00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีครับเคยได้ยินไหมครับว่าเวลาที่
00:00:02 → 00:00:05 คนนึงเนี่ยเราตรวจวินิจฉัยความว่าเป็น
00:00:05 → 00:00:08 มะเร็งหรือว่าเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงนะ
00:00:08 → 00:00:10 ครับญาติคนไข้ก็จะบอกว่าจะบอกคนไข้นะ
00:00:10 → 00:00:13 เดี๋ยวเขาทรุดลงนะครับกูชื่อว่าหลายคนคง
00:00:13 → 00:00:16 เคยเจอสถานการณ์คล้ายๆแบบนี้นะครับเช่น
00:00:16 → 00:00:18 ว่าในโรงพยาบาลเองหรือว่าเกิดกับคนที่รู้
00:00:18 → 00:00:22 จักหรือว่าแม้กระทั่งในทีวียังครับที่ออก
00:00:22 → 00:00:25 มาเรื่องของพวกเนี้ยจริงๆตรงนี้นะครับจะ
00:00:25 → 00:00:29 บอกว่ามันมีข้อเสียหลายอย่างนะครับทั้งๆ
00:00:29 → 00:00:31 ทำแบบนั้นแล้วเดี๋ยวผมจะมาเล่ารายละเอียด
00:00:31 → 00:00:34 ให้เลยว่าเวลาเราเจอกับสถานการณ์แบบนี้
00:00:34 → 00:00:37 เนี่ยผมส่วนตัวแล้วทำยังไงนะครับพบกับผม
00:00:37 → 00:00:38 นะครับรายการทะเลธนียวันนะครับเป็น
00:00:38 → 00:00:40 อาจารย์ถ้าอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะ
00:00:40 → 00:00:43 ครับที่ชานกต่อการปลูกถ่ายต่อแล้วเกิด
00:00:43 → 00:00:47 บำบัดนะครับข้อแรกเลยนะครับถ้าเรารู้ข่าว
00:00:47 → 00:00:49 อันหนึ่งซึ่งเป็นข่าวร้ายนะครับแล้วเรา
00:00:49 → 00:00:52 ไม่บอกตัวคนไข้เองสิ่งที่จะเกิดขึ้นนะ
00:00:52 → 00:00:56 ครับเราลองลึกนะครับว่าถ้าเราเป็นคนไข้
00:00:56 → 00:01:00 เองนะเราเป็นอะไรสักอย่างแต่ว่าเราจะก็
00:01:00 → 00:01:03 บอกได้เลยเข้าๆว่าให้มันมีการปิดบังอะไร
00:01:03 → 00:01:06 สักอย่างกันให้เท่ห์ไม่ได้เรารู้หรือ
00:01:06 → 00:01:08 เปล่านะครับตรงนี้เนี่ยก็จะมีหลายๆคน
00:01:08 → 00:01:11 สงสัยภาวะนี้อยู่เหมือนกันหน้าว่าเป็นเขา
00:01:11 → 00:01:14 มาถึงยากเราก็บอกว่าไม่เป็นอะไรเดี๋ยวก็
00:01:14 → 00:01:16 ดีขึ้นเหมาะก็กำลังรักษาอยู่อะไรอย่างนี้
00:01:16 → 00:01:18 ครับแต่เราก็จะสงสัยมากขึ้นทุกวันเรื่อยๆ
00:01:18 → 00:01:20 เพราะว่ามันเหมือนจะไม่ดีขึ้นมันเหมือน
00:01:20 → 00:01:22 ต้องไม่ทำอะไรเพิ่มเติมอะไรอย่างนี้นะ
00:01:22 → 00:01:25 ครับซึ่งถ้าเกิดว่าโรคนั้นเนี่ยที่เขา
00:01:25 → 00:01:27 เป็นน้ำมันเกิดเป็นขั้นสุดท้ายขึ้นมาจริง
00:01:27 → 00:01:30 ๆมันจะน่าเสียดายอย่างนึงนะครับเพราะว่า
00:01:30 → 00:01:33 ถ้าตัวคนไข้ไม่รู้เนี้ยเขาก็ไม่สามารถ
00:01:33 → 00:01:36 เตรียมตัวได้ทุกนะครับมีอะไรที่เขาอยากจะ
00:01:36 → 00:01:41 ทำอยากจะบอกอยากจะเขียนเขาก็ไม่ได้ทำนะฮะ
00:01:41 → 00:01:44 เวลาในชีวิตเขาก็จะหมดไปเรื่อยๆจนถึงสุด
00:01:44 → 00:01:48 ตอนสุดท้ายเนี่ยคือเขายังไม่ได้เติมเต็ม
00:01:48 → 00:01:51 ในสิ่งที่เขาต้องการจะทำเขาก็ไปโดยที่ยัง
00:01:51 → 00:01:53 มีห่วงอยู่นะครับซึ่งตรงนี้ผมมองว่ามันก็
00:01:53 → 00:01:57 ไม่ถูกต้องในฐานะที่เป็นแพทย์ที่ที่เราดู
00:01:57 → 00:02:00 คนไข้นะครับผมแค่ก็ยังมีห่วงพรุ่งนี้ฮะ
00:02:00 → 00:02:03 ซึ่งก็ไม่ดีต่อตัวเขาเองด้วยในการที่เขา
00:02:03 → 00:02:06 จะจากไปโดยที่เขายังไม่สบายใจและในทาง
00:02:06 → 00:02:09 พุทธศาสนาเนี่ยหลายคนคงทราบว่าติดสุดท้าย
00:02:10 → 00:02:12 ในก็เป็นจริงที่เป็นตัวบอกเลยนะครับว่า
00:02:12 → 00:02:15 ต่อไปเนี่ยจะไปเกิดที่ไหนภพภูมิไหนอะไร
00:02:15 → 00:02:17 อย่างนี้เป็นต้นซึ่งผมก็ไม่ลงลึกถึงตรง
00:02:17 → 00:02:19 นั้นแล้วกันนะครับเพราะว่าผมก็ไม่สามารถ
00:02:19 → 00:02:21 พิสูจน์ได้ว่ามีจริงไม่มีจริงนะครับแต่
00:02:21 → 00:02:23 ว่าแน่นอนว่าถ้าจิตใจของเราสภาพมันไม่
00:02:23 → 00:02:26 ค่อยดีไม่ค่อยสบายใจยังมีห่วงยังมีความ
00:02:26 → 00:02:29 กังวลน่าอยู่มันก็ไม่ดีแน่อยู่แล้วนะครับ
00:02:29 → 00:02:31 แล้วก็อาจจะเสียดายด้วยนะครับว่าเอ๊ะเรา
