00:00:00 → 00:00:06 สวัสดีครับผมก็ได้ยินเรื่องของโซดามินท์พอสม ควรนะครับมีคนบอกว่ากินแล้วมันสามารถที่

00:00:06 → 00:00:14 จะชะลอการเสื่อมของไตได้ลดความเป็นกรดของ เลือดได้ลดเรื่องของยูริลดเรื่องของเก๊าท

00:00:14 → 00:00:20 ได้นะครับมันมีที่มาที่ไปอย่างไรแล้วมัน มีอะไรที่จำเป็นจะต้องเข้าใจหรือมันกิน

00:00:20 → 00:00:25 เยอะแล้วมันจะมีปัญหาอะไรมวันนี้ผมจะเล่า ให้ฟังเลยนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนี

00:00:25 → 00:00:30 ธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศ สหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปูถูกถ่าย

00:00:30 → 00:00:34 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับโซดามินท์

00:00:34 → 00:00:40 คาร์บอเนตซึ่งก็คือผงฟูของเราแล้วมันก็มี ฤทธิ์เป็นด่างนะครับตัวที่ 2 ก็คือ

00:00:40 → 00:00:46 peppermint Oil นะครับซึ่งมันมีฤทธิ์ทำ ให้เรารู้สึกเย็นซ่านในบริเวณทางเดิน

00:00:46 → 00:00:50 อาหารที่เรากินเข้าไปนะครับเหมือนกับเวลา ที่เราเคี้ยวหมากฝรั่งที่มันเป็น

00:00:50 → 00:00:56 เปปเปอร์มินนั่นแหละครับจะรู้สึกเย็นๆแบบ นั้นนะฮะมันก็เลยเอามาใช้ในกรณีที่เรามี

00:00:56 → 00:01:01 อ่าการปวดท้องจากเรื่องของโรคกรดใน กระเพาะเยอะเกินหรือมีแผลในกระเพาะหรือ

00:01:01 → 00:01:06 บางคนมีกรดไหลย้อนนะครับก็จะทำให้กรดที่ อยู่ในกระเพาะเราเนี่ยมันกลายเป็นกลางได้

00:01:06 → 00:01:12 นะครับแต่มันไม่สามารถรักษาแผลในกระเพาะ ไม่สามารถรักษากรดไหลย้อนได้นะครับมันทำ

00:01:12 → 00:01:19 ได้แค่บรรเทาอาการนะครับอีกตัวนึงคือ โซเดียมไบคาร์บอเนตล้วนๆเลยนะครับหรือบาง

00:01:19 → 00:01:25 คนก็กินไอ้ตัวโซลินเนี่ยเพื่อที่จะให้ ร่างกายมันมีความเป็นด่างเพิ่มขึ้นนะครับ

00:01:25 → 00:01:30 ทีนี้เราก็ต้องมาเข้าใจก่อนเพราะว่าคนที่ บอกว่าให้กินโซนามูร่างร่างกายของเรา

00:01:30 → 00:01:35 เนี่ยกินอาหารต่างๆมันก็ทำให้เกิดกรดแล้ว ก็เกิดการอักเสบต่างๆในร่างกายอันเนี้ย

00:01:35 → 00:01:41 มันมีความจริงอยู่นะครับเพราะว่าการที่ เรากินอาหารจำเพพศโปรตีนนะครับพวกเนื้อ

00:01:41 → 00:01:46 แดงต่างๆเวลาที่เรากินเข้าไปแล้วเนี่ยมัน เกิดการย่อยมันก็จะเกิดกรดขึ้นมาในร่าง

00:01:46 → 00:01:53 กายนะครับแต่อย่างไรก็ตามกรดพวกนี้เนี่ย ถ้าเป็นคนที่ไตปกติปอดปกติมันสามารถที่จะ

00:01:53 → 00:01:59 จัดการกับกรดนี้ได้อย่างไม่มีปัญหานะครับ อ่าไม่มีปัญหานะบางคนบอกว่ากินโซดามินท์

