00:00:06 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ดิฉันสุด
00:00:09 → 00:00:13 ธิดาพรปริปและนี่คือศัลยกรรมความสุข
00:00:13 → 00:00:16 รายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความสุขมาก
00:00:16 → 00:00:19 ขึ้นมีความทุกข์น้อยลง
00:00:19 → 00:00:24 คุณผู้ฟังครับในแต่ละปีเขาก็จะมีพิธีมอบ
00:00:24 → 00:00:27 รางวัลหลากหลายสาขาหลากหลายรางวัลนะครับ
00:00:27 → 00:00:29 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงเขาก็จะมี
00:00:29 → 00:00:33 ออสก้าออสก้านะครับแล้วก็ถ้าเป็นสาขา
00:00:33 → 00:00:37 ดนตรีมีหลายสาขานะครับแต่ถ้าเกิดว่ามันมี
00:00:37 → 00:00:40 อยู่รางวัลหนึ่งครับการมอบรางวัลรางวัล
00:00:40 → 00:00:43 หนึ่งเป็นมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลยครับผม
00:00:43 → 00:00:46 เชื่อว่าถ้าพูดชื่อรางวัลปึ๊บ
00:00:46 → 00:00:50 ฟังแล้วพี่อ้อยต้องร้องอ๋อเลยนะครับพี่
00:00:50 → 00:00:52 อ้อยเตรียมตัวร้องออกนะครับ
00:00:52 → 00:01:00 รางวัลที่ว่าคือรางวัลโนเบลครับ
00:01:00 → 00:01:04 รางวัลโนเบลเนี่ยแล้วก็รางวัลโนเบลนี้เขา
00:01:04 → 00:01:08 มีหลายสาขาเหมือนกันมี 5 สาขา 5 สาขาครับ
00:01:08 → 00:01:12 มีอะไรบ้างครับมีเรื่องเคมีเคมีมีการ
00:01:12 → 00:01:16 แพทย์การแพทย์วรรณกรรมวรรณกรรมสันติภาพ
00:01:16 → 00:01:22 สันติภาพแล้วก็ฟิสิกส์ค่ะ
00:01:22 → 00:01:26 เพิ่มสาขาแล้วครับอ๋อเหรอคะวันนี้ผมจะมา
00:01:26 → 00:01:28 แนะนำให้พี่อ้อยและคุณผู้ฟังรู้จักกับ
00:01:28 → 00:01:30 รางวัลโนเบลสาขาใหม่ครับคือ
00:01:30 → 00:01:35 รางวัลโนเบลสาขาการหาข้ออ้าง
00:01:35 → 00:01:38 [เพลง]
00:01:38 → 00:01:42 ก่อนที่จะไปต่อนะคะที่มีรางวัลโนเบลเนี่ย
00:01:42 → 00:01:46 เขามอบให้กับใคร
00:01:46 → 00:01:48 ระดับนานาชาติ
00:01:48 → 00:01:54 แล้วมอบให้กับคนที่มีผลงานวิจัยอาชีพเป็น
00:01:54 → 00:01:58 ระดับระดับโลกหรือคนที่มีความอัจฉริยะ
00:01:58 → 00:02:02 แล้วก็มีความเชี่ยวชาญที่โดดเด่น
00:02:02 → 00:02:06 คำว่าอัจฉริยะและความเชี่ยวชาญที่โดดเด่น
00:02:06 → 00:02:12 เนี่ยถ้าเอามาอ่าสวมกับที่พี่วีพูดว่า
00:02:12 → 00:02:15 สาขาการหาข้ออ้างเนี่ย
00:02:15 → 00:02:19 แสดงว่าคนที่หาข้ออ้างจนได้รับรางวัล
00:02:19 → 00:02:22 โนเบลเนี่ยเขาต้องมีความอัจฉริยะเรื่อง
00:02:22 → 00:02:25 นี้และเชี่ยวชาญเรื่องนี้นะคะใช่แล้วถูก
00:02:25 → 00:02:29 ต้องเลยครับขนาดนั้นขนาดนั้นเลยครับถึง
00:02:29 → 00:02:32 ขั้นโนเบลต้องมอบรางวัลให้
00:02:32 → 00:02:36 ต้องเปิดสาขา
00:02:36 → 00:02:40 ที่มาของอันนี้เนี่ยเดี๋ยวต้องบอกก่อนเลย
00:02:40 → 00:02:43 ครับว่ารางวัลโนเบลสาขานี้ไม่มีอยู่จริง
00:02:43 → 00:02:44 นะครับ
00:02:44 → 00:02:48 เราแค่อยากจะบอกเฉยๆว่าคนจำนวนมากครับพี่
00:02:48 → 00:02:52 อ้อยที่เราไปเจอเนี่ยเราจะพบว่าเขามีข้อ
00:02:52 → 00:02:57 อ้างสารพัดแล้วคนที่หาข้ออ้างเก่งๆเนี่ย
00:02:57 → 00:03:13 ผมไปเจอคนคนหนึ่งครับ
00:03:13 → 00:03:17 [เพลง]
00:03:17 → 00:03:21 สำเร็จหรือไม่สำเร็จเนี่ยเราก็จะมีเหตุผล
00:03:21 → 00:03:25 เยอะไปหมดเลยใช่แต่ว่าหลายครั้งเนี่ยเหตุ
