00:00:00 → 00:00:03 This is Thai PBS Podcast the
00:00:03 → 00:00:06 world by the voice.
00:00:06 → 00:00:09 นิ่วในถุงน้ำดีมักจะเป็นหลังอาหารโดย
00:00:09 → 00:00:11 เฉพาะเวลาไปกินบุฟเฟ่ต์แล้วอึดๆแน่นๆถ้า
00:00:11 → 00:00:14 มีอาการร้าวไปหลังไปไหลทางด้านขวาเมื่อ
00:00:14 → 00:00:16 ไหร่นะค่อนข้างที่จะชัดครับเพราะว่า
00:00:16 → 00:00:19 บริเวณน้ำดีเนี่ยอยู่ทางด้านขวาเพราะ
00:00:19 → 00:00:22 ฉะนั้นอาการของนิ่วในถุงน้ำดีเลยปวดร้าว
00:00:22 → 00:00:24 ไปหลังไปไหลทางด้านขวาครับการรักษาเป็น
00:00:24 → 00:00:27 การผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปคือถ้าเราไม่รักษา
00:00:27 → 00:00:30 เนี่ยนะครับเกิดว่าวันนึงโชคร้ายกลิ้งมา
00:00:30 → 00:00:32 อุดละมันไม่กลิ้งกลับไปที่เดิมมันก็เริ่ม
00:00:32 → 00:00:35 อุดตันตัวถุงน้ำดีเนี่ยมันก็เกิดอาการ
00:00:35 → 00:00:38 อักเสบมากขึ้นสักพักมันเริ่มเน่ามันก็มี
00:00:38 → 00:00:41 ทะลุติดเชื้อรุนแรงมีโอกาสถึงขั้นเสีย
00:00:41 → 00:00:44 ชีวิตได้เลยครับ
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:48 → 00:00:51 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:51 → 00:00:54 >> This is Thai PBS Podcast
00:00:54 → 00:00:57 >> คุณผู้ฟังนะเราจะมาคุยกันค่ะเรื่องของ
00:00:57 → 00:00:59 นิ่วนะคะได้ยินแค่ชื่อก็แบบรู้สึกแบบ
00:00:59 → 00:01:02 อื้อหือปวดท้องขึ้นมาทันทีนะคะแต่จริงๆ
00:01:02 → 00:01:05 แล้วนิ่วเนี่ยเคยได้ยินกันบ้างมั้คะว่า
00:01:05 → 00:01:07 นิ่นิ้วแต่ละก้อนเนี่ยสีมันมีความแตกต่าง
00:01:07 → 00:01:09 กันมันไม่ได้เหมือนกันหมดนะแล้วสีต่างๆ
00:01:09 → 00:01:12 เหล่านี้เนี่ยมันเป็นตัวที่อาจจะบอกโรค
00:01:12 → 00:01:14 อะไรต่างๆเหล่านี้ก็ได้นะคะวันนี้เราคุย
00:01:14 → 00:01:17 กันเรื่องของสีของนิ่วกับโรคที่ซ่อนอยู่
00:01:17 → 00:01:19 พูดคุยกับนายแพทย์ศีรสิทธิ์เหล่าหาทยค่ะ
00:01:19 → 00:01:22 ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้อง
00:01:22 → 00:01:24 ขั้นสูงโรงพยาบาลศิขินทร์ค่ะสวัสดีค่ะคุณ
00:01:24 → 00:01:25 หมอคะ
00:01:25 → 00:01:26 >> สวัสดีครับ
00:01:26 → 00:01:28 >> คุยกันเรื่องของสีของนิ่วแต่ก่อนอื่นเรา
00:01:28 → 00:01:31 ต้องทำความรู้จักกับนิ่กันก่อนค่ะนิ่วคือ
00:01:31 → 00:01:34 อะไรเกิดขึ้นได้จุดไหนอวัยวะไหนได้บ้างคะ
00:01:34 → 00:01:36 >> ครับตัวนิ้วนิ่วเนี่ยจริงๆแล้วมันก็คือ
00:01:36 → 00:01:39 ก้อนหินปูนเนี่ยแหละครับทีเนี้ยก้อนหิน
00:01:39 → 00:01:41 ปูนเนี่ยมันก็เกิดได้หลายตำแหน่งเลยไม่
00:01:41 → 00:01:43 ว่าจะเป็นอ่านิ่้วในถุงน้ำดี
00:01:43 → 00:01:44 >> อื
00:01:44 → 00:01:47 >> นิ่วในไตนะครับหรือว่าจะเป็นนิ่วต่อม
00:01:47 → 00:01:50 ทอนซินแต่ทีเนี้ยนิ่วในแต่ละที่เนี่ยมัน
00:01:50 → 00:01:53 ก็จะทำให้มีอาการเนี่ยแตกต่างกันไปตัวของ
00:01:53 → 00:01:56 หมอเองนะครับหมอจะเชี่ยวชาญในแง่ของการ
00:01:56 → 00:02:00 อ่ารักษาคนไข้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดีครับ
00:02:00 → 00:02:02 >> คนไทยเป็นกันเยอะมั้คะนิ่้วในถุงน้ำดี
00:02:02 → 00:02:05 >> เป็นกันเยอะเลยครับเจอได้เรื่อยๆเลยครับ
00:02:05 → 00:02:08 โดยเฉพาะเนี่ยเดี๋ยวเนี้ยครับคือพฤติกรรม
00:02:08 → 00:02:10 อาหารการกินเราเปลี่ยนแปลงไปนะครับเพราะ
00:02:10 → 00:02:13 ฉะนั้นเนี่ยเราก็สามารถที่จะเจอได้ตั้ง
00:02:13 → 00:02:15 แต่ล่าสุดเพิ่งผ่าตัดมา
00:02:15 → 00:02:16 >> อื
00:02:16 → 00:02:19 >> คนไข้อายุ 16 ปีเป็นนิ่วเป็นแบบเป็นเยอะ
00:02:19 → 00:02:21 มากๆเลยครับแบบ
00:02:21 → 00:02:23 >> เกือบจะ 100 ก้อนนับไม่ไหวเลยครับ
00:02:23 → 00:02:26 >> โอ้โหเป็น 100 ก้อนเลยเหรอคะโหอาการ
00:02:26 → 00:02:27 >> ใช่ครับ
00:02:27 → 00:02:29 >> อาการที่เราจะรู้ได้ว่าแบบเออเราเป็นนิ่ว
00:02:29 → 00:02:31 เพราะว่าอย่างที่มีน้องที่รู้จักกันเนี่ย
00:02:31 → 00:02:34 ค่ะเออก่อนที่เจะมาตรวจวินิจฉัยเจอว่า
00:02:34 → 00:02:36 เป็นนิ่วอ่ะค่ะคุณหมอเขาจะปวดท้องมาเป็น
00:02:36 → 00:02:40 ระยะเวลานานไปโรงพยาบาลนึงก็วินิจฉัยว่า
00:02:40 → 00:02:43 เออเป็นโรคกระเพาะนะคะเว้นไปช่วงแนะนำก็
00:02:43 → 00:02:46 ยังเป็นอยู่ช่วงเวลาเดิมปวดท้องเวลาเดิม
00:02:46 → 00:02:48 เลยคือมันแบบโอโหมหัศจรรย์มากแบบมัน
00:02:48 → 00:02:50 เหมือนเป็นเวลาเฉพาะของมันน่ะแล้วพอถึง
00:02:50 → 00:02:51 เวลา
00:02:51 → 00:02:54 >> มันไม่หายสักทีอ่ะค่ะเป็นปีเลยค่ะคุณหมอ
00:02:54 → 00:02:57 จนกระทั่งแบบตัดสินใจไปอีกโรงพยาบาลนึง
00:02:57 → 00:03:01 ปรากฏว่าถึงจะวินิจฉัยออกว่ามาเป็นนิ่วใน
00:03:01 → 00:03:03 ถุงน้ำดีค่ะแต่มันอาการปวดท้องเหมือน
00:03:03 → 00:03:06 กระเพาะเลยอ่ะอันนี้มันยังไงอ่ะหมอช่วย
00:03:06 → 00:03:07 อธิบายให้ฟังหน่อย
00:03:07 → 00:03:10 >> คือโดยทั่วไปนะครับนิ่้วเนี่ยมันก็ขึ้น
00:03:10 → 00:03:12 อยู่กับว่าอาการเป็นเยอะหรืออาการเป็น