00:01:59 → 00:02:04 ได้ไปช่วยแบ่งเบาภาระของไตคือไม่ได้ จำเป็นอะไรครับไตมันสามารถที่จะจัดการได้

00:02:04 → 00:02:10 เองอยู่แล้วนะครับ pH หรือค่าความเป็นกรด ด่างในเลือดของเราเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.4

00:02:10 → 00:02:16 นะครับจะต่ำไปก็ไม่ได้จะสูงเกินก็ไม่ดีนะ ครับนะครับถ้าร่างกายเรามีกรดมากจนเกินไป

00:02:16 → 00:02:21 เนี่ยไตของเรามันก็จะทำหน้าที่ขับกรดออก มานะครับแล้วก็ปอดของเรามันก็ทำหน้าที่

00:02:21 → 00:02:27 ขับคซยซึ่งมันเป็นกรดออกมาได้เช่นกันดัง นั้นถ้าไม่มีปัญหาเรื่องปอดและหัวและเอ่อ

00:02:27 → 00:02:33 เรื่องของไตเราเนี่ยร่างกายของเราจัดกัน ได้ตรงกันข้ามนะครับถ้าสมมุติว่าเรามี

00:02:33 → 00:02:38 ด่างเกินในร่างกายจะเกิดอะไรขึ้นกับเรานะ ครับถ้าเรามีด่างเยอะเกิดนในร่างกายนะ

00:02:38 → 00:02:45 ครับไตของเรามันก็จะต้องเก็บกรดไว้เยอะๆ ครับเพื่อที่จะทำให้เลือดของเราพีเป็น 7.4

00:02:45 → 00:02:50 ให้ได้ถูกมั้ยครับแล้วการแล้วเรื่องปอด ของเราล่ะมันก็ต้องเก็บคาร์บอนไดออกไซด์

00:02:50 → 00:02:55 ไว้เยอะๆเหมือนกันเพราะไม่ฉะนั้นเนี่ย ร่างกายของเราเป็นด่างมากจนเกินไปก็เกิด

00:02:55 → 00:03:03 ปัญหานะครับอ่าก็เกิดปัญหาเช่นกันทีนี้ เราต้องมารู้ก่อนแล้วเฮ้ยกิน

00:03:03 → 00:03:08 โซดามินท์ ครับมีคนที่กิน

00:03:15 → 00:03:20 มันมีส่วนประกอบที่ทำให้มันเป็นด่าง ประเด็นที่ 2 คือโซเดียมที่อยู่ใน

00:03:20 → 00:03:23 โซดามินท์

00:03:30 → 00:03:37 คือต่อไปนี้เลย 1 ปัญหาเรื่องของ โพแทสเซียมต่ำครับโพแทสเซียมเรานี้เป็น

00:03:37 → 00:03:42 เกลือแรกที่สำคัญมากถ้ามันต่ำเนี่ยเราจะ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนะครับแล้วเราก็

00:03:42 → 00:03:48 จะมีเรื่องของการนำไฟฟ้าของหัวใจที่ผิด ปกติไปได้นี่คือโพแตสเซียมต่ำนะครับถ้า

00:03:48 → 00:03:53 ใครเคยโปแตสเซียมต่ำมาก่อนคงรู้นะครับว่า มันอ่อนแรงมากขนาดไหนบางคนก็เมื่อยกล้าม

00:03:53 → 00:03:59 เนื้อทำอะไรไม่ไหวเลยนะครับอันที่ 2 ทำ ให้แคลเซียมต่ำครับแคลเซียมต่ำแล้วมันมี

00:03:59 → 00:04:07 ปัญหายังไงแคลเซียมต่ำมากๆเกิดการชักครับ ชักเลยนะครับอันนั้นอันตรายมากนะแล้วนอก

00:04:07 → 00:04:14 เหนือจากนี้ถ้าเลือดของเราเป็นด่างมากๆ ถ้าเป็นคนที่มีโรคตับแข็งหรือเซริแล้วล่ะ