00:03:25 → 00:03:28 ผลเหล่านั้นเนี่ยกลายเป็นอุปสรรคของความ
00:03:28 → 00:03:31 สำเร็จเนี่ยมันเป็นเพียงแค่
00:03:31 → 00:03:35 ของตัวเขาเองซึ่งคนส่วนใหญ่
00:03:36 → 00:03:41 ไม่สามารถแยกแยะคำว่าเหตุผลและข้ออ้างนี่
00:03:41 → 00:03:44 แหละค่ะเราจึงต้องมาคุยกันเรื่องนี้ครับ
00:03:44 → 00:03:47 สาเหตุที่มาคุยเรื่องนี้พี่อ้อยรู้ไหม
00:03:47 → 00:03:52 ครับว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมไปพบคนคนหนึ่ง
00:03:52 → 00:03:55 สาเหตุที่ผมไปพบคนคนนี้เป็นเพราะว่า
00:03:55 → 00:03:58 เพื่อนเขาครับผมรู้จักกับเพื่อนเขาแล้วก็
00:03:58 → 00:04:01 สนิทกับเพื่อนเขามากแล้วเพื่อนเขาก็มี
00:04:01 → 00:04:03 ความรู้สึกว่า
00:04:03 → 00:04:06 เพื่อนเขาคนนั้นที่อยากให้เจอเขาอยากให้
00:04:06 → 00:04:08 เพื่อนเขาเจอผม
00:04:08 → 00:04:11 คนที่ผมรู้จักนะนายเอก่อน
00:04:11 → 00:04:16 ก็มีเพื่อนที่ในขอเขาก็อยากจะให้เพื่อน
00:04:16 → 00:04:20 ที่ชื่อในขอเนี่ยนะฮะเจอผมเพราะว่าเขาพบ
00:04:20 → 00:04:22 ว่าชีวิตของในขอเนี่ย
00:04:22 → 00:04:24 มันแปลกๆอ่ะ
00:04:24 → 00:04:43 [เพลง]
00:04:43 → 00:04:46 มาเจอมากินข้าวกันหน่อยไหมนะจะแนะนำให้
00:04:46 → 00:04:50 รู้จักเพื่อนแต่จริงๆอันนี้เป็นข้ออ้าง
00:04:50 → 00:04:53 แนะนำคือมาเจอกันไปกินข้าวเป็นข้ออ้างแต่
00:04:53 → 00:04:57 เหตุผลจริงๆคืออยากให้เพื่อนเขาได้เจอผม
00:04:57 → 00:05:01 แล้วก็ได้พูดคุยแล้วก็ผมจะได้ช่วย
00:05:01 → 00:05:05 เขาช่วยเพื่อนเขาให้พัฒนาตัวเองพอไปเจอ
00:05:05 → 00:05:09 ครับไปกินข้าวกันครับระหว่างที่กินข้าว
00:05:09 → 00:05:12 เขาก็บอกว่า
00:05:12 → 00:05:15 เขาก็เรียกผมว่าอาจารย์อาจารย์เก่งจังเลย
00:05:15 → 00:05:19 นะเพราะว่าอย่างนู้นอย่างนี้บอกอ๋อไม่เรา
00:05:19 → 00:05:21 ก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกเพียงแต่ว่าผมเจอคน
00:05:21 → 00:05:24 เยอะนะแล้วผมก็อ่านหนังสือมาเยอะอะไร
00:05:24 → 00:05:28 อย่างนี้พอพูดอย่างนี้ปุ๊บเขาบอกว่าอ๋อผม
00:05:28 → 00:05:31 รู้แล้วที่ผมว่าไม่ชีวิตไม่ค่อยดีไม่ค่อย
00:05:31 → 00:05:33 เก่งเป็นเพราะว่าผมอ่ะ
00:05:33 → 00:05:36 ไม่ชอบอ่านหนังสือนี่เองผมไม่ชอบอ่าน
00:05:36 → 00:05:39 หนังสือชีวิตผมก็เลยไม่ค่อยดีก็เลยเก่ง
00:05:39 → 00:05:42 ไม่ค่อยทำอะไรก็ไม่ค่อยสำเร็จไม่ได้สัก
00:05:42 → 00:05:43 อย่างอะไรอย่างเงี้ย
00:05:43 → 00:05:47 อันนี้เป็นผมก็สงสัยว่าการที่คนเราเนี่ย
00:05:47 → 00:05:50 ไม่อ่านหนังสือแล้วเขาก็บอกตัวเขาเองว่า
00:05:50 → 00:05:51 เขาไม่มีความรู้
00:05:51 → 00:05:53 [เพลง]
00:05:53 → 00:05:56 ผมก็เลยถามตัวเองว่าการที่คนคนนึงไม่อ่าน
00:05:56 → 00:05:59 หนังสือแล้วก็เลยไม่มีความรู้เนี่ย
00:05:59 → 00:06:02 เป็นเรื่องจริงหรือเป็นข้ออ้างพี่อ้อยคิด
00:06:03 → 00:06:06 ว่าเป็นเรื่องจริงที่เป็นข้ออ้าง
00:06:06 → 00:06:09 เป็นข้ออ้างเพราะอะไรครับถึงเป็นข้ออ้าง
00:06:09 → 00:06:14 ก็คือใจเนี่ยคิดว่า
00:06:14 → 00:06:17 ตัวเองไม่ชอบอ่าน
00:06:17 → 00:06:19 ก็เลยไม่ได้อ่าน
00:06:19 → 00:06:22 แล้วพอพี่บีบอกว่าผมอย่างนี้อย่างนั้น
