00:00:00 → 00:00:04 โรคลมพิษผื่นแดงนูนันต้องรีบรักษาค่ะและ
00:00:04 → 00:00:06 ในช่วงนี้นะคะเราจะมาพูดคุยกับแพทย์ผู้
00:00:06 → 00:00:09 เชี่ยวชาญในเรื่องของโรคลมพิษกันให้มาก
00:00:09 → 00:00:10 ขึ้น
00:00:10 → 00:00:14 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:00:14 → 00:00:15 เลยนะ
00:00:15 → 00:00:20 [เพลง]
00:00:20 → 00:00:25 คะโรคลมพิษค่ะอาจารย์อันตรายแค่ไหนคะ
00:00:25 → 00:00:28 สำหรับโรคลมพิษค่ะความอันตรายของเขาขึ้น
00:00:28 → 00:00:30 กับว่าเขาเป็นชนิดไหนนะคะโรคลมพิษที่รู้
00:00:30 → 00:00:33 จักทั่วไปก็คือผื่นลมพิษเอติคาเรียค่ะจะ
00:00:33 → 00:00:36 เป็นลักษณะผื่นนูนค่ะแล้วก็มีลักษณะการ
00:00:36 → 00:00:39 แดงๆรอบๆผื่นชนิดนี้ค่ะขึ้นแบบเฉียบพันธ์
00:00:39 → 00:00:41 แล้วก็หายได้เองภายใน 24 ชมงค่ะผื่น
00:00:41 → 00:00:44 สามารถกระจายได้ทั่วของร่างกายเลยนะคะแต่
00:00:44 → 00:00:46 สำหรับผื่นอีกชนิดนึงค่ะก็เป็นกลุ่มอาการ
00:00:47 → 00:00:49 ของผื่นล้มพิษเหมือนกันแต่ว่าเขาเนี่ยจะ
00:00:49 → 00:00:52 มีความลึกกว่าก็คือคันบวมนูนของเขาเนี่ย
00:00:52 → 00:00:54 จะลงไปลำดับใต้ผิวหนังค่ะเราเรียกเขาว่า
00:00:54 → 00:00:58 แองจิโอ dema ดังนั้นการขึ้นของผื่นชนิด
00:00:58 → 00:01:00 นี้ค่ะจะขึ้นกับบริเวณที่มีแอเรียน้อยๆ
00:01:00 → 00:01:04 ค่ะเช่นเป็นหนังตาริมฝีปากหรือว่าหูค่ะ
00:01:04 → 00:01:06 ซึ่งการบวมของผื่นชนิดนี้เนี่ยจะมีอาการ
00:01:06 → 00:01:10 เจ็บร่วมด้วยค่ะซึ่งการบวมผมบุของแองจิโอ
00:01:10 → 00:01:12 ดินี้ถ้าเป็นเนี่ยค่ะอาจจะบวมไปถึงเรื่อง
00:01:12 → 00:01:15 ของหลอดลมแล้วก็กระเพาะอาหารแล้วก็ลำไส้
00:01:15 → 00:01:18 ได้การบวนของหลอดลมจะทำให้เกิดอาการแน่น
00:01:18 → 00:01:21 หายใจไม่ออกค่ะหายใจลำบากแล้วถมีอาการทาง
00:01:21 → 00:01:23 เดินหายใจได้สำหรับการบวมของทางเดินอาหาร
00:01:23 → 00:01:25 อาจจะทำให้เกิดอาการปวดท้องขึ้นมาเฉียบ
00:01:25 → 00:01:27 พันคลื่นไส้อาเจียนหรืออาเจียนเป็นเลือด
00:01:27 → 00:01:30 ได้เช่นกันค่ะสำหรับผืนลบพิษชนิดสุดท้าย
00:01:30 → 00:01:32 ค่ะเป็นผื่นลมพิษที่ร่วมกับอาการของระบบ
00:01:32 → 00:01:36 อื่นๆค่ะไม่ว่าจะเป็นระบบหัวใจระบบประสาท
00:01:36 → 00:01:38 ระบบทางเดินอาหารแล้วก็ระบบทางเดือนหายใจ
00:01:38 → 00:01:41 ค่ะการเกิด 2 อาการใน 5 อาการทั้งหมดค่ะ
00:01:41 → 00:01:44 เกิดขึ้นพร้อมๆกันเรียกการแพ้ชนิดาฟ laxis
00:01:44 → 00:01:47 ค่ะเป็นการวงของผืนลมพิษที่รุนแรงที่สุด
