00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:05 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:22 [เสียงดนตรี]
00:00:22 → 00:00:25 เพราะเป้าหมายของเราทุกคน คือการมีชีวิตที่ดี
00:00:25 → 00:00:28 มาพัฒนาตัวเราให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
00:00:28 → 00:00:33 กับรายการ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดีสร้างได้
00:00:33 → 00:00:39 กับผม อาจารย์เต้ ระพี บุญเปลื้อง จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:39 → 00:00:41 [เสียงดนตรี]
00:00:41 → 00:00:45 สวัสดีครับ อาจารย์เต้ ระพี บุญเปลื้อง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:45 → 00:00:47 ยินดีต้อนรับคุณผู้ฟัง คุณผู้ชมนะครับ
00:00:47 → 00:00:52 สู่รายการ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดีสร้างได้ครับ
00:00:53 → 00:00:57 ในวันนี้ครับ เรามีแขกรับเชิญ ก็คือคุณหมอหลิวนะครับ
00:00:57 → 00:00:59 อาจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข
00:01:00 → 00:01:01 ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
00:01:01 → 00:01:04 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลครับ
00:01:04 → 00:01:05 ครับ
00:01:05 → 00:01:06 คุณหมอหลิวก็เป็นคุณหมอ
00:01:06 → 00:01:10 - จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นครับอาจารย์ - จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นนะครับ
00:01:10 → 00:01:13 เด็กและวัยรุ่นก็คงจะมี ความท้าทายหลาย ๆ อย่าง
00:01:13 → 00:01:15 ที่ให้คุณหมอเข้าไปแก้ไข
00:01:16 → 00:01:20 แล้วผมเชื่อว่าต้นตอแห่งความท้าทายแบบนั้น
00:01:20 → 00:01:22 ส่วนหนึ่งก็คงจะมาจากครอบครัว
00:01:22 → 00:01:25 วันนี้เราจะมาคุยกัน เรื่องของชีวิตคู่ครับอาจารย์
00:01:25 → 00:01:25 ครับ
00:01:26 → 00:01:28 จากสถิติปี 2563 นะครับ
00:01:28 → 00:01:30 จากคู่สมรสเกือบ 3 แสนคู่
00:01:31 → 00:01:34 กว่าแสนคู่เลยนะครับ ที่จบลงด้วยการหย่าร้าง
00:01:35 → 00:01:38 ถ้าการหย่าร้างนั้นเกิดขึ้นกับคนแค่ 2 คน
00:01:38 → 00:01:44 ปัญหาคงจะไม่ได้มากเท่ากับการที่ คู่นั้นเขามีชีวิตที่ 3-4 ที่มาเกี่ยวข้อง
00:01:44 → 00:01:47 ในวันนี้ผมกับคุณหมอหลิวจะมาพูดคุยกันว่า
00:01:47 → 00:01:49 กว่าจะไปถึงจุดหย่าร้างนั้น
00:01:49 → 00:01:51 มีอะไรที่เป็นสัญญาณ
00:01:51 → 00:01:54 และถ้ามันเกิดการหย่าร้างขึ้นมาแล้ว
00:01:54 → 00:01:57 เราจะลดผลกระทบ ที่เกิดขึ้นกับลูกได้อย่างไรครับ
00:01:57 → 00:01:58 ครับ
00:01:58 → 00:01:59 วันนี้เราจะมาคุยกันครับอาจารย์
00:02:00 → 00:02:05 ว่าธรรมชาติของความสัมพันธ์ของคนสองคน
00:02:05 → 00:02:09 เวลาที่คนสองคนรักกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม
00:02:09 → 00:02:13 ก็คงจะมีเป้าหมายในการที่อยากจะอยู่ร่วมกัน
00:02:13 → 00:02:15 มีความฝันร่วมกัน
00:02:15 → 00:02:18 แล้วก็อยากจะทำให้ความฝันนั้น มันเกิดขึ้น เป็นจริง
00:02:18 → 00:02:19 ครับ
00:02:19 → 00:02:21 แต่ในระหว่างทางมันอาจจะมีการเปลี่ยนใจ
00:02:21 → 00:02:22 ครับ
00:02:22 → 00:02:25 ถ้าฝันมันไม่ได้เห็นร่วมกันแล้ว
00:02:25 → 00:02:27 มันก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร
00:02:27 → 00:02:29 คุณหมอจะลองค่อย ๆ คลี่มันออกได้ไหมครับว่า
00:02:29 → 00:02:31 Journey ของคนที่เป็นคู่กันนี่
00:02:31 → 00:02:32 ครับ
00:02:32 → 00:02:35 มันเริ่มด้วยอะไร และมันมีทิศทางอย่างไรต่อไป
00:02:35 → 00:02:38 เราต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนเขาจะมาเป็นคู่กัน
00:02:39 → 00:02:41 ก็อย่างเช่น เป็นเพื่อนกันมาก่อน
00:02:42 → 00:02:44 คนแนะนำให้รู้จักกัน
00:02:44 → 00:02:46 ต่างคนต่างมีความเป็นตัวตน
00:02:46 → 00:02:51 ต่างคนต่างมีความคิดความเชื่อ ชุดประสบการณ์ที่แตกต่างและหลากหลาย
00:02:51 → 00:02:55 ดังนั้น การที่คนสองคนตัดสินใจจะมาคบกัน
00:02:55 → 00:02:58 ผมเริ่มจากตัดสินใจคบกัน คุยกัน เป็นแฟนกัน
00:02:58 → 00:02:59 เรียนรู้กัน
00:02:59 → 00:03:03 ยังไม่ไปถึงเป็นครอบครัว หรือแต่งงานกันนะครับ
00:03:03 → 00:03:09 แค่ตอนนั้น มันก็ต้องเริ่มด้วย การที่เรามาแชร์เรื่องราวที่เป็นเรา
00:03:09 → 00:03:11 แรกเริ่มเวลารู้จักกัน
00:03:11 → 00:03:13 เราก็มักจะแชร์ในส่วนที่เราดี
00:03:13 → 00:03:15 ใช่ มันก็เหมือนกับพระจันทร์
