00:00:00 → 00:00:04 The beds ThaiPBS คาสวีเวิลด์ ys
00:00:04 → 00:00:06 boice
00:00:06 → 00:00:09 พฤติกรรมการโกหกของเด็กในมันมีมาทุกยุค
00:00:09 → 00:00:11 ทุกสมัยแหล่งแต่ที่บอกว่าเอ๊ะทำไมพูดกัน
00:00:11 → 00:00:15 แล้วคุยกันแล้วสอนแล้วสอนอีกไม่ได้ผลสัก
00:00:15 → 00:00:18 ทีถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ได้ผลนะคะก็ต้องตอบ
00:00:18 → 00:00:21 ว่าสาเหตุสำคัญของการที่ไม่ได้ผลนะเพราะ
00:00:21 → 00:00:23 ตัวคุณพ่อคุณแม่เองยังไม่เข้าใจในเรื่อง
00:00:23 → 00:00:26 ของสาเหตุของการโกหกของเด็กแล้วก็ลักษณะ
00:00:26 → 00:00:29 พฤติกรรมของเด็กนะคะแล้วก็ไม่ทราบวิธีที่
00:00:29 → 00:00:33 จะจัดการเมื่อเกิดปัญหาขึ้นนะคะก็มักจะ
00:00:33 → 00:00:37 ใช้วิธีที่เราเคยคิดว่าดีที่สุดอะไรอย่าง
00:00:37 → 00:00:38 เงี้ย
00:00:38 → 00:00:42 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัพเดททุกโรคไทยฟังราย
00:00:42 → 00:00:48 การโรงหมอกับอิฉันสุรีย์พรวงศ์สถิตพรค่ะ
00:00:48 → 00:00:51 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังค่ะขอต้อนรับเข้าสู่
00:00:51 → 00:00:54 รายการโรงหมอทางไทยพีบีเอสคอร์ทค้าซาวัน
00:00:54 → 00:00:57 นี้พบกันเช่นเคยนะคะติดตามสาระกันได้ค่ะ
00:00:57 → 00:00:59 วันนี้มีเรื่องที่น่าสนใจมากก็หยิบยกเอา
00:00:59 → 00:01:03 มาแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนะคะในสังคมของเรา
00:01:03 → 00:01:06 จากการที่ได้ติดตามข่าวบ้างนะหรือว่าอาจ
00:01:06 → 00:01:10 จะดูในพาร์ทอื่นๆบ้างที่เป็นเรื่องการ
00:01:10 → 00:01:13 แชร์ประสบการณ์แชร์เรื่องของสิ่งที่เจอ
00:01:13 → 00:01:16 กันมานะคะก็ไปเจอเรื่องนึงแล้วก็สะดุดใจ
00:01:16 → 00:01:18 และอยากจะนำเรื่องนี้มาคุยให้คุณผู้ฟัง
00:01:19 → 00:01:21 ได้ฟังกันนะคะถือว่าเป็นการแบ่งปันความ
00:01:21 → 00:01:25 รู้ให้ฟังนาถึงเรื่องของทำอย่างไรเมื่อ
00:01:25 → 00:01:28 เด็กโกหกนะคะอ่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่อง
00:01:28 → 00:01:31 ที่คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองอาจจะรู้สึกหนัก
00:01:31 → 00:01:34 ใจนะคะว่าเอ๊ะทำไมเขาถึงมีพฤติกรรมแบบนี้
00:01:34 → 00:01:36 นะคะเดี๋ยววันนี้เราจะคุยกับผู้ช่วย
00:01:36 → 00:01:39 ศาสตราจารย์ดร.จันทร์วิภาดีเราสัมพันธ์
00:01:39 → 00:01:41 ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้าน
00:01:41 → 00:01:43 สมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:01:43 → 00:01:46 สัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:01:46 → 00:01:48 คะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่าน
00:01:48 → 00:01:52 ค่ะน่าจะเป็นปัญหาในหลายๆบ้านที่เจอหรือ
00:01:52 → 00:01:55 ไม่ได้เงินพอมองตัวเองย้อนไปเป็นเด็กก็มี
00:01:55 → 00:01:58 บ้างนะบางมุมที่อาจจะมีแบบโกหกเพื่อให้
00:01:58 → 00:02:00 รอดจากการดลตี๋
00:02:00 → 00:02:03 แต่ถ้าอย่างนี้บ้างนะคะแต่ก็ไม่ได้โกหกจน
00:02:03 → 00:02:06 กลายเป็นเรื่องของนิสัยค่ะอ่าแต่ประเด็น
00:02:06 → 00:02:08 ที่ไปเจอมาเรื่องราวเนี่ยเขาก็มีการแชร์
00:02:08 → 00:02:10 ประสบการณ์ใน Facebook ที่เจอนะครับเพราะ
00:02:10 → 00:02:14 ว่าลูกน่ะคือพยายามที่จะโกหกอยู่ตลอดเวลา
00:02:14 → 00:02:17 เลยอะระยะหนึ่งก็จะโกหกเพราะว่าเขาอาจจะ
00:02:17 → 00:02:20 กลัวเรื่องการถูกลงโทษอะไรหรือเปล่าแต่
00:02:20 → 00:02:22 ว่าในมุมนึงเนี่ยคุณพ่อคุณแม่เขารู้สึก
00:02:22 → 00:02:26 ว่าเขาก็ไม่รู้ที่จะทำยังไงดีให้ลูกเนี่ย
00:02:26 → 00:02:29 แบบพูดความจริงมากกว่าที่จะเป็นเรื่องที่
00:02:29 → 00:02:32 จะโกหกก่อนนี้ค่ะค่ะนะคะก็เป็นปัญหา
00:02:32 → 00:02:35 สำหรับคุณพ่อแม่ยุคใหม่เยอะซึ่งจริงๆแล้ว
00:02:35 → 00:02:38 เนี่ยอ้ะพฤติกรรมการโกหกของเด็กในมานี่มา
00:02:38 → 00:02:42 ทุกๆสมัยแรงนะคะแต่ที่บอกว่าเอ๊ะทำไมพูด
00:02:42 → 00:02:45 กันแล้วคุยกันแล้วสอนแล้วสอนอีกไม่ได้ผล
00:02:45 → 00:02:49 สักทีนะฮะถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ได้ผลนะคะก็
00:02:49 → 00:02:52 ต้องตอบว่าสาเหตุสำคัญของการที่ไม่ได้ผล
00:02:52 → 00:02:55 นะเพราะตัวคุณพ่อคุณแม่เองยังไม่เข้าใจใน
00:02:55 → 00:02:58 เรื่องของสาเหตุของการโกหกของเด็กแล้วก็
00:02:58 → 00:03:00 ลักษณะพฤติกรรมของเด็กนะฮะแล้วก็ไม่ทราบ
00:03:00 → 00:03:04 วิธีที่จัดการเมื่อเกิดปัญหาขึ้นนะคะก็
00:03:04 → 00:03:08 มักจะใช้วิธีที่เราเคยคิดว่าดีที่สุดอะไร
00:03:08 → 00:03:11 อย่างนี้แต่ลองมาฟังดูนะคะเรามาฟังดูว่า
00:03:11 → 00:03:14 วันนี้ที่เราจะมาคุยกันเนี่ยนะครับ
00:03:14 → 00:03:18 ก่อนอื่นเนี่ยเราต้องมาเข้าใจก่อนว่าทำไม
00:03:18 → 00:03:22 เด็กถึงโกหกนะคะผู้ใหญ่หรือคุณพ่อแม่คน
00:03:22 → 00:03:24 เลี้ยงดูในต้องเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติ
00:03:24 → 00:03:27 และพัฒนาการของเด็กโดยปกติก่อนนะคะว่า
00:03:27 → 00:03:31 อยากจะขอแบ่งง่ายๆเป็น 2 ช่วงละกันนะคะก็