00:04:14 → 00:04:21 ก็ถ้าเป็นหมอคงจะรู้ดีนะครับว่าเกิดอะไร ขึ้นถ้าเลือดเป็นด่ามากๆในคนที่มีโรคตับ

00:04:21 → 00:04:27 แข็งอยู่แล้วล่ะก็จะเกิดภาวะหนึ่งคือ hepatic encephalopathy หรือเกิดความ

00:04:27 → 00:04:34 สับสนงุนงงไม่รู้เร่องเรื่องแล้วบางคนหมด สติไปเลยหรือบางคนชักนะครับแล้วภาวะนี้

00:04:34 → 00:04:39 เนี่ยถึงตายได้เลยนะครับดังนั้นถ้าท่านมี โรคตับแข็งอยู่การกินโซดามินท์

00:04:39 → 00:04:46 ไม่ได้มีการติดตามนะครับนี่คือความ อันตรายของความเป็นดางนะครับอันที่ 2

00:04:46 → 00:04:54 ปริมาณโซเดียมในโซลินล่ะเยอะนะครับเยอะ เลยนะฮะเยอะจริงๆนะครับแล้วปกติคนเรา

00:04:54 → 00:05:00 เนี่ยไม่ควรกินโซเดียมเกินวันละ 2,000 มกรซึ่งผมก็รู้ว่าหลายๆคนเนี่ยกินถึงแบบ

00:05:00 → 00:05:07 5,000 8,000 มิลกรัมต่อวันเลยด้วยซ้ำไป แล้วโซเดียมนมันมาจากไหนอ่ะอาหารเราทั่ว

00:05:07 → 00:05:11 ไปเนี่ยก็มีโซเดียมครับอาหารที่มันปรุง แต่งทั้งหลายแหละก็มีโซเดียมเป็นส่วน

00:05:11 → 00:05:16 ประกอบแล้วถ้าท่านกินโซดามินท์เข้าไป เสริมอีกแล้วล่ะก็มันก็ยิ่งมีปัญหาเรื่อง

00:05:16 → 00:05:23 โซเดียมเกินนะครับโซเดียมเกินเกิดอะไร ขึ้นข้อแรกความดันโลหิตสูงครับข้อที่ 2

00:05:23 → 00:05:29 ทำให้ตัวบวมครับข้อที่ 3 มันเก็บกักน้ำ ไว้ในร่างกายดังนั้นทำให้เกิดอะไรครับ

00:05:29 → 00:05:35 เก็บกักน้ำในร่างกายความดันสูงเป็นโรคไต ครับแทนที่จะป้องกันมันกลับทำให้ยิ่งเป็น

00:05:35 → 00:05:43 โรคไตได้อีกนะครับอ่าต่อมาคือน้ำที่เยอะ ในร่างกายคือทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมปอดครับ

00:05:43 → 00:05:49 ดังนั้นถ้าท่านมีโรคหัวใจอยู่แล้วมีโรคไต วายอยู่แล้วแล้วกินเยอะเกินไปน้ำท่วมใน

00:05:49 → 00:05:54 ร่างกายครับเพราะแม้ขนาดคนที่เป็นโรคไต เองน่ะเวลาที่หมอเขาจะจ่ายโซดามินท์อเนต

00:05:54 → 00:06:00 เนี่ยเค้ายังต้องระวังภาวะโซเดียมเกินเลย นะครับแล้วก็ต้องระวังไม่ให้ร่างกายเป็น

00:06:00 → 00:06:06 ด่างมากจนเกินไปเพราะว่าคุณหมอเขาจะต้อง มีการตรวจติดตามระดับคาร์บอนไดออกไซด์ใน

00:06:06 → 00:06:11 ร่างกายเวลาที่เขาตรวจค่าอิเล็กโตรไลต์ เนี่ยจะประกอบไปด้วย 4 ตัวคือ 1 โซเดียม