00:06:22 → 00:06:26 แล้วก็จากการอ่านหนังสือมีความรู้จากการ
00:06:26 → 00:06:30 อ่านหนังสือก็จับต้นชนปลายเลยโป๊ะเลยว่า
00:06:30 → 00:06:35 อ๋อเขาไม่ได้อ่านเขาก็เลยไม่มีความรู้
00:06:35 → 00:06:37 เยอะเขาก็เลยไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
00:06:37 → 00:07:03 ค่ะ
00:07:03 → 00:07:06 ว่าไม่ได้อ่านหนังสือกันเลยไม่มีความรู้
00:07:06 → 00:07:10 เนี่ยผมก็เลยบอกว่าเอ๊ะแล้วคุณคิดว่าคน
00:07:10 → 00:07:14 เราเนี่ยความรู้เนี่ยมันได้มาจากการอ่าน
00:07:14 → 00:07:19 อย่างเดียวหรือเปล่ามันมีช่องทางอื่นที่
00:07:19 → 00:07:23 เราสามารถที่จะมีความรู้ได้อีกไหมโดยที่
00:07:23 → 00:07:28 ไม่ต้องอ่านมีไหมผมถามเขาเขาก็บอก
00:07:28 → 00:07:30 มันก็อาจจะมีนะครับ
00:07:30 → 00:07:33 เช่นอะไรเขาบอกคุณนึกไม่ออกผมก็เลยงั้นผม
00:07:33 → 00:07:35 จะยกตัวอย่างให้ฟังนะ
00:07:35 → 00:07:39 ผมว่านอกจากจะชอบอ่านหนังสือแล้วก็เลยมี
00:07:39 → 00:07:42 ความรู้แล้วแต่บางทีผมก็ไม่ค่อยมีเวลานะ
00:07:42 → 00:07:45 โดยเฉพาะยิ่งเวลาที่ผมเดินทางไปต่าง
00:07:45 → 00:07:48 จังหวัดเนี่ยไปบรรยายต่างจังหวัดผมต้อง
00:07:48 → 00:07:52 ขับรถ 3-4 ชั่วโมงเนี่ยผมก็จะใช้เวลา 3-4
00:07:52 → 00:07:54 ชั่วโมงนั้นน่ะไม่อ่านหนังสือเพราะขับรถ
00:07:54 → 00:07:59 อ่านไม่ได้แต่ผมจะฟังหนังสือ
00:07:59 → 00:08:14 เพราะสมัยนี้มันมีหนังสือเสียงไง
00:08:14 → 00:08:19 ฟังรายการวิทยุสารคดีเราก็มีความรู้ง่ายๆ
00:08:19 → 00:08:24 ก็คือเราสามารถมีความรู้ได้จากการฟัง
00:08:24 → 00:08:27 พอผมพูดอย่างนี้
00:08:27 → 00:08:31 อาจารย์เราก็มีความรู้ได้จากการฟังนะแต่
00:08:31 → 00:08:36 พอดีผมก็ไม่ชอบฟัง
00:08:36 → 00:08:39 ก็ไม่ชอบฟังไม่ชอบฟังวิทยุไม่ชอบฟัง
00:08:39 → 00:08:44 เหมือนกัน
00:08:44 → 00:08:47 เขาบอกว่าเขาไม่มีความรู้พ่อเขาไม่อ่าน
00:08:47 → 00:08:50 เพราะบอกว่าให้ฟังก็ไม่ชอบฟังอีก
00:08:50 → 00:08:56 ผมก็เลยถามอีกพยายามหาวิธีอีกนะบอกว่าถ้า
00:08:56 → 00:09:00 อย่างนั้นเนี่ยคุณคิดว่าเราอ่านหนังสือก็
00:09:00 → 00:09:03 ไม่ชอบฟังก็ไม่ชอบ
00:09:03 → 00:09:04 ถ้าเรา
00:09:04 → 00:09:09 คิดว่าเราดูหนังหรือเราดูทีวี
00:09:09 → 00:09:14 ดูสารคดีดูประวัติชีวิตคนที่เป็นแสนคดีใน
00:09:14 → 00:09:15 หนังเนี่ย
00:09:15 → 00:09:18 ที่ดีๆเนี่ยเราจะได้ความรู้ไหม
00:09:18 → 00:09:20 [เพลง]
00:09:20 → 00:09:24 เออก็มีนะครับมีหนังหลายเรื่องที่แบบว่า
00:09:24 → 00:09:27 เป็นประวัติของบุคคลที่ให้ความรู้เพราะดู
00:09:27 → 00:09:31 แล้วได้ความรู้อ่ะนะก็มีนะครับอาจารย์
00:09:32 → 00:09:37 ไม่มีมีดูทีวีดูหนังที่ได้ความรู้มีมี
00:09:37 → 00:09:39 แต่ผมก็ไม่ชอบดูครับ
00:09:39 → 00:09:43 [เสียงหัวเราะ]
00:09:43 → 00:09:45 แค่นี้
00:09:45 → 00:09:49 3 ข้ออ้างแล้ว
00:09:49 → 00:09:56 มอบรางวัลได้ยังครับ
00:09:56 → 00:10:00 โดดเด่นโดดเด่นนะงั้นผมไปต่อ
00:10:00 → 00:10:03 ตอนนี้พี่อ้อยกับคุณผู้ฟังเป็นกรรมการ
00:10:03 → 00:10:06 ช่วยตัดสินมอบรางวัลหน่อยนะ
00:10:06 → 00:10:12 ครับ
00:10:12 → 00:10:16 ดูก็ไม่ชอบดูก็ไม่ชอบหลังจากนั้นผมก็บอก
