00:00:00 → 00:00:03 เบาจืดก็เกิดจากการที่ร่างกายขาดฮอร์โมน
00:00:03 → 00:00:05 แอนตี้ไบโอติกฮอร์โมนซึ่งทำหน้าที่กัก
00:00:06 → 00:00:09 เก็บน้ำนะครับไตก็เลยขับน้ำเยอะซึ่งน้ำ
00:00:09 → 00:00:14 ที่จะออกมาจะเป็นเหมือนน้ำเปล่าเลยนะครับ
00:00:14 → 00:00:22 [เพลง]
00:00:22 → 00:00:25 โรคเบาจืดเกิดจากการที่ร่างกายเรากักเก็บ
00:00:25 → 00:00:27 น้ำไม่ได้นะครับเพราะเราเสียสมดุลของการ
00:00:27 → 00:00:30 เก็บน้ำเกิดจากการขาดฮอร์โมนตัวนึงชื่อ
00:00:30 → 00:00:32 แอนตี้เดลติกฮอร์โมนนะครับคราวนี้พอเรา
00:00:32 → 00:00:35 เก็บน้ำไม่ได้เราก็จะปัสสาวะเยอะทั้งกลาง
00:00:35 → 00:00:38 วันหรือกลางคืนอาการก็จะมีหิวน้ำเยอะๆนะ
00:00:38 → 00:00:41 ครับหิวน้ำบ่อยแล้วก็ต้องตื่นมาดื่มน้ำ
00:00:41 → 00:00:44 กลางดึกนะครับถ้าเราดื่มน้ำไม่ทันเราก็จะ
00:00:44 → 00:00:47 มีอาการกระหายน้ำปากแห้งคอแห้งมีอาการลุก
00:00:47 → 00:00:50 ขึ้นหน้ามืดนะครับ
00:00:50 → 00:00:53 โกดังที่กล่าวไปนะครับเบาจืดก็เกิดจากการ
00:00:53 → 00:00:56 ที่ร่างกายขาดฮอร์โมน Anti dematic
00:00:56 → 00:00:58 Hormone ซึ่งทำหน้าที่กักเก็บน้ำนะครับ
00:00:58 → 00:01:02 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะผลิตจากตรงไฮโปทาลามัสนะ
00:01:02 → 00:01:04 ครับแล้วก็มากักเก็บที่ตรงต่อมใต้สมอง
00:01:04 → 00:01:07 แล้วก็หลั่งบริเวณต่อมใต้สมองนะครับดัง
00:01:07 → 00:01:10 นั้นถ้าเกิดเรามีรอยโรคบริเวณสมองส่วนที่
00:01:10 → 00:01:13 กล่าวไปเช่นเป็นมะเร็งเป็นก้อนเนื้องอก
00:01:13 → 00:01:16 หรือว่าเป็นติดเชื้อนะครับก็จะทำให้เกิด
00:01:16 → 00:01:19 โรคนี้ได้นะครับเราผลิตฮอร์โมนได้ปกติแต่
00:01:19 → 00:01:21 ว่าไตไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้นะครับก็ทำ
00:01:21 → 00:01:23 ให้ร่างกายเรากักเก็บน้ำไม่ได้เช่นกันนะ
00:01:23 → 00:01:28 ครับดังนั้นก็การหาสาเหตุก็ต้องตรวจอย่าง
00:01:28 → 00:01:30 ละเอียดว่าเป็นที่บริเวณสมองหรือเป็นที่
00:01:30 → 00:01:32 บริเวณไปนะครับ
00:01:32 → 00:01:34 [เพลง]
00:01:34 → 00:01:36 สำหรับเบาหวานและเบาจืดเนี่ยถึงแม้ว่า 2
00:01:36 → 00:01:38 โรคนี้จะมีปัสสาวะที่เยอะเหมือนกันนะครับ
00:01:39 → 00:01:41 โดยอาจจะปัสสาวะเยอะทั้งกลางวันและกลาง
00:01:41 → 00:01:44 คืนเหมือนกันแต่ว่าการเกิดโรคต่างกันโดย