00:03:31 → 00:03:35 คือเด็กช่วงที่ตั้งแต่เริ่มผู้ได้สื่อสาร
00:03:35 → 00:03:39 ได้จนถึง 6 ขวบนะคะตอนนี้ความพัฒนาของ
00:03:39 → 00:03:41 เด็กในเรื่องของความคิดในมันยังไม่
00:03:41 → 00:03:44 สมบูรณ์นะคะเหมือนคนโตแล้วนะคะเพราะ
00:03:44 → 00:03:47 ฉะนั้นเนี่ยบางทีการกันแกจะแยกแยะสิ่งที่
00:03:47 → 00:03:50 เป็นจริงกับสิ่งที่ไม่จริงเนี่ยออกจากกัน
00:03:50 → 00:03:52 ไม่ได้นะฮะเช่นบางครั้งเรื่องของการฝัน
00:03:52 → 00:03:55 เอามาปนหรือว่าเรื่องของจินตนาการที่เรา
00:03:55 → 00:03:58 เคยพูดว่าเด็กชอบมีจินตนาการเช่นสร้าง
00:03:58 → 00:04:00 เพื่อนหลอกๆขึ้นมาเหรอเนี่ยติดตามกับใคร
00:04:00 → 00:04:03 บางคนก็นึกว่าเห็นผีเห็นอะไรอย่างนี้นะคะ
00:04:03 → 00:04:08 เพราะฉะนั้นตรงเนี้ยเอ่อมันก็ทำจริงๆก็มา
00:04:08 → 00:04:10 จากภาวะของการที่ความคิดของเด็กเนี่ยยัง
00:04:10 → 00:04:14 ไม่พัฒนาดีพอนะคะก็ยังแยกแยะไม่ออกและบาง
00:04:14 → 00:04:16 ครั้งเด็กในช่วงต่ำกว่า 6 ขวบเนี่ยถาม
00:04:16 → 00:04:20 อะไรพ่อแม่ตอบได้หมดเลยถูกไหมคะนั้นเขาจะ
00:04:20 → 00:04:22 มีความรู้สึกว่าพ่อแม่เนี่ยรู้ทุกอย่าง
00:04:22 → 00:04:25 ค่ะไหนลองพูดอย่างนี้ที่พ่อแม่จะรู้ไหมนะ
00:04:25 → 00:04:28 คะอยากจะลองดูว่าแน่ใจไหมว่าฉันพูดอย่าง
00:04:28 → 00:04:32 นี้แล้วพ่อแม่จะแน่แต่จะจัดรู้ไหมในสิ่ง
00:04:32 → 00:04:34 ที่ฉันทำอะไรอย่างนี้นะครับอ่าเราไว้
00:04:34 → 00:04:38 เนี้ยอาจจะพูดไม่จริงหรือพูดเกินจริงบ้าง
00:04:38 → 00:04:41 เนี่ยคุณแม่อย่าเพิ่งไปตำหนิหรือไปกังวล
00:04:41 → 00:04:43 จังเกินไปนะคะเพราะบางทีเด็กอย่างที่บอก
00:04:43 → 00:04:46 ว่าเด็กแยกไม่ออกว่าอะไรคือความฝันอะไร
00:04:46 → 00:04:49 คือจินตนาการอะไรคือความรู้สึกนึกคิดนะคะ
00:04:49 → 00:04:53 ก็ควรจะรับฟังแล้วแก้ไขเมื่อความเข้าใจนะ
00:04:53 → 00:04:58 คะยกตัวอย่างเช่นสมมติว่าเด็กพูดถึงอะแม่
00:04:58 → 00:05:02 เนี่ยหนูดูถ้าชอบโกแลตเยอะแยะเลยในตูดมิด
00:05:02 → 00:05:04 ช็อกโกแลตอยู่ข้างเตียงหนูเยอะแยะเลยอะไร
00:05:04 → 00:05:07 เงี้ยบางครั้งมันอาจจะแปลว่าเด็กอยากจะ
00:05:07 → 00:05:10 ให้พ่อแม่ซื้อช็อกโกแลตให้ก็ได้อ๋อเดี๋ยว
00:05:10 → 00:05:12 ก็เอาไว้ข้างล่างหรือ 3 ข้อสื่อสารก็จะ
00:05:13 → 00:05:14 สื่อสารไปอีกแบบหนึ่งหรือว่าเขาอยากจะไป
00:05:14 → 00:05:17 เที่ยวไหนเนี่ยเขาก็จะบอกว่าเนี่ยหนูได้
00:05:17 → 00:05:20 ไปเที่ยวนั่นไปเที่ยวนี่หนูเจอนั่น
00:05:20 → 00:05:22 Journey อะไรไงซึ่งเขาอาจจะเห็นจากใน
00:05:22 → 00:05:26 ทีวีอาจจะจากในโทรศัพท์หรืออะไรก็แล้วแต่
00:05:26 → 00:05:29 นะคะคะแล้วก็มาพูดคือยังแยกแยะไม่ได้
00:05:29 → 00:05:32 เพราะฉะนั้นนี่คือเด็กผ่อนก่อน 6 ขวบนะคะ
00:05:32 → 00:05:35 ที่นี่ต่อมาในช่วงของ 6 ขวบไปแล้วเนี่ย
00:05:35 → 00:05:39 อ่าพัฒนาการด้านความคิดจะเริ่มดีขึ้นและ
00:05:39 → 00:05:42 เด็กจะแยกแยะความเป็นจริงได้และแต่เด็ก
00:05:42 → 00:05:45 โกหกจะมีสาเหตุหลักๆอยู่ 3 3 สาเหตุด้วย
00:05:45 → 00:05:50 กันนะคะอันที่ 1 ก็คือโกหกเพราะว่านี้จาก
00:05:50 → 00:05:54 สิ่งที่ไม่ต้องการนะฮะแล้วก็กลัวจะถูกทำ
00:05:54 → 00:05:57 โทษนะคะเช่นไม่อยากไปโรงเรียนอย่างเงี้ย
00:05:57 → 00:06:02 นะคะคือครูดุมากถ้าเธอเจอเดี๋ยวว่าคุณครู
00:06:02 → 00:06:05 ด้วยเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กเนี่ยกลัวโรง
00:06:05 → 00:06:07 เรียนไปเลยหรืออะไรอย่างนี้นะคะหรือไปได้
00:06:07 → 00:06:10 ประสบการณ์เช่นครูตีเพื่อนหรือครูดุ
00:06:10 → 00:06:13 เพื่อนแรงอะไรอย่างเนี่ยนะฮ่าๆวันนั้น
00:06:13 → 00:06:16 พฤติกรรมเหล่านี้นะคะเป็นพฤติกรรมที่ที่
00:06:16 → 00:06:18 อาจจะเกิดขึ้นเช่นการขโมยเงินนะคะเช่น
00:06:18 → 00:06:22 เด็กอ่ะรู้ว่าเงินมันเป็นชื่อขนมได้ละ 6
00:06:22 → 00:06:25 ขวบเนี่ยเห็นแม่วางไว้มันล่อตาล่อใจก็
00:06:25 → 00:06:27 หยิบใส่กระเป๋าซะหน่อยอะไรอย่างนี้นะคะ
00:06:27 → 00:06:31 ซึ่งในที่จริงไม่ได้มีขอโทษนะคะสันดาน
00:06:31 → 00:06:33 เป็นขโมยอะไรอย่างเงี้ยแต่มันเป็นความรู้
00:06:33 → 00:06:36 สึกอยากได้นะคะหรือกรณีเด็กหนีโรงเรียน
00:06:36 → 00:06:39 หรือไปคบเพื่อนหรือทำกิจกรรมที่มันไม่ดี
00:06:39 → 00:06:41 ไม่งามทั้งหลายนะคะชวนกันนะพลังเพื่อน
00:06:41 → 00:06:44 เนี่ยบางทีมันก็ชั่วไปในดังที่นอกลู่นอก
00:06:44 → 00:06:47 ทางนะคะพ่อแม่อาจจับได้หรือไม่ได้ก็แล้ว
00:06:47 → 00:06:51 แต่นะคะมันก็เลยทำให้เด็กเนี่ยรู้สิ่ง
00:06:51 → 00:06:55 เหล่านี้มันไม่ดีเขาจึงหาเหตุผลมาโกหกนะ
00:06:55 → 00:06:59 คะเพื่อให้นี้จากสิ่งเหล่านี้แล้วก็มีการ
00:06:59 → 00:07:02 ถูกลงโทษด้วยตัวอย่างนี้เป็นต้นนะฮะวัน
00:07:02 → 00:07:04 นั้นถ้าเกิดพ่อแม่ไม่เข้าใจแล้วไปลงโทษ
00:07:04 → 00:07:07 หรือตำหนิอย่างรุนแรงในนะคะมันก็ยิ่งส่ง
00:07:07 → 00:07:09 เสริมให้พฤติกรรมเหล่านั้นมันเกิดรุนแรง
00:07:09 → 00:07:12 มากขึ้นเรื่อยๆหรือโกหกเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ
00:07:12 → 00:07:15 นะคะเด็กจะแทนที่จะเรียนรู้ว่าโกหกไม่ดี
