00:00:13 → 00:00:16 อาหารเป็นพิษอันตรายกว่าที่คิดรุนแรงแค่
00:00:16 → 00:00:20 ไหนต้องพบแพทย์กินอะไรเสี่ยงอาหารเป็นพิษ
00:00:20 → 00:00:23 พร้อมเปิดวิธีดูแลตัวเองถ้าอาหารเป็นพิษ
00:00:23 → 00:00:27 ไม่รุนแรงเมื่อร่างกายขาดน้ำจะมีสัญญาณ
00:00:27 → 00:00:30 เตือนอะไรบ้างติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้
00:00:30 → 00:00:34 ในรายการ TNN วัน
00:00:34 → 00:00:38 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:38 → 00:00:42 Heal เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้ม
00:00:42 → 00:00:45 กันรู้ทันโรคไปกับ TNN Heal ค่ะและดิฉัน
00:00:45 → 00:00:49 หมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะ
00:00:49 → 00:00:52 ทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับ
00:00:52 → 00:00:54 หน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมา
00:00:54 → 00:00:58 เข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:58 → 00:01:02 ค่ะ
00:01:02 → 00:01:08 [เพลง]
00:01:08 → 00:01:12 สำหรับสัปดาห์นี้นะคะเราจะมารู้จักเรื่อง
00:01:12 → 00:01:14 ของอาหารเป็นพิษค่ะอาหารเป็นพิษอันตราย
00:01:15 → 00:01:19 กว่าที่คิดอาจช็อกเสียชีวิตได้หลายคนค่ะ
00:01:19 → 00:01:21 คิดว่าเรื่องของอาหารเป็นพิษก็แค่ขับถ่าย
00:01:21 → 00:01:24 ท้องเสียแต่รู้หรือไม่คะว่าคนกลุ่มเสี่ยง
00:01:24 → 00:01:27 อย่างเช่นเด็กน้อยรวมไปถึงผู้สูงอายุนะคะ
00:01:27 → 00:01:30 ท่านเหล่านี้ค่ะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งเลย
00:01:30 → 00:01:32 ที่จะเสียชีวิตนะคะจากเรื่องของอาหารเป็น
00:01:33 → 00:01:35 พิษได้เพราะเกิดการสูญเสียของสารน้ำและ
00:01:35 → 00:01:38 เกลือแร่รวมไปถึงว่าถ้าไม่ได้รับการรักษา
00:01:38 → 00:01:41 อย่างท่งทีค่ะอาจจะถึงกับการติดเชื้อใน
00:01:41 → 00:01:44 กระแสเลือดได้เช่นเดียวกัน
00:01:44 → 00:01:47 ค่ะซึ่งนั้นคือความน่ากลัวของอาหารเป็น
00:01:47 → 00:01:50 พิษค่ะอาหารเป็นพิษอาจทำให้เราเสียชีวิต
00:01:50 → 00:01:54 ได้จากภาวะแทรกซ้อนของมันเองโดยอาจทำให้
00:01:54 → 00:01:57 เราอยู่ในภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ได้จนทำ
00:01:57 → 00:02:00 ให้ร่างกายช็อกและแน่นอนว่าสิ่งนี้เป็น
00:02:00 → 00:02:03 อันตรายต่อชีวิตได้สาเหตุปัจจัยเสี่ยงและ
00:02:03 → 00:02:07 สภาวะต่างๆที่ส่งผลต่ออาหารเป็นพิษสาเหตุ
00:02:07 → 00:02:10 ของการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษนั้นเกิดจาก
00:02:10 → 00:02:13 เชื้อโรคที่มีการปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำ
00:02:13 → 00:02:16 ที่บริโภคโดยเชื้อสามารถผ่านมาทางผู้ป่วย
00:02:16 → 00:02:19 ที่สามารถแพร่เชื้อได้เป็นผู้ปรุงอาหาร
00:02:19 → 00:02:22 โดยไม่ได้ล้างมือทำให้มีการป่นเปื้อนของ
00:02:22 → 00:02:25 เชื้อในอาหารหรือเชื้อที่มีอยู่ในอาหาร
00:02:25 → 00:02:27 หรือน้ำที่ไม่ผ่านการทำความสะอาดหรือความ
00:02:27 → 00:02:30 ร้อนอย่างเพียงพอนอกจากนี้เชื้อยังสามารถ
00:02:30 → 00:02:33 ส่งผ่านจากากอาหารชนิดหนึ่งไปยังอีกชนิด
00:02:33 → 00:02:36 หนึ่งผ่านทางอุปกรณ์ที่ใช้เช่นเขียงหรือ
00:02:36 → 00:02:39 มีดที่ใช้ร่วมกันในการเตรียมอาหารก็ได้
00:02:39 → 00:02:42 รวมถึงการวางอาหารไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะ
00:02:42 → 00:02:45 สมกับการเจริญเติบโตของเชื้อเป็นต้นเชื้อ
00:02:45 → 00:02:48 โรคที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษเช่น
00:02:48 → 00:02:51 แบคทีเรียที่เจริญเติบโตในอาหารก่อนการ
00:02:51 → 00:02:55 บริโภคหรือผลิตสารพิษในลำไส้เมื่อบริโภค
00:02:55 → 00:03:00 เข้าไปเชื้อไวรัสหรือพยาธิเช่นอุจจาร่วง
00:03:00 → 00:03:03 จากสาหร่ายบางสายพันธุ์หรือจากพิษจาก
00:03:03 → 00:03:06 สัตว์บางชนิดเช่นพิษจากปลาปักเป้าโดย
00:03:06 → 00:03:09 ปัจจัยที่ทำให้เกิดหรือไม่เกิดการติด
00:03:09 → 00:03:12 เชื้อหรือความรุนแรงของผู้ป่วยในแต่ละราย
00:03:12 → 00:03:16 นั้นไม่เท่ากันเช่นอายุโรคประจำตัวและ
00:03:16 → 00:03:18 เชื้อบางชนิดเช่นโรตาไวรัสชอบก่อโรคใน
00:03:18 → 00:03:21 เด็กมากกว่าผู้ใหญ่โดยเชื่อว่าอาจมีความ
00:03:21 → 00:03:23 สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของเยื่อเมือก
00:03:23 → 00:03:26 ในลำไส้เล็กสำหรับโรคประจำตัวบางโรคก็มี
00:03:26 → 00:03:29 ผลต่อภาวะภูมิต้านทานของร่างกายทำให้เกิด
00:03:29 → 00:03:33 เกิดความรุนแรงที่ไม่เท่ากันได้สุขอนามัย
00:03:33 → 00:03:36 ส่วนบุคคลเนื่องจากการมีสุขอนามัยที่ดี
00:03:36 → 00:03:39 สามารถจำกัดปริมาณเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย
00:03:39 → 00:03:42 ไม่ถึงระดับเชื้อที่สามารถก่อโรคได้ภาวะ
00:03:43 → 00:03:46 กรดในกระเพาะอาหารและการเคลื่อนไหวของทาง
00:03:46 → 00:03:49 เดินอาหารโดยทั่วไปรดในกระเพาะอาหารจะ
00:03:49 → 00:03:52 ทำลายเชื้อโรคที่รับประทานเข้าไปรวมถึง
00:03:52 → 00:03:55 การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่เป็นปกติจะทำให้
00:03:55 → 00:03:57 กระบวนการกระจายของเชื้อประจำถิ่นในร่าง
00:03:57 → 00:04:00 กายเป็นไปอย่างปกติรวมถึงส่งผลต่อการ
00:04:00 → 00:04:02 ทำลายเชื้อโรคอีก
00:04:02 → 00:04:06 ด้วยอาการของอาหารเป็นพิษผู้ป่วยส่วนใหญ่
00:04:06 → 00:04:09 จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนนำมาก่อนและเด่น
00:04:09 → 00:04:12 กว่าอาการท้องเสียอาการคลื่นไส้มีได้ทั้ง
00:04:12 → 00:04:15 รุนแรงไม่มากจนถึงรุนแรงมากจนไม่สามารถ
00:04:15 → 00:04:18 รับประทานอาหารได้ส่วนใหญ่มักมีอาการหลัง
00:04:18 → 00:04:22 รับประทานอาหารที่สงสัยประมาณ 2-16 ชมง
00:04:22 → 00:04:25 หลังจากนั้นก็จะมีอาการปวดท้องท้องเสีย
00:04:25 → 00:04:28 ถ่ายเหลวเป็นน้ำตามมานอกจากนี้ยังอาจพบ
00:04:28 → 00:04:30 ผู้ที่รับประทานอาหารรวมกับผู้ป่วยก็อาจ
00:04:30 → 00:04:33 จะมีอาการได้เช่นเดียวกันในระยะเวลาที่
00:04:33 → 00:04:37 ไล่เลี่กันสำหรับอาการที่แสดงออกมาหลักๆ
00:04:37 → 00:04:40 นะคะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทค่ะแบบแรกก็คือ
00:04:40 → 00:04:43 อาการที่แสดงถึงความไม่รุนแรงค่ะรู้สึก
00:04:43 → 00:04:46 ผอืดผะอมคลื่นไส้อาเจียนติดต่อกันหลาย
00:04:46 → 00:04:50 ครั้งมีอาการปวดท้องแบบบิดเกร็งเป็นพักๆ
00:04:50 → 00:04:54 เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ถ่ายท้องถ่าย
00:04:54 → 00:04:57 มีมูกหรือเลือดป่นเบื่ออาหารไม่อยากอาหาร
00:04:57 → 00:05:00 รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียวิงเวียนศีรษะ
00:05:00 → 00:05:03 หมดเรี่ยวแรงปากแห้งกระหายน้ำบ่อยและ
00:05:03 → 00:05:06 ปัสสาวะน้อยมองเห็นไม่ชัดแขนเป็นเหน็บ
00:05:06 → 00:05:08 หรือกล้ามเนื้ออ่อน
00:05:08 → 00:05:12 แรงและอีกประเภทนึงก็คืออาการนะคะกรณีที่
00:05:12 → 00:05:15 เราติดเชื้อแล้วก็มีอาการอาหารเป็นพิษ
00:05:15 → 00:05:19 ชนิดรุนแรงค่ะซึ่งจะมีข้อสังเกตได้แก่มี
00:05:19 → 00:05:23 ภาวะขาดน้ำเช่นปากแห้งกระหายน้ำอย่างมาก
00:05:23 → 00:05:26 ปัสสาวะสีเข้มปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะ
00:05:26 → 00:05:28 เกิน 6 ชมงหัวใจเต้นเร็วอ่อนเพลียวิง
00:05:28 → 00:05:33 เวียนศีษะและหน้ามืด 2 ในผู้ใหญ่มีอาการ
00:05:33 → 00:05:36 ท้องเสียติดต่อกัน 3 วันหรือถ่ายมากผิด
00:05:36 → 00:05:40 ปกติคือมากกว่า 8-10 ครั้งต่อวันสำหรับ
00:05:40 → 00:05:43 นายเด็กอาจท้องเสียติดต่อกันตลอด 24
00:05:43 → 00:05:46 ช่วโมงโดยที่อาการไม่ดีขึ้นเลย 3 อาเจียน
00:05:46 → 00:05:49 ถี่หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12
00:05:49 → 00:05:53 ชมง 4 มีเลือดปนในอาเจียนหรืออุจจาระ 5
00:05:53 → 00:05:56 ตามัวหรือมองเห็นภาพไม่ชัดหากเป็นเด็ก
00:05:56 → 00:05:59 เล็กอาจมีอาการปากแห้งตาโหลร้องไห้แบบไม่
00:05:59 → 00:06:02 มีนน้ำตา 6 ปวดท้องอย่างรุนแรงโดยที่
00:06:02 → 00:06:05 อาการปวดท้องไม่ลดลงเลยหลังจากอุจจาระไป
00:06:05 → 00:06:10 แล้วท้องเสียร่วมกับมีไข้สูงเกิน 38 องศ
00:06:10 → 00:06:15 เซซสนับสนุนโดยแอปหมอดีหมอประจำบ้านในมือ
00:06:15 → 00:06:19 คุณในช่วงนี้นะคะเราจะไปพูดคุยกับอาจารย์
00:06:19 → 00:06:22 หมอจากแอปพลิเคชันหมอดีที่จะมาให้ความรู้
00:06:22 → 00:06:25 ความเข้าใจในเรื่องของอาหารเป็นพิษรวมถึง
00:06:25 → 00:06:28 วิธีการดูแลตัวเองกันสวัสดีค่ะ
00:06:28 → 00:06:31 อาจารย์อาจารย์คะขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะ
00:06:31 → 00:06:35 คะเมนูอาหารหรือว่ามื้ออาหารชนิดไหนคะที่
00:06:35 → 00:06:38 เสี่ยงต่อภาวะอาหารเป็นพิษค่ะอาหารเป็น
00:06:38 → 00:06:40 พิษเนี่ยต้องบอกว่ามีได้หลายอย่างค่ะจะ
00:06:40 → 00:06:42 เป็นการติดเชื้อเรื่องของไวรัสก็ได้หรือ
00:06:42 → 00:06:44 ว่าการเป็นการติดเชื้อพวกแบคทีเรียก็ได้
00:06:44 → 00:06:47 พวกเยจะซ่อนอยู่ในอาหารบางพวกเช่นอาหาร
00:06:47 → 00:06:50 แช่แข็งที่แบบเหมือนเราเก็บไว้นานๆมี
