00:00:00 → 00:00:02 ถ้าเราอยากจะกินเหล้าเราก็กินเหล้าสิเรา
00:00:02 → 00:00:04 จะไปกินเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ไปทำไมที่
00:00:04 → 00:00:05 มันเหมือนเหล้าเออ
00:00:05 → 00:00:08 >> ครับผมต้องบอกก่อนเลยว่าการทำเครื่องดื่ม
00:00:08 → 00:00:10 นอนแอลกอฮอล์เนี่ยเป้าหมายหรือว่า target
00:00:11 → 00:00:12 หลักของเรา target audi หลักของเราคือ
00:00:12 → 00:00:14 non drinker non drinker
00:00:14 → 00:00:16 >> คือคนไม่ดื่มเลยดื่มแล้วไม่ดื่มอยู่แล้ว
00:00:16 → 00:00:18 เลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกที่จะ
00:00:18 → 00:00:21 ไม่ดื่มตั้งแต่แรกเรื่องของศาสนาเรื่อง
00:00:21 → 00:00:24 ของสุขภาพร่างกายตอนเครับคำว่า sober
00:00:24 → 00:00:26 curious ครับผม sober curious เนี่ยมัน
00:00:26 → 00:00:29 คือการมอง relationship ใหม่ของการดื่ม
00:00:29 → 00:00:32 เราไม่ได้แปลว่าคุณต้องเลิกดื่มนะ
00:00:32 → 00:00:32 >> อื
00:00:32 → 00:00:36 >> แต่คนเขาจะดูว่าอ้าวันนี้ดื่มดีมั้ยหรือ
00:00:36 → 00:00:39 วันนี้ไม่ดื่มมันไม่มีการมุมมองที่เรียก
00:00:39 → 00:00:41 ว่าอ้าวไม่ดื่มหรออ่อนคน respect กันมาก
00:00:42 → 00:00:42 ขึ้น
00:00:42 → 00:00:42 >> อ
00:00:42 → 00:00:46 >> นะครับในการโซเชียลหรือในการไปเรียกว่าไป
00:00:46 → 00:00:47 สังสรรค์ด้วยกัน
00:00:47 → 00:00:49 >> ที่ผ่านมาเทรนการลดแอลกอฮอล์มันกำลัง
00:00:49 → 00:00:51 เริ่มมาแรงขึ้นแล้วมันมาพร้อมกับคำคำนึง
00:00:51 → 00:00:54 ที่ชื่อว่า Sober Curious เป็นเทรนใหม่
00:00:54 → 00:00:56 ที่พูดถึงการปรับพฤติกรรมการดื่มใหม่
00:00:56 → 00:00:59 สำหรับกลุ่มคนที่สนใจเรื่องนี้เทปนี้จะ
00:00:59 → 00:01:02 ชวนคุณโอ๊คที่เป็นเจ้าของสต๊อกฮ์บารบาร
00:01:02 → 00:01:04 ที่ไร้แอลกอฮอล์ที่สัมพากรมาคุยกับเรื่อง
00:01:04 → 00:01:06 เทรนเนี้ยเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจเรื่อง
00:01:06 → 00:01:12 นี้กันมากขึ้น
00:01:12 → 00:01:15 Eat Direction คุยกับคนในวงการอาหารว่า
00:01:15 → 00:01:19 เราควรกินอะไรถึงจะดี
00:01:19 → 00:01:21 [เพลง]
00:01:21 → 00:01:26 เมื่อปีที่แล้วผมมีทำเรื่องเทรนด์ของ
00:01:26 → 00:01:28 เรื่องการดื่มการกินนะฮะแล้วมันมี 1 อัน
00:01:28 → 00:01:32 ที่น่าสนใจเลยคือเจนซีดื่มแอลกอฮอล์น้อย
00:01:32 → 00:01:33 ลง
00:01:33 → 00:01:33 >> ครับ
00:01:33 → 00:01:36 >> แล้วก็มันอีกหลายเรื่องเนาะมีแบบเรื่อง
00:01:36 → 00:01:38 การรณรงค์ของสสส.เรื่องการไม่ดื่ม
00:01:38 → 00:01:40 แอลกอฮอล์หลายอย่างก็เลยเป็นที่มาของ EP
00:01:41 → 00:01:43 นี้ก็เลยชวนโรคมาครับผม
00:01:43 → 00:01:46 >> คุยกันนี่แหละเพราะว่าอยากรู้ว่าเออจริงๆ
00:01:46 → 00:01:50 แล้วเทรนเรื่องการงดดื่มหรือดื่ม
00:01:50 → 00:01:51 แอลกอฮอล์ให้น้อยลงเนี่ยมันเป็นยังไงแล้ว
00:01:51 → 00:01:54 บ้างตอนเนี้ยทั้งบ้านเราเองหรือเทรนทั้ง
00:01:54 → 00:01:57 หมดทั่วโลกเนาะแต่ว่าก่อนหน้านั้นน่ะอยาก
00:01:57 → 00:02:00 ให้คุณโอ๊คแนะนำก่อนว่าตัวเองเป็นใครทำ
00:02:00 → 00:02:01 อะไรอยู่บ้างฮะ
00:02:01 → 00:02:03 >> ครับผมเอ่อผมชื่อโอ๊คนะครับก็จริงๆแล้ว
00:02:03 → 00:02:06 เนี่ยผมก็เคยทำงานแล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับ
00:02:06 → 00:02:08 ด้านแอลกอฮอล์มาก่อนนะครับที่จะประเทศ
00:02:09 → 00:02:12 สวีเดนเนะครับเราศึกษาด้าน Y กับเอ่อ
00:02:12 → 00:02:14 Winess Spirit Education Trust นะ
00:02:14 → 00:02:18 ครับก็ WST แล้วก็ได้มีโอกาสไปทำงานเป็น
00:02:18 → 00:02:21 ฝึกงานในโรงกลั่นของทางประเทศเอ่อสวีเดน
00:02:21 → 00:02:24 ด้วยแต่ณวันนั้นนะครับเราก็ยังมีการดื่ม
00:02:24 → 00:02:25 เพื่อโซเชียลด้วย
00:02:25 → 00:02:26 >> อือ
00:02:26 → 00:02:29 >> เนาะทำงานมาได้สักพักนึงประมาณ 3-4 ปีอ่ะ
00:02:29 → 00:02:32 ครับก็มีอาการแพ้
00:02:32 → 00:02:32 >> แพ้
00:02:32 → 00:02:36 >> แพ้ครับแพ้อย่างอุ่นแรงรุนแรงเลยคือแพ้อ
00:02:36 → 00:02:39 >> แต่หายใจไม่ออกโอใช่ครับมันก็เลยเป็นที่
00:02:39 → 00:02:43 มาที่ไปที่เรามีความรู้สึกว่าเอ๊ะพอเรา
00:02:43 → 00:02:46 แพ้แอลกอฮอล์เนี่ยเราจะเห็นเลยว่าช่วง
00:02:46 → 00:02:49 ชีวิตของเรามันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆเช่นอัน
00:02:49 → 00:02:51 แรกอาชีพหายก่อนเลยคือ
00:02:51 → 00:02:54 >> เสร็จก็คือเพื่อนร่วมวงการก็หาย
00:02:54 → 00:02:54 >> อ
00:02:54 → 00:02:56 >> นะครับเพื่อนที่เราโซเชียalizด้วยก็หาย
00:02:56 → 00:02:59 มันก็กลายเป็นว่าก็เคว้งครับมันจะมีช่วง
00:02:59 → 00:03:02 นึงที่เคว้งมากๆเราก็เลยเล่าให้กับเพื่อน
00:03:02 → 00:03:05 ๆที่เรารู้จักเนี่ยฟังเขาก็บอกเออไม่เป็น
00:03:05 → 00:03:08 ไรนะครับในวันนั้นนะครับมันก็ทำให้เราแบบ
00:03:08 → 00:03:11 รู้สึกว่าเอ้ยการที่เรามาเชียร์กันเชียร์
00:03:11 → 00:03:14 อักันในวันนั้นนะครับเล่าเรื่องต่างๆให้
00:03:14 → 00:03:18 กันและกันเนี่ยในช่วงของเราเนี่ยเราเอา
00:03:18 → 00:03:20 น้ำเปล่ามาชนแก้วกัน
00:03:20 → 00:03:21 >> I้าคืออะไร
00:03:21 → 00:03:24 >> I้าคือมันคือช่วงพักเบรกของทางเอ่อสวีเดน
00:03:24 → 00:03:27 นะครับใช่เขาก็จะชอบรู้สึกว่าเอ้ยในช่วง
00:03:27 → 00:03:30 เวลานี้มันจังหวะพักเบรกของเขาแล้วก็ดื่ม
00:03:30 → 00:03:34 น้ำเปล่าคุยเล่าเรื่องสตอี่ต่างๆให้
00:03:34 → 00:03:37 >> เขาเรียกว่า up กันแล้วก็ใช้น้ำเปล่า
00:03:37 → 00:03:39 เนี่ยแหละครับเป็นสื่อในการที่เราจะ enjoy
00:03:39 → 00:03:40 ด้วยกันกับกาแฟ
00:03:40 → 00:03:41 >> อื
00:03:41 → 00:03:42 >> อ่าแล้วคือcอฟeเบรก
00:03:42 → 00:03:45 >> เมื่อกี้ที่ฟังดูก็แบบรู้สึกว่าเออเราเรา
00:03:45 → 00:03:48 ต้องใช้แอลกอฮอล์ในการเป็นตัวเข้าสังคม
00:03:48 → 00:03:52 ระดับนึงเนาะแล้วก็พอเราไม่ได้ใช้พอเรา
00:03:52 → 00:03:54 ไม่มีแอลกอฮอล์เนี่ยเหมือนสังคมเรามัน
00:03:54 → 00:03:55 เปลี่ยนไปทันทีเลยใช่มั้
00:03:55 → 00:03:58 >> เอ่อณวันนั้นผมก็คิดแบบนั้นครับเพราะว่า
00:03:58 → 00:04:01 แอลกอฮอล์เนี่ยมันถูกมองว่าเป็น social
00:04:01 → 00:04:04 rubricant นะครับก็คือมันเป็นสิ่งที่ทำ
00:04:04 → 00:04:07 ให้ผ่อนผ่อนคล้ายมากขึ้นกล้าแสดงออกมาก
00:04:07 → 00:04:07 ขึ้น
00:04:07 → 00:04:08 >> อื
00:04:08 → 00:04:12 >> แต่ในยุคสมัยใหม่เนี่ยเอ่อคนเนี่ยเจนซี
00:04:12 → 00:04:15 เนี่ยเขามีการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
00:04:15 → 00:04:17 กล้าแสดงออกมากขึ้นอยู่แล้ว
00:04:17 → 00:04:19 >> นะครับบางคนเลือกที่จะไม่ดืบเพราะว่าเขา
00:04:19 → 00:04:21 เห็นเหมือน Generation ก่อนหน้าเขาอ่ะ
00:04:21 → 00:04:23 ครับเริ่มป่วยออดแอดๆ
00:04:23 → 00:04:24 >> อืเพราะแอลกอฮอล์ใช่มั้
00:04:24 → 00:04:27 >> เพราะแอลกอฮอล์ที่เขาเคยดื่มเคยเที่ยวยุค
00:04:27 → 00:04:30 90 อะไรอย่างี้ก็มีบ้างเาก็เลยมีความรู้
00:04:31 → 00:04:33 สึกว่าเอ๊ะไม่ดื่มดีกว่า
00:04:33 → 00:04:35 >> เออเมื่อกี้พูดมาน่าสนใจคือพฤติกรรมการ
00:04:35 → 00:04:39 ใช้ชีวิตการเข้าสังคมกึดหรือตัวเขาเอง
00:04:39 → 00:04:42 เนาะเจนซีเขาจะมีความกล้าแสดงออกโดยที่จะ
00:04:42 → 00:04:44 ฉันไม่เห็นต้องพึ่งแอลกอฮอล์ให้ฉันเพื่อ
00:04:44 → 00:04:47 กล้าขึ้นเลยอะไรใช่มั้ยใช่ใช่
00:04:47 → 00:04:49 >> เพราะว่าเราก็จะได้เห็นนะครับว่าสมัยก่อน
00:04:49 → 00:04:51 เนี้ยถ้าเป็นรุ่นเราๆเนี่ยถ่ายคลิปตอน
00:04:51 → 00:04:53 เพื่อนเมามันเป็นเรื่องสนุกสนาน
00:04:53 → 00:04:56 >> แต่ในยุคนี้ลองดูสิครับ
00:04:56 → 00:04:57 >> มันเป็นอีกเรื่องนึงดีมากเลย
00:04:57 → 00:05:00 >> เออใช่ๆแล้วก็เลยนึกขึ้นได้ว่าเออมันมี
00:05:00 → 00:05:03 หลายอย่างเนาะเช่นแบบเรานอกจาก socializ
00:05:03 → 00:05:07 เนาะมันมีเรื่องของทำให้เรากล้าขึ้นในการ
00:05:07 → 00:05:10 ทำอะไรบางอย่างสมมุติแบบบางคนเพื่อนฝาก
00:05:10 → 00:05:14 เพื่อนฝากมาบอกจริงๆไม่ใช่ผมเองแล้วคือ
00:05:14 → 00:05:18 บางทีเราต้องการแอลกอฮอล์นิดนึงในการพูด
00:05:18 → 00:05:21 ต่อหน้าคนทั่วไปขึ้นเวทีออกมาพูดอะไร
00:05:21 → 00:05:25 อย่างงี้ดื่นซะหน่อยให้มันแบบรู้สึก
00:05:25 → 00:05:28 เปลี่ยนสภาวะในหัวครับแล้วก็พูดกล้ากล้า
00:05:28 → 00:05:32 พูดมากขึ้นหรือเอ่อพูดพูดภาษาอังกฤษนี่
00:05:32 → 00:05:35 ใช่เลยเมื่อก่อนนี้แบบ
00:05:35 → 00:05:38 มีฝรั่งมานี่แบบโอ้โหจะไม่กล้าพูดพูดไป
00:05:38 → 00:05:40 เลยเมาเมื่อไหร่นี้แบบว่าเอ๊ะเกิดที่ไหน
00:05:40 → 00:05:44 วะเออมันเป็นเรื่องนั้นแต่มันก็มีเอ่อ
00:05:44 → 00:05:47 ส่วนนึงที่เวลาเราดื่มแล้วไปพูดจริงๆเเรา
00:05:47 → 00:05:49 กล้าแต่ในขณะเดียวกันมันจะมีช่วงจังหวะ
00:05:49 → 00:05:51 ที่ลืมอ
00:05:51 → 00:05:51 >> เออ
00:05:52 → 00:05:54 >> ลืม Information หรือบางอย่างเนี่ยมันจะ
00:05:54 → 00:05:55 เป็นแจบหายไป
00:05:55 → 00:05:57 >> เออใช่ถูกมั้ครับเลยป้ายเนาะ
00:05:57 → 00:06:00 >> ใช่แต่ถ้าเรามีฝึกฝีมือ Improvis มาสัก
00:06:00 → 00:06:02 ระยะนึงแล้วเนี่ยก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่า
00:06:02 → 00:06:02 ไหร่อ
00:06:02 → 00:06:05 >> และอีกอย่างนึงก็เอ่อเมืองไทยอ่ะครับจริง
00:06:05 → 00:06:07 ๆแล้วไม่ใช่แค่เมืองไทยหรอกผมว่าทั่วโลก
00:06:07 → 00:06:08 อ่ะมันเป็นเหมือน Social Manor
00:06:08 → 00:06:09 >> อือ
00:06:09 → 00:06:09 >> นะครับ
00:06:09 → 00:06:12 >> การดื่มเพื่อเข้าสังคมเนี่ยมันก็เลยกลาย
00:06:12 → 00:06:14 มันมีสำนวนนึงอ่ะที่เขา้าเรียกว่า Jump
00:06:14 → 00:06:17 on the bandwagon ก็คือคนจะนิยมทำตาม
00:06:17 → 00:06:20 กระแสเฮ้ไป socializ นะต้องมีเครื่องดื่ม
00:06:20 → 00:06:21 ติดไม้ติดมือ
00:06:21 → 00:06:22 >> เออ
00:06:22 → 00:06:24 >> ถูกมั้ครับแต่ว่าคนที่ไม่ดื่มอย่างเรา
00:06:24 → 00:06:25 เนี่ย
00:06:25 → 00:06:28 >> หรือดื่มไม่ได้แล้วเนี่ยเราก็ต้องคิดอีก
00:06:28 → 00:06:30 รูปแบบนึงเราต้องมี mindset อีกแบบนึง
00:06:30 → 00:06:32 perception อีกแบบนึงว่าเฮ้ยถ้าดื่ม
00:06:32 → 00:06:35 เนี่ยเนี่ยจะเสี่ยงหรอถูกมั้ยครับดังนั้น
00:06:35 → 00:06:37 เนี่ยเราก็เลยเลือกที่จะไม่ดื่มเลยแต่พอ
00:06:37 → 00:06:39 เราไม่ดื่มแล้วเนี่ยสิ่งที่เราจะเจอเรา
00:06:39 → 00:06:42 เจออะไรบ้างไม่ว่าจะเป็น Soft Drink
00:06:42 → 00:06:45 Mocktail หรือว่าเอ่อเครื่องดื่มต่างๆ
00:06:45 → 00:06:48 ที่เรามีความรู้สึกว่ามันก็ยังไม่ enjoy
00:06:48 → 00:06:49 เท่ากับเค้าเรียกว่ามันไม่มีรสชาติของ
00:06:50 → 00:06:51 ความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในเครื่องดื่มนั้นๆ
00:06:51 → 00:06:54 >> เอ่อน่าสนใจคำนี้นะรสชาติของความเป็นผู้
00:06:54 → 00:06:54 ใหญ่
00:06:54 → 00:06:56 >> ครับรสชาติของความเป็นผู้ใหญ่ในมุมมองผม
00:06:56 → 00:06:59 เนาะจากประสบการณ์ที่เราเป็นเมเกอร์มา
00:06:59 → 00:07:03 เนี่ยเราไปศึกษาต่อไปดูว่าต่างประเทศเค้า
00:07:03 → 00:07:05 ทำยังไงบ้างเค้า socializ แบบ non
00:07:05 → 00:07:08 alcooอฮอลิยังไงบ้างเราก็เลยได้เห็น
00:07:08 → 00:07:11 โปรดักต่างๆนานาของเขานะครับซึ่งรสชาติ
00:07:11 → 00:07:13 หลายๆรสชาติเนี่ยที่บอกว่าเป็นรสชาติของ
00:07:13 → 00:07:16 ผู้ใหญ่เนี่ยผมมองอยู่ 5 รสชาติแล้วกัน
00:07:16 → 00:07:18 อ้ามีรสชาติของความขม
00:07:18 → 00:07:19 >> อื
00:07:19 → 00:07:23 >> ความฝาดความเปรี้ยวความหมักดอง
00:07:23 → 00:07:24 >> อื
00:07:24 → 00:07:26 >> และความเผ็ดซึ่งถูกเรียกอีกอย่างนึงว่า
00:07:26 → 00:07:27 Burning Sensation
00:07:27 → 00:07:29 >> เป็นเรื่องความรู้สึกอือ
00:07:29 → 00:07:31 >> ใช่ครับผมเวลาเราดื่มแอลกอฮอล์สมัยก่อน
00:07:31 → 00:07:32 เราจะรู้สึกว่ามันร้อนลงไป
00:07:32 → 00:07:33 >> ครับ
00:07:33 → 00:07:36 >> ซึ่งมันก็มีสิ่งบางอย่างที่สามารถใช้ใน
00:07:36 → 00:07:40 การผลิตออกมาแล้วกันแล้วทำให้เกิด Burning
00:07:40 → 00:07:42 Sensation นั้นได้เช่นพวกตระกูลพลิกต่าง
00:07:42 → 00:07:43 ๆ
00:07:43 → 00:07:43 >> อื
00:07:43 → 00:07:44 >> Mental
00:07:44 → 00:07:45 >> อ่าฮะ
00:07:45 → 00:07:45 >> อ่า
00:07:45 → 00:07:50 >> อืก็คือเหมือนเรามีรู้ว่าแอลกอฮอล์จริงๆ
00:07:50 → 00:07:52 แล้วมันมีเซนส์ของอะไรบ้าง
00:07:52 → 00:07:52 >> ค่ะ
00:07:52 → 00:07:55 >> เราก็ทำเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ให้มีเซ้น
00:07:55 → 00:07:55 ที่ใกล้เคียงกัน
00:07:55 → 00:07:59 >> ใช่ครับทีนี้มันมีคำถามว่าเอ้ยคนกินเหล้า
00:07:59 → 00:08:02 ก็คือกินเหล้าครับมันมันมีเรื่องของเอ่อ
00:08:02 → 00:08:05 รสชาติความรู้สึกจากการที่ได้เล่าเข้าไป
00:08:05 → 00:08:08 แล้วมีการแบบเปลี่ยนสภาวะบางอย่างของ
00:08:08 → 00:08:09 อแลนด์เป็น
00:08:09 → 00:08:13 >> ใช่เราจะกินถ้าเราอยากจะกินเหล้าเราก็กิน
00:08:13 → 00:08:14 เหล้าสิเราจะไปกินเครื่องดื่มนอน
00:08:14 → 00:08:16 แอลกอฮอล์ไปทำไมที่มันเหมือนเหล้า
00:08:16 → 00:08:19 >> ครับเอ่อคำถามนี้ผมเจอมาตลอด
00:08:19 → 00:08:22 >> ตั้งแต่เจนนี่ของผม 6 ปีที่ผ่านมา
00:08:22 → 00:08:24 >> ผมต้องบอกก่อนเลยว่าการทำเครื่องดื่มนอน
00:08:24 → 00:08:28 แอลกอฮอล์เนี่ยเราเป้าหมายหรือว่า target
00:08:28 → 00:08:29 หลักของเรา target audience หลักของเรา
00:08:29 → 00:08:32 คือ Non drinker Non drinker
00:08:32 → 00:08:33 >> คือคนไม่ดื่มดื่ม
00:08:33 → 00:08:35 >> ไม่ดื่มอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ
00:08:35 → 00:08:37 เลือกที่จะไม่ดื่มตั้งแต่แรก
00:08:37 → 00:08:39 >> เรื่องของศาสนาเออฮะ
00:08:39 → 00:08:43 >> เรื่องของสุขภาพร่างกายนะครับมันจะวนกลับ
00:08:43 → 00:08:45 มาครับเพราะว่าตั้งแต่เด็กตอนเราเกิดมา
00:08:45 → 00:08:46 เราก็ไม่ดื่ม
00:08:46 → 00:08:49 >> วัยรุ่นเออโตขึ้นมาหน่อยเราก็ยังดื่มไม่
00:08:49 → 00:08:51 ได้พอเป็นวัยรุ่นเราทดลอง
00:08:51 → 00:08:51 >> อื
00:08:51 → 00:08:55 >> ถูกมั้ยครับเสร็จปุ๊บเราก็มีการสังคมใน
00:08:55 → 00:08:59 ช่วงของวัยเรียนวัยทำงาน Middle Age พอ
00:08:59 → 00:09:02 เริ่มแก่ตัวลงมันจะวนหลู่กลับมาครับดึง
00:09:02 → 00:09:02 น้อยลง
00:09:02 → 00:09:03 >> อือ
00:09:03 → 00:09:06 >> เริ่มมีอายุหรือมีสภาวะร่างกายที่ไม่ดี
00:09:06 → 00:09:08 ขึ้นเอ้ยเค้าเรียกว่าไม่เค้าเรียกว่าไม่
00:09:08 → 00:09:09 ดีละ
00:09:09 → 00:09:11 >> ครับหมอก็สั่งเลิกละมันก็ย้อนกลับมาที่
00:09:11 → 00:09:14 เดิมครับคือไม่ดื่มดังนั้นเนี่ยผมมองว่า
00:09:14 → 00:09:16 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเอ่อเป้าหมายเนี่ยตอน
00:09:16 → 00:09:18 เนี้ยครับคำว่า sober curious
00:09:18 → 00:09:20 >> อื Sober Curious
00:09:20 → 00:09:22 >> ครับผม Sober Curious เนี่ยมันคือการมอง
00:09:22 → 00:09:25 relationship ใหม่ของการดื่มเราไม่ได้
00:09:25 → 00:09:27 แปลว่าคุณต้องเลิกดื่มนะ
00:09:27 → 00:09:27 >> อื
00:09:27 → 00:09:30 >> แต่คนเขาจะดูว่าอ้าวันนี้ดื่มดื่มดีมั้ย
00:09:30 → 00:09:33 หรือวันนี้ไม่ดื่มพรุ่งนี้ยังไงดีไม่อยาก
00:09:33 → 00:09:37 แฮงก็ไม่ดื่มหรือดื่มมากดื่มน้อย
00:09:37 → 00:09:40 >> มันไม่มีการมุมมองที่เรียกว่าอ้าวไม่ดื่ม
00:09:40 → 00:09:42 หรออ่อน
00:09:42 → 00:09:44 >> ไม่มีแล้วนะครับยุคนี้มันเริ่มไม่มีะคน
00:09:44 → 00:09:45 respect กันมากขึ้น
00:09:45 → 00:09:46 >> อื
00:09:46 → 00:09:49 >> นะครับในการโซเชียลหรือในการไปเรียกว่าไป
00:09:49 → 00:09:51 สังสรรค์ด้วยกันนะครับ
00:09:51 → 00:09:54 >> มันเลยทำให้เห็นว่าโอเคมันจะมีคำว่า sober
00:09:54 → 00:09:56 ใช่มั้ยครับกับber curious ครับ
00:09:56 → 00:09:59 >> Sober เนี่ยถ้าเราพูดคำง่ายๆอธิบายง่ายๆ
00:09:59 → 00:10:01 ก็คือ what you walk away from นะ
00:10:01 → 00:10:04 ครับไม่ว่าจะเอฟเฟคการเมาหรืออะไรก็ตาม
00:10:04 → 00:10:06 แต่นะครับถ้าเราพูดถึงเรื่องของเครื่อง
00:10:06 → 00:10:09 ดื่มอยู่คนก็ไม่อยากจะเค้าเรียกว่าเลิก
00:10:10 → 00:10:12 ดื่มเพราะว่าเคยรู้สึกว่าตัวเองเริ่มติด
00:10:12 → 00:10:13 และ
00:10:13 → 00:10:15 >> อืเจะเดินถอยห่ามาก
00:10:15 → 00:10:17 >> ใช่ครับแต่ Sober Curious เนี่ยคือ What
00:10:17 → 00:10:19 you are waking up to
00:10:19 → 00:10:20 >> ซึ่งมันต่างกันใช่มั้
00:10:20 → 00:10:23 >> มันตมันต่างกันก็คืออันนึงเนี่ยเราเดิน
00:10:23 → 00:10:25 ออกมาจากพฤติกรรมที่เราไม่ชอบ
00:10:25 → 00:10:27 >> แต่อีกอันนึงเรากำลังจะตื่นขึ้นมาหา
00:10:27 → 00:10:30 พฤติกรรมใหม่ๆที่รู้สึกว่ามัน mindful
00:10:30 → 00:10:30 มากขึ้น
00:10:30 → 00:10:31 >> ออฮะ
00:10:31 → 00:10:34 >> ครับผมมันรู้สึกว่าเอ้ยฉันดื่มสิ่งนี้นะ
00:10:34 → 00:10:38 มันก็ดีต่อสุขภาพร่างกายเรามันก็ดีต่อ
00:10:38 → 00:10:42 เอ่อชีวิตประจำวันเราที่เราไม่ต้องเวลาไป
00:10:42 → 00:10:43 1 วันเต็มๆ
00:10:43 → 00:10:45 >> กับการแฮงโอว
00:10:45 → 00:10:47 >> ซึ่งตอนเนี้ยครับเครื่องดื่มมันก็มีหลาก
00:10:47 → 00:10:48 หลายมากขึ้น
00:10:48 → 00:10:52 >> ครับคำถามของโซครับว่าโซอรเนี่ยมันมันจะ
00:10:52 → 00:10:55 รวมไปถึงเอ่อเครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่มาทด
00:10:55 → 00:10:59 แทนหมดเลยมน้ำเปล่าก็ได้โซดาก็ได้หรือ
00:10:59 → 00:11:01 อะไรก็ตามที่มันเป็นเครื่องดืด
00:11:01 → 00:11:03 >> ถามว่าได้มั้ครับได้ครับเพราะในยุคสมัย
00:11:03 → 00:11:05 นี้อย่างที่บอกครับว่ายังไงน้ำเปล่าก็ดี
00:11:05 → 00:11:09 ต่อร่างกายเราเราแล้วทีเนี้ยในคำว่า Sober
00:11:09 → 00:11:12 Curious อ่ะครับคือคนเนี่ยตั้งใจที่จะ
00:11:12 → 00:11:14 เริ่มต้นอะไรใหม่ๆหรือหาอะไรที่มัน
00:11:14 → 00:11:16 mindful มากขึ้นน่ะนั่นแปลว่าเครื่อง
00:11:16 → 00:11:19 ดื่มทุกชนิดที่เขารู้สึกว่าไม่มีเอฟเฟค
00:11:19 → 00:11:22 ต่อร่างกายแม้กระทั่งพวกกลุ่มโซดาแล้วกัน
00:11:22 → 00:11:22 >> อือ
00:11:22 → 00:11:24 >> กลุ่มโซดาในยุคเนี้ยของต่างประเทศเนี่ย
00:11:25 → 00:11:27 เขาจะเริ่มใช้พวกเฮิ
00:11:27 → 00:11:30 พวกสั้งทั้งหลายมาทำแล้วเขาเรียกกันว่า
00:11:30 → 00:11:32 พวกเรียกว่าadดaptogenic
00:11:32 → 00:11:35 >> นะครับเครื่องดื่มที่ทำให้ผ่อนคลายมาก
00:11:35 → 00:11:38 ขึ้นนะครับโดยด้วยฤทธิ์ของสมุนไพรต่างๆนะ
00:11:38 → 00:11:41 ครับก็คืออย่างเช่นคามูไมอะไรพวกเนี้ย
00:11:41 → 00:11:43 เห็นมั้ยครับมันก็จะมีฤทธิ์ของการทำให้
00:11:43 → 00:11:47 เราผ่อนคลายมากขึ้นนะครับชานะครับเขาก็
00:11:47 → 00:11:49 เริ่มทำพวก Sparkling te ออกมา
00:11:49 → 00:11:49 >> อือ
00:11:49 → 00:11:52 >> เราจะเริ่มเห็นได้เลยว่าในวงการเครื่อง
00:11:52 → 00:11:55 ดื่มเนี่ยมันจะไม่ได้มีแค่กาแฟและชาละอัน
00:11:55 → 00:11:57 นี้คือในต่างประเทศนะครับแต่ในเมืองไทย
00:11:57 → 00:12:01 ตอนเนี้ยกลุ่มกาแฟและชาก็ยังถือว่าเป็น
00:12:01 → 00:12:04 เครื่องดื่มที่สามารถผ่อนคลายได้ไม่ว่าจะ
00:12:04 → 00:12:06 เรื่องของอโรม่าของมันหรืออะไรทั้งหลาย
00:12:06 → 00:12:08 แหล่นะครับแต่เพียงแค่ว่าของเขามันไปอีก
00:12:08 → 00:12:11 สเต็ปนึงที่เรียกว่าตอนเนี้ยมันเป็น Third
00:12:11 → 00:12:12 Wave ละ
00:12:12 → 00:12:12 >> อื
00:12:12 → 00:12:14 >> ของในเมืองนอก
00:12:14 → 00:12:15 >> ทำอะไรกันบ้างครับ
00:12:15 → 00:12:18 >> ครับ First Wave ก็คือการ imitate หรือ
00:12:18 → 00:12:20 การสร้างรสชาติให้คล้ายคลึง
00:12:20 → 00:12:20 >> กับแอลกอฮอล์
00:12:20 → 00:12:23 >> กับแอลกอฮอล์ที่มันมีอยู่ในโลกใบนี้เช่น
00:12:23 → 00:12:26 ไววิสกี้จินพวกเนี้ยเขาสร้างรสชาติให้
00:12:26 → 00:12:30 คล้ายโดยการอาจจะเป็นalcohฮอไรizเอา
00:12:30 → 00:12:33 แอลกอฮอล์ออกหรือการใช้วัตถุดิบที่คล้าย
00:12:33 → 00:12:36 คลึงกันมาทำเป็นกลุ่มไฮโดรโซล
00:12:36 → 00:12:39 คืออะไรครับเรียกว่าเหมือนใช้
00:12:39 → 00:12:41 >> การกลั่นครับแต่กลั่นด้วยน้ำเปล่า
00:12:41 → 00:12:42 >> อ๋อ
00:12:42 → 00:12:44 >> อ่ามันก็จะมีรสชาติน้อยแต่มีกลิ่น
00:12:45 → 00:12:47 >> จากปกติมันจะกลั่นโดยอัลโกใช่มั้ใช่เป็น
00:12:47 → 00:12:48 การหมักแล้วก็กลั่น
00:12:48 → 00:12:49 >> ใช่
00:12:49 → 00:12:51 >> อันนี้ก็คือเขาจะกลั่นโดยการ infuse มาก
00:12:51 → 00:12:54 กว่าที่จะไป ferment อันนั้นคือ
00:12:54 → 00:12:55 First Wave
00:12:55 → 00:12:58 >> ครับส่วน Second Wave ครับมันคือ utilize
00:12:58 → 00:13:01 utility ก็คือการเอาของพวกนั้นน่ะมา
00:13:01 → 00:13:03 สร้างให้เป็นค็อกเทลหรือสร้างให้มันมีรส
00:13:03 → 00:13:06 ชาติคอกเทลคล้ายๆ
00:13:06 → 00:13:06 >> ตัวคอกเทล
00:13:07 → 00:13:07 >> คลาสสิค
00:13:07 → 00:13:08 >> อืคลาสสิคคอกเทล
00:13:08 → 00:13:09 >> ใช่ครับผม
00:13:09 → 00:13:12 >> ส่วน Third Wave ตอนเนี้ยมันคือ Creation
00:13:12 → 00:13:13 Inspo creation
00:13:13 → 00:13:13 >> อือฮึ
00:13:13 → 00:13:16 >> Inspoke Creation คืออะไรเาเริ่มไม่สน
00:13:16 → 00:13:19 ใจและว่ามันจะต้องเหมือนสิ่งที่เคยเกิด
00:13:19 → 00:13:22 ขึ้นมาอย่างต่างประเทศอ่ะครับที่ผมบอกอ่ะ
00:13:22 → 00:13:25 ครับว่าผมได้ไปที่เอ่อCopenhagเกenแต่ผม
00:13:25 → 00:13:28 ก็ไป socializ กับกลุ่มคนที่เราไป meet
00:13:28 → 00:13:30 and greet กันอย่าเงี้ยเราก็กังวลว่า
00:13:30 → 00:13:34 เอ๊ะเราไม่ดื่มเนี่ยเราจะเป็นยังไงเราจะ
00:13:34 → 00:13:36 เข้ากับเค้าได้มั้ยเราจะทำให้เค้า boring
00:13:36 → 00:13:39 มั้ยอะไรอย่างเงี้ยจริงๆแล้วไม่เลยเค้าพา
00:13:39 → 00:13:42 ไปที่โต๊ะแล้วก็มันจะมี 2 โต๊ะที่อันนึง
00:13:42 → 00:13:45 เป็นไวนที่เป็นแอลกอฮอล์ส่วนอีกอันนึงอ่ะ
00:13:45 → 00:13:47 เป็นไวนที่ไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งเขาเรียกกัน
00:13:47 → 00:13:49 ว่า Y alternative
00:13:49 → 00:13:49 >> อือ
00:13:49 → 00:13:52 >> ตรงนั้นนะครับ 90% คือคอมบูฉา
00:13:52 → 00:13:53 >> อ๋อครับ
00:13:53 → 00:13:58 >> แล้วในนั้นก็มีคอมบูชะที่เป็นเอ่อคอมบูชะ
00:13:58 → 00:14:02 ทั่วไปกับคอมบูชะที่ถูกใส่ขวดไวายเพราะ
00:14:03 → 00:14:03 >> อื
00:14:03 → 00:14:06 >> เา้ามองว่าเวลาเขาจะต้องโตอ่ะครับกับ
00:14:06 → 00:14:08 business growth เนี่ย
00:14:08 → 00:14:10 >> มันจะต้องสามารถ deliver ไปสถานที่ต่างๆ
00:14:10 → 00:14:11 ได้
00:14:11 → 00:14:13 >> เพราะอะไรนะครับหมายถึงว่าปกติมัน
00:14:13 → 00:14:15 >> เพราะถ้ามัน ferment เป็นแบบธรรมดา
00:14:15 → 00:14:15 >> ครับ
00:14:15 → 00:14:17 >> โดยปกติแล้วเนี่ยถ้าเราเก็บไม่ดีเนี่ยมัน
00:14:17 → 00:14:19 ก็มีการตูมตามบ้าง
00:14:19 → 00:14:21 >> นะครับมันเฟร์นต่อ
00:14:21 → 00:14:24 >> แต่ว่ามันมีหลายๆบริษัทหรือหลายๆแบรนด์
00:14:24 → 00:14:26 ของต่างประเทศอ่ะครับเค้าใช้วิธีการ
00:14:26 → 00:14:27 pasuriz เลย
00:14:27 → 00:14:28 >> อือๆ
00:14:28 → 00:14:32 >> ใช่แต่เขาแค่มีความรู้สึกว่า benefit ของ
00:14:32 → 00:14:34 สิ่งที่อยู่ในนั้นมันก็ยังมีครับอาจจะไม่
00:14:34 → 00:14:35 มีโปรโบติ
00:14:36 → 00:14:36 >> อื
00:14:36 → 00:14:38 >> แต่มันก็ยังมี Herbal benefit อยู่
00:14:38 → 00:14:39 >> เออครับ
00:14:39 → 00:14:40 >> ครับผม
00:14:40 → 00:14:43 >> ซึ่งการดื่มหรือชิมอะไรพวกนี้ที่เป็น Wine
00:14:43 → 00:14:46 alternative เนี่ยมันจะทานคู่กับอาหาร
00:14:46 → 00:14:49 หรือพยายามจับ Complexity ใน layer ของ
00:14:49 → 00:14:51 เครื่องดื่มถูกมั้ครับ
00:14:51 → 00:14:53 >> ดังนั้นเนี่ยการที่เขาทำเป็น alternative
00:14:53 → 00:14:56 โดยใช้ Herb หรือ Spice เนี่ยมันก็สร้าง
00:14:56 → 00:14:58 Layer แปลกๆใหม่ๆได้เหมือนกัน
00:14:58 → 00:15:01 >> อในการแพingกับอาหารเนาะใช่มครับ
00:15:01 → 00:15:04 >> ใช่เมื่อกี้เราเมื่อกี้คุณโอ๊คบอกผมไม่
00:15:04 → 00:15:07 เข้าใจว่าMTทลมันเป็นเฟแรกซะอีกนะปรากฏ
00:15:07 → 00:15:10 ว่าจริงๆแล้วการทำเอ่อเครื่องดื่มเลนส์
00:15:10 → 00:15:12 แบบแอลกอฮอล์เนี่ยมันมาก่อน
00:15:12 → 00:15:14 >> เอ่อ MT อ่ะครับมันเป็นเครื่องดื่ม
00:15:14 → 00:15:16 แอลกอฮอล์ก็จริงแต่มันยังไม่ได้อยู่ใน
00:15:16 → 00:15:18 Wave ของ Sober Curious Wave
00:15:18 → 00:15:19 >> เออ
00:15:19 → 00:15:21 >> Sober Curious Wave มันเกิดขึ้นหลัง
00:15:21 → 00:15:23 จาก COVID Pandemic อ่ะครับ
00:15:23 → 00:15:23 >> ครับ
00:15:23 → 00:15:26 >> เพราะว่าบางประเทศเค้าแบนแอลกอฮอล์
00:15:26 → 00:15:26 >> อื
00:15:26 → 00:15:30 >> ในช่วงเวลานั้นนั่นแปลว่าผู้ผลิตก็ไม่
00:15:30 → 00:15:31 สามารถผลิตได้
00:15:31 → 00:15:32 >> อื
00:15:32 → 00:15:34 >> สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือบางผู้ผลิตบางคนเ้า
00:15:34 → 00:15:37 ไม่ยอมแพ้ครับเก็มีความรู้สึกว่าโอเคฉัน
00:15:37 → 00:15:40 ผลิตไม่ได้ฉันลองเอาสิ่งที่ฉันมีอยู่ใน
00:15:40 → 00:15:42 สวนของเราเนี่ย botanical guarden ของ
00:15:42 → 00:15:43 เขามาลองกลั่นดู
00:15:43 → 00:15:46 >> นะครับเขาก็เลยทำให้เกิด non แอลกอฮอล์
00:15:46 → 00:15:49 ขึ้นมาแล้วเขามีความเชื่อว่าการดื่มพวก
00:15:49 → 00:15:51 เนี้ยมันก็ให้benฟิกับร่างกายด้วย
00:15:51 → 00:15:52 >> อื
00:15:52 → 00:15:55 >> ใช่ครับผมนั่นคือจุดเริ่มต้น
00:15:55 → 00:15:57 [เพลง]
00:15:57 → 00:16:00 >> ถ้าให้เล่าในเว็บแรกของของเอ่อสิ่งที่
00:16:01 → 00:16:03 เป็นเบอร์นะครับแถบที่บอกว่าเป็นเครื่อง
00:16:03 → 00:16:06 ดื่มทดทดแทนทำเลียนแบบให้เหมือนคล้ายกัน
00:16:06 → 00:16:09 เนี่ยอันเนี้ในบ้านเรามันมีเคยมีคนทำสิ่ง
00:16:09 → 00:16:11 นี้มาก่อนมั้ยฮะในเวฟแรก
00:16:11 → 00:16:15 >> ในเวฟแรกหรอครับถ้าพูดถึงตอนนี้เริ่มมีดี
00:16:15 → 00:16:15 กว่าตอนนี้เริ่ม
00:16:15 → 00:16:18 >> ตอนนี้เริ่มมีแต่ก่อนหน้านั้นน่าจะเป็นผม
00:16:18 → 00:16:19 อยู่คนเดียวนี่แหละครับ
00:16:19 → 00:16:19 >> อ
00:16:19 → 00:16:22 >> ใช่เท่าที่ที่ดูแล้วก็
00:16:22 → 00:16:25 >> เคยเคยมีบางคนที่ทำบางกลุ่มนะครับที่ทำ
00:16:25 → 00:16:28 ออกมาแล้วผมชื่นชอบมากเลยก็จะเป็นกลุ่ม
00:16:28 → 00:16:33 ที่ทำพวกเอ่อโทนิคบ้างหรือว่าฟโซดาที่ทำ
00:16:33 → 00:16:36 มาจากพวกสมุนไพรหรืออะไรต่างๆที่ผมได้ชิม
00:16:36 → 00:16:39 มาถ้าจำไม่ผิดของเestแลนด์นะครับจะมีอยู่
00:16:39 → 00:16:41 ช่วงนึงที่เขาทำออกมาแล้วผมมีความรู้สึก
00:16:41 → 00:16:42 ว่าเอ้ยน่าสนใจ
00:16:42 → 00:16:42 >> อ
00:16:42 → 00:16:46 >> แม้กระทั่งของเอ่อคอมบูชะที่ทำออกมาให้
00:16:46 → 00:16:49 แหวกแนวก็คือของ Tre Gold Brewery
00:16:49 → 00:16:49 อย่างเงี้ยครับ
00:16:49 → 00:16:52 >> เขาก็จะทำแบบ SPA ออกมาบ้าง
00:16:52 → 00:16:55 นะครับส่วนของผมก็จะเป็นเอ่อแบรนด์โนที่
00:16:55 → 00:16:58 เราทำออกมาที่ให้เรียกว่าเป็นกลุ่มสปit
00:16:58 → 00:16:59 แล้วกันเพราะว่าตัวนี้เนาะ
00:16:59 → 00:17:01 >> ใช่ครับผมก็คือตัวเนี้ยก็จะเป็นเหมือน
00:17:01 → 00:17:03 คล้ายๆจินนะครับแต่ว่าเราไม่ได้ใช้