00:03:15 → 00:03:18 เราคงจะหันด้านสว่างออกมา ให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นตลอดเวลา
00:03:19 → 00:03:21 ถ้าเอาด้านมืดมาเลย ก็ไม่มีใครอยากจะรู้จัก
00:03:21 → 00:03:23 ช่วงแรกเขาเลยเรียกว่าช่วงโปรโมชั่น
00:03:24 → 00:03:25 อา...ใช่เลย
00:03:25 → 00:03:26 เมื่อไหร่โปรโมชั่นหมด
00:03:27 → 00:03:33 ความเป็นตัวตน ความไม่ดีในแบบของเรา มันก็จะออกมา
00:03:33 → 00:03:36 แล้วพอตัดสินใจคบกัน เป็นแฟนกัน เดินทางไปเรื่อย ๆ
00:03:36 → 00:03:38 มันก็จะมีจุดที่ไม่ชอบ
00:03:39 → 00:03:40 ทะเลาะกัน
00:03:40 → 00:03:43 แล้วก็บางคนก็เลิก ตั้งแต่เป็นแฟนเลยครับอาจารย์
00:03:44 → 00:03:45 ตัดสินใจไม่ไปต่อ
00:03:45 → 00:03:47 ก็บ๊ายบายกันไป แล้วแต่บางคนนะ
00:03:47 → 00:03:52 3 เดือน 6 เดือน ปีหนึ่ง สองปี หรือเขาชอบบอก 7 ปีอาถรรพ์อะไรอย่างนี้
00:03:52 → 00:03:55 อันนี้ถ้าเราพูดในแง่ของ ความสัมพันธ์แบบ...อะไรดีครับอาจารย์
00:03:55 → 00:03:59 Conventional คือความสัมพันธ์ที่เรามองว่า เพศมีแค่ 2 เพศนะครับ
00:03:59 → 00:04:02 - อันนั้นคือ เขาว่า - เขาว่ากันว่านะครับ
00:04:02 → 00:04:05 ก็จะต้องมองไปถึงการที่จะมี commitment
00:04:06 → 00:04:08 การที่จะสัญญาว่า
00:04:09 → 00:04:11 ฉันมีคนนี้คนนั้นคนเดียว
00:04:11 → 00:04:13 - โดยกฎหมายด้วย - ใช่ครับ
00:04:13 → 00:04:17 ก็จะมองไปถึงการแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
00:04:17 → 00:04:19 เขาบอกว่า จริง ๆ แล้ว การแต่งงานอยู่ด้วยกัน
00:04:19 → 00:04:22 มันไม่ใช่แค่ผู้หญิงกับผู้ชายสองคน มาอยู่ด้วยกัน
00:04:22 → 00:04:27 แต่มันเป็นการที่ครอบครัวสองครอบครัว มาอยู่ร่วมกัน
00:04:28 → 00:04:29 เพราะว่าอะไรครับ
00:04:29 → 00:04:33 เพราะว่าจากเดิมที่เป็นแฟนกัน มันไม่ได้อยู่ด้วยกันนะอาจารย์
00:04:33 → 00:04:35 มันไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง
00:04:36 → 00:04:39 ผมเชื่อว่า การแสดงออกถึงความคิดความเชื่อ
00:04:39 → 00:04:42 ตัวตน ประสบการณ์ มันไม่ได้ออกมาทั้งหมดหรอกครับ
00:04:43 → 00:04:47 มันก็จะมาเจอตอนที่แต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน เป็นสามีภรรยาแล้วนี่แหละ
00:04:48 → 00:04:51 หรือความเกี่ยวข้อง อย่างที่เราชอบบอกครับอาจารย์
00:04:51 → 00:04:53 แม่สามีกับลูกสะใภ้
00:04:53 → 00:04:56 มันมีความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
00:04:56 → 00:04:58 เมื่อถึงเวลาแต่งงานกันมาอยู่ด้วยกัน
00:04:59 → 00:05:00 เราเริ่มเห็นแล้วว่า
00:05:00 → 00:05:03 เอ้า ผู้ชายคนนี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด
00:05:04 → 00:05:08 ฝ่ายชายก็รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ นี่เป็นแฟนฉันคนเดิมหรือเปล่า
00:05:08 → 00:05:09 [เสียงหัวเราะ]
00:05:09 → 00:05:13 คนนี้ไม่เคยรู้จักนี่หว่า เราไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้
00:05:13 → 00:05:19 เริ่มเห็นความไม่ชอบ เริ่มเห็นความไม่ถูกใจ
00:05:19 → 00:05:22 แล้วมนุษย์เราก็มักจะเห็นความไม่ถูกใจได้เร็ว
00:05:23 → 00:05:27 หลาย ๆ ครอบครัวก็ถ้าตาม Conventional นะ Journey ปกตินะ
00:05:27 → 00:05:29 ก็ต้องมีอะไรครับอาจารย์หลังจากที่แต่งงานกัน
00:05:29 → 00:05:30 มีลูกใช่ไหมครับ
00:05:31 → 00:05:32 ต้องวางแผนจะมีลูก
00:05:33 → 00:05:37 อาจารย์ทราบไหมครับว่า คนปัจจุบันบางทีไม่อยากมีลูก
00:05:38 → 00:05:40 แต่งงานแล้วไม่อยากมีลูก
00:05:40 → 00:05:42 แต่งงานแล้วรูุ้สึกว่า
00:05:42 → 00:05:44 ไม่โอเคที่จะต้องมีลูก
00:05:45 → 00:05:51 แต่ถ้าในบ้านที่เขาอาจจะคิดว่าการมีลูกคือ การแสดงออกถึงความเป็นครอบครัว
00:05:52 → 00:05:54 เขาก็จะเดินทางไปสู่การมีลูกใช่ไหมครับ
00:05:55 → 00:05:58 ไปคุยกันต่ออีก ลูกผู้ชาย ลูกผู้หญิง
00:05:58 → 00:05:59 ชื่ออะไร
00:05:59 → 00:06:03 ชื่อตามพ่อ หรือชื่อตามแม่ ชื่อพ่อกับแม่มาผสมกันดีไหม
00:06:03 → 00:06:04 พอลูกเกิดขึ้นมา
00:06:05 → 00:06:09 มีลูกปุ๊บ บางทีลืมครับอาจารย์ บางทีเราลืม
00:06:09 → 00:06:11 บางทีเราลืมว่า
00:06:12 → 00:06:15 เรามีบทบาทความเป็นพ่อกับแม่อย่างเดียวหรือ
00:06:15 → 00:06:16 หมายความว่า
00:06:17 → 00:06:20 พอมีลูก ทุ่มเทให้ลูกมาก ๆ เพราะรักลูกมาก ๆ
00:06:20 → 00:06:23 ยิ่งโดยเฉพาะคนที่อยู่กับลูกเยอะ
00:06:24 → 00:06:31 ผมพูดในความที่ส่วนใหญ่ ของสังคมแล้วครับอาจารย์ว่า
00:06:32 → 00:06:35 ผู้หญิงมักจะเป็นคนที่อยู่กับลูก เยอะกว่าผู้ชาย
