00:00:02 → 00:00:05 โรคจิตเภทจัดอยู่ในกลุ่มของโรคจิตชนิดหนึ่ง
00:00:05 → 00:00:08 ผู้ป่วยบางรายก็จะมีกลุ่มของอาการประสาทหลอน
00:00:08 → 00:00:13 ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งได้ยินเสียงแว่ว โดยที่ไม่เห็นว่ามาจากที่ไหน
00:00:13 → 00:00:15 [เสียงร้อง]
00:00:16 → 00:00:20 มีเห็นภาพหลอน โดยที่ไม่ทราบว่า จริง ๆ แล้ว มันไม่มีต้นตอ
00:00:20 → 00:00:22 หรือว่ามันไม่มีภาพนั้นอยู่จริง คนอื่นเขามองไม่เห็นกัน
00:00:22 → 00:00:26 ได้กลิ่นที่ผิดปกติ ก็เกิดขึ้นได้โดยที่คนอื่นเขาไม่ได้กลิ่น
00:00:26 → 00:00:30 นอกจากนั้นแล้ว ก็จะมีอาการ เรื่องของพฤติกรรมที่ผิดปกติไป
00:00:30 → 00:00:35 หรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสม โดยที่คนอื่นเขาไม่สามารถจะอธิบายได้
00:00:35 → 00:00:38 แค่มองหน้าก็รู้สึกว่ามีการหาเรื่อง
00:00:38 → 00:00:43 ผิดใจกันจนกระทั่งพยายามจะไป ขโมยของบางอย่างของร้านนั้นมา
00:00:43 → 00:00:45 เพื่อเอาไว้ต่อรองให้พนักงานนั้นมาขอโทษ
00:00:45 → 00:00:47 พฤติกรรมเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึง
00:00:47 → 00:00:51 รูปแบบความคิดที่มีแนวโน้ม ผิดไปจากมาตรฐานทางสังคม
00:00:51 → 00:00:56 ซึ่งเรารู้ว่าถ้าเรามีความไปพอใจกันตามปกติ เราก็น่าจะพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหา
00:00:56 → 00:00:57 และท้ายที่สุดจะเป็นอาการด้านลบ
00:00:57 → 00:01:02 คนไข้กลุ่มนี้ก็จะแยกตัว อยู่คนเดียวลำพัง ไม่พูดจากับใคร
00:01:02 → 00:01:05 หรือว่าไม่สนใจที่จะดูแลสุขอนามัยของตัวเอง
00:01:05 → 00:01:08 แต่งกายไม่สะอาด ไม่อาบน้ำ มีกลิ่นตัว
00:01:09 → 00:01:12 [เสียงดนตรี]
00:01:12 → 00:01:14 โรคจิตเภทอาจจะแบ่งได้เป็น 3 ระยะ
00:01:14 → 00:01:19 ระยะเริ่มต้นที่ผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการ ที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติทางความคิด
00:01:19 → 00:01:22 อาจจะมีความคิดแปลก ๆ พฤติกรรมแปลก ๆ
00:01:22 → 00:01:27 แต่ยังอยู่ในจุดที่ยังไม่ได้เป็นผลกระทบ ต่อหน้าที่ในชีวิตประจำวัน
00:01:27 → 00:01:30 ต่อมาก็จะเป็นระยะที่ผู้ป่วยแสดงอาการชัดเจน
00:01:30 → 00:01:34 ผู้ป่วยก็จะมีทั้งความคิดหลงผิด หูแว่ว ภาพหลอน หรืออาการด้านลบ
00:01:34 → 00:01:38 ที่แสดงเห็นได้อย่างเด่นชัดจนมีผลกระทบ ต่อการดำเนินชีวิตตามปกติ
00:01:38 → 00:01:41 หากว่าผู้ป่วยนั้นมีการได้รับการรักษา
00:01:42 → 00:01:43 หลาย ๆ คนก็อาจจะหายขาด
00:01:43 → 00:01:46 แต่ก็จะมีบางรายที่เข้าสู่ระยะที่สาม
00:01:46 → 00:01:48 คือระยะที่ยังมีอาการหลงเหลืออยู่บ้าง
00:01:48 → 00:01:51 ส่วนใหญ่ก็จะเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป
00:01:51 → 00:01:53 แต่ก็จะยังมีความคิดแปลก ๆ หลงเหลืออยู่บ้าง
00:01:53 → 00:01:58 แต่มันก็อาจจะไม่มีผลกระทบ ต่อการดำเนินชีวิตของเขา
00:01:58 → 00:02:02 [เสียงดนตรี]
00:02:02 → 00:02:06 สาเหตุของโรคจิตเภท ในทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่า