00:10:16 → 00:10:17 ว่า
00:10:17 → 00:10:20 ผมก็เลยกำลังนั่งคุยกันอยู่ 3 คนเนี่ยกิน
00:10:20 → 00:10:23 ข้าวไปด้วยคุยไปด้วยเนี่ยผมก็บอกว่าเออ
00:10:23 → 00:10:27 ตอนนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ครับเนี่ยผม
00:10:27 → 00:10:32 ถามเขาบอกกินข้าวอยู่ครับแล้วกินข้าวแล้ว
00:10:32 → 00:10:36 ก็คุยกันไปด้วยครับ
00:10:36 → 00:10:42 คุณคิดว่าการที่เราสนทนาพูดคุยแลกเปลี่ยน
00:10:42 → 00:10:46 ความคิดเห็นกับใครต่อใครกับเพื่อนกับคน
00:10:46 → 00:10:49 นู้นคนนี้เนี่ยกับคนรอบตัวรอบข้างเนี่ย
00:10:49 → 00:10:52 คิดว่ามันจะทำให้เรามีความรู้เพิ่มได้ไหม
00:10:53 → 00:10:54 [เพลง]
00:10:54 → 00:10:55 เขาก็บอก
00:10:55 → 00:11:00 ก็ได้นะอาจารย์เออเริ่มเห็นหนทางแล้วใช่
00:11:00 → 00:11:03 ไหมว่าจะทำให้เขา
00:11:03 → 00:11:07 พัฒนาตัวหรือมีความรู้ขึ้นมาได้จากอะไร
00:11:07 → 00:11:09 สักจากสักหนทางหนึ่ง
00:11:09 → 00:11:14 ถ้าไม่อ่านไม่ฟังไม่ดูอันนี้ไงสังสรรค์
00:11:14 → 00:11:16 กับเพื่อนสนทนากับเพื่อนเสียเวลากับ
00:11:16 → 00:11:18 เพื่อนก็มีความรู้ได้
00:11:18 → 00:11:22 เขาก็บอกว่าอาจารย์แต่ผมไม่ค่อยคบเพื่อน
00:11:22 → 00:11:23 นะครับ
00:11:23 → 00:11:26 [เสียงหัวเราะ]
00:11:26 → 00:11:29 [เพลง]
00:11:29 → 00:11:30 คือ
00:11:30 → 00:11:33 เพราะอะไรถึงไม่คบเพื่อนเขาก็บอกว่าพี่
00:11:33 → 00:11:35 เขาอ่ะครับ
00:11:35 → 00:11:39 บอกว่าเขาเนี่ยเป็นคนที่เชื่อคนง่าย
00:11:39 → 00:11:44 แล้วเจอใครก็เห็นคนนู้นดีเห็นคนนี้ถูกไป
00:11:44 → 00:11:48 หมดแล้วคือเขาก็พี่เขาอ่ะก็กลัวว่าน้อง
00:11:48 → 00:11:52 เขาจะโดนหลอกก็เลยบอกน้องเขาบอกว่าคุณไม่
00:11:52 → 00:11:56 ต้องคบใครเยอะหรอกอย่าไปคบคนมาก
00:11:56 → 00:11:59 เขาก็เลยไม่คบเพื่อนด้วยไม่ค่อยคบเพื่อน
00:11:59 → 00:12:02 ด้วย
00:12:02 → 00:12:07 ผมก็เลยนี่ผมมาถึง 4 คนทางแล้วในที่สุด
00:12:07 → 00:12:07 เนี่ย
00:12:07 → 00:12:12 ถามว่าผมตันไหม
00:12:12 → 00:12:16 ถ้าถามผมว่าผมตันไหมผมผมไม่ตัดผมยังถาม
00:12:16 → 00:12:17 ต่อได้
00:12:18 → 00:12:22 แต่ผมไม่ถามแล้วผมไม่ถามแล้วเพราะว่าผมพบ
00:12:22 → 00:12:25 ว่าชัดเจนเออมันชัดเจนว่า
00:12:25 → 00:12:29 จริงๆแล้วการที่เราจะไปพยายามหา
00:12:29 → 00:12:32 หนทางช่วยคนที่มีข้ออ้าง
00:12:33 → 00:12:35 แล้วเวลาที่เขามีข้ออ้าง
00:12:35 → 00:12:41 แล้วเราก็พยายามคัดจัดข้ออ้างนั้นด้วยหน
00:12:41 → 00:12:44 ทางใดๆเนี่ยผมพบว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่มี
00:12:44 → 00:12:45 ประโยชน์
00:12:45 → 00:12:50 การขจัดข้ออ้างไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
00:12:50 → 00:12:54 เพราะถ้าเราขจัดข้ออ้างนี้ได้
00:12:54 → 00:12:58 แล้วถ้าเกิดว่าเขาใช่ถ้าเกิดเขาเป็นบุคคล
00:12:58 → 00:13:04 ระดับ
00:13:04 → 00:13:08 ข้อที่ 1 ได้ครับจะมีข้ออ้างที่ 2 เราก็
00:13:08 → 00:13:12 จะที่ 2 เขาจะมีที่ 3 ถ้าเราไปจัดที่ 3
00:13:12 → 00:13:16 มีที่ 4 ไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีเพราะว่าเขา