00:02:31 → 00:02:34 ไม่ได้จัดการเรื่องนี้ตั้งแต่แรกมรดกอะไร
00:02:34 → 00:02:37 ก็ไม่ได้แต่งเรื่องนี้อยากจะทำไม่ได้ทำ
00:02:37 → 00:02:39 อะไรครับอยากจะบอกความลับบางอย่างกับลูก
00:02:39 → 00:02:42 หลานให้รับทราบไว้ความรักมันก็ตายไปกับ
00:02:42 → 00:02:44 เราอะไรอย่างนั้นเขาขึ้นเป็นก็ไม่ถูกต้อง
00:02:44 → 00:02:48 นะครับอันที่สองก็คือตัวเขาเนี่ยคนไข้เขา
00:02:48 → 00:02:51 ก็จะสงสัยมากขึ้นด้วยว่าเกิดอะไรกับตัว
00:02:51 → 00:02:54 เขาทำไมญาติถึงปกปิดทำไมถึงไม่บอกทำไมพูด
00:02:54 → 00:02:58 ถึงแปลกๆทำไมหมอถึงเข้ามาแล้วก็พูดกับเขา
00:02:58 → 00:03:00 แป๊บเดียวก็รีบไปเหมือนจะกังวลอาร์สยาม
00:03:00 → 00:03:02 อยู่นะครับซึ่งมันทำให้ตัวคนไข้เนี่ยะมี
00:03:02 → 00:03:04 ปัญหาทั้งนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวคน
00:03:04 → 00:03:08 ไข้เองกับยากกับทุกๆคนที่อยู่รอบๆนะครับ
00:03:08 → 00:03:11 ซึ่งตรงเนี้ยมันค่อนข้างที่จะไม่เหมาะสม
00:03:11 → 00:03:15 นะฮะอ่าแล้วลองคิดดูถ้าเราเป็นคนป่วยแล้ว
00:03:15 → 00:03:17 นอนอยู่บนเตียงเองและเรามีคนมาปิดบังข้อ
00:03:17 → 00:03:21 มูลเราเนี้ยนะฮะถูกมั้ยฮะทุกๆคนคงไม่มี
00:03:21 → 00:03:24 ใครอยากจะโดนปิดบังข้อมูลที่นี่คำถามก็
00:03:24 → 00:03:27 อยู่ที่ว่าละเท่าไหร่จะบอกเนี่ยก็จะบอกคน
00:03:27 → 00:03:31 ไข้ยังไงให้เขาโอเคนะครับไม่ใช่ว่าอยู่
00:03:31 → 00:03:34 หมอนทองหรอกคุณเป็นมะเร็งตายเลยทำอย่าง
00:03:34 → 00:03:36 นี้อย่างนี้ไม่ได้นะครับเราก็ไม่ทำกันนะ
00:03:36 → 00:03:39 ฮะแล้วที่อเมริกาเนี่ยจริงๆต้องบอกเลยว่า
00:03:39 → 00:03:43 มีกฎหมายข้อหนึ่งที่บอกว่าคนที่จะรู้ข้อ
00:03:43 → 00:03:46 มูลได้มีแต่คนไข้เท่านั้น
00:03:46 → 00:03:49 ยกเว้นกรณีเดียวก็คือคนไข้เนี่ยะไม่อยาก
00:03:49 → 00:03:52 รู้หรือกรณีที่คนไข้ไม่สามารถตัดสินใจ
00:03:52 → 00:03:55 อะไรได้เองเช่นเป็นเป็นเด็กอย่างนะครับ
00:03:55 → 00:03:58 หรือว่าเป็นคนที่มีปัญหาทั้งนั้นสมองมี
00:03:58 → 00:04:01 YouTube คุณภาพบางอย่างนะเธอเป็นคนยก
00:04:01 → 00:04:03 เว้นแต่ถ้านอกหรือจากนี้ถ้าคนไข้ยังมีสติ
00:04:03 → 00:04:06 สัมปชัญญะดีคนไข้จะเป็นคนเดียวเท่านั้น
00:04:06 → 00:04:08 ที่สามารถรู้รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเองได้
00:04:08 → 00:04:11 ญาติทุกคนจะไม่มีสิทธิ์รู้ไม่ว่าคือใครก็
00:04:11 → 00:04:14 ตามไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ภรรยาลูกหลานอะไรก็
00:04:14 → 00:04:17 ไม่มีสิทธิ์หรือจนกว่าคนไข้จะบอกว่าอาจไป
00:04:17 → 00:04:21 บอกเขาได้ถึงจะมีสิทธิ์รู้นะครับอ่ะ
00:04:21 → 00:04:25 เนี่ยตรงนี้สำคัญนะครับแล้วที่อเมริกา
00:04:25 → 00:04:28 เวลาผมบอกคนไข้ผมก็จะคือตรงนี้มันก็เป็น
00:04:28 → 00:04:31 เป็นส่วนตัวละกันนะครับอาจจะมีคนที่เข้า
00:04:31 → 00:04:33 เก่งกว่าผมเยอะในการบอกผมจะบอกว่าวิธีการ
00:04:33 → 00:04:35 บอกมันยากเหมือนกันแล้วต้องอาศัย
00:04:35 → 00:04:37 ประสบการณ์แล้วต้องจะใช้ความเข้าใจนะครับ
00:04:37 → 00:04:41 ผมก็จะไม่ใช้เวลาที่ผมดูคนไข้ตอนเช้าใน
00:04:41 → 00:04:44 การบอกเขาส่วนใหญ่เพราะว่าเราต้องรีบไปดู
00:04:44 → 00:04:46 กันไข้คนอื่นเรามีเวลาให้เขาไม่ค่อยพอนะ
00:04:46 → 00:04:49 ครับผมก็จะบอกว่าเนี่ยตอนเช้าที่ผมไปเจอ
00:04:49 → 00:04:51 ข้อมูลที่บอกว่าเนี่ยวันนี้ผมมีเรื่อง
00:04:51 → 00:04:54 สำคัญที่จะคุยด้วยเดี๋ยวตอนตอนบ่ายผมจะ
00:04:54 → 00:04:56 กลับใหม่รอบหนึ่งนะครับเป็นเรื่องเกี่ยว
00:04:56 → 00:04:59 ข้องกับผลตรวจที่ผมตรวจไปแต่ผมจะไม่บอก
00:04:59 → 00:05:01 เป็นไรไม่พอดีไม่ดีแต่ว่าอยากจะนั่งคุย
00:05:01 → 00:05:05 ด้วยถ้าเกิดว่าเป็นไม่ได้อยากจะให้ลองคิด
00:05:05 → 00:05:07 ดูนิดนึงว่าอยากจะให้คนอื่นรับฟังผลตรวจ