00:06:36 → 00:06:38 อันนี้ส่วนใหญ่นะ ผมไม่ได้พูดว่าทั้งหมดนะครับอาจารย์
00:06:38 → 00:06:41 ดังนั้น ฝ่ายหญิงหลาย ๆ คน เขาจะรู้สึกว่า
00:06:42 → 00:06:43 เขาเป็นแม่
00:06:43 → 00:06:45 เขามีบทบาทความเป็นแม่ที่มันเยอะ
00:06:45 → 00:06:47 แล้วมันเข้มข้น
00:06:48 → 00:06:54 จนบางที เขาก็ลืมนะว่าตัวเขาเอง เขาไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ 24 ชั่วโมง
00:06:55 → 00:06:59 เขายังมีบทบาทความเป็นภรรยาของสามี
00:06:59 → 00:07:03 เขายังมีบทบาทความเป็นคนทำงานคนหนึ่ง
00:07:04 → 00:07:08 เขายังมีบทบาท ความเป็นเจ้านายของลูกน้องอีกหลาย ๆ คน
00:07:10 → 00:07:13 ซึ่งพอบทบาทมันเหลือแต่ความเป็นแม่
00:07:13 → 00:07:16 บางทีมันเหนื่อยครับอาจารย์
00:07:16 → 00:07:18 อาจารย์เป็นอาจารย์นี่
00:07:18 → 00:07:21 อาจารย์เป็นอาจารย์ 24 ชั่วโมงจะเหนื่อยไหม
00:07:21 → 00:07:23 โอ้โฮ คงจะเหนื่อยน่าดู
00:07:23 → 00:07:26 เพราะว่าหลาย ๆ อย่าง มันมีทั้งความคาดหวังของตัวเอง
00:07:27 → 00:07:30 ที่ต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงอีกคนหนึ่งออกมาให้ดี
00:07:31 → 00:07:33 แล้วต้องนำพาเขาเป็นเด็กดี
00:07:34 → 00:07:35 คุณค่าเหล่านี้มันถูกใส่ลงไป
00:07:36 → 00:07:39 ความเป็นผู้หญิง ความเป็นแม่
00:07:39 → 00:07:42 การดูแลลูก ลูกดีไม่ดีขึ้นอยู่กับฉัน
00:07:42 → 00:07:44 ความคาดหวังที่ตัวเองให้ตัวเอง
00:07:44 → 00:07:47 ความคาดหวังที่คนรอบข้างใส่เข้ามา
00:07:47 → 00:07:51 บางทีเขาลืมในการจะหันกลับไปมองว่า
00:07:52 → 00:07:54 ความเป็นสามีภรรยามันยังอยู่ไหม
00:07:54 → 00:07:58 ด้วยความคาดหวังที่นำมาสู่ภาระและหน้าที่
00:07:58 → 00:08:03 ทำให้ลืมมองว่าจริง ๆ แล้ว เรายังมีอีกคนหนึ่งนะที่เราจะเดินไปด้วยกัน
00:08:03 → 00:08:03 ใช่ครับ
00:08:03 → 00:08:06 เรากำลังสร้างสิ่งนี้ด้วยกัน เรากำลังมีฝันนี้ด้วยกัน
00:08:06 → 00:08:08 เกิดบทบาทที่มันไม่สมดุล
00:08:08 → 00:08:10 ความไม่สมดุลมันเหลือแค่บทบาทความเป็นพ่อแม่
00:08:10 → 00:08:13 จนกระทั่งมันไม่มีบทบาทความเป็นสามีภรรยา
00:08:13 → 00:08:15 หรือบทบาทอื่น ๆ ที่ผมพูดถึงไป
00:08:15 → 00:08:18 มันก็เริ่มเกิดความขัดแย้งกันเกิดขึ้น
00:08:18 → 00:08:22 มันก็เริ่มมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ
00:08:22 → 00:08:25 ซึ่งเขาบอกว่าจริง ๆ แล้ว จากงานวิจัย เขาพบว่า
00:08:25 → 00:08:28 การที่คนไม่ลงรอยกันนี่
00:08:28 → 00:08:28 ครับ
00:08:28 → 00:08:31 มันมักจะเกิดจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
00:08:31 → 00:08:34 ที่มันปล่อยไว้ แล้วไม่เคยถูกสื่อสาร
00:08:34 → 00:08:37 เพราะเขาบอกจริง ๆ แล้ว สาเหตุหลักที่สุดของการหย่าร้าง
00:08:37 → 00:08:39 คือเรื่องของการไม่สื่อสารกัน
00:08:39 → 00:08:40 เพราะจริง ๆ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่
00:08:41 → 00:08:44 มันสะท้อนถึงแนวคิด
00:08:44 → 00:08:47 มันสะท้อนถึงความเชื่อ
00:08:47 → 00:08:50 มันสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา
00:08:50 → 00:08:51 ที่ผมบอกปูมาตอนต้นครับอาจารย์ว่า
00:08:52 → 00:08:55 พอมาอยู่ด้วยกัน ถ้ามองว่าเป็นความแตกต่าง แล้วมันชนกัน
00:08:56 → 00:08:57 เล็ก ๆ ก็จะกลายเป็นใหญ่ ๆ
00:08:58 → 00:09:02 ผสม ๆ แล้วพอเวลาวันที่ไม่ไหวแล้ว มันก็ระเบิด
00:09:02 → 00:09:05 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหย่าร้างจะมีเรื่องของ ระดับเศรษฐฐานะ
00:09:05 → 00:09:06 เศรษฐฐานะ
00:09:06 → 00:09:09 แตกต่างกัน เศรษฐกิจแตกต่างกัน
00:09:09 → 00:09:11 ระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน
00:09:12 → 00:09:14 ศาสนาที่ต่างกัน
00:09:14 → 00:09:17 ทัศนคติต่าง ๆ ที่ต่างกัน
00:09:17 → 00:09:19 ก็ส่งผลเรื่องของการหย่าร้าง
00:09:19 → 00:09:21 นี่ครับอาจารย์ 6-7 ข้อ ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่บอกว่า
00:09:22 → 00:09:26 สัมพันธ์กับการหย่าร้างของคนในครอบครัว หรือว่าสามีภรรยาครับอาจารย์
00:09:26 → 00:09:29 ฟังดูแล้วความสัมพันธ์แบบนี้มันเหมือนกับว่า
00:09:29 → 00:09:32 วันที่เราแต่งงานกัน มาอยู่ด้วยกัน
00:09:32 → 00:09:36 มันเหมือนกับสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าตัวตนของเธอเป็นอย่างไร
00:09:36 → 00:09:37 ความคิดของตัวเธอเป็นอย่างไร
00:09:37 → 00:09:42 กลายเป็นว่า เมื่อมาอยู่ด้วยกัน มันก็กลายเป็นเซอร์ไพรส์
00:09:42 → 00:09:44 อย่างนี้มันควรจะเป็นว่า
