00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice จากการที่เาศึกษามาเนาะคทำวิจัยมา
00:00:08 → 00:00:11 เบอกว่าการ CPR เฉยๆเนี่ยค่ะโอกาสที่คน
00:00:11 → 00:00:14 ไข้จะรอดชีวิตเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% แต่
00:00:14 → 00:00:17 ว่าถ้าสมมุติว่าเรามี aed ด้วยเนี่ยโอกาส
00:00:17 → 00:00:21 คนไข้จะรอดชีวิตเนี่ยสูงขึ้นถึง 40 -50%
00:00:21 → 00:00:23 ที่เป็นปัญหาคือประชาชนส่วนใหญ่จะคิดว่า
00:00:23 → 00:00:26 มันเป็นเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจพอเป็นคำ
00:00:26 → 00:00:28 ว่าเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจจะเกิดความ
00:00:28 → 00:00:31 กลัวจะเกิดความไม่กล้าใช้เอ๊ะฉันทำได้
00:00:31 → 00:00:33 มั้ยทำได้หรือเปล่าหรือเครื่องนี้จะต้อง
00:00:33 → 00:00:36 เฉพาะหมอหรือพยาบาลทำอันเนี้ยถ้าสมมุติคน
00:00:36 → 00:00:39 ที่ไม่เคยผ่านการอบรมหรือไม่มีความรู้
00:00:39 → 00:00:42 พื้นฐานพวกเนี้ยเชื่อเลยว่าจะไม่สับแต่
00:00:42 → 00:00:45 จริงๆเครื่องนี้ใช้งานง่ายมาก
00:00:45 → 00:00:49 ค่ะฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 This Is TY PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:56 → 00:01:00 คุณผู้ฟังคะวันนี้เราก็จะมาคุยกันถึง
00:01:00 → 00:01:03 เรื่องของการช่วยเหลือชีวิตฉุกเฉินนะคะ
00:01:03 → 00:01:05 ด้วยเครื่องกระตุกหัวใจวิธีการใช้งานเป็น
00:01:05 → 00:01:08 ยังไงนะคะการช่วยเหลือยังไงได้บ้างนะคะ
00:01:08 → 00:01:10 เครื่องมือนี้สำคัญยังไงวันนี้เราต้องคุย
00:01:10 → 00:01:13 กับอาจารย์พิญญาพัฒน์กิตธัญญธีรกุล
00:01:13 → 00:01:16 อาจารย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์คณะ
00:01:16 → 00:01:18 พยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะสวัสดี
00:01:18 → 00:01:21 ค่ะอาจารย์คะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะวันนี้คุย
00:01:21 → 00:01:24 กันถึงเรื่องของการใช้เครื่องกระตุกหัวใจ
00:01:24 → 00:01:27 หรือ aed อ่ะเดี๋ยวนี้เราก็จะได้ยินเอ่อ
00:01:27 → 00:01:30 ชื่อนี้มากขึ้นกับเครื่องนี้นะคะมีความ
00:01:30 → 00:01:33 สำคัญอย่างไรช่วยอะไรยังไงได้บ้างคะ
00:01:33 → 00:01:36 อาจารย์คะอ่าค่ะจริงๆเครื่อง aed เนาะมัน
00:01:36 → 00:01:38 ก็ย่อมาจากว่า automatic External
00:01:38 → 00:01:41 defibrillation นะคะอันเนี้ยถือว่าเป็น
00:01:41 → 00:01:44 เครื่องแบบพกพาแต่ถ้าสมมุติว่าเราดูละคร
00:01:44 → 00:01:48 นะคะดูดูหนังดูละครเเราจะเห็นว่าเวลาที่
00:01:48 → 00:01:51 คนไข้ต้อง CPR แล้วเก็จะมีเครื่องที่คุณ
00:01:51 → 00:01:56 หมอเขาลากมาแล้วก็มาช็อตไฟฟ้าหัวใจคนไข้
00:01:56 → 00:01:59 อันนั้นคือสำหรับอยู่ในโรงพยาบาลแต่ถ้า
00:01:59 → 00:02:02 เป็นตัวเนี้ยจะเป็นเครื่องที่สำหรับพกผ่า
00:02:02 → 00:02:06 ก็คือมันจะมีอยู่ในหลายๆสถานที่อค่ะซึ่ง
00:02:06 → 00:02:08 ปัจจุบันเยประเทศไทยก็ให้ความสำคัญกับ
00:02:08 → 00:02:11 เรื่องนี้มากก็คือบางส่วนสาธารณะบางที่
00:02:11 → 00:02:14 อ่ะค่ะก็จะมีเครื่องนี้อยู่แล้วก็ตามห้าง
00:02:14 → 00:02:17 สรรพสินค้าสนามบินหรือสนามกีฬาที่ได้
00:02:17 → 00:02:20 มาตรฐานอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะมีอยู่ตาม
00:02:20 → 00:02:22 จุดต่างๆวิธีสังเกตว่าเครื่องเนี้ยอยู่
00:02:22 → 00:02:26 ตรงไหนก็คือหาได้ง่ายๆเลยค่ะโดยส่วนใหญ่
00:02:26 → 00:02:28 เครื่องจะเป็นลักษณะสีแดงเนาะเป็นรูปหัว
00:02:28 → 00:02:30 ใจสีแดงแล้วก็จะมีอ่าเครื่องหมายเหมือน
00:02:30 → 00:02:32 ฟ้าผ่าอยู่กลางหัวใจอย่าเงี้ยจากการที่
00:02:32 → 00:02:35 เขาศึกษามาเนาะการทำวิจัยมาเขาบอกว่าการ
00:02:35 → 00:02:38 CPR เฉยๆเนี่ยค่ะโอกาสที่คนไข้จะรอด
00:02:38 → 00:02:41 ชีวิตเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% แต่ว่าถ้า
00:02:41 → 00:02:44 สมมุติว่าเรามี aed ด้วยเนี่ยโอกาสคนไข้
00:02:44 → 00:02:47 จะรอดชีวิตเนี่ยสูงขึ้นถึง 40 -50%
00:02:47 → 00:02:50 เพราะว่าหัวใจเราเนี่ยมันจะมีพลังงานไฟ
00:02:50 → 00:02:52 ฟ้าด้วยค่ะเวลาเราไปโรงพยาบาลเห็นมั้ยคะ
00:02:52 → 00:02:55 เราถึงจะได้ยินคำว่าตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
00:02:55 → 00:02:57 เพราะว่าหัวใจเราสามารถที่จะปล่อยกระแสไฟ
00:02:58 → 00:03:01 ฟ้าได้ค่ะการที่มีอไปกระตุ้นตรงนี้ด้วย
00:03:01 → 00:03:04 เนี่ยมันก็จะทำให้การกลับมาของหัวใจเนี่ย
00:03:04 → 00:03:07 กลับมาทำงานเป็นปกติได้ได้ดีขึ้นได้มาก
00:03:07 → 00:03:11 ขึ้นเพราะว่าสาเหตุของการหมดสติอ่ะค่ะอ่า
00:03:11 → 00:03:14 มันจะมี 2 สาเหตุหลักๆเนาะคือหัวใจไม่ทำ
00:03:14 → 00:03:18 งานเลยกับคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีปัญหาถ้าหัวใจ
00:03:18 → 00:03:22 ไม่ทำงานเลยการ CPR ก็จะเป็นโจทย์เ่อก็จะ
00:03:22 → 00:03:24 ตอบโจทย์อย่างแรกแต่ถ้าสมมุติว่าคลื่นไฟ