00:01:47 → 00:01:49 ค่ะซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีลมพิษให้เราเห็น
00:01:49 → 00:01:52 ก็ได้นะคะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
00:01:52 → 00:01:55 ได้ในอันดับต้นๆเลยทีเดียวค่ะแล้วลมพิษ
00:01:55 → 00:01:58 และภูมิแพ้ผิวหนังมีความเหมือนหรือต่าง
00:01:58 → 00:02:02 กันอย่างไรคะสำหรับลมพิษเอติคาเลียค่ะกับ
00:02:02 → 00:02:05 ผื่นแพ้ผิวหนังอปิเมาติจะว่าเหมือนก็
00:02:05 → 00:02:08 เหมือนจะว่าต่างก็ต่างสำหรับความเหมือน
00:02:08 → 00:02:10 ค่ะก็คืออาจจะเหมือนกันที่สาเหตุที่ทำให้
00:02:10 → 00:02:12 เขามีการขึ้นที่ผิวหนังของเราค่ะความ
00:02:12 → 00:02:15 เหมือนก็คืออาจจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
00:02:15 → 00:02:18 แบคทีเรียหรือเชื้อราไปจนถึงการแพ้ค่ะไม่
00:02:18 → 00:02:21 ว่าจะเป็นแพ้อาหารแพ้อากาศแพ้ยาค่ะแต่
00:02:21 → 00:02:24 ความต่างของเขาก็คือความเฉียบพลันค่ะ
00:02:24 → 00:02:26 สำหรับผื่นลมพิษนั้นมักจะเป็นการแพ้แบบ
00:02:26 → 00:02:28 เฉียบพลันค่ะก็คือมีอากาศเกิดขึ้นได้ทัน
00:02:28 → 00:02:31 ทีหลังจากเราสัมผัสของที่แพ้แล้วพอขึ้น
00:02:31 → 00:02:33 เฉียบพันธุ์ปุ๊บเขาก็สามารถหายได้เองแบบ
00:02:33 → 00:02:35 เฉียบพันธุ์เช่นกันหรืออาจจะเกิดเป็น
00:02:35 → 00:02:38 เรื้อรังก็ได้สำหรับผื่นแพ้ผิวหนัง atopic
00:02:38 → 00:02:41 dermatitis ค่ะเขาจะมีความหยาบความสาก
00:02:41 → 00:02:43 ค่ะแต่เขาอาจจะขึ้นเฉียบพันแต่ไม่ทันที
00:02:43 → 00:02:46 เหมือนลมพิษค่อยๆสะสมขึ้นหรือว่าเป็น
00:02:46 → 00:02:49 ลักษณะของเป็นเรื้อรังได้ค่ะเพราะฉะนั้น
00:02:49 → 00:02:51 ผื่นทั้ง 2 ชนิดไม่ว่าจะเป็นลมพิษหรือ
00:02:51 → 00:02:54 ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบจะมีการรักษาที่แตก
00:02:54 → 00:02:56 ต่างกันและเหมือนกันในบางส่วนค่ะการรักษา
00:02:56 → 00:02:58 ที่เหมือนกันก็คือการใช้ยาต้านฮิสตามีน
00:02:58 → 00:03:01 หรือยาแก้แพ้นนั่นเองค่ะสำหรับความแตก
00:03:01 → 00:03:03 ต่างก็คือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และการ
00:03:03 → 00:03:06 หาการหาสาเหตุของเขานะคะเมื่อหายจากโรคลม
00:03:06 → 00:03:10 พิษแล้วผิวหนังจะยังปกติหรือไม่คะนี่คือ
00:03:10 → 00:03:13 ความน่ารักของผื่นลมพิษค่ะเพราะหลังจาก
00:03:13 → 00:03:16 ที่เขาหายได้เองภายใน 24-48 ช่มแล้วเขาจะ
00:03:16 → 00:03:18 ไม่ทิ้งร่องลอยอะไรไว้ที่ผิวหนังเลยค่ะยก
