำให้เราอยู่
00:25:07 → 00:25:09 กับตัวเองได้ยาก
00:25:09 → 00:25:14 ขึ้นแต่ถ้าเราเข้าใจว่าและแลถ้าเราคิดและ
00:25:14 → 00:25:17 เข้าใจว่ามันต้องมีอีกคนนึงเราก็จะติดกับ
00:25:17 → 00:25:21 ดักตัวเองนะครับดังนั้นมันก็เลยมาถึงข้อ
00:25:21 → 00:25:25 สรุปนะครับว่าในภายนอกเนี่ยเราอาจจะทำ
00:25:26 → 00:25:29 อะไรหลายอย่างเพื่อจะได้ไปพบกับผู้คนมี
00:25:29 → 00:25:32 เพื่อนฝูงหรือมีคู่ชีวิตอันนี้เป็นเรื่อง
00:25:32 → 00:25:35 ที่ทุกคนทำได้แล้วก็อยู่ที่การบริหารพื้น
00:25:35 → 00:25:38 ที่ทางสังคมซึ่งในการบริหารพื้นที่ทาง
00:25:38 → 00:25:41 สังคมเนี่ยก็ต้องมีโอกาสทางสังคมคือเรา
00:25:41 → 00:25:44 ต้องมีการพบปะผู้คนแล้วก็ต้องมีทักษะ
00:25:44 → 00:25:48 สังคมในการสร้างความสัมพันธ์แล้วก็ต้องมี
00:25:48 → 00:25:51 ความสามารถที่จะคงความสัมพันธ์ไว้ในระยะ
00:25:51 → 00:25:54 ยาวได้นะครับตัวนี้เป็นชุดทักษะภายนอกที่
00:25:54 → 00:25:58 มีบางตัวเชื่อมกับทักษะข้างในด้วยนะครับ
00:25:58 → 00:26:01 บางคนก็ใช้วิธีเอ่อเดี๋ยวนี้ก็เป็นแอปหา
00:26:01 → 00:26:05 คู่นะครับหาคู่ทางอินเทอร์เน็ตหรือไปสถาน
00:26:05 → 00:26:09 ที่ที่คนโสดจะไปกันเอ่อหรือไม่ก็ไปทำ
00:26:09 → 00:26:13 กิจกรรมต่างๆซึ่งตัวผมเองก็มักจะแนะนำคน
00:26:13 → 00:26:14 ที่
00:26:14 → 00:26:19 เอ่ออยากจะมีเพื่อนอยากจะมีคู่ชีวิตว่า
00:26:19 → 00:26:23 คุณใช้ชีวิตในแบบที่คุณชอบเช่นถ้าคุณชอบ
00:26:23 → 00:26:27 ดำน้ำถ้าคุณชอบเดินป่าถ้าคุณชอบวิ่งถ้า
00:26:27 → 00:26:30 คุณชบชอบเล่นดนตรีคุณดำเนินชีวิตในแบบที่
00:26:30 → 00:26:34 คุณชอบแล้วคุณก็อาจจะไปเจอคนคอเดียวกันใน
00:26:34 → 00:26:37 พื้นที่ที่คุณไปทำอยู่ตรงนั้นแล้วค่อยดู
00:26:37 → 00:26:41 ว่าการพบปะทางสังคมนั้นซึ่งเรียกว่าโอกาส
00:26:41 → 00:26:44 ทางสังคมเี่นะครับจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ม
00:26:44 → 00:26:47 ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ในกระบวนการที่
00:26:47 → 00:26:50 เราทำข้างนอกแบบนั้นเนี่ยต้องระวังอย่า
00:26:50 → 00:26:52 คิดว่านั่นคือคำตอบสำคัญที่สุดในชีวิตนะ
00:26:52 → 00:26:55 ครับเพราะข้างในเนี่ยสำคัญกว่าเราจำเป็น
00:26:56 → 00:26:59 ที่จะต้องมีความสุขและเติมเต็มจากข้างใน
00:26:59 → 00:27:01 นะครับพื้นที่ที่เมื่อสักครู่นี้พูดไว้
00:27:01 → 00:27:04 ว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตามมันจะมีอารมณ์ความ
00:27:04 → 00:27:06 รู้สึกของความโหยหาไหลเข้ามาได้บ้างเนี่
00:27:06 → 00:27:09 นะครับเราสามารถอยู่กับมันได้โดยไม่รู้
00:27:09 → 00:27:13 สึกว่าถูกมันดูดเข้าไปนะครับเท่าที่ผมดู
00:27:13 → 00:27:16 คนส่วนใหญ่เวลาได้พูดคุยกันนะครับผมรับ
00:27:16 → 00:27:20 รู้ได้ว่าคนส่วนใหญ่ยังคิดว่ามีคู่น่าจะ
00:27:20 → 00:27:23 ดีกว่าไม่มีแล้วคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมา
00:27:24 → 00:27:26 มากพอและมีความสุขกับตัวเองได้ดีพอก็จะ
00:27:26 → 00:27:30 คิดต่อว่าแต่ถ้าหากดีไม่ได้สู้อยู่ตาม
00:27:30 → 00:27:33 ลำพังเองจะดีกว่าเหงาบ้างเป็นบางครั้งก็
00:27:33 → 00:27:36 เรียนรู้วิธีการจัดการและอยู่กับความเหงา
00:27:36 → 00:27:39 นั้นดีกว่ามีคู่ที่ไม่ดีและมีความทุกข์ใจ
00:27:39 → 00:27:43 ความยากในเรื่องนี้ก็คือเราไม่สามารถ
00:27:43 → 00:27:47 ทำนายได้ว่าคนที่เราคิดว่าดีแล้วอยู่ด้วย
00:27:47 → 00:27:49 กันแล้วมันจะดีไหมนะครับแต่นั่นเป็นความ
00:27:49 → 00:27:52 เสี่ยงที่เราต้องเลือกว่าเราจะเดินหน้าไป
00:27:52 → 00:27:56 สู่ความสัมพันธ์ที่มีพันธสัญญากันมากขึ้น
00:27:56 → 00:28:01 ไนะครับขณะที่ภายนอกเราอาจเลือกทำกิจกรรม
00:28:01 → 00:28:04 ที่เราชอบสังเกตประสบการณ์ของเราเวลาเรา
00:28:05 → 00:28:08 ได้ไปทำกิจกรรมเหล่านั้นเพื่อเรียนรู้ตัว
00:28:08 → 00:28:12 เองเปิดโอกาสให้ได้พบปะผู้คนที่อาจมีความ
00:28:12 → 00:28:16 สนใจเหมือนกันแล้วค่อยดูว่าเราจะเดินหน้า
00:28:16 → 00:28:21 ในความสัมพันธ์นั้นมแต่ภารกิจภายในยังคง
00:28:21 → 00:28:24 เป็นภารกิจที่ต้องเดินหน้าต่อไปโดยเฉพาะ
00:28:24 → 00:28:28 อย่างยิ่งถ้าเราตระหนักว่าเราเป็นคนขี้
00:28:28 → 00:28:31 เหงาซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากตอนที่วัยเด็ก
00:28:31 → 00:28:35 ท่านขาดคนมาช่วย co regulate ขาดคนมา
00:28:35 → 00:28:39 ช่วยทำให้อารมณ์ของท่านนิ่งสงบซึ่งทำให้
00:28:39 → 00:28:42 ระบบประสาทสัมประสาทของท่านสมองของท่านนะ
00:28:42 → 00:28:44 ครับระบบประสาทอัตโนมัติและร่างกายทั้ง
00:28:44 → 00:28:47 หมดของท่านเนี่ยท่านมีวิธีสงบมันได้ดี
00:28:47 → 00:28:50 กว่าถ้ามีพ่อแม่ที่เข้าใจแต่ถ้าไม่มีก็
00:28:50 → 00:28:52 แปลว่าท่านมีสิ่งที่ต้องฝึกมากขึ้นใน
00:28:52 → 00:28:56 เรื่องของการ regulate
00:28:56 → 00:28:59 อารมณ์ถ้าท่านมีคู่ที่
00:29:00 → 00:29:03 ดีเราสามารถที่จะฝึกการช่วยโ regulate
00:29:03 → 00:29:06 กันได้ตอนโตนะครับแต่คนแบบนั้นอาจจะหาได้
