00:00:10 → 00:00:14 การที่เรากินแกงเลียง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
00:00:19 → 00:00:21 จากงานวิจัยที่เกี่ยวกับ เรื่องของน้ำแกงต่าง ๆ
00:00:21 → 00:00:26 มันเป็นการทดลองที่เราเรียกว่า นอกสิ่งมีชีวิต
00:00:26 → 00:00:28 คือเราเอาเซลล์มะเร็ง ออกมาทำในห้องทดลอง
00:00:28 → 00:00:33 อาจารย์เอาน้ำแกงปรุงสำเร็จ เอามาทดสอบกับเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว
00:00:39 → 00:00:43 ที่นี้เวลาที่เราประเมินผล เราก็จะดูว่า เซลล์มะเร็งนั้นมันตายแบบไหน
00:00:44 → 00:00:45 เซลล์นี่มันมีอายุของมัน
00:00:45 → 00:00:49 ถึงเวลามันก็จะตายเอง นี่เราเรียกว่าตายแบบธรรมชาติ
00:00:49 → 00:00:53 การตายธรรมชาติ หนึ่งเซลล์ก็ตายของเขา ไม่เกี่ยวกับเซลล์ข้าง ๆ
00:00:53 → 00:00:58 แต่ถ้าเมื่อไรมันตายแบบผิดธรรมชาติ มันจะไม่ตายตัวเดียว มันจะตายเป็นกลุ่ม
00:00:59 → 00:01:02 เพราะว่าเซลล์มันจะบวม บวมแล้วมันอักเสบ แล้วมันก็แตก
00:01:02 → 00:01:05 พอแตกปุ๊บ มันก็ทำให้เซลล์รอบข้างตายไปด้วย
00:01:07 → 00:01:09 อาจารย์ทำน้ำแกงทั้งหมด 4 อย่าง
00:01:10 → 00:01:15 แกงเลียง แกงส้ม แกงป่า แกงเหลือง แล้วก็ต้มยำ
00:01:15 → 00:01:21 แล้วเอาน้ำแกงนี้ไปเลี้ยงเซลล์ แล้วเทียบกับยาที่ใช้ในการรักษามะเร็ง
00:01:21 → 00:01:26 เราก็พบว่ายานี้ สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ประมาณ 70%
00:01:26 → 00:01:31 แต่แกงเลียง แกงส้ม แล้วก็แกงป่า
00:01:32 → 00:01:37 สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งแบบธรรมชาติ ได้ประมาณ 45%
00:01:37 → 00:01:40 ส่วนแกงเหลือง จะได้ประมาณ 25%
00:01:41 → 00:01:43 ต้มยำ ก็จะอยู่ประมาณ 30%
00:01:44 → 00:01:48 ถ้าให้อาจารย์สรุปว่า น้ำแกงทั้งหมด 5 ชนิดนี้
00:01:48 → 00:01:54 สามารถทำให้เซลล์มะเร็งตาย แบบธรรมชาติได้ อะไรดีที่สุด
00:01:54 → 00:01:58 อาจารย์ก็คงจะบอกว่า มี 3 ชนิดที่ใกล้เคียงกัน
00:01:58 → 00:02:04 ก็คือแกงเลียง แกงส้ม แล้วก็แกงป่า ส่วนแกงเหลืองและต้มยำนั้น ยังน้อย
00:02:05 → 00:02:09 ทีนี้มันก็จะมีอีกประเด็นหนึ่ง ที่เมื่อสักครู่นี้อาจารย์พูดก็คือว่า
00:02:09 → 00:02:10 การตายแบบผิดธรรมชาติ
00:02:10 → 00:02:14 การตายแบบผิดธรรมชาตินั้น พบได้น้อยที่สุดในแกงเลียง
00:02:15 → 00:02:17 พบได้มากที่สุดในแกงเหลือง
00:02:19 → 00:02:21 เพราะฉะนั้น "แกงเลียง" น่าจะเป็นแกงที่ดีที่สุด
00:02:21 → 00:02:23 ตามมาด้วยแกงส้ม แกงป่า
00:02:28 → 00:02:33 และด้วยความที่สนใจแกงเลียงตั้งแต่ต้น อาจารย์ก็เลยมีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง
00:02:34 → 00:02:39 ซึ่งเอาแกงเลียงมาทำ เหมือนแกงที่คนทั่วไปกิน
00:02:39 → 00:02:42 มีการใส่ผัก ใส่ใบแมงลัก ตำลึง อะไรก็ว่าไป
00:02:43 → 00:02:47 แล้วอาจารย์ก็เอาไปทำให้มันแห้ง เพื่อที่จะเอามาป้อนให้หนู
00:02:47 → 00:02:51 เราก็เริ่มด้วยการให้หนู แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเลย ก็คือ
00:02:51 → 00:02:55 กลุ่มแรกคือ หนูที่เลี้ยงปกติทุกอย่าง
00:02:55 → 00:02:59 กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ให้สารก่อมะเร็งอย่างเดียว
00:02:59 → 00:03:05 และกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่ให้แกงเลียงตั้งแต่เริ่มต้น
00:03:05 → 00:03:07 เราจะเลี้ยงไปทั้งหมดประมาณ 6 อาทิตย์
00:03:08 → 00:03:10 แล้วในอาทิตย์ที่ 2 กับ 3
00:03:10 → 00:03:15 เราจะชักนำให้หนู เกิดภาวะที่มีสารก่อมะเร็ง
00:03:15 → 00:03:18 แล้วหลังจากนั้น เราก็รอจนครบ 6 อาทิตย์
00:03:18 → 00:03:21 แล้วเราก็เอาลำไส้หนูมาดู
00:03:21 → 00:03:27 ผลการศึกษาก็ยืนยันในสิ่งที่เราเจอมา ตอนที่เราเลือกเรื่องเซลล์มะเร็ง ก็คือว่า
00:03:27 → 00:03:30 ในหนูที่ไม่ได้รับแกงเลียงเลย
00:03:30 → 00:03:37 จะมีโอกาสเกิดเซลล์ผิดปกติมากกว่า หนูที่ได้รับแกงเลียงถึงประมาณ 50%
00:03:38 → 00:03:43 เพราะฉะนั้น จากข้อมูลตรงนี้ มันก็เป็นการบอกให้เราได้ทราบว่า
00:03:44 → 00:03:51 การที่เรากินแกงเลียง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
00:03:51 → 00:03:58 ถึงแม้ว่าในการศึกษานั้นจะเป็นระยะสั้น แต่ก็ทำให้เซลล์ที่มันผิดปกติลดลง
00:03:58 → 00:04:03 ซึ่งถ้าเซลล์ผิดปกติลดลง มันก็จะไม่นำไปสู่ การเกิดมะเร็งในระยะต่อ ๆ ไป
00:04:03 → 00:04:07 เพราะฉะนั้น อันนี้ก็เป็นผลการวิจัยที่ยืนยันว่า
00:04:07 → 00:04:13 อาหารไทย ยกตัวอย่างเช่น แกงเลียง ซึ่งเป็นอาหารที่มีพลังงานต่ำ
00:04:13 → 00:04:17 มีพืชผักสมุนไพรเยอะ เหมาะที่จะนำมาบริโภคเพื่อสุขภาพ
00:04:17 → 00:04:20 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ให้เรากลัว
00:04:20 → 00:04:24 อาจารย์ไม่อยากงมงายว่า พอบอกแกงเลียงดี ทุกคนกินแกงเลียงทุกวัน
00:04:24 → 00:04:26 มันเป็นไปไม่ได้ มันผิดวิสัยของมนุษย์
00:04:26 → 00:04:30 เรากินสลับไป กินแกงเลียงบ้าง แกงส้มบ้าง แกงป่าบ้าง
00:04:30 → 00:04:32 แม้กระทั่งแกงเหลืองหรือต้มยำก็กินได้
00:04:32 → 00:04:37 สาเหตุของการทำวิจัยอันนี้ เพราะว่า อยากให้คนไทยหันมาทานอาหารไทย
00:04:37 → 00:04:41 เพราะว่าในอาหารไทยของเรา มันจะมีเครื่องเทศ สมุนไพรต่าง ๆ
00:04:41 → 00:04:46 ซึ่งล้วนแล้วแต่ดีต่อสุขภาพ แล้วก็เป็นอาหารที่ดีมากชนิดหนึ่งค่ะ