00:03:12 → 00:03:12 น้อย
00:03:12 → 00:03:13 >> อื
00:03:13 → 00:03:15 >> นะครับถ้าเกิดว่าอาการเป็นน้อยส่วนใหญ่ก็
00:03:15 → 00:03:19 จะมีแค่จุกแน่นนิดหน่อยบางทีก็เป็นหลัง
00:03:19 → 00:03:22 อาหารนะครับแล้วก็ถ้าเกิดว่าบางคนเป็น
00:03:22 → 00:03:26 เยอะมากขึ้นจะมีปวดร้าวไปหลังปวดร้าวไป
00:03:26 → 00:03:29 ไหลบ้างเป็นๆหายๆบางคนพอเป็นหนักขึ้นมา
00:03:29 → 00:03:30 กว่านี้อีก
00:03:30 → 00:03:30 >> อือ
00:03:30 → 00:03:32 >> สิ่งที่เราเจอได้ก็คือโอ้โหบางทีปวดทั้ง
00:03:32 → 00:03:34 วันกินก็ปวดไม่กินก็ปวดปวดนะครับ
00:03:34 → 00:03:35 >> อื
00:03:35 → 00:03:37 >> หรือว่าบางคนเป็นหนักกว่านี้อีกมีไส้ด้วย
00:03:38 → 00:03:40 นะครับปวดรุนแรงละไม่ไหวละต้องไปโรง
00:03:40 → 00:03:43 พยาบาลบางคนนิ่วมันมีภาวะแทรกซ้อนที่เจอ
00:03:43 → 00:03:46 ขึ้นมาได้คือหลุดลงไปในท่อน้ำดีอันนี้ก็
00:03:46 → 00:03:49 จะเรียกว่ามีโอกาสที่จะเป็นท่อน้ำดีอุด
00:03:49 → 00:03:53 ตันพอท่อน้ำดีอุดตันปั๊บก็มีตัวเหลืองตา
00:03:53 → 00:03:55 เหลืองตามมาอีกเพราะฉะนั้นเนี่ยเราจะเจอ
00:03:55 → 00:03:57 ได้ตั้งแต่แรกเลยครับว่าตัวนิ่วเนี่ยมัน
00:03:57 → 00:03:59 มีอาการเยอะมากเพราะฉะนั้น
00:03:59 → 00:04:02 >> ส่วนใหญ่อ่ะที่หมอเจอนะครับไปที่โรง
00:04:02 → 00:04:04 พยาบาลบอกว่าอืดแน่นพอท้องจุกแน่นใต้ลิ้น
00:04:04 → 00:04:08 ปี่พอผ่านไปสักพักนึงหมอเก็รักษาเป็นโรค
00:04:08 → 00:04:10 กระเพาะซึ่งต้องบอกก่อนว่าคนไข้เนี่ย
00:04:10 → 00:04:13 สมมุตินะครับไปโรงพยาบาลด้วยว่ามีอาการ
00:04:13 → 00:04:15 จุกแน่นใต้ลิ้นปี่อื่นแน่นท้องประมาณ
00:04:15 → 00:04:18 80-90% ก็จะเป็นตัวโรคกระเพาะนี่แหละ
00:04:18 → 00:04:19 ครับ
00:04:19 → 00:04:21 >> อืก็เป็นไปได้ที่นี่ในตอนแรกอาจจะ
00:04:21 → 00:04:24 วินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะใช่ครับผมเพราะ
00:04:24 → 00:04:26 ฉะนั้นเนี่ยถามว่าตัวโรคกระเพาะกับตัว
00:04:26 → 00:04:28 นิ่วเนี่ยมันก็จะมีอาการที่แตกต่างกัน
00:04:28 → 00:04:31 บ้างนิดหน่อยนะครับเพราะว่าเราลองสังเกต
00:04:31 → 00:04:34 ดูว่าโรคกระเพาะเนี่ยมักจะเป็นช่วงที่
00:04:34 → 00:04:36 ท้องว่างหรือว่าเรากินอาหารไม่ตรงเวลา
00:04:36 → 00:04:38 หรือว่าบางทีเรากินอะไรเผ็ดๆ
00:04:38 → 00:04:39 >> อื
00:04:39 → 00:04:41 >> อ่าอันนี้จะเจอได้หรือถ้าเกิดเรา 2 ลอง
00:04:41 → 00:04:44 สังเกตดูอาหารช่วงที่ท้องว่างคือช่วงไหน
00:04:44 → 00:04:46 ช่วงที่ตื่นนอนมาตอนเช้าๆ
00:04:46 → 00:04:48 >> หรือว่าช่วงที่เรากินอาหารไม่ตรงเวลาหรือ
00:04:48 → 00:04:51 จะเป็นช่วงก่อนนอนตอนดึกๆอันเนี้ยเป็น
00:04:51 → 00:04:54 ค่อนข้างที่จะบ่งบอกได้ว่าน่าจะเป็นโรค
00:04:54 → 00:04:55 กระเพาะ
00:04:55 → 00:04:58 >> นะมันมีอาการจุกเสียดแน่นขึ้นมาแบบแสบคอ
00:04:58 → 00:04:58 แสบ
00:04:58 → 00:05:01 >> จะมีแสบร้อนก็ได้บางทีก็ไม่มีแสบร้อนได้
00:05:01 → 00:05:04 เหมือนกันเพราะว่าถ้าแสบร้อนเนี่ยมันค่อน
00:05:04 → 00:05:06 ค่อนข้างที่จะชัดว่ามันเป็นโรคกระเพาะ
00:05:06 → 00:05:09 เพราะว่ามันเป็นอาการของตัวกรดที่มันมี
00:05:09 → 00:05:11 อยู่ที่มันผลิตขึ้นมาใช่มั้ยครับ
00:05:11 → 00:05:13 >> แต่หลายๆคนเนี่ย
00:05:13 → 00:05:16 >> ก็มีแค่อาการแน่นไม่ได้มีอาการแสบร้อนก็
00:05:16 → 00:05:18 เจอได้เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกมันก็เลย
00:05:18 → 00:05:20 ค่อนข้างที่จะสับสนกันมากครับผม
00:05:20 → 00:05:23 >> อ่ากว่าจะมารู้นี่มันใช้ระยะเวลานานนะคะ
00:05:23 → 00:05:26 กินยาผิดมาแบบเป็นปีอ่ะ
00:05:26 → 00:05:28 >> ครับใช่ก็มีหลายคนเหมือนกันครับถึงแม้ว่า
00:05:28 → 00:05:30 เป็นตัวหมอเองนะครับเวลาเราเจอคนไข้ที่
00:05:30 → 00:05:35 ที่มาด้วยอาการอืดแน่นท้องพอถามไปถามมา
00:05:35 → 00:05:38 >> อ่าก็หมอก็จะคุยกันนะครับว่าถ้าเกิดว่า
00:05:38 → 00:05:40 เราเพิ่งเป็นมาเนี่ยโอกาสส่วนใหญ่แล้วเรา
00:05:40 → 00:05:42 จะเจอเรื่องของโรคกระเพาะได้มากกว่าเราจะ
00:05:42 → 00:05:44 ลองให้กินยาไปก่อน
00:05:44 → 00:05:46 >> ซึ่งการให้ลองกินยาเนี่ยมันก็เป็นการ
00:05:46 → 00:05:49 รักษาที่ไม่แพงอาจจะยังไม่ได้ต้องตรวจ
00:05:49 → 00:05:51 เพิ่มเติมอะไรเยอะเพียงแต่ว่าเราก็จะนัด
00:05:51 → 00:05:53 เข้ามาแบบใกล้ๆหน่อยนึงว่าเป็นยังไงกินยา
00:05:53 → 00:05:56 แล้วดีขึ้นมั้ยถ้ากินยาแล้วดีขึ้นแล้วจบ
00:05:56 → 00:05:58 ไม่มีอาการเลยเราก็จะโทษว่าเป็นโรค
00:05:58 → 00:06:00 กระเพาะครับ
00:06:00 → 00:06:03 ใช่มั้ยครับแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเกิด
00:06:03 → 00:06:05 อาการของเขาที่มาแต่แรกเนี่ย
00:06:05 → 00:06:09 >> มีอาการเยอะจุกเยอะปวดเยอะเราก็อาจจะส่ง
00:06:09 → 00:06:11 ตรวจอะไรไปเลยแต่แรกหรือว่าเราคุยกับทาง
00:06:11 → 00:06:14 คนไข้แล้วว่าอ่าเค้าอยากจะขอตรวจไปเลยได้
00:06:14 → 00:06:17 มั้ยเพราะว่าบางทีอ่ะเราก็รู้กันว่ามัน