00:06:50 → 00:06:53 เชื้อแบคทีเรียพวกนี้อยู่นะคะหรือว่าอีก
00:06:53 → 00:06:55 อย่างนึงก็คือพวกอาหารที่ทำไว้นานแล้วจน
00:06:55 → 00:06:58 แบบเหมือนติดเชื้อแบคทีเรียบางอย่างหรือ
00:06:58 → 00:07:00 มันเริ่มบูดนั่นเองก็จะจะทำให้แบบมันมี
00:07:00 → 00:07:02 แบคทีเรียพวกเยโตได้มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ
00:07:02 → 00:07:05 อาจารย์คะแล้วอาหารเป็นพิษนั้นแตกต่างจาก
00:07:05 → 00:07:08 ท่องเสี่ทั่วไปอย่างไรบ้างคะจริงๆต้องบอก
00:07:08 → 00:07:10 ว่าอาการพวกเยค่ะมันแบ่งได้เป็น 2 อย่าง
00:07:10 → 00:07:13 ใหญ่ๆก็คือเรื่องของอาหารเป็นพิษกับอีก
00:07:13 → 00:07:16 อันนึงก็คือเรื่องของน้ำไส้อักเสบซึ่งถ้า
00:07:16 → 00:07:18 เป็นอาหารเป็นพิษโดยส่วนมากแล้วเนี่ยจะมี
00:07:18 → 00:07:20 เกี่ยวกับเรื่องของคลื่นไส้อาเจียนค่อน
00:07:20 → 00:07:22 ข้างเยอะแต่บางคนน่ะก็เจอเรื่องของท้อง
00:07:22 → 00:07:25 เสียได้บ้างค่ะส่วนในคนที่มันมีอาการ
00:07:25 → 00:07:28 เรื่องของแบบลลำไส้อักเสบเนาะพวกเนี้ยจะ
00:07:28 → 00:07:29 เป็นท้องเสียเป็นหลัก
00:07:29 → 00:07:32 แต่มันก็อาจจะเป็นการติดเชื้อไวรัสก็ได้
00:07:32 → 00:07:34 นะคะหรือว่าจะเป็นแบคทีเรียก็ได้เพราะ
00:07:34 → 00:07:36 ฉะนั้นทั้ง 2 อันนี้ไม่ว่าจะเป็นอาหาร
00:07:36 → 00:07:38 เป็นพิษหรือจะเป็นน้ำไส้อักเสบเนี่ยก็อาจ
00:07:38 → 00:07:41 จะมีอาการท้องเสียได้เหมือนกันค่ะแล้ว
00:07:41 → 00:07:44 อาหารเป็นพิษรักษาได้อย่างไรคะอาหารเป็น
00:07:44 → 00:07:47 พิษเนี่ยเอ่อต้องแยกก่อนเลยนะคะว่าเป็น
00:07:47 → 00:07:49 เรื่องของไวรัสหรือว่าแบคทีเรียถ้าสมมุติ
00:07:49 → 00:07:52 ว่าเป็นเรื่องของไวรัสเนี่ยก็คืออาจจะทาน
00:07:52 → 00:07:55 พวกแบบคาร์บอนที่เอาไว้ดักจับกับเชื้อโรค
00:07:55 → 00:07:58 อย่างเดียวก็ได้แล้วก็ทานตามอาการได้ค่ะ
00:07:58 → 00:08:00 เช่นเรื่องของแบบเกลือแร่ทายะแก้เครื่อง
00:08:00 → 00:08:04 ไส้อาเจียนที่แบบตามอาการมากกว่าแต่ถ้า
00:08:04 → 00:08:06 เป็นการติดเชื้อพวกแบคทีเรียเนี่ยก็จะ
00:08:06 → 00:08:09 ต้องกินยาค่าเชื้อร่วมด้วยนะคะอาจจะเป็น
00:08:09 → 00:08:11 ทั้งยาทานก็ได้หรือในบางคนที่มีอาการ
00:08:11 → 00:08:14 รุนแรงมากๆอาจจะต้องแอดมิโรงพยาบาลให้สาร
00:08:14 → 00:08:17 น้ำแล้วก็ให้ยาฆ่าเชื้อทั้งเส้นก็มีได้
00:08:17 → 00:08:20 เหมือนกันค่ะอาจารย์คะแล้วถ้าเราเนี่ย
00:08:20 → 00:08:23 เกิดภาวะอาหารเป็นพิษแต่ไม่รุนแรงนะคะเรา
00:08:23 → 00:08:26 จะสามารถดูแลตัวเองได้อย่างไรบ้างคะต้อง
00:08:26 → 00:08:28 ดูก่อนเลยค่ะว่าอาหารเป็นพิษที่เราเป็น
00:08:28 → 00:08:31 เนี่ยรุนแรงหรือว่าไม่รุนแรงในกรณีที่
00:08:31 → 00:08:33 เป็นรุนแรงเนี่ยหมายถึงว่าบางคนถ่ายเยอะ
00:08:33 → 00:08:36 มากจนทำให้มีภาวะขัดน้ำสังเกตได้ง่ายๆเลย
00:08:36 → 00:08:39 ก็คืออาจจะมีเรื่องของปักแห้งแล้วก็มีแบบ
00:08:39 → 00:08:42 ชีพจรปลายมือปลายเท้าเบาลงหรือว่าแบบมี
00:08:42 → 00:08:45 มือเย็นเท้าเย็นบางคนมีอาการใจสั่นรวบ
00:08:45 → 00:08:48 ด้วยหรือว่าบางคนหมดสติเลยก็มีหรือว่าแบบ
00:08:48 → 00:08:51 เป็นลมก็มีด้วยภาวะขาดน้ำถ้าพวกเยค่ะมี
00:08:51 → 00:08:54 ภาวะขาดน้ำเยอะชีประจรเต้นเร็วแนะนำว่า
00:08:54 → 00:08:56 อาจจะต้องแอดมิที่โรงพยาบาลก็อาจจะต้อง
00:08:56 → 00:08:59 ให้สั่นน้ำหรือว่าให้ยาฆ่าเชื้อร่วมด้ว
00:08:59 → 00:09:02 ด้วยค่ะส่วนคนที่อาการเป็นไม่รุนแรงเช่น
00:09:02 → 00:09:04 มีแค่แบบขึ้นไส้อาเจียนถ่ายไม่ได้เยอะมาก
00:09:04 → 00:09:07 หรือว่ากินน้ำทันอือกินน้ำพอกับที่เสียบ
00:09:08 → 00:09:09 ไปพวกเนี้ยถือว่าเป็นอาการที่ไม่ได้รุน
00:09:09 → 00:09:13 แรงอะไรค่ะแนะนำว่าอย่างแรกเลยนะต้องฉีก
00:09:13 → 00:09:16 เกลือแร่ค่ะผสมน้ำกินเลยพวกเนี้ยก็คือจะ
00:09:16 → 00:09:18 ทดแทนกับสารหรือว่าเกลือแร่ที่เราเสียไป
00:09:18 → 00:09:22 ทางอุจจาระได้นะคะยิ่งทานน้ำเยอะแค่ไหน
00:09:22 → 00:09:25 โอกาสที่เราเสียน้ำมากจนถึงภาวะช็อกหรือ
00:09:25 → 00:09:28 ว่าเอ่อภาวะที่เราต้องไปแอดมิตที่โรง
00:09:28 → 00:09:30 พยาบาลเนี่ยก็จะน้อยลงเท่านั้นแนะนำว่า
00:09:30 → 00:09:32 อย่างแรกที่ต้องทำเนี่ยก็คือกินพวกเกลือ
00:09:32 → 00:09:36 แร่ค่ะส่วนอย่างอื่นแนะนำว่าซื้อผงถ่ากิน
00:09:36 → 00:09:38 ก็ได้ค่ะเราก็ต้องมาแยกก่อนว่าเราเป็น
00:09:38 → 00:09:41 เกี่ยวกับเรื่องของการติดเชื้อไวรัสหรือ
00:09:41 → 00:09:43 ว่าการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งถามว่าไวรัส
00:09:43 → 00:09:45 กับแบคทีเรียเนี่ยแยกกันได้ยังไงโดยส่วน
00:09:45 → 00:09:48 มากเราจะดูอาการเป็นหลักค่ะถ้ามีอาการ
00:09:48 → 00:09:51 เรื่องของเอ่อท้องเสียเยอะๆหรือว่าบางคน
00:09:51 → 00:09:54 เนี่ยมีอาการถ่ายเป็นมูกหรือว่าเป็นเลือด
00:09:54 → 00:09:57 หรือบางคนเนี่ยถ่ายเป็นฟองลักษณะเนี้ยจะ
00:09:57 → 00:09:59 บ่งบอกถึงว่าเป็นการติดเชื้อแบคที
00:09:59 → 00:10:02 แต่ว่าถ้าบางคนถ่ายเยอะถ่ายปริมาณมากแต่
00:10:02 → 00:10:05 ถ่ายเป็นน้ำอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้มีมูก
00:10:05 → 00:10:07 เลือดอะไรพวกเยค่ะส่วนมักจะเป็นการติด
00:10:07 → 00:10:09 เชื้อไวรัสเนาะแล้วก็ถ้าเป็นการติดเชื้อ
00:10:09 → 00:10:12 ไวรัสส่วนมากจะถ่ายน้อยกว่า 3 วันค่ะถ้า
00:10:12 → 00:10:14 ถ่ายมากกว่า 3 วันพวกเนี้ยก็จะเป็นการติด
00:10:14 → 00:10:16 เชื้อแบคทีเรียมากกว่าแนะนำว่าต้องกินยา
00:10:16 → 00:10:19 ฆ่าเชื้อร่วมด้วยค่ะถึงจะถ้าเป็นการติด
00:10:19 → 00:10:21 เชื้อพวกไวรัสพวกเนี้ยค่ะเราสามารถกินยา
00:10:21 → 00:10:23 ตามอากันได้หรือว่าบางคนแนะนำว่าให้กิน
00:10:23 → 00:10:26 ตัวผงถ่านเนาะตัวคาร์บอนตัวเนี้ยจะเอาไว้
00:10:26 → 00:10:30 ดักจับกับพวกเอ่อสารพของไวรัสนั้นๆอะไร
00:10:30 → 00:10:33 อย่างเงี้ยค่ะเพื่อที่จะไม่ให้โรคมันเป็น
00:10:33 → 00:10:37 ไปมากกว่าเดิมเนาะแล้วก็กินยาตามอาการ
00:10:37 → 00:10:39 อย่างอื่นได้เช่นเนื่องของเกลือแร่หรือ
00:10:39 → 00:10:41 ว่ามีอาการลึนไส้อาเจียนแนะนำเป็นพวกยา
00:10:41 → 00:10:44 แก้ครึนไส้อาเจียนหรือว่ายาแก้ปวดปบิด
00:10:44 → 00:10:46 ร่วมด้วยได้นะคะส่วนเรื่องถ้าเป็นเรื่อง
00:10:46 → 00:10:48 ของการติดเชื้อแบคทีเรียเนี่ยอาจจะต้อง
00:10:48 → 00:10:51 กินยาฆ่าเชื้อร่วมด้วยแล้วก็เป็นยาตาม
00:10:51 → 00:10:53 อาการอื่นๆได้ค่ะเช่นเรื่องของเกลือแร่
00:10:53 → 00:10:56 เหมือนกันยาแก้ขึ้นไส้อาเจียนหรือว่ายา
00:10:56 → 00:10:59 แก้ปวดบิดเหมือนกันอาจารย์คะคนกลุ่มไหน
00:10:59 → 00:11:01 ไหนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเสีย
00:11:01 → 00:11:04 ชีวิตจากอาหารเป็นพิษได้คะจริงๆเสียชีวิต
00:11:04 → 00:11:06 จากอาหารเป็นพิษเนี่ยเจอได้ไม่บ่อยค่ะแต่
00:11:06 → 00:11:09 ว่าจะเจอในได้ในกรณีที่มีบางกลุ่มก็คือ
00:11:09 → 00:11:12 เรื่องของภูมิคุ้มกันที่มีภาวะบกพร่องคือ
00:11:12 → 00:11:14 เรื่องของคนที่เป็น HIV พวกเยค่ะอาจจะมา
00:11:15 → 00:11:17 ด้วยเรื่องของท้องเสียเรื้อรังเยอะๆจนทำ
00:11:17 → 00:11:20 ให้ลำไส้อักเสบนานๆพวกเนี้ยอาจจะมีเสี่ยง
00:11:21 → 00:11:22 ต่อเรื่องของติดเชื้อในกระแสเลือดร่วม
00:11:22 → 00:11:25 ด้วยได้หรือที่เจอได้บ่อยๆอีกอันนึงก็คือ
00:11:25 → 00:11:28 คนที่เป็นมะเร็งแล้วก็ให้เคโมอยู่พวก
00:11:28 → 00:11:30 เนี้ยภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะต่ำลงมี
00:11:30 → 00:11:32 โอกาสที่จะติดเชื้อเข้ากระแสเลือดได้มาก
00:11:32 → 00:11:35 ขึ้นเพราะฉะนั้นคนในกลุ่มเนี้ยอาจจะมี
00:11:35 → 00:11:37 ภาวะเรื่องของแบบเสียชีวิตตามมาได้ค่ะแต่
00:11:38 → 00:11:40 ว่าถ้าในคนที่มีภูมิคุ้มกันดีอยู่แล้ว
00:11:40 → 00:11:42 หรือว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงทั่วไปอ่ะค่ะ
00:11:42 → 00:11:44 โอกาสที่จะติดเชื้อเข้ากระแสเลือดเนี่ย
00:11:45 → 00:11:48 ค่อนข้างน้อยมากนะคะหรือโอกาสที่จะแบบ
00:11:48 → 00:11:50 เป็นเยอะเป็นรุนแรงเนี่ยก็ไม่ได้เยอะอยู่
00:11:50 → 00:11:52 แล้วเพราะฉะนั้นในคนที่แข็งแรงทั่วไป
00:11:52 → 00:11:56 เนี่ยทานยาทั่วไปหรือว่าทานพวกเกลือแร่
00:11:56 → 00:11:58 พวกพวกอะไรก็พอแล้วค่ะอืโอกาสเสียชีวิตตำ
00:11:58 → 00:12:02 อยู่แล้วค่ะอาจารย์คะยาสามัญประจำบ้าน
00:12:02 → 00:12:05 อะไรคะที่ช่วยรักษาเรื่องของภาวะอาหาร
00:12:05 → 00:12:08 เป็นพิษอ๋อข้อนี้สำคัญเลยค่ะอยากจะให้ทุก
00:12:08 → 00:12:10 คนที่ฟังอยู่เนี่ยจดได้เลยนะคะว่าควรจะมี
00:12:10 → 00:12:13 ยาอะไรติดบ้านบ้างอย่างแรกที่มีเลยก็คือ
00:12:13 → 00:12:16 ผงถ่านค่ะผงถ่านเนี่ยทานได้เลยค่ะ 2 เม็ด
00:12:16 → 00:12:19 3 เวลานะคะกิน 3 วันตัวเนี้เอาไว้ดักจับ
00:12:19 → 00:12:22 กับเชื้อโรคนะคะส่วนอย่างที่ 2 ที่หมอ
00:12:22 → 00:12:24 อยากให้มีก็คือเรื่องของเกลือแร่เวลาที่
00:12:24 → 00:12:27 เราเสียน้ำเยอะๆอย่างที่หมอบอกไปตอนต้น
00:12:27 → 00:12:29 เนาะอยากให้กินเกลือแร่เพื่อให้แบบทดแทน
00:12:29 → 00:12:32 น้ำที่เสียไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
00:12:32 → 00:12:34 บางคนไม่ชอบกินเกลือแร่ค่ะซื้อเป็นแบบพวก