00:09:44 → 00:09:49 เราทำความรู้จักกันในลักษณะที่ ได้อยู่ร่วมกันก่อน
00:09:49 → 00:09:51 ก่อนที่จะไปเซ็นสัญญาอะไรสักอย่างว่า
00:09:51 → 00:09:53 เฮ้ย เรามาอยู่ด้วยกัน เรามาสร้างฝันด้วยกัน
00:09:53 → 00:09:56 เรามาเรียนรู้ด้วยกัน แบบที่อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง
00:09:56 → 00:09:58 แบบที่มาอยู่กันก่อนอย่างนี้
00:09:58 → 00:10:02 คิดว่ามันจะช่วยได้ไหมครับ ในการที่จะลดปัญหานี้ครับ
00:10:02 → 00:10:04 เรื่องที่อาจารย์พูดมานี่ ผมว่าน่าสนใจมาก ๆ
00:10:04 → 00:10:07 เพราะว่าเราก็จะคุยกันว่า อยู่ก่อนแต่ง หรือว่าแต่งแล้วค่อยอยู่
00:10:07 → 00:10:08 อย่างไหนจะดีมากกว่ากัน
00:10:08 → 00:10:12 แต่มันก็ต้องไปเผชิญกับความคิด หรือความเชื่อในแบบสังคมเรา
00:10:12 → 00:10:15 ใช่เลย คุณป้าข้างบ้านจะว่างอย่างไร
00:10:15 → 00:10:17 ดังนั้นจริง ๆ มันต้องกลับไปที่ว่า คุยกับครอบครัวก่อน
00:10:17 → 00:10:20 ว่าครอบครัวของเราทั้งสองฝ่ายรู้สึกอย่างไร
00:10:20 → 00:10:23 ยอมรับได้ไหมว่าถ้าคนอื่นพูดถึงเรา แบบนั้นแบบนี้
00:10:23 → 00:10:26 แต่ถ้าตัดสินใจแล้วว่า จะมาลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
00:10:26 → 00:10:28 มันคงจะเห็นมุมมองมากขึ้นครับอาจารย์
00:10:29 → 00:10:31 ว่าใครเป็นแบบไหน
00:10:31 → 00:10:37 มีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรารับกันได้ หรือเรารับกันไม่ได้
00:10:37 → 00:10:38 เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่ผมบอกนี่แหละ
00:10:38 → 00:10:40 ที่มันมักจะรับกันไม่ได้
00:10:40 → 00:10:43 จนกระทั่งเราอาจจะชวนได้นะว่า
00:10:43 → 00:10:45 ถ้ามันหลากหลาย มันไม่เหมือนกัน
00:10:45 → 00:10:46 เรามานั่งคุยกันหน่อยไหม
00:10:46 → 00:10:52 ว่าอะไรของเธอ อะไรของฉัน ที่ยอมให้อีกฝ่ายได้บ้าง
00:10:53 → 00:10:54 แต่ผมมองอย่างนี้ครับอาจารย์
00:10:54 → 00:10:55 เมื่อไหร่ที่เรามาคุยกันว่า
00:10:55 → 00:10:58 ยอมกันคนละครึ่งทาง มันแปลว่าต้องมีคนเสีย
00:10:58 → 00:11:00 ใช่ไหม
00:11:00 → 00:11:01 แล้วจะแนะนำอย่างไรดี
00:11:01 → 00:11:05 เอ้า แต่ถ้ามันไม่ต้องยอมคนละครึ่งทาง แต่มันแค่บางเรื่อง
00:11:05 → 00:11:07 บางเรื่องที่เราให้คุณค่าและความสำคัญ
00:11:08 → 00:11:11 เราไม่สามารถไปบังคับใคร ให้มาเปลี่ยนทุกเรื่องให้มาคิดเหมือนเราได้
00:11:11 → 00:11:12 - ไม่มีทาง - ใช่ไหมครับ
00:11:12 → 00:11:15 เพียงแต่เราจะอยู่อย่างไร ความที่มันไม่เหมือนกันนี่แหละ
00:11:15 → 00:11:22 [เสียงดนตรี]
00:11:22 → 00:11:25 ก่อนที่จะไปถึงจุดที่หย่าร้าง
00:11:25 → 00:11:26 เลิกกันเถอะ
00:11:26 → 00:11:31 มันคงจะมีความรำคาญมาเรื่อย ๆ
00:11:31 → 00:11:33 ถ้าเผื่อรำคาญนิด ๆ ในช่วงแรก ๆ
00:11:33 → 00:11:35 เฮ้ย ความหวานมันยังมีอยู่
00:11:35 → 00:11:35 ครับ
00:11:35 → 00:11:37 มันก็เลยยังแค่อุ่น ๆ
00:11:37 → 00:11:41 แต่พอนานไป ๆ ทีนี้มันไม่ได้แล้ว มันเดือด แล้วมันระเบิด
00:11:41 → 00:11:42 ครับอาจารย์
00:11:42 → 00:11:44 ในที่สุดมันก็จะนำไปสู่การหย่าร้าง
00:11:44 → 00:11:45 ใช่ครับ
00:11:45 → 00:11:48 มันจะมีวิธีในการที่จะประคับประคองอย่างไร
00:11:48 → 00:11:51 ที่จะลดอุณหภูมิความขัดแย้ง
00:11:51 → 00:11:54 ความร้าวฉานในความสัมพันธ์ลดลง
00:11:54 → 00:11:57 รักษามันเอาไว้ในระดับที่มัน healthy หน่อย
00:11:57 → 00:11:58 ครับอาจารย์
00:11:58 → 00:12:02 ผมเองคิดว่าส่วนที่สำคัญที่สุด
00:12:02 → 00:12:05 ในการที่เราจะลดอุณหภูมินี้ลงมาได้
00:12:05 → 00:12:08 คืออย่างแรก เรายอมรับก่อน
00:12:09 → 00:12:11 ว่ามันกำลังมีอะไรที่ผิดปกติ
00:12:11 → 00:12:12 อ๋อ
00:12:12 → 00:12:14 มันกำลังมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว
00:12:14 → 00:12:18 คำว่ายอมรับนี่หมายถึง ยอมรับคนเดียวของเราเงียบ ๆ
00:12:18 → 00:12:22 หรือควรจะมานั่งคุยกันว่า นี่เธอ เรามาถึงจุดที่เราคิดว่า เรามีปัญหาแล้วล่ะ
00:12:23 → 00:12:25 ดีที่สุด ก็ต้องสื่อสารครับอาจารย์
00:12:25 → 00:12:26 เฮ้ย มีอะไรหรือเปล่า
00:12:26 → 00:12:31 เธอรู้สึกเหมือนเราไหมว่า ช่วงนี้มันไม่ค่อยโอเคกัน
00:12:31 → 00:12:33 ยอมรับกับความคิดเห็นที่เกิดขึ้น
00:12:33 → 00:12:35 ยอมรับว่ามันมีเรื่อง มีอะไรบางอย่างที่มันเข้ามา
00:12:35 → 00:12:39 พอมาทบทวนแล้วอาจจะเจอว่า อ๋อ มันมีเรื่องที่ชอบ 1 2 3 4 5
00:12:39 → 00:12:40 มันยังมีไหมปัจจุบัน
00:12:41 → 00:12:42 หรือที่มันไม่มี มันเพราะอะไร