00:06:17 → 00:06:19 อาการทั้ง 2 อย่างเนี่ยมันสับสนมันจะเป็น
00:06:19 → 00:06:21 อันไหนก็ได้แต่ถ้าเกิดเขาสะดวกที่จะตรวจ
00:06:21 → 00:06:23 เลยแต่แรกแล้วก็
00:06:23 → 00:06:25 >> ทำการตรวจเพื่อวินิจฉัยได้เลยแต่แรกเช่น
00:06:25 → 00:06:26 เดียวกันครับ
00:06:26 → 00:06:28 >> อ๋อค่ะแต่ว่ามันจะมีอะไรที่มันมีความแตก
00:06:28 → 00:06:31 ต่างมั้คะในการที่แบบออฉันปวดเพราะเป็น
00:06:31 → 00:06:33 นิ่วนี่แหละแต่ไม่ใช่กระเพาะแน่ๆและมี
00:06:33 → 00:06:36 อะไรให้สังเกตอีกนิดนึงมั้คะ
00:06:36 → 00:06:39 >> อ่ะอย่างแรกที่บอกไปครับว่ามักจะเป็นหลัง
00:06:39 → 00:06:41 อาหารโดยเฉพาะเวลาไปกินบุฟเฟ่ต์แล้วอืดๆ
00:06:41 → 00:06:44 แน่นๆอ่าหรือว่าไปกินอาหารมันแล้วมีอาการ
00:06:44 → 00:06:46 อืดๆแน่นๆอันเนี้ย
00:06:46 → 00:06:49 >> ค่อนข้างที่จะชัดน่าจะเป็นจากตัวนิ่วใน
00:06:49 → 00:06:52 ถุงน้ำดีมากกว่ากับอีกเรื่องนึงนะครับก็
00:06:52 → 00:06:55 คืออาการปวดร้าวถ้าเป็นรกกระเพาะส่วนใหญ่
00:06:55 → 00:06:57 มันจะไม่ค่อยร้าวไปด้านขวาเท่าไหร่ไม่
00:06:57 → 00:06:59 ค่อยจะร้าวไปหลังร้าวไปไหลเท่าไหร่แต่ถาม
00:06:59 → 00:07:02 ว่ามีบ้างมมันคงอาจจะมีบ้างในบางคนแต่
00:07:02 → 00:07:03 ส่วนใหญ่แล้วนิ่ในถุงน้ำดีเนี่ยถ้ามี
00:07:03 → 00:07:06 อาการร้าวไปหลังร้าวไปไหลทางด้านขวาเมื่อ
00:07:06 → 00:07:08 ไหร่นะค่อนข้างที่จะชัดครับ
00:07:08 → 00:07:09 >> ต้องด้านขวาด้วยหรอคะ
00:07:09 → 00:07:13 >> ใช่ครับเพราะว่าบริเวณน้ำดีเนี่ยอยู่ทาง
00:07:13 → 00:07:15 ด้านขวาเพราะฉะนั้นอาการของนิ่วในถุงน้ำ
00:07:15 → 00:07:19 ดีเลยปวดร้าวไปหลังไปไหล่ทางด้านขวาครับ
00:07:19 → 00:07:21 >> ทีนี้คุณหมอคะแล้วอย่างงี้คือแบบว่าเวลา
00:07:21 → 00:07:23 ที่เรารู้แล้วแหละว่าเอ้ยเป็นนิ่้วแน่ๆ
00:07:23 → 00:07:26 เลยแค่คิดก็รู้สึกแบบว่าปวดท้องตามมาแล้ว
00:07:26 → 00:07:29 นะคะสีของนิ่วคืออย่างเคยเห็นของน้องที่
00:07:29 → 00:07:31 แบบว่าพาตัดออกมาแล้วค่ะเราก็จะเห็นแบบ
00:07:31 → 00:07:34 เออมันเป็นตกตะกอนเนาะแบบว่าดำๆบ้างแบบ
00:07:34 → 00:07:37 มันสีเหมือนก้อนหินเล็กๆหรืออะไรพวก
00:07:37 → 00:07:41 อย่างี้ด้วยอ่ะค่ะแต่ว่ามันมีสีที่มาก
00:07:41 → 00:07:45 กว่าสีดำหรือสีแบบขุ่นๆขาวๆขุ่นๆอะไรแบบ
00:07:45 → 00:07:46 นี้ด้วยใช่มั้ยคะ
00:07:46 → 00:07:48 >> หลักๆแล้วที่เจอกันได้บ่อยนะครับใน
00:07:48 → 00:07:50 ปัจจุบันเนี่ยเราจะเจอเป็นสีเหลืองๆขาวๆ
00:07:50 → 00:07:53 มากกว่าซึ่งไอ้นิ่วชนิดนี้เนี่ยมันเรียก
00:07:53 → 00:07:56 ว่าเป็นนิ่วคอเลสเตอรอลครับก็มันเกิดจาก
00:07:56 → 00:08:00 ในคนไข้ที่มีไขมันในเลือดสูงอาหารการกิน
00:08:00 → 00:08:02 ที่มันเปลี่ยนไปมันเลยทำให้มีระดับความ
00:08:02 → 00:08:05 เข้มข้นของตัวคอเลสเตอรอลในน้ำดีเนี่ยมาก
00:08:05 → 00:08:08 กว่าปกติมันเลยตกตะกอนและกลายเป็นนิ่วใน
00:08:08 → 00:08:10 ถุงน้ำดีชนิดคอเลสเตอรอลครับ
00:08:10 → 00:08:13 >> อ๋ออันนี้คือชนิดที่ 1 ชนิด
00:08:13 → 00:08:16 >> นิ้วคอเลสเตอรอลเพราะว่ากินไขมันเยอะ
00:08:16 → 00:08:19 >> โออาหารการกินเดี๋ยวนี้มันก็ยั่วยนหัวใจ
00:08:19 → 00:08:22 นะโดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์
00:08:22 → 00:08:22 >> ครับผม
00:08:22 → 00:08:23 >> เออ
00:08:23 → 00:08:26 >> กับอีกชนิดนึงที่เห็นได้นะครับก็เป็นชนิด
00:08:26 → 00:08:29 สีดำหรือสีน้ำตาลอะไรพวกเยครับเเรียกว่า
00:08:29 → 00:08:32 เป็นpิmented Redstone นะครับพวกนี้เนี่ย
00:08:32 → 00:08:35 มันก็เกิดจากน้ำดีเนี่ยมีองค์ประกอบของ
00:08:35 → 00:08:38 ตัวแคลเซียมนะครับที่มันมากกว่าปกตินะ
00:08:38 → 00:08:41 ครับส่วนใหญ่ก็จะเป็นก้อนเล็กๆดำๆซึ่ง
00:08:41 → 00:08:43 อาการเนี่ยจริงๆนิ่วแต่ละสีเนี่ยก็ไม่ได้
00:08:44 → 00:08:45 แตกต่างกันครับ
00:08:45 → 00:08:47 >> ไม่ได้แตกต่างกันเพียงแต่ว่าแค่ปัจจัยที่
00:08:47 → 00:08:50 ทำให้เกิดสีแตกต่างกันแค่นั้นเอง
00:08:50 → 00:08:50 >> ใช่ครับ
00:08:50 → 00:08:53 >> แล้วอาการมันจะเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอคะ
00:08:53 → 00:08:56 ถ้าเกิดแบบอย่างคอเลสเตอรอลเยอะหรือว่า
00:08:56 → 00:08:59 แบบนิ่ว
00:08:59 → 00:09:01 สีน้ำตาลอะไรพวกนี้มันมันมีอะไรที่แตก
00:09:01 → 00:09:03 ต่างกันมั้คะหรืออาการจริงๆแล้วโดยรวมมัน
00:09:03 → 00:09:04 ก็เหมือนๆกันนั่นแหละเพียงแค่ว่าถ้าผ่า
00:09:05 → 00:09:06 ออกมาแล้วนี่เห็นนิ่วปุ๊บเราก็จะรู้ได้
00:09:06 → 00:09:10 แล้วว่าเราไปกินอะไรเยอะหรือมากน้อยแค่
00:09:10 → 00:09:12 ไหนมันบ่งบ่งบอกพฤติกรรมเราได้อย่างงั้น
00:09:12 → 00:09:13 มั้ยคะ
00:09:13 → 00:09:16 >> คือมันอาจจะบอกได้เป็นทางอ้อมครับเพราะ
00:09:16 → 00:09:19 ว่าสุดท้ายแล้วเนี่ยก็เคยเจอคนไข้ที่ก็
00:09:19 → 00:09:21 น้ำหนักตัวก็ไม่ได้เยอะนะก็ทุกอย่างก็ดู
00:09:21 → 00:09:24 ดีแคเอไอ้ตัวคอเลสเตอรอลก็ไม่ได้สูงก็