00:07:15 → 00:07:17 อาจจะเรียนรู้ว่าเออโกหกคราวหน้าต้องแนบ
00:07:17 → 00:07:21 เรียนกว่านี้อันนี้นะคะวันนั้นเด็กก็เอ่อ
00:07:21 → 00:07:24 ยิ่งถ้าเราไปตรงโทษรุนแรงมากเท่าไหร่
00:07:24 → 00:07:27 เดี๋ยวเด็กก็จะยิ่งถี่ตัวออกจากครอบครัว
00:07:27 → 00:07:30 มากเท่านั้นคืนนี้ออกจากพ่อแม่หรือว่าทาง
00:07:30 → 00:07:33 ออกจากพ่อแม่มากขึ้นเรื่อยๆนะคะค่ะนี่เรา
00:07:33 → 00:07:37 มาดูสาเหตุที่ 2 นะฮะโกหกเพื่อให้ได้สิ่ง
00:07:37 → 00:07:39 ที่เขาต้องการเมื่อกี้นี้จะสิ่งที่ไม่
00:07:39 → 00:07:41 ต้องการใช่ไหมคะตอนนี้เพื่อให้ได้สิ่งที่
00:07:41 → 00:07:43 ต้องการเช่น
00:07:43 → 00:07:46 สมุดเด็กเบื่อหรือว่าอยู่คนเดียวถูกทิ้ง
00:07:46 → 00:07:48 ให้อยู่คนเดียวไรก็ตามในมันทีเค้าอาจจะ
00:07:48 → 00:07:50 สร้างเรื่องที่น่าตื่นเต้นขึ้นมาให้พ่อ
00:07:50 → 00:07:53 แม่สนใจทั้งนะคะถ้ามันนี่หน่อยก็ไม่เท่า
00:07:53 → 00:07:56 ไหร่ไอ้เด็กบางคนถึงขั้นบอกว่าแม้ถูกลัก
00:07:56 → 00:07:59 พาตัวไปถึงต่างแล้วเนี่ยใช่ไหมคะถ้าน้ำ
00:07:59 → 00:08:02 มันก็ทำให้ไม่รู้สึกแย่นะฮะแต่ที่พบโดย
00:08:02 → 00:08:05 ทั่วไปในมักจะบอกว่าปวดหัวไม่สบายไม่อยาก
00:08:05 → 00:08:11 ไปโรงเรียนนะคะอ่าไม่บางคนก็บอกมีอาการ
00:08:11 → 00:08:13 อย่างนี้เพราะว่าอยากได้ค่าจ้างในการไป
00:08:13 → 00:08:15 โรงเรียนไหนมากขึ้นคือพ่อแม่บางคนใช้เงิน
00:08:15 → 00:08:18 ไงคะก็คือจ้างลูกไปโรงเรียนจังลูกไปอะไร
00:08:18 → 00:08:21 อย่างนี้นะคะมีลักษณะอย่างนั้นเลยเด็กก็
00:08:21 → 00:08:23 จะสร้างเรื่องบางครั้งก็มีความรู้สึกว่า
00:08:23 → 00:08:27 อยากจะให้ตัวเองดูดีมีความสำคัญนะฮะอยาก
00:08:27 → 00:08:29 ให้พ่อแม่ชื่นชมก็อาจจะโกหกอย่างนั้น
00:08:29 → 00:08:32 อย่างนี้อย่างที่คิดว่าพ่อแม่จะชื่นชมนะ
00:08:32 → 00:08:36 คะค่ะมาสาเหตุที่ 3 ก็คือเด็กในมีความ
00:08:36 → 00:08:39 ปกติทางด้านจิตเวชนะฮะอันนี้ก็อาจจะเป็น
00:08:39 → 00:08:43 ในเรื่องของสติปัญญานะคะแล้วเราจะผมเพราะ
00:08:43 → 00:08:46 ว่ามันมีปัญหาทางด้านสติปัญญาของเด็กใน
00:08:46 → 00:08:49 อีกหลายตัวที่เราค้นพบใหม่ๆนะฮะเช่นพวก
00:08:49 → 00:08:52 ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้เรื่องนั้น
00:08:52 → 00:08:55 เรื่องนี้เช่นบางคนเรื่องภาษาบางคนเรื่อง
00:08:55 → 00:08:57 คณิตศาสตร์บางคนเรื่องอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:08:57 → 00:09:00 แต่ที่จะลำบากที่สุดคือในเรื่องของการ
00:09:00 → 00:09:04 ป่วยทางจิตนะคะที่เด็กชอบแบบพูดตามความ
00:09:04 → 00:09:07 คิดที่เกิดขึ้นในโลกจินตนาการของเขาเลยใน
00:09:07 → 00:09:09 โลกส่วนตัวของเขาเนี่ยนะฮะซึ่งอันนี้มัน
00:09:09 → 00:09:12 ก็อาจจะบางส่วนมาจากสาเหตุของการที่สติ
00:09:12 → 00:09:17 ปัญญาบกพร่องอย่างที่บอกมานะคะรวมทั้งบาง
00:09:17 → 00:09:20 ครั้งในเด็กมีอาการซึมเศร้าเนี่ยนะคะเด็ก
00:09:20 → 00:09:23 อาจจะไม่ได้แสดงออกทางอารมณ์นะคะจะไปแสดง
00:09:23 → 00:09:26 ออกทางพฤติกรรมนะคะซึ่งพ่อแม่บางคนไม่
00:09:26 → 00:09:28 ทราบนะอย่างเช่นเด็กหนีโรงเรียนโกหกลัก
00:09:28 → 00:09:32 ขโมยเนี่ยเป็นอาการนึงของซึมเศร้าได้
00:09:32 → 00:09:36 เหมือนกันนะคะค่ะมันจะเกี่ยวโยงกันนะคะ
00:09:36 → 00:09:38 อันนี้ถ้ามาอธิบายคงต้องใช้เวลาเป็นวันนะ
00:09:38 → 00:09:41 คะเพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยให้พอเข้าใจก่อน
00:09:41 → 00:09:43 ละกันนะพื้นฐานได้เป็นอย่างนี้แล้วเป็นไป
00:09:43 → 00:09:47 ด้านใช่นั้นนะฮะที่นี่ถ้าเรามาดูแนววิธี
00:09:47 → 00:09:51 การป้องกันหรือแก้ไขกันนะคะโดยสรุปเนี่ย
00:09:51 → 00:09:55 อ่าคัดมาให้และ 6 ประเด็นด้วยกันนะคะที่
00:09:55 → 00:09:58 คุณพ่อคุณแม่น่าจะทำได้นะคะก็คืออันแรก
00:09:58 → 00:10:01 ค่ะเริ่มต้นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ
00:10:01 → 00:10:04 ลูกอยู่เสมอตั้งแต่เล็กเลยนะคะนั่นก็คือ
00:10:04 → 00:10:06 ว่าถ้าเด็กได้มีความมั่นใจในความรักของ
00:10:06 → 00:10:10 พ่อแม่และความหวังดีของพ่อแม่นะคะเด็กก็
00:10:10 → 00:10:13 จะมีความรู้สึกว่าเวลาที่เราทำผิดหรือทำ
00:10:13 → 00:10:15 ไม่ดีลงไปเนี่ยเค้าจะกล้าปรึกษาพ่อแม่
00:10:15 → 00:10:18 หรือกล้าจะพูดความจริงถ้าได้กล่าวไว้ 5
00:10:18 → 00:10:21 กล้าที่จะพูดความจริงเช่นก็ทำอะไรแตก
00:10:21 → 00:10:24 เนี้ยนะคะพอให้เห็นแล้วปี๊ดขึ้นมาก่อนเลย
00:10:24 → 00:10:26 อะไรเงี้ยมันก็ยิ่งทำให้เด็กไม่กล้าพูด
00:10:26 → 00:10:30 แต่ด้านเสียงแตกแป้งอะไรนะคะแล้วพ่อแม่
00:10:30 → 00:10:34 ไม่ได้ดูหรือว่าเขาตะคอกแรงๆแค่บอกว่าอาบ
00:10:34 → 00:10:38 ลูกแก้วแตกลูกระวังลูกมันจะตามาแม่จะสอน
00:10:38 → 00:10:40 นะหนูต้องทำอย่างนี้อย่างนี้นะมันแต่ก็
00:10:40 → 00:10:43 ต้องเก็บมันต้องระวังมันบาทนะลูกอะไร
00:10:43 → 00:10:45 อย่างเงี้ยแต่คราวหน้าหนูก็ต้องระวังอีก
00:10:45 → 00:10:48 นะอะไรอย่างนี้นะคะหูแต่ว่าฉะนั้นตรงนี้
00:10:48 → 00:10:51 มันก็เลยทำให้ให้เด็กเนี่ยเกิดความไว้วาง
00:10:51 → 00:10:54 ใจพ่อแม่ว่าเออไม่เป็นไรนี่พ่อแม่ไม่ได้