00:12:43 → 00:12:43 มันหายไปไหม
00:12:43 → 00:12:45 หรือจริง ๆ มันไม่เคยมีอยู่
00:12:46 → 00:12:47 โอ้โฮ คำถามนี้เสียดแทง
00:12:47 → 00:12:49 [เสียงหัวเราะ]
00:12:50 → 00:12:52 ใช่ไหมครับ กลับทบทวน ทบทวนแล้วถาม
00:12:52 → 00:12:54 พูดคุยกัน สื่อสารกัน
00:12:54 → 00:12:57 ก่อนที่เล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะเป็นอะไรที่มันใหญ่ ๆ
00:12:57 → 00:12:59 จนกระทั่งกลับไปทะเลาะกันว่า
00:12:59 → 00:13:01 ทำไมเธอไม่เคยบอกฉัน
00:13:02 → 00:13:03 แต่ว่าทีนี้ครับอาจารย์
00:13:03 → 00:13:07 อันนี้ในแง่ของว่าถ้าเราเป็นเรื่องของแฟนกัน เป็นคู่ชีวิต
00:13:07 → 00:13:07 ครับ
00:13:07 → 00:13:09 แต่ถ้าผมย้อนกลับไปตรงที่เราคุยกันตอนต้นว่า
00:13:09 → 00:13:15 บางทีแล้ว บางครอบครัวเดินทางไปถึงว่า Commitment แต่งงาน ไปจนกระทั่งมีลูก
00:13:15 → 00:13:18 อันนี้ การที่จะเลิกกัน การที่จะแยกกัน
00:13:19 → 00:13:20 มันซับซ้อนมากขึ้นครับ
00:13:20 → 00:13:23 วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องของ การหย่าร้างกัน แยกจากนะครับ
00:13:23 → 00:13:27 ผมพูดถึง Couple journey ที่มันไปถึงขั้นสุดทางแล้ว
00:13:27 → 00:13:28 สุดทางแล้ว
00:13:28 → 00:13:29 แล้วมีลูกด้วยนะ
00:13:29 → 00:13:32 อันนี้ซับซ้อนมากครับอาจารย์ ผมชวนคิดอย่างนี้ว่า
00:13:32 → 00:13:34 ระยะของการหย่าร้าง
00:13:34 → 00:13:37 จริง ๆ แล้วมันจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ถ้าตามทฤษฎีทางวิชาการ
00:13:37 → 00:13:41 อันแรกคือ ระยะก่อนหย่า (Pre-divorce stage)
00:13:41 → 00:13:43 Pre-divorce stage ก็คือว่า
00:13:43 → 00:13:47 ปัญหาเริ่มมา สะสม เริ่มเห็น ขัดแย้งรุนแรง
00:13:47 → 00:13:50 เริ่มมีการทะเลาะ เสียดแทง พูดไม่ดี ประชดประชัน
00:13:51 → 00:13:52 อันนี้คือระยะที่ 1
00:13:52 → 00:13:52 โอ้โฮ
00:13:52 → 00:13:56 นี่ขนาดระยะที่ 1 มันก็ยังหนักหนาสาหัสขนาดนี้แล้วนะ
00:13:56 → 00:13:56 ใช่ครับอาจารย์
00:13:56 → 00:13:58 ส่วนระยะที่สองนะครับ
00:13:58 → 00:14:02 คือเรื่องของ ระยะตอนที่แยกเลยนะครับ เราเรียกว่า Separation
00:14:03 → 00:14:04 ตอนที่แยกนี่นะครับ
00:14:05 → 00:14:07 โอเค ฉันกับเธอตัดสินใจแยกกัน
00:14:07 → 00:14:08 มันคือจุดเวลา 1 จุด
00:14:08 → 00:14:12 ผมจะบอกอย่างนี้ครับอาจารย์ว่า ระยะที่ 1 กับ ระยะที่ 2
00:14:12 → 00:14:13 จะส่งผลอย่างไรกับเด็ก
00:14:14 → 00:14:17 คนที่เป็นลูกจะมีพฤติกรรมออกมาได้
00:14:17 → 00:14:21 คือเด็กอาจจะแสดงท่าทีที่ดูเด็กกว่าวัย
00:14:22 → 00:14:25 เช่น อยู่ดี ๆ เขาก็งอแง ร้องไห้
00:14:26 → 00:14:29 เริ่มเรียกร้องมากขึ้น ลงไปนอนดิ้นกับพื้น
00:14:29 → 00:14:32 ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ บางคนเขาเป็นเด็กอนุบาล หรือเป็นเด็กประถมที่เขาพูดรู้เรื่องแล้ว
00:14:33 → 00:14:36 หรือเด็กบางคน เขาก็จะทำตัวดีขึ้น
00:14:36 → 00:14:39 เพื่อลดความขัดแย้งของคนในครอบครัว
00:14:39 → 00:14:42 เขารู้สึกว่าการที่เขาเป็นแบบนี้ หรือบางทีที่เขามีพฤติกรรมเชิงลบแบบนี้
00:14:42 → 00:14:44 เขาทำให้ความขัดแย้งมันลดลง
00:14:44 → 00:14:46 อันนี้คือสิ่งที่เด็กไม่ได้ตั้งใจจะทำนะครับ
00:14:46 → 00:14:50 แต่มันเป็นมนุษย์ที่บางทีทำโดยอัตโนมัติ
00:14:50 → 00:14:55 ทำโดยสัญชาตญาณภายในว่า ฉันอยู่ในความขัดแย้งนี้ไม่ได้
00:14:55 → 00:14:58 แล้วฉันก็ไม่ชอบด้วย ที่คู่ขัดแย้งนี้คือพ่อกับแม่
00:14:59 → 00:15:01 ที่มาเถียงกัน
00:15:01 → 00:15:05 เดินทางมาสู่ระยะที่ 3 ของการหย่าร้าง อันนี้คือ Post-divorce stage
00:15:05 → 00:15:05 ครับ
00:15:05 → 00:15:09 Post-divorce stage คือการที่สื่อสาร และพูดคุยกันเลยนะครับว่า
00:15:09 → 00:15:11 ความสัมพันธ์หลังจากนี้
00:15:11 → 00:15:13 เราจะเป็นอย่างไร
00:15:13 → 00:15:15 ความสัมพันธ์รูปแบบสามีภรรยาหายไปแล้ว
00:15:15 → 00:15:17 ความสัมพันธ์แบบคู่ชีวิตหายไปแล้ว
00:15:18 → 00:15:21 จะเหลือแค่ความสัมพันธ์คือ ฉันเป็นพ่อของเด็กคนนี้
00:15:21 → 00:15:24 ฉันเป็นแม่ของเด็กคนนี้ และเด็กคนนี้เป็นเด็กคนเดียวกัน
00:15:25 → 00:15:26 จะนำมาซึ่งการตกลงกันว่า
00:15:26 → 00:15:28 จะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
00:15:28 → 00:15:31 ใครจะดูแล รูปแบบการอยู่ การพาลูกไปหาหมอ
00:15:31 → 00:15:33 ซึ่งถ้าตกลงกันได้ดี
00:15:34 → 00:15:38 การหย่าร้างนี้จะเป็นการหย่าร้าง ที่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อเด็กมากนัก