00:09:24 → 00:09:26 เป็นนิ่วชนิดคอเลสเตอรอลก็เจอได้
00:09:27 → 00:09:30 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยสุดท้ายแล้วนะครับมันตัว
00:09:30 → 00:09:32 ชนิดหรือตัวของสีเนี่ยเราแค่เจอแล้วเบอก
00:09:32 → 00:09:35 เราก็เห็นละแล้วก็บอกว่าอ๋อมันน่าจะเป็น
00:09:35 → 00:09:39 อย่างนี้นะแต่ต้องกังวลขนาดนั้นมั้ยก็ไม่
00:09:39 → 00:09:42 ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ครับแล้วก็เอ่อใน
00:09:42 → 00:09:45 แง่ของอาการเนี่ยมันก็ไม่แตกต่างกันครับ
00:09:45 → 00:09:47 >> อถ้างั้นคุณหมอเวลาเรามีจำนวนเยอะอย่าง
00:09:47 → 00:09:49 เมื่อกี้ตอนต้นที่คุณหมอบอกว่ามีน้องอายุ
00:09:49 → 00:09:53 16 ปีแล้วมีนิ่วเป็นร้อยๆก้อนซึ่งอ่า
00:09:53 → 00:09:55 ไซส์ก้อนมันอาจจะใหญ่เล็กไม่เท่ากันใช่
00:09:55 → 00:09:55 มั้ยคะ
00:09:56 → 00:09:59 >> ครับผมทีนี้เนี่ยอาการเนี่ยครับก็มันเกิด
00:09:59 → 00:10:01 จากว่าเวลามันมีนิ่วใช่มั้ครับเสร็จแล้ว
00:10:01 → 00:10:06 มันไปเกิดอุดตันบริเวณตรงคอของถุงน้ำดีนะ
00:10:06 → 00:10:08 ครับพออุดตันปั๊บเนี่ยถุงน้ำดีมันก็
00:10:08 → 00:10:10 พยายามที่จะบีบใช่มั้ครับ
00:10:10 → 00:10:12 >> พอบีบมันก็มีเพิ่มแรงดันพอเพิ่มแรงดันมัน
00:10:12 → 00:10:15 ก็เลยจุกมันก็เลยแน่นหรือบางคนเป็นเยอะ
00:10:15 → 00:10:17 อย่างที่บอกว่ามันมีผลเล้าไปหลังเล้าไป
00:10:17 → 00:10:17 ไหล
00:10:17 → 00:10:21 >> พอผ่านไปสักพักนึงพออาหารหมดแล้วมันเริ่ม
00:10:21 → 00:10:24 ไม่ได้ไปจะต้องบีบน้ำดีไปย่อยอาหารละพอ
00:10:24 → 00:10:27 มันคลายตัวนิ่้วมันก็กลิ้งหลุดลงมาพอมัน
00:10:27 → 00:10:30 กลิ้งหลุดจะไปที่เดิมปั๊บอาการปวดมันก็
00:10:30 → 00:10:32 เลยดีขึ้นมันก็เลยบอกว่าทำไมเป็นถึงมี
00:10:32 → 00:10:34 อาการเป็นๆหายๆหลังมื้ออาหารครับ
00:10:34 → 00:10:36 >> ออก็เกิดก็เกิดจากอันนี้นี่เองอยู่ๆอยาก
00:10:37 → 00:10:40 จะหลุดลงไปป้องฉันก็ลงไปแล้วก็หายปวดท้อง
00:10:40 → 00:10:43 >> ใช่ใช่ครับใช่
00:10:43 → 00:10:46 >> เออแปลกดีแต่คุณหมอคะการการที่มันจะเป็น
00:10:46 → 00:10:48 ผลึกแคลเซียมที่มันออกมาเป็นก้อนๆแบบนี้
00:10:48 → 00:10:53 ได้เนี่ยเอ่อมันเกิดการสะสมค่อยๆสะสมหรือ
00:10:53 → 00:10:56 มันเป็นจากการที่เราบริโภคแบบเอ่อในช่วง
00:10:56 → 00:11:00 ขณะเวลานั้นแล้วมันก็ตกตะกอนเป็นแคลเซียม
00:11:00 → 00:11:03 เป็นก้อนๆขึ้นมาได้เลยหรือว่ามันมีระยะ
00:11:03 → 00:11:06 เวลามาเนิ่นนานแล้วอย่างเงี้ยคะคือเป็น
00:11:06 → 00:11:08 สักพักนึงแล้วล่ะครับเพียงแต่ว่าถามว่าจะ
00:11:08 → 00:11:10 บอกได้มั้ยว่ามันต้องกินระยะเวลานานเท่า
00:11:10 → 00:11:13 ไหร่คงไม่มีอะไรที่สามารถจะบอกได้ชัดเจน
00:11:14 → 00:11:16 ในเวลานี้เนี่ยนะครับเพราะว่าโดยหลักการ
00:11:16 → 00:11:19 ในการเกิดนิ้วในถุงน้ำดีแล้วนะครับมัน
00:11:19 → 00:11:23 เกิดจากว่าองค์ประกอบของตัวสารในน้ำดี
00:11:23 → 00:11:27 เนี่ยมันผิดปกติไปพอมันผิดปกติไปปั๊บมัน
00:11:27 → 00:11:30 ก็เลยเริ่มจับตัวกันเป็นแบบคล้ายๆโคลน
00:11:30 → 00:11:30 ก่อน
00:11:30 → 00:11:31 >> อื
00:11:31 → 00:11:34 >> สักพักมันก็จะจับตัวกันเป็นก้อนอ่าพอสัก
00:11:35 → 00:11:36 พักกลับตัวกันเป็นก้อนแล้วมันก็เริ่มแข็ง
00:11:36 → 00:11:38 ขึ้นแข็งขึ้นกลายเป็นนิ่วครับ
00:11:38 → 00:11:40 >> ค่อยๆแสดงว่ามีระยะเวลามาและ
00:11:40 → 00:11:41 >> ใช่ครับผม
00:11:41 → 00:11:44 >> ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลนานแค่ไหนส่วนใหญ่แล้ว
00:11:44 → 00:11:47 จะเป็นคนในช่วงวัยไหนคะเพราะว่าคุณหมอบอก
00:11:47 → 00:11:51 ว่าตกใจตอนที่มีเด็กอายุ 16 ปีมาด้วยนิ่ว
00:11:51 → 00:11:54 ในถุงน้ำดีเป็นรอยๆก้อนแสดงว่าอายุ 16 ปี
00:11:54 → 00:11:57 เนี่ยคือไม่น่าจะเป็นไม่น่ามีโอกาสที่จะ
00:11:57 → 00:11:59 เป็นนิ่้วในถุงน้ำดีได้ขนาดนี้
00:11:59 → 00:12:02 >> เค้าก็จะบอกกันว่าในอดีตนะครับประมาณสัก
00:12:02 → 00:12:03 10 ประมาณ 20 ปีที่แล้วแล้วกันนะครับ
00:12:04 → 00:12:06 เค้าก็จะสอนสอนกันมาตอนที่หมอเป็นนิสิต
00:12:06 → 00:12:08 แพทย์นะครับเก็จะบอกว่า
00:12:08 → 00:12:09 >> เนี่ย
00:12:09 → 00:12:14 >> คนไข้ที่เป็นผู้หญิงอายุ 40-50 ปีแล้วก็
00:12:14 → 00:12:17 ดูลักษณะดูท้วมหน่อยมีโอกาสที่จะเป็นนิ่ว
00:12:17 → 00:12:20 ได้ค่อนข้างสูงอันนี้คือเป็นข้อมูลเก่า
00:12:20 → 00:12:22 ประมาณสัก 10 กว่าปี 20 ปีที่แล้วนะครับ
00:12:22 → 00:12:23 >> ค่ะ
00:12:23 → 00:12:26 >> แต่ในปัจจุบันเนี่ยไม่ใช่ละครับในจุจาก
00:12:26 → 00:12:28 นี้ก็เจอเจอกันได้ทั่วไปหมอรักษาคนไข้ที่
00:12:28 → 00:12:32 10 กว่าปี 20 กว่าปีต้นๆก็เจอได้ค่อน
00:12:32 → 00:12:33 ข้างเยอะมากเลยครับในปัจจุบัน
00:12:33 → 00:12:35 >> อแสดงว่ามันกลายเป็นค่าเฉลี่ยที่แบบว่า
00:12:35 → 00:12:38 ตอนนี้ทุกคนเสี่ยงหมดเพราะว่าอ่าพฤติกรรม
00:12:38 → 00:12:41 อะไรต่างๆอาหารการกินการใช้ชีวิตเป็นองค์