00:12:35 → 00:12:37 ส่วนผสมของเกลือแร่ร่วมด้วยเนาะพวกเยจะทด
00:12:37 → 00:12:40 แทนอุจจาระที่แบบมันเสียเกือแร่ไปบางส่วน
00:12:40 → 00:12:42 ได้ยาอย่างอื่นสามารถมีติดได้ค่ะเช่น
00:12:42 → 00:12:45 เรื่องของยาแก้คึ้นไส้อาเจียนหรือว่ายา
00:12:45 → 00:12:48 แก้ปวดบิดท้องแต่ยังไงถ้าจะต้องกิน 2 ตัว
00:12:48 → 00:12:50 เนี้ยถ้านายหญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ค่อยแนะนำ
00:12:50 → 00:12:52 นะคะรบกวนทำนัดเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมก่อน
00:12:52 → 00:12:56 ดีกว่าค่ะอาจารย์คะเราจะมีวิธีการอย่างไร
00:12:56 → 00:12:59 ในการดื่มน้ำเกลือแร่นะคะโอ ors ที่เรา
00:12:59 → 00:13:02 เนี่ยรับประทานเพื่อช่วยในเรื่องของท้อง
00:13:02 → 00:13:05 เสียมันมีวิธีการดื่มอย่างไรบ้างคะโอจริง
00:13:05 → 00:13:07 ๆต้องบอกว่ากินได้ทั้งวันเลยค่ะตัวเกลือ
00:13:07 → 00:13:10 แร่กินให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้จะเป็นคำ
00:13:10 → 00:13:13 พูดที่หมอพูดบ่อยมากเช่นถ่ายสมมุติว่าบาง
00:13:13 → 00:13:16 คนบอกว่าถ่ายวันนึง 10 ครั้งเลย 20 ครั้ง
00:13:16 → 00:13:18 เลยต้องไปแอดมิที่โรงพยาบาลไมจริงๆก็ยัง
00:13:18 → 00:13:21 ไม่ได้จำเป็นนะคะถ้าเรากินเกลือแร่ได้พอ
00:13:21 → 00:13:24 บางคนกินน้ำเก่งกินได้เป็น 2 ลิตร 2 ลิตร
00:13:24 → 00:13:26 3 ลิตรถ้ากินพอค่ะไม่ได้จำเป็นต้อง
00:13:26 → 00:13:29 แอดมิตโรงพยาบาลเลยก็กินผสมเกือแร่ได้เลย
00:13:29 → 00:13:32 ค่ะวันนึงกี่ซองก็ได้อาจารย์คะในระหว่าง
00:13:32 → 00:13:34 ที่เราเนี่ยยังเป็นอาหารเป็นพิษอยู่ค่ะ
00:13:34 → 00:13:38 อาหารอะไรที่เรากินได้อาหารอะไรที่เราควร
00:13:38 → 00:13:41 เลี่ยงคะอาจารย์เอ่อคนที่มีภาวะเรื่องของ
00:13:41 → 00:13:43 ท้องเสียอยู่หรือว่าขึ้นไส้อาเจียนอยู่
00:13:43 → 00:13:45 แนะนำว่าให้กินอาหารอ่อนๆก่อนค่ะแล้วก็
00:13:45 → 00:13:48 เป็นอาหารที่ย่อยง่ายไม่ใช่อาหารมันเช่น
00:13:48 → 00:13:50 คนที่ทั่วไปที่เราจะกินกันบ่อยๆเลยก็คือ
00:13:50 → 00:13:54 เรื่องของโจ๊กเนาะกินนโจ๊กกินก๋วยเตี๋ยว
00:13:54 → 00:13:57 พอได้นะคะแต่ว่าเอาแบบไม่เผ็ดไม่ปรุงเยอะ
00:13:57 → 00:13:59 เอาอาหารที่มันย่อยได้ง่ายๆที่ไม่ค่อยแนะ
00:13:59 → 00:14:02 นำให้ทันเลยก็คือจะเป็นอาหารจำพวกนมหรือ
00:14:02 → 00:14:05 ว่าเป็นผักบางอย่างพวกผักเนี่ยก็อาจจะทำ
00:14:05 → 00:14:07 ให้แบบเหมือนท้องเสียได้มากขึ้นหรือบางคน
00:14:07 → 00:14:10 อ่ะไปกินน้ำดีท็อกซ์ซึ่งอาจจะทำให้แย่
00:14:10 → 00:14:13 กว่าเดิมได้ค่ะอาจารย์คะผักและผลไม้ชนิด
00:14:13 → 00:14:17 ไหนคะที่ช่วยลดบรรเทาอาการอาหารเป็นพิษ
00:14:17 → 00:14:20 ให้เราได้บ้างคะอืมอันนี้ต้องบอกว่าอาจจะ
00:14:20 → 00:14:22 เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านเนาะว่าแบบสมัยกร
00:14:22 → 00:14:25 เขาทานอะไรมากกว่าค่ะโดยส่วนมากเขาก็จะ
00:14:25 → 00:14:27 แนะนำให้ทานพวกกล้วยน้ำว้าที่สามารถช่วย
00:14:27 → 00:14:31 ได้นะคะหรือว่าทานพวกขิงแต่ว่าขิงเนี่ย
00:14:31 → 00:14:33 อาจจะช่วยในแง่เรื่องของแบบการระบายลมมาก
00:14:33 → 00:14:35 กว่าเพื่อไม่ให้อึดแน่นทองมากกว่าค่ะคำ
00:14:35 → 00:14:38 ถามข้อสุดท้ายค่ะอาจารย์เราจะมีวิธีการ
00:14:38 → 00:14:42 ป้องกันภาวะอาหารเป็นพิษได้อย่างไรบ้างคะ
00:14:42 → 00:14:44 ป้องกันได้ง่ายๆค่ะอย่างแรกคือทานอาหาร
00:14:44 → 00:14:48 ที่ใหม่ทำใหม่หรือว่าสุกเท่านั้นถ้าเป็น
00:14:48 → 00:14:51 ทานพวกแบบอาหารแช่แข็งหรือว่าแบบอาหารที่
00:14:51 → 00:14:53 ทำมานานแล้วเก็บไว้ครั้งคืนอย่างเงี้ยค่ะ
00:14:53 → 00:14:56 พวกนี้มันจะมีพวกเชื้อแบคทีเรียอยู่เพราะ
00:14:56 → 00:14:58 ฉะนั้นอาจจะทำให้เราอ่ะเป็นได้ง่ายมาก
00:14:58 → 00:15:01 ขึ้นนะคะแล้วก็ทานอาหารสะอาดเนาะถ้าทำเอง
00:15:01 → 00:15:03 ได้ก็ดีเพราะว่าเราก็จะปรุงสุกปรุงอะไร
00:15:03 → 00:15:06 อยู่แล้วในคนบางคนนะคะที่ไม่แน่ใจว่าเรา
00:15:06 → 00:15:08 เป็นการติดเชื้อไวรัสหรือการติดเชื้อ
00:15:08 → 00:15:10 แบคทีเรียหรือว่าเอ๊ะหรือเราจำเป็นที่จะ
00:15:10 → 00:15:12 ต้องไปโรงพยาบาลหรือยังถ้าเราไม่แน่ใจ
00:15:12 → 00:15:15 เนี่ยสามารถทำนัดมาที่แอปหมอดีได้เลยนะคะ
00:15:15 → 00:15:17 สามารถดาวน์โหลดที่ app store แล้วก็
00:15:17 → 00:15:20 Play Store ได้เลยค่ะขอบพระคุณอาจารย์
00:15:20 → 00:15:23 จากแอปพลิเคชันหมอดีที่มาให้ความรู้ความ
00:15:23 → 00:15:26 เข้าใจในเรื่องของภาวะอาหารเป็นพิษรวมถึง
00:15:26 → 00:15:30 วิธีการดูแลตัวเองนะคะสนับสนุนโดยแอปหมอ
00:15:30 → 00:15:32 ดีหมอประจำบ้านในมือ
00:15:32 → 00:15:36 คุณช่วงนี้นะคะหมอดาวนำเรื่องของสัญญาณ
00:15:36 → 00:15:40 เตือนจากภาวะขาดน้ำมาฝากคุณผู้ชมกันค่ะ
00:15:40 → 00:15:43 ตลอดทั้งวันร่างกายของเราใช้และสูญเสีย
00:15:43 → 00:15:45 น้ำไปตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการขับ
00:15:45 → 00:15:49 เหงื่อปัสสาวะหายใจเข้าและออกและแน่นอน
00:15:49 → 00:15:51 ว่าร่างกายไม่สามารถผลิตน้ำได้ด้วยตัวเอง
00:15:51 → 00:15:54 เมื่อร่างกายของเราสูญเสียน้ำไปมากกว่า
00:15:54 → 00:15:57 ที่รับเข้าไปร่างกายจะถือว่าอยู่ในช่วง
00:15:57 → 00:16:00 สภาวะขาดน้ำและร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณ
00:16:00 → 00:16:03 เตือนบางอย่างมาดูกันดีกว่าว่าเมื่อร่าง
00:16:03 → 00:16:07 กายของเราขาดน้ำส่งสัญญาณเตือนอะไรบ้าง 1
00:16:07 → 00:16:10 ปวดศีรษะบ่อยๆถ้ามีอาการปวดศีรษะบ่อยๆโดย
00:16:10 → 00:16:13 ไม่ทราบสาเหตุแถมยิ่งขยับร่างกายก็ยิ่ง
00:16:13 → 00:16:16 ปวดให้รู้ไว้เลยค่ะว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำ
00:16:16 → 00:16:19 แล้วเพราะสมองของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง
00:16:19 → 00:16:22 ร้อยละ 80 เมื่อร่างกายขาดน้ำเนื้อเยื่อ
00:16:22 → 00:16:24 ในสมองก็จะขาดความชุ่มชื้นและหดตัวลงจึง
00:16:25 → 00:16:27 ไปกระตุ้นตัวรีซอร์สั่งการให้เรารู้สึก
00:16:27 → 00:16:31 ถึงความเจ็บปวดรอบๆสมองทำให้ปวดศีรษะนั่น
00:16:31 → 00:16:35 เองนอกจากนี้การที่ร่างกายขาดน้ำยังทำให้
00:16:35 → 00:16:38 ระดับเลือดในร่างกายลดลงทำให้ระบบไหล
00:16:38 → 00:16:41 เวียนเลือดทำงานไม่ดีส่งผลไปยังการส่ง
00:16:41 → 00:16:44 ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอทำให้เส้น
00:16:44 → 00:16:47 เลือดในสมองขยายจนเกิดการบวมและอักเสบและ
00:16:47 → 00:16:50 ยิ่งทำให้อาการปดศีรษะแย่ลงไปอีก 2 มี
00:16:50 → 00:16:53 กลิ่นปากและริมฝีปากแห้งเป็นสัญญาณที่บ่ง
00:16:53 → 00:16:56 บอกอาการขาดน้ำอย่างชัดเจนเลยค่ะยิ่งถ้า
00:16:56 → 00:16:59 ริมฝีปากแห้งทาลิบมันเท่าไหร่ก็ก็ไม่หาย
00:16:59 → 00:17:01 และรู้สึกเจ็บริมฝีปากตลอดเวลาขอให้มั่น
00:17:01 → 00:17:04 ใจได้เลยค่ะว่าร่างกายขาดน้ำแล้วมีกลิ่น
00:17:04 → 00:17:07 ปากมีสาเหตุมาจากหลายประการซึ่งการขาดน้ำ
00:17:08 → 00:17:10 ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
00:17:10 → 00:17:13 ได้เนื่องจากน้ำลายมีคุณสมบัติในการช่วย
00:17:13 → 00:17:15 ต้านเชื้อแบคทีเรียและในกระบวนการสร้าง
00:17:15 → 00:17:18 น้ำลายนั้นต้องใช้น้ำเมื่อร่างกายขาดน้ำ
00:17:18 → 00:17:21 การผลิตน้ำลายก็จะลดลงและทำให้ความสามารถ
00:17:21 → 00:17:24 ในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่ก่อให้เกิด
00:17:24 → 00:17:27 กลิ่นในปากของเรานั้นไม่มีประสิทธิภาพและ
00:17:27 → 00:17:30 ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ 3 ระบบขับถ่ายผิด
00:17:30 → 00:17:33 ปกติการดื่มน้ำน้อยทำให้เกิดอาการท้องผูก
00:17:33 → 00:17:36 เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
00:17:36 → 00:17:38 ถึงแม้จะรับประทานอาหารที่มีกากใหญ่มาก
00:17:38 → 00:17:41 แต่ถ้าไม่ดื่มน้ำก็ทำให้ร่างกายไม่ขับ
00:17:41 → 00:17:44 ถ่ายอยู่ดีค่ะอีกทั้งยังทำให้ระบบปัสสาวะ
00:17:44 → 00:17:47 รวนอีกด้วย 4 ผิวยึดหยุ่นน้อยลงและน้ำ
00:17:47 → 00:17:50 หนักมากขึ้นอาการผิวแห้งอาจเกิดขึ้นได้
00:17:50 → 00:17:53 ทั้งจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือเกิดได้
00:17:53 → 00:17:56 จากสภาพผิวทั่วไปแต่ความยืดหยุ่นของผิว
00:17:56 → 00:17:58 ต่างหากที่จะเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าเรา
00:17:58 → 00:18:01 กำลังอยู่ในสภาวะขาดน้ำแล้วและเมื่อเรา
00:18:01 → 00:18:04 ดื่มน้ำน้อยไตจะทำงานหนักมากขึ้นทำให้ตับ
00:18:04 → 00:18:07 ซึ่งปกติจะทำหน้าที่เร่งการเผาผลาญไขมัน
00:18:07 → 00:18:11 ที่สะสมในร่างกายต้องมาทำหน้าที่แทนไตจึง
00:18:11 → 00:18:13 ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลงและ
00:18:13 → 00:18:16 ยิ่งเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากยิ่ง
00:18:16 → 00:18:19 ขึ้นเพราะน้ำส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่าง
00:18:19 → 00:18:22 กายโดยตรงอีกทั้งเมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำ
00:18:22 → 00:18:25 ให้หิวตลอดเวลาและรับประทานอาหารมากขึ้น