00:17:03 → 00:17:05 จูิเปอร์เพราะจูนิปเปอร์มันไม่ใช่ของบ้าน
00:17:05 → 00:17:06 เรา
00:17:06 → 00:17:08 >> ผมพยายามใช้พวกของที่มันเป็นของบ้านเรา
00:17:08 → 00:17:11 เช่นอันเนี้เราจะใช้เบสมาจากโหรพา
00:17:11 → 00:17:12 >> อ๋อเป็นโหรพา
00:17:12 → 00:17:12 >> ครับผม
00:17:13 → 00:17:15 >> คือทั้งหมดเนี่ยมันจะเป็นกระบวนการเดียว
00:17:15 → 00:17:17 กันกับการทำจริงมั้ฮะ
00:17:17 → 00:17:19 >> คล้ายครับต้องเรียกว่าคล้ายเพราะว่าเรา
00:17:19 → 00:17:22 เราต้องบอกอย่างี้ก่อนครับว่าในยุคเนี้ย
00:17:22 → 00:17:24 ที่เป็น inspo creation อ
00:17:24 → 00:17:26 >> คนน่ะจะใช้ cinary technic
00:17:26 → 00:17:27 >> ครับ
00:17:27 → 00:17:30 >> ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเฟ
00:17:30 → 00:17:33 >> รูปแบบของ brewer รูปแบบของ distiller
00:17:33 → 00:17:36 หรือรูปแบบของคนที่ชอบ Home Ferment
00:17:36 → 00:17:38 หรือ Wall Fermentation เนี่ยมารวบรวม
00:17:38 → 00:17:41 กันแล้วก็สร้างให้มันเกิดรสชาติที่มัน
00:17:41 → 00:17:46 >> แหวกรสชาติที่มันเอ่อ complex มี layer
00:17:46 → 00:17:49 นะครับและทำให้เขา้าสนุกกับการดื่ม
00:17:50 → 00:17:50 >> อือ
00:17:50 → 00:17:53 >> เอ่อเอ่อเวลาไปโซชียalizกับเพื่อนๆนะครับ
00:17:53 → 00:17:55 อย่างเช่นขวดนึงขวดเนี้ยของผมเนี่ยไปตั้ง
00:17:56 → 00:17:57 อยู่ในวงเนี่ยหมดก่อนเลยครับ
00:17:57 → 00:17:58 >> อ้าเหรอ
00:17:58 → 00:18:00 >> ตอนแรกเพราะทุกคนอยากลองครับ
00:18:00 → 00:18:03 >> เออมันก็น่าแปลกแต่มันก็น่าแปลกใจไงว่า
00:18:03 → 00:18:05 เฮ้ยถ้าจีนไม่มีแอลกอฮอล์มันจะรสชาติเป็น
00:18:05 → 00:18:06 ยังไงนะครับ
00:18:06 → 00:18:08 >> แล้วฟีดแบค
00:18:08 → 00:18:10 >> ของคนที่ดื่มจินอยู่แล้วมันดื่มเป็นยังไง
00:18:11 → 00:18:12 บ้าง
00:18:12 → 00:18:14 >> ต้องบอก 2 แบบครับก็คือกลุ่มที่เรียกว่า
00:18:14 → 00:18:17 เป็นจินซอมแล้วกันครับจินซอมก็คือคนที่
00:18:17 → 00:18:17 ชอบ
00:18:17 → 00:18:18 >> อื
00:18:18 → 00:18:20 >> ดื่มแล้วก็ชอบสัมผัสรสชาติ traditional
00:18:20 → 00:18:22 gin ต่างๆที่ออกมา
00:18:22 → 00:18:23 >> ครับ
00:18:23 → 00:18:26 >> แล้วก็เป็นกลุ่มที่ดื่มแอเนาะดังนั้นมัน
00:18:26 → 00:18:28 จะมีเทสโนตที่ต่างกันอยู่แล้ว
00:18:28 → 00:18:30 >> กับอีกกลุ่มนึงครับที่มีความรู้สึกว่า
00:18:30 → 00:18:32 กลุ่มที่ชอบจินของผมเนี่ยคือกลุ่มที่ชอบ
00:18:32 → 00:18:33 ชา
00:18:33 → 00:18:33 >> ชา
00:18:33 → 00:18:35 >> พวกสายชา
00:18:35 → 00:18:37 >> เพราะว่าชาเนี่ยมันมีความ complex อยู่ใน
00:18:37 → 00:18:39 ตัวมันอยู่แล้วไม่ว่าคุณจะบลูด้วยวิธีไหน
00:18:39 → 00:18:42 มันก็จะมีความแตกต่างที่มันเกิดขึ้นที
00:18:42 → 00:18:45 เนี้ยตัวเนี้ยเวลามันเอาไปผสมกับชาผสมกับ
00:18:46 → 00:18:48 โทนิคดีๆมันก็กลายเป็นเครื่องดึกที่ดีๆ
00:18:48 → 00:18:49 ได้อีกเครื่องดื่มนึงเลย
00:18:49 → 00:18:50 >> อื
00:18:50 → 00:18:52 >> ใช่ครับแล้วก็รสชาติของเขาเนี่ยมันจะไม่
00:18:52 → 00:18:55 เหมือนม็อกเทลทีเนี้ยความเป็น non
00:18:55 → 00:18:57 แอลกอฮอล์ใน Sober Curious ครับมันจะมี
00:18:57 → 00:18:59 อีกเรื่องนึงที่เข้ามาเกี่ยวข้องคืออย่าง
00:18:59 → 00:19:01 ที่ผมพูดไปเมื่อกี้ว่าเป็น mindfulness
00:19:01 → 00:19:02 หรือ wellness
00:19:02 → 00:19:03 >> อือ
00:19:03 → 00:19:06 >> ดังนั้นเครื่องดื่มพวกเนี้ยครับมันจะมี
00:19:06 → 00:19:09 น้ำตาลที่ต่ำและ low cลอี่
00:19:09 → 00:19:11 >> เออน่าสนใจเออเพราะว่าผมเจะเคยได้ยินตั้ง
00:19:11 → 00:19:15 แต่ MTEL แล้วบอกว่าถ้าให้ฉันเอ่อไม่กิน
00:19:15 → 00:19:18 แอลกอฮอล์นไปเป็นกินม็อกเทลแทนกิน
00:19:18 → 00:19:20 แอลกอฮอล์ดีกว่าเพราะว่าฉันไม่ได้อยากกิน
00:19:20 → 00:19:23 น้ำตาลเยอะขนาดนั้นอืมอันเนี้มันก็เป็น P
00:19:23 → 00:19:27 point ของคนที่ก้าวข้ามมาสู่การแบบงด
00:19:27 → 00:19:29 แอลกอฮอล์โดยการไปกินม็อกเทลเนาะ
00:19:29 → 00:19:30 >> ใช่ครับ
00:19:30 → 00:19:33 >> แต่ก็รู้สึกว่ารู้สึกเมื่อกี้ที่พูดก็คือ
00:19:33 → 00:19:34 มันมีการแก้ปัญหาเรื่องนี้กันอยู่ใช่มั้ย
00:19:34 → 00:19:36 >> ใช่ครับก็คือต้องบอกอย่างี้ครับว่าโอเค
00:19:36 → 00:19:39 ถ้าเราได้ศึกษาลึกลงไปครับแอลกอฮอล์ต่อ
00:19:39 → 00:19:43 ขวดนะครับ average แคลอรี่ต่อเอ่อต่อ 1
00:19:43 → 00:19:45 ขวดเนี่ยที่ประมาณ 1,500 กิลคลอรี
00:19:45 → 00:19:47 >> อย่างของผมเนี่ยหรือว่ากลุ่มที่ทำ non
00:19:47 → 00:19:49 alcoholic spiritit เนี่ยจะอยู่ที่
00:19:49 → 00:19:53 ประมาณ 50-300 กแคลอรี่อ
00:19:53 → 00:19:53 >> ต่อขวด
00:19:53 → 00:19:56 >> อน้อยหลายเปอร์เซ็นต์มุกมาก
00:19:56 → 00:19:56 >> ใช่ครับ
00:19:56 → 00:19:58 >> เออหลายเปอร์เซ็นต์มากแล้วต่อเซิร์ฟเนี่ย
00:19:58 → 00:20:01 มันจะทำให้ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรารู้ว่า
00:20:01 → 00:20:04 โทนิคอยู่ที่ 60 กคลอรี่ถึง 80 กคลอรี่
00:20:04 → 00:20:07 เอ่อสปITอยู่ที่ประมาณ 80 กอรีนั่นแปลว่า
00:20:07 → 00:20:09 เครื่องดื่มคุณในวันนั้นน่ะไม่เกิน 150
00:20:09 → 00:20:13 กิโลคลอรีอืไม่เกิน 200 กแคลอรี่ด้วยซ้ำ
00:20:13 → 00:20:15 แต่บางอันที่มันต่ำลงมาอีกอ่ะครับบางบาง
00:20:15 → 00:20:18 แก้วอาจจะถึงแค่ 100 กแคลอรี่หรือ 80 กรี
00:20:18 → 00:20:19 เนี่ย
00:20:19 → 00:20:19 >> อือ
00:20:19 → 00:20:21 >> มันก็ถือว่าคุณดื่มได้เรื่อยๆ
00:20:21 → 00:20:22 >> อื
00:20:22 → 00:20:24 >> ใช่คุณไม่ต้องกังวลอะไรมาก
00:20:24 → 00:20:27 >> อ่าฮะก็คือจะไม่มีเรียกว่าน้ำตาลอย่าง
00:20:27 → 00:20:28 เดียวมั้ครับหรือมันมีอื่นด้วยที่ทำให้
00:20:28 → 00:20:29 เกิด
00:20:29 → 00:20:32 >> เออๆน่าจะมีอย่างอื่นด้วยครับน่าจะมี
00:20:32 → 00:20:34 อย่างอื่นด้วยเพราะบางครั้งเนี่ยเวลาเ้า
00:20:34 → 00:20:36 ต้องเอามาเบนให้มันสมูทขึ้นเก็อาจจะต้อง
00:20:36 → 00:20:38 มีพวก imifier อะไรต่างๆ
00:20:38 → 00:20:39 >> ใช่
00:20:39 → 00:20:44 >> แต่ถ้าเป็นคนสายเอ่อจินซอหรือแบบไม่ใช่
00:20:44 → 00:20:47 จินอย่างเดียวนะผมว่าเอ่อแอลกอฮอล์ที่ถูก
00:20:47 → 00:20:49 ทำให้มันมีความคล้ายกันเนี่ยครับมันจะมี
00:20:49 → 00:20:53 เรื่องของเอ่อพอถูกเทียบว่าเป็นจินต่อจิน
00:20:53 → 00:20:55 หรือ y ต่อ y เนี่ย
00:20:55 → 00:20:57 >> เาจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะมันยังไม่ถูก
00:20:57 → 00:20:59 ต้องอะไรเนี่ยฟีดแบคเป็นยังไงบ้าง
00:20:59 → 00:21:03 >> เออจริงๆแล้วเนี่ยเรายังต้องในฐานะ
00:21:03 → 00:21:06 missionary แล้วะกันแล้วเรายังต้องจริงๆ
00:21:06 → 00:21:06 เลยใช่มั้ย
00:21:06 → 00:21:09 >> ใช่ครับมีครับก็คือพวกเราอ่ะครับ connect
00:21:09 → 00:21:11 ด้วยความที่ว่าผมอ่ะอยู่ตั้งแต่ First
00:21:11 → 00:21:13 Wave เมื่อ 6 ปีที่แล้วผมได้ connect
00:21:13 → 00:21:16 กับต่างประเทศแทบทุกแบรนด์บนโลกเลย
00:21:16 → 00:21:16 >> อ
00:21:17 → 00:21:19 >> แล้วเราก็ได้แนะนำตัวผ่านกันไปผ่านกันมา
00:21:19 → 00:21:24 แล้วก็ให้คำแนะนำกันโดยตลอดเนี่ยแล้วก็
00:21:24 → 00:21:27 มันทำให้เราเห็นครับว่ากลุ่มคนที่อาจจะ
00:21:27 → 00:21:30 ยังเข้าไม่ถึงเนี่ยยกตัวอย่างไวเป็นต้น
00:21:30 → 00:21:30 เลยอ
00:21:30 → 00:21:32 >> Y ต้องทำจากองุ่น
00:21:32 → 00:21:32 >> อือ
00:21:32 → 00:21:34 >> ถูกมั้ครับอันนั้นเรามอง Y as a
00:21:34 → 00:21:38 product แต่สำหรับผมเนี่ยพอเราเดินทางมา
00:21:38 → 00:21:40 เรื่อยๆ Journey ผมมาเรื่อยๆผมมอง Y เป็น
00:21:40 → 00:21:42 Y as a process
00:21:42 → 00:21:43 >> อื
00:21:43 → 00:21:46 >> มันต่างกันยังไงเช่นสมมุติคุณเอาสับปะรด
00:21:46 → 00:21:49 ไปมักคุณได้ pineapple หรือเรียกกันว่า
00:21:49 → 00:21:50 เทป
00:21:50 → 00:21:51 >> อื
00:21:51 → 00:21:55 >> คุณเอาชาไปหมักเรียกกันว่า TY หรือสิ่ง
00:21:55 → 00:21:57 ที่คุณเรียกอีกอย่างนึงว่าคมูชา
00:21:57 → 00:21:58 >> อือ
00:21:58 → 00:22:01 >> เห็นมั้ครับไก็เหมือนกันพอหมักไปก็กลาย
00:22:01 → 00:22:04 เป็นข้าวหมากได้เรากลายเป็นสาโทสาเกเนี่ย
00:22:04 → 00:22:07 พวกเครับมันก็สามารถเรียนรู้กันได้นะผม
00:22:07 → 00:22:09 เชื่อเพราะว่าท้ายสุดแล้วคอมพูชาก็เป็น
00:22:09 → 00:22:11 หนึ่งในสิ่งที่ผมดื่ม
00:22:11 → 00:22:14 >> มาโดยตลอดแล้วมันมีความรู้สึกว่ามัน
00:22:14 → 00:22:15 สามารถทดแทน
00:22:15 → 00:22:16 >> วาย
00:22:16 → 00:22:16 >> วายใช่
00:22:16 → 00:22:18 >> ใช่
00:22:18 → 00:22:20 >> สิ่งนี้คือที่บอกเป็น as a process
00:22:20 → 00:22:20 >> ใช่ครับ
00:22:20 → 00:22:21 >> ใช่มั้ฮะ
00:22:21 → 00:22:24 >> ใช่พอเป็นโปรเนี่ยมันจะเป็นอีกอีกเรื่อง
00:22:24 → 00:22:24 นึงแล้ว
00:22:24 → 00:22:28 >> ใช่พอเรามองไวเป็นโปรดักเนี่ยมันก็เอ่อ
00:22:28 → 00:22:30 เค้าเรียกว่าอะไรนะมันก็ต้องมององุ่นเป็น
00:22:30 → 00:22:35 หลักก่อนพันองุ่นเติบโตที่ไหนปลูกไหนอะไร
00:22:35 → 00:22:35 อย่างเงี้
00:22:35 → 00:22:38 >> แล้วทำไมถึงใช้คำว่าครับทั้งๆที่แบบมัน
00:22:38 → 00:22:41 สามารถไปเรียกเลี่ยงใช้คำอื่นได้เยอะเช่น
00:22:41 → 00:22:43 เทวาเชคอมพูสาก็ตามเนี่ย
00:22:43 → 00:22:47 >> คำว่า y ครับมันก็ยังมีสิ่งที่แฝงอยู่
00:22:47 → 00:22:50 ข้างในนั่นก็คือเวลาคน socializ อ่ะครับอ
00:22:50 → 00:22:52 >> socializ แบบซิป
00:22:52 → 00:22:53 >> ครับ
00:22:53 → 00:22:56 >> slowly คนส่วนใหญ่ก็จะชอบดื่มจากขวด y
00:22:56 → 00:22:58 เพราะขวด y 1 ขวดเนี่ยถ้าคนที่ไม่ได้มี
00:22:58 → 00:23:00 ปัญหาอะไรก็คงไม่ดื่มคนเดียว
00:23:00 → 00:23:01 >> อื
00:23:01 → 00:23:05 >> ถูกมั้ยครับ y 1 ขวด 150 ml 3 เอ้ย 750
00:23:05 → 00:23:07 ml สามารถเสิร์ฟได้ 5 เซิร์ฟนั่นแปลว่า
00:23:07 → 00:23:09 คนส่วนใหญ่เวลาเ้าดื่มกันนะครับเขาจะชอบ
00:23:09 → 00:23:10 ดื่มกำนิกลุ่ม
00:23:10 → 00:23:12 >> เราใส่ขวด y เพราะว่าเรามีความรู้สึกว่า
00:23:12 → 00:23:15 การเปิดขวด y และเทเเนี่ยมันทำและใส่ใน
00:23:15 → 00:23:18 แก้ว y เนี่ยมันก็เป็นการ socializ อีก
00:23:18 → 00:23:21 รูปแบบนึงที่มีความอยู่ในตัวแล้วกันเออ
00:23:21 → 00:23:24 แล้วมีความสนุกเพราะว่าของพวกเนี้ยมันมี
00:23:24 → 00:23:27 complexity ตั้งแต่อโรม่าและรสชาติซึ่ง
00:23:27 → 00:23:31 แก้วไวมันก็ช่วยในเรื่องของการ enhance
00:23:31 → 00:23:33 เอ่อรสชาติกับflลเวอร์อโรม่าทั้งหลาย
00:23:33 → 00:23:34 เนี่ย
00:23:34 → 00:23:34 >> อือ
00:23:34 → 00:23:35 >> ในแก้ววายนั้นอยู่แล้ว
00:23:35 → 00:23:36 >> อ
00:23:36 → 00:23:38 >> ดังนั้นผมมีความรู้สึกว่าการดื่มจากแก้ว
00:23:38 → 00:23:41 วายเนี่ยมันชวนให้สนุกมากขึ้น
00:23:41 → 00:23:41 >> อื
00:23:42 → 00:23:42 >> ใช่ครับ
00:23:42 → 00:23:46 >> อือๆไม่อาจจะไม่ใช่ตรงกลุ่มเป้าหมายกัน
00:23:46 → 00:23:48 กับคนที่ดื่มไวายเพื่อมันจะมีเรื่องของ
00:23:48 → 00:23:53 การเอ่อพูดถึงเรื่องรสชาติของyวจริงๆที่
00:23:53 → 00:23:55 ทำแต่องุ่นเนาะมันก็จะมีเรื่องความ
00:23:55 → 00:23:57 คอมเพectของมันเรื่องของปีเรื่องของ
00:23:57 → 00:24:00 >> อะไรต่างๆแต่สิ่งเนี้ยถ้าสมมุติว่าผมเป็น
00:24:00 → 00:24:05 คนที่หนึ่งเดียวในกลุ่มที่เอ่อเรียกว่า
00:24:05 → 00:24:07 ใช้กินดื่มแล้วกัน
00:24:07 → 00:24:07 >> ครับ
00:24:07 → 00:24:11 >> ผมก็สามารถจะคุยสิ่งเหล่านี้กับเขาได้มั้
00:24:11 → 00:24:13 นะเรื่องความ compact ความแตกต่าง
00:24:13 → 00:24:15 >> ถามว่าคุยได้มั้ยครับคุยคุยได้แต่สำหรับ
00:24:15 → 00:24:19 ผมมองว่าอย่างผมเนี่ยที่ศึกษาด้านวายมา
00:24:19 → 00:24:21 ก่อนเนี่ยผมบอกตรงๆเลยผมก็อีโก้สูงมาก
00:24:21 → 00:24:21 ทำไม
00:24:21 → 00:24:22 >> เออ
00:24:22 → 00:24:25 >> หนักเลยผมกำแพงอีโก้ก็ค่อนข้างสูงนะครับ
00:24:25 → 00:24:27 แต่พอเราดื่มไม่ได้เนี่ยเราจะเริ่มเห็น
00:24:27 → 00:24:29 ครับเราจะเริ่มเห็นความแตกต่างเราจะเริ่ม
00:24:29 → 00:24:33 เห็นสิ่งที่เราทำได้และไม่ได้คนที่จะอยู่
00:24:33 → 00:24:36 รอบตัวเราเนี่ยอย่างเช่นผมจะเจอคำถามมา
00:24:36 → 00:24:38 ตลอดว่าไม่มีแอลกอฮอล์แล้วจะเดืมทำไม
00:24:38 → 00:24:39 >> จริง
00:24:39 → 00:24:41 >> แต่อันนั้นน่ะต้องบอกก่อนครับว่าในช่วง
00:24:41 → 00:24:44 จังหวะที่ผมยังอยู่คาบเกี่ยวกับคนที่ดื่ม
00:24:44 → 00:24:47 อยู่มันเลยทำให้ผมเนี่ยไม่เจอกับคนที่ไม่
00:24:47 → 00:24:50 ดื่มอืมผมขอถามคำถามคุณหมีอีกทีนึงแล้ว
00:24:50 → 00:24:53 กันว่า
00:24:53 → 00:24:57 ในกรุงเทพฯเนี่ยประชากรประมาณ 10 ล้าน
00:24:57 → 00:24:59 Average คุณหมีคิดว่าคนดื่มกี่
00:24:59 → 00:25:01 เปอร์เซ็นต์ต่อคืน
00:25:01 → 00:25:03 >> หมายถึงว่ามีทั้งหมดประมาณกี่เปอร์เซ็นต์
00:25:03 → 00:25:06 ของประชากรใช่มั้ยครับผม
00:25:06 → 00:25:08 >> เออนั่นสิน่าคิดให้กี่เปอร์เซ็นต์
00:25:08 → 00:25:10 >> ซัก 15 20
00:25:10 → 00:25:12 >> นั่นน่ะครับลูกค้าผมคือ 85
00:25:12 → 00:25:15 >> อ๋อก็เป็นกลุ่มใช่ครับผมลูกค้าผมคือกลุ่ม
00:25:15 → 00:25:18 คนที่เลือกที่จะไม่ดื่มหรือเลือกที่จะ
00:25:18 → 00:25:21 ดื่มบ้างไม่ดื่มบ้างตรงนั้นแหละครับคือ
00:25:21 → 00:25:24 กลุ่มที่เราไม่เคยพาเ้าไปถึงจุดของ Sober
00:25:24 → 00:25:25 Curious
00:25:25 → 00:25:25 >> อื
00:25:25 → 00:25:27 >> เรายังพาเ้าไปจุดของม็อกเทลอยู่
00:25:27 → 00:25:28 >> ออ
00:25:28 → 00:25:30 >> เรายังพาเ้าไปอยู่ในกลุ่มของเอ้ยเครื่อง