00:05:07 → 00:05:09 ด้วยไหมคือการพูดแบบนี้มันจะเป็นการ
00:05:09 → 00:05:12 เหมือนยามๆไปก่อนนะว่าให้มันถ้าจะมีอะไร
00:05:12 → 00:05:16 สำคัญอาจจะไม่ดีนะนะครับเขาก็จะเริ่มกิน
00:05:16 → 00:05:18 และแต่เราบอกว่าเราก็จะพูดตัดบทว่าเอ่อ
00:05:18 → 00:05:21 ตอนเช้าเนี่ยผมจะไม่ค่อยมีเวลาแล้วแต่ผม
00:05:21 → 00:05:25 อยากจะใช้เวลาในการอธิบายเหตุผลอธิบายผล
00:05:25 → 00:05:27 การตรวจต่างๆให้คุณได้ฟังถ้าเกิดคุณ
00:05:27 → 00:05:29 ต้องการให้ใครที่อยู่ในครอบครัวมาฟังด้วย
00:05:29 → 00:05:32 เดี๋ยวเราก็มานัดเวลากันตอนบ่ายนะครับแบบ
00:05:32 → 00:05:35 นี้แล้วพอผมมาถึงเนี่ย
00:05:35 → 00:05:38 ผมก็จะขอคุยกับคนไข้เป็นการส่วนตัวก่อนนะ
00:05:38 → 00:05:42 ครับว่าเออผมมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผล
00:05:42 → 00:05:46 ตัวนี้ที่อยากจะคุยนะครับคุณอยากจะฟังมัน
00:05:46 → 00:05:50 เป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีนะอ่าผลที่ได้มาใน
00:05:50 → 00:05:53 มันเป็นข่าวไม่ค่อยดีคุณต้องการจะอยากรู้
00:05:53 → 00:05:56 ตอนนี้หรือเปล่านะครับอย่างแต่ส่วนใหญ่ผม
00:05:56 → 00:05:59 อยากจะถามจะประเมินคนไข้ก่อนว่าเขาพอรับ
00:05:59 → 00:06:01 ได้ไหมอยากมาดูตอนอยากจะรู้ข่าวตอนนี้
00:06:01 → 00:06:04 หรือเปล่าหรือว่าอยากจะพักไว้เกาะนะครับ
00:06:04 → 00:06:07 แล้วถ้าอยากจะรู้อยากจะให้ญาติมารับฟัง
00:06:07 → 00:06:10 ด้วยไหมทำหรืออยากจะให้ใครมารับฟังด้วย
00:06:10 → 00:06:13 หรือเปล่านะครับก็จะทำเขาเป็นแบบนี้เราดู
00:06:13 → 00:06:16 ปฏิกิริยาของเกาะนะครับว่าเธอเป็นยังไง
00:06:16 → 00:06:18 บ้างแล้วเวลาผมไปพูดเนี่ยผมก็จะไม่ได้ยืน
00:06:18 → 00:06:21 ผู้หนูจะนั่งเอาเก้าอี้ไปนั่งอยู่นะเขา
00:06:21 → 00:06:24 นั่งข้างเคียงและเพื่อให้เขารู้สึกว่าเรา
00:06:24 → 00:06:26 มีเวลาให้เขาเราไม่ได้รีบเราไม่ได้เข้ามา
00:06:26 → 00:06:29 เราดูคนไข้จะพูดเราต้องไปทำนาอย่างอื่นๆ
00:06:29 → 00:06:30 นะหัวจะนั่งแล้วก็คุยกับเขาอย่างเนี้ย
00:06:30 → 00:06:34 เหมือนก็คุยกับทุกท่านนะฮะพอเขาบอกว่าบาง
00:06:34 → 00:06:36 คนเขาก็บอกว่าเขาไม่พร้อมล่ะถ้าไม่พอไม่
00:06:36 → 00:06:40 เป็นไรนะครับแต่ถ้าเขาพร้อมหรือว่าเขา
00:06:40 → 00:06:42 อยากได้คนอื่นมานั่งมาเข้ามาฟังด้วยก็
00:06:42 → 00:06:44 เชิญคนอื่นเข้ามาฟังด้วยนะทุกคนผมจะให้
00:06:44 → 00:06:46 เค้านั่งหมดเหตุผลเพราะว่าบางครั้งบอกเขา
00:06:46 → 00:06:49 ล่ะคนที่เขายืนอยู่เนี่ยแล้วรับไม่ได้อ่ะ
00:06:49 → 00:06:52 จะเป็นลมร้องไห้หัวฟาดพื้นล่ะแล้วแตกมัน
00:06:52 → 00:06:54 ก็จะไม่ค่อยดีอยู่ไหมครับผมก็เลยทุกคน
00:06:54 → 00:06:57 นั่งบังคับนั่งเลยไม่ให้ยืนด้วยไม่ว่าเขา
00:06:57 → 00:07:00 คือใครก็แล้วแต่นั่งให้ทุกคนนะฮะอ่ะมา
00:07:00 → 00:07:03 นั่งล้อมวงกันฟังและผมก็จะเปิดประเด็นว่า
00:07:03 → 00:07:06 ผลที่ตรวจสมมติอ่าคนสูงกดเข้าใจมะเร็งละ
00:07:06 → 00:07:09 กันง่ายเลยผลที่ตรวจชิ้นเนื้อของคุณเนี่ย
00:07:09 → 00:07:14 ออกมาไม่ค่อยดีนะครับเอ่อแต่ว่าจะทราบ
00:07:14 → 00:07:17 อะไรเพิ่มเติมเลยตรงนี้ผมก็จะพูดเงียบไว้
00:07:17 → 00:07:21 เกาะนะผลผลออกมาไม่ค่อยดีนะครับให้เขาให้
00:07:21 → 00:07:25 เขาได้คิดหรือคอนิดนึงนะครับแล้วก็เขาคิด
00:07:25 → 00:07:27 ไม่เคราะห์สักพักหนึ่งผมก็จะต่อและเพราะ
00:07:27 → 00:07:28 ว่า
00:07:28 → 00:07:33 ต้องเท่าที่ผมดูมาเนี่ยผมไปตรวจมาจนแน่ใจ
00:07:33 → 00:07:36 แล้วนะครับเป็นไปตรวจยืนยันผลชิ้นเนื้อจน
00:07:36 → 00:07:40 แน่ใจดูสินสภาวะแวดล้อมต่างๆดูเหตุการณ์
00:07:40 → 00:07:44 ดูอาการของคุณดูผลต่างๆที่เคยตรวจมาทั้ง
00:07:44 → 00:07:48 หมดนะครับประกอบกันเราเพราะว่าไอ้ก้อย
00:07:48 → 00:07:50 เนื้อที่เราตรวจออกมาเนี่ยมันเป็นเนื้อ
00:07:50 → 00:07:53 ไม่ดีเป็นเนื้องอกนะครับมะเร็ง