00:01:44 → 00:01:46 สิ้นเชิงนะครับเบาหวานเนี่ยเกิดจากการที่
00:01:46 → 00:01:49 มีน้ำตาลสูงในเลือดและน้ำตาลก็จะขับทาง
00:01:49 → 00:01:51 ปัสสาวะซึ่งจะดึงน้ำออกด้วยนะฮะก็ทำให้
00:01:51 → 00:01:54 เกิดปัสสาวะเยอะแต่เบาจืดเกิดจากการที่
00:01:54 → 00:01:57 ร่างกายขาดฮอร์โมนที่เก็บน้ำไตก็เลยขับ
00:01:57 → 00:02:00 น้ำเยอะซึ่งน้ำที่จะออกมาจะเป็นเหมือนน้ำ
00:02:00 → 00:02:03 เปล่าเลยนะครับดังนั้น 2 โรคนี้อาการดู
00:02:03 → 00:02:05 เผินๆเหมือนจะเหมือนกันแต่ว่าความจริง
00:02:05 → 00:02:10 แล้วการเกิดโรคต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยครับ
00:02:10 → 00:02:13 ก่อนที่เราจะรักษาภาวะเบาจืดได้ก็ต้องหา
00:02:13 → 00:02:15 สาเหตุก่อนนะครับแต่ดังที่กล่าวไปว่าก็
00:02:15 → 00:02:18 เกิดจากได้ทั้งสมองส่วนไฮโปทาลามัสบริเวณ
00:02:18 → 00:02:22 ต่อมใต้สมองหรือที่ไตนะครับเช่นถ้าเกิด
00:02:22 → 00:02:25 จากบริเวณสมองเกิดมีก้อนเนื้องอกที่สมอง
00:02:25 → 00:02:27 ก็ต้องผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกอาจจะต้อง
00:02:27 → 00:02:30 มีการฉายแสงเป็นต้นนะครับหรือถ้าเกิดจาก
00:02:30 → 00:02:33 ที่ไตก็ต้องมาหาสาเหตุว่าทำไมไตมันถึงไม่
00:02:33 → 00:02:36 ตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้เช่นอาจจะมียาบางตัว
00:02:36 → 00:02:39 เป็นต้นนะครับคราวนี้ระหว่างที่เราแก้ไข
00:02:39 → 00:02:42 สาเหตุเราอาจจะต้องช่วยเหลือคนไข้เพื่อ
00:02:42 → 00:02:45 ไม่ให้ปัสสาวะบ่อยกลางคืนนะครับเพื่อลด
00:02:45 → 00:02:47 อาการรำคาญจากการปัสสาวะก็คือการให้
00:02:47 → 00:02:50 ฮอร์โมนคราวนี้ฮอร์โมนที่ให้จะมีรูปแบบ
00:02:50 → 00:02:54 ไม่ว่าจะเป็นแบบกินหรือแบบพ่นแล้วก็มีแบบ
00:02:54 → 00:02:57 ฉีดด้วยนะครับการให้ฮอร์โมนก็ช่วยให้
00:02:57 → 00:03:00 ปัสสาวะออกน้อยลงแต่อย่างไรก็ตามการให้
00:03:00 → 00:03:02 ฮอร์โมนจะมีความซับซ้อนนะครับต้องอยู่ใน
00:03:02 → 00:03:04 ความดูแลของแพทย์และในผู้ป่วยบางรายอาจจะ
00:03:04 → 00:03:07 ต้องมีการตวงปัสสาวะและก็ต้องมีการตวงน้ำ
00:03:07 → 00:03:11 ที่รับประทานด้วยนะครับ
00:03:11 → 00:03:13 สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคเบาจืดนะครับอันดับ
00:03:13 → 00:03:17 แรกคือ 1 ต้องมาตรวจติดตามนัดแพทย์ทุก
00:03:17 → 00:03:19 ครั้งนะครับโดยแพทย์ก็จะให้ยาตัวฮอร์โมน