00:25:30 → 00:25:33 ดื่มไม่มีแอลกอฮอล์แต่อร่อยนะมีความหวาน
00:25:33 → 00:25:36 มีความผลไม้แต่เราไม่เคยพาเค้ามาในจุดที่
00:25:36 → 00:25:39 เรียกว่ามีความสมี้
00:25:39 → 00:25:39 >> อื
00:25:39 → 00:25:43 >> มีความแบบเอาไปหมักในสิ่งที่สามารถหมัก
00:25:43 → 00:25:46 สมัครในถังไมโอก็ได้ควบคุมการเฟอร์มation
00:25:46 → 00:25:47 ให้ไม่เกิดแอลกอฮอล์อ
00:25:47 → 00:25:50 >> อย่างเงี้ยครับตอนนี้ก็เริ่มมีเบียร์ non
00:25:50 → 00:25:53 แอลกอฮอล์เนี่ยที่ผมได้ไปเอ่อไปพูดคุยกับ
00:25:53 → 00:25:56 คนที่เขาศึกษาด้านเบียร์เนี่ยเพิ่มขึ้นก็
00:25:56 → 00:25:59 เค้าก็เริ่มทำมาแล้วผมก็พยายามเอาเข้ามา
00:25:59 → 00:26:00 ที่ร้านอยู่
00:26:00 → 00:26:00 >> เออ
00:26:00 → 00:26:02 >> นะครับเพื่อให้คนได้มาชิมว่าเอ้ยนี่คือ
00:26:02 → 00:26:04 เบียร์นะเบียร์จริงๆที่ทำจาก process
00:26:04 → 00:26:05 เบียร์แต่ไม่มีแอลกอฮอล์
00:26:06 → 00:26:09 >> อืใช่เบียร์ 0% ที่ขายกันอยู่ทุกวันเนี่ย
00:26:09 → 00:26:11 ก็ถือว่าเป็นโซเบอร์ฮะ
00:26:11 → 00:26:11 >> โอโซเบอร์
00:26:11 → 00:26:14 >> ได้เลยใช่มั้ใช่เออใช่
00:26:14 → 00:26:16 >> คำถามนึงที่อยู่ในหัวผมเหมือนกันเพราะว่า
00:26:16 → 00:26:19 บางทีเราต้องการการเปลี่ยนแปลงทางความรู้
00:26:19 → 00:26:23 สึกหรืออารมณ์ในการเข้าสังคมนิดนึงนะสิ่ง
00:26:23 → 00:26:26 เนี้ยมันจะพัฒนาไปถึงการสร้างความเปลี่ยน
00:26:26 → 00:26:28 แปลง
00:26:28 → 00:26:30 เรียกว่าเมาแล้วกันขนาดนั้นมั้ย
00:26:30 → 00:26:34 >> คือ Sober Curious ครับมันคือฝั่งตรง
00:26:35 → 00:26:36 ข้ามของความเมา
00:26:36 → 00:26:38 >> ก็คือตรงข้ามกับแอลกอฮอล์เลยแหละ
00:26:38 → 00:26:40 >> คือเรียกว่าตรงข้ามกับความเมาดีกว่าไม่
00:26:40 → 00:26:42 ตรงข้ามกับแอลกอฮอล์เพราะว่า Sober
00:26:42 → 00:26:46 Curious เนี่ยสมมุติผมดื่มเอ่อผมไปกับ
00:26:46 → 00:26:48 เพื่อน 2 คนเพื่อนผมดื่มคอกเทล
00:26:48 → 00:26:49 >> อือ
00:26:49 → 00:26:51 >> Highบแล้วกัน
00:26:51 → 00:26:54 แต่สมัยก่อนผมต้องสั่งอะไรที่เป็น Soft
00:26:54 → 00:26:55 Drink เพราะมันไม่มีตัวเลือก
00:26:55 → 00:26:57 >> เออโค้กเป่า
00:26:57 → 00:26:59 >> ถูกมั้ครับแต่ถ้าตอนนี้ผมสามารถสั่ง
00:26:59 → 00:27:01 Whisky Highball 0% ได้เหมือนกันล่ะ
00:27:01 → 00:27:02 >> เออ
00:27:02 → 00:27:05 >> มันจะถูกเราจะรู้สึกว่าเราเป็น inclusive
00:27:05 → 00:27:07 อ่ะเราไม่ได้ถูกไลก์ออกไป
00:27:07 → 00:27:09 >> เรายังรู้สึกว่าเราดื่มกับเพื่อนเหมือน
00:27:09 → 00:27:12 คล้ายๆกันแค่คนนึงเมาและคนนึงไม่เมาอื
00:27:12 → 00:27:14 >> ดังนั้นผมถึงได้บอกเนี่ยว่ามันไม่ได้เป็น
00:27:15 → 00:27:17 ตรงข้ามนะจริงๆแล้วมันควรจะเป็นอะไรที่
00:27:17 → 00:27:20 มัน parallel ไปด้วยกันได้คือเราจะทำให้
00:27:20 → 00:27:22 อ่ะสมมุติถ้าเราดื่ม 0%
00:27:22 → 00:27:24 ยกตัวอย่างเช่นพักเที่ยง
00:27:24 → 00:27:24 >> ครับ
00:27:24 → 00:27:26 >> เรานั่งดื่มเนี่ยสมมุติคุณหมีเนี่ยนั่ง
00:27:26 → 00:27:27 ดื่มจินทนิ
00:27:27 → 00:27:28 >> ที่โต๊ะทำงานอย่างเงี้ย
00:27:28 → 00:27:29 >> อือ
00:27:29 → 00:27:33 >> มันก็ช่วยเค้าเรียกว่าช่วยให้เรารีแลกได้
00:27:33 → 00:27:33 >> เออ
00:27:33 → 00:27:36 >> มันก็ได้ของมันได้ของมัน
00:27:36 → 00:27:38 >> ถูกมั้ยครับดังนั้นผมถึงได้พยายามเอ่อ
00:27:38 → 00:27:41 อยากจะให้คนเข้าใจอ่ะว่า
00:27:41 → 00:27:44 >> คำว่า Mil เนี่ยมันคือสิ่งที่เกิดขึ้น
00:27:44 → 00:27:45 เมื่อก่อน
00:27:45 → 00:27:45 >> เออ
00:27:45 → 00:27:48 >> นะครับแต่ในยุคเนี้ยหลังจาก Sober
00:27:48 → 00:27:50 Curious เกิดขึ้นเนี่ยมันมีหลายๆอย่าง
00:27:50 → 00:27:54 ที่คนทำนะครับเช่นบางคนที่ผมเคยเจอก็มีคน
00:27:54 → 00:27:57 ที่ทำเป็นพวกแบบรูปแบบซุปละกัน
00:27:57 → 00:27:58 >> ซุปเลย
00:27:58 → 00:27:59 >> ครับซุปเลยดาชิซุปเนี่ย
00:27:59 → 00:28:00 >> อือ
00:28:00 → 00:28:03 >> แต่ถูกนำมาเบน
00:28:03 → 00:28:05 กับ water
00:28:05 → 00:28:06 >> แล้วดื่มเป็นเครื่องดื่มนี้
00:28:06 → 00:28:08 >> แล้วดื่มเป็นเครื่องดื่มครับโดยที่การที่
00:28:08 → 00:28:11 เขา้าเอาทำออกมาปุ๊บเ้าทำเป็น process
00:28:11 → 00:28:13 แล้วก็เอาแฟชออก
00:28:13 → 00:28:13 >> อือ
00:28:13 → 00:28:17 >> เนี่ยมันก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่ complex
00:28:17 → 00:28:20 คนก็รู้สึกว่าอ้ามันคืออุมามี drink
00:28:20 → 00:28:23 >> ออเออน่าสนใจนะฟังดูน่าลองดู
00:28:23 → 00:28:23 >> ครับ
00:28:24 → 00:28:26 >> ดังนั้นเนี่ยแม้กระทั่งน้ำเปล่าเนี่ยแค่
00:28:26 → 00:28:27 เอาไปสมokeนะครับ
00:28:27 → 00:28:29 >> อืแล้วเอาไปคาร์บateคุณก็จะได้ smoky
00:28:30 → 00:28:32 carารbonationหรือ smoky soda
00:28:32 → 00:28:33 >> อื
00:28:33 → 00:28:36 >> ใช่ผมเลยมองว่าจริงๆแล้วเนี่ยคนในยุคสมัย
00:28:36 → 00:28:37 ใหม่
00:28:37 → 00:28:41 >> ด้วยเทคเอ่อด้วยเทคนิคที่เขามีอยู่แล้วก็
00:28:41 → 00:28:45 เค้าอยากลองทำอะไรเนี่ยผมคิดว่าถ้าเราไม่
00:28:45 → 00:28:48 ได้ไปสร้างกรอบอะไรเนี่ยเราจะเจอเครื่อง
00:28:48 → 00:28:50 ดื่มที่แปลกใหม่เยอะขึ้นมากและเมืองไทย
00:28:50 → 00:28:54 เนี่ยต้องบอกตรงๆเลยว่ามีฝีมือเยอะนะ
00:28:54 → 00:28:57 >> เพราะโดยปกติแล้วเนี่ยน้ำโบชานิคทั้งหลาย
00:28:57 → 00:28:59 เนี่ยที่ผมไปเจอในต่างประเทศเนี่ยวัตถุ
00:28:59 → 00:29:01 ดิบไทยทั้งนั้นเลยนะวัตถุดิบเอเชียทั้ง
00:29:01 → 00:29:01 นั้นเลยอ
00:29:01 → 00:29:03 >> เราเลยมองว่าโอ้โหแม้กระทั่งฮิบิสกัส
00:29:03 → 00:29:04 เนี่ยกระเจี๊ยบเนี่ย
00:29:04 → 00:29:05 >> อือ
00:29:05 → 00:29:09 >> มันก็ถูกใช้ทุกที่grาสก็ถูกใช้ทุกที่cาฟ
00:29:09 → 00:29:12 line ก็ถูกใช้ทุกที่แต่เพียงแค่ว่าเรา
00:29:12 → 00:29:15 ไม่ได้นำมาใช้ให้มันเกิด value ในอีกรูป
00:29:15 → 00:29:16 แบบหนึ่ง
00:29:16 → 00:29:18 >> อันนี้ที่พูดนี่หมายถึงเอ่อวงการทางโลก
00:29:18 → 00:29:19 เลยใช่มั้ยครับ
00:29:19 → 00:29:21 >> เขาเอาวัตถุดิบที่มันเอฟในบ้านเราเนี่ย
00:29:21 → 00:29:22 เอามาใช้ช
00:29:22 → 00:29:25 >> ใช่ครับในเอเซียนี่แหละไม่ว่าจะเป็นทาง
00:29:25 → 00:29:29 จีนทางไทยนะครับทางมาเลอย่างสะเดามาเล
00:29:29 → 00:29:30 อะไรเงี้ยเเอาไปใช้หมดเลย
00:29:30 → 00:29:31 >> อื
00:29:31 → 00:29:31 >> ใช่
00:29:31 → 00:29:33 >> เออแต่ฟังดูแล้วอีกอันนึงก็น่าจะเป็น
00:29:33 → 00:29:37 กลุ่มเอ่อผู้นับถือมุสลิมนับถืออิสลาม
00:29:37 → 00:29:37 เนาะ
00:29:37 → 00:29:37 >> ครับผม
00:29:37 → 00:29:40 >> ที่ที่น่าจะอยู่ในวง
00:29:40 → 00:29:41 วงได้เลยใช่มั้ฮะ
00:29:41 → 00:29:42 >> มีครับ
00:29:42 → 00:29:42 >> เออ
00:29:42 → 00:29:45 >> ทีนี้เครื่องดื่มของกลุ่มนั้นคือเราก็
00:29:45 → 00:29:48 ต้องระบุให้ชัดเจนครับเพราะว่ามันจะมี 2
00:29:48 → 00:29:50 แบบแล้วกันคำว่าแอลกอฮอล์ฟฟรีกับ non
00:29:50 → 00:29:52 แอลกอฮอล์มันต่างกัน
00:29:52 → 00:29:52 >> อื
00:29:52 → 00:29:55 >> แอลกอฮอล์ฟฟรีคือการใช้แอลกอฮอล์และนำไป
00:29:55 → 00:29:58 ดีอฮอลไรiz remove
00:29:58 → 00:29:58 >> อ๋อ
00:29:58 → 00:30:01 >> ไปเหลือประมาณ 0.5 5 และน้อยกว่าครับ
00:30:01 → 00:30:05 >> นะครับส่วน non แอลกอฮอล์มันคือการทำให้
00:30:05 → 00:30:07 ตั้งแต่ของที่ไม่เกิดแอลกอฮอล์นะครับไม่
00:30:07 → 00:30:09 ว่าจะเป็นการ ferment อย่างเช่นคอมบูชะ
00:30:09 → 00:30:11 อะไรพวกเนี้ยครับเราก็ถือว่าเราต้องดู
00:30:11 → 00:30:14 intention ว่าสร้างมาเพื่ออะไร
00:30:14 → 00:30:17 >> อย่างคอมบูชามันถูกสร้างมาเพื่อให้ดีต่อ
00:30:17 → 00:30:18 สุขภาพ
00:30:18 → 00:30:20 >> ถูกมั้ครับแต่อ่าในการทำไดรซหรือ
00:30:20 → 00:30:23 botanical distillation มันก็ทำออกมา
00:30:23 → 00:30:24 เพื่อให้ดีต่อสุขภาพเหมือนกันอ
00:30:24 → 00:30:25 >> นะครับ
00:30:25 → 00:30:28 >> ในขณะที่พวกเนี้ยมันอาจจะเกิดแอลกอฮอล์
00:30:28 → 00:30:30 เล็กน้อยเช่นขนมปังอืมันก็มีนิดนึง
00:30:31 → 00:30:33 >> ใช่แต่ก็ยังทานได้เพราะว่าถือว่า
00:30:33 → 00:30:37 >> ทำมา intension เพื่อให้คนสามารถมีของ
00:30:37 → 00:30:39 เอ่อรับประทานได้และมีชีวิตอยู่ต่อได้ใช้
00:30:40 → 00:30:41 คำนี้แล้วกัน
00:30:41 → 00:30:45 >> ดังนั้นเราก็เลยมองว่าถ้าทางเอ่อศาสนา
00:30:45 → 00:30:48 เกี่ยวกับทางด้านเสื้อโทรศัพท์ความทาง
00:30:48 → 00:30:50 ด้านศาสนาเนี่ยเราอาจจะต้องระบุให้เขาชัด
00:30:50 → 00:30:52 เจนว่าตัวนี้เป็นแอลกอฮอล์ฟรีนะ
00:30:52 → 00:30:52 >> อือ
00:30:52 → 00:30:53 >> น่าจะไม่ได้
00:30:53 → 00:30:55 >> เพราะว่ามันก็มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
00:30:55 → 00:30:57 ที่ถูกดีแอลกอฮอล์ไปแล้วถูกต้องครับ
00:30:57 → 00:30:58 >> อื
00:30:58 → 00:31:01 >> ความใหม่มันก็เรียกว่ามันจะต่างกันไปเรือ
00:31:01 → 00:31:01 สิ้นเชิงเนาะ
00:31:01 → 00:31:02 >> ใช่ครับ
00:31:02 → 00:31:04 >> อยู่ที่ความตั้งใจของการทำขึ้นมา
00:31:04 → 00:31:04 >> ใช่
00:31:04 → 00:31:09 >> อื
00:31:09 → 00:31:11 >> แล้วการที่แบบคุณนกทำเรื่องโบเนี่ย
00:31:11 → 00:31:13 >> ครับ
00:31:13 → 00:31:16 >> ความตั้งใจหลักคือตั้งใจให้คนงดดื่ม
00:31:16 → 00:31:17 แอลกอฮอล์ไปเลยหรือเปล่า
00:31:17 → 00:31:19 >> ความตั้งใจหลักผมอ่ะเอาตรงๆเลยนะ
00:31:19 → 00:31:21 >> ผมแค่อยากมีที่เที่ยวกับเขาบ้าง
00:31:21 → 00:31:21 >> อื
00:31:21 → 00:31:22 >> เออเพราะมันแพ้
00:31:22 → 00:31:24 >> ไม่ใช่เพราะมันแพ้แล้วเวลาเราไปเนี่ยเรา
00:31:24 → 00:31:26 เจอแต่โค้ก
00:31:26 → 00:31:26 >> เออๆ
00:31:26 → 00:31:26 >> ๆ
00:31:26 → 00:31:29 >> เราเจอแต่ซอตริงเราเจอแต่อะไรที่แบบมัน
00:31:29 → 00:31:31 ไม่ใช่ทางเราอ่ะเรามีความรู้สึกเราก็อยาก
00:31:31 → 00:31:32 นั่งจิบ
00:31:32 → 00:31:33 >> ครับ
00:31:33 → 00:31:33 >> อื
00:31:33 → 00:31:36 >> อืคือถ่ายรูปคู่กับเพื่อนอย่างเงี้ยอ่าคน
00:31:36 → 00:31:38 ละแก้วแต่ติดกระป๋อง
00:31:38 → 00:31:39 >> อื
00:31:39 → 00:31:40 >> มันไม่ใช่และ
00:31:40 → 00:31:42 >> เราเลยมีความรู้สึกว่าเอ้ยเราอยากจะ enjoy
00:31:42 → 00:31:45 กับเค้านะเราอยากจะรู้สึกว่าเออการที่มา
00:31:45 → 00:31:47 ดื่มที่เนี่ยสมมุติคุณไปดื่มที่ไหนไปวน
00:31:47 → 00:31:49 บารผมก็มีขวดวายของผม
00:31:49 → 00:31:49 >> อื
00:31:49 → 00:31:52 >> ถ้าคุณรู้สึกว่าการดื่มของคุณ 2 แก้วแล้ว
00:31:52 → 00:31:54 รู้สึกว่ามันเริ่มเมาและ
00:31:54 → 00:31:56 >> คุณมาเบรกกับผมก็ได้
00:31:56 → 00:31:56 >> อื
00:31:56 → 00:31:57 >> แก้วที่ 3 ไม่มีแอลกอฮอล์
00:31:57 → 00:31:59 >> เออแก้วที่ 4 ไม่มีแอลกอฮอล์อ้าแก้วที่ 5
00:31:59 → 00:32:01 ค่อยไปต่อก็แล้วแต่
00:32:01 → 00:32:03 >> เนี่ยผมก็เลยมองว่าจริงๆแล้วเนี่ยมันเป็น
00:32:03 → 00:32:05 สิ่งที่ควรอยู่คู่กัน
00:32:05 → 00:32:05 >> เออ
00:32:05 → 00:32:07 >> นะครับควรอยู่คู่กันตั้งแต่แรกเพื่อที่
00:32:07 → 00:32:12 ว่ากลุ่มเพื่อนที่หายไปเนี่ยกลับมาอยู่
00:32:12 → 00:32:13 ด้วยกันได้
00:32:13 → 00:32:15 >> เออคือเราไม่ได้หลุดจากกลุ่มเพื่อนกิน
00:32:15 → 00:32:17 เหล้าด้วยแล้วด้วยกันน่ะถูกต้องครับแต่
00:32:17 → 00:32:18 ว่า
00:32:18 → 00:32:20 >> ก็เราก็อยู่ร่วมกันได้
00:32:20 → 00:32:20 >> ใช่
00:32:20 → 00:32:23 >> เค้าอาจจะลดลงมาในแกนที่ 3 แกที่ 4 อย่าง
00:32:23 → 00:32:24 ที่บอก
00:32:24 → 00:32:24 >> ใช่ครับผม
00:32:24 → 00:32:28 >> เออมันมีไอเดียนึงที่ผมเคยเจอเออตัวอย่าง
00:32:28 → 00:32:31 เมื่อปีก่อนมั้งที่เป็นแบบว่าเป็นเป็น
00:32:31 → 00:32:34 แพ็คเบียร์มี 6 กระป๋องแอลกอฮอล์จะสูงสุด
00:32:34 → 00:32:38 ที่กระป๋องแรกครับแล้วก็ค่อยๆระดับลงมาคน
00:32:38 → 00:32:41 ที่ดื่มเนี่ยก็จะดื่มไล่ไปเรื่อยๆคือผมก็
00:32:41 → 00:32:44 เออก็จริงเพราะว่าแก้วที่ 3 เอ้ยกระป๋อง
00:32:44 → 00:32:46 ที่ 3 กระป๋องที่ 4 เราก็เริ่มแบบไม่ได้
00:32:46 → 00:32:49 รู้สึกว่าต้องการแอลกอฮอล์ขนาดนั้นหรือ
00:32:49 → 00:32:50 เราก็เมาไปแล้วอะไร
00:32:50 → 00:32:52 >> ใช่ใช่เป็นการคอนโทรลด้วย
00:32:52 → 00:32:52 >> อือฮึ
00:32:52 → 00:32:55 >> ใช่เพราะว่าจริงๆแล้ว Sober Curious มัน
00:32:55 → 00:32:57 ก็มากับอีกสิ่งนึงที่เรียกว่าสติครับ
00:32:57 → 00:32:58 >> เออ
00:32:58 → 00:32:59 >> คืออย่างที่บอกครับ Sober Curious ไม่
00:32:59 → 00:33:02 ได้แปลว่าต้องกลายเป็น non แอลกอฮอล์เลย
00:33:02 → 00:33:02 >> อื
00:33:02 → 00:33:05 >> แต่ Sober Curious เนี่ยมันคือการเลือก
00:33:05 → 00:33:06 ที่จะดื่มและไม่ดื่ม
00:33:06 → 00:33:07 >> ครับ
00:33:07 → 00:33:10 >> ซะมากกว่าอืนะครับเลือกที่ให้รู้สึกว่า
00:33:10 → 00:33:12 เอ๊ะวันนี้ relationhip ของเราเนี่ยเรา
00:33:12 → 00:33:14 อยากจะดื่มแค่ไหน
00:33:15 → 00:33:15 >> อื
00:33:15 → 00:33:18 >> หรือเราไม่อยากดื่มเลยเพราะวันต่อมาเรามี
00:33:18 → 00:33:20 ภารกิจอื่นอะไรพวกนี้อ
00:33:20 → 00:33:21 >> นะครับใช่
00:33:21 → 00:33:24 >> อืเพราะฉะนั้นกลุ่มเอ่อกลุ่มวงเบียร์
00:33:25 → 00:33:26 กลุ่มโกงเหล่าสุดเบี่ยงเนี่ยอาจจะไม่ใช่
00:33:26 → 00:33:29 คนที่อยู่ในกลุ่มนี้สักเท่าไหร่
00:33:29 → 00:33:29 >> ใช่ครับ
00:33:29 → 00:33:32 >> แต่คุณเข้ามาในโลกนี้ได้อยู่นะ
00:33:32 → 00:33:34 >> เขาได้เข้ามาแน่นอนครับเพราะว่าวันนึงนี่
00:33:34 → 00:33:36 ร่างกายเขาจะฟ้องเองค่ะ