00:15:38 → 00:15:41 แต่ถ้าสื่อสารไม่ดี
00:15:41 → 00:15:43 แล้วกลายมาเป็นเชิงลบ
00:15:44 → 00:15:46 ต่อว่า ตำหนิอีกฝ่าย
00:15:46 → 00:15:49 เป็นคนละพวกชัดเจน แสดงความเห็นแตกต่างชัดเจน
00:15:50 → 00:15:54 บางทีเด็กเขาก็จะเกิดอารมณ์เชิงลบเยอะมาก ๆ
00:15:54 → 00:15:57 จนกระทั่งเด็กหลายคนก็มีนะครับอาจารย์ ที่เป็นเรื่องของการซึมเศร้า
00:15:58 → 00:16:00 อาการเครียด หรือว่าเขาเองเขารู้สึกว่า
00:16:00 → 00:16:04 เขาชินชาและเฉยชากับ ผู้หญิงและผู้ชายที่เป็นพ่อกับแม่ของเขา
00:16:05 → 00:16:08 ตอนนี้ผมก็เลยอยากจะชวนอาจารย์คุยเพิ่มเติม ในส่วนของประเด็นที่ว่า
00:16:08 → 00:16:14 แล้วพ่อกับแม่จะจัดการอย่างไรเวลาที่แยกจาก
00:16:14 → 00:16:18 แล้วก็บ๊ายบายกันแล้ว ต่างคนต่างไปทาง ของตัวเอง แต่ยังมีลูกอยู่นี่
00:16:18 → 00:16:20 แบ่งเป็น 5 ขั้นตอนนะครับอาจารย์
00:16:20 → 00:16:24 อันแรกนะครับคือ เรื่องของสร้างความมั่นใจให้กับลูก
00:16:24 → 00:16:26 เราสร้างความมั่นใจให้กับเขาว่า
00:16:26 → 00:16:33 ลูกยังคงเป็นคนที่พ่อแม่รักเหมือนเดิม
00:16:33 → 00:16:36 ไม่ว่าพ่อกับแม่จะอยู่ด้วยกันหรือไม่
00:16:37 → 00:16:40 แต่หนูยังเป็นคนที่พ่อแม่รัก
00:16:41 → 00:16:44 หนูยังเป็นคนที่พ่อและแม่ต้องการ
00:16:44 → 00:16:48 คนเรานะครับ เมื่อไหร่ที่รู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นที่รัก
00:16:49 → 00:16:50 เป็นที่ต้องการ
00:16:50 → 00:16:55 จะทำให้ตัวเขายังดำรงอยู่ และคงอยู่เป็นตัวตนของเขา
00:16:55 → 00:16:58 เมื่อไหร่ที่เซลฟ์มันแตกกระจาย มันสลายไป
00:16:58 → 00:17:00 มันจะเกิดการตั้งคำถามว่า
00:17:00 → 00:17:03 ฉันยังควรจะอยู่ตรงนี้ไหม
00:17:03 → 00:17:06 หรือฉัน...หรือว่าฉันไม่มีคุณค่าเพียงพอ
00:17:06 → 00:17:11 ซึ่งจะนำมาซึ่งความสูญเสียที่มหาศาล แล้วก็คงไม่มีพ่อแม่คู่ไหนที่อยากให้เกิด
00:17:11 → 00:17:13 หรือว่าเด็กคนไหนที่อยากจะเป็นแบบนั้นนะครับ
00:17:13 → 00:17:16 ดังนั้น อย่างแรก สร้างความมั่นใจให้กับเขาก่อนว่า
00:17:17 → 00:17:21 เขาจะยังคงเป็นที่รัก เขาจะยังคงเป็นที่ต้องการของพ่อและแม่
00:17:21 → 00:17:23 เขายังมีคุณค่าเสมอครับ
00:17:23 → 00:17:25 ในขั้นตอนที่ 2 นะครับคือ
00:17:25 → 00:17:27 การบอกความจริงกับลูก
00:17:27 → 00:17:30 ว่าทำไมพ่อกับแม่ต้องแยกกัน
00:17:31 → 00:17:33 แต่ผมชวนคิดอย่างนี้ก่อนครับอาจารย์ว่า
00:17:33 → 00:17:38 การจะบอกความจริงกับลูกได้ คงเป็นการบอกความจริงตามวัยที่เขาควรจะรู้
00:17:38 → 00:17:40 ครับ
00:17:40 → 00:17:42 เด็กเล็ก บางทีอาจจะต้องมีการเปรียบเทียบ
00:17:42 → 00:17:45 เป็นเรื่องของจินตนาการ เป็นเรื่องของอะไรมากขึ้น
00:17:45 → 00:17:47 คือตามช่วงวัย ตามพัฒนาการ
00:17:47 → 00:17:49 แต่เวลาเราบอกความจริงลูก ต้องเป็นอย่างนี้ครับอาจารย์
00:17:49 → 00:17:54 คือเราจะบอกเขาโดยที่ เราพยายามหลีกเลี่ยงการตำหนิ
00:17:55 → 00:17:58 เราพยายามหลีกเลี่ยงการตำหนิฝ่ายตรงข้าม
00:17:58 → 00:18:00 ดังนั้น จริง ๆ แล้ว ถ้าพ่อกับแม่มาบอกลูกได้พร้อมกัน
00:18:00 → 00:18:01 ผมว่าจะดีมากเลย
00:18:02 → 00:18:04 แต่หลาย ๆ ที มันบอกด้วยกันไม่ได้
00:18:04 → 00:18:06 เพราะว่ามันแยกกันแบบไม่ดี
00:18:06 → 00:18:09 คือมันแบบ...ม้นไม่เคยถูกพูดถึง เรื่องความสัมพันธ์ที่มันไม่ดี
00:18:09 → 00:18:10 ครับ
00:18:10 → 00:18:12 ดังนั้นการบอกความจริง มันก็เลยกลายเป็นว่า
00:18:13 → 00:18:14 เอามาบ่นให้ลูกฟัง
00:18:15 → 00:18:17 หรือมาประชดประชันให้ลูกฟัง
00:18:17 → 00:18:20 ซึ่งมันก็นำไปสู่การที่แยกจากแบบไม่โอเค
00:18:20 → 00:18:22 เด็กก็จะไปมีพฤติกรรมเชิงลบแบบที่ผมบอก
00:18:22 → 00:18:23 แล้วเด็กเองก็จะมีปมด้วยนะ
00:18:23 → 00:18:24 ใช่ครับอาจารย์
00:18:24 → 00:18:26 เวลาที่คุยกับลูกนี่ครับ
00:18:26 → 00:18:28 บางทีพ่อแม่ก็ตกลงกันไปแล้วล่ะ
00:18:28 → 00:18:31 ว่าเราจะใช้เหตุผลนี้ในการที่จะบอกลูก
00:18:31 → 00:18:31 ครับ
00:18:31 → 00:18:33 แต่การสื่อสารมันเป็นการสื่อสารสองทาง
00:18:33 → 00:18:35 แล้วถ้าลูกถามกลับมาล่ะ
00:18:35 → 00:18:38 พ่อแม่จะต้องมีการคุยกันก่อนไหม ตกลงกันก่อนไหมว่า
00:18:38 → 00:18:41 เราจะสื่อสารกับลูกในแนวไหน
00:18:41 → 00:18:43 คำถามแบบนี้ เราจะตอบกันแบบไหนอะไรอย่างนี้
00:18:43 → 00:18:46 ผมว่าดีเลยนะครับอาจารย์ อาจจะซ้อมกันก่อน
00:18:46 → 00:18:47 ซักซ้อมกันนิดนึงว่า
00:18:47 → 00:18:49 โอกาสที่ลูกเราจะถาม จะถามอะไรได้บ้าง