00:03:19 → 00:03:22 ไม่ว่าจะเป็นยารับประทานหรือยาพ่นนะครับ
00:03:22 → 00:03:25 ก็ต้องใช้ยาตามที่แพทย์บอกทุกครั้งนะครับ
00:03:25 → 00:03:29 แล้วก็บางทีพ่นยาแล้วมันอาจจะไม่ได้ผลก็
00:03:29 → 00:03:31 ต้องแจ้งแพทย์ด้วยนะครับเช่นพ่นยาไปแล้ว
00:03:31 → 00:03:33 อย่างปัสสาวะกลางคืนอยู่เพราะท่านอาจจะ
00:03:33 → 00:03:37 พ่นพิษนะครับข้อ 2 ก็คือต้องจำกัดก็คือดู
00:03:37 → 00:03:40 ปริมาณน้ำที่รับประทานนะครับอย่างเหมาะสม
00:03:40 → 00:03:42 ตามที่แพทย์แนะนำเพราะว่าบางทีการใช้ยา
00:03:42 → 00:03:45 ฮอร์โมนแล้วเราไปรับประทานน้ำเยอะเกินไป
00:03:45 → 00:03:48 อาจจะทำให้น้ำเยอะเกินไปในร่างกายทำให้
00:03:48 → 00:03:51 เกิดเกลือแร่โซเดียมต่ำได้นะครับและข้อ 3
00:03:51 → 00:03:54 ก็คือก็ต้องมาตรวจตามนัดแพทย์ทุกครั้งนะ
00:03:54 → 00:03:56 ครับเนื่องจากจะมีการเจาะติดตามระดับ
00:03:56 → 00:03:59 เกลือแร่นะครับโดยเฉพาะโซเดียมเพื่อดูว่า
00:03:59 → 00:04:02 ยาที่ใช้เนี่ยได้ผลหรือเปล่านะครับและใน
00:04:02 → 00:04:04 บางรายแทบจะขอให้ท่านตวงปัสสาวะนะครับ
00:04:04 → 00:04:07 แล้วก็ตวงน้ำที่รับประทานด้วยก็ต้องจดราย
00:04:07 → 00:04:10 ละเอียดมาให้แพทย์ทุกครั้งนะครับโดยทั่ว
00:04:10 → 00:04:13 ไปถ้ามีอาการปัสสาวะมากนะครับเช่นถ้าเกิน
00:04:13 → 00:04:16 3 ลิตรต่อวันเราก็อาจจะสันนิษฐานก่อนว่า
00:04:16 → 00:04:18 เป็นโรคเบาหวานเพราะว่าเป็นโรคที่พบได้
00:04:18 → 00:04:20 มากกว่านะครับแต่ถ้าเกิดตรวจแล้วไม่เจอ
00:04:20 → 00:04:24 โรคเบาหวานเนี่ยก็ต้องตรวจโรคเบาจืดนะ
00:04:24 → 00:04:26 ครับโดยแพทย์ที่ตรวจจะมีวิธีการที่ตรวจ
00:04:26 → 00:04:29 พิเศษนะครับยกตัวอย่างเช่นอาจจะให้งดน้ำ
00:04:29 → 00:04:32 ข้ามคืนแล้วก็ให้มาตรวจทั้งเลือดแล้วก็
00:04:32 → 00:04:34 ตรวจทั้งปัสสาวะนะครับแต่ถ้าเกิดยัง
00:04:34 → 00:04:36 วินิจฉัยไม่ได้เนี่ยอาจจะต้องให้มานอนโรง
00:04:36 → 00:04:38 พยาบาลสักประมาณครึ่งวันนะครับอดน้ำแล้ว
00:04:38 → 00:04:40 ก็ต้องตรวจเลือดตรวจปัสสาวะไปเรื่อยๆนะ
00:04:40 → 00:04:43 ครับซึ่งถ้าสงสัยก็แนะนำให้มาโรงพยาบาล
00:04:43 → 00:04:46 ได้เลยครับฟังหมอจุฬาทุกปัญหามีคำตอบอย่า
00:04:46 → 00:04:49 ลืมกด like กด Share กด Subscribe กด
00:04:49 → 00:04:53 กระดิ่งรายการฟังความข้างหมอกันนะครับ
00:04:53 → 00:04:59 [เพลง]