00:03:18 → 00:03:21 เว้นแต่ว่าเขามีภาวะแทรกซ้อนจากที่เราไป
00:03:21 → 00:03:24 แคะแกะเกาเขาอาจจะทำให้เกิดเรื่องของผิว
00:03:24 → 00:03:26 หนังอักเสบตามมาได้นะคะระหว่างที่ป่วย
00:03:26 → 00:03:29 เป็นโรคลมพิษค่ะจะมีอาการอื่นแทรกซ้อนได้
00:03:29 → 00:03:32 หรือไม่คะอย่างที่บอกค่ะเรื่องของภาวะ
00:03:32 → 00:03:35 แทรกซ้อนเราต้องพยายามไม่ไปแคะแกะเกา
00:03:35 → 00:03:37 บริเวณรอยโรคที่เป็นลมพิษนะคะเพราะเขาค
00:03:37 → 00:03:39 หายเองได้แล้วเขาจะไม่ทิ้งรอยโรคอะไรแต่
00:03:39 → 00:03:42 เมื่อไหร่ที่เราไปแคะแกะเกาเขาอาจจะทำให้
00:03:42 → 00:03:44 เกิดการอักเสบที่ผิวหนังอาจจะทำให้เกิด
00:03:44 → 00:03:47 การติดเชื้อแบคทีเรียเชื้อราหรือจุลินซีพ
00:03:47 → 00:03:49 แทรกซ้อนได้ค่ะซึ่งการรักษาก็อาจจะต้องมี
00:03:49 → 00:03:52 การรักษาต่อเนื่องรักษาแผลต่อไปสำหรับ
00:03:52 → 00:03:55 ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆค่ะถ้าเป็นการบวมของลม
00:03:55 → 00:03:58 พิษที่มากขึ้นไปเป็นระดับแจอดิหรืออาฟ
00:03:58 → 00:04:01 laxis ก็อาจจะมีการบวมของหลอดลมหรือทาง
00:04:01 → 00:04:03 เดินหายใจค่ะซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่น่า
00:04:03 → 00:04:06 กังวลเพราะจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหาย
00:04:06 → 00:04:08 ใจทำให้เราแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกค่ะหรือ
00:04:08 → 00:04:11 ระดับออกซิเจนต่ำลงได้สำหรับถ้าเป็นของ
00:04:11 → 00:04:14 เยื่อบุบริเวณลำไส้หรือท้องค่ะก็อาจจะทำ
00:04:14 → 00:04:16 ให้เราเกิดอาการปวดท้องครื่นไส้อาเจียน
00:04:16 → 00:04:18 ค่ะอาจจะทำให้เกิดการสับสนว่าเราเป็น
00:04:18 → 00:04:21 อาหารเป็นพิษได้หรือเปล่าค่ะแล้วมีปัจจัย
00:04:21 → 00:04:24 อะไรที่ก่อให้เกิดโรคลมพิษบ้างคะอาจารย์
00:04:24 → 00:04:26 สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคลมพิษนะคะโรค
00:04:26 → 00:04:29 ลมพิษในลักษณะที่เกิดขึ้นได้เองก็มีค่ะ
00:04:29 → 00:04:31 กลุ่มที่เกิดขึ้นได้เองจะแบ่งเป็นแพ้
00:04:31 → 00:04:33 เฉียบพันธุ์กับแพ้เรื้อรังนะคะสาเหตุที่
00:04:34 → 00:04:36 พบบ่อยที่สุดคืออันดับ 1 คือการติดเชื้อ
00:04:36 → 00:04:38 ค่ะไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสเชื้อแบคทีเรีย
00:04:38 → 00:04:40 หรือว่าเชื้อราค่ะอันดับที่ 2 ก็คือการ
00:04:40 → 00:04:43 แพ้นี่แหละค่ะที่เรารู้จักกันในลักษณะของ
00:04:43 → 00:04:46 การแพ้อากาศแพ้อาหารหรือแพ้ยาบางชนิกลุ่ม