00:12:41 → 00:12:44 ประกอบที่มันจะนำไปสู่ในการที่จะมีโอกาส
00:12:44 → 00:12:47 เสี่ยงในการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีเยอะมาก
00:12:47 → 00:12:49 ขึ้นด้วยก็เป็น
00:12:49 → 00:12:52 >> การรักษาหรืออะไรเงี้ยค่ะมันจะเหมือนหรือ
00:12:52 → 00:12:53 ต่างกันแค่ไหนคะ
00:12:53 → 00:12:56 >> ก็รักษาก็จะเหมือนกันครับเพราะว่าเป็นการ
00:12:56 → 00:12:59 ผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปนะครับ
00:12:59 → 00:13:01 >> บางคนก็จะคิดว่าเราเอาแค่นิ่วออกไปได้
00:13:01 → 00:13:04 มั้ยก็ไม่ได้ครับ
00:13:04 → 00:13:07 >> เพราะว่ามันมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้
00:13:07 → 00:13:09 นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เรารักษานะ
00:13:10 → 00:13:12 ครับแล้วจะเป็นการผ่าตัดถุงน้ำดีออกไป
00:13:12 → 00:13:12 ครับ
00:13:12 → 00:13:15 >> อ้าวแล้วทำไงคะร่างกายเราระบบเรายังบัง
00:13:15 → 00:13:17 ยังโอเคอยู่มั้คะถ้าเอาถุงน้ำดีออกไป
00:13:17 → 00:13:20 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยคือถ้าเรามาเข้าใจกลไก
00:13:20 → 00:13:23 ของถุงน้ำดีนะครับตับเนี่ยจะผลิตน้ำดี
00:13:23 → 00:13:26 แล้วน้ำดีก็จะเข้าไปเก็บที่ถุงถุงน้ำดีพอ
00:13:26 → 00:13:28 เรากินข้าวไปปั๊บไอ้น้ำดีที่อยู่ในถุงน้ำ
00:13:29 → 00:13:31 ดีเนี่ยมันก็จะถูกบีบตัวออกมาย่อยพวกไข่
00:13:31 → 00:13:33 มันย่อยอาหารที่เรากินเข้าไปเพราะฉะนั้น
00:13:33 → 00:13:36 เนี่ยเวลาถ้าเราตัดถุงน้ำดีแล้วเนี่ย
00:13:36 → 00:13:39 >> ในช่วงแรกตอนที่ร่างกายเรายังไม่ปรับตัว
00:13:39 → 00:13:41 ได้ดีเนี่ยครับบางคนก็จะมีอาการอืดแน่น
00:13:41 → 00:13:45 ท้องเวลากินอาหารมันหรือว่าบางทีบางคนอาจ
00:13:45 → 00:13:48 จะมีอาการท้องเสียได้นะครับแต่พอผ่านไป
00:13:48 → 00:13:50 สักพักนึงแล้วครับร่างกายเราเก่งมาก
00:13:50 → 00:13:50 >> อื
00:13:50 → 00:13:53 >> สามารถปรับตัวเองได้ทุกอย่างก็จะกลับมา
00:13:53 → 00:13:54 เป็นปกติ
00:13:54 → 00:13:57 >> แสดงว่าถูกตัดไปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรร่าง
00:13:57 → 00:13:58 กายปรับตัวได้
00:13:58 → 00:13:58 >> ไม่มีครับ
00:13:58 → 00:14:01 >> อ้าแล้วไปเก็บน้ำดีตรงไหนอ่ะคะทีนี้น้ำดี
00:14:01 → 00:14:04 มันก็ยังถูกเก็บไว้อยู่ในบริเวณท่อของน้ำ
00:14:04 → 00:14:06 ดีครับ
00:14:06 → 00:14:06 >> อ๋อ
00:14:06 → 00:14:09 >> เพราะฉะนั้นในบางคนที่ว่าหลังจากผ่าตัดไป
00:14:09 → 00:14:12 นะครับมันอาจจะมีขนาดของท่อน้ำดีโตขึ้น
00:14:12 → 00:14:14 นิดหน่อยเล็กน้อยอะไรเงี้ยมันก็จะเป็น
00:14:14 → 00:14:17 สภาวะที่ร่างกายเราเนี่ยปรับตัวไปได้ครับ
00:14:17 → 00:14:19 >> แต่มันถ้ามีถุงน้ำดีจะดีกว่า
00:14:19 → 00:14:22 >> ก็ถ้าเกิดคนปกติเราคงไม่ไปยุ่งกับมันหรอก
00:14:22 → 00:14:22 ครับ
00:14:22 → 00:14:23 >> ออฮ
00:14:23 → 00:14:24 >> ใช่มั้ครับ
00:14:24 → 00:14:27 >> ออแต่ว่าพอเราเป็นโรคแล้วอ่าเราต้องมีการ
00:14:27 → 00:14:30 รักษาพอเรามีการรักษาการผ่าตัดก็ไม่ได้ทำ
00:14:30 → 00:14:33 ให้ร่างกายเราเนี่ยแย่ลงไปครับเหมือนว่า
00:14:33 → 00:14:36 ร่างกายเราก็จะสามารถใช้ชีวิตทุกอย่างได้
00:14:36 → 00:14:38 ตามปกติกินทุกอย่างได้ตามปกติเมื่อร่าง
00:14:38 → 00:14:40 กายเราปรับตัวได้แล้วครับ
00:14:40 → 00:14:42 >> ต่อให้จะเป็นนิ่วคอเลสเตอรอลนิ่วสีอะไรก็
00:14:42 → 00:14:44 แล้วแต่ฉันก็เอาเธอออกไปหมดแหละฉันไม่ได้
00:14:44 → 00:14:47 แบบว่ามาคัดออกว่าเอ้ยนิ่้วคอเลสเตอรอล
00:14:47 → 00:14:51 แบบเม็ดสีดำนี่มันเอ่ยมันเยอะนะเอาออกไป
00:14:51 → 00:14:54 เธอเอาออกฉันมาคัดออกไม่ใช่ไปเลยไป
00:14:54 → 00:14:55 ใช่อย่างงั้นเนาะ
00:14:55 → 00:14:56 >> ใช่ครับเออ
00:14:56 → 00:14:58 >> เราจัดการให้หมดเลยครับเพราะว่าไม่อย่าง
00:14:58 → 00:15:01 งั้นเนี่ยพอถ้าเกิดว่าหมีหนิวเดี๋มีตกก้ง
00:15:01 → 00:15:03 ตกค้างหรือว่ามันมีอะไรมันเดี๋ยวมีภาวะ
00:15:04 → 00:15:07 แทรกซ้อนผ่านมาหรือว่ากลับเป็นซ้ำหรือว่า
00:15:07 → 00:15:10 ตอนผ่าตัดไปแล้วเราเกิดเอาแค่นิวออกไป
00:15:10 → 00:15:12 แล้วเย็บถุงน้ำดีแล้วมันเกิดโอกาสรั่ว
00:15:12 → 00:15:15 เกิดอะไรได้เพราะฉะนั้นเนี่ยครับอ
00:15:15 → 00:15:17 >> ง่ายสุดจัดการมันออกไปเลยครับ
00:15:17 → 00:15:21 >> ก็แสดงว่าคนนึงสามารถเป็นได้หลายๆสีอยู่
00:15:21 → 00:15:22 ในคนคนเดียวกัน
00:15:22 → 00:15:22 >> เอ่อ
00:15:22 → 00:15:26 >> ในถุงจากประสบการณ์ที่ผ่านมานะครับก็ส่วน
00:15:26 → 00:15:28 ใหญ่ก็จะเห็นเป็นสีเดียวนะครับไม่ค่อย
00:15:28 → 00:15:31 เห็นมีใครที่มี 2 สีอยู่ในคนเดียวกันเท่า
00:15:31 → 00:15:32 ไหร่
00:15:32 → 00:15:35 >> แล้วถ้าเราไม่รักษาหรอคะมันอันตรายแค่ไหน
00:15:35 → 00:15:35 คะ
00:15:35 → 00:15:37 >> คือถ้าเราไม่รักษาเนี่ยนะครับวันนึงที่
00:15:37 → 00:15:40 บอกว่าเอ่อเวลาที่นิ่วมันกลิ้งไปกลิ้งมา