00:13:16 → 00:13:17 เป็นระดับโนเบล
00:13:17 → 00:13:20 [เสียงหัวเราะ]
00:13:20 → 00:13:25 ไม่งั้นการขจัดข้ออ้างหรือหรือข้อโต้แย้ง
00:13:25 → 00:13:27 ของใครบางคน
00:13:27 → 00:13:29 ไม่
00:13:29 → 00:13:32 ประมาณว่าเหมือนว่าบางทีเขาอาจจะมีคำถาม
00:13:32 → 00:13:34 บางคำถาม
00:13:34 → 00:13:38 แต่เป็นคำถามที่เขาไม่ได้ต้องการคำตอบ
00:13:38 → 00:13:42 ถ้าเราตอบไปเขาจะมีคำถามนึงผุดขึ้นมาเสมอ
00:13:42 → 00:13:45 สิ่งนั้นไม่มีประโยชน์
00:13:45 → 00:13:50 เพราะมีธงอยู่ในใจแล้วถูกต้อง
00:13:50 → 00:13:56 คิดต่อเลยว่าอ้าวแล้วแสดงว่าเราตันสิ
00:13:56 → 00:13:59 เรายอมแพ้เหรอ
00:13:59 → 00:14:02 เปล่าครับ
00:14:02 → 00:14:05 คุณผู้ฟังลองสังเกตดูครับคนในชีวิตเราที่
00:14:05 → 00:14:08 เราเจอเนี่ย
00:14:08 → 00:14:12 มีข้ออ้างมีข้อขัดแย้งได้ทุกเรื่อง
00:14:12 → 00:14:14 เราก็จะพยายามหา
00:14:14 → 00:14:18 วิธีขจัดข้อโต้แย้งหรือข้ออ้างเหล่านั้น
00:14:18 → 00:14:21 บอกเลยว่าไม่มีประโยชน์เพราะ
00:14:21 → 00:14:25 เขามีธงอยู่ในใจอยู่แล้ว
00:14:25 → 00:14:29 ธงนี้หมายถึงอะไรก็คือเป้าหมายของเขา
00:14:30 → 00:14:33 ที่จะไม่ทำอะไรต่ออะไรที่จะไม่ทำอะไรอัน
00:14:33 → 00:14:38 นี้คือธงธงใหญ่ธงหลักของเขาเลยปักหมุดเอา
00:14:38 → 00:14:41 ไว้เลยเพราะฉะนั้นเราขจัดข้ออ้างไปมันก็
00:14:41 → 00:14:42 ผุดมาเรื่อยแหละ
00:14:42 → 00:14:45 ผมก็เลยจะถามเรื่องวิธีเลยว่าแล้วถ้า
00:14:45 → 00:14:47 อย่างนั้นเนี่ยเราเจอคนอย่างนี้เราจะทำ
00:14:47 → 00:14:50 ยังไง
00:14:51 → 00:14:54 ในมุมของพี่อ้อยนะคะ
00:14:54 → 00:14:58 คือวันนี้ก็ใช้เวลาของชีวิตในการที่ที่
00:14:58 → 00:15:01 อยากจะช่วยเหลือตอบแทน
00:15:01 → 00:15:06 ใครก็ตามเนี่ยได้ที่ทำได้ก็จะทำแต่ก็พบ
00:15:06 → 00:15:07 ว่า
00:15:07 → 00:15:11 เราไม่สามารถช่วยทุกคน
00:15:11 → 00:15:14 คนที่เราจะช่วยได้คือคนที่เขาต้องการรับ
00:15:14 → 00:15:17 ความช่วยเหลือ
00:15:17 → 00:15:19 ประสงค์จริงๆว่าเขาต้องการรับความช่วย
00:15:19 → 00:15:24 เหลือเพราะฉะนั้นถ้าคนที่เขาไม่ต้องการ
00:15:24 → 00:15:25 รับความช่วยเหลือ
00:15:25 → 00:15:29 ถึงเราจะช่วยไปเนี่ยเขาก็ไม่รับเขาก็จะ
00:15:29 → 00:15:33 รู้สึกว่าเรายัดเยียดด้วยซ้ำไปอาจจะแบบ
00:15:33 → 00:15:36 เขาเรียกว่าอะไรไม่พอใจด้วยซ้ำไปหงุดหงิด
00:15:36 → 00:15:39 ด้วยซ้ำไปเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคนที่มีธงใน
00:15:39 → 00:15:41 ใจของเขาเนี่ย
00:15:41 → 00:15:45 เขาก็จะมีข้ออ้างอยู่เต็มเลยที่จะไม่ทำ
00:15:45 → 00:15:49 อย่างที่พี่วีบอกอ่ะมีหนึ่งไปอีก 2 2 ไป
00:15:49 → 00:15:53 33 จนเป็นสิบๆอ่ะคือมันไม่มีสิ้นสุด
00:15:53 → 00:15:56 เพราะฉะนั้นเนี่ยคนแบบนี้
00:15:56 → 00:16:02 เราไม่สามารถช่วยเขาได้นะคะถ้าเขาไม่เอะ
00:16:02 → 00:16:05 ใจไม่เปลี่ยนใจที่อยากจะเปลี่ยนตัวเอง
00:16:05 → 00:16:10 แล้วก็ทิ้งข้ออ้างแล้วลองทำดูเมื่อไหร่
00:16:10 → 00:16:13 ไม่ถึงจุดนั้นเราช่วยเขาไม่ได้ค่ะพี่วี
00:16:13 → 00:16:15 ค่ะ
00:16:15 → 00:16:20 น่าสนใจมากเลยก็คือว่าเขา
00:16:20 → 00:16:22 เวลาที่เราไป