00:29:06 → 00:29:08 ยากหน่อยนึงนะครับขณะเดียวกันถ้าท่าน
00:29:08 → 00:29:11 ตระหนักว่าวัยเด็กของท่านท่านอาจจะขาด
00:29:11 → 00:29:15 ความรักถูกละเลยเพราะเหตุจำเป็นหรือเพราะ
00:29:15 → 00:29:19 พ่อแม่ไม่พร้อมหรือมีเหตุให้ท่านแยกจาก
00:29:19 → 00:29:22 กันมีปัญหาเศรษฐกิจนะครับถูกส่งไปอยู่ที่
00:29:22 → 00:29:26 อื่นหรือพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเสียชีวิต
00:29:26 → 00:29:29 นะครับนั่นแปลว่าท่านมีโจทย์ข้างในของ
00:29:30 → 00:29:33 ความขาดแคลนมันจะทำให้ท่านโหยหาแรงขึ้น
00:29:33 → 00:29:37 เนี่ยตรงนี้ท่านต้องเยียวยานะครับต้อง
00:29:37 → 00:29:42 เยียวยาโจทย์ที่เป็นโจทย์ภายในดังนั้น
00:29:42 → 00:29:46 อยู่คนเดียวไม่เหงาเนี่ยเราทำได้จากการ
00:29:46 → 00:29:49 ฝึกทักษะภายในและบริหารพื้นที่ส่วนตัวให้
00:29:49 → 00:29:53 ดีแต่ถ้าจะดีก็คือท่านอย่าทิ้งพื้นที่
00:29:53 → 00:29:57 สังคมท่านยังคงต้องมีวิธีบริหารพื้นที่
00:29:57 → 00:30:00 สังคมให้มีเพื่อนฝูงและมีความหลากหลายใน
00:30:00 → 00:30:04 ชีวิตบ้างนะครับอยู่สันโดษนะครับอยู่ตาม
00:30:04 → 00:30:08 ลำพังแต่มีเพื่อนฝูงได้ครับอยู่ 2 คนแล้ว
00:30:08 → 00:30:12 รู้สึกเหงาเนี่ยแปลว่ามันอาจจะมีโจทย์
00:30:12 → 00:30:16 ระหว่างกันและท่านก็มีโจทย์ภายในตัวท่าน
00:30:16 → 00:30:19 หลายครั้งคู่สมรสที่อยู่ด้วยกันมีโจทย์ 3
00:30:19 → 00:30:23 โจทย์คน 2 คนมีโจทย์ 3 โจทย์นะครับคือคน
00:30:23 → 00:30:25 แรกมีโจทย์กับตัวเองคือไม่ได้เชื่อมต่อ
00:30:25 → 00:30:28 กับตัวเองคนที่ 2 ก็มีโจทย์กับกับตัวเอง
00:30:28 → 00:30:30 ไม่ได้เชื่อมต่อกับตัวเองแล้วโจทย์ที่ 3
00:30:30 → 00:30:32 คือ 2 คนไม่รู้วิธีเชื่อมต่อระหว่างกันนะ
00:30:32 → 00:30:36 ครับเหมือนที่พูดว่าเราต้องเชื่อมต่อกับ
00:30:36 → 00:30:39 ตัวเองได้ดีเราถึงจะพร้อมที่จะเชื่อมต่อ
00:30:39 → 00:30:42 กับคนอื่นอันนี้คือภารกิจที่จะทำให้เรา
00:30:42 → 00:30:45 อยู่ 2 คนแล้วเติมเต็มกันก็คือทั้ง 2
00:30:45 → 00:30:48 ฝ่ายต่างต้องเชื่อมกับตัวเองได้ดีแล้ว
00:30:48 → 00:30:52 แล้วก็มาเปิดพื้นที่เพื่อเชื่อมกับคนอื่น
00:30:52 → 00:30:56 เชื่อมกับคู่ของตัวเองนะครับเราก็จะอยู่
00:30:56 → 00:31:00 คนเดียวก็ได้อยู่ 2 คนก็ยิ่งดีนะครับแต่
00:31:00 → 00:31:03 ไม่ว่าจะอยู่กี่คนยังไงเราก็ต้องเตรียม
00:31:03 → 00:31:05 ตัวข้างในของเรา
00:31:05 → 00:31:09 ไว้และนี่ก็คือเนื้อหาสำหรับการพูดคุยคืน
00:31:09 → 00:31:11 วันนี้นะครับ