00:10:54 → 00:10:56 ดูอย่างที่ฉันคิดเพื่อนั้นฉันจะกล้าพูด
00:10:56 → 00:11:00 ทุกครั้งที่ทำอะไรแตกไม่ใช่โทษมาทนนท์มี
00:11:00 → 00:11:02 ส่วนนี่นะคะแต่ว่าส่วนใหญ่สถานการณ์ที่
00:11:02 → 00:11:07 น่าจะหลายๆบ้านเป็นก็คืออาจจะโดยคุณพ่อ
00:11:07 → 00:11:09 แม่ไม่ได้มีเวลาเยอะขนาดนั้นใช่แล้วอาจจะ
00:11:09 → 00:11:13 รู้สึกว่าเอ่อมันปรี๊ดขึ้นมามันรู้สึกวัน
00:11:13 → 00:11:16 นั้นอ่ะทำไมเธอนะทำอย่างนี้นั่นก็คือข้อ
00:11:16 → 00:11:19 ที่เราต้องให้คุณพ่อคุณแม่ฝึกนะคะฝึกแล้ว
00:11:19 → 00:11:23 ก็ทำใจไว้นะคะเพราะว่าบางทีเนี่ยเข้าใจ
00:11:23 → 00:11:26 ค่ะภาวะเศรษฐกิจเอยปัญหารอบด้านที่มัน
00:11:26 → 00:11:28 เข้ามาในมันก็ทำให้บีบคั้นอารมณ์ของพ่อ
00:11:28 → 00:11:31 แม่แต่ต้องคำนึงว่าบทบาทหน้าที่ของการ
00:11:31 → 00:11:34 เป็นพ่อแม่มันก็ทำให้เราต้องอดทนต้องฝึก
00:11:34 → 00:11:38 ฝนตนเองด้วยนะคะมันเคยมีอีกมุมนึงค่ะ
00:11:38 → 00:11:41 อาจารย์นะที่เป็นลักษณะมาว่าก็ดุรูปไปละ
00:11:41 → 00:11:44 นะฮะก็ลูกยังอายุไม่มากหรอกค่ะแต่ว่าความ
00:11:44 → 00:11:46 เป็นพ่อเป็นแม่เราก็จะรู้สึกว่าเออมัน
00:11:46 → 00:11:50 สิ่งที่เราทำอาจจะถูกอยู่เสมอนะใช่อ่ะพอ
00:11:50 → 00:11:53 ดูไปแล้วเนี่ยพอไปสักระยะเวลาหนึ่งก็จะ
00:11:53 → 00:11:56 เริ่มรู้สึกว่าคือเขาก็ยังเด็กนั้นยังไม่
00:11:56 → 00:11:59 ประสีประสาก็ยังไม่ได้จะเข้าใจหรือเรียน
00:11:59 → 00:12:02 รู้อะไรก็เพราะเราเนี่ยดุเข้าไปเรียบร้อย
00:12:02 → 00:12:02 แล้ว
00:12:02 → 00:12:06 ก็ต้องมาประสานนะฮะแต่ไม่ใช่ตบหัวแล้วลูบ
00:12:06 → 00:12:08 หลังแบบนั้นนะคะคุณก็หมายความว่าอาจจะ
00:12:08 → 00:12:11 เบี่ยงดูไปแล้วอะไรเงี้ยแต่ว่าเอามาลูกมา
00:12:11 → 00:12:14 ๆเดี๋ยวมาแม่สอนให้ว่าทำยังไงหรือว่าอา
00:12:14 → 00:12:16 ลูกอยู่ข้างๆก่อนเพราะว่าหนูยังเด็กอยู่
00:12:16 → 00:12:19 หนูยังทำไม่ได้เดี๋ยวแม่ทำให้อะไรอย่าง
00:12:19 → 00:12:22 เงี้ยนะคะก็อาจจะพูดได้อะไรได้อย่างนี้
00:12:22 → 00:12:26 ค่ะนะคะถ้าประเด็นที่สองหรือแนวทางที่สอง
00:12:26 → 00:12:30 ก็คือว่าไม่ควรโมโหนะฮะหรือตำหนิในตัวตน
00:12:30 → 00:12:35 ของลูกคำว่าตัวตู้คือหมายความว่าเอ่อผ่าน
00:12:35 → 00:12:37 นะคะทานเอาเรื่องเรื่องนี้มาเกี่ยวข้อง
00:12:37 → 00:12:42 กับลูกเช่นอ้ะอะไรดีล่ะเอ่อคือเวลาเกิด
00:12:42 → 00:12:44 ปัญหาขึ้นในให้พ่อแม่เนี่ยจัดการเฉพาะ
00:12:44 → 00:12:48 พฤติกรรมที่ผิดในตอนนั้นเท่านั้นนะคะแล้ว
00:12:48 → 00:12:51 ก็ก็พูดคุยด้วยการใช้เหตุผลนะคะเพื่อให้
00:12:51 → 00:12:54 ลูกกล้าที่จะยอมรับความจริงนะคะแล้วก็
00:12:54 → 00:12:57 เป็นการที่จะเปิดทางที่ว่าจะแนะนำเข้ายัง
00:12:57 → 00:13:01 ไงต่อไปแต่ไม่ใช่ว่าอ่าอาอ้าแล้วก็ถ้าลูก
00:13:01 → 00:13:04 เนี่ยพูดความจริงนะคะคุณพ่อแม่ก็ควรที่จะ
00:13:04 → 00:13:08 ชื่นชมที่ลูกกล้าสารภาพผิดนะคะอย่างเช่น
00:13:08 → 00:13:11 เสียงเป่งไปแล้วก็บอกหนูทำเองหรืออะไร
00:13:11 → 00:13:14 อย่างนี้นะคะแล้วก็จะบอกว่าโอดีมากเลยลูก
00:13:14 → 00:13:18 ที่ยุคลูกแม่ดีมากเลยนะที่ทำแล้วบอกอะไร
00:13:18 → 00:13:22 อย่างนี้นะครับใช้ภาษาง่ายๆนะคะแล้วก็แนะ
00:13:22 → 00:13:25 นำเข้าควรทำยังไงเช่นที่บอกว่าแก้วแตกใน
00:13:25 → 00:13:27 ข้อควรจะทำยังไงนะคะเพราะว่าถ้าการทำ
00:13:27 → 00:13:31 ตำหนิหรือตราหน้าเช่นไปย้ำนะคะโกหกอีก
00:13:31 → 00:13:35 เล่นสิเลิกโกหกได้และนะคะแล้วก็บอกความ
00:13:35 → 00:13:36 จริงมาเดี๋ยวนี้นะคะ
00:13:36 → 00:13:40 หรือไปว่าเขาในเรื่องอื่นนะคะที่มันเป็น
00:13:40 → 00:13:43 ตัวตนของเขาเช่นเขาอาจจะเป็นเด็กช้าอาจจะ
00:13:43 → 00:13:47 เป็นเด็กตัวดำไม่น่ารักอะไรเนี่ยก็ไปว่า
00:13:47 → 00:13:49 เขาในเรื่องต่างๆเหล่านี้ด้วยนึกออกมั้ย
00:13:49 → 00:13:53 ฮะนะฮะจัดการที่เขากับทำผิดแล้วยังมาหรือ
00:13:53 → 00:13:57 ห้าใช่หามันเหมือนกับว่าเป็นการตำหนิที่
00:13:57 → 00:14:00 ตัวตนของเขาทั้งหมดน่าจะตำหนิในเรื่องของ
00:14:00 → 00:14:03 ก็อ่าเราพูดกันเฉพาะพฤติกรรมที่เขาทำผิด
00:14:03 → 00:14:07 ตอนนี้ไม่ใช่ลากโยงไปอย่างนี้น่ะสิมันถึง
00:14:07 → 00:14:09 ได้อย่างเงี้ยเรียนไม่เก่งเรียนก็ยังไม่
00:14:09 → 00:14:12 เก่งแล้วยังจะซุ่มซ่ามอะนะคะว่าไปโน่น
00:14:12 → 00:14:14 อะไรเนี่ยมันก็ยังทำให้เด็กรู้สึกแย่ลงไป
00:14:14 → 00:14:18 อีกนะคะเพราะฉะนั้นเป็นแนวทางที่ 2 อ่ะก็
00:14:18 → 00:14:20 เหมือนกับที่คุณชุลีพรถามในตอนแรกว่าถ้า
00:14:20 → 00:14:23 เราเผลอหรือเหรอโมโหไปแล้วเนี่ยวันนั้น
00:14:23 → 00:14:26 ต้องท่องไว้ค่ะว่าเราควรจะต้องใจเย็นนะคะ
00:14:26 → 00:14:28 แล้วก็มองเห็นความผิดพลาดมาเป็นเรื่อง
00:14:28 → 00:14:32 ธรรมดาที่แก้ไขได้นะให้ถามตัวเองว่าเราใน
00:14:32 → 00:14:35 เคยทำอะไรแตกไหมในชีวิตนี้เราก็ทำใช่ไหม
00:14:35 → 00:14:38 คะแม้แต่ตอนนี้อายุเยอะแล้วเราก็ยังทำ
00:14:38 → 00:14:40 อยู่นะคะของมันผิดพลาดกันได้อะไรกันได้
00:14:40 → 00:14:43 แล้วของทุกอย่างมันก็สูญสลายได้ในโลกมัน