00:03:24 → 00:03:27 ฟ้าหัวใจมีปัญหาร่วมด้วยเงี้ยค่ะอันเนี้ย
00:03:27 → 00:03:30 ก็จะต้องใช้เครื่องกระตุ้นไฟไฟฟ้าเนี่ย
00:03:30 → 00:03:32 ช่วยแล้วจะทำให้การช่วยมีประสิทธิภาพมาก
00:03:32 → 00:03:36 ขึ้นมากเลยค่ะอืส่วนใหญ่จะช่วยในกรณีไหน
00:03:36 → 00:03:40 คะแบบอยู่ๆแบบออกกำลังกายหมดสติไปเลยหรือ
00:03:40 → 00:03:44 ว่าแบบกรณีอุเอ่ออุบัติเหตุรถชนหรืออะไร
00:03:44 → 00:03:47 อย่างงี้มั้ยคะมีมีตรงนี้ที่เราต้องเอ่อ
00:03:47 → 00:03:49 ประเมินมหรือว่าก็ประเมินเหมือนกับการทำ
00:03:49 → 00:03:54 CPR ที่ที่เคยคุยกันไว้อ่ะค่ะอาจารย์ค่ะ
00:03:54 → 00:03:57 จริงๆแล้วอันเนี้ยมันเป็นขั้นตอนที่สำคัญ
00:03:57 → 00:04:00 ต่อจากเ่า CPR ที่บอกว่ามันจะมี 3 ห่วง
00:04:00 → 00:04:04 โซ่ที่สำคัญของของประชาชนก็คือโทรเรียกขอ
00:04:04 → 00:04:06 ความช่วยเหลือแล้วอันที่ 2 ก็คือ CP
00:04:06 → 00:04:09 อย่างมีประสิทธิภาพอันที่ 3 ก็คือการใช้
00:04:09 → 00:04:12 เครื่อง aed อันนี้เราจะมาโตที่ 3 ะก่อน
00:04:12 → 00:04:15 จะส่งต่อไปให้อ่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
00:04:15 → 00:04:18 ที่ 4 ที่ 5 เพราะฉะนั้นหลังจากที่เรา CPR
00:04:18 → 00:04:21 คนไข้อ่ะค่ะเวลาที่หลังจาก CPR คนไข้แล้ว
00:04:21 → 00:04:24 มันจะมีข้อนึงที่เคยบอกไปว่าโทรขอความ
00:04:24 → 00:04:26 ช่วยเหลือนะไปที่ 1669 แล้วก็ขอเครื่อง
00:04:26 → 00:04:29 aed ในขณะที่อยู่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามตาม
00:04:29 → 00:04:32 ที่มีคนหิ้วเครื่อง CP เอ่อเครื่อง aed
00:04:32 → 00:04:35 มาค่ะเราจะต้องหยุด CPR แล้วก็ติดเครื่อง
00:04:35 → 00:04:38 ทันทีติดเครื่องนี่หมายถึงว่าอ่อแปะตัว
00:04:38 → 00:04:40 กระตุ้นน่ะค่ะแผ่นกระตุ้นไปที่คนไข้ทันที
00:04:40 → 00:04:43 เพราะว่าอ่าตัวเครื่องเนี่ยจะช่วย
00:04:43 → 00:04:46 วิเคราะห์ว่าสาเหตุของการหมดสติของคนไข้
00:04:46 → 00:04:49 เนี้ยจะต้องทำการ CPR หรือว่าจะต้องช็อก
00:04:49 → 00:04:52 ไฟฟ้าอ๋อสามารถประเมินเครื่องประเมินให้
00:04:52 → 00:04:55 ได้เลยใช่มั้ยคะแต่ว่าก่อนหน้านั้นยังไง
00:04:55 → 00:04:58 ก็ต้องทำ CPR มาก่อนแหละไม่ใช่ว่ามาแบบ
00:04:59 → 00:05:02 เอาเครื่องมาใส่เลยอย่างเดียวไม่ใช่ใช่
00:05:02 → 00:05:05 ค่ะเพราะว่ามันคงมันคงมีโอกาสน้อยที่จะมี
00:05:05 → 00:05:08 คนเป็นลมหมดสติอยู่ข้างเครื่อง aed หรือ
00:05:08 → 00:05:11 เราจะแบบพบเครื่อง aed ณจุดเกิดเหตุถ้า
00:05:11 → 00:05:15 เราเจอคนไข้หมดสติไม่หายใจ CPR CPR รอคน
00:05:15 → 00:05:18 มาช่วยรอ aed มาค่ะอืก็จะเพิ่ม
00:05:18 → 00:05:21 เปอร์เซ็นต์ในการที่จะมีโอกาสเอ่อรอดอะไร
00:05:21 → 00:05:24 เงี้ยมันจะมากขึ้นด้วยนะคะใช่ค่ะแต่ว่า
00:05:24 → 00:05:27 ที่เป็นปัญหาคือประชาชนส่วนใหญ่จะคิดว่า
00:05:27 → 00:05:30 มันเป็นเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจพอเป็นคำ
00:05:30 → 00:05:32 ว่าเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจจะเกิดความ
00:05:32 → 00:05:34 กลัวจะเกิดความไม่กล้าใช้เอ๊ะฉันทำได้
00:05:34 → 00:05:36 มั้ยทำได้หรือเปล่าหรือเครื่องนี้จะต้อง
00:05:36 → 00:05:40 เฉพาะหมอหรือพยาบาลทำอันเนี้ยถ้าสมมุติคน
00:05:40 → 00:05:43 ที่ไม่เคยอ่าผ่านการอบรมหรือไม่มีความรู้
00:05:43 → 00:05:46 พื้นฐานพวกเนี้ยเชื่อเลยว่าจะไม่สับแต่
00:05:46 → 00:05:49 จริงๆเครื่องนี้ใช้งานง่ายมากค่ะง่ายสุดๆ
00:05:49 → 00:05:53 ค่ะจำได้ว่าตอนที่ฝึกมีมีฝึกด้วยเครื่อง
00:05:53 → 00:05:55 นี้เหมือนกันค่ะอาจารย์แต่ว่ายังจำราย
00:05:55 → 00:05:58 ละเอียดทั้งหมดไม่ได้เอ่อเขาจะมีเหมือน
00:05:58 → 00:06:02 แบบเป็นแผ่นแนะนำทำการแปะแผ่นเออแผ่นนำไฟ
00:06:02 → 00:06:05 ฟ้าอะไรเนี่ยใช่มั้ยคะว่าแปะตรงไหนอะไร
00:06:05 → 00:06:08 ยังไงเมีขั้นตอนบอกแล้วเหมือนจะมีเสียง
00:06:08 → 00:06:11 คอยบอกด้วยนะคะเหมือนแบบมีเสียงบอกใช่แต่
00:06:11 → 00:06:14 ว่าที่สำคัญเนาะเราเราไม่รู้เอ่อเราต้อง
00:06:14 → 00:06:16 ประเมินก่อนว่าสถานการณ์ที่เราเจออ่ะค่ะ
00:06:16 → 00:06:18 โดยอย่างที่บอกว่าเครื่องเนี้ยมันเป็น
00:06:18 → 00:06:20 เครื่องอ่ากระตุ้นไฟฟ้าซึ่งมันปล่อยไฟฟ้า
00:06:20 → 00:06:24 ประมาณ 200 จูนเพราะฉะนั้นเวลาที่เรา
00:06:24 → 00:06:27 สมมุตินะคะว่าเราเจอคนหมดสติคนจมน้ำไม่
00:06:27 → 00:06:31 ใช่ว่าขมาแล้วแปะเลยนะคะเราก็รู้ว่าน้ำ
00:06:31 → 00:06:34 กับไฟฟ้าเนี่ยมันไปด้วยกันไม่ได้แต่มันจะ
00:06:34 → 00:06:37 เกิดเพราะฉะนั้นอ่าเราต้องประเมินคนไข้
00:06:37 → 00:06:40 ก่อนถ้าคนไข้ตัวเปียกหรือเหงื่อมีเหงื่อ
00:06:40 → 00:06:43 เยอะตัวเปียกหรือคนจมน้ำที่สำคัญก่อนจะ
00:06:43 → 00:06:46 แปะเครื่องนี้นะคะเช็ดตัวให้แห้งก่อนค่ะ
00:06:46 → 00:06:49 หรือกรณีที่เราเจอคนไข้ที่คนหน้าอกเยอะ
00:06:49 → 00:06:52 หรืออาจจะเป็นแบบเจอแขกไปเดินแถวเยาวราช