00:04:46 → 00:04:49 ที่แพ้อากาศเช่นแพ้ไรฝุ่นละอองหญ้าเกสอน
00:04:49 → 00:04:52 ดอกไม้หรือขนสัตว์แล้วก็เชื้อราค่ะแพ้
00:04:52 → 00:04:54 อาหารก็คือกลุ่มท็อปเอกที่เรารู้จักกันก็
00:04:54 → 00:04:57 คือนมวัวนมถั่วเหลืองแป้งสาลีถั่วลิสงไข่
00:04:57 → 00:05:00 แดงไข่ขาวอาหารทะเลมีเปลือกแล้วก็ปลาค่ะ
00:05:00 → 00:05:04 สำหรับการแพ้ยาค่ะก็อาจจะมียาในกลุ่มต้าน
00:05:04 → 00:05:07 จุรินชีพค่ะหรือว่ายาปฏิชีวนะค่ะแล้วก็ยา
00:05:07 → 00:05:09 ในกลุ่มแอสไพลินค่ะฉะนั้นจะต้องเลือกใช้
00:05:09 → 00:05:12 อย่างระมัดระวังตามคำแนะนำของแพทย์นะคะ
00:05:12 → 00:05:14 สำหรับปัจจัยในกลุ่มที่ 2 ค่ะเป็นปัจจัย
00:05:14 → 00:05:17 สิ่งกระตุ้นทางกายภาพค่ะเป็นโรคที่เรา
00:05:17 → 00:05:19 จริงๆแล้วอยู่รอบตัวเรามากๆเลยแต่อาจจะ
00:05:19 → 00:05:21 ชื่อเรียกค่ะไม่ได้เฉพาะเจาะจงนักมีหลาก
00:05:21 → 00:05:25 หลายชนิดมากค่ะแล้วแพทย์จะมีการวินิจฉัย
00:05:25 → 00:05:28 โรคลมพิษอย่างไรคะสำหรับการวินิจฉัยโรคลม
00:05:28 → 00:05:30 พิษค่ะก็เป็นการวินิจฉัยทั่วๆไปกับ
00:05:30 → 00:05:33 วินิจฉัยจำเพาะนะคะการวินิจฉัยทั่วๆไปก็
00:05:33 → 00:05:36 คือการตรวจเลือดค่ะดูระดับเม็ดเลือดขาวใน
00:05:36 → 00:05:38 เลือดค่ะว่ามีระดับเม็ดเลือดขาวที่สูงที่
00:05:38 → 00:05:40 เกิดจากการติดเชื้อหรือว่าระดับเม็ดเลือด
00:05:40 → 00:05:42 ขาวที่ต่ำเกินไปที่เกิดจากการติดเชื้อ
00:05:42 → 00:05:45 ไวรัสหรือเปล่าค่ะการตรวจปัสสาวะค่ะเช่น
00:05:45 → 00:05:48 ในคนที่มีกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรือรังอาจ
00:05:48 → 00:05:50 จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำกระตุ้นให้มีลมพิษ
00:05:50 → 00:05:53 ได้การตรวจอุจจาระค่ะบางคนอาจจะมีเรื่อง
00:05:53 → 00:05:55 ของพยาธิข่ะไปใช้เข้าใต้ผิวหนังทำให้เกิด
00:05:55 → 00:05:58 ลักษณะคล้ายๆลมพิพได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น
00:05:58 → 00:06:01 พยาธปากขอหรือพยาธเส้นได้การตรวจเซเรย์ดู
00:06:01 → 00:06:03 ไซนัสค่ะในกลุ่มที่ไซนัสอักเสบและมีการ
00:06:03 → 00:06:05 กำเริบขึ้นมาโดยที่ยังไม่รู้ตัวค่ะก็จะ
00:06:05 → 00:06:08 เป็นสาเหตุที่ทำให้ลมพิษเป็นสัญญาณเตือน
00:06:08 → 00:06:11 ของไซนัสอักเสบได้รวมไปถึงคนที่มีฟันผุ
00:06:11 → 00:06:13 เลื้อรังด้วยนะคะกลุ่มที่เป็นฟันผุเรื้อ
00:06:13 → 00:06:16 รังนานๆจะมีการสะสมของจุลินทรีย์ค่ะเพราะ