00:14:43 → 00:14:46 ไม่มีอะไรอยู่ยังเป็นพันๆหมื่นๆปีหรอกหนู
00:14:46 → 00:14:49 ไหมคะจะให้มองในมุมบวกว่าสิ่งเหล่านี้มัน
00:14:49 → 00:14:52 เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ลูกหลานเราเก่ง
00:14:52 → 00:14:56 ขึ้นนะคะยังมีเป็นต้นด้านวิภาอย่างจำได้
00:14:56 → 00:15:00 เลยวันแรกคือหลานคู่เล็กเนี่ย 2 หน้าเด็ก
00:15:00 → 00:15:04 สุดแนวนะคะในหลานและทั้งมวลเนี่ยเอ่อ
00:15:04 → 00:15:09 วันที่จันทร์วิภาเพิร์ธทำแก้วแตกเองที่
00:15:09 → 00:15:12 ว่านะคะแล้วเขาสองคนพี่น้องซึ่งตอนนั้น
00:15:12 → 00:15:15 อยู่แค่ปฐมเขาลุกขึ้นกุลีกุจอไปหยิบผ้า
00:15:15 → 00:15:18 หยิบไม้กวาดมาโดยที่ไม่ต้องให้ป้าเนี่ย
00:15:18 → 00:15:21 ขยับตัวเลยเนี่ยมันรู้สึกปลื้มใจมากเลยนะ
00:15:21 → 00:15:24 ฮ่าๆซึ่งตอนนั้นเขาก็ยังเล็กๆอยู่นะคะไม่
00:15:24 → 00:15:27 ใช่ไม่ใช่เด็กประถมโตๆปฐม 122 อะไรอย่าง
00:15:27 → 00:15:30 นั้นเท่านั้นเองเขาก็ยังทำได้ในสิ่งที่
00:15:30 → 00:15:32 เราเคยสอนเค้าตอนที่เขาเป็นเด็กแล้วก็ทำ
00:15:32 → 00:15:35 อะไรแตกอย่างนี้ค่ะรู้สึกปลื้มมากเลยนะคะ
00:15:35 → 00:15:37 เพราะนั้นถ้าอะไรมันจะแตกจะลูกเราโตขึ้น
00:15:37 → 00:15:40 เรียนรู้อะไรได้มากขึ้นก็เอาเถอะค่ะนะฮะ
00:15:40 → 00:15:43 ประเด็นที่สามนะคะหรือแนวทางที่ 3 ก็คือ
00:15:43 → 00:15:47 ต้องมีความไว้วางใจนะฮะควรมีความไว้วางใจ
00:15:47 → 00:15:50 ไม่ใช่จับผิดหรือระแวงลูกมากเกินไปนะคะ
00:15:50 → 00:15:52 โดยเพราะเด็กที่เริ่มโตและยิ่งเป็นวัย
00:15:52 → 00:15:55 รุ่นนะคะเพราะจะทำให้ลูกรู้สึกเหมือนกับ
00:15:55 → 00:15:58 เป็นนักโทษเช่นสมมติว่าถ้าลูกกลับดึกมา
00:15:58 → 00:16:01 แล้วก็ถามลูกเอ๊ะทำไมกลับดึกจังไปไหน
00:16:01 → 00:16:04 เนี่ยหนูไปกับเพื่อนอะไรเงี้ยคะอ่ะเราก็
00:16:04 → 00:16:06 รับฟังไว้ระดับหนึ่งเพราะมันก็ดึกแล้ว
00:16:06 → 00:16:09 แล้วแล้วในความจริงๆเราเป็นห่วงว่าเค้าจะ
00:16:09 → 00:16:12 หิวมั้ยจันทร์อะไรไหมนะคะไม่ใช่ไปกับ
00:16:12 → 00:16:15 เพื่อนที่คนไหนไปทำอะไรอะไรเนี่ยแล้วก็
00:16:15 → 00:16:20 ย้ำเดิมจริงเหรอทิศนะคะมันก็ยิ่งทำให้รู้
00:16:20 → 00:16:23 สึกว่าเด็กมีความสุขพ่อแม่ไปไว้ใจเพราะนำ
00:16:23 → 00:16:25 มาที่บางทีเขาอยากจะบอกความจริงเนี่ยโกหก
00:16:25 → 00:16:29 ดีกว่าแล้วก็มั้ยคะเรื่องจะได้จบๆไม่ต้อง
00:16:29 → 00:16:31 ถามไม่ต้องถามไม่ต้องซักมากอะไรอย่างนี้
00:16:31 → 00:16:34 ซึ่งบางทีมันก็มีประเด็นของเด็กที่เขามี
00:16:34 → 00:16:37 อะไรบางอย่างในเรื่องของศักดิ์ศรีของวัย
00:16:37 → 00:16:39 รุ่นแล้วให้เขาเนี่ยนะคะหลายอย่างเพราะ
00:16:39 → 00:16:43 ฉะนั้นเนี่ยพ่อแม่ควรจะไม่ต้องซักถามมาก
00:16:43 → 00:16:46 ในบางกรณีนะคะให้เกิดความเชื่อใจว่าเขา
00:16:46 → 00:16:48 พูดอะไรมาแล้วก็ชื่อไว้ก่อนหรือว่าอะไร
00:16:48 → 00:16:51 ไว้ก่อนนะคะเพื่อหลบหลีกไม่ให้เกิดเพราะ
00:16:51 → 00:16:54 การที่เด็กต้องการหลบหลีกจากการซักของเรา
00:16:54 → 00:16:57 เนี่ยบางทีเค้าทำให้เค้าโกหกได้อะไรแบบ
00:16:57 → 00:16:59 นี้ถ้าเกิดว่าครั้งหน้าเนี่ยก็เขาใช้วิธี
00:16:59 → 00:17:02 แบบนี้อย่าเข้าคุณแม่ถามอีกอ่ะค่ะตาอาจจะ
00:17:02 → 00:17:06 ก็อาจจะใช้ตอนที่อารมณ์ดีๆอย่างนี้ค่ะคุณ
00:17:06 → 00:17:09 ทวีพรสมมติว่าเด็กกลับมาแล้วมันมีบุคคล
00:17:09 → 00:17:12 อื่นอยู่ด้วยค่ะแล้วก็ไม่หาเราไปซักต่อ
00:17:12 → 00:17:15 หน้าบุคคลอื่นซึ่งเด็กยังไม่อยากพูดแถม
00:17:15 → 00:17:17 พ่อแม่ต้องเข้าใจสถานการณ์ตรงนี้ด้วยดู
00:17:17 → 00:17:20 สิ่งแวดล้อดูสิ่งแวดล้อมดูอะไรด้วยมันทำ
00:17:20 → 00:17:23 ให้เขาเนี่ยบางทีก็ต้องโกหกอ่ะเพราะเขา
00:17:23 → 00:17:25 ไม่อยากให้บุคคลที่สามที่ยืนอยู่ด้วย
00:17:25 → 00:17:28 เนี่ยเรารู้ฮะแต่พอเราอยู่กันแล้วมองตา
00:17:28 → 00:17:31 กันเนี่ยบางทีพ่อแม่ลูกเรารู้แล้วว่ามี
00:17:31 → 00:17:33 อะไรเขาขึ้นห้องแล้วอะไรแล้วไปอาบน้ำ
00:17:33 → 00:17:36 เปลี่ยนเสื้อกินข้าวดีๆและมาพูดกันดีๆก็
00:17:36 → 00:17:39 ได้ค่ะนาๆอะไรอย่างนี้ค่ะไม่ต้องจังหวะ
00:17:39 → 00:17:42 เวลาไม่ใช่เพียงครึ่งๆไปเลยก็หาว่าพอใช้
00:17:42 → 00:17:45 วิธีนี้อุ้ยใช้วิธีนี้ได้ผลเว้ยพ่อกับแม่
00:17:45 → 00:17:48 ไม่ถามเยอะฉันก็จะอย่างเงี้ยต่างอ่าหน้า
00:17:48 → 00:17:50 เด็กก็จะเกิดการเรียนรู้ถูกไหมคะเพราะ
00:17:50 → 00:17:53 ฉะนั้นมันไม่มีวิธีการนำมันไม่มีอะไรที่
00:17:53 → 00:17:56 เป๊ะๆ 1 2 3 4 ใช่ไหมคะคุณจรีพรเพราะ
00:17:56 → 00:17:58 เด็กแต่ละคนก็ต่างกันครอบครัวแต่ละ
00:17:58 → 00:18:02 ครอบครัวก็แตกต่างมีอะไรอย่างนี้ค่ะนะคะ
00:18:02 → 00:18:05 เพราะฉะนั้นเนี่ยพอเด็กเชื่อใจเอาหลักก็
00:18:05 → 00:18:07 คือบอกว่าในประเด็นที่สามในการสร้างความ
00:18:07 → 00:18:10 เชื่อใจในเผด็กเชื่อใจในเด็กก็จะเล่าความ
00:18:10 → 00:18:12 จริงให้เราฟังได้เพราะรู้ว่าพ่อแม่รับได้
00:18:12 → 00:18:17 นะฮะวันนั้นประโยคที่เป็นประโยคจะพาขอใช้
00:18:17 → 00:18:21 คำว่าคีย์เวิร์ดเลยนะที่ทำให้ทำให้มัน
00:18:21 → 00:18:23 คลี่คลายอะไรต่างๆเนี่ยคือประโยคที่พ่อ