00:06:52 → 00:06:54 พาหุรัตน์รเงี้ยแขนเป็นลมเป็นไปได้นะคะ
00:06:54 → 00:06:56 ถ้าสมมุติว่ามีมีดโกนหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:06:56 → 00:07:00 โกนขนก่อนค่อยแปะอว่าเวลาที่เครื่องมัน
00:07:00 → 00:07:04 ปล่อยพลังงานไฟฟ้าค่ะมันจะเกิดการไหม้ผล
00:07:04 → 00:07:07 ของคนไข้ได้มันก็จะเกิดแบบแผ่ไฟไหม้ตรง
00:07:07 → 00:07:09 นั้นได้หรือถ้าสมมุติว่าคนจมน้ำเงี้ยมัน
00:07:09 → 00:07:13 ก็จะทำให้เกิดอ่าไฟฟ้าช็อตได้ค่ะก็วัง 2
00:07:13 → 00:07:17 2 เรื่องนี้นะคะก็คือถ้าตัวถ้ามีขนถ้า
00:07:17 → 00:07:21 โกนได้โนแต่ถ้าโกนไม่ได้ไม่ต้องรอนะคะก็
00:07:21 → 00:07:23 ต้องยอมแบเกิดอาการไหม้ก่อนแล้วเราค่อยไป
00:07:23 → 00:07:27 รักษะที่หลักการช่วยให้สำคัญกว่าเอาอะไร
00:07:28 → 00:07:30 เอาผ้ามารองไว้ตรงนบริเวณหน้าอกที่แบบมี
00:07:30 → 00:07:32 ขนหน้าอกเยอะๆไม่ได้หรอคะอ๋อตัวแผ่นนี้
00:07:32 → 00:07:35 มันต้องแปะไปที่ตัวคนไข้เลยไคะอ๋อเพราะ
00:07:35 → 00:07:38 ฉะนั้นก็คือถ้าไม่โกนขนหน้าอกออกก็อาจจะ
00:07:38 → 00:07:42 ไหม้นิดนึงโอยอ่ะแต่ว่าอันตรายน้อยมากไม่
00:07:42 → 00:07:44 ต้องไม่ต้องห่วงขนาดนั้นนะคะอ่าทีนี้ถ้า
00:07:44 → 00:07:48 สมมุติว่าโอเคเช็ดให้แห้งะตัวไม่เปียกละ
00:07:48 → 00:07:50 ตรงบริเวณหน้าอกอ่าสมมุติขนหน้าอกเราโกน
00:07:50 → 00:07:52 ให้และหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะอันนี้ยังไง
00:07:52 → 00:07:56 ต่อคะก็ถ้าสมมุติว่าเ่อเรากำลังช่วยปั๊ม
00:07:56 → 00:07:58 หัวใจอยู่ CPR อยู่แล้วมีคนบอกว่าเอา
00:07:58 → 00:08:01 เครื่องเ Ed มาคนที่ปั๊มหัวใจอยู่เนี่ย
00:08:01 → 00:08:05 ต้องหยุดปั๊มหัวใจแล้วก็ช่วยกันอ่าแปะ
00:08:05 → 00:08:07 เครื่องแปะช่วยกันใช้เครื่อง aed ในที่
00:08:07 → 00:08:10 นี้ก็คือวิธีการใช้นะคะง่ายมากเลยเครื่อง
00:08:10 → 00:08:13 aed เนี่ยจำแค่ 4 คีย์เวิร์ดก็คืออย่าง
00:08:13 → 00:08:15 เวลาที่สอนนักศึกษาหรืออะไรเงี้ยค่ะเราจะ
00:08:15 → 00:08:18 บอกเด็กเลยว่าเปิดเครื่องเปิดก็คือเปิด
00:08:18 → 00:08:21 เครื่องนะคะแปะก็คือแปะแผ่น anal หรเราจะ
00:08:21 → 00:08:23 ใช้คำว่า anal เนาะแต่จริงๆก็คือเครื่อง
00:08:23 → 00:08:25 วิเคราะห์ล่ะค่ะอันเนี้ยคือเครื่องมันจะ
00:08:25 → 00:08:28 ทำก็คือเครื่องก็จะวิเคราะห์ว่าว่าจะต้อง
00:08:28 → 00:08:32 ทำ CP หรือจะต้องช็ช็อกไฟฟ้าอันสุดท้าย
00:08:32 → 00:08:34 คือคำว่าช็อกถ้าช็อกเดี๋ยวเครื่องมันจะ
00:08:34 → 00:08:36 ช็อกอ่ะค่ะเวลาเราสอนเด็กเราก็จะบอกว่า
00:08:36 → 00:08:38 เนี่ยเปิดแปะ analy Shock นี่คือ
00:08:38 → 00:08:41 คีย์เวิร์ดของการใช้เครื่อง aed อเพราะ
00:08:41 → 00:08:44 ฉะนั้นเครื่องมาถึงค่ะเปิดเครื่องก่อนค่ะ
00:08:44 → 00:08:45 เปิดเครื่องเสร็จปุ๊บเครื่องมันก็อาจจะ
00:08:45 → 00:08:48 ร้องตึ๊ดๆๆอะไรของมันก็แล้วแต่แต่โดยทั่ว
00:08:48 → 00:08:51 ไปทุกวันเยค่ะเครื่องมันจะมีบอกเลยว่าเรา
00:08:51 → 00:08:55 ควรจะทำอะไรบ้างแล้วก็ในประเทศไทยหลายๆ
00:08:55 → 00:08:57 ที่อ่ะค่ะคำสั่งก็คือเป็นภาษาไทยด้วยถ้า
00:08:58 → 00:08:59 เป็นสมัยก่อนเนี่ยเรานำเข้าเข้าเครื่อง
00:08:59 → 00:09:01 ทั้งหมดอาจจะเป็นภาษาอังกฤษเนาะแต่ทุกวัน
00:09:01 → 00:09:04 เนี้ยมีหลายยี่ห้อเลยค่ะที่เป็นภาษาไทยพอ
00:09:04 → 00:09:08 เปิดเสร็จปุ๊บเครื่องก็จะบอกว่าให้เราเอา
00:09:08 → 00:09:11 แผ่นกระตุ้นไฟฟ้าเนี่ยค่ะไปแปะที่หน้าอก
00:09:11 → 00:09:13 คนไข้เพราะฉะนั้นแผ่นมันก็จะมีอยู่ 2
00:09:13 → 00:09:17 แผ่นเาจะมีอ่าสัญลักษณ์บอกชัดเจนเลยค่ะ
00:09:17 → 00:09:21 ว่าแผ่นไหนติดที่อ่าใต้ราวนมด้านซ้ายแผ่น
00:09:21 → 00:09:22 ไหนติดที่
00:09:22 → 00:09:26 อ่าที่ด้านขวาต่ำจากกระดูกไหปลาร้าลงมา
00:09:26 → 00:09:29 นิดนึงอย่างเงี้ยนะคะเจะบอกเลยว่าแผ่นไหน
00:09:29 → 00:09:31 แปตรงไหนอันเนี้ยง่ายมากแล้วเราก็ลอก
00:09:31 → 00:09:34 พลาสติกที่มีคือโดยปกติแล้วแผ่นมันจะมี
00:09:34 → 00:09:37 เจลอยู่อ่ะค่ะแล้วก็จะมีพาปิดทับเจลอีกที
00:09:37 → 00:09:39 นึงเพราะฉะนั้นร่องพลาสติกตรงเออกก่อน
00:09:39 → 00:09:43 แล้วก็เอาแผ่นเนี่ยไปแปะที่หน้าอกด้านขวา
00:09:43 → 00:09:47 แล้วก็ใต้ราวนมด้านซ้ายอืแปะเสร็จอ่ะค่ะ
00:09:47 → 00:09:51 เครื่องมันก็จะมีคำสั่งว่าให้เราอยู่นิ่ง
00:09:51 → 00:09:53 ๆห้ามแตะต้องคนไข้เพราะว่ามันกำลัง
00:09:53 → 00:09:57 วิเคราะห์อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้อ๋อ
00:09:57 → 00:09:59 ถ้าสมมุติว่าเครื่องมันวิเคราะห์เสร็จ
00:09:59 → 00:10:02 แล้วแล้วอ่าคนไข้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น
00:10:02 → 00:10:05 ที่ไม่ต้องใช้การกระตุ้นไฟฟ้าเครื่องก็จะ
00:10:05 → 00:10:08 บอกแล้วว่าให้ทำการ CPR นั่นคือเราก็จะ
00:10:08 → 00:10:12 ต้อง CPR คนไข้เครื่องจะไม่ช็อตเราจะต้อง
00:10:12 → 00:10:15 CPR คนไข้ไปเรื่อยๆ 2 นาทีทำ 5 รอบเนาะ