00:18:25 → 00:18:28 อีกด้วย 5 อ่อนเพลียทั้งวันแม้ว่าจะนอน
00:18:29 → 00:18:31 หลับพักผ่อนเพียงพอแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่า
00:18:31 → 00:18:34 ร่างกายอ่อนเพลียอยู่อาจจะเป็นเพราะร่าง
00:18:34 → 00:18:36 กายขาดน้ำเพราะน้ำจะเป็นตัวลำเลี้ยง
00:18:36 → 00:18:39 ออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดและไปหล่อ
00:18:39 → 00:18:42 เลี้ยงตามร่างกายเมื่อร่างกายขาดออกซิเจน
00:18:42 → 00:18:45 ที่เพียงพออีกทั้งยังเลือดข้นหนืดเพราะ
00:18:45 → 00:18:48 ขาดน้ำจึงยิ่งส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย
00:18:48 → 00:18:50 ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเยอะๆเพื่อให้ร่าง
00:18:50 → 00:18:53 กายสดชื่นค่ะรีบสังเกตตัวเองกันตั้งแต่
00:18:54 → 00:18:56 วันนี้ถ้าเริ่มมีอาการใดอาการหนึ่งเกิด
00:18:56 → 00:18:59 ขึ้นให้รีบไปดื่มน้ำเพื่อเติมความสดชื่น
00:18:59 → 00:19:02 ให้กับร่างกายด่วนๆเลยค่ะและอย่าลืมดื่ม
00:19:02 → 00:19:05 น้ำเป็นประจำให้ได้วันละ 1.5 -2 ลิตร
00:19:05 → 00:19:08 เพื่อร่างกายที่แข็งแรงนะ
00:19:08 → 00:19:12 คะนอกจากนี้ค่ะหมอดาวยังมีวิธีช่วยให้คุณ
00:19:12 → 00:19:16 ผู้ชมสามารถดื่มน้ำได้ถึง 2 ลิวมาฝากกัน
00:19:16 → 00:19:20 ค่ะ 1 ลองดื่มน้ำประเภทต่างๆถึงแม้ว่าการ
00:19:20 → 00:19:23 ดื่มน้ำเปล่าจะดีที่สุดกับร่างกายแต่น้ำ
00:19:23 → 00:19:26 ดื่มบรรจุขวดยี่ห้อต่างๆก็สามารถให้รส
00:19:26 → 00:19:28 ชาติที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่
00:19:28 → 00:19:31 มาไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าธรรมดาหรือน้ำแร่
00:19:31 → 00:19:34 รสชาติก็สามารถทำให้เราดื่มได้อย่างสม่ำ
00:19:34 → 00:19:38 เสมอ 2 วางน้ำดื่มไว้ใกล้ตัวบางครั้งวิธี
00:19:38 → 00:19:40 ที่ง่ายที่สุดในการดื่มน้ำก็คือการมีน้ำ
00:19:41 → 00:19:43 ดื่มติดตัวเพราะเมื่อไหร่ที่เรามองเห็นก็
00:19:43 → 00:19:47 จะได้เป็นการเตือนให้เราดื่ม 3 เพิ่มรส
00:19:47 → 00:19:51 ชาติเล็กน้อยการผสมน้ำกับมะนาวเลมอนรวม
00:19:51 → 00:19:54 ถึงผลไม้และผักอื่นๆลงในน้ำเปล่าไม่เพียง
00:19:54 → 00:19:57 แต่ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการแต่ยังช่วย
00:19:57 → 00:19:59 เพิ่มรสชาติให้กับน้ำน้ำดื่มของเราอีก
00:19:59 → 00:20:03 ด้วย 4 ทำให้เกี่ยวข้องกับกิจวัตรประจำ
00:20:03 → 00:20:07 วันเช่นดื่มน้ำก่อนและหลังการออกกำลังกาย
00:20:07 → 00:20:09 ดื่มน้ำก่อนเวลารับประทานอาหารแต่อย่าง
00:20:09 → 00:20:12 น้อยต้องเป็นครึ่งชั่วโมงก่อนรับประทาน
00:20:12 → 00:20:15 อาหารนะคะหรือดื่มน้ำเมื่อคุณตื่นนอนความ
00:20:15 → 00:20:18 พยายามเชื่อมโยงการดื่มน้ำเข้ากับชีวิต
00:20:18 → 00:20:20 ประจำวันแบบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้าง
00:20:20 → 00:20:23 นิสัยเท่านั้นแต่ยังช่วยให้เราดื่มน้ำได้
00:20:23 → 00:20:26 อย่างเพียงพอโดยที่ไม่ต้องฝืนร่างกายมาก
00:20:26 → 00:20:30 เกินไป 5 กินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
00:20:30 → 00:20:33 หากความต้องการที่จะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8
00:20:33 → 00:20:36 แก้วนั้นทำให้คุณรู้สึกว่าฝืนจนเกินไปลอง
00:20:36 → 00:20:40 เพิ่มอาหารที่มีน้ำสูงสิคะเช่นเมลอนผัก
00:20:40 → 00:20:44 สลัดมะเขือเทศแตงโมและแตงกวาทั้งนี้เพื่อ
00:20:44 → 00:20:47 ให้ร่างกายได้รับทั้งสารอาหารและน้ำใน
00:20:47 → 00:20:51 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันแต่ต้องระวังว่า
00:20:51 → 00:20:53 ไม่เป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูงจนเกินไป
00:20:53 → 00:20:56 เดี๋ยวจะกลายเป็นเบาหวานนะ
00:20:56 → 00:20:59 คะเป็นอย่างอะไรกันบ้างคะคุณผู้ชมกับสาระ
00:20:59 → 00:21:03 สุขภาพดีๆที่วันนี้ทีมงาน t&n นำมาฝากกัน
00:21:04 → 00:21:06 หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมนะคะจะนำ
00:21:06 → 00:21:09 ความรู้ความเข้าใจสาระดีๆไปใช้ดูแลสุขภาพ
00:21:09 → 00:21:13 ตัวเองและคนที่คุณรักค่ะและขอบคุณคุณผู้
00:21:13 → 00:21:16 ชมนะคะที่ติดตามรับชมรายการ TNN He มา
00:21:16 → 00:21:19 โดยตลอดค่ะสามารถติดตามรับชมรายการ TNN
00:21:19 → 00:21:22 Health ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์ค่ะเวลา
00:21:22 → 00:21:27 ดี 15 น- 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 นอก
00:21:27 → 00:21:29 จากนี้นะคะคะยังสามารถติดตามรับชมรายการ
00:21:29 → 00:21:34 ทุกบ่ายวันจันทร์ค่ะ 14:30 น - 15:00 น
00:21:34 → 00:21:36 นอกจากนี้นะคะอย่าลืมกดไลค์กดแชร์กด
00:21:36 → 00:21:39 Subscribe รวมถึงกดกระดิ่งด้วยเพื่อเป็น
00:21:39 → 00:21:41 กำลังใจให้หมอดาวและทีมงาน tn and
00:21:41 → 00:21:44 Health ในช่องทางโซเชียล Network ไม่ว่า
00:21:44 → 00:21:47 จะเป็น YouTube tiktok Facebook Line
00:21:47 → 00:21:51 official และ Instagram อีกด้วยค่ะเพื่อ
00:21:51 → 00:21:53 ที่จะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้ม
00:21:53 → 00:21:57 กันรู้ทันโรคไปด้วยกันและสำหรับวันนี้หมอ
00:21:57 → 00:22:00 ดาวและทีมงานเ And He ต้องขอตัวลาคุณผู้
00:22:00 → 00:22:04 ชมไปก่อนนะคะสวัสดี
00:22:04 → 00:22:26 [เพลง]
00:22:26 → 00:24:28 ค่ะ
00:24:28 → 00:24:31 L
00:00:13 → 00:00:16 อาหารเป็นพิษอันตรายกว่าที่คิดรุนแรงแค่
00:00:16 → 00:00:20 ไหนต้องพบแพทย์กินอะไรเสี่ยงอาหารเป็นพิษ
00:00:20 → 00:00:23 พร้อมเปิดวิธีดูแลตัวเองถ้าอาหารเป็นพิษ
00:00:23 → 00:00:27 ไม่รุนแรงเมื่อร่างกายขาดน้ำจะมีสัญญาณ
00:00:27 → 00:00:30 เตือนอะไรบ้างติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้
00:00:30 → 00:00:34 ในรายการ TNN วัน
00:00:34 → 00:00:38 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:38 → 00:00:42 Heal เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้ม
00:00:42 → 00:00:45 กันรู้ทันโรคไปกับ TNN Heal ค่ะและดิฉัน
00:00:45 → 00:00:49 หมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะ
00:00:49 → 00:00:52 ทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับ
00:00:52 → 00:00:54 หน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมา
00:00:54 → 00:00:58 เข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:58 → 00:01:02 ค่ะ
00:01:02 → 00:01:08 [เพลง]
00:01:08 → 00:01:12 สำหรับสัปดาห์นี้นะคะเราจะมารู้จักเรื่อง
00:01:12 → 00:01:14 ของอาหารเป็นพิษค่ะอาหารเป็นพิษอันตราย
00:01:15 → 00:01:19 กว่าที่คิดอาจช็อกเสียชีวิตได้หลายคนค่ะ
00:01:19 → 00:01:21 คิดว่าเรื่องของอาหารเป็นพิษก็แค่ขับถ่าย
00:01:21 → 00:01:24 ท้องเสียแต่รู้หรือไม่คะว่าคนกลุ่มเสี่ยง
00:01:24 → 00:01:27 อย่างเช่นเด็กน้อยรวมไปถึงผู้สูงอายุนะคะ
00:01:27 → 00:01:30 ท่านเหล่านี้ค่ะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งเลย
00:01:30 → 00:01:32 ที่จะเสียชีวิตนะคะจากเรื่องของอาหารเป็น
00:01:33 → 00:01:35 พิษได้เพราะเกิดการสูญเสียของสารน้ำและ
00:01:35 → 00:01:38 เกลือแร่รวมไปถึงว่าถ้าไม่ได้รับการรักษา
00:01:38 → 00:01:41 อย่างท่งทีค่ะอาจจะถึงกับการติดเชื้อใน
00:01:41 → 00:01:44 กระแสเลือดได้เช่นเดียวกัน
00:01:44 → 00:01:47 ค่ะซึ่งนั้นคือความน่ากลัวของอาหารเป็น
00:01:47 → 00:01:50 พิษค่ะอาหารเป็นพิษอาจทำให้เราเสียชีวิต
00:01:50 → 00:01:54 ได้จากภาวะแทรกซ้อนของมันเองโดยอาจทำให้
00:01:54 → 00:01:57 เราอยู่ในภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ได้จนทำ
00:01:57 → 00:02:00 ให้ร่างกายช็อกและแน่นอนว่าสิ่งนี้เป็น
00:02:00 → 00:02:03 อันตรายต่อชีวิตได้สาเหตุปัจจัยเสี่ยงและ
00:02:03 → 00:02:07 สภาวะต่างๆที่ส่งผลต่ออาหารเป็นพิษสาเหตุ
00:02:07 → 00:02:10 ของการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษนั้นเกิดจาก
00:02:10 → 00:02:13 เชื้อโรคที่มีการปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำ
00:02:13 → 00:02:16 ที่บริโภคโดยเชื้อสามารถผ่านมาทางผู้ป่วย
00:02:16 → 00:02:19 ที่สามารถแพร่เชื้อได้เป็นผู้ปรุงอาหาร
00:02:19 → 00:02:22 โดยไม่ได้ล้างมือทำให้มีการป่นเปื้อนของ
00:02:22 → 00:02:25 เชื้อในอาหารหรือเชื้อที่มีอยู่ในอาหาร
00:02:25 → 00:02:27 หรือน้ำที่ไม่ผ่านการทำความสะอาดหรือความ
00:02:27 → 00:02:30 ร้อนอย่างเพียงพอนอกจากนี้เชื้อยังสามารถ
00:02:30 → 00:02:33 ส่งผ่านจากากอาหารชนิดหนึ่งไปยังอีกชนิด
00:02:33 → 00:02:36 หนึ่งผ่านทางอุปกรณ์ที่ใช้เช่นเขียงหรือ
00:02:36 → 00:02:39 มีดที่ใช้ร่วมกันในการเตรียมอาหารก็ได้
00:02:39 → 00:02:42 รวมถึงการวางอาหารไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะ
00:02:42 → 00:02:45 สมกับการเจริญเติบโตของเชื้อเป็นต้นเชื้อ
00:02:45 → 00:02:48 โรคที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษเช่น
00:02:48 → 00:02:51 แบคทีเรียที่เจริญเติบโตในอาหารก่อนการ