00:06:16 → 00:06:18 ฉะนั้นลมพิษอาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าแอ้
00:06:18 → 00:06:21 ฟันผุแล้วไปหาหมอฟันกันอย่างนี้ค่ะนอก
00:06:21 → 00:06:24 นั้นจะเป็นการตรวจที่จำเพาะค่ะเช่นการ
00:06:24 → 00:06:28 ตรวจสะกิดผิวหนังสกินพิเสและการตรวจเลือด
00:06:28 → 00:06:30 หาสารที่เฉพาะเจาะจงค่ะค่ะในกลุ่มนี้การ
00:06:30 → 00:06:33 หาเหตุที่เฉพาะเจาะจงก็คือการแพ้อาหารและ
00:06:33 → 00:06:36 ก็การแพ้อากาศที่กล่าวไปค่ะปัจจุบันค่ะ
00:06:36 → 00:06:39 อาจารย์มีวิธีการรักษาโรคลมพิษอย่างไร
00:06:39 → 00:06:42 บ้างสำหรับการรักษาลมพิษนะคะอ่ารักษาแบบ
00:06:42 → 00:06:45 ทั่วๆไปก่อนค่ะอันที่ 1 ก็คือเราหาสาเหตุ
00:06:45 → 00:06:47 ให้เจอค่ะทั้งสาเหตุหลักแล้วก็สาเหตุ
00:06:47 → 00:06:50 กระตุ้นนะคะบางคนสาเหตุหลักอาจจะเป็นการ
00:06:50 → 00:06:52 ติดเชื้อแต่สาเหตุกระตุ้นอาจจะเป็นลักษณะ
00:06:52 → 00:06:55 อากาศหรือความชื้นที่เปลี่ยนแปลงบางคน
00:06:55 → 00:06:57 สาเหตุหลักอาจจะเป็นเรื่องของเดมิซึมมี
00:06:57 → 00:07:00 การขีดขูดอย่างนี้ค่ะแต่ว่าสาเหตุลองเป็น
00:07:00 → 00:07:03 จักผิวที่แห้งจนเกินไปนี้ค่ะเพราะฉะนั้น
00:07:03 → 00:07:05 การรักษาจึงต้องเป็นเน้นการหาสาเหตุก่อน
00:07:05 → 00:07:08 ค่ะแล้วหลังจากนั้นค่ะก็คือหลีกเลี่ยงการ
00:07:08 → 00:07:11 สัมผัสค่ะหรือลดการสัมผัสสิ่งที่แพ้หรือ
00:07:11 → 00:07:14 เป็นปัจจัยกระตุ้นค่ะสำหรับการรักษาที่
00:07:14 → 00:07:17 เฉพาะเจาะจงค่ะก็คืออันที่ 1 ก็คือยาต้าน
00:07:17 → 00:07:20 ฮิสตามีนหรือยาแก้แพ้นั่นเองค่ะยาแก้แพ้
00:07:20 → 00:07:21 เนี่ยแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ออกฤทธิ์เร็วและ
00:07:22 → 00:07:24 ออกฤทธิ์ช้านะคะแล้วก็เป็นกลุ่มที่ง่วง
00:07:24 → 00:07:27 กับไม่ง่วงค่ะสำหรับการรีบใช้ยาแก้แพ้
00:07:27 → 00:07:30 หรือการพกติดตัวกลุ่มยาต้านฮิสตามีนค่ะ
00:07:30 → 00:07:33 ที่ออกิดเร็วค่ะก็จะมีประโยชน์สูงสุดแต่
00:07:33 → 00:07:35 สำหรับกลุ่มที่จำเป็นจะต้องใช้ยาต่อ
00:07:35 → 00:07:38 เนื่องค่ะกลุ่มที่ใช้แล้วไม่ง่วงนอนค่ะจะ
00:07:38 → 00:07:40 ลดอาการข้างเคียงเรื่องของการง่วงนอนและ
00:07:40 → 00:07:42 รบกวนชีวิตประจำวันได้ดีที่สุดค่ะนอกจาก
00:07:42 → 00:07:45 นั้นนะคะกลุ่มที่มีอาการลมพิษรุนแรงค่ะ
00:07:45 → 00:07:47 และเรื้อรังมากๆนอกจากยาต้านฮิสตามีนหรือ
00:07:47 → 00:07:50 ยาแก้แพ้แล้วอาจจะต้องเป็นจำเป็นต้อง
00:07:50 → 00:07:53 พิจารณายากลุ่มรองที่เรียกว่าลิโคอีนหรือ
