00:00:00 → 00:00:03 ในประเทศไทยมีการสำรวจในหลายพื้นที่เลย
00:00:03 → 00:00:07 พบว่าประชากรไทยโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 20
00:00:07 → 00:00:09 มีโรคไขมันคั่งในตับ
00:00:09 → 00:00:14 ซึ่งส่วนใหญ่จะพบได้บ่อยขึ้น ในคนไข้ที่มีปัญหาโรคอ้วน
00:00:14 → 00:00:16 หรือที่เราเรียกว่า โรคอ้วนลงพุง
00:00:16 → 00:00:18 และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมาก
00:00:18 → 00:00:24 [เสียงดนตรี]
00:00:24 → 00:00:27 “โรคตับคั่งไขมัน” หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ
00:00:27 → 00:00:31 ที่เราเรียกกันจนคุ้นหูก็คือ โรคไขมันเกาะตับ
00:00:31 → 00:00:34 พอได้ยินว่าเป็นโรคไขมันเกาะตับ
00:00:34 → 00:00:38 ก็จะคิดว่าเป็นลักษณะของไขมัน ที่มันพอกตับอยู่รอบ ๆ
00:00:38 → 00:00:39 แต่ในความเป็นจริงแล้ว
00:00:40 → 00:00:45 โรคตับคั่งไขมัน คือการที่มีไขมันส่วนเกิน ไปสะสมอยู่ภายในเนื้อตับ
00:00:45 → 00:00:51 ซึ่งเกิดจากภาวะที่ร่างกายรับประทานอาหาร ในแต่ละวันที่มีพลังงานมากเกินความต้องการ
00:00:52 → 00:00:53 ร่างกายใช้ไม่หมด
00:00:53 → 00:00:55 ก็จะถูกการแปรรูปพลังงานเหล่านั้น
00:00:55 → 00:00:57 เก็บสะสมในร่างกาย
00:00:57 → 00:00:59 โดยที่เก็บอยู่ในพุงและในตับ
00:00:59 → 00:01:01 เราจึงเรียกโรคนี้ว่า โรคตับคั่งไขมัน
00:01:01 → 00:01:05 [เสียงดนตรี]
00:01:05 → 00:01:08 โรคตับคั่งไขมันสามารถพบได้ทุกช่วงอายุ
00:01:08 → 00:01:12 ดังนั้น โรคตับคั่งไขมันนั้น มันไปกับน้ำหนักตัว
00:01:12 → 00:01:15 ในปัจจุบันเราทราบดีว่า โรคตับคั่งไขมัน
00:01:15 → 00:01:19 เกิดจากพฤติกรรมที่วิถีชีวิตเปลี่ยนไป
00:01:19 → 00:01:21 ทำให้รับประทานอาหารจานด่วน
00:01:21 → 00:01:24 ซึ่งจะมีพลังงานหรือแคลอรีในปริมาณมาก
00:01:24 → 00:01:29 ประกอบกับวิถีชีวิตที่ส่วนใหญ่ จะนั่งโต๊ะทำงาน ไม่ค่อยมีกิจกรรมทางกาย
00:01:29 → 00:01:31 ส่งผลทำให้ภาพรวม
00:01:31 → 00:01:35 พลังงานที่รับประทานในแต่ละวันนี่ เหลือใช้และสะสมเป็นรูปของไขมัน
00:01:35 → 00:01:37 [เสียงดนตรี]
00:01:37 → 00:01:40 พฤติกรรมการกินก็ทานจุกจิก
00:01:40 → 00:01:42 คือทานอาหารเกิน 3 มื้อที่ทาน
00:01:42 → 00:01:44 ก่อนนอนอย่างนี้ค่ะ ก็ทาน
00:01:44 → 00:01:45 ไม่ได้คุมอาหาร
00:01:45 → 00:01:46 ทานมัน
00:01:46 → 00:01:49 ทานผลไม้ ทานแป้ง อะไรอย่างนี้ค่ะ
00:01:49 → 00:01:53 ไขมันที่อยู่ในตับเกิดจากการแปรรูป ของสารอาหารชนิดต่าง ๆ
00:01:53 → 00:01:58 ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต แป้ง น้ำตาล ผลไม้ ข้าว รวมถึงไขมัน
00:01:58 → 00:02:01 และสารอาหารอื่น ๆ ในรูปพลังงาน
00:02:01 → 00:02:06 เราพบว่าแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดโรคตับคั่งไขมัน
00:02:06 → 00:02:09 ร่างกายจะทำการแปรรูปพลังงานเหล่านั้น
00:02:09 → 00:02:13 เก็บในรูปของไขมัน ที่เราเรียกว่าไขมันไตรกลีเซอไรด์
00:02:13 → 00:02:15 น้ำหนักตอนแรกคือ 65
00:02:15 → 00:02:18 แล้วอยู่ ๆ ขึ้นมาถึงเป็น 72
00:02:18 → 00:02:21 แล้วก็ 74, 76 คือขึ้นมาเรื่อย ๆ
00:02:21 → 00:02:24 เคยคุมอาหารเองแล้วว่า เออ…ลองลดดู
00:02:25 → 00:02:26 ก็ไม่ลงค่ะ
00:02:26 → 00:02:29 ในกรณีที่ทำการวัดเส้นรอบเอวนะครับ
00:02:29 → 00:02:31 แล้วเป็นลักษณะของลงพุง
00:02:31 → 00:02:35 กลุ่มนี้ ทางคุณหมอก็จะแนะนำ ให้ไปทำการตรวจเพิ่มเติม
00:02:36 → 00:02:38 ทำการเจาะเลือด เพื่อตรวจดูการทำงานของตับ