00:16:22 → 00:16:27 หาวิธีขจัดข้ออ้างเนี่ยเรากำลังพยายามนำ
00:16:27 → 00:16:32 เสนอวิธีหรือหนทางในการพัฒนาตัวให้เขา
00:16:32 → 00:16:33 แต่
00:16:33 → 00:16:37 สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าถ้าเราอยากจะทำนะก็
00:16:37 → 00:16:41 คือว่าเราไม่ต้องเสนอผลทางในการพัฒนาตัว
00:16:41 → 00:16:42 ใดๆให้เขา
00:16:42 → 00:16:45 แต่หนทางที่จะพอช่วยเขาได้นะก็คือว่า
00:16:45 → 00:16:51 หาหนทางทำยังไงที่จะทำให้เขาเกิดเอะใจว่า
00:16:51 → 00:16:54 ทำไมเขาต้องพัฒนาตัว
00:16:54 → 00:16:58 แต่อย่าไปนำเสนอวิธีในการพัฒนาตัวแต่
00:16:58 → 00:17:02 เมื่อไหร่ก็ตามที่คือเขามีหลักอยู่ว่าใคร
00:17:02 → 00:17:06 สักคนทำอะไรบางอย่างนะ
00:17:06 → 00:17:10 มีวิธีเดียวก็คือเราจะต้องให้เขาอยากทำ
00:17:10 → 00:17:14 สิ่งนั้นด้วยตัวเขาเองค่ะก็คือถ้าเรา
00:17:14 → 00:17:16 พยายามไปกระจัดข้ออ้างเพื่อจะนำเสนอว่า
00:17:16 → 00:17:19 พัฒนาตัวเองสิด้วยวิธีการอ่านด้วยการฟัง
00:17:19 → 00:17:23 อันนั้นเป็นวิธีการ
00:17:23 → 00:17:27 แต่วิธีที่ดีก็คือไม่ต้องไปแก้ข้ออ้างว่า
00:17:27 → 00:17:29 จะทำอย่างไรแต่ว่าทำใหม่
00:17:29 → 00:17:34 เขาถึงต้องพัฒนาตัวถ้าเกิดเขาเออเขาต้อง
00:17:34 → 00:17:38 พัฒนาตัวแล้วเดี๋ยววิธีการดีไม่ดีเขาจะ
00:17:38 → 00:17:42 เสาะแสวงหาด้วยตัวเขาเองใช่ๆแล้ว
00:17:42 → 00:17:46 กลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ได้ดีมากเลยนะครับ
00:17:46 → 00:17:49 มีอยู่วันหนึ่งผมซื้อขนมไปฝากเพื่อน
00:17:49 → 00:17:53 เพื่อนผมอ่ะเขามีลูกเล็กๆอยู่ 2 คนผมก็
00:17:53 → 00:17:56 เวลาแวะไปเยี่ยมเขาก็ชอบสีขนมไปฝากเขา
00:17:56 → 00:17:58 แล้วเขาก็บอกว่า
00:17:58 → 00:18:01 โอ๊ยซื้อขึ้นเอามาฝากหลานอีกแล้ว
00:18:01 → 00:18:06 นี่เดี๋ยวมันก็จะทำให้ลูกเขาอ่ะ
00:18:06 → 00:18:08 ซึ่งไม่ค่อยชอบกินข้าว
00:18:08 → 00:18:14 ก็กินแต่ขนมข้าว
00:18:14 → 00:18:16 คือเขาบอกว่าอย่างนี้ครับเวลาที่มีเด็ก
00:18:16 → 00:18:20 ลูกหลานที่แบบว่าไม่ค่อยชอบกินข้าวนะพ่อ
00:18:20 → 00:18:24 แม่เป็นห่วงก็จะพยายามให้กินข้าวนะ
00:18:24 → 00:18:27 จริงๆเคยมีคุณหมอคนหนึ่งแนะนำบอกว่าไม่
00:18:27 → 00:18:30 ต้องไปขยันขยอไม่ต้องไปยัดเยียดให้กิน
00:18:30 → 00:18:33 ก็ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินก็ปล่อยให้หิว
00:18:33 → 00:18:34 อยู่นั่นแหละ
00:18:34 → 00:18:37 แล้วไม่ต้องเป็นห่วงพ่อแม่จะไม่ทนไม่ไหว
00:18:37 → 00:18:39 ไงจะเป็นห่วง
00:18:39 → 00:18:42 ก็บอกว่าปล่อยให้หิวไงแล้วถึงเวลาเดี๋ยว
00:18:42 → 00:18:45 พอขึ้นอีกเดี๋ยวเขากินเอง
00:18:45 → 00:18:47 แล้วก็เลยผมก็เลยนึกไปถึงมีอยู่ครั้ง
00:18:47 → 00:18:50 หนึ่งนะครับอันนี้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่คน
00:18:50 → 00:18:53 เลวร้ายผมฟังก็บอกว่ามี
00:18:53 → 00:18:57 2 พ่อลูกนะ
00:18:57 → 00:18:59 อันนี้ในต่างประเทศ
00:18:59 → 00:19:01 แล้วมีอยู่วันนึงเขาก็มีแม่วัวตัวหนึ่ง
00:19:01 → 00:19:04 แล้วก็มีลูกวัวลูกวัวตัวหนึ่ง
00:19:04 → 00:19:08 พอเขาปล่อยพอเขาจูงแม่วัวกับลูกวัวออกมา