00:15:41 → 00:15:42 ใช่มั้เดี๋ก็ปวดเดี๋ก็หาย
00:15:42 → 00:15:42 >> อื
00:15:42 → 00:15:46 >> เกิดว่าวันนึงโชคร้ายเค้าเนี่ยกลิ้งมาอุด
00:15:46 → 00:15:48 ละแล้วปรากฏว่ารอบนี้มันไม่กลิ้งกลับไป
00:15:48 → 00:15:50 ที่เดิมมันก็เริ่มอุดตันอ
00:15:50 → 00:15:53 >> พอมันเริ่มอุดตันมันเริ่มมีแรงดันตัวถุง
00:15:53 → 00:15:56 น้ำดีเนี่ยมันก็เกิดอาการอักเสบมากขึ้นพอ
00:15:56 → 00:16:00 มันเริ่มอักเสบปั๊บสักพักมันเริ่มเน่า
00:16:00 → 00:16:03 >> พอมันเริ่มเน่าปั๊บมันก็มีทะลุทะลุปั๊บก็
00:16:03 → 00:16:06 ติดเชื้อติดเชื้อรุนแรงนะครับมีโอกาสถึง
00:16:06 → 00:16:09 ขั้นเสียชีวิตได้เลยครับหลายๆคนเขาชอบคิด
00:16:09 → 00:16:11 ว่าไม่เป็นไรไม่เป็นไรสบายดีอะไรเงี้ย
00:16:11 → 00:16:14 ครับแล้วก็ผ่านไปสักพักนึงมาถึงโรงพยาบาล
00:16:14 → 00:16:15 คือหนักเลยครับ
00:16:15 → 00:16:18 >> คือทนๆเอาไว้ก่อนทนไหวได้แหละ
00:16:18 → 00:16:21 >> เดี๋ยวกินยาแก้ปวดไปก็ได้อยู่อ่ะหายละเออ
00:16:21 → 00:16:24 ปวดบ้างเดี๋กินยายะก็วนอยู่อย่างงี้ซึ่ง
00:16:24 → 00:16:25 มันอันตราย
00:16:25 → 00:16:25 >> ใช่ครับ
00:16:25 → 00:16:29 >> เอ่อคุณหมอถามนิดนึงพื้นผิวของนิ่วเนี่ย
00:16:29 → 00:16:31 ค่ะพื้นผิวมันขลุขขละมั้คะหรือว่ามันแบบ
00:16:31 → 00:16:32 เรียบ
00:16:32 → 00:16:35 >> แล้วแต่ชนิดครับคือแล้วก็แล้วก็แล้วแต่
00:16:35 → 00:16:37 จำนวนก้อนนะครับสมมุติว่ามีก้อนเดียวส่วน
00:16:37 → 00:16:40 ใหญ่มันจะกลมๆนะครับแต่ว่าถ้าเกิดว่ามี
00:16:40 → 00:16:41 หลายก้อนมันก็เหมือนว่าหลายๆก้อนเนี่ยมัน
00:16:42 → 00:16:44 อัดๆกันไว้อยู่ใช่มั้ยครับบางทีมันก็จะ
00:16:44 → 00:16:47 เป็นแบบเหมือนกับว่าพื้นผิวมันก็จะมีความ
00:16:47 → 00:16:49 มีมีเหลี่ยมมีมุมอะไรอย่างเงี้ยประมาณ
00:16:49 → 00:16:50 เนี้ยครับเพราะว่ามัน
00:16:50 → 00:16:54 >> มันเหมือนกับมันอยู่ติดกันอะไรประมาณ
00:16:54 → 00:16:54 เนี้ยครับ
00:16:54 → 00:16:57 >> ค่ะเอ่อแล้วมันกลิ้งได้อย่างี้มันไม่ไอ้
00:16:57 → 00:16:59 พวกมุมแหลมหรือความแบบคมหรืออะไรเงี้ยมัน
00:16:59 → 00:17:00 ไม่ไปแบบบาดเอา
00:17:01 → 00:17:04 >> ออมันไม่ไม่ได้ขนาดนั้นครับมันเหมือน
00:17:05 → 00:17:06 >> เหมือนเหมือก้อนกรวดอะไรอย่างงี้ดีกว่า
00:17:06 → 00:17:08 ครับเหมือนก้อนกรวดก้อนหินที่แบบเล็กๆ
00:17:09 → 00:17:11 ประมาณ 2-3 มิม 5 มม.แล้วแต่ขณะอะไรเงี้ย
00:17:11 → 00:17:14 ครับมันมันไม่ได้แบบว่า
00:17:14 → 00:17:16 >> เป็นเหมือนเป็นขวดปากฉลาม
00:17:16 → 00:17:19 >> อ๋อไม่ถึงขนาดคมขนาดนั้นโอ้โหเห็นมัน
00:17:19 → 00:17:21 กลิ้งได้เดี๋ยวก็จะแบบว่าไปบาดเอาเลือด
00:17:21 → 00:17:24 ออกเข้าไปอีกคุณหมอเคยเจอนิ่วอะไรสีแปลกๆ
00:17:24 → 00:17:25 บ้างมั้คะ
00:17:25 → 00:17:28 >> ก็เจอหมดแหละครับโดยส่วนใหญ่ก็พอมันเจอ
00:17:28 → 00:17:30 หลายๆแบบเจอทุกอย่างแล้วทุกอย่างมันก็เลย
00:17:30 → 00:17:33 ไม่ประหลาดสำหรับเราล่ะครับ
00:17:33 → 00:17:35 >> แล้วก็เจอมาหมดแล้ว
00:17:35 → 00:17:37 >> ทุกสีเลยทุกสีที่มีอยู่
00:17:37 → 00:17:38 >> ใช่ครับผม
00:17:38 → 00:17:42 >> อ๋อแต่ส่วนใหญ่จะคอเลสเตอรอลเยอะหน่อยอื
00:17:42 → 00:17:44 >> ในปัจจุบันจะเป็นคอเลสเตอรอลเยอะหน่อย
00:17:44 → 00:17:44 ครับ
00:17:44 → 00:17:49 >> อือเอางี้ดีกว่าคุณหมอทำไงให้ไม่เป็นนิ่ว
00:17:49 → 00:17:51 ใครบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษหน่อยมั้ย
00:17:51 → 00:17:53 หรือว่าแบบทุกคนเลยอะไรยังไง
00:17:53 → 00:17:57 >> คือด้วยจริงๆแล้วสมัยนี้นะครับเราก็ใช้
00:17:58 → 00:18:00 ชีวิตเราก็แบบคงไม่ได้แบบว่าห้ามกินนู่น
00:18:00 → 00:18:02 ห้ามกินนี้ตลอดเวลากินอันนี้แล้วจะเป็น
00:18:02 → 00:18:03 อันนั้นกินอันนั้นแล้วจะเป็นอันนี้ใช่
00:18:03 → 00:18:04 มั้ยครับ
00:18:04 → 00:18:04 >> ค่ะ
00:18:04 → 00:18:07 >> มันชีวิตเราก็คงเครียดเนาะเพราะฉะนั้นคือ
00:18:07 → 00:18:10 เราก็อ่าถ้าอะไรที่มันหลีกมันมันของมัน
00:18:10 → 00:18:12 ตลอดเวลาเราคงอาจจะต้องหลีกเลี่ยงบ้างแต่
00:18:12 → 00:18:13 ถามว่า
00:18:13 → 00:18:14 >> ถ้าเราไม่
00:18:14 → 00:18:18 >> ห้ามกินเลยหรือว่ากลัวมากเกินไปมันก็ส่ง
00:18:18 → 00:18:20 ผลกับชีวิตของเราใช่มั้ยครับ
00:18:20 → 00:18:23 >> เพราะฉะนั้นคือใช้ชีวิตของเราไปเนี่ยแหละ
00:18:23 → 00:18:25 ครับไม่ต้องกังวลมาก
00:18:25 → 00:18:27 >> อยากกินอะไรก็กินอะไรทำอะไรก็ทำออกกำลัง
00:18:27 → 00:18:30 กายอะไรก็ทำไปนะครับแต่ว่าถ้าเราเลี่ยง
00:18:30 → 00:18:32 คอเลสเตอรอลได้นะครับเลี่ยงอาหารมันได้
00:18:33 → 00:18:35 มันก็เป็นประโยชน์กับตัวเราแต่จะถึงขั้น
00:18:35 → 00:18:38 แบบห้ามกินเด็ดขาดเดี๋จะกลัวเป็นนิ่อัน
00:18:38 → 00:18:42 นี้ก็อาจนะกังวลเกินไปหน่อยนะครับ
00:18:42 → 00:18:44 >> เพียงแต่ว่าสิ่งที่สำคัญคือเราสังเกตตัว
00:18:45 → 00:18:46 เองดีกว่าครับ
00:18:46 → 00:18:48 >> อย่างแรกก็คือถ้าเกิดเรารู้สึกว่ามีอาการ