00:33:36 → 00:33:39 >> วันนึงก็จริงฮะคือทุกวันเนี้ยผมผมดื่ม
00:33:39 → 00:33:40 แอลกอฮอล์อยู่
00:33:40 → 00:33:44 >> นะแต่ว่าพยายามเว้นให้มันแบบทิ้งช่วง
00:33:44 → 00:33:46 หน่อยเพราะว่าคือไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยยก
00:33:46 → 00:33:49 เว้นวันรุ่งขึ้นมันจะรู้สึกแบบร่างกายมัน
00:33:49 → 00:33:49 ไม่สบายครับ
00:33:49 → 00:33:54 >> อืก็พยายามดื่มในเวลาที่จำเป็น
00:33:55 → 00:33:55 >> ครับ
00:33:55 → 00:33:57 >> แต่ว่าอันนั้นก็เป็นเรื่องแอลกอฮอล์เนาะ
00:33:57 → 00:33:59 อีกเรื่องนึงมันคือเรื่องเมื่อกี้ที่เรา
00:33:59 → 00:34:03 คุยกันคือเรื่องน้ำตาลนั่นแหละคือตอนเช้า
00:34:03 → 00:34:07 ผมก็ดื่มกาแฟดื่มชาแต่ช่วงบ่ายผมก็รู้สึก
00:34:07 → 00:34:10 แบบไม่ได้อยากดื่มกาแฟชาแล้วมันมีคาเฟอีน
00:34:10 → 00:34:14 อยู่เอ่อก็อย่างที่อุดบอกเลยทางเลือกมัน
00:34:14 → 00:34:16 จะมีแค่นอน non cาเฟอีน
00:34:16 → 00:34:17 >> ครับ
00:34:17 → 00:34:20 >> ก็คือซอิต่างๆก็มีน้ำตาลอยู่ดีวันนึงผมก็
00:34:20 → 00:34:25 ไปซื้อโทนิคขวดที่เขาไว้แบบผสมคักกาแฟแต่
00:34:26 → 00:34:28 ดื่มแค่โทนิคเปล่าเลยผมก็รู้สึกมันเป็น
00:34:28 → 00:34:30 อันนึงที่เป็นตัวทดแทน
00:34:30 → 00:34:33 >> จริงๆแล้วโทนิคเนี่ยคนส่วนใหญ่จะเข้าใจ
00:34:33 → 00:34:35 ว่ามันเป็นมิกอร์
00:34:35 → 00:34:36 >> ใช่ผมเข้าใจอย่างงั้น
00:34:36 → 00:34:39 >> ไม่ครับจริงๆการเริ่มต้นของโทนิคเนี่ยเขา
00:34:39 → 00:34:42 เป็นการดื่ม to go ครับก็คือเป็น ready
00:34:42 → 00:34:42 to drink
00:34:42 → 00:34:43 >> ออ
00:34:43 → 00:34:45 >> ซึ่งมันเป็นเรียกว่ามันเป็น medicine
00:34:46 → 00:34:48 แล้วกันในสมัยยุคสมัยก่อนมันเป็นสิ่งที่
00:34:48 → 00:34:51 ใช้เฮิหรือสมุนไพรต่างๆเพื่อดื่มแล้วก็
00:34:51 → 00:34:54 อย่างที่บอกครับว่าช่วยในการรักษา
00:34:54 → 00:34:55 อื
00:34:55 → 00:34:58 >> นะครับช่วยในการรักษาทางด้านเาเรียกว่า
00:34:58 → 00:35:01 ไม่ใช่แค่ร่างกายนะครับแต่มันไม่ใช่แค่
00:35:01 → 00:35:03 เรื่องสุขภาพแต่มันเรื่องของ reluxation
00:35:04 → 00:35:04 ด้วย
00:35:04 → 00:35:07 >> นะครับเนี่ยจริงๆแล้วก็เป็นสิ่งที่เกิดมา
00:35:07 → 00:35:09 จากตอนตรงนั้น
00:35:09 → 00:35:09 >> อ
00:35:09 → 00:35:12 >> แต่เพียงแค่ว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปครับ
00:35:12 → 00:35:14 เนาะอย่างเช่นอ่ะเอามือถือเป็นหลักแล้ว
00:35:14 → 00:35:15 กันเมื่อก่อนมือถือเอาไว้โทรอย่างเดียว
00:35:16 → 00:35:16 >> อ
00:35:16 → 00:35:18 >> เดี๋ยวนี้เอาไว้ถ่ายรูปก็คล้ายกันครับอ่า
00:35:18 → 00:35:20 มันก็จะ use มันก็จะเยอะขึ้นอันนี้ก็กลาย
00:35:20 → 00:35:21 เป็นmiิกเซอร์
00:35:21 → 00:35:22 >> อื
00:35:22 → 00:35:26 >> เป็นmiิกเซอร์มาระยะยาวมากๆจนกลายเป็นว่า
00:35:26 → 00:35:30 คนลืมไปแล้วว่ามันดื่มเปล่าๆเปล่าๆได้
00:35:30 → 00:35:31 แล้วมันมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว
00:35:31 → 00:35:32 >> อือ
00:35:32 → 00:35:34 >> เพราะว่าโทนิคของแต่ละแบรนด์แต่ละที่
00:35:34 → 00:35:39 เนี่ยเขาก็จะสร้างเอ่อแรคเตอร์ของตัวเอง
00:35:39 → 00:35:39 >> ครับ
00:35:39 → 00:35:42 >> ออกมาเลยซึ่งผมคิดว่า
00:35:42 → 00:35:45 >> ลองดูครับเพราะว่าพวกนี้เวลามันเทอนเอ่อ
00:35:45 → 00:35:46 on i เนี่ยก็อร่อยแล้ว
00:35:47 → 00:35:49 >> อืก็จริงฮะคือวันนั้นผมก็ดื่มตอนบ่าย
00:35:49 → 00:35:53 เพื่อความซ่าและสดชื่นเนาะก็แบบเออก็ก็
00:35:53 → 00:35:55 เป็นซื้อโทนิกมาดื่มตอนบ่ายแก็ดีนี่ไม่มี
00:35:55 → 00:35:58 ทั้งน้ำตาลแล้วมีน้ำตาลนิดหน่อยนิดหน่อย
00:35:58 → 00:36:01 >> แล้วก็แบบไม่ได้มีคาเฟอีนไม่มีกอหอก็เป็น
00:36:01 → 00:36:02 ตัวเลือกที่ดีถูกต้อง
00:36:02 → 00:36:05 >> แต่จริงๆแล้วเอ่อจริงๆต้องบอกว่าคุณโอ๊ค
00:36:05 → 00:36:08 ก็ทำร้าน
00:36:08 → 00:36:09 ที่ตรงหมู่บ้านสรรพากร
00:36:09 → 00:36:10 >> ใช่ครับผม
00:36:10 → 00:36:10 >> ชื่อว่าอะไรนะ
00:36:10 → 00:36:13 >> ผมจะมี 2 ร้านต้องบอกอย่างงี้ก่อน
00:36:13 → 00:36:16 >> จุดเริ่มต้นของผมคือ School Sober Bar
00:36:16 → 00:36:16 ครับ
00:36:16 → 00:36:17 >> นะครับ School Sober Bar ตอนนี้เปลี่ยน
00:36:17 → 00:36:19 เป็น School Drink Academy เนื่องจาก
00:36:19 → 00:36:21 ว่าลูกค้าเราเริ่มเยอะขึ้นเราต้องบอก
00:36:22 → 00:36:23 อย่างงี้ลูกค้าเราเริ่มเยอะขึ้นแล้วเรา
00:36:24 → 00:36:25 รับไม่ไหวและ
00:36:25 → 00:36:28 >> เพราะว่าซีสผมมีแค่ 8 10 ซีดเองในสมัย
00:36:28 → 00:36:29 ก่อน
00:36:29 → 00:36:32 >> แล้วตอนนี้ผมก็เลยเปลี่ยนมากลายเป็นสถาน
00:36:32 → 00:36:33 ที่เอาไว้สอน
00:36:33 → 00:36:34 >> ออ
00:36:34 → 00:36:35 >> สอนอะไรบ้างครับ
00:36:35 → 00:36:38 >> สอนพวกการให้ inspiration ในการทำเอ่อ
00:36:38 → 00:36:41 เครื่องดื่มต่างๆแล้วกันการทำพวกโซบอร์
00:36:41 → 00:36:44 หรืออะไรพวกเนี้ยเราใช้กาแฟมาเป็นเบส
00:36:44 → 00:36:45 >> อื
00:36:45 → 00:36:47 >> ช่วงแรกๆเลยนะครับผมจะใช้กาแฟมาเป็นเบส
00:36:47 → 00:36:50 เนื่องจากว่าอย่างที่คุณหมีเคยบอกเอที่
00:36:50 → 00:36:52 คุณหมีถามตอนแรกว่าเอฟเฟคของมันนะครับ
00:36:52 → 00:36:54 >> ครับซึ่งคาเฟอีนก็สามารถทำให้เกิดอาการ
00:36:54 → 00:36:55 คาฟอีน high ได้
00:36:55 → 00:36:56 >> อื
00:36:56 → 00:37:00 >> เราก็เลยใช้กาแฟโคบูเนี่ยมาสร้างเป็นเบส
00:37:00 → 00:37:01 ของอะไรครับ
00:37:01 → 00:37:04 >> ของการทำcอฟeคอกเทลหรือคอฟี่คอกเทล
00:37:04 → 00:37:07 >> ใช่เพราะเรามีความรู้สึกว่าคนดื่มพวก
00:37:07 → 00:37:09 เนี่ยอย่างคุณหมีที่คุณหมีบอกคุณหมีดื่ม
00:37:09 → 00:37:11 ชาตอนแรกเนาะ
00:37:11 → 00:37:14 >> เอ่อแล้วก็ตอนกลางวันก็อยากจะดื่มอย่าง
00:37:14 → 00:37:16 อื่นและที่ไม่ใช่แค่ชาแต่ถ้าสมมุติมัน
00:37:16 → 00:37:18 กลายเป็นทีคอกเทลล่ะ
00:37:18 → 00:37:18 >> เออ
00:37:18 → 00:37:21 >> มันก็น่าสนใจถูกมั้ยครับอยู่ๆมันเป็น
00:37:21 → 00:37:22 >> จูนิปอร์
00:37:22 → 00:37:24 คมไลทิ
00:37:24 → 00:37:25 >> อื
00:37:25 → 00:37:27 >> เอามาแทนที่จินทonิแบบไม่มีแอลกอฮอล์
00:37:27 → 00:37:30 >> มันก็น่าสนใจผมก็เลยมองว่ากาแฟเนี่ยซึ่ง
00:37:30 → 00:37:31 ผมแบบเป็นคนดื่มกาแฟ
00:37:31 → 00:37:32 >> อือ
00:37:32 → 00:37:35 >> ผมเลยมองว่าเอ๊ะสิ่งเนี้ยพอเราดื่มกาแฟ
00:37:35 → 00:37:36 แล้วเนี่ยมัน psychological ครับอย่าง
00:37:36 → 00:37:39 เช่นดื่มกาแฟตอนเช้าเพื่อบูostตัวเองไปทำ
00:37:39 → 00:37:39 งาน
00:37:39 → 00:37:39 >> ครับ
00:37:39 → 00:37:42 >> ดื่มตอนกลางวันเหมือนเดิมเราจะรู้สึกว่า
00:37:42 → 00:37:45 อ้าว muscle mmory อ่ะเราต้องไปทำงาน
00:37:45 → 00:37:46 แล้วนะ
00:37:46 → 00:37:48 >> อ่าแต่ถ้าสมมุติตอนกลางวันเนี่ยมาดื่ม
00:37:48 → 00:37:50 กาแฟที่เป็นรสชาติเหมือนเบียร์ล่ะ
00:37:50 → 00:37:50 >> อือ
00:37:50 → 00:37:52 >> แล้วไม่มีแอลกอฮอล์ล่ะอื
00:37:52 → 00:37:54 >> มันก็จะเหมือนกับเรารีxอ่ะ
00:37:54 → 00:37:55 >> อื
00:37:55 → 00:37:56 >> pychological มันจะไม่ได้บอกว่าอ้าคุณ
00:37:56 → 00:37:59 ต้องไปทำงานนะอันนี้คือคุณดื่มกาแฟเพื่อ
00:37:59 → 00:37:59 ชิล
00:37:59 → 00:38:00 >> เพื่อชิลเออ
00:38:00 → 00:38:01 >> อ่าเนี่ยครับมันก็
00:38:02 → 00:38:02 >> ก็จะสอนสิ่งนี้
00:38:02 → 00:38:05 >> ใช่ผมก็จะสอนว่าอ่ะบางคนเนี่ยที่เขา้ามี
00:38:05 → 00:38:08 ร้านอยู่แล้วเอยากจะพัฒนาจากคำว่าm็อกเทล
00:38:08 → 00:38:10 ไปอยู่กับโบคอกเทลยังไง
00:38:10 → 00:38:11 >> อือ
00:38:11 → 00:38:13 >> ผมจะใช้คำว่าเพราะว่าอะไรเพราะผมมีความ
00:38:13 → 00:38:16 รู้สึกว่ามันรวบได้ะในยุคเนี้ยมันง่าย
00:38:16 → 00:38:17 แล้วมันติดปาก
00:38:17 → 00:38:17 >> อื
00:38:17 → 00:38:19 >> มานอนแอลกอฮอล์หลิงอยู่ยาว
00:38:19 → 00:38:20 >> มันจะเป็นยางเหลือเกิน
00:38:20 → 00:38:22 >> เออมันเอ่อเออติดปากกว่าเจ
00:38:22 → 00:38:25 >> ใช่ไม่เพราะถ้าเราใช้ NA เนี่ยคนก็จะยัง
00:38:25 → 00:38:26 งงอยู่
00:38:26 → 00:38:26 >> ครับ
00:38:26 → 00:38:30 >> ผมคิดว่าเนี่ยอย่างน้อยมันก็เป็นเอ่อเค้า
00:38:30 → 00:38:32 เรียกว่า Ice Breaker ทำไมถึงเรียกว่า
00:38:32 → 00:38:33 อ้าวอธิบายได้แล้ว
00:38:33 → 00:38:36 >> ถูกมั้ครับเนี่ยผมก็เลยมองว่า
00:38:36 → 00:38:39 >> การทำอะไรพวกเนี้ยมันทำให้มันมีทางเลือก
00:38:39 → 00:38:41 และ alternative option เยอะขึ้น
00:38:41 → 00:38:42 >> อือ
00:38:42 → 00:38:45 >> นะครับผมเลยตัดสินใจว่าโอเคพอดีมีลูก
00:38:45 → 00:38:48 ศิษย์คนนึงที่เขาทำโทนิคเนี่ยครับ Le and
00:38:48 → 00:38:48 Root เนี่ย
00:38:48 → 00:38:49 >> อือ
00:38:49 → 00:38:52 >> มาเรียนด้วยกันเอ้ยมาเรียนกับผมเนี่ยแล้ว
00:38:52 → 00:38:54 เราก็เลยให้ไอเดียเค้าไปว่าเออเราอยากทำ
00:38:54 → 00:38:57 สิ่งเนี้ยมากมาตั้งแต่แรกเค้าก็แบบเฮ้ย
00:38:57 → 00:38:58 น่าสนใจนะ
00:38:58 → 00:38:58 >> อือ
00:38:58 → 00:39:03 >> ลองพี่ก็ทำให้เกิดร้านที่ชื่อว่า Stockhol
00:39:03 → 00:39:03 >> เออ
00:39:03 → 00:39:06 >> ซึ่ง Story ของมันนะครับคือ 1 เราสต๊อก
00:39:07 → 00:39:08 สิ่งที่เป็น non alcoholิ
00:39:08 → 00:39:08 >> ครับ
00:39:08 → 00:39:11 >> เครื่อง non alอฮอลิคจากทั่วประเทศหรือมา
00:39:11 → 00:39:14 จากต่างประเทศด้วยให้มาอยู่ที่นี่ก่อน
00:39:14 → 00:39:15 เป็นสต๊อกของเรา
00:39:15 → 00:39:18 >> นะครับและ Home Home เนี่ยจริงๆแล้ว
00:39:18 → 00:39:21 เนี่ยมันเป็นศัพท์ที่เรียกว่าเป็นศัพท์
00:39:21 → 00:39:21 เฉพาะแล้วกัน
00:39:22 → 00:39:22 >> อือ
00:39:22 → 00:39:24 >> เวลาเราไปต่างประเทศแล้วเราเหมือนแบบมอง
00:39:25 → 00:39:27 ข้ามทะเลสาบไปแล้วเราจะเจอเกาะเล็กๆบน
00:39:27 → 00:39:29 ทะเลสาบที่มีบ้านหลังเดียวอยู่เลย
00:39:29 → 00:39:29 >> ครับ
00:39:29 → 00:39:31 >> น่ะคือโฮม
00:39:31 → 00:39:32 >> เรามีความแตกต่าง
00:39:32 → 00:39:35 >> แต่เราสร้างความอยากไป
00:39:35 → 00:39:35 >> ออ
00:39:35 → 00:39:36 >> ให้กับคนได้
00:39:36 → 00:39:37 >> ครับ
00:39:37 → 00:39:39 >> เหมือนคนก็อยากลองอยากเทสอะไร
00:39:39 → 00:39:40 >> อือ
00:39:40 → 00:39:42 >> กับอีกสอนึงก็คืออย่างที่ผมบอกผมใช้ชีวิต
00:39:42 → 00:39:43 ที่สตฮomeอ่ะ
00:39:43 → 00:39:43 >> ออ
00:39:43 → 00:39:45 >> ใช่มันก็เลยมา merge กันกลายเป็นร้านชื่อ
00:39:45 → 00:39:46 STHฮ
00:39:46 → 00:39:51 >> อืตอนเนี้ยถ้าเกิดคนนึงเริ่มจะอยากเข้าไป
00:39:51 → 00:39:52 ในโลกของโซเบิล
00:39:52 → 00:39:53 >> ครับ
00:39:53 → 00:39:56 >> เค้าจะเจออะไรบ้างถ้าพูดถึงสากลเลยนะมัน
00:39:56 → 00:40:00 จะมีอะไรบ้างนะโอเคอย่างถ้าเกิดว่าเข้าไป
00:40:00 → 00:40:01 ที่ร้านผมเนี่ย
00:40:01 → 00:40:01 >> ครับ
00:40:01 → 00:40:03 >> คุณจะเจอแทบทุกอย่างเลยที่มันเป็น
00:40:03 → 00:40:06 category ที่ควรจะมีอยู่ในบารอยู่แล้ว
00:40:07 → 00:40:08 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:40:08 → 00:40:12 >> เอ่อ Spiritit ต่างๆนะครับIsกี้gจin teila
00:40:12 → 00:40:15 พวกนี้นะครับเอ่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Y
00:40:15 → 00:40:18 เราจะมีทั้ง Y ที่เป็น traditional และ Y
00:40:18 → 00:40:19 ที่เป็นทั้ง Y alternative ที่เป็น
00:40:19 → 00:40:20 Botanical
00:40:20 → 00:40:22 >> ซึ่งทั้งคู่นี้เป็น non alcohol
00:40:22 → 00:40:23 >> non alcohol หมดเลยครับที่ร้าน non
00:40:23 → 00:40:24 alha
00:40:24 → 00:40:27 >> y ที่เป็น original ไม่ใช่ครับ
00:40:27 → 00:40:27 >> ใช่มั้
00:40:27 → 00:40:27 >> Traditional
00:40:28 → 00:40:29 >> Traditional ครับ
00:40:29 → 00:40:31 >> มันก็ใช้ process เดียวกันครับการ
00:40:31 → 00:40:32 >> เอ่อองุ่นครับ
00:40:32 → 00:40:32 >> องุ่น
00:40:32 → 00:40:33 >> ใช้องุ่นครับอ
00:40:33 → 00:40:36 >> ใช่แล้วมันไปนอนแอลกอฮอล์ตรงไหนนะครับ
00:40:36 → 00:40:38 >> ก็คือเขาดีฮอลไรizครับ
00:40:38 → 00:40:39 >> อ๋อหมักให้เป็น Y ก่อน
00:40:39 → 00:40:40 >> ครับ
00:40:40 → 00:40:40 >> แล้วไปดี
00:40:40 → 00:40:42 >> ใช่ครับเหลือ 0.5
00:40:42 → 00:40:43 แล้วก็ตันลง
00:40:43 → 00:40:46 >> ใช่ครับผมก็จะมีหมดเลยครับก็ตอนนี้ก็
00:40:46 → 00:40:49 >> เอ่อจะมีพวกแบบชิ Sharon อะไรมีหมดเลยนะ
00:40:50 → 00:40:52 ครับส่วน Y alternative เนี่ยเราก็จะมี
00:40:52 → 00:40:55 เป็น Cinary Inspiration ก็คืออย่างบาง
00:40:55 → 00:40:58 แบรนด์เช่นแบรนด์ชื่อ Non นะครับหรือว่า
00:40:58 → 00:41:02 CKen เนี่ยมันจะเป็นแบรนด์ที่ใช้เอ่อเขา
00:41:02 → 00:41:04 เรียกว่าเทคนิคของเชฟ
00:41:04 → 00:41:07 >> ในการทำไม่ว่าในการเตรียมวัตถุดิบ Porch
00:41:07 → 00:41:11 Pair หรือว่าทำเป็นพวก Usu เอ่อ Comp
00:41:11 → 00:41:13 หรืออะไรพวกเยครับแล้วค่อยนำมาหมัก
00:41:13 → 00:41:14 >> อื
00:41:14 → 00:41:18 >> แล้วก็เสร็จปุ๊บเนี่ยเอามาเบนแล้วกรองออก
00:41:18 → 00:41:22 มานะครับก็กลายเป็น alternative ที่เรียก
00:41:22 → 00:41:24 ว่ามีshฟ spirit อยู่ข้างในแล้วกัน
00:41:24 → 00:41:26 >> อ๋อก็จะเป็นเรื่องมีความ complex ของมัน
00:41:26 → 00:41:29 อยู่มีรสชาติอยู่อันนั้นคือ y ใช่มั้
00:41:29 → 00:41:29 >> ใช่ครับผม
00:41:29 → 00:41:31 >> แล้วเราเจออะไรอีกนอกจาก y
00:41:31 → 00:41:33 >> เบียร์ครับก็จะมีพวกแบร
00:41:33 → 00:41:33 >> เออ