00:07:53 → 00:07:56 จนถึงพอเราพูดถึงตรงนี้แล้วเนี่ยเราต้อง
00:07:56 → 00:08:00 หยุดและเราไม่ต้องเราจะไม่พูดยาวๆออกมา
00:08:00 → 00:08:02 เนี่ยมะเร็งนี้เป็นยังไงแต่ลักษณะเป็นยัง
00:08:02 → 00:08:04 ไงแล้วมันเป็นขั้นไหนอะไรยังไงเราต้อง
00:08:04 → 00:08:07 เงียบก่อนแล้วดูปฏิกิริยาการตอบสนองของคน
00:08:07 → 00:08:10 ไข้ยาเกาะนะครับโดยสายตาเราจะมุ่งไปที่คน
00:08:10 → 00:08:13 ไข้เป็นหลักย่างย่านเขานี้ผมที่สนใจเลย
00:08:13 → 00:08:15 รวมมุ่งที่คนไข้เป็นหลักเพราะเขาเป็นคน
00:08:15 → 00:08:17 ที่สำคัญที่สุดในคอกแล้วก็เป็นคนที่เป็น
00:08:17 → 00:08:20 นะครับซักพักดูว่าเขามีปฏิกิริยาตอบสนอง
00:08:20 → 00:08:24 ยังไงบางคนก็จะรู้สึกตกใจร้องไห้หรืออาจ
00:08:24 → 00:08:25 จะ
00:08:25 → 00:08:29 รับได้แต่ว่าอยากจะทักไปก่อนบางคนอยากจะ
00:08:29 → 00:08:31 ให้ผู้ต่อนะครับเพราะเขาอยากจะรู้ว่าเขา
00:08:31 → 00:08:33 ต้องทำยังไงต่อแล้วนะตอนนั้นนะครับมีอะไร
00:08:33 → 00:08:36 ที่เป็นธรรมเรื่องเขาบ้างนะครับพอเราทำ
00:08:36 → 00:08:38 แบบนั้นสักพักหนึ่งเราก็จะพอรู้แล้วเอ็ง
00:08:38 → 00:08:41 เค้าเขาพอจะฟังเราต่อได้หรือเปล่านะครับ
00:08:41 → 00:08:44 ถ้าคนที่เขารับฟังไม่ได้บางคนเค้าจะบอก
00:08:44 → 00:08:45 เลยว่า
00:08:45 → 00:08:49 มีโอกาสเดียวกับที่จะผิดพลาดหรือเปล่าไม่
00:08:49 → 00:08:51 ใช่มะเร็งหรือเปล่านะครับซึ่งตรงนี้เนี้ย
00:08:51 → 00:08:54 ผมเป็นคำถามที่เจอบ่อยมากดังนั้นอย่างที่
00:08:54 → 00:08:57 เมื่อกี้ผมพูดไปผมจะบอกว่าจากการที่ผมดู
00:08:57 → 00:09:00 ข้อมูลมาครบทุกอย่างแล้วนะครับดูเอาให้
00:09:00 → 00:09:03 แน่ใจว่าผลชิ้นเนื้อมันเป็นอะไรแน่ๆผมจึง
00:09:03 → 00:09:06 เข้ามาบอกกับคุณนี่แหละครับนั่นก็คือเรา
00:09:06 → 00:09:09 ต้องมาต้องคุยให้เขาเข้าใจก่อนว่าผมก็
00:09:09 → 00:09:11 อยากจะให้ผลการตรวจในมาผิดพลาดเหมือน
00:09:11 → 00:09:13 อย่างที่คุณคิดนะครับแล้วก็อยากจะให้มัน
00:09:13 → 00:09:17 ไม่เป็นมะเร็งนะฮะแต่ก่อนที่ผมจะเข้ามา
00:09:17 → 00:09:19 คุยกับคุณเนี่ยผมก็ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยว
00:09:19 → 00:09:22 ข้องกับเคสของคุณมาครบถ้วนแล้วนะครับแล้ว
00:09:22 → 00:09:25 ก็ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าไอ้ตัวที่เนื้อตัว
00:09:25 → 00:09:28 นี้เนี้ยมันไม่ได้อยู่กับติดต่อแน่ผมจึง
00:09:28 → 00:09:31 เข้ามาแจ้งกับคุณว่ามันเป็นเขาร้ายนะครับ
00:09:31 → 00:09:36 เพราะแบบนี้เขาก็จะบังมันก็จะมีการตอบ
00:09:36 → 00:09:38 สนองหลายๆแบบนะครับบางแบบก็คือเราไม่ได้
00:09:38 → 00:09:41 เลยอะไรอย่างเงี้ยนะครับเราไม่ได้ทำไมจะ
00:09:41 → 00:09:42 ต้องเกิดกับฉันแล้วอะไรอย่างเงี้ยเดือนซน
00:09:42 → 00:09:45 ส่วนบางคนถ้าเราไม่ได้จริงเนี่ยเราจะต้อง
00:09:45 → 00:09:49 พักไว้ก่อนว่าเราจะต้องพูดกับเขาว่าโอเค
00:09:49 → 00:09:53 มันเป็นมะเร็งนะอันนี้มันเป็นสิ่งที่โชค
00:09:53 → 00:09:57 ร้ายจริงๆแต่ว่าเราไม่คิดกฎหมายว่ายังไง
00:09:57 → 00:10:00 อ่ะเราเสียใจไปเราบ่อยๆปแต่ก็ไม่สามารถ
00:10:00 → 00:10:04 เปลี่ยนอะไรเราได้สู้เรามาดูก่อนดีไว้ว่า
00:10:04 → 00:10:07 เราสามารถทำอะไรกับมันได้บ้างนะครับเรา
00:10:07 → 00:10:10 แก้ไขอะไรมาได้ไหมหน้าซึ่งตรงนี้พอเราพูด
00:10:10 → 00:10:12 ไปสัมภาษณ์เป็นคนก็รู้สึกว่าเออว่ะมันก็
00:10:12 → 00:10:13 จริง
00:10:13 → 00:10:17 เราตะโกนร้องไห้โวยวายไปมันก็ไม่ทำอะไร
00:10:17 → 00:10:19 ให้เราเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้วเปิดเผยว่าจะ
00:10:19 → 00:10:21 เป็นมากขึ้นถ้าเราไม่ทำอะไรกับมันนะครับ
00:10:21 → 00:10:23 แล้วมันจะปวดมันอาจจะอะไรขึ้นรึเปล่านะ
00:10:23 → 00:10:26 ครับตรงนี้ผมก็จะพูดไปประมาณนี้หลังจาก