00:02:51 → 00:02:55 บริโภคหรือผลิตสารพิษในลำไส้เมื่อบริโภค
00:02:55 → 00:03:00 เข้าไปเชื้อไวรัสหรือพยาธิเช่นอุจจาร่วง
00:03:00 → 00:03:03 จากสาหร่ายบางสายพันธุ์หรือจากพิษจาก
00:03:03 → 00:03:06 สัตว์บางชนิดเช่นพิษจากปลาปักเป้าโดย
00:03:06 → 00:03:09 ปัจจัยที่ทำให้เกิดหรือไม่เกิดการติด
00:03:09 → 00:03:12 เชื้อหรือความรุนแรงของผู้ป่วยในแต่ละราย
00:03:12 → 00:03:16 นั้นไม่เท่ากันเช่นอายุโรคประจำตัวและ
00:03:16 → 00:03:18 เชื้อบางชนิดเช่นโรตาไวรัสชอบก่อโรคใน
00:03:18 → 00:03:21 เด็กมากกว่าผู้ใหญ่โดยเชื่อว่าอาจมีความ
00:03:21 → 00:03:23 สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของเยื่อเมือก
00:03:23 → 00:03:26 ในลำไส้เล็กสำหรับโรคประจำตัวบางโรคก็มี
00:03:26 → 00:03:29 ผลต่อภาวะภูมิต้านทานของร่างกายทำให้เกิด
00:03:29 → 00:03:33 เกิดความรุนแรงที่ไม่เท่ากันได้สุขอนามัย
00:03:33 → 00:03:36 ส่วนบุคคลเนื่องจากการมีสุขอนามัยที่ดี
00:03:36 → 00:03:39 สามารถจำกัดปริมาณเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย
00:03:39 → 00:03:42 ไม่ถึงระดับเชื้อที่สามารถก่อโรคได้ภาวะ
00:03:43 → 00:03:46 กรดในกระเพาะอาหารและการเคลื่อนไหวของทาง
00:03:46 → 00:03:49 เดินอาหารโดยทั่วไปรดในกระเพาะอาหารจะ
00:03:49 → 00:03:52 ทำลายเชื้อโรคที่รับประทานเข้าไปรวมถึง
00:03:52 → 00:03:55 การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่เป็นปกติจะทำให้
00:03:55 → 00:03:57 กระบวนการกระจายของเชื้อประจำถิ่นในร่าง
00:03:57 → 00:04:00 กายเป็นไปอย่างปกติรวมถึงส่งผลต่อการ
00:04:00 → 00:04:02 ทำลายเชื้อโรคอีก
00:04:02 → 00:04:06 ด้วยอาการของอาหารเป็นพิษผู้ป่วยส่วนใหญ่
00:04:06 → 00:04:09 จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนนำมาก่อนและเด่น
00:04:09 → 00:04:12 กว่าอาการท้องเสียอาการคลื่นไส้มีได้ทั้ง
00:04:12 → 00:04:15 รุนแรงไม่มากจนถึงรุนแรงมากจนไม่สามารถ
00:04:15 → 00:04:18 รับประทานอาหารได้ส่วนใหญ่มักมีอาการหลัง
00:04:18 → 00:04:22 รับประทานอาหารที่สงสัยประมาณ 2-16 ชมง
00:04:22 → 00:04:25 หลังจากนั้นก็จะมีอาการปวดท้องท้องเสีย
00:04:25 → 00:04:28 ถ่ายเหลวเป็นน้ำตามมานอกจากนี้ยังอาจพบ
00:04:28 → 00:04:30 ผู้ที่รับประทานอาหารรวมกับผู้ป่วยก็อาจ
00:04:30 → 00:04:33 จะมีอาการได้เช่นเดียวกันในระยะเวลาที่
00:04:33 → 00:04:37 ไล่เลี่กันสำหรับอาการที่แสดงออกมาหลักๆ
00:04:37 → 00:04:40 นะคะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทค่ะแบบแรกก็คือ
00:04:40 → 00:04:43 อาการที่แสดงถึงความไม่รุนแรงค่ะรู้สึก
00:04:43 → 00:04:46 ผอืดผะอมคลื่นไส้อาเจียนติดต่อกันหลาย
00:04:46 → 00:04:50 ครั้งมีอาการปวดท้องแบบบิดเกร็งเป็นพักๆ
00:04:50 → 00:04:54 เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ถ่ายท้องถ่าย
00:04:54 → 00:04:57 มีมูกหรือเลือดป่นเบื่ออาหารไม่อยากอาหาร
00:04:57 → 00:05:00 รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียวิงเวียนศีรษะ
00:05:00 → 00:05:03 หมดเรี่ยวแรงปากแห้งกระหายน้ำบ่อยและ
00:05:03 → 00:05:06 ปัสสาวะน้อยมองเห็นไม่ชัดแขนเป็นเหน็บ
00:05:06 → 00:05:08 หรือกล้ามเนื้ออ่อน
00:05:08 → 00:05:12 แรงและอีกประเภทนึงก็คืออาการนะคะกรณีที่
00:05:12 → 00:05:15 เราติดเชื้อแล้วก็มีอาการอาหารเป็นพิษ
00:05:15 → 00:05:19 ชนิดรุนแรงค่ะซึ่งจะมีข้อสังเกตได้แก่มี
00:05:19 → 00:05:23 ภาวะขาดน้ำเช่นปากแห้งกระหายน้ำอย่างมาก
00:05:23 → 00:05:26 ปัสสาวะสีเข้มปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะ
00:05:26 → 00:05:28 เกิน 6 ชมงหัวใจเต้นเร็วอ่อนเพลียวิง
00:05:28 → 00:05:33 เวียนศีษะและหน้ามืด 2 ในผู้ใหญ่มีอาการ
00:05:33 → 00:05:36 ท้องเสียติดต่อกัน 3 วันหรือถ่ายมากผิด
00:05:36 → 00:05:40 ปกติคือมากกว่า 8-10 ครั้งต่อวันสำหรับ
00:05:40 → 00:05:43 นายเด็กอาจท้องเสียติดต่อกันตลอด 24
00:05:43 → 00:05:46 ช่วโมงโดยที่อาการไม่ดีขึ้นเลย 3 อาเจียน
00:05:46 → 00:05:49 ถี่หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12
00:05:49 → 00:05:53 ชมง 4 มีเลือดปนในอาเจียนหรืออุจจาระ 5
00:05:53 → 00:05:56 ตามัวหรือมองเห็นภาพไม่ชัดหากเป็นเด็ก
00:05:56 → 00:05:59 เล็กอาจมีอาการปากแห้งตาโหลร้องไห้แบบไม่
00:05:59 → 00:06:02 มีนน้ำตา 6 ปวดท้องอย่างรุนแรงโดยที่
00:06:02 → 00:06:05 อาการปวดท้องไม่ลดลงเลยหลังจากอุจจาระไป
00:06:05 → 00:06:10 แล้วท้องเสียร่วมกับมีไข้สูงเกิน 38 องศ
00:06:10 → 00:06:15 เซซสนับสนุนโดยแอปหมอดีหมอประจำบ้านในมือ
00:06:15 → 00:06:19 คุณในช่วงนี้นะคะเราจะไปพูดคุยกับอาจารย์
00:06:19 → 00:06:22 หมอจากแอปพลิเคชันหมอดีที่จะมาให้ความรู้
00:06:22 → 00:06:25 ความเข้าใจในเรื่องของอาหารเป็นพิษรวมถึง
00:06:25 → 00:06:28 วิธีการดูแลตัวเองกันสวัสดีค่ะ
00:06:28 → 00:06:31 อาจารย์อาจารย์คะขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะ
00:06:31 → 00:06:35 คะเมนูอาหารหรือว่ามื้ออาหารชนิดไหนคะที่
00:06:35 → 00:06:38 เสี่ยงต่อภาวะอาหารเป็นพิษค่ะอาหารเป็น
00:06:38 → 00:06:40 พิษเนี่ยต้องบอกว่ามีได้หลายอย่างค่ะจะ
00:06:40 → 00:06:42 เป็นการติดเชื้อเรื่องของไวรัสก็ได้หรือ
00:06:42 → 00:06:44 ว่าการเป็นการติดเชื้อพวกแบคทีเรียก็ได้
00:06:44 → 00:06:47 พวกเยจะซ่อนอยู่ในอาหารบางพวกเช่นอาหาร
00:06:47 → 00:06:50 แช่แข็งที่แบบเหมือนเราเก็บไว้นานๆมี
00:06:50 → 00:06:53 เชื้อแบคทีเรียพวกนี้อยู่นะคะหรือว่าอีก
00:06:53 → 00:06:55 อย่างนึงก็คือพวกอาหารที่ทำไว้นานแล้วจน
00:06:55 → 00:06:58 แบบเหมือนติดเชื้อแบคทีเรียบางอย่างหรือ
00:06:58 → 00:07:00 มันเริ่มบูดนั่นเองก็จะจะทำให้แบบมันมี
00:07:00 → 00:07:02 แบคทีเรียพวกเยโตได้มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ
00:07:02 → 00:07:05 อาจารย์คะแล้วอาหารเป็นพิษนั้นแตกต่างจาก
00:07:05 → 00:07:08 ท่องเสี่ทั่วไปอย่างไรบ้างคะจริงๆต้องบอก
00:07:08 → 00:07:10 ว่าอาการพวกเยค่ะมันแบ่งได้เป็น 2 อย่าง
00:07:10 → 00:07:13 ใหญ่ๆก็คือเรื่องของอาหารเป็นพิษกับอีก
00:07:13 → 00:07:16 อันนึงก็คือเรื่องของน้ำไส้อักเสบซึ่งถ้า
00:07:16 → 00:07:18 เป็นอาหารเป็นพิษโดยส่วนมากแล้วเนี่ยจะมี
00:07:18 → 00:07:20 เกี่ยวกับเรื่องของคลื่นไส้อาเจียนค่อน
00:07:20 → 00:07:22 ข้างเยอะแต่บางคนน่ะก็เจอเรื่องของท้อง
00:07:22 → 00:07:25 เสียได้บ้างค่ะส่วนในคนที่มันมีอาการ
00:07:25 → 00:07:28 เรื่องของแบบลลำไส้อักเสบเนาะพวกเนี้ยจะ
00:07:28 → 00:07:29 เป็นท้องเสียเป็นหลัก
00:07:29 → 00:07:32 แต่มันก็อาจจะเป็นการติดเชื้อไวรัสก็ได้
00:07:32 → 00:07:34 นะคะหรือว่าจะเป็นแบคทีเรียก็ได้เพราะ
00:07:34 → 00:07:36 ฉะนั้นทั้ง 2 อันนี้ไม่ว่าจะเป็นอาหาร
00:07:36 → 00:07:38 เป็นพิษหรือจะเป็นน้ำไส้อักเสบเนี่ยก็อาจ
00:07:38 → 00:07:41 จะมีอาการท้องเสียได้เหมือนกันค่ะแล้ว
00:07:41 → 00:07:44 อาหารเป็นพิษรักษาได้อย่างไรคะอาหารเป็น
00:07:44 → 00:07:47 พิษเนี่ยเอ่อต้องแยกก่อนเลยนะคะว่าเป็น
00:07:47 → 00:07:49 เรื่องของไวรัสหรือว่าแบคทีเรียถ้าสมมุติ
00:07:49 → 00:07:52 ว่าเป็นเรื่องของไวรัสเนี่ยก็คืออาจจะทาน
00:07:52 → 00:07:55 พวกแบบคาร์บอนที่เอาไว้ดักจับกับเชื้อโรค
00:07:55 → 00:07:58 อย่างเดียวก็ได้แล้วก็ทานตามอาการได้ค่ะ
00:07:58 → 00:08:00 เช่นเรื่องของแบบเกลือแร่ทายะแก้เครื่อง
00:08:00 → 00:08:04 ไส้อาเจียนที่แบบตามอาการมากกว่าแต่ถ้า
00:08:04 → 00:08:06 เป็นการติดเชื้อพวกแบคทีเรียเนี่ยก็จะ
00:08:06 → 00:08:09 ต้องกินยาค่าเชื้อร่วมด้วยนะคะอาจจะเป็น
00:08:09 → 00:08:11 ทั้งยาทานก็ได้หรือในบางคนที่มีอาการ
00:08:11 → 00:08:14 รุนแรงมากๆอาจจะต้องแอดมิโรงพยาบาลให้สาร
00:08:14 → 00:08:17 น้ำแล้วก็ให้ยาฆ่าเชื้อทั้งเส้นก็มีได้
00:08:17 → 00:08:20 เหมือนกันค่ะอาจารย์คะแล้วถ้าเราเนี่ย
00:08:20 → 00:08:23 เกิดภาวะอาหารเป็นพิษแต่ไม่รุนแรงนะคะเรา
00:08:23 → 00:08:26 จะสามารถดูแลตัวเองได้อย่างไรบ้างคะต้อง
00:08:26 → 00:08:28 ดูก่อนเลยค่ะว่าอาหารเป็นพิษที่เราเป็น
00:08:28 → 00:08:31 เนี่ยรุนแรงหรือว่าไม่รุนแรงในกรณีที่
00:08:31 → 00:08:33 เป็นรุนแรงเนี่ยหมายถึงว่าบางคนถ่ายเยอะ
00:08:33 → 00:08:36 มากจนทำให้มีภาวะขัดน้ำสังเกตได้ง่ายๆเลย
00:08:36 → 00:08:39 ก็คืออาจจะมีเรื่องของปักแห้งแล้วก็มีแบบ
00:08:39 → 00:08:42 ชีพจรปลายมือปลายเท้าเบาลงหรือว่าแบบมี
00:08:42 → 00:08:45 มือเย็นเท้าเย็นบางคนมีอาการใจสั่นรวบ
00:08:45 → 00:08:48 ด้วยหรือว่าบางคนหมดสติเลยก็มีหรือว่าแบบ
00:08:48 → 00:08:51 เป็นลมก็มีด้วยภาวะขาดน้ำถ้าพวกเยค่ะมี
00:08:51 → 00:08:54 ภาวะขาดน้ำเยอะชีประจรเต้นเร็วแนะนำว่า
00:08:54 → 00:08:56 อาจจะต้องแอดมิที่โรงพยาบาลก็อาจจะต้อง
00:08:56 → 00:08:59 ให้สั่นน้ำหรือว่าให้ยาฆ่าเชื้อร่วมด้ว
00:08:59 → 00:09:02 ด้วยค่ะส่วนคนที่อาการเป็นไม่รุนแรงเช่น
00:09:02 → 00:09:04 มีแค่แบบขึ้นไส้อาเจียนถ่ายไม่ได้เยอะมาก
00:09:04 → 00:09:07 หรือว่ากินน้ำทันอือกินน้ำพอกับที่เสียบ
00:09:08 → 00:09:09 ไปพวกเนี้ยถือว่าเป็นอาการที่ไม่ได้รุน