00:10:15 → 00:10:19 ใน 2 นาทีเราต้อง CP พอครบ 2 นาทีเครื่อง
00:10:19 → 00:10:21 มันก็จะวิเคราะห์ใหม่ค่ะเพราะฉะนั้นเราก็
00:10:21 → 00:10:24 จะต้องไม่แตะคนไข้แล้วก็อยู่นิ่งๆพอ
00:10:24 → 00:10:26 เครื่องมันวิเคราะห์เสร็จแล้วเครื่องบอก
00:10:26 → 00:10:29 ว่าต้องช็อนะอือฮึ
00:10:29 → 00:10:33 ที่สำคัญก็คือเราจะต้องช็อกไฟฟ้าคนไข้
00:10:33 → 00:10:36 ซึ่งความสำคัญในตรงนี้คือจริงๆการช็อกกด
00:10:36 → 00:10:39 แค่ปุ่มเดียวแล้วก็เครื่องก็จะปล่อย 200
00:10:39 → 00:10:41 จูนแต่ที่สำคัญเวลาที่จะช็อกอ่ะค่ะอย่าง
00:10:41 → 00:10:44 ที่บอกว่ากระแสไฟฟ้าที่ปล่อยมัน 200 จูน
00:10:44 → 00:10:48 เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่แตะตัวคนไข้อ๋อ
00:10:48 → 00:10:51 เราจะต้องอ่ะค่ะคนที่จะเป็นคนกดช็อกอ่ะ
00:10:51 → 00:10:55 ค่ะก็จะต้องมองดูตัวเองว่าเราไม่อยู่ใกล้
00:10:55 → 00:10:58 ตัวคนไข้นะไม่มีส่วนไหนของร่างกายเราอยู่
00:10:58 → 00:11:00 ติดกับคนไข้นะเพราะฉะนั้นคุณต้องมีคำพูด
00:11:00 → 00:11:04 เลยว่าชั้นถอยชั้นถอยหมายถึงตัวเองถอย
00:11:04 → 00:11:07 ห่างจากคนไข้แต่มือเราปุ่มกดช็อแต่เราไม่
00:11:07 → 00:11:10 แตะต้องคนไข้อันที่ 2 คือคุณถอยคุณในที่
00:11:10 → 00:11:14 นี้หมายถึงคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวคนไข้หรือ
00:11:14 → 00:11:16 แม้กระทั่งว่าคนที่กำลังช่วยเราอยู่เรา
00:11:16 → 00:11:19 ต้องบอกเขาเลยว่าคุณถอยแล้วสายตาเราต้อง
00:11:19 → 00:11:23 กวาดมองให้รอบเลยนะคะว่าไม่มีแตะต้องตัว
00:11:23 → 00:11:26 คนไข้ค่ะแล้วลำสั่งสุดท้ายต้องบอกเสียง
00:11:26 → 00:11:29 ดังฟังชัดเลยว่าทุกคนถอยแล้วก็ก็ต้องดู
00:11:29 → 00:11:32 ด้วยว่าทุกคนถอยจริงๆไม่มีใครแตะต้องคน
00:11:32 → 00:11:34 ไข้จริงๆอือหลังจากนเราเห็นว่าทุกอย่าง
00:11:34 → 00:11:37 เคลียร์หมดแล้วะถอยหมดะเราก็กดช็อกค่ะ
00:11:37 → 00:11:39 เครื่องเครื่องจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาใช่
00:11:39 → 00:11:44 ค่ะทุกคนอยู่ในัจะจะไทมุงจะช่วยอยู่หรือ
00:11:44 → 00:11:47 อยู่ใกล้ๆตัวเราอะไรก็ต้องต้องถอยออกให้
00:11:47 → 00:11:50 หมดใช่ค่ะเพราะว่ากระแสไฟฟ้ามันมันสูง
00:11:50 → 00:11:52 เนาะไม่งั้นเราก็จะโดนกระแสไฟฟ้าช็อกไป
00:11:52 → 00:11:55 ด้วยจากหัวใจเราเต้นปกติอยู่ดีๆเราจะกลาย
00:11:55 → 00:11:58 เป็นคนหัวใจหยุดเต้นได้อันนี้สำคัญอ๋อ
00:11:58 → 00:12:01 แสดงว่าตอนที่ถ้าเครื่องไม่ได้บอกว่าจะ
00:12:01 → 00:12:04 ต้องทำการช็อแต่ว่าให้เรา CPR ไปเรื่อยๆ
00:12:04 → 00:12:08 เนี่ยก็คืออ่ะทำตามไปเดี๋ยวเครื่องพอถึง
00:12:08 → 00:12:12 เวลาก็จะประเมินให้แต่ถ้าสถานการณ์แย่แน่
00:12:12 → 00:12:15 ๆและคือต้องมีการใช้เครื่องเนี่ยช็อกเลย
00:12:15 → 00:12:18 เนี่ยมันมีปุ่มกดอยู่ตรงนั้นทุกคนต้องถอย
00:12:18 → 00:12:20 ตรงจุดนี้เอออันนี้สำคัญมากจริงๆนะแล้วก็
00:12:20 → 00:12:22 ภายหลังจากที่เครื่องช็อกเสร็จแล้วสิ่ง
00:12:22 → 00:12:25 ที่ต้องทำก็คือต้อง CPR ทันทีไซเคิลของ
00:12:25 → 00:12:28 การ CPR 1 ไซเคิล 2 นาทีอย่างที่บอกค่ะ
00:12:28 → 00:12:31 พอ CPR ครบ 1 ไซเคิล 2 นาทีเสร็จปุ๊บ
00:12:31 → 00:12:33 เครื่องมันก็จะวิเคราะห์อีกรอบนึงเครื่อง
00:12:33 → 00:12:35 มันก็จะทำการวิเคราะห์อีกรอบนึงเลยค่ะ
00:12:35 → 00:12:37 วิเคราะห์ว่าต้องช็ออีกเครื่องก็จะปล่อย
00:12:37 → 00:12:40 กระแสไฟฟ้าอีกเราก็จะต้องทำตามขั้นตอน
00:12:40 → 00:12:43 เหมือนเดิมค่ะการมีเ่อ aed อ่ะค่ะที่
00:12:43 → 00:12:46 สำคัญอย่างนึงเลยนะคะว่าเวลาที่เราเ่อพอ
00:12:46 → 00:12:48 ช็อเสร็จแล้วเครื่องบอกให้เรา CPR ต่อ
00:12:49 → 00:12:51 เครื่อง CPR บางรุ่นน่ะค่ะมันจะมีจังหวะ
00:12:51 → 00:12:56 ให้เรามันจะมีเสียงตึ๊กตึ๊กตึกตึกๆแบบเย
00:12:56 → 00:12:58 ให้เราเลยค่ะคนที่คนที่ CPR อยู่ก็จะได้
00:12:58 → 00:13:01 จังหวะที่ดีในการ CPR ด้วยอ๋อแต่ว่าแผ่น
00:13:01 → 00:13:04 แปะหน้าอกอะไรพวกนั้นก็คือยังอยู่ไม่ต้อง
00:13:04 → 00:13:06 ดึงออกไม่ต้องอะไรออกเลยอยู่ใช่ค่ะเพราะ
00:13:06 → 00:13:08 ว่าตำแหน่งของแผ่น 8 กับตำแหน่งที่เรากด
00:13:08 → 00:13:11 คนละตำแหน่งกันค่ะต้องวางไว้อย่าอ๋อคือ
00:13:11 → 00:13:15 ถ้าถ้าเกิดว่าเรากดไปตามจังหวะได้โอเคและ
00:13:15 → 00:13:18 อันนี้เดี๋ยวเครื่องก็จะบอกขึ้นมาอีกว่า
00:13:18 → 00:13:21 เออแบบคนไข้ดีขึ้นแล้วหรืออะไรอย่างงี้
00:13:21 → 00:13:24 มั้ยคะใช่พอพอครบ 2 นาทีปุ๊บเครื่องเขาจะ
00:13:24 → 00:13:26 วิเคราะห์เลยค่ะพอครบ 2 นาทีเครื่องเขาจะ
00:13:27 → 00:13:29 วิเคราะห์เลยว่าว่าคนไขมีชชีพจรหรือยัง
00:13:30 → 00:13:31 หรือไม่มีชีพจรต้อง CPR หรือต้องช็อ
00:13:32 → 00:13:34 เครื่องเขาจะบอกเราเลยค่ะโอ้โหดีเลยนะคะ
00:13:34 → 00:13:36 จริงๆแล้วเครื่องนี้มีประโยชน์มากๆเลยอ่ะ
00:13:36 → 00:13:38 ใช่ถ้ามีเครื่องเนี้ยอัตราการรอดชีวิตของ
00:13:38 → 00:13:41 คนไข้ถึงสูงขึ้นเยอะมากค่ะเพราะว่าอ่า
