00:00:00 → 00:00:04 แพ้ยาทำให้ตาบอดได้หรือไม่อาการแพ้ยาที่

00:00:04 → 00:00:07 เรียกว่าสตีเฟน Johnson คืออะไรต่อไปนี้

00:00:07 → 00:00:13 คือข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยว

00:00:13 → 00:00:17 ชาญศูนญ์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทยอสมท

00:00:17 → 00:00:19 สอบถามกับประธานวิชาการราชวิทยาลัยจัก

00:00:19 → 00:00:22 สุแพทย์แห่งประเทศไทยแพ้ยาทำให้ตาบอดได้

00:00:22 → 00:00:24 เลยเหรอครับเป็นหนึ่งที่เป็นไปได้ครับ

00:00:24 → 00:00:26 กลุ่มอาการที่เกิดการแพ้ยาอย่างรุนแรง

00:00:26 → 00:00:29 เนี่ยเราเรียกคนไข้กลุ่มนี้ว่ามีอาการของ

00:00:29 → 00:00:32 โรคสีวน Johnson Syndrome นะครับโรค

00:00:32 → 00:00:34 สตีเวน Johnson เนี่ยซึ่งเป็นอาการแพ้

00:00:34 → 00:00:36 อย่างรุนแรงซึ่งเกิดจากภูมคุ้มกันในร่าง

00:00:36 → 00:00:38 กายเนี่ยมีความไวต่อสิ่งที่มากระตุ้นนะฮะ

00:00:38 → 00:00:41 สาเหตุที่จะไปกระตุ้นการแพ้หรือการเกิด

00:00:41 → 00:00:43 สตีเวน Johnson คืออะไรครับอาจจะเกิดจาก

00:00:43 → 00:00:46 ต้นเหตุได้หลายอย่างที่เราเห็นสาเหตุชัด

00:00:46 → 00:00:48 เจนที่พบบ่อยๆก็อย่างเช่นยาปฏิชีวนะพวก

00:00:48 → 00:00:51 กลุ่มซาฟาหรือยากัญชักนะครับพวกฟีบาเนี่ย

00:00:51 → 00:00:54 หรือจริงๆแล้วสตีเวน Johnson อาจจะถูก

00:00:54 → 00:00:57 กระตุ้นโดยยาอื่นๆเช่นยาแก้แพ้อย่างไรก็

00:00:57 → 00:01:00 ตามโรคสตีเฟน Johnson อาจจะไม่ได้เกิดจาก

00:01:00 → 00:01:02 การแพ้ยาเท่านั้นจริงๆอาการสตีเวน Johnson

00:01:02 → 00:01:04 เนี่ยไม่ได้เกิดเฉพาะกับคนที่แพ้ยานะครับ

00:01:04 → 00:01:07 ในบางคนเนี่ยอาจจะไม่สามารถหาสาเหตุได้

00:01:07 → 00:01:09 เลยเช่นก่อนหน้านั้นสักสัปดาห์นึงอาจจะมี

00:01:09 → 00:01:12 การติดเชื้อไข้หวัดหรือไวรัสบางชนิดหลัง

00:01:12 → 00:01:14 จากนั้นก็อาจจะเกิดโรคสตีเวน Johnson นี้