00:18:23 → 00:18:27 แม่ควรจะพูดก็คือมีปัญหาอะไรปรึกษากับพ่อ
00:18:27 → 00:18:31 แม่ได้นะลูกแล้วก็แล้วเรามาช่วยกันนึกออก
00:18:31 → 00:18:34 มั้ยคะเรามาช่วยกันแก้ไขแต่อย่าหวังว่า
00:18:34 → 00:18:36 พูดปั๊บเด็กจะเล่าปุ๊บนะคะเพราะอาจจะหยุด
00:18:36 → 00:18:39 คิดสักนิดนึงหรือว่าอะไรอย่างนี้นะฮะแต่
00:18:39 → 00:18:41 ว่าให้ให้ย้ำว่าประโยคนี้ไม่ใช่แค่คำพูด
00:18:41 → 00:18:44 ที่ออกมาจากปากคุณพ่อคุณแม่แต่คุณว่าแม่
00:18:44 → 00:18:46 ต้องมีพฤติกรรมที่ให้เห็นว่าประโยคเนี่ย
00:18:46 → 00:18:50 มันเป็นความจริงโอ้โหไม่ใช่ว่าแค่พูดเฉยๆ
00:18:50 → 00:18:53 ฮะก็ทำเฉยๆหลายได้
00:18:53 → 00:18:57 อ่านเด็กจะเรียนรู้จากพฤติกรรมของพ่อแม่
00:18:57 → 00:19:00 มากกว่าคำพูดที่พ่อแม่พูดต่างจะทำสำที่
00:19:00 → 00:19:03 สำคัญกว่านะพอนะต้องย้ำว่าไม่ใช่พอถึง
00:19:03 → 00:19:06 เวลาแล้วบอกมีปัญหาอะไรปรึกษากันได้แต่
00:19:06 → 00:19:09 เราไม่ฟังปัญหาลูกเลยไม่มีเวลาให้ลูกเลย
00:19:09 → 00:19:11 หรือว่าพอลูกพูดปัญหาขึ้นมาก็โกรธใช่แล้ว
00:19:11 → 00:19:14 เพียงเพียงเพียงพอแล้วไหนบอกว่าจะช่วยกัน
00:19:14 → 00:19:18 แก้ไงใช่ไหมคะอะไรอย่างเงี้ยพอเด็กอ้ะโดย
00:19:18 → 00:19:20 เฉพาะวัยรุ่นในค่ะเขาจะลองใจเราเยอะคุณ
00:19:20 → 00:19:22 สุรีย์พรจะได้พาเองเนี่ยไม่มีรูปเป็นของ
00:19:22 → 00:19:25 ตัวเองนะแต่ก็มีลูกศิษย์ที่โดนลูกศิษย์
00:19:25 → 00:19:28 ลองใจมาเยอะมากตลอด 40 กว่าปีของชีวิต
00:19:28 → 00:19:32 ความเป็นครูเนี่ยมานะคะแล้วนะเขาเค้าจะ
00:19:32 → 00:19:35 เชื่อใจเราแล้วเขาก็จะเชื่อใจเราจริงๆนะ
00:19:35 → 00:19:39 ให้เชื่อใจก่อนใช่อ่ะต้องต้องต้องใช้เวลา
00:19:39 → 00:19:42 และก็พิสูจน์ตัวเราเองด้วยกับเด็กๆด้วยนะ
00:19:42 → 00:19:44 คะซึ่งจริงๆแล้วครับจริงๆผู้ใหญ่ก็
00:19:44 → 00:19:47 เหนื่อยเหนื่อยค่ะมันไม่ได้มันไม่ได้สบาย
00:19:47 → 00:19:50 หรอกแต่ว่าถ้าเรามีความตั้งใจว่าเราจะ
00:19:50 → 00:19:53 ช่วยแก้ปัญหานะฮะแล้ววันที่จะมีภาคภูมิใจ
00:19:53 → 00:19:56 ก็เห็นลูกศิษย์ที่มีปัญหาทั้งหลายในมา
00:19:56 → 00:19:59 เรียนจบมันสร้างครอบครัวอะไรต่างเนี้ยมัน
00:19:59 → 00:20:01 ก็ทำให้เราก็มีความสุขมากเลยแล้วคิดดูซิ
00:20:01 → 00:20:04 ว่าพ่อแม่ซึ่งลูกของตัวเองแท้ๆมันจะมี
00:20:04 → 00:20:08 ความสุขขนาดไหนจะนะคะอย่างแนวทางต่อไปนะ
00:20:08 → 00:20:11 คะก็คือหลีกเลี่ยงการลงโทษที่รุนแรงเมื่อ
00:20:11 → 00:20:16 ลูกทำผิดหรือจับโกหกได้นะฮะก็คือว่าเพราะ
00:20:16 → 00:20:19 ว่าการลงโทษแน่หามันเป็นการแก้ไขปัญหาที่
00:20:19 → 00:20:22 ปลายเหตุนะคะแต่เราควรจะพูดจาเพื่อทำความ
00:20:23 → 00:20:27 เข้าใจด้วยเหตุผลบางประการนะคะซึ่งบวกกับ
00:20:27 → 00:20:30 พ่อแม่นะฮะต้องมีอารมณ์ที่สงบแล้วก็รับ
00:20:30 → 00:20:33 ฟังลูกอย่างจริงใจนะคะไม่ใช่ว่าพูดมาพูด
00:20:33 → 00:20:36 มาก็รับไม่ได้อะไรอย่างนี้ต้องต้องท่อง
00:20:36 → 00:20:38 อยู่ตัวเองเอาไว้เรื่อยๆอยู่ก็วัยรุ่น
00:20:38 → 00:20:40 เนี่ยต้องระวังเยอะค่ะอันนี้จริงไม่พูดมา
00:20:40 → 00:20:44 แบบปุ๊บไอ้ห่านะฮะก็นะไม่ว่าจะเป็นท่าทาง
00:20:44 → 00:20:47 สีหน้าน้ำเสียงของพ่อแม่ในการรับฟังเนี่ย
00:20:47 → 00:20:50 สำคัญมากนะคะเพราะวัยรุ่นเยอะมากเลยที่
00:20:50 → 00:20:53 บอกจะได้พาบอกว่าสิ่งที่ต้องการคืออยาก
00:20:53 → 00:20:56 ให้พ่อแม่ฟังเขาบ้างไม่ใช่เอาแต่สอนสอน
00:20:56 → 00:21:00 สอนสอนสอนสอนสอนหรือบอกว่าอะไรผิดอะไรถูก
00:21:00 → 00:21:03 นี้นะคะเข้ามักคนเป็นครูก็เหมือนกันค่ะ
00:21:03 → 00:21:05 คุณศิริภรณ์คนเป็นครูที่เห็นหน้าแป๊บสอน
00:21:05 → 00:21:07 ก่อนเลยยังไม่ฟังเลยว่าเด็กเขาทำเพื่อ
00:21:07 → 00:21:10 อะไรก็ไม่เห็นผลอะไรนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:21:10 → 00:21:14 เอ่อถ้าเราไม่ปรับตรงนี้ให้ดีนะคะเด็กก็
00:21:14 → 00:21:18 จะยิ่งออกจากเราไปเรื่อยๆค่ะนั้นก็จะยิ่ง
00:21:18 → 00:21:21 ออกห่างจากเราไปเรื่อยๆเลยนะคะจะเหตุผลมา
00:21:21 → 00:21:24 เยอะมากๆเด็กก็ไม่ได้รับน้องชายหาเขาจะมี
00:21:24 → 00:21:28 กลไกปกป้องตัวเองนะคะนะคะประเด็นที่ 5
00:21:28 → 00:21:32 ค่ะก็เป็นแบบอย่างที่ดีตรงนี้สำคัญมากนะ
00:21:32 → 00:21:34 ถ้าคุณไม่อยากให้ลูกโกหกก็อย่าโกหกให้ลูก
00:21:34 → 00:21:37 เห็นนะคะบางทีเนี่ยอย่างเช่นหรือว่ารับ
00:21:37 → 00:21:40 โทรศัพท์ลูกเล็กๆอยู่เนี่ยนะคะเพราะลูก
00:21:40 → 00:21:43 รับโทรศัพท์นี่ถ้าเป็นที่นี่โทรมาบอกพ่อ
00:21:43 → 00:21:46 ไม่อยู่นะอะไรอย่างเงี้ยแล้วทำไมพ่ออยู่
00:21:46 → 00:21:48 นี่นะอะไรเนี่ยนะคะเพราะว่าฉะนั้นตรง
00:21:48 → 00:21:51 เนี้ยบางครั้งจำเป็นจริงค่ะในเรื่องของ
00:21:51 → 00:21:54 การโกหกเพื่อมารยาทแต่เราต้องหาโอกาส
00:21:54 → 00:21:57 อธิบายให้เด็กฟังเมื่อมีเวลานะ 5 ยกตัว
00:21:57 → 00:22:02 อย่างเช่นสมมติว่าอ่าถ้าเราเราไม่ไปกับ
00:22:02 → 00:22:06 อันนี้นะฮะแล้วก็อาจจะบอกเด็กว่า
00:22:06 → 00:22:10 ลูกพ่อรู้นะว่ามันไม่ดีนะที่พ่อโกหกคุณ