00:19:08 → 00:19:12 ข้างนอกคอกเนี่ยถึงเวลาที่เขาอยากจะจูง
00:19:12 → 00:19:14 ลูกวัวกลับเข้าไปในคอกเนี่ย
00:19:14 → 00:19:17 คือลูกวัวมันไม่ยอมเข้าครับ
00:19:17 → 00:19:20 คือทีแรกลูกเขาเนี่ย
00:19:20 → 00:19:25 พยายามลากลูกวัวก็ไม่เข้าครับมันก็จะยัน
00:19:25 → 00:19:30 ขา 4 ขาเนี่ยยันต์ 4 ขา
00:19:30 → 00:19:35 เนี่ยพ่อเขาก็เลยไปช่วยดันด้วยทั้งสองพ่อ
00:19:35 → 00:19:38 ลูกเนี่ยลูกก็ดึงพ่อก็ดันลูกวัวลูกวัวมัน
00:19:38 → 00:19:41 มี 4 ขาครับมันจะค่อยๆกระเถิบมันจะมี
00:19:41 → 00:19:44 เทคนิคไม่มีทางที่เราจะดันเข้าไปได้เลย
00:19:44 → 00:19:47 ถ้าเกิดเขาไม่อยากเดินไปข้างหน้า
00:19:47 → 00:19:51 แล้วในที่สุดแล้วมีแม่บ้านนะครับที่เป็น
00:19:51 → 00:19:55 แม่บ้านที่เป็นคนดูแลบ้านให้เขาเนี่ยเห็น
00:19:55 → 00:19:59 อย่างนั้นก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้
00:19:59 → 00:20:02 แม่บ้านคนนี้เดินไปที่ลูกวัวครับ
00:20:02 → 00:20:07 แล้วเขาก็ชูนิ้วโป้งขึ้นแบบนี้ครับเหมือน
00:20:07 → 00:20:10 กับประมาณแบบว่ากดไลค์กดไลค์บอกยอดเยี่ยม
00:20:10 → 00:20:14 วัวไม่รู้เรื่องหรอกเขาชูนิ้วโป้งขึ้น
00:20:14 → 00:20:17 อย่างนี้ครับแล้วเขาก็เอานิ้วโป้งของเขา
00:20:17 → 00:20:21 เนี่ยยัดเข้าไปในปากลูกวัว
00:20:21 → 00:20:23 พอเอานิ้วโป้งยัดเข้าไปในปากลูกวัวปุ๊บ
00:20:23 → 00:20:27 เนี่ยมันเหมือนลูกวัวก็ดูด
00:20:27 → 00:20:33 นมปลอมอ่ะครับ
00:20:33 → 00:20:35 แม่บ้านคนนี้
00:20:35 → 00:20:37 ก็เดินเข้าไปในคอก
00:20:37 → 00:20:40 ลูกวัวก็เดินตามไปเลยครับ
00:20:40 → 00:20:45 [เพลง]
00:20:45 → 00:20:46 เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:20:46 → 00:20:49 ถ้าใครสักคนนึงเราอยากให้ใครสักคนทำอะไร
00:20:49 → 00:20:51 เนี่ยนะเราจะต้องให้เขาอยากทำสิ่งนั้น
00:20:51 → 00:20:56 ด้วยตัวเขาเองค่ะแล้วเขาบอกว่าลูกวัวหรือ
00:20:56 → 00:21:00 พวกแกะพวกแพะนี่ก็เหมือนกันถ้าเกิดว่าเรา
00:21:00 → 00:21:03 อยากให้เขากินน้ำแล้วเขาไม่อยากกิน
00:21:03 → 00:21:06 เราลากเท่าไหร่เขาก็จะไม่มานะ
00:21:06 → 00:21:10 วิธีก็คือถ้าอย่างนั้นล่ามเขาเขาไว้กับ
00:21:10 → 00:21:15 ต้นไม้แล้วให้เขาอยู่น้ำครับแล้วเมื่อ
00:21:15 → 00:21:18 ไหร่ที่เขาอยู่น้ำเนี่ยเชือกนั้นก็เอาไม่
00:21:18 → 00:21:19 อยู่
00:21:19 → 00:21:22 ค่ะคนที่
00:21:22 → 00:21:27 เพื่อนอยากให้พัฒนาตัวก็เลยหาวิธีในการ
00:21:27 → 00:21:32 พัฒนาตัวมาให้เขาเขาจะมีข้ออ้างเป็นร้อย
00:21:32 → 00:21:36 เพราะฉะนั้นวิธีก็คือต้องทำให้เขากระหาย
00:21:36 → 00:21:40 การพัฒนาตัว
00:21:40 → 00:21:45 คำพูดนี้แบบดีมากๆทำให้กระหายการพัฒนาตัว
00:21:45 → 00:21:49 เองใช่เขาเริ่มเอ๊ะว่าเฮ้ยไม่ได้แล้วเรา
00:21:49 → 00:21:51 จะต้องอยู่อย่างนี้ไม่ได้ต้องพัฒนาตัว
00:21:51 → 00:21:54 แล้วถ้าเขาเจอเหตุผลว่าทำไมเขาต้องพัฒนา
00:21:54 → 00:22:00 ตัวนะ
00:22:00 → 00:22:04 ข้ออ้างที่ล่ามไว้ก็เอาไม่อยู่
00:22:04 → 00:22:08 อะไรมาขัดขวางก็จะดิ้นรนเพื่อไปทำให้ได้
00:22:08 → 00:22:12 ค่ะใช่
00:22:12 → 00:22:15 ครับพี่อ้อย
00:22:15 → 00:22:18 การที่เราเจอเขาแล้วเขามีข้ออ้างเยอะขนาด