00:18:48 → 00:18:51 อืดแน่นท้องหลังกินอาหารนะครับหรือว่าบาง
00:18:51 → 00:18:53 ทีไปหาหมอแล้วหมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะแต่
00:18:53 → 00:18:55 กินยาแล้วมันไม่ดีขึ้น
00:18:55 → 00:18:55 >> ค่ะ
00:18:55 → 00:18:57 >> หรือว่ากินยาแล้วต้องกินแล้วกินอีกกิน
00:18:57 → 00:19:01 เป็นเดือนเป็นปี 2 ปี 3 ปีแล้วแนะนำว่ามา
00:19:01 → 00:19:03 ตรวจอัลต้าซาวสักทีนึงจะได้เช็คดูว่ามัน
00:19:03 → 00:19:05 มีอะไรมั้ยหรือจริงๆโอเคเราเป็นโรค
00:19:05 → 00:19:07 กระเพาะแหละอ่าหรือว่าจริงๆเราไม่ใช้โรค
00:19:07 → 00:19:09 กระเพาะเรามีอย่างอื่นหรือเปล่าเราเป็น
00:19:09 → 00:19:11 นิ่วในถูกน้ำดีหรือเปล่าหรือว่าถ้าเกิด
00:19:11 → 00:19:14 ว่าใครที่สามารถที่จะตรวจคัดกรองได้นะ
00:19:14 → 00:19:16 ครับอย่างเช่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่าง
00:19:16 → 00:19:18 เงี้ยครับมันก็จะมีเรื่องของการ
00:19:18 → 00:19:21 อัตตราซาว์ช่องท้องส่วนบนนะครับซึ่งแนะนำ
00:19:21 → 00:19:23 ให้ทำประจำปีอยู่แล้วเราก็จะได้รู้ก่อน
00:19:23 → 00:19:27 ตั้งแต่เนิ่นๆว่าอ้าเรามีอยู่นะหรือว่า
00:19:27 → 00:19:29 เราจะได้รู้ว่าก้อนมันใหญ่มากมั้ยหรือมัน
00:19:30 → 00:19:32 มีปัญหาอะไรมั้ยเราจะต้องทำอะไรก่อนหน้า
00:19:32 → 00:19:35 ที่จะต้องถึงแม้ว่าไม่มีอาการก็ตาม
00:19:35 → 00:19:38 >> พอดีระหว่างที่คุยมีจดหมายน้อยฝากมาข้าง
00:19:38 → 00:19:43 เบอกว่าเคยปวดท้องแบบว่าเหมือนกินอาหาร
00:19:43 → 00:19:48 มื้อตอนเย็นไปแล้วก็อาจจะมันนิดนึงเสร็จ
00:19:48 → 00:19:52 ปุ๊บกลับไปปวดท้องอ่าปวดท้องเสร็จปึ๊บก็
00:19:52 → 00:19:55 ปวดอยู่ทั้งคืนค่ะปวดแบบหนักๆมากเหมือน
00:19:55 → 00:19:58 แบบเหมือนจะปวดไปทางปวดไปปวดหลังปวดอะไร
00:19:58 → 00:20:01 อย่างเงี้ยแต่เขาไม่ได้ระบุว่าด้านขวา
00:20:01 → 00:20:03 หรืออะไรนะคะน่าจะแบบสักระยะนึงแล้วแหละ
00:20:03 → 00:20:07 แล้วทีนี้ก็กินยาช่วยให้ระบายหรืออะไรพวก
00:20:07 → 00:20:10 นะคะกินไปหลายซองมากแบบเนี้ยมันมันมีความ
00:20:10 → 00:20:12 โอกาสหรือความเสี่ยงที่มีโอกาสจะเป็นได้
00:20:13 → 00:20:13 มั้ยคะ
00:20:13 → 00:20:17 >> คือในกรณีนี้เนี่ยครับก็หมอก็ค่อนข้างเจอ
00:20:17 → 00:20:19 มาหลายๆคนที่เป็นประมาณนี้เลยคิดว่าเป็น
00:20:19 → 00:20:21 โรคกระเพาะแล้วก็อดทนอยู่ทั้งคืนปรากฏว่า
00:20:21 → 00:20:24 ตอนเช้าไม่ไหวแล้วปวดมากมาโรงพยาบาล
00:20:24 → 00:20:26 >> ค่ะ
00:20:26 → 00:20:28 >> อ่าทีนี้เราก็จะมาดูกันที่โรงพยาบาลกัน
00:20:28 → 00:20:31 ต่อว่าอ่าสรุปว่าเป็นยังไงปวดเยอะมากปวด
00:20:31 → 00:20:33 น้อยหรือว่าตอนนั้นหายไปแล้วอ่า
00:20:33 → 00:20:34 >> ฮะ
00:20:34 → 00:20:37 >> อ่าบางคนก็พอปวดปวดมากปวดมากจุลงพยาอ้า
00:20:37 → 00:20:40 หายแล้วไม่มีอะไรแล้วกลับบ้าน
00:20:40 → 00:20:43 >> ก็ก็เคยเจอบ้างในเหมือนกันนะครับสุดท้าย
00:20:43 → 00:20:45 ก็แบบพออย่างี้แล้วก็จะมีการพูดคุยว่าถ้า
00:20:45 → 00:20:48 อาการปวดเยอะมากเราจะตรวจเพิ่มเติมต่อณ
00:20:48 → 00:20:51 เวลานั้นเลยมั้ยหรือว่าเรายังไม่อยากตรวจ
00:20:51 → 00:20:54 เราขออ่าดูอาการตัวเองไปก่อนหรืออยากจะขอ
00:20:54 → 00:20:57 กินยาพวกโรคกระเพาะก่อนอันนี้ก็จะเจอได้
00:20:57 → 00:21:00 อยู่บ้างแต่ถ้าเกิดว่าเป็นซ้ำๆเป็นซ้ำๆนะ
00:21:00 → 00:21:00 ครับ
00:21:00 → 00:21:02 >> ก็จะแนะนำว่าตรวจเลยครับ
00:21:02 → 00:21:05 >> จะได้รู้จะได้จัดการแก้สาเหตุไปได้เลย
00:21:05 → 00:21:05 ครับ
00:21:06 → 00:21:08 >> เดี๋ยวนี้การรักษาก็ไม่ได้ไม่ได้ยุ่งยาก
00:21:08 → 00:21:10 ใช่มั้คะ
00:21:10 → 00:21:12 ปัจจุบันจะเป็นการผ่าตัด 2 กล้องแทบทั้ง
00:21:12 → 00:21:16 หมดครับเพราะฉะนั้นเนี่ยก็เจ็บตัวน้อย
00:21:16 → 00:21:18 ฟื้นตัวไวลางานไม่กี่วันก็กลับไปทำงานได้
00:21:18 → 00:21:19 แล้วครับผม
00:21:19 → 00:21:21 >> ก็หลังจากผ่าตัดตื่นมาก็ลุกเดินเข้าห้อง
00:21:21 → 00:21:24 น้ำอะไรได้เลยครับเพราะว่าพอการผ่าตัด 2
00:21:24 → 00:21:25 กล้องมันเจ็บน้อยอยู่แล้วครับ
00:21:25 → 00:21:26 >> ค่ะ
00:21:26 → 00:21:28 >> โรคนิ่ในถุงน้ำดีนะครับก็เจอได้ค่อนข้าง
00:21:28 → 00:21:31 บ่อยมากๆเลยนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยพยายาม
00:21:31 → 00:21:35 ที่จะลองสังเกตตัวเองหลายๆคนที่หมอเจอมา
00:21:35 → 00:21:37 ก็บอกว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะเป็นกระเพาะ
00:21:37 → 00:21:39 มา 2-3 ปีละค่ะ
00:21:39 → 00:21:42 >> มาเจอหลังจากนั้นเนี่ยไม่หายซะทีสุดท้าย
00:21:42 → 00:21:45 แล้วอัลต้าซาวด์เลยเจอนิ่วในถุงดีถ้าเรา
00:21:45 → 00:21:49 เป็นเยอะเป็นนานแนะนำให้ตรวจอัลต้าดูครับ
00:21:49 → 00:21:53 >> จะได้รู้ว่าเรามีจริงๆหรือเราไม่มีครับ
00:21:53 → 00:21:55 >> เอ่อใช้ชีวิตกันให้แบบว่าก็ดูแลสุขภาพนะ
00:21:56 → 00:21:58 คะเดี๋ยวนี้เทรนด์การดูแลสุขภาพก็อืหลาย