00:22:10 → 00:22:13 ป้าเค้าว่าพ่อไม่ว่างไปกับคุณป้าน่ะเพราะ
00:22:13 → 00:22:15 ว่าเมื่อเพื่อไม่ให้ถ้าคุณป้ารู้ว่าพ่อ
00:22:15 → 00:22:18 เลือกที่จะไปเที่ยวกับลูกแทนไปธุระให้คุณ
00:22:18 → 00:22:22 ป้าคุณป้าก็ต้องเสียใจใช่ไหมลูกนะพ่อก็
00:22:22 → 00:22:25 ไม่อยากให้คุณป้าเสียใจพ่อก็จำเป็นต้อง
00:22:25 → 00:22:29 โกหกแต่ว่าโกหกเพื่อความหวังดีต่อคุณป้า
00:22:29 → 00:22:32 ในความรู้สึกของคุณป้าแต่มันก็ไม่ดีนัก
00:22:32 → 00:22:35 หรอกนะลูกแต่ว่าพ่อจำเป็นอะไรอย่างนี้ก็
00:22:35 → 00:22:39 อธิบายให้ลูกฟังนะคะแต่ว่าไม่ใช่ว่าทำให้
00:22:39 → 00:22:42 เห็นแล้วไม่อธิบายนึกออกมั้ยฮะเฮ้ยหลบ
00:22:42 → 00:22:45 หลายคนก็จะบอกว่าเฮ้ยทำไมต้องมานั่ง
00:22:45 → 00:22:48 อธิบายด้วยอ่าไม่งั้นเด็กก็จะตีความเอา
00:22:48 → 00:22:50 เองแล้วก็คิดว่าการโกหกไม่เป็นเรื่อง
00:22:50 → 00:22:53 ธรรมดามันเป็นก็ได้ไหมคำว่าคำอธิบายก็คือ
00:22:53 → 00:22:56 คำโกหกอีกเหมือนกันมันก็อาจจะเป็นไปได้
00:22:56 → 00:23:00 แค่แต่ว่าเธออย่าไปดูถูกภูมิปัญญาเด็กนี้
00:23:00 → 00:23:03 นะคะเด็กเค้ามีความคิดพอที่จะเข้าใจอะไร
00:23:03 → 00:23:08 อย่างนี้ค่ะฮ่าๆพี่ก็เคยมีปัญหาที่บ้าน
00:23:08 → 00:23:10 ตัวอย่างที่บ้านเหมือนกันน่ะนะคะที่ที่
00:23:10 → 00:23:13 เราต้องอธิบายให้ให้หลานฟังหน่อยว่าทำไม
00:23:13 → 00:23:15 พ่อแม่ต้องโกหกอะไรอย่างนี้นะคะเพื่อความ
00:23:15 → 00:23:18 เข้าใจอ่ะมาประเด็นสุดท้ายนะคะก็คือแนว
00:23:18 → 00:23:22 ทางที่ 6 ให้พยายามสังเกตค่ะนะฮะว่าลูกใน
00:23:22 → 00:23:25 มีอาการผิดปกติทางจิตได้หรือเปล่าอย่าง
00:23:25 → 00:23:27 ที่บอกนะคะว่าการโกหกแน่มันก็มีผลใน
00:23:27 → 00:23:32 เรื่องของโรคทางจิตเวชบางโลกนะคะอ่ะเช่น
00:23:32 → 00:23:34 ในเรื่องของภูมิปัญญาบกพร่องหรือเรื่อง
00:23:34 → 00:23:37 โรคซึมเศร้าอะไรพวกนี้นะฮะก็หรือสติปัญญา
00:23:37 → 00:23:40 บกพร่องอาจเด็กอาจจะมีปัญหาเรื่องภาษา
00:23:40 → 00:23:44 เช่นเด็กที่มีปัญหาทางภาษาการคำนวณกันจำ
00:23:44 → 00:23:46 อะไรอย่างนี้นะคะวันนั้นเด็กอาจจะโกหกโดย
00:23:46 → 00:23:50 ไม่ตั้งใจนะหรือโกหกพ่อป่วยก็ได้ซึ่งถ้า
00:23:50 → 00:23:52 เราสังเกตตรงนี้นะคะที่จะช่วยได้ก็คือ
00:23:52 → 00:23:55 ต้องไปพบจิตแพทย์นะคะการไปพบจิตแพทย์
00:23:55 → 00:23:59 เนี่ยเขาจะช่วยวินิจฉัยโรคและให้การรักษา
00:23:59 → 00:24:02 ๆอย่างเหมาะก็ไม่ได้แปลว่าโลกรถลูกเรา
00:24:02 → 00:24:04 เป็นบ้าถ้าต้องเข้าใจตรงนี้ก่อนคนมักจะตี
00:24:04 → 00:24:08 ความผิดๆนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็จะช่วย
00:24:08 → 00:24:10 ให้ลูกเราเนี่ยดีขึ้นหรือมีพืชกรรมที่ดี
00:24:10 → 00:24:13 ขึ้นอะไรก็ตามที่เราตรวจพบตั้งแต่ต้นแรก
00:24:13 → 00:24:15 เริ่มเนี่ยมันดีทั้งนั้นแหละค่ะมันจะมี
00:24:15 → 00:24:19 เวลาในการดูแลนะคะก็นั้นสรุปใจความสำคัญ
00:24:19 → 00:24:23 ก็คือว่าคุณพ่อคุณแม่ในควรจะต้องรับฟัง
00:24:23 → 00:24:26 ลูกอย่างใจเย็นนะคะอย่าตีโพยตีพายในปัญหา
00:24:26 → 00:24:30 ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นก่อนนะฮะเอ่อให้ลูก
00:24:30 → 00:24:33 มีความรู้สึกว่าอบอุ่นนะคะแล้วก็สบายใจ
00:24:33 → 00:24:37 เชื่อใจนะฮะมองว่าพ่อแม่เนี่ยเป็นคนสำคัญ
00:24:37 → 00:24:39 ที่จะอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือเขาได้
00:24:39 → 00:24:42 เสมอเขาก็จะกล้าเปิดเผยความจริงโดยไม่
00:24:42 → 00:24:47 ลำบากใจอะไรนะคะคือเราถ้าเกิดว่าอย่างใน
00:24:47 → 00:24:49 มุมที่บางคน
00:24:49 → 00:24:53 ทำบ่อยๆจนกลายเป็นความเคยชินของเขานะคะ
00:24:53 → 00:24:56 คุณพ่อคุณแม่ควรจะ
00:24:56 → 00:24:59 จะพาไปแนวทางไหนดีอาจจะไปปรึกษาขึ้นมาจะ
00:24:59 → 00:25:02 ปรึกษาค่ะอาจจะไม่ต้องถึงกับจิตแพทย์ก็
00:25:02 → 00:25:05 ได้อาจจะเป็นหน้าจิตหรือยาหรือหรือเจ้า
00:25:05 → 00:25:08 หน้าที่แนะแนวอะไรอย่างนี้เขาก็พอจะให้คำ
00:25:08 → 00:25:10 แนะนำได้นะคะแล้วเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเนี่ย
00:25:10 → 00:25:14 มันมีทางทั้งนอนลายอ่ะค่ะเยอะแยะเลยที่
00:25:14 → 00:25:18 คุณพ่อแม่จะหาความช่วยเหลือได้จากคนอื่นๆ
00:25:18 → 00:25:21 นะคะซึ่งพวกนี้มันต้องใช้เวลาเพราะว่าการ
00:25:21 → 00:25:24 โกหกบางอย่างนำมาซึ่งความสูญเสียได้ 5
00:25:24 → 00:25:27 อยู่นะใครอ่ะพ้นต้องสังเกตกันหน่อยค่ะ
00:25:27 → 00:25:30 เด็ดๆแต่ถ้ามันหนักหนาสาหัสถึงขั้นจะต้อง
00:25:30 → 00:25:34 ให้แพทย์ช่วยเหลือนะคะก็ไปเธอกะงานคะนะคะ
00:25:34 → 00:25:36 อันนี้ก็อย่างน้อยที่สุดแล้วเราก็ได้หา
00:25:36 → 00:25:39 วิธีทางแก้ไขนะคะนี่ก็เป็นแนวทางดีๆที่มา
00:25:39 → 00:25:42 ฝากคุณมาฟังการสำหรับปัญหาเรื่องนี้เกิด
00:25:42 → 00:25:45 ขึ้นก็คงจะได้เข้าใจกันมากขึ้นนะคะวันนี้
00:25:45 → 00:25:48 ขอบคุณอาจารย์นิภาค่ะยินดีค่ะสวัสดีคะเอา
00:25:49 → 00:25:50 หละคะคุณผู้ฟังกันหมดเวลาแล้วนะครับพบกัน
00:25:50 → 00:25:53 ใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย th
00:25:53 → 00:25:55 ถอดค้าเหล่านี้ลาไปก่อนนะคะขอบคุณที่ติด