00:41:34 → 00:41:36 >> ครับแบเบียร์ก็จะมีต่างๆครับก็จะมีทั้ง
00:41:36 → 00:41:40 IPA มีพวกแบบเอ่ออะไรพวกนี้
00:41:40 → 00:41:42 >> ครับแต่ non แอลกอฮอล์หมดเลย
00:41:42 → 00:41:44 >> อืซึ่ง process มันคือวิธีเดียวกัน
00:41:44 → 00:41:46 >> ก็วิธีเดียวกับการทำเบียร์เลยครับ
00:41:46 → 00:41:48 >> เป็นการทำเบียร์ให้มีแอลกอฮอล์ก่อนแล้วมา
00:41:48 → 00:41:48 ดีแอลกอฮอล์
00:41:48 → 00:41:51 >> เอ่อเรียกว่ามันเป็นการใช้ยีสที่ต่างออก
00:41:51 → 00:41:52 ไปดีกว่า
00:41:52 → 00:41:54 >> เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันมียีสที่เขา้านำเข้า
00:41:54 → 00:41:58 มาหรือบางแบรนด์ก็จะมียีสที่เป็นเค้า
00:41:58 → 00:42:00 เรียกว่าเป็นยีสที่ทานน้ำตาลค่อนข้างช้า
00:42:00 → 00:42:01 แล้วะกัน
00:42:01 → 00:42:02 >> อื
00:42:02 → 00:42:05 >> มันก็เลยจะทำให้เกิดแอลกอฮอล์ได้ช้าดัง
00:42:05 → 00:42:09 นั้นเค้าควบคุมในเอ่อในกระบวนการควบคุม
00:42:09 → 00:42:12 ของเขาเนี่ยมันก็จะดูได้ว่าเอ่อ
00:42:12 → 00:42:14 เปอร์เซ็นต์ของแอลกอฮอล์ ABV ของ
00:42:14 → 00:42:17 แอลกอฮอล์เนี่ยผ่านทางการคำนวณ Gravavity
00:42:17 → 00:42:17 ของเขา
00:42:17 → 00:42:18 >> อือ
00:42:18 → 00:42:20 >> ว่าอ้าอันเนี้ยไม่เกินแน่นอน
00:42:20 → 00:42:22 >> อืซึ่งมันอยู่ประมาณเท่าไหร่ครับก็
00:42:22 → 00:42:22 แอลกอฮอล์
00:42:22 → 00:42:26 >> แอลกอฮอล์จะอยู่ที่ 0.3 ถึงไม่เกิน 0.5
00:42:26 → 00:42:28 ครับยังไงก็ประมาณ 0.3 3 เท่าที่ดู
00:42:28 → 00:42:32 >> อืออืก็เป็นเบียร์แบบ non แอลกอฮอล์
00:42:32 → 00:42:33 >> เรียกว่า non ได้เลยหรอกเพราะว่ามันได้
00:42:34 → 00:42:35 เลยครับ
00:42:35 → 00:42:38 >> ดื่มแล้วสิ่งทั้งไวเมื่อกี้ทั้งเบียร์
00:42:38 → 00:42:40 เนี่ยฮะถ้าเรื่องพวกน้ำตาลพวกอะไรเงี้ย
00:42:40 → 00:42:41 สูงมั้ครับ
00:42:41 → 00:42:41 >> ค่อนข้างต่ำครับ
00:42:41 → 00:42:42 >> ต่ำเหมือนกันเหรอ
00:42:42 → 00:42:44 >> ต้องต่ำครับเพราะว่าท้ายสุดแล้วเนี่ยคุณ
00:42:44 → 00:42:46 ใช้น้ำตาลเยอะไม่ได้
00:42:46 → 00:42:48 >> เพราะถ้าใช้น้ำตาลเยอะมันก็กลายเป็น
00:42:48 → 00:42:50 แอลกอฮอล์ใช่ดังนั้นคุณต้องใช้น้ำตาลต่ำ
00:42:50 → 00:42:53 เพื่ออะไรเพื่อที่ให้เขา้าค่อยๆทาน
00:42:53 → 00:42:53 >> ครับ
00:42:53 → 00:42:56 >> แต่ในกระบวนการที่เขาทานน้ำตาลไปเนี่ย
00:42:56 → 00:42:58 เค้าก็อาจจะเกิดการเฟร์นเกิดขึ้นอย่า
00:42:58 → 00:43:00 เรียกว่าเกิดแอลกอฮอล์เลยเรียกว่าเกิดการ
00:43:00 → 00:43:03 เฟร์นเบาๆแล้วกันยิ่งเราใส่น้อยเท่าไหร่
00:43:03 → 00:43:04 เค้าก็ยิ่งช้าลงอ
00:43:04 → 00:43:05 >> ครับ
00:43:05 → 00:43:08 >> เนี่ยครับแล้วพอเสร็จปุ๊บเนี่ยพอมันเป็น
00:43:08 → 00:43:12 final เอ่อ product ออกมาแล้วเนี่ยเนี่ย
00:43:12 → 00:43:14 >> คำว่า sugar มันก็จะต้องต่ำแน่นอน
00:43:14 → 00:43:15 >> อื
00:43:15 → 00:43:15 >> ใช่ครับ
00:43:15 → 00:43:18 >> อือ่ะมีไวะมีเบียร์แล้ว
00:43:18 → 00:43:19 >> มีเบียร์มีสปIT
00:43:19 → 00:43:21 >> สปิitคือเหล่านี้
00:43:21 → 00:43:22 >> ใช่ครับผม
00:43:22 → 00:43:24 >> จะมีอะไรบ้างครับสปิitจะมีแบบ
00:43:24 → 00:43:25 >> ก็จินแล้ว
00:43:25 → 00:43:28 >> จินวิสกี้ี้เกิ่า
00:43:28 → 00:43:30 แล้วก็ที่ร้านก็น่าจะมีพวกบมูดอ
00:43:30 → 00:43:31 >> อื
00:43:31 → 00:43:33 >> นะครับตอนนี้ก็มีจินอีกที่นึงที่เพิ่งได้
00:43:33 → 00:43:35 รับมาของทางชลบุรี
00:43:35 → 00:43:36 >> อืก็ทำจินนอน
00:43:36 → 00:43:38 >> ก็ทำจินนอนแอลกอฮอล์เหมือนกันเพราะตัวเขา
00:43:38 → 00:43:41 จริงๆแล้วเนี่ยเอ่อเป็นแบรนด์ที่ทำจินแบบ
00:43:41 → 00:43:42 แอลกอฮอลิก
00:43:42 → 00:43:42 >> อื
00:43:42 → 00:43:44 >> แล้วเสร็จปุ๊บเขาก็ลองทำแบบ non
00:43:44 → 00:43:46 แอลกอฮอล์มาด้วยควบคู่เลย
00:43:46 → 00:43:48 >> ความแตกต่างมันจะมีมั้ครับ
00:43:48 → 00:43:49 >> มีครับมี
00:43:49 → 00:43:52 >> มีครับยังไงก็มีเพราะว่าแอลกอฮอล์ครับ
00:43:52 → 00:43:55 ด้วยความที่ว่าเค้าสามารถ extract กลิ่น
00:43:55 → 00:43:56 ได้ดีกว่า
00:43:56 → 00:43:57 >> อื
00:43:57 → 00:43:58 >> อืกลิ่นเค้าก็จะชัดกว่า
00:43:58 → 00:43:59 >> อ๋อ
00:43:59 → 00:44:01 >> แต่ในขณะเดียวกัน
00:44:01 → 00:44:04 >> เค้าก็จะมีกลิ่นที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่
00:44:04 → 00:44:06 ถูกสกัดผ่านอีกช่องทางนึง
00:44:06 → 00:44:07 >> ครับ
00:44:07 → 00:44:09 >> ครับผมก็จะต่างกันเพราะว่า
00:44:09 → 00:44:12 >> ในในพวกน้ำมันเอ่อ Essential Oil ของแต่
00:44:12 → 00:44:15 ละตัวเนี่ยครับที่ออกมาจาก inreient แต่
00:44:15 → 00:44:16 ละยานมันก็จะต่างกัน
00:44:16 → 00:44:20 >> อืออือครับพวกโบทานิคที่ใช้จะเป็นแบบของ
00:44:20 → 00:44:21 โลคalมาเลย
00:44:21 → 00:44:24 >> แล้วแต่แล้วแต่เจ้าดีกว่ายาของผมเนี่ยผม
00:44:24 → 00:44:26 พยายามใช้ของโลคให้ได้มากที่สุด
00:44:26 → 00:44:28 >> เพราะว่าอย่างผมเนี่ยผมก็จะชอบใช้โหระพา
00:44:28 → 00:44:31 ผมใช้พวกเอ่อกาวนะครับกระวาฬก็ของ
00:44:31 → 00:44:35 จันทบุรีผมใช้ตั้งแต่หน่อใบแล้วก็เม็ดมา
00:44:35 → 00:44:38 เลยนะครับอ่าเปลือกส้มโออย่างเงี้ยครับ
00:44:38 → 00:44:41 เราก็จะต้องดูว่าอ่ะแล้วก็อะไรชามะลิก
00:44:41 → 00:44:41 >> อือ
00:44:41 → 00:44:43 >> พวกเนี้ยของไทยหมดเลย
00:44:43 → 00:44:43 >> อือ
00:44:43 → 00:44:46 >> แต่ตอนแรกๆก็เค้าก็จะถามว่าอ้าวแล้วมันจะ
00:44:46 → 00:44:48 เป็นจินได้ไงนะไม่มีจูนิปเปอร์
00:44:48 → 00:44:49 >> เออ
00:44:49 → 00:44:53 >> อืมผมเป็นคนที่มองแตกต่างออกไปแล้วกันผม
00:44:53 → 00:44:55 เป็นพวก groundbreaker อ่ะผมก็จะมองว่า
00:44:55 → 00:44:58 จินไม่ใช่ของไทยเอ้ยจูนิปเปอร์ก็ไม่ใช่
00:44:58 → 00:45:02 ของไทยจูิเปอร์เป็นของทางยุโรปทาง UK
00:45:02 → 00:45:05 แล้วเมืองไทยล่ะมันคือ Botanical Spirit
00:45:05 → 00:45:08 แล้วกันเราก็เลยมามองว่าแล้วของไทยล่ะถ้า
00:45:08 → 00:45:10 เราจะทำ Botanical Spirit เนี่ยเราจะทำ
00:45:10 → 00:45:15 ยังไงตอนแรกๆผมก็นั่งคิดเอ๊Junิปอร์ดีมย
00:45:15 → 00:45:18 ไม่มีจูิเปอร์หาจูนิปเปอร์ยากหรือเราอยาก
00:45:18 → 00:45:21 ใช้อะไรที่แสดงความเป็นไทยของเราออก
00:45:21 → 00:45:21 >> เออ
00:45:21 → 00:45:23 >> เพราะของเราเราคือ Kitchen of the
00:45:23 → 00:45:25 World อยู่แล้วอ่ะอดีนเราเพียบเลยอ่ะ
00:45:25 → 00:45:26 >> อือๆ
00:45:26 → 00:45:29 >> ผมก็เลยเนี่ยพยายามศึกษาทำนู่นทำนี่ออกมา
00:45:29 → 00:45:32 อ่ะพอมันกลายเป็นตัวที่เราสามารถdisิลออก
00:45:32 → 00:45:34 มาแล้วรสชาติกลิ่มันชัดเจนเนี่ยแล้วก็
00:45:34 → 00:45:37 เอ้ยด้วยตัวส่วนตัวของผมอยู่แล้วผมเป็นคน
00:45:37 → 00:45:38 ชอบเบซิล
00:45:38 → 00:45:38 >> อื
00:45:38 → 00:45:41 >> อืผมก็เลยแบบเอาสิ่งนี้มา
00:45:41 → 00:45:43 >> ส่วนคาดamเนี่ยเรามีความรู้สึกว่ามันมี
00:45:43 → 00:45:46 การเชื่อมโยงเพราะว่าผมเป็นคนชอบทาง
00:45:46 → 00:45:48 สแกนดิเนเวียด้วย
00:45:48 → 00:45:49 >> ทางนั้นเขาก็จะชอบคาam
00:45:49 → 00:45:50 >> อ
00:45:50 → 00:45:52 >> อ่าอย่างเช่นเวลาเทำพวกคาamอมบันอะไร
00:45:52 → 00:45:54 เงี้ยเก็จะโรยใช่หน้าผมก็มีความรู้สึกอ่า
00:45:54 → 00:45:57 มันเชื่อมโยงกับเราด้วยเออเพราะเอ่อทาง
00:45:57 → 00:45:59 ภรรยาผมก็เป็นคนจันทบุรีเนาะเป็น
00:45:59 → 00:46:01 >> เราก็เลยมีความรู้สึกอ่ะกวาฬก็เอามา
00:46:01 → 00:46:02 เชื่อมด้วย
00:46:02 → 00:46:03 >> อ
00:46:03 → 00:46:05 >> ก็พยายามเอาหลายๆอย่างเอาหลายๆความคิด
00:46:06 → 00:46:09 เนี่ยมาเชื่อมโดยที่ตัดโลกภายนอกออกไปเลย
00:46:09 → 00:46:11 เพราะเรามีความรู้สึกว่าเราอยากจะสร้าง
00:46:11 → 00:46:12 ตัวตนของตัวเอง
00:46:12 → 00:46:13 >> อื
00:46:13 → 00:46:15 >> คาโมไมผมติดเพราะว่าผมเป็นคนที่นอนหลับ
00:46:15 → 00:46:18 ยากผมก็จะชอบจิตคโมไมเนี่ยทุกอย่างเนี่ย
00:46:18 → 00:46:21 มันมีสอี่ที่มันมาเชื่อมมันเป็นโปรดักตัว
00:46:21 → 00:46:22 แรกของผม
00:46:22 → 00:46:22 >> เออ
00:46:22 → 00:46:24 >> อ่าผมก็ก็เลยมีความรู้สึกว่าอ่ะก็ลองดู
00:46:24 → 00:46:25 >> อื
00:46:25 → 00:46:27 >> ลองดูเพราะท้ายสุดแล้วเนี่ยเD wave มันมา
00:46:27 → 00:46:30 แล้วอ่ะอย่างบางที่เค้าก็ใช้เอ่อวัตถุดิบ
00:46:30 → 00:46:33 ของเขาสมุนไพรของเขาอย่างบางที่ก็ใช้สิ่ง
00:46:33 → 00:46:35 ที่เรียกว่า Cover Cava extract อย่าง
00:46:35 → 00:46:37 เงี้ยมันเป็นของทาง Pacific ใต้
00:46:37 → 00:46:37 >> อือ
00:46:37 → 00:46:40 >> มันก็จะช่วยในเรื่องของการผ่อนคลาย
00:46:40 → 00:46:40 >> อือ
00:46:40 → 00:46:44 >> ซึ่งครั้งนั้นเหาสิ่งนั้นได้ง่ายกว่าชา
00:46:44 → 00:46:45 ที่จะต้องถูกนำเข้าไป
00:46:45 → 00:46:46 >> เออใช่ถูกมั้ยครับ
00:46:47 → 00:46:49 >> อ่าอย่างของเราเนี่ยเราก็มีชาอยู่แล้วเรา
00:46:49 → 00:46:52 โชคดีซึ่งตอนเนี้ยวงการ Sparkling T
00:46:52 → 00:46:53 เนี่ย
00:46:53 → 00:46:57 ก็โตขึ้นเยอะอืมแล้วหลายๆแบรนด์ใส่ขวดวาย
00:46:57 → 00:46:58 ครับ
00:46:58 → 00:46:58 >> อ๋อ
00:46:58 → 00:47:02 >> ใช่อย่างเช่นcโนทagens barking teนมาร์ก
00:47:02 → 00:47:03 เอ่อซูหลอง
00:47:03 → 00:47:07 >> ของเนเธอร์แลนด์นะครับแล้วก็มีบูชาของ
00:47:07 → 00:47:09 เอ่อทางฮ่องกง
00:47:09 → 00:47:09 >> อื
00:47:09 → 00:47:11 >> เนี่ยเราก็เริ่มเห็นแล้วว่ามีคนเริ่มใช้
00:47:11 → 00:47:13 สิ่งเนี้ยมา socializ กัน
00:47:14 → 00:47:16 >> แล้วเใช้คำว่าจินหรือ
00:47:16 → 00:47:18 >> เอ่ออันนี้เขาใช้คำว่า alternative
00:47:18 → 00:47:18 >> alternative
00:47:18 → 00:47:22 >> ใช่ส่วนจินผมเคยเจอของแบรนด์นึง
00:47:22 → 00:47:26 เขาบอกว่ามันเป็น rescue waste from
00:47:26 → 00:47:29 disilling gin ก็คือเขาเอา waste ของ
00:47:29 → 00:47:30 การ diseal gin นั้นน่ะ
00:47:31 → 00:47:31 >> ครับ
00:47:31 → 00:47:34 >> มา disal อีกรอบให้มันเป็น no
00:47:34 → 00:47:35 >> อ๋อ
00:47:35 → 00:47:38 >> ก็คือเขาใช้วัตถุดิบ 2 รอบอ่ะใช้คำเดิม
00:47:38 → 00:47:40 >> ใช่เราก็เลยมีความรู้สึกเออก็เเหมือนกับ
00:47:40 → 00:47:41 ไปช่วยชีวิต was
00:47:41 → 00:47:42 >> อื
00:47:42 → 00:47:45 >> ในการ dis steลจินคือมุมมองครับผมว่ามุม
00:47:45 → 00:47:47 มองและmindsตเนี่ยค่อนข้างสำคัญ
00:47:47 → 00:47:49 >> แล้วทำไมคุณโนไม่ตั้งชื่ออื่นนอกที่ไม่
00:47:49 → 00:47:50 ให้จินไปเลยฮะ
00:47:50 → 00:47:52 >> อย่างของผมเหรอ
00:47:52 → 00:47:55 ของผมเนี่ยก็จริงๆแล้วมันเป็น botanical
00:47:55 → 00:47:57 ครับผมไม่ได้ตั้งชื่อว่ามันเป็นจินแต่ว่า
00:47:57 → 00:47:59 ตอนแรกๆเนี่ยยังไงยังไงเนี่ย
00:47:59 → 00:48:02 >> เมืองไทยกำลังเข้าสู่ First Wave
00:48:02 → 00:48:02 >> เออ
00:48:02 → 00:48:06 >> ผมก็ยังต้องมีการใช้สิ่งที่มันเป็น fam
00:48:06 → 00:48:06 คุ้นเคยก่อน
00:48:07 → 00:48:07 >> อือ
00:48:07 → 00:48:09 >> นะครับว่าอ่าอันนี้เป็น
00:48:09 → 00:48:11 >> อ๋อให้คนสิ่งนี้
00:48:11 → 00:48:13 >> ใช่แล้วหลังจากนั้นเนี่ยมันจะเป็นยังไง
00:48:13 → 00:48:17 เนี่ยก็ปล่อยให้กระแสมันตามไปเป็นเป็นทิศ
00:48:17 → 00:48:19 ทางของมันเลยเพราะว่าท้ายสุดแล้วเนี่ย
00:48:19 → 00:48:21 อย่างที่ผมบอกอ
00:48:21 → 00:48:24 เรามีสิ่งที่สร้างความขมได้ตั้งเยอะใน
00:48:24 → 00:48:27 ประเทศไทยไม่ว่าจะมะละบรเพชรบู
00:48:28 → 00:48:28 te
00:48:28 → 00:48:31 >> อะไรหลากหลายเนี่ยพวกเนี้ยผมคิดว่าของพวก
00:48:31 → 00:48:33 เนี้ยมันสามารถนำมาเพิ่มlอร
00:48:33 → 00:48:33 >> อือ
00:48:33 → 00:48:35 >> ข้างในเครื่องดื่มได้
00:48:35 → 00:48:36 >> และอีกอย่างนึง
00:48:36 → 00:48:39 >> ถ้าคนกลัวความขมจริงเนี่ยกาแฟขายไม่ได้
00:48:39 → 00:48:40 ครับ
00:48:40 → 00:48:41 >> อืจริง
00:48:41 → 00:48:44 >> ดังนั้นเนี่ยเรามักจะคิดไปเองว่าคนกลัวขม
00:48:45 → 00:48:45 >> อื
00:48:45 → 00:48:48 >> แต่กลุ่มที่ชอบขมคือกลุ่มที่ดื่ม
00:48:48 → 00:48:50 >> กาแฟชาอะไรพวกพวกนี้
00:48:50 → 00:48:53 >> ใช่แต่ว่ากลุ่มตอนเเป็นกลุ่มผู้ใหญ่หรือ
00:48:53 → 00:48:55 เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นเจนซีซะมาก
00:48:55 → 00:48:58 >> เอ่อถ้าที่ร้านผมนะครับสิ่งที่ผมจะได้
00:48:58 → 00:48:59 เห็นเนี่ยและคนอื่นไม่ค่อยได้เห็นคือ
00:48:59 → 00:49:02 อย่างคุณแม่ไปรับลูกข้างหลังหมู่บ้านมัน
00:49:02 → 00:49:03 จะมีโรงเรียนอยู่
00:49:03 → 00:49:05 >> เาก็ไปรับลูกมาอ่าลูกหม้อต้นก็มานั่งดื่ม
00:49:05 → 00:49:08 เบียร์กับแม่แม่ก็ดื่มวายชนแก้วกัน
00:49:08 → 00:49:11 >> คือเราชอบครับเรามีความรู้สึกว่ามันเป็น
00:49:11 → 00:49:12 การ gather
00:49:12 → 00:49:14 >> เอ่อ family อีกครั้งนึง
00:49:14 → 00:49:16 >> ที่มันจะมีกลุ่ม Family ที่เขาค่อนข้าง
00:49:16 → 00:49:19 ใกล้ชิดกันเนี่ยเราก็จะเห็นเ้ามานั่งดื่ม
00:49:19 → 00:49:23 นั่ง Enjoy กันบางครั้งไปรับมากลุ่มนึง
00:49:23 → 00:49:25 ลูกแล้วก็ลูกเพื่อนก็นั่งดื่มวายดื่ม
00:49:25 → 00:49:27 เบียร์ดูที่แบบ
00:49:27 → 00:49:28 >> แปลกดีเน
00:49:28 → 00:49:30 >> เป็นแบบแม่กับลูกนั่งดื่มเบียร์กัน
00:49:30 → 00:49:34 >> ใช่ครับแล้วก็บางครั้งก็จะพาแบบคุณตาคุณ
00:49:34 → 00:49:34 ยาย
00:49:34 → 00:49:37 >> มานั่งดื่มด้วยกันคือมันเป็นภาพที่
00:49:37 → 00:49:39 >> เราไม่แทบจะไม่ได้เห็นเลยครับเราแทบจะไม่
00:49:39 → 00:49:41 เห็นในไม่ไม่เห็นในบาร์เลยดีกว่า
00:49:41 → 00:49:41 >> อ