00:13:41 → 00:13:43 สาเหตุของการเสียชีวิตอย่างเงี้ยเอสาเหตุ
00:13:43 → 00:13:45 ของหัวใจอยู่เต้นเงี้ยค่ะบางทีคือมันมา
00:13:45 → 00:13:49 จากเอ่อหัวใจห้องล่างซ้ายส่งกระแสไฟฟ้า
00:13:49 → 00:13:52 ผิดปกติหรือว่าการเต้นพริ้วของหัวใจหรือ
00:13:52 → 00:13:54 อะไรเงี้ยซึ่งพวกเนี้ยต้องอาศัยการช็อกไฟ
00:13:54 → 00:13:57 ฟ้าการ CPR อย่างเดียวเนี่ยโอกาสที่คนไข้
00:13:57 → 00:14:01 กลับมาเนี่ยก็คืออาจจะไม่ได้เต็มที่อ่ะ
00:14:01 → 00:14:05 ค่ะก็ค่อนข้างสำคัญค่ะแล้วข้อควรระวังใน
00:14:05 → 00:14:07 การใช้เครื่องนี้นอกจากในช่วงที่จะปล่อย
00:14:07 → 00:14:10 กระแสไฟฟ้าช่วงการทำการช็อกเนี่ยยังมี
00:14:10 → 00:14:12 อย่างอื่นอีกมั้ยคะที่เราต้องต้องระวัง
00:14:12 → 00:14:14 อย่างแบ่งแผ่นแปะเมื่อกี้อาจารย์บอกว่า
00:14:14 → 00:14:17 มันมีเจลอยู่อันเนี้ยมันมันใช้ได้ครั้ง
00:14:17 → 00:14:20 เดียวหรือว่ามันแผ่นแปะนี้เราเรามีตัว
00:14:20 → 00:14:23 เปลี่ยนหรืออะไรมคะสมมุติกรณีมีเหตุการ
00:14:23 → 00:14:27 อาจจะเกิดขึ้นในโอกาสต่อไปจริงๆแล้วมันก็
00:14:27 → 00:14:30 ขึ้นอยู่กับเอ่อแล้วแต่แะยี่ห้อนะคะว่า
00:14:30 → 00:14:33 ว่าว่าแผ่นแปะเนี้ยจะใช้ได้กี่ครั้งอย่าง
00:14:33 → 00:14:36 เงี้ยค่ะก็ก็ก็จะมีระบุไว้แต่โดยส่วนใหญ่
00:14:36 → 00:14:38 แล้วเค้าก็จะมีเปลี่ยนนะคะถ้าสมมุติว่า
00:14:38 → 00:14:41 ใช้ไปแล้วเงี้ยค่ะก็อาจะออกแล้วก็เอ่อ
00:14:41 → 00:14:43 เวลาที่คนที่ดูแลเครื่องค่ะเตรียมเครื่อง
00:14:43 → 00:14:46 ให้พร้อมเขาคก็จะเอาแผ่นใหม่มามาเสียบไว้
00:14:46 → 00:14:48 สำรองอยู่แล้วค่ะเอ๊ะอย่างถ้าสมมุติว่ามี
00:14:48 → 00:14:51 บาดแผลอย่าเงี้ยค่ะอาจารย์เช่นประสบ
00:14:51 → 00:14:54 อุบัติเหตุมีเลือดมีอะไรอย่างเงี้ยใช้
00:14:54 → 00:14:56 เครื่อง aed อยู่ได้มั้ยคะค่ะอ๋อได้ค่ะ
00:14:56 → 00:14:59 ถ้าสมมุติว่ามีมีบาดแผลเนาถ้าสมมตว่ามี
00:14:59 → 00:15:01 บาดแผลตรงบริเวณหน้าอกหรืออะไรอย่าเงี้ย
00:15:01 → 00:15:04 ค่ะแล้วก็เ่อแปะหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีบาด
00:15:04 → 00:15:07 แผลนิดนึงอย่างเงี้ยค่ะอ๋อก็ก็ยังได้อยู่
00:15:07 → 00:15:10 แต่ว่าอ่าไม่ได้ตรงจุดแต่ถ้าเกิดว่าแผน
00:15:10 → 00:15:12 น่ะไม่ได้อยู่ตรงจุดที่จะต้องใช้แผ่นแปะ
00:15:12 → 00:15:16 อันนี้ก็ไม่มีปัญหาและใช่ใช่ค่ะแล้วก็ที่
00:15:16 → 00:15:19 สำคัญที่บอกว่าเอ่อดูลักษณะคนไข้นิดนึง
00:15:20 → 00:15:22 ว่าถ้าโดยเฉพาะคนไข้จมน้ำตัวเปียกมาอะไร
00:15:22 → 00:15:25 เงี้ยค่ะอันนี้ต้องเช็แห้งก่อนจะแปะแล้ว
00:15:25 → 00:15:28 ก็คนไข้มีขนถ้าเราสามารถก้นขนก่อนได้อัน
00:15:28 → 00:15:31 นี้ก็ก็ก็โกนก่อนที่จะแปะเครื่องอันนี้ก็
00:15:31 → 00:15:33 จะดีมากค่ะโอ้โหอันนี้เป็นเรื่องละเอียด
00:15:33 → 00:15:36 มากจริงๆนะคะคือแบบตอนตอนที่อบรมเนี่ยไม่
00:15:36 → 00:15:39 ได้มีข้อตรงนี้แจ้งเหมือนกันนะอันนี้ได้
00:15:39 → 00:15:42 มารู้จากอาจารย์เพิ่มเติมเลยนะคะเออแล้ว
00:15:42 → 00:15:44 อย่างถ้าแบบเราปฐมพยาบาลฉุกเฉินเงี้ยค่ะ
00:15:45 → 00:15:47 ถามอาจารย์เพิ่มเติมว่าแบบอะไรมันจะเป็น
00:15:47 → 00:15:50 เหตุให้แบบหัวใจหยุดเต้นได้มั้ยคะถึงแม้
00:15:50 → 00:15:52 เราจะแบบช่วยกู้ชีพอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
00:15:52 → 00:15:55 หรืออะไรเงี้ยคะมันจะมีอะไรมั้ยคะจริงๆ
00:15:55 → 00:15:58 มันมีหลายสาเหตุมากเลยนะคะที่ทำให้เอ่อ
00:15:58 → 00:16:01 เกิดภาวะหัวใจอยู่เต้นไม่ว่าจะเกิดจากหัว
00:16:01 → 00:16:03 ใจเองเนี่ยอย่างโรคหัวใจเนี่ยก็จะแบ่ง
00:16:03 → 00:16:06 เป็นหลายโรคมากเลยค่ะที่ทำให้หัวใจหยุ
00:16:06 → 00:16:08 เต้นเอออาจจะเกิดจากการส่งกระแสไฟฟ้าที่
00:16:08 → 00:16:11 ผิดปกติของห้องหัวใจด้านล่างซ้ายหรือคน
00:16:11 → 00:16:14 ที่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติอยู่แล้วหรือ
00:16:14 → 00:16:16 คนที่เป็นโรคแบบอ่ากล้ามเนื้อหัวใจขัด
00:16:17 → 00:16:20 เลือดหรือบางคนไม่เคยตรวจตรวจเลยแต่ว่ามี
00:16:20 → 00:16:23 ภาวะที่เป็นเช่นแบบอ่าโรคอ้วนหรือมีโรค
00:16:23 → 00:16:26 ประจำตัวเยอะเช่นไขมันความดันเบาหวานอะไร
00:16:26 → 00:16:28 เงี้ยค่ะอยู่ดีๆมันเกิดเ่อกล้ามเนื้อหัว
00:16:28 → 00:16:31 หัวใจขาดเลือดเฉียบพันอะไรอย่าเงี้ยก็จะ
00:16:31 → 00:16:34 ทำให้เขาอ่าหมดสติหัวใจหยุดเต้นได้หรือ
00:16:34 → 00:16:37 แม้กระทั่งบางคนที่เกิดโรคหลอดเลือดสมอง
00:16:37 → 00:16:40 แตกอย่างเงี้ยค่ะเอ่ออยู่ใช้ชีวิตอยู่ที่
00:16:40 → 00:16:42 บ้านดีๆปรากฏว่าอ้าวหลอดเลือดสมองตีบหลอด
00:16:42 → 00:16:45 เลือดสมองแตกมาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด
00:16:45 → 00:16:48 เ่อถ้าเกิดอาการรุนแรงเงี้ยค่ะก็จะเป็น
00:16:48 → 00:16:50 สาเหตุที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้เหมือนกัน