00:06:11 → 00:06:16 คลอไรด์ โพแทสเซียมและไบคาร์บอเนตหรือ

00:06:16 → 00:06:20 คาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งระดับไบคาร์บอเนตใน เลือดเนี่ยนะครับที่ต้องการคืออยู่ที่

00:06:20 → 00:06:24 ประมาณ 22-26 ถ้าต่ำกว่านั้นหมอเขาจะให้กิน

00:06:24 → 00:06:30 โซดามินท์ไบคาร์บอเนตนะครับแต่เขาคก็ต้อง คอยระวังว่าเฮ้ยกินแล้วมันมีขาบวมหรือยัง

00:06:30 → 00:06:34 มีน้ำคั่งในร่างกายมั้ยถ้ามีเนี่ยเค้าก็ ให้สูงไปกว่านั้นไม่ได้นะครับไม่ฉะนั้นจะ

00:06:34 → 00:06:40 เกิดอันตรายเกิดขึ้นได้นะฮะดังนั้นเรา ต้องระวังภาวะนี้ด้วยนะครับคนที่มีโรคหัว

00:06:40 → 00:06:48 ใจโรคไตโรคตับเนี่ยกินเข้าไปเยอะๆแบบใน ที่แชร์ในทางโซเชียลท่านอาจจะแย่ก็ได้นะ

00:06:48 → 00:06:54 ครับเพราะว่าภาวะนี้ไม่ใช่เด็กๆนะครับนอก เหนือจากนี้ถ้ามีความจำเป็นจริิงๆโอเคหมอ

00:06:54 → 00:07:01 เขจะจัดการสั่งจ่ายให้เองนะครับเช่นคนที่ มี 1 มีโรคไตจนกระทั่งไตไม่สามารถปรับ

00:07:01 → 00:07:05 สมดุลกดด่างในร่างกายได้อันนี้ก็จะต้อง ให้โซลินแล้วหมอเขาจะต้องตรวจติดตามค่า

00:07:05 → 00:07:11 bate อย่างที่เมื่อกี้เล่าไปอันที่ 2 ที่หมอเขาอาจจะให้ก็คือคนที่มีกรดยูริก

00:07:11 → 00:07:17 แล้วมีนิวกรดยูริกนะครับเพราะว่าไอ้ตัว กรดยูริกเมันเป็นกรดนะครับการกินตัวนี้

00:07:17 → 00:07:22 เนี่ยมันจะสามารถไปช่วยทำให้ลดการเกิด นิ่วได้แต่ถ้าเกิดคุณไม่ได้มีนิ่วกรด

00:07:22 → 00:07:27 ยูริกกินไปไม่ได้ช่วยอะไรทั้งสิ้นไม่ได้ ป้องกันเรื่องอะไรเลยที่สำคัญไม่ได้ช่วย

00:07:27 → 00:07:33 เรื่องเก๊าทครับไม่ได้ช่วยเรื่องเก๊าทนะ ฮะคือเก๊าทเนี่ยมันจะต้องไปแก้ไขที่การ

00:07:33 → 00:07:38 ผลิตกรดยูริกนะครับคืออาจจะต้องกินยา กลุ่มที่เรียกว่า alinol fabu stat นะ

00:07:38 → 00:07:43 ครับหรือเป็นกลุ่มที่เรียกรวมๆว่า santin oxidase inhibitor พวกนี้เนี่ยมันถึง

00:07:43 → 00:07:47 สามารถที่จะช่วยเรื่องของเก๊าทได้นะครับ การกินโซดามินท์

00:07:47 → 00:07:52 เลยครับแล้วก็ไม่ได้ช่วยเรื่องนิ่วด้วย แล้วก็มีอีกอย่างนึงที่บางคนบอกว่าถ้าเรา

00:07:52 → 00:07:58 ไปออกกำลังกายเยอะๆนะครับเล่นเวทเยอะๆ เนี่ยมันผลิตกรดมากในร่างกายเออเดี๋ยวไต