00:10:26 → 00:10:29 นั้นเราก็จะอธิบายว่าโอเคเดี๋ยวเรามาดู
00:10:29 → 00:10:32 กันว่าเอ่อตัวมาเล่นของคุณในเป็นมะเร็ง
00:10:32 → 00:10:35 ชนิดไหนเราต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมแล้วถ้า
00:10:35 → 00:10:37 เกิดว่ามันอยู่ในร่างกายที่เราทำการตรวจ
00:10:37 → 00:10:40 เอกซเรย์ MRI CT Scan อะไรอย่างนี้นะ
00:10:40 → 00:10:43 ครับผมก็จะเอารูปให้เขาดูด้วยว่าให้เขา
00:10:43 → 00:10:45 เข้าใจมากขึ้นบางทีมันอยู่ตรงนี้ของต่อนะ
00:10:45 → 00:10:47 เค้าคิดภาพไม่ออกนะครับแล้วก็ไม่รู้ว่า
00:10:47 → 00:10:49 มันรุนแรงมากรุนแรงน้อยเรายังไงผมก็จะเอา
00:10:49 → 00:10:52 รูปเอกซเรย์ปอดให้เขาดูเลยว่าเนี่ยมัน
00:10:52 → 00:10:54 อยู่ตรงนี้นะอ่าอันนี้คือเป็นสิ่งที่เรา
00:10:54 → 00:10:56 คิดมันเป็นขั้นนี้การต่อไปที่เราต้องทำ
00:10:56 → 00:10:58 คืออาจจะต้องตรวจเพิ่มเติมว่าชิ้นเนื้อ
00:10:58 → 00:11:01 มะเร็งตัวนี้เนี่ยมันการใช้ยารักษามุ่ง
00:11:01 → 00:11:03 เป้าอะไรบางอย่างได้หรือเปล่าใช้ได้เราจะ
00:11:03 → 00:11:05 ใช้น่าใช้ไม่ได้เราก็จะต้องเปลี่ยนวิธี
00:11:05 → 00:11:08 การรักษาอย่างนั้นเป็นต้นนะครับ
00:11:08 → 00:11:11 คำถามที่เราได้บ่อยที่สุดก็คือว่าแล้วเรา
00:11:11 → 00:11:13 จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่นะครับซึ่งตรงนี้
00:11:13 → 00:11:15 มันแล้วแต่โรคที่ท่านเป็นเลยนะครับมะเร็ง
00:11:15 → 00:11:17 บางอย่างในมันอยู่ได้นานบางอย่างก็อยู่
00:11:17 → 00:11:19 ได้ไม่ค่อยนานนะครับหรือโรคอย่างอื่นที่
00:11:19 → 00:11:23 เขาเป็นบางอย่างมันก็มีเวลาเหลือบนโลกนี้
00:11:23 → 00:11:27 นะเป็นเป็นวันไม่ใช่ไม่ใช่เป็นไม่ใช่เป็น
00:11:27 → 00:11:30 เดือนเป็นปีนะครับซึ่งตรงนี้วิธีในการคุย
00:11:30 → 00:11:33 ก็จะแตกต่างกันไปแล้วนะครับผมก็จะหรือว่า
00:11:33 → 00:11:37 จะบอกบอกเลยว่าเนี่ยสิ่งที่คุณเป็นอยู่
00:11:37 → 00:11:40 เนี่ยโอกาสในการเสียชีวิตเนี่ยมันมีนะแต่
00:11:40 → 00:11:45 เราไม่มีใครสามารถที่จะทำนายได้นะครับว่า
00:11:45 → 00:11:48 ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนแต่เราจะ
00:11:48 → 00:11:51 ต้องทำให้ชีวิตที่คุณมีอยู่ตอนนี้มีความ
00:11:51 → 00:11:55 หมายมากที่สุดนะครับมีความหมายมากที่สุด
00:11:55 → 00:11:59 แล้วก็ทุกอย่างที่คุณต้องการจะทำและมัน
00:11:59 → 00:12:01 เป็นสิ่งที่ควรทำเหมาะสมแนะนำมาให้คุณทำ
00:12:01 → 00:12:03 มันให้หมดนะครับ
00:12:03 → 00:12:06 ส่วนมากผลในการรักษาจะออกมาเป็นอย่างไร
00:12:06 → 00:12:09 นั้นเป็นเรื่องซึ่งเราจะต้องดูกันต่อไปนะ
00:12:09 → 00:12:14 ฮะแบบนี้ทั้งนั้นคนไข้อย่างเขาก็เราเราก็
00:12:14 → 00:12:16 จะผ่านตรงนี้ไปก่อนแล้วก็จะบอกวิธีว่าเออ
00:12:16 → 00:12:18 มันจะต้องมีวิธีในการรักษาอะไรยังไงบ้าง
00:12:18 → 00:12:21 แต่ถ้าเกิดว่าสมบูรณ์เรารู้ทำนายว่าคนไข้
00:12:21 → 00:12:24 คนนี้จะต้องเสียชีวิตในเวลาเร็ววันนะครับ
00:12:24 → 00:12:27 แล้ววิธีการรักษามันไม่สามารถทำให้ตัวโลก
00:12:27 → 00:12:31 ก็เป็นมันหายได้นะครับก็จะเข้าสูงรูป
00:12:31 → 00:12:33 กลุ่มหนึ่งซึ่งที่เราเรียกว่าเป็น
00:12:33 → 00:12:36 แพรี่ฮิล care นะครับหรือคอร์สติดแขนนะ
00:12:36 → 00:12:38 ครับสองอย่างนี้เนี่ยมันเป็นการเปลี่ยน
00:12:38 → 00:12:41 เป้าหมายของการรักษาคือไม่ใช่มุ่งเพื่อ
00:12:41 → 00:12:44 ให้หายนะครับเพราะมันทำไม่ได้ก็จะมุ่งไป
00:12:44 → 00:12:47 ที่คุณภาพชีวิตของคนไข้ที่เหลืออยู่นะ
00:12:47 → 00:12:50 ครับจะต้องเป็นคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
00:12:50 → 00:12:52 เท่าที่จะเป็นไปได้ครับในฐานะมันเพื่อน
00:12:52 → 00:12:54 มนุษย์คนนึงนะครับก็ต้องทำตรงนั้นให้เป็น
00:12:54 → 00:12:57 ที่สุดหมายความว่าอะไรครับไปเขาว่าทุกๆ