00:16:50 → 00:16:53 หรือแม้กระทั่งว่าเรานั่งทานข้าวอยู่กับ
00:16:53 → 00:16:55 เพื่อนแล้วลูกชิ้นติดคออย่าเงี้ยค่ะอะไร
00:16:55 → 00:16:58 ก็ตามที่มันกั้นทางเดินหายใจอย่างเงี้ยก็
00:16:58 → 00:17:00 เป็นสาเหตที่ทำให้เกิดหัวใจหยุดเต้นได้
00:17:00 → 00:17:03 เหมือนกันแม้กระทั่งอาการแพ้การได้รับสาร
00:17:03 → 00:17:05 พิษอะไรเงี้ยคะมันมีหลายสาเหตุมากที่ทำ
00:17:05 → 00:17:08 ให้เกิดคนไข้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น
00:17:08 → 00:17:12 โอไม่ไม่มีมันเกิดขึ้นได้ตอนไหนก็ได้กับ
00:17:12 → 00:17:14 ใครก็ได้อีกเช่นเดียวกันซึเพียงแต่ว่าณ
00:17:14 → 00:17:17 สถานการณ์ที่คนไข้หมดสติแล้วไม่หายใจแล้ว
00:17:17 → 00:17:20 หัวใจอยู่เต้นสิ่งที่เราจะต้องทำคือต้อง
00:17:20 → 00:17:23 ช่วยหัวใจให้กลับมาเต้นเป็นปกติก่อนแล้ว
00:17:23 → 00:17:25 หลังจากนั้นเราค่อยอ่าก็จะเป็นห่วงโซ่ที่
00:17:25 → 00:17:28 4 ที่ 5 ที่บอกว่าก็จะเป็นหน้าที่ของ
00:17:28 → 00:17:31 เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ละที่เขาจะช่วย
00:17:31 → 00:17:34 ฟื้นคืนชีพขั้นสูงโดยการอาจจะไปตรวจขึ้น
00:17:34 → 00:17:36 ไฟฟ้าหัวใจอย่างละเอียดหรือไม่ก็คือไป
00:17:36 → 00:17:39 ตรวจวิเคราะห์ดูว่าสาเหตุของการที่หัวใจ
00:17:39 → 00:17:41 มันหยุดเต้นครั้งนี้เกิดจากอะไรแล้วก็ไป
00:17:41 → 00:17:44 แก้สาเหตุตรงนั้นค่ะอาจารย์คะแล้วอย่าง
00:17:44 → 00:17:46 ถ้าสมมุติว่าเราใช้เครื่อง aed ไปแล้ว
00:17:46 → 00:17:49 เงี้ยค่ะยังไงก็ต้องทำจนกว่ารถกู้ชีพ
00:17:49 → 00:17:53 ฉุกเฉินจะมาถึงใช่ค่ะเวลาที่เราคนไข้ตื่น
00:17:53 → 00:17:56 คนไข้มีการหายใจการกระพริบตาหรือมีทราย
00:17:56 → 00:17:59 ที่บอกว่าเตื่นอันเนี้ยเราหยุดค่ะถ้ารถ
00:17:59 → 00:18:01 ยังไม่มาถึงเราก็ต้องหยุดหยุดเพื่อที่จะ
00:18:01 → 00:18:05 เออก็ให้การปฐมพยาบาลคนไข้แค่ตามอาการต่อ
00:18:05 → 00:18:09 ไปแต่ว่าถ้าในกรณีที่เขาไม่ฟื้นเยังหมด
00:18:09 → 00:18:11 สติแล้วก็ยังต้อง CP อยู่ทำไปเรื่อยๆจน
00:18:11 → 00:18:14 กว่ารถพยาบาลจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาพอรถ
00:18:14 → 00:18:16 พยาบาลพะเจ้าหน้าที่มาอย่าเงี้ยอันเนี้ย
00:18:16 → 00:18:19 คือเราส่งต่อคนไข้ให้เขาเลยค่ะค่ะอันนี้
00:18:19 → 00:18:22 เราไม่ต้องในฐานะที่เป็นประชาชนคนทั่วไป
00:18:23 → 00:18:26 ก็คืออ่าไม่ต้องทำอะไระห่วงโซ่ที่ 1 2 3
00:18:26 → 00:18:31 เราทำสมบูรณ์แบบะต่อไปคือ 4 5 อ้าจอ๋อ
00:18:31 → 00:18:33 เพราะฉะนั้นแต่แต่ว่าเราก็ต้องแจ้งเจ้า
00:18:33 → 00:18:35 หน้าที่มคะว่าเออเราทำเ่อ CPR เบื้องต้น
00:18:35 → 00:18:37 ไปนะมีใช้เครื่อง aed นะอะไรอย่าเงี้ยเรา
00:18:37 → 00:18:40 ก็ต้องแจ้งให้ให้ทราบใช่มั้ยคะใช่ๆค่ะอัน
00:18:40 → 00:18:42 นี้พิทยากรเก่งมากค่ะอันนี้กำลังจะพูดเลย
00:18:42 → 00:18:46 ว่าเราต้องให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทางการ
00:18:46 → 00:18:49 แพทย์ด้วยค่ะว่าเราทำ CPR ไปแล้วทั้งหมด
00:18:49 → 00:18:51 กี่รอบช็อตไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้งเพื่อที่
00:18:51 → 00:18:54 จะได้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้เาต่อไปว่าเฮ้ย
00:18:54 → 00:18:57 คนไข้ผ่านการช่วยเหลือมามานานเท่าไหร่ะ
00:18:57 → 00:18:59 โอกาสของคนไข้มีมากน้อยเท่าไหร่หรือต้อง
00:18:59 → 00:19:02 ทำอย่างไรต่อไปอย่างเงี้ยค่ะค่ะแล้วอย่าง
00:19:02 → 00:19:04 ในเครื่อง aed เนี่ยยคือมันมีการปรับระบบ
00:19:04 → 00:19:06 ได้มั้ยคะอย่างเมื่อกี้อาจารย์บอกว่า 200
00:19:06 → 00:19:09 จูนใช่มั้ยคะเอ่อมันเป็นมันเป็นเลขที่
00:19:09 → 00:19:11 กำหนดเราไม่สามารถจะไปปรับอะไรกับเครื่อง
00:19:11 → 00:19:14 หรือแบบเหมือนดูในละครอ่ะค่ะอ่ะปรับเพิ้ม
00:19:14 → 00:19:17 ขึ้นหน้าอกเด้งตัวเด้งขึ้นมาอะไรขนาดนั้น
00:19:18 → 00:19:20 ไม่ไม่ไม่ต้องขนาดนั้นใช่มั้ยคะถ้าเป็น
00:19:20 → 00:19:22 เครื่อง aed อ่ะค่ะโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ย
00:19:22 → 00:19:25 จะเป็นพลังงานเลขตัวเดียวนี่ะค่ะเพราะว่า
00:19:25 → 00:19:27 อย่างที่บอกว่าเราเ่อ a เนี่ยเราให้คน
00:19:27 → 00:19:31 ทั่วไปประ
00:19:31 → 00:19:36 แล้วค่าพลังไฟฟที่กระตุ้นให้หัวใจกับปติ
00:19:36 → 00:19:38 ได้แต่ว่าถ้าเครื่องในโรงพยาบาลค่ะอัน
00:19:38 → 00:19:41 นั้นก็จะเป็นอีกแบบนึงอ๋อความรุนแรงที่
00:19:41 → 00:19:44 ที่ใช้เป็นเครื่อง aed เนี่ยไม่ได้รุนแรง
00:19:44 → 00:19:47 หรือเป็นอันตรายกับผู้ป่วยถ้าเกิดว่ามี
00:19:47 → 00:19:51 การใช้ต้องช็อกกันอยู่แบบอาจจะ 2 รอบหรือ
00:19:51 → 00:19:53 อะไรมากกว่านั้นขึ้นไปอย่างงี้ใช่มคะไม่
00:19:53 → 00:19:56 เป็นก็คือมันเป็นอย่างค่าไฟที่บอกว่า 200
00:19:56 → 00:19:59 จูคือเป็นค่ามาตฐานในการช่วยคนในการช่วย
00:19:59 → 00:20:02 กระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้าหัวใจสำหรับแบบเ่อ