00:01:14 → 00:01:17 ตามมาอาการแบบสตีเฟน Johnson หลังจากได้

00:01:17 → 00:01:19 รับสิ่งกระตุ้นจะเป็นยังไงครับอาการของ

00:01:19 → 00:01:21 สตีเวน Johnson หลังจากที่เราได้รับตัว

00:01:21 → 00:01:24 กระตุ้นที่เป็นต้นเหตุของการแพ้แล้วเนี่ย

00:01:24 → 00:01:27 คนไข้ช่วงแรกนะครับมีอาการไข้ปวดศีรษะไอ

00:01:27 → 00:01:30 นิดหน่อยเหมือนคนเป็นหวัดหลังจากนั้นอีก

00:01:30 → 00:01:32 สัก 2-3 วันหรืออาจจะไปจนถึงได้สัก 2

00:01:32 → 00:01:34 สัปดาห์เลยนะครับก็จะเริ่มมีความผิดปกติ

00:01:34 → 00:01:37 เกิดขึ้นที่บริเวณผิวหนังอาจจะเกิดเป็น

00:01:37 → 00:01:41 ผื่นขึ้นมาที่ตามลำตัวต่อมาก็จะเริ่มมี

00:01:41 → 00:01:44 ตุ่มน้ำขึ้นมาแล้วก็เกิดการพุพองของ

00:01:44 → 00:01:47 บริเวณเยื่อบุผิวต่างๆเช่นในช่องปากนะ

00:01:47 → 00:01:49 ครับอวัยวะนึงที่อาจจะมีความเสียหายที่

00:01:49 → 00:01:51 ค่อนข้างรุนแรงก็คือดวงตานะครับแล้วจะส่ง

00:01:51 → 00:01:54 ผลต่อดวงตาได้ยังไงบ้างครับก็จะทำให้

00:01:54 → 00:01:56 เยื่อบุตาแดงแล้วก็มีการอักเสบนะครับใน

00:01:56 → 00:01:59 ระยะต้นก็จะเป็นเหมือนคนที่เป็นตาแดง

00:01:59 → 00:02:01 อย่างรุนแรงแงนะครับและก็มักจะเป็นทั้ง 2

00:02:01 → 00:02:04 ตาครับหลังจากนั้นภาวะการอักเสบหรือการ

00:02:04 → 00:02:07 เกิดภูมิคุ้มกันทำลายตัวเยื่อบู่ตาเนี่ย

00:02:07 → 00:02:10 ก็จะรุนแรงมากขึ้นในในที่สุดเนี่ยอาจจะ

00:02:10 → 00:02:13 ถึงขั้นที่ทำให้ตัวผิวกระจกตาดำเกิดการ

00:02:13 → 00:02:16 ขุ่นนะฮะแล้วก็เกิดการที่เยื่อบู่ตาขาว

00:02:16 → 00:02:19 และเปลือกตาด้านในเนี่ยมีอาการหลุดลอก

00:02:19 → 00:02:21 แล้วก็ติดกันจนทำให้ผู้ป่วยเนี่ยสูญเสีย

00:02:22 → 00:02:24 การมองเห็นแล้วก็อาจจะมีความผิดปกติของ

00:02:24 → 00:02:28 บริเวณลูกตาจนไม่สามารถลืมตาได้นะครับถ้า

00:02:28 → 00:02:30 ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันททีแล้วอย่าง