00:25:55 → 00:25:59 ตามรับฟังสวัสดีค่ะ a s s หอยพีเอสคลาส
00:25:59 → 00:26:02 สัตว์ชนิดหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของชุมชน
00:26:02 → 00:26:04 เมืองคือหนูสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคมาสู่
00:26:04 → 00:26:07 มนุษย์ศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ดร.สถาพร
00:26:07 → 00:26:09 จิตตภัณฑ์ระพงษ์จากมหาวิทยาลัย
00:26:09 → 00:26:13 เกษตรศาสตร์มาบอกให้รู้ครับคือความจริง
00:26:13 → 00:26:15 เนี่ยบริเวณไหนที่มีหนูน่ะสังเกตได้ว่า
00:26:15 → 00:26:20 มันมักจะมีอาหารซึ่งในประเทศไทยเนี่ยจะ
00:26:20 → 00:26:23 ประเภทกินไม่ค่อยเป็นที่ครับคนนั้นอาหาร
00:26:23 → 00:26:26 หนูจะเกลื่อนไปหมดแต่กับคนก็จะเป็นแหล่ง
00:26:26 → 00:26:28 ที่มาว่าถ้าอาหารที่ไหนหนูจะตามมาอยู่
00:26:28 → 00:26:32 อันดับฝันในทุกบ้านนะครับที่มีการจัดการ
00:26:32 → 00:26:34 เขียวเรื่องอาหารทหารคนนั้นสัตว์เดี๋ยว
00:26:34 → 00:26:37 ถ้าไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเนี่ยมันก็จะ
00:26:37 → 00:26:39 เป็นตัวดึงเอาหนูพรุ่งนี้เข้ามาอยู่ใน
00:26:39 → 00:26:42 บ้านเรานะครับซึ่งอันนี้เราก็มักจะพบเป็น
00:26:42 → 00:26:44 ประจำเกือบทุกบ้านนะครับส่วนใหญ่มากก็
00:26:44 → 00:26:47 ต้องมีถ้าเราสังเกตดีๆจะมีหนูที่วิ่งอยู่
00:26:47 → 00:26:48 ตามฝ้า
00:26:48 → 00:26:52 กะหนูอยู่ตามพื้นหน่อยครับพอดีมีความแตก
00:26:52 → 00:26:55 ต่างกันเพราะว่าหนูเนี่ยมันมีเธอตรงให้
00:26:55 → 00:26:58 ปิด 8 หรือสภาพแวดล้อมฉันต้องการเนี่ยแตก
00:26:58 → 00:27:03 ต่างกันนะครับแต่ที่เราตั้งวนนอกจากกังวล
00:27:03 → 00:27:06 โดยตรงก็คือเรื่องโลกนะครับที่ที่อาจจะ
00:27:06 → 00:27:10 เป็นสาเหตุของโรคหลายอย่างมีโรคฉี่หนูโรค
00:27:10 → 00:27:13 เวรละเสียงพวกท่านต้าเวลาเลาสนะครับเอ่อ
00:27:13 → 00:27:15 การโลกนี้ไม่ค่อยมีแล้วนะไอค่อนข้างน้อย
00:27:15 → 00:27:19 แล้วก็ก็หนูเคยเป็นปัจจัยหลักของการนำกา
00:27:19 → 00:27:22 โรคที่ระบาดไปทั่วโลกนะครับซึ่งนั่นก็ทำ
00:27:22 → 00:27:24 ให้คนตายด่วนมากนะครับอ่าที่นี่ประเทศไทย
00:27:24 → 00:27:27 เนี่ยนอกจากนำโลกโดยตรงแล้วนี่อันที่ต้อง
00:27:27 → 00:27:31 ระวังก็คือเรื่องความเสียหายนะครับเพราะ
00:27:31 → 00:27:34 จะพบได้ว่าหนูที่ไหนเนี่ยมันจะเกิดสภาพ
00:27:34 → 00:27:38 ที่ไม่น่าดูนะครับอย่างเช่นสิ่งของต่างๆ
00:27:38 → 00:27:41 เนี่ยหนูจะจัดฟันแท้นะครับมันจะต้องใช้
00:27:41 → 00:27:44 ฟันรับฟันมันตลอดมันก็จะกัดทุกอย่างที่
00:27:44 → 00:27:46 อยู่โดยรอบนะครับใช่การ์ดเพื่อกินอาหาร
00:27:46 → 00:27:49 กัดเพื่อเอาไปสร้างรางหรือกัดอีกอื่นๆนะ
00:27:49 → 00:27:52 ครับที่มันจะต้องจะต้องใช้ใบรับฟันนะครับ
00:27:52 → 00:27:55 ก็ได้เราก็จะเห็นภาพของเอ่อขอมันจะกระดุม
00:27:55 → 00:28:00 แต่ใจอ่ะก็ยังสายไฟเนี่ยตามบ้านเนี่ยอัน
00:28:00 → 00:28:03 หนึ่งที่ต้องระวังก็คือถ้ามีหนูอยู่เนี่ย
00:28:03 → 00:28:06 มันมีโอกาสเดียวกับสายไฟทำให้เกิดไฟช็อต
00:28:06 → 00:28:10 ได้นะครับแล้วทำให้เกิดไฟดับได้ในบางใน
00:28:10 → 00:28:12 บางบ้านนะเพราะถ้าเกิดมีมากๆจริงๆเนี่ย
00:28:12 → 00:28:15 เอ่อหนูเนี่ยเป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่
00:28:15 → 00:28:18 ให้ลูกเร็วหนูตัวเมียตัวนึงเนี่ยจะให้ลูก
00:28:18 → 00:28:22 ได้ตั้งแต่ 30 ถึง 50 ตัวเนื้อต่อปีนะ
00:28:22 → 00:28:26 ครับนู้นจะมีหลายสายพันธุ์ด้วยนะแล้วก็จะ
00:28:26 → 00:28:28 มีขนาดที่แตกต่างกันนะครับที่เอาตัวใหญ่ๆ
00:28:28 → 00:28:31 เนี่ยจะเป็นพวกพันธุ์เล็กน้อยวิจิตรค่า
00:28:31 → 00:28:33 เหนือพวกหนูนอร์เวย์พวกนั้นตัวนะนี่เกือบ
00:28:34 → 00:28:36 ใหญ่จะได้เกือบครึ่งโลเหมือนกันมันยังมี
00:28:36 → 00:28:39 คะเรียกเอ่อหนูท้องขาวได้เป็นตระกูลและ
00:28:39 → 00:28:42 ตันและตั๊ดนะครับหนูระเวนี่คือและ tusno
00:28:42 → 00:28:45 วิธีคลาสนะครับอ่าหนูท้องขาวเนี่ยจะไปหนู
00:28:45 → 00:28:48 และตัดและตัดซึ่งเรามีเป็นประจำอยู่แล้ว
00:28:48 → 00:28:51 นะครับซึ่งขนาดมันก็จะเล็กกว่านิดหน่อย
00:28:51 → 00:28:54 แต่ก็ถ้าตรงนั้นมันเกือบครึ่งโลวันนี้
00:28:54 → 00:28:58 เดี๋ยวสัก 3 ขีดหรือไม่เกินคะฉีดค่ะแต่
00:28:58 → 00:29:00 ว่า size ก็ใกล้ๆกันนะครับบางทีก็ขึ้น
00:29:00 → 00:29:03 อยู่กับอาหารสภาพไปรอมึงเงิน 5 สายเจอ
00:29:03 → 00:29:05 เหมือนๆกันเลยก็ได้นะว่าเป็นตระกูลเดียว
00:29:05 → 00:29:09 กันนะครับแล้วก็เป็นปัญหาต่อคนอยู่โดยรอบ
00:29:09 → 00:29:12 และสภาพแวดล้อมครับ
00:29:12 → 00:29:17 SS ไทยพีบีเอสคาร์ส
00:29:17 → 00:29:20 ที่ตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
00:29:20 → 00:29:24 ของไทยที่บช.ปสคาส spotify soundcloud
00:29:24 → 00:29:28 Google bot Class เปิดคลาสละ YouTube
00:29:28 → 00:29:31 Channel Thai PBS อดคาซท์ชายพีร์
00:29:31 → 00:29:33 เบียร์ path ขาด you the world's
00:29:33 → 00:29:36 เปียโบว์อีกอ่ะ
00:29:36 → 00:29:40 [เพลง]