00:12:57 → 00:13:00 อย่างที่เราทำเนี่ยจะเป็นเพื่อการเนื้อหา
00:13:00 → 00:13:03 ที่อาการเขาเช่นมีอาการปวดเราให้ยากลุ่ม
00:13:03 → 00:13:05 ที่แก้ปวดมีอาการเหนื่อยแล้วให้ยากลุ่ม
00:13:05 → 00:13:09 อาการที่แก้เหนื่อยเขามีอาการจะเกิดอะไร
00:13:09 → 00:13:11 อย่างอื่นอะไรก็แล้วแต่เราก็ให้เขาทำตาม
00:13:11 → 00:13:16 นั้นนะครับส่วนถ้าสมมติว่าเขาเกิดมีปัญหา
00:13:16 → 00:13:19 ในแง่ของการกินอะไรไม่ได้นะครับและเขา
00:13:19 → 00:13:21 อยากจะกินบางอย่างถ้ากินเข้าไปเขา 2 หลัง
00:13:21 → 00:13:25 เนื้อผมจะบอกเลยว่าจริงๆเนี่ยการทำอะไร
00:13:25 → 00:13:28 ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทำให้คุณในชีวิตยืน
00:13:28 → 00:13:30 ยาวได้อย่างมีคุณภาพอยู่แล้วเราควรทำทุก
00:13:30 → 00:13:33 อย่างที่มีความสุขมากกว่านะครับเช่นถ้าคน
00:13:34 → 00:13:36 ไหนมีญาติที่แบบนอนติดเตียงและเจาะคอหรือ
00:13:36 → 00:13:39 ว่าให้สายมีสายทางจมูกมือซ้ายทางกับเพราะ
00:13:39 → 00:13:41 อะไรก็แล้วแต่อย่างเงี้ยถ้าเขาไม่อยากได้
00:13:41 → 00:13:43 ใส่คนนั้นอยากจะกินอะไรสักอย่างเป็นครั้ง
00:13:43 → 00:13:45 หนึ่งของชีวิตของเขานะครับเพราะว่าถ้าเขา
00:13:45 → 00:13:48 กินเรารู้แล้วเขาสำหรับเข้าไปปณเกษมแล้ว
00:13:48 → 00:13:50 ก็จะเสียชีวิตได้หรืออาจจะมีปัญหาตามมา
00:13:50 → 00:13:53 ได้นะครับเราต้องคิดสิคำว่ายังไงเขาก็จะ
00:13:53 → 00:13:55 ไม่ดีขึ้นอยู่แล้วมีแต่จะแย่ลงและบางคน
00:13:55 → 00:13:59 แย่เลยวันด้วยนะครับถ้าเราไปมัวแต่ว่าก็
00:13:59 → 00:14:02 จะมานั่งกินมันห้ามกินหวานห้ามกินนี่ห้าง
00:14:02 → 00:14:04 เขียวลงไปหาน้อยถ้ามีเท่านั้น
00:14:04 → 00:14:07 แต่มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยนะครับก็
00:14:07 → 00:14:10 ไม่ฮะปกติละโอเคถ้าเกิดคุณมีชีวิตยืนยาว
00:14:10 → 00:14:12 แบบเหมือนคนธรรมดาเป็นเบาหวานความดันไข
00:14:12 → 00:14:15 มันลงอ้วนอะไรเนี่ยผมก็จะบอกว่าเออคุณรถ
00:14:15 → 00:14:17 เข็นงดหวานงดคาร์โบไฮเดรตอะไรกับมันๆก็
00:14:17 → 00:14:20 อย่าไปกินนะครับไขมันทรานส์ start อะไร
00:14:20 → 00:14:23 อย่าไปกินนะครับก็ก็พวกนี้น่าจะได้
00:14:23 → 00:14:25 ประโยชน์ในกรณีที่มาเป็น 10 ปีเอาอย่าง
00:14:25 → 00:14:27 นี้หลายๆปีขึ้นไปแต่ถ้าเกิดคนนี้เขาจะ
00:14:27 → 00:14:29 เสียชีวิตในอีกไม่กี่วันเราไปห้ามเขาไม่
00:14:29 → 00:14:32 ได้นะครับมันไม่ได้ทำให้เกิดอะไรขึ้นมานะ
00:14:32 → 00:14:35 ฮะนี่การรักษาแบบเจริญทิพย์ can cause
00:14:35 → 00:14:37 it can i ก็จะเป็นช่วงที่เราดูแลใน
00:14:37 → 00:14:40 ด้านของอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการ
00:14:40 → 00:14:43 ของคนไข้รวมทั้งความทรมานต่างๆที่เรา
00:14:43 → 00:14:46 สามารถแก้ได้ยาที่เราให้แน่อาจจะไปมีส่วน
00:14:46 → 00:14:49 ทำให้คนไข้เดือนอาการบางอย่างแย่ลงเช่น
00:14:49 → 00:14:52 ถ้าเขามีอาการเหนื่อยนะครับมีอาการปวดผม
00:14:52 → 00:14:55 จะให้มอร์ฟีนนะครับมอฟินจะระงับอาการปวด
00:14:55 → 00:14:59 ระงับอาการเหนื่อยได้ดีมากๆเลยแต่มันก็จะ
00:14:59 → 00:15:03 ทำให้คนไข้หายใจถ้ามีอาการง่วงซึมลงได้นะ
00:15:03 → 00:15:04 ครับซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้เขาเสียชีวิตได้
00:15:04 → 00:15:09 นะฮะแต่ว่าต่อให้มันทำให้เขาเสียชีวิตได้
00:15:09 → 00:15:11 แต่ถ้าเขาเป็นการเสียชีวิตที่สไมล์ไม่
00:15:11 → 00:15:14 ทรมานก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการจะทำนะครับ
00:15:14 → 00:15:18 เพราะว่าเรารู้นะครับว่าโอเคก็เป็นมะเร็ง
00:15:18 → 00:15:20 เขามีอะไรอยู่ในปอดก็เหนื่อยแล้วหลังเรา
00:15:20 → 00:15:23 ให้ยาอะไรไปมันก็ไม่ดีขึ้นมันไม่หายมา
00:15:23 → 00:15:25 รักษาไม่ได้นะครับทั้งนั้นผมก็จะมุ่งเน้น