00:21:58 → 00:22:00 คนให้ความเอ่อเรียกว่าอะไรอ่ะดูแลตัวเอง
00:22:00 → 00:22:03 มากยิ่งขึ้นนะคะระมัดระวังมากขึ้นนะคะ
00:22:03 → 00:22:05 เป็นอะไรนิดอะไรหน่อยอย่าเพิ่งแบบไปทน
00:22:05 → 00:22:06 เนาะคุณหมอเนาะ
00:22:06 → 00:22:09 ก็ไปวินิจฉัยไปตรวจซะให้มันแบบชัดเจนจะ
00:22:09 → 00:22:12 ได้รักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆด้วยขอบคุณคุณ
00:22:12 → 00:22:14 หมอศิรสิทธิ์ค่ะที่ร่วมพูดคุยกับเราในวัน
00:22:14 → 00:22:16 นี้นะคะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะ
00:22:16 → 00:22:18 >> ครับสวัสดีครับ
00:22:18 → 00:22:20 >> เอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้วกับรายการ
00:22:20 → 00:22:23 โรงหมอทางไทย PBS Podcast นะคะวันนี้ลา
00:22:23 → 00:22:25 ไปก่อนค่ะพบกันใหม่ครั้งหน้านะคะสวัสดี
00:22:25 → 00:22:26 ค่ะ
00:22:26 → 00:22:28 >> This is Thai PBS Podcast
00:22:28 → 00:22:31 >> ริ้นฝอยทรายสัตว์ตัวเล็กที่อันตรายหากโดน
00:22:31 → 00:22:33 กัดเสี่ยงต่อการเป็นโรคอะไรศาสตราจารย์
00:22:33 → 00:22:36 นายศตวรรแพทย์ดร.สถาพรจิตปารัพพงษ์จากคณะ
00:22:37 → 00:22:39 เทคนิคการสตวแพทย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
00:22:39 → 00:22:41 มาเล่าให้ฟังครับ
00:22:41 → 00:22:44 >> โรค Rich Manis เนี่ยเป็นโรคที่เป็น
00:22:44 → 00:22:47 เวกอรบอเพราะฉะนั้นต้องมีพาหาลิ้นฝอยทราย
00:22:47 → 00:22:50 เนี่ยเป็นแมลงทางตะวันออกกลางเขาเรียก
00:22:50 → 00:22:54 sandฟคือแมลงที่อยู่ในตามพื้นทรายแต่ใน
00:22:54 → 00:22:57 ประเทศไทยเนี่ยเอ่อเราไม่ได้มีอยู่ตาม
00:22:57 → 00:23:01 พื้นทรายส่วนมากก็มักจะเจอในพวกพื้นถ้ำ
00:23:01 → 00:23:04 พื้นป่าที่มีเศษใบไม้อะไรพวกเนี้ยโพรงไม้
00:23:04 → 00:23:06 จอมปลวกบกคอกสัตว์เลี้ยงอะไรพวกเนี้ยนะ
00:23:06 → 00:23:07 ครับซึ่งอันเนี้ย
00:23:07 → 00:23:11 >> มันก็จะเจออยู่ในแหล่งที่เป็นแรียท่อง
00:23:11 → 00:23:15 เที่ยวก็มีหรือไม่ก็ตามบ้านที่อยู่ใกล้
00:23:15 → 00:23:19 ชายป่าหรือในพื้นที่อับชื้นที่มีเป็น
00:23:19 → 00:23:22 แหล่งเพาะของพวกตัวลิ้นอยู่
00:23:22 → 00:23:22 >> ค่ะ
00:23:22 → 00:23:25 >> ตัวริ้นเนี่ยไซส์เอ่อเล็กกว่ายุงนะครับ
00:23:25 → 00:23:26 แค่ 1 ใน 3
00:23:26 → 00:23:27 >> อื
00:23:27 → 00:23:29 >> เพราะฉะนั้นมันจะยิ่งยิ่งดูยากใหญ่
00:23:29 → 00:23:29 >> ค่ะ
00:23:29 → 00:23:31 >> เออแต่ว่ามันกินเลือดนะครับเวลาที่มัน
00:23:31 → 00:23:33 เกาะมันก็เกาะดูดเลือดเพราะฉะนั้นมันก็จะ
00:23:33 → 00:23:37 ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายทีนี้คำถามก็คือ
00:23:37 → 00:23:39 ว่าลิ้นฝอยทรายเนี่ยมันไม่ได้นำเชื้อ rich
00:23:39 → 00:23:43 mania ทุกตัวเรามีลิ้นฝอยทรายในประเทศ
00:23:43 → 00:23:45 ไทยอยู่ประมาณ 24 ชนิดแต่มีคาดการณ์ว่าจะ
00:23:45 → 00:23:48 นำเชื้อ rich mania ได้มาไม่เกิน 4 ชนิด
00:23:48 → 00:23:52 ก็เลยเป็นที่มาว่ามันมีเคสของrิ mania ใน
00:23:52 → 00:23:55 ประเทศไทยเองนะครับไม่ได้นำเข้ามาแต่ว่า
00:23:55 → 00:23:58 ก็ยังเป็นโรคที่ไม่ได้เจอได้บ่อยแต่เจอ
00:23:58 → 00:24:02 ได้ในบางพื้นที่ในบางareเรียเท่านั้นเอง
00:24:02 → 00:24:04 นะครับเพราะฉะนั้นก็ยังไม่ต้องตกใจมาก
00:24:04 → 00:24:05 เพราะว่าตัวลิ้นฝอยทรายเนี่ยมันบินไม่
00:24:05 → 00:24:08 เกิน 2 กก.มันไม่ได้หากินในไก่
00:24:08 → 00:24:08 >> อ๋อ
00:24:08 → 00:24:10 >> เพราะงั้นมันจะอยู่ใกล้กับแหล่งเพาะ
00:24:10 → 00:24:12 พันธุ์มันมากกว่าเอ่อ Rismis เนี่ยเป็น
00:24:12 → 00:24:14 โรคที่ WHO ให้ความสำคัญมากนะครับเพราะ
00:24:15 → 00:24:17 ว่าเป็นโรคที่มีการระบาดรุนแรงทางแถบ
00:24:17 → 00:24:20 ตะวันออกกลางบราซิลมีแอฟริกาพวกเนี้ย
00:24:20 → 00:24:23 ตะวันออกกลางเนี่ยคนไทยเนี่ยไปทำงานที่
00:24:23 → 00:24:27 ซาอุเยอะเพราะงั้นจะมีเคสของ Rich Mania
00:24:27 → 00:24:29 เนี่ยที่ติดเชื้อริเนียกับประเทศไทยจาก
00:24:29 → 00:24:32 พวกแรงงานสมัยก่อนเราจะเจอได้เลยคนที่จะ
00:24:32 → 00:24:36 ติดเชื้อ Mania เนี่ยถามเลยว่าเคยทำงาน
00:24:36 → 00:24:39 อยู่ตะวันออกกลางมั้บอกใช่ซึ่งก็ผ่านระยะ
00:24:39 → 00:24:43 เวลานึงเเราก็พบว่ามีการเจอเชื้อในคนที่
00:24:43 → 00:24:45 ไม่ได้ไปตะวันออกกลางมากขึ้นเพราะฉะนั้น
00:24:45 → 00:24:47 ก็ยังเป็นโรคที่ต้องคอยติดตามนะครับว่าจะ
00:24:47 → 00:24:51 มีการเพิ่มจำนวนหรือว่าจะมีความถี่ของการ
00:24:51 → 00:24:55 เกิดโรคมากน้อยเพียงใด
00:24:55 → 00:24:56 [เพลง]
00:24:56 → 00:25:01 >> This is Thai PBS Podcast
00:25:01 → 00:25:04 ติดตามรายการของ Thai PBS Podcast ได้
00:25:04 → 00:25:09 ทางเว็บไซต์ www.thaippbspodcast.com
00:25:09 → 00:25:12 Thais Podcast รวมถึงฟังผ่าน podcast
00:25:12 → 00:25:16 ช่องทางอื่นๆ Spotify YouTube Apple
00:25:16 → 00:25:19 Podcast และ Soundcloud
00:25:19 → 00:25:22 [เพลง]