00:09:09 → 00:09:13 แรงอะไรค่ะแนะนำว่าอย่างแรกเลยนะต้องฉีก
00:09:13 → 00:09:16 เกลือแร่ค่ะผสมน้ำกินเลยพวกเนี้ยก็คือจะ
00:09:16 → 00:09:18 ทดแทนกับสารหรือว่าเกลือแร่ที่เราเสียไป
00:09:18 → 00:09:22 ทางอุจจาระได้นะคะยิ่งทานน้ำเยอะแค่ไหน
00:09:22 → 00:09:25 โอกาสที่เราเสียน้ำมากจนถึงภาวะช็อกหรือ
00:09:25 → 00:09:28 ว่าเอ่อภาวะที่เราต้องไปแอดมิตที่โรง
00:09:28 → 00:09:30 พยาบาลเนี่ยก็จะน้อยลงเท่านั้นแนะนำว่า
00:09:30 → 00:09:32 อย่างแรกที่ต้องทำเนี่ยก็คือกินพวกเกลือ
00:09:32 → 00:09:36 แร่ค่ะส่วนอย่างอื่นแนะนำว่าซื้อผงถ่ากิน
00:09:36 → 00:09:38 ก็ได้ค่ะเราก็ต้องมาแยกก่อนว่าเราเป็น
00:09:38 → 00:09:41 เกี่ยวกับเรื่องของการติดเชื้อไวรัสหรือ
00:09:41 → 00:09:43 ว่าการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งถามว่าไวรัส
00:09:43 → 00:09:45 กับแบคทีเรียเนี่ยแยกกันได้ยังไงโดยส่วน
00:09:45 → 00:09:48 มากเราจะดูอาการเป็นหลักค่ะถ้ามีอาการ
00:09:48 → 00:09:51 เรื่องของเอ่อท้องเสียเยอะๆหรือว่าบางคน
00:09:51 → 00:09:54 เนี่ยมีอาการถ่ายเป็นมูกหรือว่าเป็นเลือด
00:09:54 → 00:09:57 หรือบางคนเนี่ยถ่ายเป็นฟองลักษณะเนี้ยจะ
00:09:57 → 00:09:59 บ่งบอกถึงว่าเป็นการติดเชื้อแบคที
00:09:59 → 00:10:02 แต่ว่าถ้าบางคนถ่ายเยอะถ่ายปริมาณมากแต่
00:10:02 → 00:10:05 ถ่ายเป็นน้ำอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้มีมูก
00:10:05 → 00:10:07 เลือดอะไรพวกเยค่ะส่วนมักจะเป็นการติด
00:10:07 → 00:10:09 เชื้อไวรัสเนาะแล้วก็ถ้าเป็นการติดเชื้อ
00:10:09 → 00:10:12 ไวรัสส่วนมากจะถ่ายน้อยกว่า 3 วันค่ะถ้า
00:10:12 → 00:10:14 ถ่ายมากกว่า 3 วันพวกเนี้ยก็จะเป็นการติด
00:10:14 → 00:10:16 เชื้อแบคทีเรียมากกว่าแนะนำว่าต้องกินยา
00:10:16 → 00:10:19 ฆ่าเชื้อร่วมด้วยค่ะถึงจะถ้าเป็นการติด
00:10:19 → 00:10:21 เชื้อพวกไวรัสพวกเนี้ยค่ะเราสามารถกินยา
00:10:21 → 00:10:23 ตามอากันได้หรือว่าบางคนแนะนำว่าให้กิน
00:10:23 → 00:10:26 ตัวผงถ่านเนาะตัวคาร์บอนตัวเนี้ยจะเอาไว้
00:10:26 → 00:10:30 ดักจับกับพวกเอ่อสารพของไวรัสนั้นๆอะไร
00:10:30 → 00:10:33 อย่างเงี้ยค่ะเพื่อที่จะไม่ให้โรคมันเป็น
00:10:33 → 00:10:37 ไปมากกว่าเดิมเนาะแล้วก็กินยาตามอาการ
00:10:37 → 00:10:39 อย่างอื่นได้เช่นเนื่องของเกลือแร่หรือ
00:10:39 → 00:10:41 ว่ามีอาการลึนไส้อาเจียนแนะนำเป็นพวกยา
00:10:41 → 00:10:44 แก้ครึนไส้อาเจียนหรือว่ายาแก้ปวดปบิด
00:10:44 → 00:10:46 ร่วมด้วยได้นะคะส่วนเรื่องถ้าเป็นเรื่อง
00:10:46 → 00:10:48 ของการติดเชื้อแบคทีเรียเนี่ยอาจจะต้อง
00:10:48 → 00:10:51 กินยาฆ่าเชื้อร่วมด้วยแล้วก็เป็นยาตาม
00:10:51 → 00:10:53 อาการอื่นๆได้ค่ะเช่นเรื่องของเกลือแร่
00:10:53 → 00:10:56 เหมือนกันยาแก้ขึ้นไส้อาเจียนหรือว่ายา
00:10:56 → 00:10:59 แก้ปวดบิดเหมือนกันอาจารย์คะคนกลุ่มไหน
00:10:59 → 00:11:01 ไหนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเสีย
00:11:01 → 00:11:04 ชีวิตจากอาหารเป็นพิษได้คะจริงๆเสียชีวิต
00:11:04 → 00:11:06 จากอาหารเป็นพิษเนี่ยเจอได้ไม่บ่อยค่ะแต่
00:11:06 → 00:11:09 ว่าจะเจอในได้ในกรณีที่มีบางกลุ่มก็คือ
00:11:09 → 00:11:12 เรื่องของภูมิคุ้มกันที่มีภาวะบกพร่องคือ
00:11:12 → 00:11:14 เรื่องของคนที่เป็น HIV พวกเยค่ะอาจจะมา
00:11:15 → 00:11:17 ด้วยเรื่องของท้องเสียเรื้อรังเยอะๆจนทำ
00:11:17 → 00:11:20 ให้ลำไส้อักเสบนานๆพวกเนี้ยอาจจะมีเสี่ยง
00:11:21 → 00:11:22 ต่อเรื่องของติดเชื้อในกระแสเลือดร่วม
00:11:22 → 00:11:25 ด้วยได้หรือที่เจอได้บ่อยๆอีกอันนึงก็คือ
00:11:25 → 00:11:28 คนที่เป็นมะเร็งแล้วก็ให้เคโมอยู่พวก
00:11:28 → 00:11:30 เนี้ยภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะต่ำลงมี
00:11:30 → 00:11:32 โอกาสที่จะติดเชื้อเข้ากระแสเลือดได้มาก
00:11:32 → 00:11:35 ขึ้นเพราะฉะนั้นคนในกลุ่มเนี้ยอาจจะมี
00:11:35 → 00:11:37 ภาวะเรื่องของแบบเสียชีวิตตามมาได้ค่ะแต่
00:11:38 → 00:11:40 ว่าถ้าในคนที่มีภูมิคุ้มกันดีอยู่แล้ว
00:11:40 → 00:11:42 หรือว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงทั่วไปอ่ะค่ะ
00:11:42 → 00:11:44 โอกาสที่จะติดเชื้อเข้ากระแสเลือดเนี่ย
00:11:45 → 00:11:48 ค่อนข้างน้อยมากนะคะหรือโอกาสที่จะแบบ
00:11:48 → 00:11:50 เป็นเยอะเป็นรุนแรงเนี่ยก็ไม่ได้เยอะอยู่
00:11:50 → 00:11:52 แล้วเพราะฉะนั้นในคนที่แข็งแรงทั่วไป
00:11:52 → 00:11:56 เนี่ยทานยาทั่วไปหรือว่าทานพวกเกลือแร่
00:11:56 → 00:11:58 พวกพวกอะไรก็พอแล้วค่ะอืโอกาสเสียชีวิตตำ
00:11:58 → 00:12:02 อยู่แล้วค่ะอาจารย์คะยาสามัญประจำบ้าน
00:12:02 → 00:12:05 อะไรคะที่ช่วยรักษาเรื่องของภาวะอาหาร
00:12:05 → 00:12:08 เป็นพิษอ๋อข้อนี้สำคัญเลยค่ะอยากจะให้ทุก
00:12:08 → 00:12:10 คนที่ฟังอยู่เนี่ยจดได้เลยนะคะว่าควรจะมี
00:12:10 → 00:12:13 ยาอะไรติดบ้านบ้างอย่างแรกที่มีเลยก็คือ
00:12:13 → 00:12:16 ผงถ่านค่ะผงถ่านเนี่ยทานได้เลยค่ะ 2 เม็ด
00:12:16 → 00:12:19 3 เวลานะคะกิน 3 วันตัวเนี้เอาไว้ดักจับ
00:12:19 → 00:12:22 กับเชื้อโรคนะคะส่วนอย่างที่ 2 ที่หมอ
00:12:22 → 00:12:24 อยากให้มีก็คือเรื่องของเกลือแร่เวลาที่
00:12:24 → 00:12:27 เราเสียน้ำเยอะๆอย่างที่หมอบอกไปตอนต้น
00:12:27 → 00:12:29 เนาะอยากให้กินเกลือแร่เพื่อให้แบบทดแทน
00:12:29 → 00:12:32 น้ำที่เสียไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
00:12:32 → 00:12:34 บางคนไม่ชอบกินเกลือแร่ค่ะซื้อเป็นแบบพวก
00:12:35 → 00:12:37 ส่วนผสมของเกลือแร่ร่วมด้วยเนาะพวกเยจะทด
00:12:37 → 00:12:40 แทนอุจจาระที่แบบมันเสียเกือแร่ไปบางส่วน
00:12:40 → 00:12:42 ได้ยาอย่างอื่นสามารถมีติดได้ค่ะเช่น
00:12:42 → 00:12:45 เรื่องของยาแก้คึ้นไส้อาเจียนหรือว่ายา
00:12:45 → 00:12:48 แก้ปวดบิดท้องแต่ยังไงถ้าจะต้องกิน 2 ตัว
00:12:48 → 00:12:50 เนี้ยถ้านายหญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ค่อยแนะนำ
00:12:50 → 00:12:52 นะคะรบกวนทำนัดเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมก่อน
00:12:52 → 00:12:56 ดีกว่าค่ะอาจารย์คะเราจะมีวิธีการอย่างไร
00:12:56 → 00:12:59 ในการดื่มน้ำเกลือแร่นะคะโอ ors ที่เรา
00:12:59 → 00:13:02 เนี่ยรับประทานเพื่อช่วยในเรื่องของท้อง
00:13:02 → 00:13:05 เสียมันมีวิธีการดื่มอย่างไรบ้างคะโอจริง
00:13:05 → 00:13:07 ๆต้องบอกว่ากินได้ทั้งวันเลยค่ะตัวเกลือ
00:13:07 → 00:13:10 แร่กินให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้จะเป็นคำ
00:13:10 → 00:13:13 พูดที่หมอพูดบ่อยมากเช่นถ่ายสมมุติว่าบาง
00:13:13 → 00:13:16 คนบอกว่าถ่ายวันนึง 10 ครั้งเลย 20 ครั้ง
00:13:16 → 00:13:18 เลยต้องไปแอดมิที่โรงพยาบาลไมจริงๆก็ยัง
00:13:18 → 00:13:21 ไม่ได้จำเป็นนะคะถ้าเรากินเกลือแร่ได้พอ
00:13:21 → 00:13:24 บางคนกินน้ำเก่งกินได้เป็น 2 ลิตร 2 ลิตร
00:13:24 → 00:13:26 3 ลิตรถ้ากินพอค่ะไม่ได้จำเป็นต้อง
00:13:26 → 00:13:29 แอดมิตโรงพยาบาลเลยก็กินผสมเกือแร่ได้เลย
00:13:29 → 00:13:32 ค่ะวันนึงกี่ซองก็ได้อาจารย์คะในระหว่าง
00:13:32 → 00:13:34 ที่เราเนี่ยยังเป็นอาหารเป็นพิษอยู่ค่ะ
00:13:34 → 00:13:38 อาหารอะไรที่เรากินได้อาหารอะไรที่เราควร
00:13:38 → 00:13:41 เลี่ยงคะอาจารย์เอ่อคนที่มีภาวะเรื่องของ
00:13:41 → 00:13:43 ท้องเสียอยู่หรือว่าขึ้นไส้อาเจียนอยู่
00:13:43 → 00:13:45 แนะนำว่าให้กินอาหารอ่อนๆก่อนค่ะแล้วก็
00:13:45 → 00:13:48 เป็นอาหารที่ย่อยง่ายไม่ใช่อาหารมันเช่น
00:13:48 → 00:13:50 คนที่ทั่วไปที่เราจะกินกันบ่อยๆเลยก็คือ
00:13:50 → 00:13:54 เรื่องของโจ๊กเนาะกินนโจ๊กกินก๋วยเตี๋ยว
00:13:54 → 00:13:57 พอได้นะคะแต่ว่าเอาแบบไม่เผ็ดไม่ปรุงเยอะ
00:13:57 → 00:13:59 เอาอาหารที่มันย่อยได้ง่ายๆที่ไม่ค่อยแนะ
00:13:59 → 00:14:02 นำให้ทันเลยก็คือจะเป็นอาหารจำพวกนมหรือ
00:14:02 → 00:14:05 ว่าเป็นผักบางอย่างพวกผักเนี่ยก็อาจจะทำ
00:14:05 → 00:14:07 ให้แบบเหมือนท้องเสียได้มากขึ้นหรือบางคน
00:14:07 → 00:14:10 อ่ะไปกินน้ำดีท็อกซ์ซึ่งอาจจะทำให้แย่
00:14:10 → 00:14:13 กว่าเดิมได้ค่ะอาจารย์คะผักและผลไม้ชนิด
00:14:13 → 00:14:17 ไหนคะที่ช่วยลดบรรเทาอาการอาหารเป็นพิษ
00:14:17 → 00:14:20 ให้เราได้บ้างคะอืมอันนี้ต้องบอกว่าอาจจะ
00:14:20 → 00:14:22 เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านเนาะว่าแบบสมัยกร
00:14:22 → 00:14:25 เขาทานอะไรมากกว่าค่ะโดยส่วนมากเขาก็จะ
00:14:25 → 00:14:27 แนะนำให้ทานพวกกล้วยน้ำว้าที่สามารถช่วย
00:14:27 → 00:14:31 ได้นะคะหรือว่าทานพวกขิงแต่ว่าขิงเนี่ย
00:14:31 → 00:14:33 อาจจะช่วยในแง่เรื่องของแบบการระบายลมมาก
00:14:33 → 00:14:35 กว่าเพื่อไม่ให้อึดแน่นทองมากกว่าค่ะคำ
00:14:35 → 00:14:38 ถามข้อสุดท้ายค่ะอาจารย์เราจะมีวิธีการ
00:14:38 → 00:14:42 ป้องกันภาวะอาหารเป็นพิษได้อย่างไรบ้างคะ
00:14:42 → 00:14:44 ป้องกันได้ง่ายๆค่ะอย่างแรกคือทานอาหาร
00:14:44 → 00:14:48 ที่ใหม่ทำใหม่หรือว่าสุกเท่านั้นถ้าเป็น
00:14:48 → 00:14:51 ทานพวกแบบอาหารแช่แข็งหรือว่าแบบอาหารที่
00:14:51 → 00:14:53 ทำมานานแล้วเก็บไว้ครั้งคืนอย่างเงี้ยค่ะ