00:20:03 → 00:20:05 ในโรงพยาบาลแล้วก็สำหรับประชาชนคนทั่วไป
00:20:05 → 00:20:07 ก็สามารถที่จะใช้ได้ค่ะถ้าเป็นเครื่อง aed
00:20:07 → 00:20:10 ตเยค่ะเก็เลยกำหนดค่าในเครื่องเยโดยส่วน
00:20:10 → 00:20:13 ใหญ่แล้วจะแค่ค่าเดียวตรงเนี้ยค่ะอ๋อ
00:20:13 → 00:20:15 อาจารย์แล้วถ้าเกิดไปใช้กับเด็กล่ะคะค่า
00:20:15 → 00:20:18 นี้มันมันจะแรงไปยคะถ้าใช้กระเด็กเนี่ย
00:20:18 → 00:20:20 มันก็จะต้องเปลี่ยนตั้งแต่เรื่องของ
00:20:20 → 00:20:23 ลักษณะการการแปะอ่ะค่ะว่าแผ่นแปะเนี่ยถ้า
00:20:23 → 00:20:26 สมมุติว่าแผ่นแปะเนี่ยก็จะเป็นเด็กก็จะ
00:20:26 → 00:20:29 แปะข้างหน้ากับข้างหลังี้ค่ะส่วนตัวชาร์จ
00:20:29 → 00:20:32 ไฟอ่ะค่ะพลังงานของเด็กมันจะถูกลดเป็น
00:20:32 → 00:20:35 ครึ่งนึงในในในเครื่องอ่ะค่ะมันจะมีปุ่ม
00:20:35 → 00:20:37 เลือกว่าเป็นผู้ใหญ่หรือว่าเป็นเด็กเออจำ
00:20:37 → 00:20:40 ไม่ได้นี่ขนาดเรียนมาแล้วนะยังจำไม่ได้
00:20:40 → 00:20:42 เลยก็อาเลือกให้เหมาะสมเพราะฉะนั้นถ้าเรา
00:20:42 → 00:20:45 รู้ว่าเราช่วยเด็กเรากดที่ปุ่มเด็กค่ะอื
00:20:45 → 00:20:48 วิธีการก็เหมือนกันกับที่ช่วยผู้ใหญ่
00:20:48 → 00:20:50 เพียงแต่ว่าเลเวลลงนิดนึงเพราะว่าเป็น
00:20:50 → 00:20:53 เด็กอะไรประมาณนี้แม้กระทั่งการทำ CPR ก็
00:20:53 → 00:20:56 กับเด็กก็ต้องเบาเบาลงใช่มคะหมายถึงว่า
00:20:56 → 00:20:58 ไม่แรงมากใช่ค่ะในส่วนของในส่วนส่วน
00:20:58 → 00:21:01 เรื่องของว่าอ่าขั้นตอนจังหวะหรืออะไร
00:21:01 → 00:21:03 อย่างเงี้ยคือมันจะต่างกันแค่ความลึกค่ะ
00:21:03 → 00:21:06 แต่ว่าเ่อ 100 ครั้งต่อ 100 - 120
00:21:06 → 00:21:09 ครั้งต่อนาทีเท่ากันค่ะแล้วก็เ่าในเรื่อง
00:21:09 → 00:21:11 ของลักษณะการกดการวางมืออย่าเงี้ยค่ะที่
00:21:11 → 00:21:14 ผู้ใหญ่กับเด็กจะต่างกันโอฟังแบบนี้แล้ว
00:21:14 → 00:21:16 อยากให้มีเครื่อง aed อยู่หลายๆที่อยู่
00:21:16 → 00:21:20 ทุกๆที่เลยอยากให้มีอยู่ในหลายๆที่จริงๆ
00:21:20 → 00:21:24 จริงๆแล้วคือมันเริ่มมีเยอะขึ้นในในไทย
00:21:24 → 00:21:27 แต่ว่าก็ยังไม่ก็ยังไม่ไม่เพียงพอสักเท่า
00:21:27 → 00:21:30 ไหร่ค่ะอืแล้วก็ประชาชนได้มีโอกาสในการอบ
00:21:30 → 00:21:33 รมเรื่องของการใช้อย่างเงี้ยค่ะเพราะว่า
00:21:33 → 00:21:35 มันสถานการณ์ฉุกเฉินเนาะมันคาดเดาไม่ได้
00:21:35 → 00:21:38 แล้วก็เวลาเราเจอสถานการณ์ฉุกเฉินอยากให้
00:21:38 → 00:21:41 ทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้จริงๆนะค่ะ
00:21:41 → 00:21:43 ค่ะเพราะฉะนั้นก็อันนี้คือเป็นประโยชน์นะ
00:21:43 → 00:21:46 คะนี้ฟังแล้วแล้วก็ถ้าสมมุติว่าคุณผู้ฟัง
00:21:46 → 00:21:49 ที่อาจจะมีหน่วยงานที่ตัวเองสังกัดอยู่
00:21:49 → 00:21:51 หรืออะไรอย่างเงี้ยนะคหรือจะเป็นประชาชน
00:21:51 → 00:21:53 ทั่วไปเนี่ยเราก็สามารถที่จะไปขอความรู้
00:21:53 → 00:21:55 ไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้นะคะเพราะมันเป็น
00:21:55 → 00:21:57 ประโยชน์จริงๆสถานการณ์ฉุกเฉินน่ะคำว่า
00:21:58 → 00:21:59 ฉุกเฉิน
00:21:59 → 00:22:01 มันไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่นะคะแต่ถ้า
00:22:01 → 00:22:05 เกิดว่าเรามีเรารู้ว่าจุดไหนมีเครื่อง aed
00:22:05 → 00:22:07 เเวลาไปไหนเงี้ยค่ะเนาะอาจารย์เนาะแบบเรา
00:22:07 → 00:22:09 ก็ต้องสังเกตว่าอยู่ตรงไหนเื่องเครื่อง
00:22:09 → 00:22:11 aed ก็เหมือนกันเดี๋ยวนี้มีหลายๆที่ละนะ
00:22:11 → 00:22:14 คะค่ะอือาจจะเป็นเครื่องสีแดงไอ้ที่ทำงาน
00:22:14 → 00:22:18 ของของดิฉันเป็นสีเขียวค่ะอาจารย์ค่ะๆ
00:22:18 → 00:22:21 เป็นสีเขียวแล้วแต่นะ 2 สีแล้วค่ะเขียวก
00:22:21 → 00:22:23 แดงแต่ว่าให้สังเกตว่ามันจะเป็นรูปหัวใจ
00:22:23 → 00:22:26 เนาแล้วก็จะมีเ่าเครื่องฟ้าผ่าอยู่ในรูป
00:22:26 → 00:22:29 หัวใจเงี้ค่ะก็อ่ะให้รู้ประจำจุดไว้นะคะ
00:22:29 → 00:22:31 แล้วก็น่าจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเช็ค
00:22:31 → 00:22:34 เครื่องว่าเอ่อยังใช้งานได้ดีอยู่มั้ย
00:22:34 → 00:22:36 หรืออะไรเงี้ยเหมือนวงรอบในการตรวจเช็ค
00:22:36 → 00:22:39 พวกถังดับเพลิงเนาะอาจารย์เนาะใช่ค่ะอัน
00:22:39 → 00:22:41 นี้ใช่เลยต้องมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่า
00:22:41 → 00:22:43 เครื่องมันต้องเครื่องต้องพร้อมใช้งาน
00:22:43 → 00:22:46 ตลอดเวลาค่ะค่ะอันนี้ก็ฝากไว้สำหรับคุณ
00:22:46 → 00:22:49 ผู้ฟังนะคะอ่าวันนี้ต้องขอบคุณอาจารย์นะ
00:22:49 → 00:22:51 คะที่มาร่วมพูดคุยในรายการนะคะเดี๋ยวยัง
00:22:51 → 00:22:54 ไงโอกาสน่าคงได้มีโอกาสพูดคุยกันอีกนะคะ
00:22:54 → 00:22:57 อาจารย์คะยินดีค่ะค่ะขอบคุณค่ะอาจารย์ขา
00:22:57 → 00:23:00 สวัสดีค่ะค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังคะหมดเวลา
00:23:00 → 00:23:02 แล้วนะคะกับรายการโรงหมอทางไทย PBS
00:23:02 → 00:23:05 podcast ค่ะวันนี้ลาไปก่อนนะคะพบกันใหม่