00:07:58 → 00:08:04 ทำงานหนักนะครับเดี๋ยวมันจะทำให้มีปัญหา ไม่ต้องกลัวครับถ้าท่านกินด่างมากจนเกิน

00:08:04 → 00:08:08 ไปไตก็ทำงานหนักอยู่ดีครับเพราะมันต้อง เก็บกรดไว้เยอะๆเพื่อที่จะไปสู้กับด่าง

00:08:08 → 00:08:14 ที่มันมีอยู่นี่นะครับถูมยไม่ได้ช่วยอะไร ทั้งสิ้นนะครับแล้วก็ที่สำคัญถ้าท่านออก

00:08:14 → 00:08:18 กำลังกายประจำแล้วมันปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เยอะแยะเลยสร้างกรดแลคติกออกมาเยอะๆกลัว

00:08:18 → 00:08:22 ว่าเดี๋ยวมันจะมีการอักเสบมากการกิน โซดามินท์

00:08:24 → 00:08:28 แลคติกออกมาได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วไม่ต้อง ทำอะไรมันก็ขับออกมาได้นะครับแล้วมันก็

00:08:28 → 00:08:34 ไม่ได้ทำให้ไตเสื่อมซะด้วยนะครับภาวะมี กรดต่างๆพวกเนี้ยไม่ได้ทำให้ไตเสื่อมนะ

00:08:34 → 00:08:40 ครับการไปทำให้มันเป็นกลางก็ไม่ได้ทำให้ ไตมันทำงานเบาลงแต่อย่างใดดังนั้นเรื่อง

00:08:40 → 00:08:45 พวกนี้อยากจะอธิบายให้เข้าใจว่าการกิน โซดามินท์

00:08:46 → 00:08:51 ร่างกายครับอันที่ 2 ไม่ได้ช่วยชะลอไต เสื่อมครับอันที่ 3 ไม่ได้ลดการอักเสบใน

00:08:51 → 00:08:56 ร่างกายอันที่ 4 ไม่ได้ช่วยเรื่องของ เก๊าทแล้วก็พวกนิ่วในร่างกายอันที่ 5 ไม่

00:08:56 → 00:09:01 ได้ช่วยเรื่องของการชะลอวัยหรือเรื่องของ การอักเสบในร่างกายจากความเป็นกรดที่เกิด

00:09:01 → 00:09:06 จากการออกกำลังกายแต่อย่างใดเลยดังนั้น ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปใช้ยกเว้นการที่

00:09:06 → 00:09:12 หมอบอกว่าคุณมีโรคไตระยะหลังๆแล้วนะที่ ร่างกายมันเริ่มเป็นกรดมากนะครับอาจจะ

00:09:12 → 00:09:16 ต้องใช้โซลินในการช่วยตรงนั้นให้หมอเขา เป็นคนจ่ายนะครับเพราะว่าไม่ใช้จ่ายไปเฉย

00:09:16 → 00:09:22 ๆแล้วกลับบ้านนะเต้องดูว่าคุณมีภาวะ โซเดียมเกินในร่างกายยอันที่ 2 มีภาวะ

00:09:22 → 00:09:26 ความเป็นดั่งมากจนเกินไปหรือยังถ้ามากจน เกินไปเต้องลดยาครับไม่ใช่เพิ่มยาไม่ใช่

00:09:26 → 00:09:32 กินเท่าไหร่ก็ได้นะครับแล้วคนที่ที่เอาไป ซื้อมากินเองเนี่ยถ้ามีโรคหัวใจโรคไตโรค

00:09:32 → 00:09:37 ต่ำคุณอาจจะแย่ก็ได้นะครับดังนั้นผมขอ เตือนไว้เท่านี้แล้วกันนะครับสำหรับลัก

00:09:37 → 00:09:42 ที่การกินโซดามินท์ ๆนะครับโอเควันนี้ก็เท่านี้นะครับถ้าใคร

00:09:42 → 00:09:48 มีอะไรสงสัยก็สอบถามมานะครับขอบคุณมาก ครับสวัสดีครับ