00:02:06 → 00:02:11 มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของ ปัจจัยทางเคมีภายในสมองที่ผิดปกติไป
00:02:11 → 00:02:13 เชื่อว่าเกิดจากพันธุกกรรมส่วนหนึ่ง
00:02:13 → 00:02:16 แล้วก็อาจจะเกี่ยวข้องกับ ประสบการณ์ในวัยเด็กร่วมด้วยอยู่บ้าง
00:02:16 → 00:02:22 ส่งผลรวมแล้วทำให้มี สารสื่อนำประสาทบางตัวที่มันเกินกว่าความพอดี
00:02:22 → 00:02:26 แล้วก็ทำให้ผู้ป่วยนั้น มีความคิดที่ผิดปกติตามมา
00:02:26 → 00:02:29 ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา
00:02:29 → 00:02:34 โรคนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นเรื้อรัง รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ
00:02:34 → 00:02:36 การวินิจฉัยโรคจิตเวชทางการแพทย์นั้น
00:02:36 → 00:02:38 ก็อาศัยเรื่องของการสัมภาษณ์ประวัติ
00:02:39 → 00:02:41 ตรวจสภาพจิตของผู้ป่วย
00:02:41 → 00:02:44 แล้วก็สอบถามข้อมูลจากคนรอบข้าง
00:02:44 → 00:02:49 ในกรณีที่ยากจริง ๆ เราอาจจะมีการส่ง ทดสอบทางจิตวิทยาเพิ่มเติม
00:02:49 → 00:02:53 ปัจจุบันในเรื่องของความก้าวหน้าทาง การแพทย์และการรักษานั้น
00:02:53 → 00:02:57 มีการรักษาทั้งด้วยเรื่องของยา และการรักษาด้วยไฟฟ้า
00:02:57 → 00:02:59 เราจะใช้ในกลุ่มยาต้านโรคจิตครับ
00:02:59 → 00:03:02 ในผู้ป่วยที่เป็นไม่มากเป็นครั้งเดียว
00:03:02 → 00:03:07 อาจจะได้รับคำแนะนำให้กินยาเพียง 1-2 ปี แล้วก็อาจจะหยุดยาได้
00:03:07 → 00:03:09 แต่ในผู้ป่วยที่เป็นเรื้อรัง
00:03:09 → 00:03:11 เรามีแนวโน้มจะแนะนำให้ผู้ป่วยนั้น
00:03:11 → 00:03:15 กินยาต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
00:03:15 → 00:03:20 กับอีกกรณีหนึ่งคือ เมื่อเราได้ทดลอง การรักษาด้วยยามาสักระยะหนึ่ง
00:03:20 → 00:03:22 พบว่าผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา
00:03:22 → 00:03:24 ตรงนั้นเราก็จะเลือกการรักษาด้วยไฟฟ้า
00:03:24 → 00:03:28 เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมให้ มีโอกาสหายขาดได้ดีขึ้น
00:03:28 → 00:03:30 ในด้านของการรักษาทางจิตใจและสังคม
00:03:30 → 00:03:35 สิ่งสำคัญอยู่ที่การให้ความรู้กับ ทั้งตัวผู้ป่วยและญาติว่ามันเป็นโรค
00:03:35 → 00:03:38 มันเป็นสิ่งทีเกิดจากความผิดปกติของความคิด
00:03:38 → 00:03:42 ผู้ป่วยควรจะได้รับการกินยาสม่ำเสมอ ติดตามการรักษาตามนัด
00:03:42 → 00:03:45 และญาติเองก็ควรจะให้การประคับประคอง
00:03:45 → 00:03:49 ไม่ตำหนิ หรือใช้คำพูดที่รุนแรง กับผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น
00:03:49 → 00:03:54 หลีกเลี่ยงการรื้อฟื้นนำเรื่องเก่า ๆ ในอดีต มาทับถมทำให้เกิดความทุกข์ใจ
00:03:54 → 00:03:58 แต่อย่างไรก็ดี เราสามารถที่จะรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้
00:03:58 → 00:04:02 หากสามารถที่จะนำผู้ป่วย มาเข้าสู่ระบบการรักษาแต่เนิ่น ๆ
00:04:02 → 00:04:06 เรามีทางช่วยเหลืออยู่มากมายขึ้นกว่าเดิม ที่จะช่วยให้คนไข้นั้น
00:04:07 → 00:04:09 มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในปัจจุบัน
00:04:09 → 00:04:15 [เสียงดนตรี]