00:14:53 → 00:14:56 พวกนี้มันจะมีพวกเชื้อแบคทีเรียอยู่เพราะ
00:14:56 → 00:14:58 ฉะนั้นอาจจะทำให้เราอ่ะเป็นได้ง่ายมาก
00:14:58 → 00:15:01 ขึ้นนะคะแล้วก็ทานอาหารสะอาดเนาะถ้าทำเอง
00:15:01 → 00:15:03 ได้ก็ดีเพราะว่าเราก็จะปรุงสุกปรุงอะไร
00:15:03 → 00:15:06 อยู่แล้วในคนบางคนนะคะที่ไม่แน่ใจว่าเรา
00:15:06 → 00:15:08 เป็นการติดเชื้อไวรัสหรือการติดเชื้อ
00:15:08 → 00:15:10 แบคทีเรียหรือว่าเอ๊ะหรือเราจำเป็นที่จะ
00:15:10 → 00:15:12 ต้องไปโรงพยาบาลหรือยังถ้าเราไม่แน่ใจ
00:15:12 → 00:15:15 เนี่ยสามารถทำนัดมาที่แอปหมอดีได้เลยนะคะ
00:15:15 → 00:15:17 สามารถดาวน์โหลดที่ app store แล้วก็
00:15:17 → 00:15:20 Play Store ได้เลยค่ะขอบพระคุณอาจารย์
00:15:20 → 00:15:23 จากแอปพลิเคชันหมอดีที่มาให้ความรู้ความ
00:15:23 → 00:15:26 เข้าใจในเรื่องของภาวะอาหารเป็นพิษรวมถึง
00:15:26 → 00:15:30 วิธีการดูแลตัวเองนะคะสนับสนุนโดยแอปหมอ
00:15:30 → 00:15:32 ดีหมอประจำบ้านในมือ
00:15:32 → 00:15:36 คุณช่วงนี้นะคะหมอดาวนำเรื่องของสัญญาณ
00:15:36 → 00:15:40 เตือนจากภาวะขาดน้ำมาฝากคุณผู้ชมกันค่ะ
00:15:40 → 00:15:43 ตลอดทั้งวันร่างกายของเราใช้และสูญเสีย
00:15:43 → 00:15:45 น้ำไปตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการขับ
00:15:45 → 00:15:49 เหงื่อปัสสาวะหายใจเข้าและออกและแน่นอน
00:15:49 → 00:15:51 ว่าร่างกายไม่สามารถผลิตน้ำได้ด้วยตัวเอง
00:15:51 → 00:15:54 เมื่อร่างกายของเราสูญเสียน้ำไปมากกว่า
00:15:54 → 00:15:57 ที่รับเข้าไปร่างกายจะถือว่าอยู่ในช่วง
00:15:57 → 00:16:00 สภาวะขาดน้ำและร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณ
00:16:00 → 00:16:03 เตือนบางอย่างมาดูกันดีกว่าว่าเมื่อร่าง
00:16:03 → 00:16:07 กายของเราขาดน้ำส่งสัญญาณเตือนอะไรบ้าง 1
00:16:07 → 00:16:10 ปวดศีรษะบ่อยๆถ้ามีอาการปวดศีรษะบ่อยๆโดย
00:16:10 → 00:16:13 ไม่ทราบสาเหตุแถมยิ่งขยับร่างกายก็ยิ่ง
00:16:13 → 00:16:16 ปวดให้รู้ไว้เลยค่ะว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำ
00:16:16 → 00:16:19 แล้วเพราะสมองของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง
00:16:19 → 00:16:22 ร้อยละ 80 เมื่อร่างกายขาดน้ำเนื้อเยื่อ
00:16:22 → 00:16:24 ในสมองก็จะขาดความชุ่มชื้นและหดตัวลงจึง
00:16:25 → 00:16:27 ไปกระตุ้นตัวรีซอร์สั่งการให้เรารู้สึก
00:16:27 → 00:16:31 ถึงความเจ็บปวดรอบๆสมองทำให้ปวดศีรษะนั่น
00:16:31 → 00:16:35 เองนอกจากนี้การที่ร่างกายขาดน้ำยังทำให้
00:16:35 → 00:16:38 ระดับเลือดในร่างกายลดลงทำให้ระบบไหล
00:16:38 → 00:16:41 เวียนเลือดทำงานไม่ดีส่งผลไปยังการส่ง
00:16:41 → 00:16:44 ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอทำให้เส้น
00:16:44 → 00:16:47 เลือดในสมองขยายจนเกิดการบวมและอักเสบและ
00:16:47 → 00:16:50 ยิ่งทำให้อาการปดศีรษะแย่ลงไปอีก 2 มี
00:16:50 → 00:16:53 กลิ่นปากและริมฝีปากแห้งเป็นสัญญาณที่บ่ง
00:16:53 → 00:16:56 บอกอาการขาดน้ำอย่างชัดเจนเลยค่ะยิ่งถ้า
00:16:56 → 00:16:59 ริมฝีปากแห้งทาลิบมันเท่าไหร่ก็ก็ไม่หาย
00:16:59 → 00:17:01 และรู้สึกเจ็บริมฝีปากตลอดเวลาขอให้มั่น
00:17:01 → 00:17:04 ใจได้เลยค่ะว่าร่างกายขาดน้ำแล้วมีกลิ่น
00:17:04 → 00:17:07 ปากมีสาเหตุมาจากหลายประการซึ่งการขาดน้ำ
00:17:08 → 00:17:10 ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
00:17:10 → 00:17:13 ได้เนื่องจากน้ำลายมีคุณสมบัติในการช่วย
00:17:13 → 00:17:15 ต้านเชื้อแบคทีเรียและในกระบวนการสร้าง
00:17:15 → 00:17:18 น้ำลายนั้นต้องใช้น้ำเมื่อร่างกายขาดน้ำ
00:17:18 → 00:17:21 การผลิตน้ำลายก็จะลดลงและทำให้ความสามารถ
00:17:21 → 00:17:24 ในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่ก่อให้เกิด
00:17:24 → 00:17:27 กลิ่นในปากของเรานั้นไม่มีประสิทธิภาพและ
00:17:27 → 00:17:30 ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ 3 ระบบขับถ่ายผิด
00:17:30 → 00:17:33 ปกติการดื่มน้ำน้อยทำให้เกิดอาการท้องผูก
00:17:33 → 00:17:36 เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
00:17:36 → 00:17:38 ถึงแม้จะรับประทานอาหารที่มีกากใหญ่มาก
00:17:38 → 00:17:41 แต่ถ้าไม่ดื่มน้ำก็ทำให้ร่างกายไม่ขับ
00:17:41 → 00:17:44 ถ่ายอยู่ดีค่ะอีกทั้งยังทำให้ระบบปัสสาวะ
00:17:44 → 00:17:47 รวนอีกด้วย 4 ผิวยึดหยุ่นน้อยลงและน้ำ
00:17:47 → 00:17:50 หนักมากขึ้นอาการผิวแห้งอาจเกิดขึ้นได้
00:17:50 → 00:17:53 ทั้งจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือเกิดได้
00:17:53 → 00:17:56 จากสภาพผิวทั่วไปแต่ความยืดหยุ่นของผิว
00:17:56 → 00:17:58 ต่างหากที่จะเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าเรา
00:17:58 → 00:18:01 กำลังอยู่ในสภาวะขาดน้ำแล้วและเมื่อเรา
00:18:01 → 00:18:04 ดื่มน้ำน้อยไตจะทำงานหนักมากขึ้นทำให้ตับ
00:18:04 → 00:18:07 ซึ่งปกติจะทำหน้าที่เร่งการเผาผลาญไขมัน
00:18:07 → 00:18:11 ที่สะสมในร่างกายต้องมาทำหน้าที่แทนไตจึง
00:18:11 → 00:18:13 ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลงและ
00:18:13 → 00:18:16 ยิ่งเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากยิ่ง
00:18:16 → 00:18:19 ขึ้นเพราะน้ำส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่าง
00:18:19 → 00:18:22 กายโดยตรงอีกทั้งเมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำ
00:18:22 → 00:18:25 ให้หิวตลอดเวลาและรับประทานอาหารมากขึ้น
00:18:25 → 00:18:28 อีกด้วย 5 อ่อนเพลียทั้งวันแม้ว่าจะนอน
00:18:29 → 00:18:31 หลับพักผ่อนเพียงพอแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่า
00:18:31 → 00:18:34 ร่างกายอ่อนเพลียอยู่อาจจะเป็นเพราะร่าง
00:18:34 → 00:18:36 กายขาดน้ำเพราะน้ำจะเป็นตัวลำเลี้ยง
00:18:36 → 00:18:39 ออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดและไปหล่อ
00:18:39 → 00:18:42 เลี้ยงตามร่างกายเมื่อร่างกายขาดออกซิเจน
00:18:42 → 00:18:45 ที่เพียงพออีกทั้งยังเลือดข้นหนืดเพราะ
00:18:45 → 00:18:48 ขาดน้ำจึงยิ่งส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย
00:18:48 → 00:18:50 ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเยอะๆเพื่อให้ร่าง
00:18:50 → 00:18:53 กายสดชื่นค่ะรีบสังเกตตัวเองกันตั้งแต่
00:18:54 → 00:18:56 วันนี้ถ้าเริ่มมีอาการใดอาการหนึ่งเกิด
00:18:56 → 00:18:59 ขึ้นให้รีบไปดื่มน้ำเพื่อเติมความสดชื่น
00:18:59 → 00:19:02 ให้กับร่างกายด่วนๆเลยค่ะและอย่าลืมดื่ม
00:19:02 → 00:19:05 น้ำเป็นประจำให้ได้วันละ 1.5 -2 ลิตร
00:19:05 → 00:19:08 เพื่อร่างกายที่แข็งแรงนะ
00:19:08 → 00:19:12 คะนอกจากนี้ค่ะหมอดาวยังมีวิธีช่วยให้คุณ
00:19:12 → 00:19:16 ผู้ชมสามารถดื่มน้ำได้ถึง 2 ลิวมาฝากกัน
00:19:16 → 00:19:20 ค่ะ 1 ลองดื่มน้ำประเภทต่างๆถึงแม้ว่าการ
00:19:20 → 00:19:23 ดื่มน้ำเปล่าจะดีที่สุดกับร่างกายแต่น้ำ
00:19:23 → 00:19:26 ดื่มบรรจุขวดยี่ห้อต่างๆก็สามารถให้รส
00:19:26 → 00:19:28 ชาติที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่
00:19:28 → 00:19:31 มาไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าธรรมดาหรือน้ำแร่
00:19:31 → 00:19:34 รสชาติก็สามารถทำให้เราดื่มได้อย่างสม่ำ
00:19:34 → 00:19:38 เสมอ 2 วางน้ำดื่มไว้ใกล้ตัวบางครั้งวิธี
00:19:38 → 00:19:40 ที่ง่ายที่สุดในการดื่มน้ำก็คือการมีน้ำ
00:19:41 → 00:19:43 ดื่มติดตัวเพราะเมื่อไหร่ที่เรามองเห็นก็
00:19:43 → 00:19:47 จะได้เป็นการเตือนให้เราดื่ม 3 เพิ่มรส
00:19:47 → 00:19:51 ชาติเล็กน้อยการผสมน้ำกับมะนาวเลมอนรวม
00:19:51 → 00:19:54 ถึงผลไม้และผักอื่นๆลงในน้ำเปล่าไม่เพียง
00:19:54 → 00:19:57 แต่ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการแต่ยังช่วย
00:19:57 → 00:19:59 เพิ่มรสชาติให้กับน้ำน้ำดื่มของเราอีก
00:19:59 → 00:20:03 ด้วย 4 ทำให้เกี่ยวข้องกับกิจวัตรประจำ
00:20:03 → 00:20:07 วันเช่นดื่มน้ำก่อนและหลังการออกกำลังกาย
00:20:07 → 00:20:09 ดื่มน้ำก่อนเวลารับประทานอาหารแต่อย่าง
00:20:09 → 00:20:12 น้อยต้องเป็นครึ่งชั่วโมงก่อนรับประทาน
00:20:12 → 00:20:15 อาหารนะคะหรือดื่มน้ำเมื่อคุณตื่นนอนความ
00:20:15 → 00:20:18 พยายามเชื่อมโยงการดื่มน้ำเข้ากับชีวิต
00:20:18 → 00:20:20 ประจำวันแบบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้าง
00:20:20 → 00:20:23 นิสัยเท่านั้นแต่ยังช่วยให้เราดื่มน้ำได้
00:20:23 → 00:20:26 อย่างเพียงพอโดยที่ไม่ต้องฝืนร่างกายมาก
00:20:26 → 00:20:30 เกินไป 5 กินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
00:20:30 → 00:20:33 หากความต้องการที่จะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8
00:20:33 → 00:20:36 แก้วนั้นทำให้คุณรู้สึกว่าฝืนจนเกินไปลอง
00:20:36 → 00:20:40 เพิ่มอาหารที่มีน้ำสูงสิคะเช่นเมลอนผัก
00:20:40 → 00:20:44 สลัดมะเขือเทศแตงโมและแตงกวาทั้งนี้เพื่อ
00:20:44 → 00:20:47 ให้ร่างกายได้รับทั้งสารอาหารและน้ำใน
00:20:47 → 00:20:51 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันแต่ต้องระวังว่า