00:49:41 → 00:49:43 >> เราจะเห็นส่วนใหญ่เราจะเห็นในร้านอาหาร
00:49:43 → 00:49:44 >> ใช่
00:49:44 → 00:49:47 >> นะครับเวลาพาคุณแบบคนแก่คนเฒ่าไปนั่งทาน
00:49:47 → 00:49:49 ข้าวกันแต่ในบารเนี่ยมานั่งชนแก้วกัน
00:49:49 → 00:49:50 เนี่ย
00:49:50 → 00:49:52 >> มานั่งดื่มเบียร์กันทั้งแก๊งอย่างเงี้ย
00:49:52 → 00:49:55 เปิดวนายขวดนึงนั่งดื่มด้วยกันเนี่ยแล้ว
00:49:55 → 00:49:57 เด็กๆทั้งนั้นเลยอ่ะเราก็มีความรู้สึกมัน
00:49:57 → 00:50:00 น่าสนใจเด็กไฮ school โรงเรียนนานาชาติ
00:50:00 → 00:50:02 อย่างเงี้ยครับเพราะบางคนเนี่ยเา้าไม่ได้
00:50:02 → 00:50:03 อยากเที่ยว
00:50:03 → 00:50:03 >> อื
00:50:03 → 00:50:05 >> เค้าแค่อยากมาหาที่แฮงเอทก่อนกลับบ้าน
00:50:05 → 00:50:06 >> อื
00:50:06 → 00:50:09 >> เราเลยเห็นภาพครับเวลาเราไปออกงานอีเวน์
00:50:09 → 00:50:13 ต่างๆเนี่ยเช่นผมไปออกงานพวกงานพรอมบ้าง
00:50:13 → 00:50:13 อะไรพวกเนี้ย
00:50:13 → 00:50:17 >> ออกที่โรงเรียนใช่ครับผมหรืองานที่จาก
00:50:17 → 00:50:19 เอ่อตามแบบ Coffee Face อะไรผมก็เคยได้
00:50:19 → 00:50:22 ไปออกเนาะไปร่วมงานอะไรเงี้ยผมก็เห็นภาพ
00:50:22 → 00:50:24 คนที่เขา enjoy
00:50:24 → 00:50:26 >> การดื่มอะไรที่มันแปลกใหม่
00:50:26 → 00:50:26 >> อือ
00:50:26 → 00:50:28 >> แล้ว Mood and Tone เหมือนกับสิ่งที่
00:50:28 → 00:50:29 ผู้ใหญ่เขาได้ดื่มกันน่ะ
00:50:29 → 00:50:30 >> อือๆ
00:50:30 → 00:50:33 >> อื Move and Tone ของ Bar ที่มันมี
00:50:33 → 00:50:37 เรื่องของ Mixology เข้ามาเกี่ยวข้อง
00:50:37 → 00:50:40 ในกลุ่มของ non เนี่ยมันยังไม่มีใครเรียก
00:50:40 → 00:50:46 ว่าไปตรงจุดนั้นซึ่งมีบางบางกลุ่มที่ผมก็
00:50:46 → 00:50:49 ได้เอ่อได้ได้แบบเห็นนะครับว่าพยายามทำ
00:50:49 → 00:50:52 เครื่องดื่มนอนแอแล้วก็มีความสามารถค่อน
00:50:52 → 00:50:54 ข้างเยอะอย่างเอ่อร้านสมัยก่อนที่
00:50:54 → 00:50:56 เชียงใหม่ intangible อย่างเงี้ยอ
00:50:56 → 00:51:00 >> ผมก็ดูนะว่าเออเขาใช้วัตถุดิบของไทยออกมา
00:51:00 → 00:51:03 ทำแล้วมันน่าสนใจไปหมดเลยเรายังไม่มี
00:51:03 → 00:51:06 โอกาสได้ไปเพราะว่าแบบโหจ๋องคิวยาก
00:51:06 → 00:51:08 >> อตอนนี้ย้ายมานี่แล้วครับ
00:51:08 → 00:51:10 >> อนี่แมาอยู่ที่กรุงเทพฯแล้วนะฮะ
00:51:10 → 00:51:13 >> ใช่แล้วก็มีความรู้สึกว่าเออมีคนที่เขา
00:51:13 → 00:51:16 พยายามทำแบบเนี้ยเาอาจจะไม่ได้มองแค่
00:51:16 → 00:51:20 sober curious culture แบบแต่เค้าไม่
00:51:20 → 00:51:22 ได้อยากจะทำอะไรที่มันเกี่ยวกับแอลกอฮอล์
00:51:22 → 00:51:22 >> อื
00:51:22 → 00:51:25 >> เรามองแค่นี้ก่อนเลยเค้าเหมือนเป็นสำหรับ
00:51:25 → 00:51:28 ผมอ่ะผมมองเค้าเป็นเหมือนลิquidเฟคนนึง
00:51:28 → 00:51:29 >> ครับ
00:51:29 → 00:51:33 >> เนาะคนที่สามารถทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเ
00:51:33 → 00:51:35 เครื่องดื่มหรือของเหลวหรืออะไรก็ตามให้
00:51:35 → 00:51:37 มันเกิดflวอรที่หลากหลาย
00:51:37 → 00:51:37 >> อ
00:51:37 → 00:51:40 >> ใช่ผมมองว่าในในกรุงเทพฯเนี่ยก็มีมิกโซ
00:51:40 → 00:51:43 หลายคนที่ค่อนข้างเก่ง
00:51:43 → 00:51:46 >> เก่งเก่งเลยแหละอือๆแต่เพียงแค่ว่าบาง
00:51:46 → 00:51:48 ครั้งเวลาเราจะทำเสนอออกมาเนี่ยมันต้อง
00:51:48 → 00:51:49 ผ่านหลายขั้นตอนไง
00:51:49 → 00:51:50 >> อือๆ
00:51:50 → 00:51:53 >> ไม่มีแอแล้วใครจะมาดื่มของเราบ้างนู่น
00:51:53 → 00:51:53 นั่น
00:51:53 → 00:51:54 >> ใช่
00:51:54 → 00:51:56 >> แต่ผมเชื่อว่ามีครับเพราะท้ายสุดแล้ว
00:51:56 → 00:51:58 เนี่ยถ้าผมจะไปกับเนี่ยอย่างผมเนี่ยเวลา
00:51:58 → 00:52:00 จะไปเที่ยวกับภรรยาผมเนี่ย
00:52:00 → 00:52:01 >> อือ
00:52:01 → 00:52:04 >> ผมไปจบที่ปิ้งย่างตลอดเพราะมันไม่รู้ไป
00:52:04 → 00:52:06 ที่ไหนไปนั่งฟังเพลงที่ไหนก็ไม่มีอะไรให้
00:52:06 → 00:52:09 ผมดื่มอ่ะจริงๆแล้วอยากให้เกิดวัฒนธรรม
00:52:09 → 00:52:09 นี้ขึ้นมา
00:52:09 → 00:52:10 >> เป็นแบบ
00:52:10 → 00:52:11 >> ใช่ครับ
00:52:11 → 00:52:14 >> อืจริงๆไม่ต้องเป็นถึงbarารก็ได้แต่ขอให้
00:52:14 → 00:52:16 มันมีแบบเมนูอ่ะ
00:52:16 → 00:52:18 >> อยู่เมเมนูที่มันเยอะขึ้นกว่าเดิม
00:52:18 → 00:52:20 >> ใช่ครับผมแล้วก็ให้มันรู้สึกว่าโซเบอร์
00:52:20 → 00:52:20 เมนูเนี้ย
00:52:20 → 00:52:21 >> ครับ
00:52:21 → 00:52:24 >> มันถูกทำเคียงคู่กับค็อกเทลที่คุณมีอยู่
00:52:24 → 00:52:25 >> อือ
00:52:25 → 00:52:26 >> หรือเครื่องดื่มที่คุณมีอยู่
00:52:26 → 00:52:27 >> อือ
00:52:27 → 00:52:30 >> เนาะไม่ว่าจะเป็นแบบจิทิอ่ะวิสกไบอ
00:52:30 → 00:52:31 >> อือ
00:52:31 → 00:52:35 >> บาโร่ามากแต่ไม่มีแอลกอฮอล์
00:52:35 → 00:52:35 >> เออ
00:52:35 → 00:52:39 >> เนี่ยผมก็อยากไปนั่งฟังแจ๊สบ้างอือะไร
00:52:39 → 00:52:40 อย่างงี้ใช่
00:52:40 → 00:52:41 >> มันเป็นเรื่องไวปเรื่องบรรยากาศ
00:52:41 → 00:52:42 >> ใช่แล้วเนาะ
00:52:42 → 00:52:43 >> แบiนสำคัญมาก
00:52:43 → 00:52:46 >> แบiนของคือเมื่อกี้ที่แบบชอบอย่างนี้ก็
00:52:46 → 00:52:48 คือแบบพ่อแม่มาพาลูกมาดื่มเนี่ยอันนี้แบบ
00:52:48 → 00:52:51 เออนึกภาพตาแล้วก็แบบชนแก้วกันแบบแก้ว
00:52:51 → 00:52:52 เบี้ย
00:52:52 → 00:52:52 >> ใช่
00:52:52 → 00:52:55 >> แต่ก็คือแต่ก็เด็กก็จะเด็กก็จะได้รสชาติ
00:52:55 → 00:52:57 ของความเป็นแบบรสชาติผู้ใหญ่ที่คุณโกบอก 5
00:52:57 → 00:52:57 อันนะ
00:52:57 → 00:52:59 >> ใช่ครับแล้วเด็กบางครั้งเนี่ยเ้าไม่รู้
00:52:59 → 00:53:00 หรอก
00:53:00 → 00:53:03 >> เก็จะหันไปถามแม่นี่เบียร์เหรอโอ้ยเหมือน
00:53:03 → 00:53:05 เลยสมัยก่อนที่แม่
00:53:05 → 00:53:07 >> ไปกับพ่อนะเค้าก็นั่งเล่ากันแล้วผมก็นั่ง
00:53:07 → 00:53:12 แอบฟังเออก็นอกจากเราจะไม่เกิดไม่รู้จะ
00:53:12 → 00:53:14 เรียกโทษได้มั้ยจากแอลกอฮอล์และน้ำตาล
00:53:14 → 00:53:17 เนาะเอ่อเอ่อสิ่งประโยชน์ที่ได้จากมันมัน
00:53:17 → 00:53:19 เกิดขึ้นด้วยมั้ฮะคิดน่าจะเป็นเรื่อง
00:53:19 → 00:53:20 โบทานิคใช่มั้ต่างๆ
00:53:20 → 00:53:22 >> ครับอื benefit ของพวกพวกเนี้ย
00:53:22 → 00:53:27 >> มันจะค่อนข้างเอ่อได้มาเป็นแบบของแฝงแล้ว
00:53:27 → 00:53:27 กัน
00:53:27 → 00:53:30 >> ทีนี้มันก็จะมีคำถามอีกอันนึงที่ผมเจอ
00:53:30 → 00:53:34 บ่อยๆคือไม่มีแอลกอฮอล์แล้วทำไมราคามัน
00:53:34 → 00:53:35 >> เออ
00:53:35 → 00:53:37 ต่อเรื่องราคาว่ะ
00:53:37 → 00:53:40 >> เอ่อต้องบอกอย่างงี้ครับถ้าเราเป็นในฐานะ
00:53:40 → 00:53:44 ที่เราเป็นผู้เป็น customer แล้วกันเป็น
00:53:44 → 00:53:46 ผู้บริโภคเราจะยังไม่รู้หรอกว่ากระบวนการ
00:53:46 → 00:53:46 เป็นยังไง
00:53:46 → 00:53:47 >> อือ
00:53:47 → 00:53:50 >> แต่ในฐานะเมกอร์อ่ะแอลกอฮอล์ดูแลง่ายกว่า
00:53:50 → 00:53:52 นอนแอครับ
00:53:52 → 00:53:53 >> อ๋อ
00:53:53 → 00:53:54 >> ทำไมครับ
00:53:54 → 00:53:57 >> 1 แอลกอฮอล์เนี่ย
00:53:57 → 00:54:00 มันฆ่าเชื้อของมันตัวของมันในตัวมันอยู่
00:54:00 → 00:54:02 แล้วดังนั้นเวลากลั่นหรือทำอะไรก็ตามแต่
00:54:02 → 00:54:04 พอแอลกอฮอล์มันถึงระดับนึงเนี่ยเชื้อมัน
00:54:04 → 00:54:05 ไม่เกิดอยู่แล้ว
00:54:05 → 00:54:05 >> อืๆ
00:54:06 → 00:54:09 >> แต่ในการทำ non เนี่ยเราต้องมาดูค่าพค่า
00:54:09 → 00:54:11 นู่นค่านี่อีกจะ shelf life ยังไงจะ
00:54:11 → 00:54:15 pasuriz ยังไงให้มันแบบเซฟที่สุดครับ
00:54:15 → 00:54:18 >> เนี่ยมันเลยทำให้เราใช้กรรมวิธีเยอะขึ้น
00:54:18 → 00:54:19 อื
00:54:19 → 00:54:22 >> เวลาเยอะขึ้นและนานขึ้นเอาแค่การกลั่น
00:54:22 → 00:54:26 ง่ายๆก่อนแล้วกันระบบการกลั่นแอลกอฮอล์
00:54:26 → 00:54:30 อยู่ที่ประมาณอ่ะ 68 องศถึงไม่เกิน 75
00:54:30 → 00:54:32 เรือปกตินะครับ
00:54:32 → 00:54:34 แต่ non l อ่ะยังไงก็ต้องขึ้น
00:54:34 → 00:54:35 >> อื
00:54:35 → 00:54:39 >> ไป water boiling point ก็คือ 99 98
00:54:39 → 00:54:39
00:54:39 → 00:54:40 >> เอ
00:54:40 → 00:54:41 >> และใช้เวลานานกว่า
00:54:41 → 00:54:42 >> อือ
00:54:42 → 00:54:44 >> ดังไงมันก็มีความแตกต่างอยู่แล้ว
00:54:45 → 00:54:45 >> ครับ
00:54:45 → 00:54:47 >> การหมักก็เหมือนกันครับคอมบูชะ
00:54:47 → 00:54:48 >> อื
00:54:48 → 00:54:51 >> ถ้าดูแลไม่ดีและไม่สามารถที่ดูแลได้เนี่ย
00:54:51 → 00:54:55 มันก็มีผลมีโทษเหมือนกันพวก
00:54:55 → 00:54:58 >> Food Poisoning ใช่ดังนั้นเนี่ยคนที่ทำ
00:54:58 → 00:55:00 พวกเอ่อคอมชาพวกเนี้ยเขาก็จะเป็นคนที่
00:55:00 → 00:55:01 ค่อนข้างละเอียดเลยแหละ
00:55:01 → 00:55:02 >> อือๆ
00:55:02 → 00:55:04 >> อือเราเลยมองว่ากลุ่มเนี้ยก็เป็นอีกกลุ่ม
00:55:04 → 00:55:08 นึงที่อยากให้โตขึ้นในเมืองไทยในรูปแบบ
00:55:08 → 00:55:10 ของ Socialized Drink มากกว่า Probiotic
00:55:10 → 00:55:11 Drink
00:55:11 → 00:55:12 >> อื
00:55:12 → 00:55:14 >> เพราะผมเห็นมีความรู้สึกว่ามันเป็นสิ่ง
00:55:14 → 00:55:16 ที่จับต้องง่าย
00:55:16 → 00:55:16 >> อ่า
00:55:16 → 00:55:17 >> เริ่มต้นง่าย
00:55:17 → 00:55:20 >> อันนี้น่าสนใจฮะเออก็คือคนจะรู้สึกว่ามัน
00:55:20 → 00:55:23 คือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพโพบติกนู่นนี่
00:55:23 → 00:55:26 จริงๆมันไปอยู่อีกขานึงได้คือโซเชียลถูก
00:55:26 → 00:55:29 ต้องถูกต้องเออไอ้อย่างผมเนี่ยก็มันจะมี
00:55:29 → 00:55:31 อันนึงอย่างที่ผมบอกครับของ goldy ถ้า
00:55:31 → 00:55:34 เกิดมันจะมีอันนึงที่เรียกว่า spa
00:55:34 → 00:55:34 >> อื
00:55:34 → 00:55:36 >> นะครับหรือแม้กระทั่งของที่ร้านผมเนี่ยจะ
00:55:36 → 00:55:38 มีตัวที่เป็นแชandyเราทำเป็นเบียร์คอกเทล
00:55:39 → 00:55:40 ในขวดของสต๊อกฮเนี่ย
00:55:40 → 00:55:41 >> อ
00:55:41 → 00:55:43 >> มันก็จะมีไวเหมือนเบียร์
00:55:43 → 00:55:46 อืแต่เพียงแค่ว่า test จะต่างกันไป
00:55:46 → 00:55:46 >> ครับ
00:55:46 → 00:55:49 >> ซึ่งผมมองว่าถ้าสมมุติเนี่ยมันมาถึงจุด
00:55:49 → 00:55:53 ของการทำnonฮอicที่เข้าสู่ wave ของ Sober
00:55:54 → 00:55:55 Curious แล้วเนี่ย
00:55:55 → 00:55:56 >> ผมคิดว่า
00:55:56 → 00:55:59 >> วัฒนธรรมเนี้ยมันจะสร้างความสนุกให้กับคน
00:55:59 → 00:56:01 ได้อีกเยอะมากเลย
00:56:01 → 00:56:04 >> เราไม่ได้มองแค่เรื่องของการดื่มนะผมมอง
00:56:04 → 00:56:07 อีกหลายๆอย่างในหลายๆมุมมองเช่นถ้ามันมี
00:56:07 → 00:56:11 บารตอนกลางวันได้ล่ะนั่นแปลว่าคนที่เค้า
00:56:11 → 00:56:12 ทำงานกลางคืนไม่ไหวแล้ว
00:56:12 → 00:56:15 >> อืไม่ว่าจะปัญหาสุขภาพไม่ว่าคนที่จะเริ่ม
00:56:15 → 00:56:18 มีครอบครัวอยากใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
00:56:18 → 00:56:21 หรือต่างๆนานาคนที่อายุไม่ถึงครับ
00:56:21 → 00:56:25 >> เค้าก็มาสามารถอ่ะอย่างเช่นดีเจอายุ 16
00:56:25 → 00:56:25 >> อ
00:56:25 → 00:56:26 >> มาเปิดที่ร้านผมได้
00:56:26 → 00:56:28 >> เออไม่ต้องไปตอนกลางคืน
00:56:28 → 00:56:30 >> ไม่ต้องไปตอนกลางคืนนักรัฐดนตรี
00:56:30 → 00:56:32 >> เอ่อมหาลัย
00:56:32 → 00:56:35 อยากมาร้องมาลองลงเวทีจริงก็มาที่ร้านผม
00:56:35 → 00:56:35 ได้
00:56:35 → 00:56:38 >> อืก็จะบรรยากาศเป็นบาร์
00:56:38 → 00:56:38 >> ถูกต้องครับ
00:56:38 → 00:56:40 >> ตอนกลางคืนเลยใช่มแต่กลางวันเถ
00:56:40 → 00:56:42 >> ใช่แล้วก็นั่งดื่มดื่มควายดื่มเบียร์อือ
00:56:42 → 00:56:43 >> ก็เหมือนเลยครับ
00:56:43 → 00:56:43 >> อือ
00:56:44 → 00:56:45 >> แต่เพียงแค่ว่าไม่มีแอลกอฮอล์
00:56:45 → 00:56:45 >> อือ
00:56:46 → 00:56:48 >> นั่นแปลว่า
00:56:48 → 00:56:50 >> คนที่เค้าเริ่มอยากดูแลสุขภาพตัวเองหรือ
00:56:50 → 00:56:54 ทำงานกลางคืนไม่ไหวเนี่ยเราก็เปิดเอ่อ
00:56:54 → 00:56:56 เค้าเรียกว่า opportunity ให้เค้าโอกาส
00:56:56 → 00:56:59 ที่จะแบบช่องทางใหม่ๆที่เข้าให้ไปทำได้
00:56:59 → 00:57:00 >> ใช่ครับผม
00:57:00 → 00:57:00 >> อื
00:57:00 → 00:57:02 >> เรามองไปถึงตรงจุดนั้น
00:57:02 → 00:57:02 >> อื
00:57:02 → 00:57:04 >> เพียงแค่ว่าถ้ามันไม่มีอะไรที่มันหลาก
00:57:04 → 00:57:08 หลายและขมาฟิตตรงนั้นได้เนี่ยโอกาสที่จะ
00:57:09 → 00:57:10 เกิดมันก็ยาก
00:57:10 → 00:57:10 >> อื
00:57:10 → 00:57:14 >> ดังนั้นผมถึงได้ยังเอาเอ่อเวฟแรกเนี่ย
00:57:14 → 00:57:16 พยายามทำเวฟแรกให้เกิดในเมืองไทยให้
00:57:16 → 00:57:20 สำเร็จก่อนเพื่อที่วันนึงเนี่ย
00:57:20 → 00:57:23 คุณจะมีสิ่งเนี้ยสมมุติร้านกาแฟ
00:57:23 → 00:57:23 >> อือ
00:57:23 → 00:57:25 >> คุณมีอีกโซนนึงที่เป็นbarารในร้านกาแฟได้
00:57:25 → 00:57:29 เนี่ยนั่นแปลว่าคนที่เดินเข้ามาหลัง 14:00
00:57:29 → 00:57:30 น.เนี่ย
00:57:30 → 00:57:31 >> ก็ยังดื่มร้านคุณได้อยู่
00:57:31 → 00:57:34 >> ใช่เค้ายังมีอะไรที่เค้ายังสามารถเลือก
00:57:34 → 00:57:35 ได้อยู่
00:57:35 → 00:57:38 >> เออใช่ครับเป็นปัญหามากคือรักกาแฟก็จะปิด
00:57:38 → 00:57:41 เร็วเนอเพราะไม่มีใครดื่มตอนบ่ายละอือ
00:57:41 → 00:57:43 >> คือบางครั้งก็อาจจะไม่ได้ปิดเร็วหรอกแต่
00:57:43 → 00:57:46 ต้องทนจนอยู่จนเย็นให้ได้
00:57:46 → 00:57:47 >> อยู่จนเย็นให้ได้
00:57:47 → 00:57:49 >> ใช่ผมเลยมองว่าเออถ้ามันมีอะไรพวกเนี้ย
00:57:49 → 00:57:53 เข้ามาช่วยได้บรรเทาได้หรือว่าเพิ่มสิ่ง
00:57:53 → 00:57:55 เนี้ยเข้าไปได้เนี่ยมันน่าสนใจนะ
00:57:55 → 00:57:56 >> อือ
00:57:56 → 00:57:59 [เพลง]
00:57:59 → 00:58:03 แล้วถามคุณโกว่า 6 ปีที่ทำมาเนี่ยเห็น