00:15:25 → 00:15:28 ในตรงนี้ซะมากกว่านั้นบางคนอาจจะเคยมียา
00:15:28 → 00:15:30 อยู่ในกรณีแบบนี้ถามว่าทำไมหมอไม่รักษา
00:15:30 → 00:15:33 เลยทำไมหมอให้ยามอร์ฟีนจะได้คนไข้ตายหรือ
00:15:33 → 00:15:36 ขึ้นเหรอนะครับนี่ก็คือสาเหตุนะครับเรา
00:15:36 → 00:15:38 มุ่งเน้นที่คุณภาพชีวิตเพราะว่าเรารู้ว่า
00:15:38 → 00:15:40 คนไข้จะไม่ดีขึ้นแน่อยู่แล้วนะครับเราจึง
00:15:40 → 00:15:43 จำเป็นต้องทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีที่
00:15:43 → 00:15:45 สุดในช่วงเวลาสุดท้ายของเขาให้ได้นะครับ
00:15:45 → 00:15:49 อ่าเราจะเน้นที่ตรงนี้ทีนี้ถ้าเขาอยากกิน
00:15:49 → 00:15:52 อะไรผมจะบอกกินเลยตามสบายถ้าเกิดว่าเขา
00:15:52 → 00:15:55 ไม่อยากกินอะไรเลยก็เขาจะไม่หิวนะครับบาง
00:15:55 → 00:15:58 คนจะบอกว่าเนี่ยเข้าไปกินอะไรมาเป็นวัน
00:15:58 → 00:16:00 แล้วอ่ะทำ
00:16:00 → 00:16:04 พอดีเขาจะตายมั้ยคือเราต้องอธิบายเขาให้
00:16:04 → 00:16:06 ทุกคนทราบอย่างนี้คนไข้คนวาระสุดท้ายของ
00:16:06 → 00:16:09 ชีวิตในบางครั้งเขาไม่ได้อยากจะกินอะไร
00:16:09 → 00:16:11 เลยนะครับเขาไม่มีความรู้สึกผิวต่อให้
00:16:11 → 00:16:14 ท่านให้อาหารไปเขาก็ไม่กินนะครับบางคนก็
00:16:14 → 00:16:16 บอกว่าทำไมไม่ใส่สายยางแล้วก็ให้อาหารก็
00:16:16 → 00:16:19 ไปทางสายยาให้คนไข้อยู่ต่อได้คือคือโรค
00:16:19 → 00:16:21 มหามันไม่หายแล้วการทำอย่างนั้นเป็นการ
00:16:22 → 00:16:25 ยืดชีวิตคนไข้ให้ยืดยาวออกไปผมจะเปรียบ
00:16:25 → 00:16:29 เทียบเหมือนกันยื่นการทรมานให้นานออกไปนะ
00:16:29 → 00:16:32 ครับการยืดการทรมานให้นานออกไป
00:16:32 → 00:16:35 ก็เหมือนการลงโทษนะพูดสีสมัยก่อนกรีก
00:16:35 → 00:16:38 โรมันที่แบบว่าทรมานที่นานๆแล้วก่อนเขาจะ
00:16:38 → 00:16:40 ตายเนี่ยนะครับนั่นคือสิ่งที่ท่านกำลังทำ
00:16:40 → 00:16:44 อยู่นั้นโดยทั่วไปผมจะไม่แนะนำการทำแบบ
00:16:44 → 00:16:46 นั้นเด็ดขาดนะครับถ้าคนไข้เขาอยากกินเรา
00:16:46 → 00:16:48 ก็จะให้เขากินเขาอยากกินอะไรต่อให้กิน
00:16:48 → 00:16:51 แล้วก็สำหรับผมก็กินอยู่ดีนะครับเพราะว่า
00:16:51 → 00:16:53 เป็นความสุขที่เขาเหลือนะครับความสุขทาง
00:16:53 → 00:16:56 ด้านการกินเนี่ยมันเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งคน
00:16:56 → 00:16:59 ไข้ไว้วัยที่อยู่ในวาระสุดท้ายในเขาชอบนะ
00:16:59 → 00:17:03 ครับเธอก็ต้องการนะเราก็จะให้เขาการที่
00:17:03 → 00:17:06 เขาอยากจะฟังเพลงบางอย่างอยากจะให้ลูก
00:17:06 → 00:17:08 หลานบางคนมาหาอยากจะดูอะไรที่มีความสุข
00:17:08 → 00:17:11 และผมก็ได้ก็ทำและเวลาที่ญาญ่าอยู่ด้วย
00:17:11 → 00:17:14 เนี่ยผมก็จะแนะนำอย่างหนึ่งคือไม่ให้อยาก
00:17:14 → 00:17:17 ย่าเนี่ยพูดในแง่ของเธอเป็นยังไงวันนี้
00:17:17 → 00:17:20 อาการดีขึ้นมั้ยจะป่วยเป็นยังไงบ้างล่ะ
00:17:20 → 00:17:23 เผื่อลงไมค์ให้ยาแล้วดีขึ้นหรือเปล่าคือ
00:17:23 → 00:17:25 การคูณแบบนี้มันจะทำให้คนไข้มีการไปมุ่ง
00:17:25 → 00:17:29 โฟกัสอยู่กับสิ่งที่เขาเป็นนะครับก็เจ็บ
00:17:29 → 00:17:31 ป่วยเขาทรมานอยู่แล้วก็คิดอยู่แล้วทุกวัน
00:17:31 → 00:17:33 นะครับเราต้องดึงความคถ้าไม่ออกไปทางตรง
00:17:33 → 00:17:38 นี้ได้นะครับเช่นเล่าว่าสมัยก่อนตอนที่
00:17:38 → 00:17:40 เราไปเที่ยวที่นั่นที่นี่จำได้ไหมไป
00:17:40 → 00:17:43 เที่ยวทะเลแน่ตอนนั้นไปที่กระบี่นะโหหาร
00:17:43 → 00:17:47 ทรายมันสวยมากเลยนะครับที่เดินชายหาด
00:17:47 → 00:17:52 เพราะน้ำมันดีไปเที่ยวที่สั่งมรกตไปว่าย
00:17:52 → 00:17:54 น้ำตอนนั้นเห็นไม่มีความสุขคนมันยังน้อย
00:17:54 → 00:17:57 อยู่แล้วเราไปกินนั้นนี้จำได้ไหมครับชอบ
00:17:57 → 00:18:00 กินปูอะไรเงี้ยนะครับเราก็เราอะไรทำนอง
00:18:00 → 00:18:03 เนี้ยที่เป็นความทรงจำที่ดีนะไม่เข้าเห็น