00:07:53 → 00:07:57 ยากดภูมิเพิ่มเติมด้วยค่ะเราจะมีวิธีป้อง
00:07:57 → 00:08:00 กันไม่ให้เกิดโรคลมพิษได้อย่างไรบบ้างคะ
00:08:00 → 00:08:02 วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือหลีก
00:08:02 → 00:08:04 เลี่ยงสิ่งที่แพ้ค่ะเพราะฉะนั้นควรจะไปพบ
00:08:04 → 00:08:06 แพทย์ปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับความ
00:08:06 → 00:08:09 วินิจฉัยก่อนว่าเราเป็นรมพิษจากสาเหตุ
00:08:09 → 00:08:11 อะไรกลุ่มที่เป็นเฉียบพันธุ์ค่ะสามารถหาย
00:08:11 → 00:08:14 ได้เองได้ภายใน 4-7 วันหรือบางทีก็หายได้
00:08:14 → 00:08:17 ใน 24 ชมงแต่เป็นเป็นหายๆค่ะเพราะฉะนั้น
00:08:17 → 00:08:19 พอหายเองได้อาจจะไม่ได้จำเป็นต้องหลีก
00:08:19 → 00:08:21 เลี่ยงอะไรเพิ่มเติมค่ะแต่สำหรับกลุ่มที่
00:08:21 → 00:08:23 เป็นเรื้อรังหรือมีอาการเป็นๆหายหายมาก
00:08:23 → 00:08:26 กว่า 3-4 ครั้งขึ้นไปค่ะจำเป็นจะต้องหา
00:08:26 → 00:08:29 สาเหตุที่ชัดเจนค่ะว่าเป็นจากอะไรเพื่อ
00:08:29 → 00:08:31 ป้องกันแล้วก็หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นทั้ง
00:08:31 → 00:08:33 ปัจจัยหลักและปัจจัยรองค่ะสุดท้ายค่ะ
00:08:33 → 00:08:36 เมื่อผืนลมพิษขึ้นมาแล้วพยายามหลีกเลี่ยง
00:08:36 → 00:08:39 การแคะแกะเกาบริเวณผืนนะคะจะได้ไม่เกิด
00:08:39 → 00:08:41 อาการแทรกซ้อนของการติดเชื้อบริเวณผิว
00:08:41 → 00:08:44 หนังค่ะการที่มีผืนขึ้นมาการทาครีมหรือ
00:08:44 → 00:08:47 โลชั่นแป้งบางชนิดที่มีส่วนผสมของเมนทอล
00:08:47 → 00:08:50 ค่ะสามารถลดความรุนแรงของโลกของผื่นได้
00:08:50 → 00:08:54 ค่ะเช่นคาลมค่ะแล้วก็การดูแลสุขภาพผิวค่ะ
00:08:54 → 00:08:56 ให้แข็งแรงและมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอจะลด
00:08:56 → 00:08:59 ความระคายเคืองจากผืนลมพิษได้ดีค่ะูผู้
00:08:59 → 00:09:02 ที่ป่วยเป็นโรคลมพิษควรหลีกเลี่ยงอาหาร
00:09:02 → 00:09:04 ชนิดใดบ้างคะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคลม
00:09:04 → 00:09:07 พิษค่ะถ้าถูกในวินิจฉัยแล้วว่าแพ้อาหาร
00:09:07 → 00:09:09 ค่ะก็คือควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้นั่น
00:09:09 → 00:09:12 ก็คืออาหารกลุ่มท็อปเอกนะคะนมวัวนมถั่ว
00:09:12 → 00:09:15 เหลืองแป้งสาลีถั่วลิสงไข่แดงไข่ขาวอาหาร
00:09:15 → 00:09:18 ทะเลมีเปลือกแล้วก็ปลาตามคำวินิจฉัยเลย
00:09:18 → 00:09:21 ค่ะแพ้อะไรก็เลี่ยงแบบนั้นนะคะการเลี่ยง
00:09:21 → 00:09:23 เนี่ยจะเป็นระยะเวลาสั้นๆค่ะสามารถหายได้