00:18:49 → 00:18:52 โอกาสที่เราจะบอกความจริงกับเขา
00:18:52 → 00:18:53 จะบอกความจริงได้แค่ไหน
00:18:53 → 00:18:57 และบางที...ผมไม่ได้บอกว่า 100% ต้องบอกวันเดียวให้หมดนะ
00:18:57 → 00:19:00 บางความจริง 100% มันก็ทำร้ายใจทีเดียว
00:19:01 → 00:19:02 แบ่งก็ได้ครับ
00:19:02 → 00:19:03 เพียงแต่เราไม่หลอก
00:19:04 → 00:19:07 แล้วเราก็ไม่ให้ความหวังที่ไม่เป็นจริงกับลูก
00:19:07 → 00:19:11 นำมาสู่ขั้นตอนที่สาม คือเรื่องของการรักษาสภาพชีวิตของเขา
00:19:11 → 00:19:14 สภาพความเป็นอยู่ของเขา ให้ใกล้เคียงกับชีวิตเดิม
00:19:14 → 00:19:17 เด็กเคยได้เรียนพิเศษอะไร
00:19:17 → 00:19:19 เด็กเคยไปมีกิจกรรมนอกบ้านแบบไหน
00:19:20 → 00:19:23 เขาควรจะได้แบบเดิม ถ้าพ่อแม่ไม่เดือดร้อนนะ
00:19:23 → 00:19:26 เพราะผมเชื่อว่าหลาย ๆ บ้าน เวลาที่แยกจากกันนี่
00:19:26 → 00:19:28 มันจะมีเรื่องของเศรษฐกิจเปลี่ยนไป
00:19:28 → 00:19:30 ดังนั้น พยายามเท่าที่ได้
00:19:30 → 00:19:33 แต่ผมคิดว่าถ้าลูกเขารับรู้พอสมควร
00:19:33 → 00:19:35 ถ้าเราบอกความจริง ทำขั้นตอนที่สองได้ดี
00:19:35 → 00:19:39 ขั้นตอนที่ 3 ถ้ามันต่างไปบ้างในช่วงแรก ลูกจะพอเข้าใจ
00:19:39 → 00:19:41 และอาจจะปรับตัวได้
00:19:41 → 00:19:41 ใช่ครับ
00:19:41 → 00:19:44 แต่ถ้าเป็นไปได้ เอาให้ใกล้เคียงให้มากที่สุด
00:19:44 → 00:19:48 ขั้นตอนที่ 4 นะครับคือ ลูกได้ทำกิจกรรมที่ชอบคล้าย ๆ เดิม
00:19:48 → 00:19:49 เขาอาจจะชอบอยู่กับพ่อ
00:19:49 → 00:19:51 เขาอาจจะชอบอยู่กับแม่
00:19:51 → 00:19:53 ในที่เหล่านี้ ในที่เหล่านั้น
00:19:53 → 00:19:55 เราพยายามให้เขาได้อยู่ ได้ทำ
00:19:55 → 00:19:57 จริง ๆ ข้อ 3-4 มันก็เชื่อมโยงกันนะครับ
00:19:58 → 00:20:00 แต่ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับวิธีปฏิบัติของจริง
00:20:00 → 00:20:02 อย่างที่ผมบอกไปว่าวันหยุดอยู่กับใคร วันธรรมดาอยู่กับใคร
00:20:02 → 00:20:04 บางทีมันอาจจะเปลี่ยนแปลงบ้างนิดหน่อย
00:20:04 → 00:20:06 แต่ถ้าสื่อสารให้ชัด ลูกจะเข้าใจครับ
00:20:06 → 00:20:09 แล้วถ้าบังเอิญว่ากิจกรรมที่ลูกชอบ
00:20:09 → 00:20:14 คือกิจกรรมที่จะต้องมีทั้งพ่อและแม่ อยู่ในเวลาเดียวกัน ในสถานที่เดียวกัน
00:20:14 → 00:20:14 ครับอาจารย์
00:20:14 → 00:20:16 จะจัดการอย่างไรดีครับ
00:20:16 → 00:20:19 ถ้าพ่อกับแม่ตกลงกับลูกพร้อมกัน
00:20:19 → 00:20:21 แล้วยินดีที่จะมาทำร่วมกัน
00:20:21 → 00:20:23 ผมเอง ผมคิดว่าทำได้
00:20:23 → 00:20:25 แต่กับความเป็นจริงแล้ว ก็พบว่าบางทีก็ยาก
00:20:25 → 00:20:26 [เสียงหัวเราะ]
00:20:26 → 00:20:29 ยิ่งช่วงแรกที่หย่าร้าง แยกทางกันกันไปใหม่ ๆ
00:20:29 → 00:20:30 ก็อึดอัดเหมือนกันเนอะ
00:20:30 → 00:20:31 ถ้าทำพอได้ก็ทำครับ
00:20:31 → 00:20:33 แต่ถ้าทำไม่ได้ มันอึดอัดมาก แล้วมันซ้ำร้ายจะส่งผลเสีย
00:20:34 → 00:20:35 ผมก็คิดว่า อย่าเพิ่งทำในช่วงแรก
00:20:35 → 00:20:37 และในขั้นตอนที่ 5 นะครับอาจารย์
00:20:37 → 00:20:39 การที่เรา คนเป็นพ่อเป็นแม่นี่
00:20:39 → 00:20:43 จะปฏิบัติต่อลูก ด้วยความรักและความหวังดีเหมือนเดิม
00:20:43 → 00:20:49 ความรัก ความหวังดี ผมคิดว่าอธิบาย ครอบคลุมในข้อที่เหลือทั้งหมดเลย
00:20:49 → 00:20:50 ขมวดรวมทั้งหมดเลยครับว่า
00:20:50 → 00:20:53 ถ้าเรายังยืนยันเหมือนเดิม แบบที่เราบอกกับเขานะครับ
00:20:53 → 00:20:55 ว่าเขาเกิดมาด้วยความรักของคนสองคน
00:20:56 → 00:20:58 เราจะทำอะไร ๆ ก็ตามด้วยความรัก
00:20:58 → 00:21:01 แล้วเมื่อไหร่ที่เราเริ่มทำด้วยความโกรธ
00:21:02 → 00:21:04 แต่เราบอกว่าความรักลูกมันชนะ
00:21:05 → 00:21:06 เราจะไม่มาทำอะไรที่มันไม่ควรทำ
00:21:07 → 00:21:12 ถ้าตัวลูกรู้สึกได้ถึงความรัก ที่จะไม่เปลี่ยนแปลง
00:21:12 → 00:21:15 มีความมั่นใจว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลง
00:21:15 → 00:21:16 สามีภรรยา
00:21:16 → 00:21:20 ถ้ามีความมั่นใจว่าพ่อจะรักเราเหมือนเดิม แม่จะรักเราเหมือนเดิม
00:21:20 → 00:21:24 เซลฟ์ของลูกเองก็น่าจะไม่ถูกทำลายไปมากนัก
00:21:24 → 00:21:27 แล้วมีโอกาสที่จะงอกเงยกลับขึ้นมาได้
00:21:27 → 00:21:33 [เสียงดนตรี]
00:21:33 → 00:21:34 การพูดคุยตรงนี้ครับคุณหมอ
00:21:35 → 00:21:37 มันควรจะเกิดขึ้นในระยะไหนครับ
00:21:37 → 00:21:40 Pre-divorce, Separation, หรือว่า Post-divorce
00:21:41 → 00:21:46 คือจริง ๆ แล้ว คงต้องเป็นระยะที่พร้อมที่จะคุย
00:21:47 → 00:21:48 พร้อมที่จะคุย
00:21:48 → 00:21:49 ใครพร้อม