00:18:03 → 00:18:07 ภาพที่ดีๆมีสิ่งที่ดีอยู่ในหัวเขาอ่ะชุด S
00:18:07 → 00:18:10 สิ่งที่เขาคิดไม่ดีคิดแยกอยู่ข้องกับตัว
00:18:10 → 00:18:12 โลกเขาให้มันหายไปซะนะครับแล้วก็พูดอย่าง
00:18:12 → 00:18:15 นี้เรื่อยๆนะครับโดยที่เราไม่ต้องสนใจว่า
00:18:15 → 00:18:17 เขาจะอยู่ได้นานไหมหรือว่าบางทีบางคนบอก
00:18:17 → 00:18:20 ว่าเธอไปได้นะไม่ต้องห่วงเลยไม่ต้องพูดก็
00:18:20 → 00:18:22 ได้ครับเราพูดถึงว่าอะไรที่ดีๆเป็นความ
00:18:22 → 00:18:26 ทรงจำที่ดีร่วมกันนะครับตรงเนี้ยมันจะทำ
00:18:26 → 00:18:29 ให้เขามีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นครับ
00:18:29 → 00:18:32 หมอสามารถดูแลทางลับทางร่างกายได้แต่ทั้ง
00:18:32 → 00:18:35 หัวใจของคนไข้คนที่ดูแลได้ดีที่สุดก็คือ
00:18:35 → 00:18:38 คนที่รู้จักคนไข้มากที่สุดนั้นเองนะครับ
00:18:38 → 00:18:41 ก็คือญาติพี่น้องคนไข้นั่นเองนะครับก็
00:18:41 → 00:18:44 ต้องฝากตรงนี้ไว้ให้ทุกๆท่านพิจารณาด้วย
00:18:44 → 00:18:48 นะครับการที่ที่อเมริกาลองมีแบบนี้ก็เป็น
00:18:48 → 00:18:50 สิ่งที่ผมคุยกับคนไข้ทุกคนนะถ้าคนไข้แวะ
00:18:50 → 00:18:53 เออว่าสุดท้ายของชีวิตให้ผมจะบอกเลยว่า
00:18:53 → 00:18:56 อะไรที่จะต้องทำเช่นการปั๊มหัวใจการใส่
00:18:56 → 00:18:59 ท่อช่วยหายใจหรือว่าการผ่าตัดบางอย่างกัน
00:18:59 → 00:19:01 ทำอะไรพวกนี้ให้ยาบางอย่างมันไม่มี
00:19:01 → 00:19:03 ประโยชน์อะไรได้แรงสิ้นนอกจากทำให้คนไข้
00:19:03 → 00:19:07 ทรมานมากขึ้นนะครับแล้วผมก็จะนำว่าไม่ให้
00:19:07 → 00:19:11 ทำนะฮะจะไปทำอะไรทุกอย่างที่ทำให้คนไข้มี
00:19:11 → 00:19:15 อาการที่เบาบางลงนะครับมีสภาพจิตใจที่ดี
00:19:15 → 00:19:19 ขึ้นนะครับยาต่างๆและเราให้ไปแล้วจะมีผล 2
00:19:19 → 00:19:21 2 ด้านคือด้านที่ทำให้คนไข้สบายมากขึ้น
00:19:21 → 00:19:23 แต่ก็อาจจะเร่งทำให้คนไข้เสียชีวิตได้
00:19:23 → 00:19:26 เร็วขึ้นผมก็จะให้นะครับไม่ได้เพราะผม
00:19:26 → 00:19:29 ต้องการเข้าไปไวขึ้นเพื่อลดภาระของตัวเอง
00:19:29 → 00:19:31 แต่อย่างใดแต่เพื่อให้เขาไปได้อย่างสบาย
00:19:31 → 00:19:35 ที่สุดทั้งร่างกายและกไก่นะครับโอเควัน
00:19:35 → 00:19:38 นี้ก็ประมาณเท่านี้นะครับใครที่มีข้อ
00:19:38 → 00:19:40 สงสัยอะไรหรือมีคนรู้จักกำลังอยู่ในภาวะ
00:19:40 → 00:19:44 นี้ก็ลองลองคิดวิธีอย่างนี้ดูนะครับมันดี
00:19:44 → 00:19:46 ที่สุดคือการบอกคนไข้นะครับแต่ควรจะบอก
00:19:46 → 00:19:49 เป็นขั้นๆนะครับถ้าเกิดว่าก็พร้อมก็บอก
00:19:49 → 00:19:51 ได้เลยนะครับแต่เราจะต้องเกริ่นก่อนว่า
00:19:51 → 00:19:55 อาจจะมีบางอย่างที่ที่มันเป็นข่าวไม่ดีนะ
00:19:55 → 00:19:57 คะต้องการจะสั่งไหมถ้าเขาต้องการได้ฟัง
00:19:57 → 00:20:00 เราก็ต้องสังเกตให้เวลาเขาได้หรือไม่ใช่
00:20:00 → 00:20:02 เราพูดรวดเดียวหมดนะครับเราต้องให้เวลา
00:20:02 → 00:20:05 เขาคิดนึงให้เขาลองดูว่าสิ่งที่พูดไปให้
00:20:05 → 00:20:08 เขาย่อยพวกนั้นก่อนนะครับฟังได้ไหม
00:20:08 → 00:20:12 ต้องการฟังกับใครนะครับแล้วถ้าผลไม่ดี
00:20:12 → 00:20:14 เนี่ยถ้าคุณไม่อยากจะรับรู้ให้เราบอกใคร
00:20:14 → 00:20:17 ได้ไหมล่ะบอกอยากได้ไม้บอกคนไหนอย่างนี้
00:20:17 → 00:20:19 นะครับแล้วถ้าเกิดว่ามีอะไรให้ยากนั้นตัด
00:20:19 → 00:20:21 สินใจแทนได้หรือเปล่านะครับย่านบางคนก็
00:20:21 → 00:20:23 อยากจะเป็นแบบนั้นไม่อยากจะรับรู้แต่อยาก
00:20:23 → 00:20:26 ให้คนอื่นตัดสินใจแทนตัวเองก็ต้องก็ต้อง
00:20:26 → 00:20:28 โอเคอย่างนั้นนะครับเพราะว่าแบบเนี้ยคือ
00:20:29 → 00:20:32 เราต้องให้คนไข้ในเป็นคนจะสนใจตราบใดก็
00:20:32 → 00:20:35 ตามที่เขามีสติสัมปชัญญะที่ดีอยู่นะครับ
00:20:35 → 00:20:37 อ้าวันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับ
00:20:37 → 00:20:39 สวัสดีครับ