00:23:05 → 00:23:08 ครั้งหน้าสวัสดีค่ะ This Is Toy PBS
00:23:08 → 00:23:11 podcast การบอกรักของแต่ละคนจะแสดงแตก
00:23:11 → 00:23:13 ต่างกันออกไปแม้ไม่ได้พูดแต่สามารถสื่อ
00:23:13 → 00:23:16 สารผ่านภาษากายได้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร
00:23:16 → 00:23:19 จันทวิภาดิลกสัมพันธ์ผู้เชี่ยวชาญด้าน
00:23:19 → 00:23:22 ความสัมพันธ์และครอบครัวมาเล่าให้ฟังครับ
00:23:22 → 00:23:26 สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจที่จะบอกเตรงๆ
00:23:26 → 00:23:29 เพราะว่าบางคนเนี่ยบางทีคิดว่าการบอกแล้ว
00:23:29 → 00:23:32 มันจะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงนึกออกมั้ยคะ
00:23:32 → 00:23:34 เพราะบางทีบอกไปแล้วสมมุติว่าฝ่ายชาย
00:23:34 → 00:23:37 เนี่ยแอบชอบฝ่ายหญิงอยู่แต่กลัวว่าพูดไป
00:23:37 → 00:23:40 แล้วไม่ได้ชอบตอบหรือไม่ได้มีไมตรีให้มัน
00:23:40 → 00:23:43 ก็จะมองหน้ากันไม่ติดต่อไปไอ้สิ่งเหล่า
00:23:43 → 00:23:45 เนี้ยไอ้การแสดงความรักเนี่ยมันต้องค่อยๆ
00:23:45 → 00:23:48 ก่อค่อยๆเกิดนะคะแล้วก็ค่อยๆศึกษากันไป
00:23:48 → 00:23:51 เพราะนั้นก็จะมีเหตุการณ์อะไรที่เป็นตัว
00:23:51 → 00:23:53 อย่างเี่เยอะแยะไปหมดว่าเอ๊ทำไมไม่บอก
00:23:53 → 00:23:55 ทำไมอย่างงั้นอย่างงี้อย่างงี้อย่างงั้น
00:23:55 → 00:23:58 เพราะมันยังไม่ถึงเวลาหรือว่ามันยังไม่
00:23:58 → 00:24:01 ได้มั่นใจว่าเอ๊ะเธอจะมีไมตรีตอบฉันมั้ย
00:24:01 → 00:24:05 เอาๆยกตัวอย่างง่ายๆบางครั้งสาวที่แปลง
00:24:05 → 00:24:08 เพศแล้วเนี่ยหลายคนนะคะสบวไวยิ่งกับผู้
00:24:08 → 00:24:12 หญิงอีกเสร็จแล้วก็มีชายหนุ่มมาชอบนะคะ
00:24:12 → 00:24:14 เพราะเขาคเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงก็คบกันไป
00:24:14 → 00:24:18 คบกันไปคบกันไปเรื่อยๆกว่าที่จะผู้หญิงจะ
00:24:18 → 00:24:20 กล้าบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เธอคิด
00:24:21 → 00:24:24 นะนะฮะฉันเป็นสาวทรานสนะหรืออะไรอย่าง
00:24:24 → 00:24:26 เงี้ยนะคะผู้ชายก็บอกแล้วทำไมไม่บอกตั้ง
00:24:26 → 00:24:30 แต่ต้นจะได้ถอนใจหรือว่าคิดว่าจะทำยังไง
00:24:30 → 00:24:32 อะไรเงี้ยอ่ะนี้ที่บอกว่าต้องต้องอย่าง
00:24:32 → 00:24:34 นี้นะเพราะว่าบางคนเี่เขาตั้งเป้าไว้เลย
00:24:34 → 00:24:37 ว่าเอยากมีลูกเอางี้ะกันค่ะแต่เขมารักสาว
00:24:37 → 00:24:40 ทรานเนี่ยมันก็ไม่ได้และถูกมั้ยคะเพราะ
00:24:40 → 00:24:43 ว่ามดลูกมันทำไม่ได้น่ะอย่างอื่นมันทำได้
00:24:43 → 00:24:45 เหมือนหมดแหละเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่าเนี้ย
00:24:45 → 00:24:47 เราต้องหัดสังเกตว่าไอ้เขาคมีทีท่ากับเรา
00:24:47 → 00:24:50 ว่านี่เขารักหรือเปล่าอะไรหรือเปล่าเาสน
00:24:50 → 00:24:53 ใจหรือเปล่าหรือฝ่ายชายเองก็จะได้รู้ว่า
00:24:53 → 00:24:56 เออถ้าผู้หญิงเขาทำอย่างเงี้นะแปลว่าเค
00:24:56 → 00:24:59 รักเรานะเชอบเรานะหรือเราเป็นผู้ชายนะเรา
00:24:59 → 00:25:02 ทำแบบนี้ผู้หญิงเเริ่มจะรู้แล้วล่ะว่าเรา
00:25:02 → 00:25:05 มีไมตรีด้วยโดยปกติเนี่ยการบอกรักด้วยคำ
00:25:05 → 00:25:08 พูดดีๆเนี่ยมันมีเยอะแยะนี้ถ้าเราไม่ใช้
00:25:08 → 00:25:11 คำพูดเราจะใช้ภาษากายแทนมันเริ่มจากอะไร
00:25:11 → 00:25:14 ได้บ้างอย่างแรกค่ะสีหน้ามันแสดงออกผ่าน
00:25:14 → 00:25:19 ทางสีหน้านะคะหรือท่าทางของของกิริยาในใบ
00:25:19 → 00:25:23 หน้าเนี่ยการสายตาอะไรต่างๆเหล่าเยนะคะ
00:25:23 → 00:25:27 เช่นสีหน้าเนี่ยว่ากำลังตั้งใจฟังสนใจนะ
00:25:27 → 00:25:30 คะหรือตื่นเต้นที่ได้พบหรือรอยยิ้มนะคะ
00:25:30 → 00:25:33 บางคนเนี่ยพอหันมาแล้วอูตาเป็นประกายเลย
00:25:33 → 00:25:35 นึกออกมั้ยคะไอ้สิ่งเหล่านี้มันอยู่ใน
00:25:35 → 00:25:38 เครื่องหน้าเราทั้งหมดเลยสายตาเนี่ยถ้า
00:25:38 → 00:25:41 เราชอบใครเนี่ยคนๆนั้นมักจะอยู่ในสายตา
00:25:41 → 00:25:43 เราเสมอเพราะเขาบอกว่าสายตาเนี่ยเป็น
00:25:43 → 00:25:46 หน้าต่างของหัวใจเราลองดูซิคะว่าคนที่
00:25:46 → 00:25:49 เขาคส่งสายตามาเนี่ยมันเป็นสายตาของความ
00:25:49 → 00:25:53 ห่วงใยมั้ยรักใคร่มั้ยนะฮะหรือว่ามันเป็น
00:25:53 → 00:25:57 สื่อรักมั้ยส่งสายตามาแบบอ่อนโยนมั้ย
00:25:57 → 00:25:59 อันเนี้ยมันเห็นได้ชดนะฮะในเรื่องของสาย
00:25:59 → 00:26:02 ตาซึ่งถึงบอกว่าตัวเราเองเนี่ยพอเราหันไป
00:26:02 → 00:26:06 ทีไรเก็หลบแต่คนอื่นเห็นไง
00:26:06 → 00:26:11 คะ This Is Toy PBS
00:26:11 → 00:26:14 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซตและ
00:26:14 → 00:26:17 Application ของ Thai PBS podcast
00:26:17 → 00:26:20 spotify soundcloud Google podcast
00:26:20 → 00:26:23 Apple podcast และ YouTube Channel
00:26:23 → 00:26:27 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:26:27 → 00:26:30 View The World
00:26:30 → 00:26:38 [เพลง]
00:26:38 → 00:26:41 vi