00:21:49 → 00:21:51 พ่อก็พร้อม แม่ก็พร้อม
00:21:51 → 00:21:53 ลูกก็พร้อม
00:21:53 → 00:21:56 ทั้งผู้พูด ผู้ฟัง ทุกคนพร้อมหมด แล้วมาสื่อสารร่วมกัน
00:21:57 → 00:21:59 เพราะถ้าไม่คุย และไม่ได้ทำตามขั้นตอน
00:22:00 → 00:22:04 การหย่าร้างนั้น ก็จะนำมาซึ่ง ความทุกข์ทรมานใจของเด็ก
00:22:04 → 00:22:08 และสร้างบาดแผลไม่เพียงแต่สามีภรรยา แต่ส่งผลกับลูกเช่นกัน
00:22:08 → 00:22:12 ซ้ำร้ายนะครับอาจารย์ ถ้าเกิดว่า การแยกจากหย่าร้างนั้นไม่โอเค
00:22:12 → 00:22:14 การสื่อสารกับเด็กไม่โอเค
00:22:14 → 00:22:16 อาจารย์ทราบไหมครับว่า
00:22:16 → 00:22:18 มันจะสร้างบาดแผลให้กับเด็กคนนั้น
00:22:18 → 00:22:21 และเด็กคนนั้น พอเป็นอนาคต เติบโตขึ้นมา
00:22:22 → 00:22:25 เขาจะมีปัญหา ในการไปสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น
00:22:26 → 00:22:27 ในรูปแบบต่าง ๆ
00:22:27 → 00:22:29 มีงานวิจัยเหมือนกันครับอาจารย์ที่บอกว่า
00:22:30 → 00:22:32 พบอัตราการหย่าร้างที่สูง
00:22:33 → 00:22:38 ในผู้หญิงและผู้ชายที่เคยอยู่ในครอบครัว ที่มีการหย่าร้างมาก่อน
00:22:39 → 00:22:42 อ้าวหรือครับ ผมนึกว่า เขาเคยอยู่ในครอบครัวที่มีการหย่าร้าง
00:22:43 → 00:22:47 แล้วเขาจะพยายามทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้เกิดประว้ติศาสตร์ซ้ำรอย
00:22:48 → 00:22:49 มันกลายเป็นตรงกันข้ามไปหรือครับ
00:22:49 → 00:22:52 ใช่ครับ บางทีเขาบอกว่า มันเป็นเรื่องของค่านิยม
00:22:52 → 00:22:54 หรือเป็นเรื่องของการมองโลก
00:22:54 → 00:22:56 ที่บางทีเขาอาจจะมองว่า
00:22:56 → 00:23:00 การหย่าร้างดูเป็นวิธีแก้ไขปัญหาวิธีเดียว
00:23:00 → 00:23:03 หรือการหย่าร้างดูเป็นเรื่องปกติ
00:23:03 → 00:23:06 บางทีคนก็จะมองว่าเหมือนกับ เอ่อ...
00:23:06 → 00:23:08 ถ้ามันทนไม่ได้ ก็เลิก ๆ กันไปนะครับ
00:23:09 → 00:23:11 แต่บางทีก็จะมีเหมือนกันครับอาจารย์ที่มองว่า
00:23:11 → 00:23:12 เฮ้ย ทนหน่อย
00:23:13 → 00:23:14 อยู่กันไปก่อนนะ
00:23:14 → 00:23:16 เฮ้ย ให้อภัยกันหน่อย
00:23:16 → 00:23:16 แล้วก็ไปต่อ
00:23:16 → 00:23:19 ผมไม่ได้อยากจะมองว่า มันเป็นความคิดสมัยใหม่หรือสมัยเก่า
00:23:19 → 00:23:21 ไม่ต้องการการแบ่งแยกไปแบบนั้น
00:23:21 → 00:23:22 แต่แค่จะชวนคิดครับว่า
00:23:23 → 00:23:29 บางที วิธีการเวลาที่เราจะอยู่หรือเราจะไป
00:23:29 → 00:23:31 มันก็ขึ้นอยู่กับการตกลง ของทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว
00:23:31 → 00:23:32 ใช่เลย
00:23:32 → 00:23:34 ขึ้นอยู่กับความคิดความเชื่อ ของทั้งสองฝ่ายแหละ
00:23:34 → 00:23:36 จริง ๆ แล้วถ้าจะว่าไป มันก็ยากเหมือนกันนะ
00:23:36 → 00:23:39 เพราะว่าการที่จะมีชีวิตคู่ มันก็เริ่มด้วยอารมณ์
00:23:39 → 00:23:42 และการหย่าร้าง มันก็เนื่องจากอารมณ์เช่นกัน
00:23:42 → 00:23:47 ในการที่จะวางอารมณ์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งอย่างลง
00:23:47 → 00:23:50 แล้วเอาเหตุและผลมาคุยกัน มันยากเหมือนกัน
00:23:50 → 00:23:52 แต่ถ้าเรามองลูกของเราเป็นหลัก
00:23:52 → 00:23:52 ครับ
00:23:52 → 00:23:55 ว่าชีวิตของเขา มันจะต้องดำเนินต่อไป
00:23:55 → 00:23:58 โดยที่จะมีผลกระทบจากสิ่งนี้ให้น้อยที่สุด
00:23:58 → 00:24:02 ผมว่าน่าจะเป็นจุดร่วมกันในแบบที่จะ หาทางออกร่วมกันระหว่างสามีภรรยา
00:24:02 → 00:24:04 แล้วก็ลูกที่อยู่ในสมการด้วย
00:24:04 → 00:24:04 ครับ
00:24:05 → 00:24:09 แล้วกลับมาพบกับ Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดี สร้างได้ ได้ใหม่นะครับ
00:24:09 → 00:24:11 ทุก ๆ วันจันทร์ เวลา 18.00 น. ครับ
00:24:11 → 00:24:15 รายการนี้เราก็จะพูดคุยกัน ในเรื่องของ Hot issue
00:24:15 → 00:24:16 เรื่องของสิ่งที่อยู่ในกระแส
00:24:17 → 00:24:20 เรื่องของวิธีในการที่จะสร้าง ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ
00:24:20 → 00:24:22 แล้วก็การพัฒนาตัวเองครับ
00:24:22 → 00:24:26 เราจะพบกันทั้งทาง Facebook Mahidol Channel
00:24:26 → 00:24:28 ทั้งทาง YouTube Mahidol Channel
00:24:28 → 00:24:31 และรับฟังได้ในรูปแบบของ Podcast นะครับ
00:24:31 → 00:24:35 ทาง Apple Podcast, Spotify, Anchor, และ Blockdit ครับ
00:24:36 → 00:24:38 ในทุก ๆ เย็นวันจันทร์ 18.00 น. ครับ
00:24:39 → 00:24:40 จนกว่าจะพบกันใหม่ครับคุณหมอหลิวครับ
00:24:40 → 00:24:42 สวัสดีครับ
00:24:42 → 00:24:47 [เสียงดนตรี]
00:24:48 → 00:24:53 Well-Being สุขภาพดี ชีวิตดี สร้างได้