00:58:03 → 00:58:05 ความเติบโตของมันแค่ไหนฮะ
00:58:05 → 00:58:08 >> เห็นความเติบโตของมันแค่ไหนผมถ้าในมุมมอง
00:58:08 → 00:58:10 ผมค่อนข้างเติบโตนะ
00:58:10 → 00:58:10 >> อือ
00:58:10 → 00:58:12 >> เพราะว่าอย่างที่บอกครับผมอยู่กับกลุ่มคน
00:58:12 → 00:58:13 ที่ไม่ดื่ม
00:58:13 → 00:58:14 >> เออใช่
00:58:14 → 00:58:16 >> ดังนั้นเนี่ยตอนที่ผมอยู่กับคนที่ดื่มผม
00:58:16 → 00:58:19 ไม่เห็นคนที่ไม่ดื่มเลยผมจะไม่เห็นเขาเลย
00:58:19 → 00:58:19 >> อ
00:58:19 → 00:58:21 >> เพราะผมถือว่าผมก็ยังอยู่กับกลุ่มนี้อยู่
00:58:22 → 00:58:22 >> ใช่
00:58:22 → 00:58:24 >> อืมแล้วผมก็ยังมีmindsซตว่าเอ้ยไม่มี
00:58:24 → 00:58:26 แอลกอฮอล์แล้วจะดื่มทำไมเออแต่พอเราแพ้
00:58:26 → 00:58:30 เนี่ยเราจะรู้เลยว่ากลุ่มที่ทั้งแพ้
00:58:30 → 00:58:32 แอลกอฮอล์กลุ่มที่ไม่อยากดื่มตั้งแต่แรก
00:58:32 → 00:58:34 อยู่ๆโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ครับเค้าโผล่มา
00:58:34 → 00:58:37 เรื่อยๆเลยโผล่มากลุ่มศาสนา
00:58:37 → 00:58:37 >> อือ
00:58:38 → 00:58:38 >> กลุ่มหมอ
00:58:39 → 00:58:41 >> หมอนี่เพียบเลยหมอจะมีทั้ง 2 แบบเลยทั้ง
00:58:41 → 00:58:42 ดื่มและไม่ดื่ม
00:58:42 → 00:58:45 >> แต่หมอบางคนเนี่ยถ้าเขาเข้าเวรเ้าดื่มไม่
00:58:45 → 00:58:45 ได้
00:58:45 → 00:58:48 >> อ๋ออ่ะเป็นเรื่องของผลิตบันนะ
00:58:48 → 00:58:50 >> ใช่ใช่เค้าก็จะรู้สึกว่าเข้าไปแล้วเนี่ย
00:58:50 → 00:58:52 มันมันมีเอฟเฟคอ
00:58:52 → 00:58:54 >> นะครับพอเค้าไม่ดื่มแล้วเค้าได้มาดื่มที่
00:58:54 → 00:58:56 ร้านเราอย่างเงี้ยเค้าก็จะรู้สึกว่าคือ
00:58:56 → 00:58:59 เค้าก็ก็ได้แบiนแล้วอ่ะกลับไปทำงานแฮปปี้
00:58:59 → 00:59:03 >> เออเออก็ดีครับดูแบบเป็นช่องทางใหม่ๆเป็น
00:59:03 → 00:59:04 โอกาสใหม่ๆ
00:59:04 → 00:59:05 >> ครับ
00:59:05 → 00:59:07 >> ที่ค่อนข้างยังไม่ค่อยมีคนเห็นเท่าไหร่
00:59:07 → 00:59:10 เนาะแล้วคุณโอ๊ก็พยายามจะให้เปิดกันเยอะๆ
00:59:10 → 00:59:12 ด้วยไม่ได้แบบกลัวเปิดแข่งเลยนะใช่มั้ฮะ
00:59:12 → 00:59:14 >> ใช่ไม่ไม่ผมผมต้องบอกอย่างงี้ผมเป็นคนที่
00:59:14 → 00:59:16 เชื่อในเรื่องของ Healthy Competition
00:59:16 → 00:59:16 ครับ
00:59:16 → 00:59:17 >> ผมไม่แข่ง
00:59:17 → 00:59:17 >> อื
00:59:18 → 00:59:20 >> ผมเชื่อว่า
00:59:20 → 00:59:22 การทำพวกเนี้ยให้มันเติบโตขึ้นน่ะอ่ายก
00:59:22 → 00:59:25 ตัวอย่างเช่นตอนเนี้ยถ้าผมเล่นบอลน่ะ
00:59:25 → 00:59:25 >> อือ
00:59:25 → 00:59:27 >> ผมคือโกคนเดียวในสนามอ่ะ
00:59:27 → 00:59:28 >> อือ
00:59:28 → 00:59:30 >> ผมไม่มีผู้เล่นอื่นเลยคือผมอ่ะเชื่อว่า
00:59:30 → 00:59:33 ถ้ามีผู้เล่นอื่นเออเยอะๆเนี่ยมันจะสนุก
00:59:33 → 00:59:36 ขึ้นครับเพราะว่าพอมันเกิด competition
00:59:36 → 00:59:38 ขึ้นอ่ะสมมุติมันมีเกิดการแข่งขันโดยการ
00:59:38 → 00:59:41 ใช้ Spiritit Sober W อะไรอย่างเงี้ย
00:59:41 → 00:59:43 >> มันก็สามารถเกิด Mixology Contest
00:59:43 → 00:59:44 >> อือ
00:59:44 → 00:59:47 >> ถูกมั้ครับมันสามารถเกิดได้หลายหลากหลาย
00:59:47 → 00:59:50 มากเลยธุรกิจตอนกลางวันเช่นเอ่ออย่างบน
00:59:50 → 00:59:51 เรือ
00:59:51 → 00:59:52 >> บนเรือที่เขา้าเป็นเรือท่องเที่ยวทุกวัน
00:59:53 → 00:59:54 เนี้ยบางที่เค้าก็ไม่ให้เอาแอลกอฮอล์ขึ้น
00:59:54 → 00:59:55 >> อือๆ
00:59:55 → 00:59:56 >> แต่ถ้าเป็นโซเบอร์ล่ะ
00:59:56 → 00:59:57 >> อือ
00:59:57 → 01:00:00 >> แล้วคุณสามารถเซิร์ฟ non alกอฮอลิคบนเรือ
01:00:00 → 01:00:00 ได้ล่ะ
01:00:00 → 01:00:00 >> อือ
01:00:00 → 01:00:04 >> เนี่ยผมกำลังมองตรงนี้แม้กระทั่งสมมุติ
01:00:04 → 01:00:07 อยู่ๆนะอ่ะคิดไปไกลเลยมีโซเบอร์ Bar ใน
01:00:07 → 01:00:11 บ้านแบบบ้านพักคนชราอย่างเงี้ยเหรออืผม
01:00:11 → 01:00:14 ว่ามันก็น่ารักนะตามไปจัดอีเวน์ให้กับ
01:00:14 → 01:00:16 เา้าอย่างเงี้ยผมก็เคยแบบคิดนะว่าถ้าไป
01:00:16 → 01:00:19 จัดอีเวentกับทางนั้นเราอาจจะใช้พวกชาพวก
01:00:19 → 01:00:22 ชาสมุนไพรแล้วทำเป็นออกเป็นโซเบอร์คอกเทล
01:00:22 → 01:00:24 ให้เแบบได้ Enjoy กันอะไรอย่างงี้
01:00:24 → 01:00:25 >> อ
01:00:25 → 01:00:25 >> ใช่
01:00:25 → 01:00:28 >> เรื่องรสชาติมันน่าจะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
01:00:28 → 01:00:30 นะเพราะผมผมเชื่อว่ามันจะน่าจะพัฒนาไปได้
01:00:30 → 01:00:33 เรื่อยๆคืออะไรก็ตามที่เราเคยดื่ม
01:00:33 → 01:00:35 แอลกอฮอล์แล้วมันได้เนี่ยครับผมว่ามัน
01:00:35 → 01:00:37 สามารถทำอยู่ในนอนแอลกอฮอล์ได้หมดผมเชื่อ
01:00:37 → 01:00:40 ว่ารุ่นต่อๆไปครับจะไม่ได้มองเรื่องของ
01:00:41 → 01:00:41 traditional
01:00:41 → 01:00:42 >> อือ
01:00:42 → 01:00:45 >> เยอะขนาดนั้นมันจะมีเป็นแค่เป็นกลุ่มครับ
01:00:45 → 01:00:45 อ
01:00:45 → 01:00:45 >> ครับ
01:00:45 → 01:00:47 >> กลุ่มนึงอาจจะชอบความ traditional ก็ยัง
01:00:47 → 01:00:51 อยู่แต่อีกกลุ่มนึงอ่ะที่เขา้าชอบเปิดโลก
01:00:51 → 01:00:53 ชอบ explore อืออือ
01:00:53 → 01:00:56 >> เค้าก็จะเป็นอีกกลุ่มนึงผมตีไว้ 5050
01:00:56 → 01:00:57 แหละ
01:00:57 → 01:00:57 >> อือ
01:00:57 → 01:01:00 >> อืแต่กลุ่มทั้ง 2 กลุ่มเนี้ยเค้าก็จะ
01:01:00 → 01:01:01 exchange
01:01:01 → 01:01:01 >> อือ
01:01:01 → 01:01:03 >> เอ่อFlavอกัน
01:01:03 → 01:01:04 >> อือ
01:01:04 → 01:01:06 >> ใช่ผมเลยมีความรู้สึกว่าเออถ้าในอนาคตมี
01:01:06 → 01:01:09 ใครทำแบรนด์ออกมาเรื่อยๆไม่ว่าจะ
01:01:09 → 01:01:12 Handcraft Commercial หรืออะไรเงี้ย
01:01:12 → 01:01:14 แล้วกล้าทำเนี่ยผมว่าตลาดจะสนุกขึ้นเยอะ
01:01:14 → 01:01:15 เลย
01:01:15 → 01:01:19 >> อืถ้าจะไปที่เอ่อสต๊อกฮมใช่มั้ฮะที่เป็น
01:01:19 → 01:01:20 บาร์ตอนนี้อยู่
01:01:20 → 01:01:20 >> ครับผม
01:01:20 → 01:01:22 >> ต้องไปที่ไหนบ้างกี่โมงครับ
01:01:22 → 01:01:25 >> เอ่ออยู่ที่รามกำแหง 112 ครับเอ่อหมู่
01:01:26 → 01:01:26 บ้านสากร
01:01:27 → 01:01:30 >> นะครับเราเปิดตอน 14:00 น.ถึง 22:00 น.
01:01:30 → 01:01:31 >> ทำไมต้อง 14:00 น.ครับ
01:01:31 → 01:01:33 >> ทำไมต้อง 14:00 น.หรอครับผมคิดว่าตอนช่วง
01:01:33 → 01:01:36 เช้าอ่ะครับคนก็ยังเร่งรีบอยู่
01:01:36 → 01:01:38 >> ยังไม่มีเวลาชิลขนาดนั้น
01:01:38 → 01:01:40 >> แต่หลัง 14:00 น.บางที่เนี่ยเขาก็ work
01:01:40 → 01:01:43 from home บ้างนะครับถ้า work from
01:01:43 → 01:01:45 home ไม่ต้องหวังเลยครับตื่น 7:00 น.
01:01:45 → 01:01:45 เนี่ย
01:01:45 → 01:01:47 >> เออเตื่นตอนตื่นแน่นอน
01:01:47 → 01:01:49 >> นะครับแล้วถ้าวางแผนไปสัมพากรเนี่ยมันไม่
01:01:49 → 01:01:51 ได้มีแค่สต๊อกฮมครับอย่างที่บอกครับวาง
01:01:51 → 01:01:52 แผนไปก่อนเลย
01:01:52 → 01:01:56 >> ถ้าไปเที่ยวสต๊อกฮมเนี่ยของทานอาหารเพียบ
01:01:56 → 01:01:57 >> มีแนะนำเลยฮะสกอร
01:01:57 → 01:02:00 >> เพียบเลยครับก็ถ้าใกล้ๆของร้านผมก็จะมี
01:02:00 → 01:02:00 ม่านเมือง
01:02:00 → 01:02:01 >> บ้านเมืองร้านอาหารเหนือง
01:02:01 → 01:02:03 >> ครับผมร้านอาหารเหนืองแล้วก็จะมีร้านข้าว
01:02:03 → 01:02:05 ต้มเป็ดข้างๆกันเลยอย่างเงี้ยเออ
01:02:05 → 01:02:06 >> อืข้างในนั้นมีอะไรเยอะมากเลยครับ
01:02:06 → 01:02:09 >> ครับก็จะเลยเปิด 14:00 น.เพื่อที่ว่าเรา
01:02:09 → 01:02:12 จะรับกลุ่มคนที่เ้าเลิกงานเนี่ยบางคนเขา
01:02:12 → 01:02:16 จะมีกลุ่มที่แบบมาเอ่อพักเที่ยงแล้วเอาจ
01:02:16 → 01:02:17 จะพักเรทหน่อยอ
01:02:17 → 01:02:19 >> กับกลุ่มที่เลิกงาน 17:00 น.อย่างน้อย
01:02:19 → 01:02:22 เค้าก็มีเวลามานั่งชิลสัก 2-3 ชั่วโมงใช่
01:02:22 → 01:02:24 ถ้าปิดเร็วไปหรือเปิดเร็วไปเนี่ยเราไม่
01:02:24 → 01:02:26 ใช่ร้านกาแฟและเราก็ไม่ใช่บาร
01:02:26 → 01:02:29 >> ผมเลยมองว่าอ่ะก็เลือกตรงกลางเลยแล้วกัน
01:02:29 → 01:02:29 >> อื
01:02:29 → 01:02:30 >> เป็น 14:00 น.ถึงกี่โมงครับ
01:02:30 → 01:02:34 >> 22:00 น.ครับผมออก็ได้แบบเป็นช่วงเออ
01:02:34 → 01:02:38 ช่วงช่วงเวลาทองเลยนะที่กาแฟก็ไม่ขายแล้ว
01:02:38 → 01:02:39 บายยังไม่เปิด
01:02:39 → 01:02:43 >> ใช่และกลับบ้านนอนก็Healthตี้ในตอน 22:30
01:02:43 → 01:02:45 น. 23:00 น.ก็ก็ถือว่าเป็นเวลานอนที่ดี
01:02:45 → 01:02:45 ครับ
01:02:45 → 01:02:49 >> อืดีครับแล้วถ้าเกิดเป็นสโกนี่จะเป็น
01:02:49 → 01:02:50 อย่างงี้ไม่ใช่เป็นไม่ใช่เป็นที่ที่คน
01:02:50 → 01:02:51 เข้าไปได้ใช่มั้ฮะ
01:02:51 → 01:02:54 >> ครับผมสโกนี่จะเปิดเฉพาะเวลามีคนเอ่อ
01:02:54 → 01:02:57 สมัครเข้ามาเรียนมาจองคอร์สเรียนอะไร
01:02:57 → 01:02:58 อย่างงี้
01:02:58 → 01:02:59 >> ซึ่งซึ่งเราสอนอะไรบ้างเนี่ย
01:02:59 → 01:03:01 >> ก็ผมก็จะสอนเกี่ยวกับนอนแอลกอฮอล์หมดเลย
01:03:01 → 01:03:03 ครับเพราะว่าเราจะสอนเรื่องของ
01:03:03 → 01:03:05 inspiration มากกว่าว่า Flavor pairing
01:03:06 → 01:03:08 บ้างสอนเกี่ยวกับ drink design ว่าใช้
01:03:09 → 01:03:12 วัตถุดิบแบบไหนอย่างเช่นทำ coffee คอกเทล
01:03:12 → 01:03:15 ยังไงทำทีคอกเทลแบตนอนแอลกอฮอล์ยังไงให้
01:03:15 → 01:03:17 สร้างความ complex มากขึ้น
01:03:17 → 01:03:20 >> มีวิธีแบบไหนบ้าง inspire เให้รู้สึกว่า
01:03:20 → 01:03:22 >> คุณไม่ต้องอยู่แค่นี้นะ
01:03:22 → 01:03:22 >> อื
01:03:22 → 01:03:26 >> ตามที่คุณเห็นในในโลกโซเชียลเนี่ยคุณ
01:03:26 → 01:03:28 สามารถไปได้ไกลกว่านั้นด้วยสิ่งที่คุณมี
01:03:28 → 01:03:29 อยู่
01:03:29 → 01:03:29 >> อื
01:03:29 → 01:03:32 >> ยกตัวอย่างเช่นบางคนทำเกี่ยวกับสมุนไพร
01:03:32 → 01:03:32 ไทย
01:03:32 → 01:03:32 >> ครับ
01:03:32 → 01:03:35 >> แล้วก็จะ inspire เขาได้ว่าคุณก็ลองเอา
01:03:35 → 01:03:36 สิ่งนี้มาทำสิ
01:03:36 → 01:03:36 >> อือ
01:03:36 → 01:03:40 >> ที่บ้านเคยเอ่อคุณแม่ชอบต้มพวกน้ำสมุนไพร
01:03:40 → 01:03:42 มะตูมอะไรอีกอย่างคุณก็เอาพวกนั้นมาเป็น
01:03:42 → 01:03:43 เบสดูสิอื
01:03:43 → 01:03:46 >> อือะไรพวกเนี้ยผมพยายามอยากจะเปิดโลก
01:03:46 → 01:03:49 กว้างให้กับคนที่เข้ามาแล้วส่วนใหญ่คนที่
01:03:49 → 01:03:51 มาเรียนกับผมน่ะจะเป็นคนที่เรียกว่าเจ้า
01:03:51 → 01:03:53 ของกิจการแล้วกัน
01:03:53 → 01:03:53 >> อือ
01:03:53 → 01:03:56 >> มากกว่าที่จะเป็นเอ่อพนักงาน
01:03:56 → 01:03:56 >> ครับ
01:03:56 → 01:03:58 >> เพราะเค้าเข้ามาแล้วเนี่ยเขาจะได้สิ่งนึง
01:03:58 → 01:03:59 กลับไป
01:03:59 → 01:04:00 >> อื
01:04:00 → 01:04:03 >> ที่มันมากกว่าที่เขาจะรู้สึกว่าอ้อมันไม่
01:04:03 → 01:04:05 ใช่มาผมไม่ได้มาสอนเข้ามาปุ๊บเจอสูตร 10
01:04:05 → 01:04:07 สูตร 20 สูตรไม่ใช่
01:04:07 → 01:04:08 >> แต่คุณเข้ามาเนี่ย
01:04:08 → 01:04:09 >> คุณต้องไม่ตัน
01:04:09 → 01:04:10 >> อือ
01:04:10 → 01:04:13 >> ในค่า 10 5 ปีข้างหน้า 10 ปีข้างคุณต้อง
01:04:13 → 01:04:14 ไปต่อได้
01:04:14 → 01:04:16 >> เออคือเราไม่ได้บอกให้ทำอย่างนั้นแต่ให้
01:04:16 → 01:04:18 คุณไปคิดต่อว่าคุณทำอะไรทำนั้น
01:04:18 → 01:04:20 >> ใช่ครับแล้วเราก็จะบอกว่าเอ่อ inspiration
01:04:20 → 01:04:23 ของวัตถุดิบพวกเนี้ยมันใช้ method ไหนได้
01:04:23 → 01:04:25 บ้างใช้เทคนิคไหนได้บ้าง
01:04:25 → 01:04:26 >> อสอนMethodอด้วยมั้ยครับ
01:04:26 → 01:04:26 >> ก็มีครับ
01:04:26 → 01:04:28 >> ก็มีด้วยใช่มด้วยครับมีด้วย
01:04:28 → 01:04:29 >> ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ไหนครับ
01:04:29 → 01:04:29 เนี่ย
01:04:29 → 01:04:31 >> เอ่อใน SOD Drink Academy ครับผม
01:04:31 → 01:04:33 >> เออ SC.Drink Drink Academy ใน IG ครับ
01:04:34 → 01:04:35 >> ใน IG นะฮะ
01:04:35 → 01:04:36 >> โกนี่เป็นภาษา
01:04:36 → 01:04:36 >> Swedish
01:04:36 → 01:04:37 >> Swedish นะ
01:04:37 → 01:04:38 >> ใช่ SK
01:04:38 → 01:04:40 >> SK Drink Academy
01:04:40 → 01:04:41 >> ใช่ครับผม
01:04:41 → 01:04:44 >> ส่วน Stockholm ก็อีก IG นึง
01:04:44 → 01:04:46 >> อีก IG นึงครับ Stockholm BKK ครับ
01:04:46 → 01:04:46 >> ครับ
01:04:46 → 01:04:48 >> แต่ Stockhol เนี่ยมันจะมีตัว EON อยู่
01:04:48 → 01:04:53 เลย STO O C H O M E
01:04:53 → 01:04:53 >> BKK
01:04:53 → 01:04:57 >> อืก็ดีครับก็คือถ้าใครอยากจะเข้าไปลอง
01:04:57 → 01:05:01 บรรยากาศบาร์ครับ Non แอลกอฮอล์โซเบอร์
01:05:01 → 01:05:04 เนี่ยครับก็ไปที่เลยใครอยากจะมีความรู้
01:05:04 → 01:05:06 เรื่องนี้ก็สามารถไปได้ที่นะ
01:05:06 → 01:05:09 >> ใช่ครับผมก็เชียร์นะผมอยากให้มันมีสิ่ง
01:05:09 → 01:05:11 นี้เกิดขึ้นเยอะๆเลยอ่ะครับเพราะว่าอย่าง
01:05:11 → 01:05:14 น้อยตอนเนี้ยมันมีทั้งวัยรุ่นที่เริ่มไม่
01:05:14 → 01:05:17 ดื่มคนแก่ที่ดื่มไม่ได้แล้วอะไรอย่าง
01:05:17 → 01:05:19 เงี้ยเยอะใช่แล้วก็ถ้ามันมีให้หลากหลาย
01:05:19 → 01:05:22 มากขึ้นเนี่ยผมว่าเออมันมันดีกับเรื่อง
01:05:22 → 01:05:23 สุขภาพด้วยแหละ
01:05:23 → 01:05:23 >> ใช่
01:05:23 → 01:05:25 >> แต่ว่าก็ไม่ได้บอกว่าจะห้ามดื่มแอลกอฮอล์
01:05:25 → 01:05:25 แล้ว
01:05:25 → 01:05:26 >> อ่าตัวเรา
01:05:26 → 01:05:27 >> คุณก็จะดื่มได้อยู่
01:05:27 → 01:05:28 >> ถูกป่ะ
01:05:28 → 01:05:29 >> แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ครับแล้วก็
01:05:30 → 01:05:31 วันนี้ขอบคุณคุณโอ๊คมากเลยที่มาเล่าเอา
01:05:31 → 01:05:33 เรื่องนี้ให้ฟังนะฮะตอบคำถามหลายคำถามมาก
01:05:33 → 01:05:37 >> ขอบคุณเช่นเดียวขอบคุณมาก
01:05:37 → 01:05:47 [เพลง]