00:02:39 → 00:02:41 ว่ามีลักษณะบ่งชี้ของการอักเสบหรือไม่
00:02:41 → 00:02:45 แพทย์จะแนะนำให้ทำการตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง
00:02:45 → 00:02:47 เพื่อประเมินดูว่า
00:02:47 → 00:02:50 ลักษณะของตับเขา มีไขมันสะสมหรือไม่
00:02:50 → 00:02:54 ในกรณีที่มีไขมันสะสมในตับ มากเกินปริมาณปกติ
00:02:54 → 00:02:58 จะทำให้ลักษณะของตับ ที่เห็นจากอัลตราซาวด์นั้น
00:02:58 → 00:03:03 มีสีขาวเด่นชัดขึ้น เมื่อเทียบกับอวัยวะอื่นในช่องท้อง
00:03:03 → 00:03:07 อาการที่เป็น ทานอาหาร หลังทานทันทีก็ท้องอืด
00:03:07 → 00:03:08 อยากผายลม
00:03:08 → 00:03:10 มันแน่นท้องมาก
00:03:10 → 00:03:11 ทานได้ไม่ปกติ
00:03:11 → 00:03:13 ทานได้ยังไม่หมดจาน เรารู้สึกว่าแน่น
00:03:13 → 00:03:15 แล้วก็แบบ...มันอิ่มมาก แล้วมันจุก
00:03:15 → 00:03:19 [เสียงดนตรี]
00:03:19 → 00:03:23 อาการส่วนใหญ่มักจะเป็นลักษณะ ที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร
00:03:23 → 00:03:28 คนไข้จึงมักมีอาการอืด แน่นท้อง เรอ หรือผายลม
00:03:28 → 00:03:33 เป็นอาการร่วมที่พบบ่อยในคนไข้ ที่เป็นโรคตับคั่งไขมันในระยะแรก
00:03:33 → 00:03:36 [เสียงดนตรี]
00:03:36 → 00:03:40 วิธีที่ง่าย ๆ มาก ที่จะแนะนำให้ประชาชนทั่วไป
00:03:40 → 00:03:42 ลองเช็กตัวเองดูก่อนว่า
00:03:42 → 00:03:44 มีความเสี่ยงต่อ การเกิดโรคตับคั่งไขมันหรือเปล่า
00:03:44 → 00:03:47 โดยใช้แถบวัดมาทำการวัดรอบเอวเรา
00:03:47 → 00:03:53 ตำแหน่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง กระดูกซี่โครงด้านข้างกับกระดูกสะโพก
00:03:53 → 00:03:56 ซึ่งในผู้หญิงที่เส้นรอบเอวเกิน 30 นิ้ว
00:03:56 → 00:03:59 ในผู้ชายเกิน 32 นิ้ว
00:03:59 → 00:04:03 นั่นหมายความว่าในพุงของคุณ มีไขมันสะสมอยู่ในปริมาณมาก
00:04:03 → 00:04:08 พบว่ามีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเกิด ภาวะโรคตับคั่งไขมันครับ
00:04:08 → 00:04:11 [เสียงดนตรี]
00:04:11 → 00:04:13 งานศึกษาวิจัยพบว่า
00:04:13 → 00:04:16 การรับประทานวิตามิน E ในคนไข้เฉพาะกลุ่มเหล่านี้
00:04:17 → 00:04:19 ก็สามารถช่วยลดการอักเสบ
00:04:19 → 00:04:22 แต่เขาพบว่า เมื่อคุณทำการหยุดยา
00:04:22 → 00:04:26 ร่างกายก็จะกลับเข้าสู่สภาวะเดิม ที่มีการอักเสบเกิดขึ้นใหม่
00:04:26 → 00:04:27 จึงใช้เป็นตัวเสริม
00:04:27 → 00:04:31 ควบคู่ไปกับการควบคุมพฤติกรรม เพื่อทำการลดน้ำหนัก
00:04:31 → 00:04:35 ในกรณีที่โรคตับคั่งไขมัน เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์
00:04:35 → 00:04:36 การรักษาที่ดีที่สุด
00:04:37 → 00:04:38 คือการหยุดดื่มแอลกอฮอล์
00:04:38 → 00:04:41 เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเปลี่ยนวิถีชีวิต
00:04:41 → 00:04:44 รับประทานอาหารที่มีพลังงานลดน้อยลง
00:04:44 → 00:04:48 ร่วมกับการทำกิจกรรมเพื่อทำการเผาผลาญพลังงาน
00:04:48 → 00:04:50 ที่สะสมไว้เกินนั้นออกไป เช่น
00:04:50 → 00:04:53 การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
00:04:53 → 00:04:58 เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30-45 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์
00:04:58 → 00:05:03 ก็เพียงพอที่จะช่วยทำให้น้ำหนักตัวของคุณลดลง
00:05:03 → 00:05:07 ช่วยทำให้เกิดการเผาผลาญ ไขมันที่สะสมเกินภายในตับออกไป
00:05:07 → 00:05:12 อันนั้นจะเป็นการรักษาที่ยั่งยืน และดีกับผู้ป่วยในระยะยาว