00:02:30 → 00:02:33 เหมาะสมเนี่ยอาจจะทำให้เกิดความพิการถาวร

00:02:33 → 00:02:35 คือตาบอดได้เลยครับและถึงแม้ว่าจะรักษา

00:02:35 → 00:02:38 อาการแพ้บางความเสียหายอาจหวนคืนได้โดย

00:02:39 → 00:02:41 ทั่วไปความผิดปกติทั้งที่ผิวหนังและก็

00:02:41 → 00:02:44 ทั้งที่ให้เยื่อบุผิวส่วนต่างๆของร่างกาย

00:02:44 → 00:02:47 เนี่ยหลังจากที่ผ่านการรักษาหรือโรค

00:02:47 → 00:02:50 ดำเนินไปจนกระบวนการรักษาดีขึ้นแล้วเนี่ย

00:02:50 → 00:02:53 ก็อาจจะทิ้งล่องรอยไว้อย่างเช่นที่ผิว

00:02:53 → 00:02:56 หนังก็อาจจะยังคงมีร่องรอยสีดำหรือความ

00:02:56 → 00:02:59 ผิดปกติที่ยังคงค้างอยู่บ้างนะครับแต่ว่า

00:02:59 → 00:03:01 อย่างในช่องห้องปากเนี่ยหลังจากที่หาย

00:03:01 → 00:03:04 แล้วก็มักจะสามารถกลับมาใช้งานได้ปกติแต่

00:03:04 → 00:03:07 หากลามมาถึงดวงตาอาจสร้างความเสียหายถาวร

00:03:07 → 00:03:10 ต่างจากบริเวณดวงตาแม้ว่าจะป้องกันภาวะ

00:03:10 → 00:03:13 กระจกตาขาวขุ่นเป็นแผลเป็นหรือการเกิดพัง

00:03:14 → 00:03:16 ผืดที่บริเวณเยื่อบู่ตาสิ่งที่จะกระทบตาม

00:03:16 → 00:03:18 มาแน่ๆก็คือการสูญเสียการสร้างน้ำหล่อ

00:03:18 → 00:03:21 เลี้ยงลูกตาโดยธรรมชาติเพราะฉะนั้นคนไง้

00:03:21 → 00:03:22 ที่เป็นสตีเวน Johnson ไปแล้วเนี่ยแม้ว่า

00:03:23 → 00:03:26 จะได้รับการรักษาอย่างดีหายไปแล้วเนี่ยก็

00:03:26 → 00:03:29 มักจะเกิดภาวะตาแห้งอย่างรุนแรงตามมาได้

00:03:29 → 00:03:31 นะครับครับซึ่งจักสุแพทย์จะต้องให้การดู

00:03:31 → 00:03:33 แลต่อเนื่องเป็นระยะยาวเลยครับดังนั้น

00:03:33 → 00:03:36 อาจารย์จึงมีคำแนะนำให้ระวังและสังเกต

00:03:36 → 00:03:38 อาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค

00:03:38 → 00:03:41 สตีเวน Johnson อันที่ 1 คือหลีกเลี่ยง

00:03:41 → 00:03:43 การใช้ยาที่ไม่จำเป็นนะครับแล้วก็อันที่ 2

00:03:43 → 00:03:45 โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานั้นเป็นกลุ่มที่อาจ

00:03:45 → 00:03:48 จะทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายๆนะครับก็ก็จะ

00:03:48 → 00:03:50 ต้องใช้เฉพาะตามที่คุณหมอผู้เชี่ยวชาญ

00:03:50 → 00:03:53 เนี่ยเป็นผู้กำหนดหรือเป็นผู้สั่งใช้แล้ว

00:03:53 → 00:03:56 ก็อันที่ 3 คือเมื่อเรามีอาการเคยแพ้ยา

00:03:56 → 00:03:59 หรือมีความสงสัยว่าเราอาจจะแพ้ยาตัวนั้น

00:03:59 → 00:04:01 เนี่ยจะต้องแจ้งให้คุณหมอหรือเพภสายกร

00:04:01 → 00:04:04 ทราบทุกครั้งและข้อ 4 ก็คือถ้าเรารับ

00:04:04 → 00:04:08 ประทานยาไปแล้วมีอาการผิดปกติจะต้องรีบไป

00:04:08 → 00:04:10 พบแพทย์โดยด่วนนะครับแม้ว่าบางครั้งเรา

00:04:10 → 00:04:13 อาจจะไม่ได้รับประทานยาอะไรมาก่อนแต่ถ้า

00:04:13 → 00:04:16 มีอาการผิดปกติที่คล้ายกับจะเป็นสตีเวน

00:04:16 → 00:04:18 Johnson ให้รีบไปพบคุณหมอก่อนเลยนะครับ

00:04:18 → 00:04:21 เพราะว่าการให้การรักษาแต่ต้นอาจจะช่วยทำ

00:04:21 → 00:04:23 ให้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากโรคสตีเวน

00:04:23 → 00:04:25 Johnson และความพิการที่จะตามมาอย่าง

00:04:25 → 00:04:28 เช่นภาวะตาบอดเนี่ยได้รับการป้องกันและก็

00:04:28 → 00:04:31 รักษาได้ดีกว่ากันการที่รอให้เป็นสตีเวน

00:04:31 → 00:04:33 Johnson เต็มที่แล้วก็ไปพบคุณหมอซึ่งมัก

00:04:33 → 00:04:36 จะสายเกินไปที่จะให้การรักษาให้กลับมา

00:04:36 → 00:04:39 เป็นปกติเหมือนเดิมได้ครับอย่าละเลยอาการ

00:04:39 → 00:04:41 ผิดปกติและรีบปรึกษาแพทย์จะช่วยป้องกัน

00:04:41 → 00:04:44 และรักษาได้ทันเวลานะครับทรงเรื่องน่า

00:04:44 → 00:04:47 สงสัยแจ้งเตือนภัยข้อมูลเท็จเพียงแอด Line

00:04:47 → 00:04:49 ศูนชัวร์ก่อนแชร์ไว้นะครับเข้าไปที่เพิ่ม

00:04:49 → 00:04:52 เพื่อนแล้วค้นหาชัว and Share ยังมีอีก

00:04:52 → 00:04:54 หลายเรื่องน่าสงสัยบนสังคมออนไลน์หากได้

00:04:54 → 00:04:57 รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อร่วมตรวจสอบไ

00:04:57 → 00:05:02 ด้วยกันกับชั่วก่อนแชร์ M