00:09:23 → 00:09:27 เองในบางคนในในการหลีกเลี่ยงเพียงแค่ 6-12
00:09:27 → 00:09:30 เดือนเท่านั้นนะคะสำหรับกลุ่มรองค่ะก็คือ
00:09:30 → 00:09:32 การหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นกลุ่มเสี่ยงค่ะ
00:09:32 → 00:09:35 เช่นอาหารที่เป็นอาหารสัตว์แช่แข็งอาหาร
00:09:35 → 00:09:38 กระป๋องที่มีการเก็บไว้นานๆนจะพบว่ามีการ
00:09:38 → 00:09:41 เพิ่มขึ้นของปริมาณฮิสตามีนซึ่งกระตุ้นทำ
00:09:41 → 00:09:44 ให้เกิดการผื่นลมพิษได้ค่ะอาหารหมักดอง
00:09:44 → 00:09:47 หรือชาสมุนไพรบางชนิดค่ะสามารถกระตุ้นให้
00:09:47 → 00:09:50 เกิดผื่นลมพิษได้แล้วก็อาหารประเภท
00:09:50 → 00:09:52 แอลกอฮอล์ค่ะแล้วก็อาหารที่มีส่วนผสมของ
00:09:52 → 00:09:55 สารกันบูดควรจะหลีกเลี่ยงค่ะค่ะและข้อสุด
00:09:55 → 00:09:58 ท้ายค่ะอยากให้อาจารย์แนะนำคุณผู้ชมในการ
00:09:58 → 00:10:02 ปฏิบัติตัวค่ะว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร
00:10:02 → 00:10:05 เมื่อเกิดโรคลมพิษขึ้นค่ะข้อควรปฏิบัตินะ
00:10:05 → 00:10:08 คะเมื่อเป็นโรคลมพิษคือ 1 ก็คือควรหลีก
00:10:08 → 00:10:10 เลี่ยงค่ะสาเหตุของลมพิษที่เราตรวจพบแล้ว
00:10:10 → 00:10:12 ว่าเป็นอะไรหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
00:10:12 → 00:10:14 ค่ะที่เราคิดว่าอันนั้นแหละน่าจะเป็น
00:10:14 → 00:10:17 สาเหตุที่ทำให้เราเกิดลมพิษค่ะพกยาตั้ง
00:10:17 → 00:10:20 ฮิสตามีนหรือยาแก้แพ้ประจำตัวเอาไว้ค่ะ
00:10:20 → 00:10:23 ใช้โลชั่นหรือครีมที่มีส่วนประกอบของเนอ
00:10:23 → 00:10:25 ค่ะที่มีฤทธิ์เย็นค่ะช่วยบรรเทาอาการค่ะ
00:10:25 → 00:10:28 ควรจะหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนค่ะหรือใคร
00:10:28 → 00:10:30 ใช้ของร้อนๆไปบริเวณผิวหนังค่ะจะได้ไม่
00:10:30 → 00:10:33 เกิดความระคายเคืองค่ะสุดท้ายค่ะกินอาหาร
00:10:33 → 00:10:36 ที่มีประโยชน์ดื่มน้ำมากๆพักผ่อนให้เพียง
00:10:36 → 00:10:38 พอและลดภาวะความเครียดของเรานะคะจะได้ไม่
00:10:38 → 00:10:41 เป็นลมพิษค่ะขอบพระคุณอาจารย์ที่มาให้
00:10:41 → 00:10:43 ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคลมพิษนะ
00:10:43 → 00:10:47 คะขอบคุณนะคะสำหรับการรับชมรายการ TNN
00:10:47 → 00:10:50 Health ค่ะและอย่าลืมค่ะกด Subscribe กด
00:10:50 → 00:10:54 ไลคกดแชร์ในทุกช่องทางออนไลน์ของ TNN
00:10:54 → 00:10:57 ช่อง 16 ค่ะเพื่อที่จะไม่พลาดการรับชมราย
00:10:57 → 00:11:04 การสดคลิปวดีที่น่าสนใจของทาง TNN นะคะ