00:22:18 → 00:22:22 นี้มันทำให้เราเกิดการเรียนรู้ว่าเราเรา
00:22:22 → 00:22:26 ไม่จำเป็นต้องเอาชนะเขาด้วยกันขจัดข้อ
00:22:26 → 00:22:27 อ้าง
00:22:27 → 00:22:32 แล้วก็มีแต่จะทำให้เขาหงุดหงิดใจใช่ๆหยุด
00:22:32 → 00:22:34 เลยค่ะอยากจะได้ผมก็เปลี่ยนเรื่องคุยเป็น
00:22:34 → 00:22:39 เรื่องสัพเพเหระไปไหนมา 3 มา 2 ศอกเลย
00:22:39 → 00:22:42 แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เขารู้สึกกระหายการ
00:22:42 → 00:22:43 พัฒนาตัว
00:22:43 → 00:22:46 เดี๋ยวเขาจะมา
00:22:46 → 00:22:50 ซึ่งถ้าคนที่ไม่ได้นึกถึงจุดนี้แบบที่พี่
00:22:50 → 00:22:56 วีนึกก็จะ 6 7 8 แต่ว่าพี่วีนนึกทันว่า
00:22:56 → 00:23:00 เฮ้ยต้องหยุดละ 4 นี่มากเกินไปละนะคะ
00:23:00 → 00:23:03 เพราะฉะนั้นก็เลยหยุด
00:23:03 → 00:23:08 ไม่มีประโยชน์ก็เลยนึกว่าตอนนี้ตอนนี้
00:23:08 → 00:23:11 ระหว่างนี้ก็มอบรางวัลให้เขาไปก่อน
00:23:11 → 00:23:16 จริงๆคนที่รับรางวัลนี้ไม่ได้ใครก็รับได้
00:23:16 → 00:23:16 นะ
00:23:16 → 00:23:27 เขาอ่ะต้องทำจนชินเขาต้องทำมันนานทำบ่อย
00:23:27 → 00:23:30 ผมคิดว่าอันนี้เป็นเรื่องที่เราไปเจอมา
00:23:30 → 00:23:32 แล้วก็มาแบ่งปันกันนะครับ
00:23:33 → 00:23:36 คุณผู้ฟังลองสังเกต
00:23:36 → 00:23:39 ลองสังเกตตัวเราเองก่อนอันดับแรกมันมี
00:23:39 → 00:23:43 อะไรบางอย่างไหมที่เราเองเนี่ยก็มีข้อ
00:23:43 → 00:23:45 อ้างให้กับตัวเอง
00:23:45 → 00:23:50 แค่นี้ทุกคนเพื่อที่จะทำอะไรหรือไม่ทำ
00:23:50 → 00:23:54 อะไรใช่ต้องสังเกตแล้วเราก็ถ้าเราคิดว่า
00:23:54 → 00:23:59 ยังสบายดีอยู่ในสภาวะนั้นเนี่ยนะรายการ
00:23:59 → 00:24:02 ศัลยกรรมความสุขก็คงช่วยอะไรไม่ได้พี่วี
00:24:02 → 00:24:05 พี่อ้อยก็นั่งคุยกันไปนะแต่เมื่อไหร่ก็
00:24:05 → 00:24:07 ตามที่เราเอะใจว่าเฮ้ยอย่างนี้ไม่ได้แล้ว
00:24:07 → 00:24:12 นะแล้วเราเริ่มรู้มานะไม่ต้องฟังรายการ
00:24:12 → 00:24:21 เรายังพัฒนาตัวเลยแต่เราต้องสังเกตนะ
00:24:21 → 00:24:23 เราจะมอบให้ใครดีเลย
00:24:23 → 00:24:25 [เสียงหัวเราะ]
00:24:25 → 00:24:30 ขอไม่รับจะพยายามปรับปรุงตัวค่ะ
00:24:30 → 00:24:34 มีการขอปฏิเสธมีรับรางวัลด้วยนะครับผมก็
00:24:34 → 00:24:36 ไม่รับเหมือนกันนะครับแล้วก็แต่ยังไงก็
00:24:36 → 00:24:39 ตามครับคุณผู้ฟังครับรายการศัลยกรรมความ
00:24:39 → 00:24:42 สุขรายการที่ผมนะครับพี่วีแล้วก็พี่อ้อย
00:24:42 → 00:24:45 ก็จะมาพูดคุยแบ่งปันแง่คิดมุมมองเรื่อง
00:24:45 → 00:24:48 ราวต่างๆนะครับที่หวังว่าจะทำให้ชีวิตเรา
00:24:48 → 00:24:52 เนี่ยมีความสุขมากขึ้นแล้วก็มีความทุกข์
00:24:52 → 00:24:56 น้อยลงวันนี้เวลาหมดลงแล้วนะครับขอบพระ
00:24:56 → 00:24:59 คุณผู้ฟังทุกท่านนะครับที่ติดตามรับฟัง
00:24:59 → 00:25:02 รายการอยู่สม่ำเสมอนะครับวันนี้ผมพี่วี
00:25:02 → 00:25:05 แล้วก็พี่อ้อยต้องลาไปก่อนนะครับสวัสดี
00:25:05 → 00:25:09 ครับสวัสดีค่ะ
00:25:09 → 00:25:12 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:25:12 → 00:25:15 ของไทย
00:25:15 → 00:25:19 Google
00:25:19 → 00:25:27 Thai PBS ผ่อนค่ะ
00:25:27 → 00:25:32 [เพลง]