00:20:51 → 00:20:53 ไม่เป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูงจนเกินไป
00:20:53 → 00:20:56 เดี๋ยวจะกลายเป็นเบาหวานนะ
00:20:56 → 00:20:59 คะเป็นอย่างอะไรกันบ้างคะคุณผู้ชมกับสาระ
00:20:59 → 00:21:03 สุขภาพดีๆที่วันนี้ทีมงาน t&n นำมาฝากกัน
00:21:04 → 00:21:06 หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมนะคะจะนำ
00:21:06 → 00:21:09 ความรู้ความเข้าใจสาระดีๆไปใช้ดูแลสุขภาพ
00:21:09 → 00:21:13 ตัวเองและคนที่คุณรักค่ะและขอบคุณคุณผู้
00:21:13 → 00:21:16 ชมนะคะที่ติดตามรับชมรายการ TNN He มา
00:21:16 → 00:21:19 โดยตลอดค่ะสามารถติดตามรับชมรายการ TNN
00:21:19 → 00:21:22 Health ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์ค่ะเวลา
00:21:22 → 00:21:27 ดี 15 น- 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 นอก
00:21:27 → 00:21:29 จากนี้นะคะคะยังสามารถติดตามรับชมรายการ
00:21:29 → 00:21:34 ทุกบ่ายวันจันทร์ค่ะ 14:30 น - 15:00 น
00:21:34 → 00:21:36 นอกจากนี้นะคะอย่าลืมกดไลค์กดแชร์กด
00:21:36 → 00:21:39 Subscribe รวมถึงกดกระดิ่งด้วยเพื่อเป็น
00:21:39 → 00:21:41 กำลังใจให้หมอดาวและทีมงาน tn and
00:21:41 → 00:21:44 Health ในช่องทางโซเชียล Network ไม่ว่า
00:21:44 → 00:21:47 จะเป็น YouTube tiktok Facebook Line
00:21:47 → 00:21:51 official และ Instagram อีกด้วยค่ะเพื่อ
00:21:51 → 00:21:53 ที่จะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้ม
00:21:53 → 00:21:57 กันรู้ทันโรคไปด้วยกันและสำหรับวันนี้หมอ
00:21:57 → 00:22:00 ดาวและทีมงานเ And He ต้องขอตัวลาคุณผู้
00:22:00 → 00:22:04 ชมไปก่อนนะคะสวัสดี
00:22:04 → 00:22:26 [เพลง]
00:22:26 → 00:24:28 ค่ะ
00:24:28 → 00:24:31 L
00:00:13 → 00:00:16 อาหารเป็นพิษอันตรายกว่าที่คิดรุนแรงแค่
00:00:16 → 00:00:20 ไหนต้องพบแพทย์กินอะไรเสี่ยงอาหารเป็นพิษ
00:00:20 → 00:00:23 พร้อมเปิดวิธีดูแลตัวเองถ้าอาหารเป็นพิษ
00:00:23 → 00:00:27 ไม่รุนแรงเมื่อร่างกายขาดน้ำจะมีสัญญาณ
00:00:27 → 00:00:30 เตือนอะไรบ้างติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้
00:00:30 → 00:00:34 ในรายการ TNN วัน
00:00:34 → 00:00:38 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:38 → 00:00:42 Heal เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้ม
00:00:42 → 00:00:45 กันรู้ทันโรคไปกับ TNN Heal ค่ะและดิฉัน
00:00:45 → 00:00:49 หมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะ
00:00:49 → 00:00:52 ทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับ
00:00:52 → 00:00:54 หน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมา
00:00:54 → 00:00:58 เข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:58 → 00:01:02 ค่ะ
00:01:02 → 00:01:08 [เพลง]
00:01:08 → 00:01:12 สำหรับสัปดาห์นี้นะคะเราจะมารู้จักเรื่อง
00:01:12 → 00:01:14 ของอาหารเป็นพิษค่ะอาหารเป็นพิษอันตราย
00:01:15 → 00:01:19 กว่าที่คิดอาจช็อกเสียชีวิตได้หลายคนค่ะ
00:01:19 → 00:01:21 คิดว่าเรื่องของอาหารเป็นพิษก็แค่ขับถ่าย
00:01:21 → 00:01:24 ท้องเสียแต่รู้หรือไม่คะว่าคนกลุ่มเสี่ยง
00:01:24 → 00:01:27 อย่างเช่นเด็กน้อยรวมไปถึงผู้สูงอายุนะคะ
00:01:27 → 00:01:30 ท่านเหล่านี้ค่ะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งเลย
00:01:30 → 00:01:32 ที่จะเสียชีวิตนะคะจากเรื่องของอาหารเป็น
00:01:33 → 00:01:35 พิษได้เพราะเกิดการสูญเสียของสารน้ำและ
00:01:35 → 00:01:38 เกลือแร่รวมไปถึงว่าถ้าไม่ได้รับการรักษา
00:01:38 → 00:01:41 อย่างท่งทีค่ะอาจจะถึงกับการติดเชื้อใน
00:01:41 → 00:01:44 กระแสเลือดได้เช่นเดียวกัน
00:01:44 → 00:01:47 ค่ะซึ่งนั้นคือความน่ากลัวของอาหารเป็น
00:01:47 → 00:01:50 พิษค่ะอาหารเป็นพิษอาจทำให้เราเสียชีวิต
00:01:50 → 00:01:54 ได้จากภาวะแทรกซ้อนของมันเองโดยอาจทำให้
00:01:54 → 00:01:57 เราอยู่ในภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ได้จนทำ
00:01:57 → 00:02:00 ให้ร่างกายช็อกและแน่นอนว่าสิ่งนี้เป็น
00:02:00 → 00:02:03 อันตรายต่อชีวิตได้สาเหตุปัจจัยเสี่ยงและ
00:02:03 → 00:02:07 สภาวะต่างๆที่ส่งผลต่ออาหารเป็นพิษสาเหตุ
00:02:07 → 00:02:10 ของการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษนั้นเกิดจาก
00:02:10 → 00:02:13 เชื้อโรคที่มีการปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำ
00:02:13 → 00:02:16 ที่บริโภคโดยเชื้อสามารถผ่านมาทางผู้ป่วย
00:02:16 → 00:02:19 ที่สามารถแพร่เชื้อได้เป็นผู้ปรุงอาหาร
00:02:19 → 00:02:22 โดยไม่ได้ล้างมือทำให้มีการป่นเปื้อนของ
00:02:22 → 00:02:25 เชื้อในอาหารหรือเชื้อที่มีอยู่ในอาหาร
00:02:25 → 00:02:27 หรือน้ำที่ไม่ผ่านการทำความสะอาดหรือความ
00:02:27 → 00:02:30 ร้อนอย่างเพียงพอนอกจากนี้เชื้อยังสามารถ
00:02:30 → 00:02:33 ส่งผ่านจากากอาหารชนิดหนึ่งไปยังอีกชนิด
00:02:33 → 00:02:36 หนึ่งผ่านทางอุปกรณ์ที่ใช้เช่นเขียงหรือ
00:02:36 → 00:02:39 มีดที่ใช้ร่วมกันในการเตรียมอาหารก็ได้
00:02:39 → 00:02:42 รวมถึงการวางอาหารไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะ
00:02:42 → 00:02:45 สมกับการเจริญเติบโตของเชื้อเป็นต้นเชื้อ
00:02:45 → 00:02:48 โรคที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษเช่น
00:02:48 → 00:02:51 แบคทีเรียที่เจริญเติบโตในอาหารก่อนการ
00:02:51 → 00:02:55 บริโภคหรือผลิตสารพิษในลำไส้เมื่อบริโภค
00:02:55 → 00:03:00 เข้าไปเชื้อไวรัสหรือพยาธิเช่นอุจจาร่วง
00:03:00 → 00:03:03 จากสาหร่ายบางสายพันธุ์หรือจากพิษจาก
00:03:03 → 00:03:06 สัตว์บางชนิดเช่นพิษจากปลาปักเป้าโดย
00:03:06 → 00:03:09 ปัจจัยที่ทำให้เกิดหรือไม่เกิดการติด
00:03:09 → 00:03:12 เชื้อหรือความรุนแรงของผู้ป่วยในแต่ละราย
00:03:12 → 00:03:16 นั้นไม่เท่ากันเช่นอายุโรคประจำตัวและ
00:03:16 → 00:03:18 เชื้อบางชนิดเช่นโรตาไวรัสชอบก่อโรคใน
00:03:18 → 00:03:21 เด็กมากกว่าผู้ใหญ่โดยเชื่อว่าอาจมีความ
00:03:21 → 00:03:23 สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของเยื่อเมือก
00:03:23 → 00:03:26 ในลำไส้เล็กสำหรับโรคประจำตัวบางโรคก็มี
00:03:26 → 00:03:29 ผลต่อภาวะภูมิต้านทานของร่างกายทำให้เกิด
00:03:29 → 00:03:33 เกิดความรุนแรงที่ไม่เท่ากันได้สุขอนามัย
00:03:33 → 00:03:36 ส่วนบุคคลเนื่องจากการมีสุขอนามัยที่ดี
00:03:36 → 00:03:39 สามารถจำกัดปริมาณเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย
00:03:39 → 00:03:42 ไม่ถึงระดับเชื้อที่สามารถก่อโรคได้ภาวะ
00:03:43 → 00:03:46 กรดในกระเพาะอาหารและการเคลื่อนไหวของทาง
00:03:46 → 00:03:49 เดินอาหารโดยทั่วไปรดในกระเพาะอาหารจะ
00:03:49 → 00:03:52 ทำลายเชื้อโรคที่รับประทานเข้าไปรวมถึง
00:03:52 → 00:03:55 การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่เป็นปกติจะทำให้
00:03:55 → 00:03:57 กระบวนการกระจายของเชื้อประจำถิ่นในร่าง
00:03:57 → 00:04:00 กายเป็นไปอย่างปกติรวมถึงส่งผลต่อการ
00:04:00 → 00:04:02 ทำลายเชื้อโรคอีก
00:04:02 → 00:04:06 ด้วยอาการของอาหารเป็นพิษผู้ป่วยส่วนใหญ่
00:04:06 → 00:04:09 จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนนำมาก่อนและเด่น
00:04:09 → 00:04:12 กว่าอาการท้องเสียอาการคลื่นไส้มีได้ทั้ง
00:04:12 → 00:04:15 รุนแรงไม่มากจนถึงรุนแรงมากจนไม่สามารถ
00:04:15 → 00:04:18 รับประทานอาหารได้ส่วนใหญ่มักมีอาการหลัง
00:04:18 → 00:04:22 รับประทานอาหารที่สงสัยประมาณ 2-16 ชมง
00:04:22 → 00:04:25 หลังจากนั้นก็จะมีอาการปวดท้องท้องเสีย
00:04:25 → 00:04:28 ถ่ายเหลวเป็นน้ำตามมานอกจากนี้ยังอาจพบ
00:04:28 → 00:04:30 ผู้ที่รับประทานอาหารรวมกับผู้ป่วยก็อาจ
00:04:30 → 00:04:33 จะมีอาการได้เช่นเดียวกันในระยะเวลาที่
00:04:33 → 00:04:37 ไล่เลี่กันสำหรับอาการที่แสดงออกมาหลักๆ
00:04:37 → 00:04:40 นะคะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทค่ะแบบแรกก็คือ
00:04:40 → 00:04:43 อาการที่แสดงถึงความไม่รุนแรงค่ะรู้สึก
00:04:43 → 00:04:46 ผอืดผะอมคลื่นไส้อาเจียนติดต่อกันหลาย
00:04:46 → 00:04:50 ครั้งมีอาการปวดท้องแบบบิดเกร็งเป็นพักๆ
00:04:50 → 00:04:54 เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ถ่ายท้องถ่าย
00:04:54 → 00:04:57 มีมูกหรือเลือดป่นเบื่ออาหารไม่อยากอาหาร
00:04:57 → 00:05:00 รู้สึกเหนื่อยง่ายอ่อนเพลียวิงเวียนศีรษะ
00:05:00 → 00:05:03 หมดเรี่ยวแรงปากแห้งกระหายน้ำบ่อยและ
00:05:03 → 00:05:06 ปัสสาวะน้อยมองเห็นไม่ชัดแขนเป็นเหน็บ
00:05:06 → 00:05:08 หรือกล้ามเนื้ออ่อน
00:05:08 → 00:05:12 แรงและอีกประเภทนึงก็คืออาการนะคะกรณีที่
00:05:12 → 00:05:15 เราติดเชื้อแล้วก็มีอาการอาหารเป็นพิษ
00:05:15 → 00:05:19 ชนิดรุนแรงค่ะซึ่งจะมีข้อสังเกตได้แก่มี
00:05:19 → 00:05:23 ภาวะขาดน้ำเช่นปากแห้งกระหายน้ำอย่างมาก
00:05:23 → 00:05:26 ปัสสาวะสีเข้มปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะ
00:05:26 → 00:05:28 เกิน 6 ชมงหัวใจเต้นเร็วอ่อนเพลียวิง
00:05:28 → 00:05:33 เวียนศีษะและหน้ามืด 2 ในผู้ใหญ่มีอาการ
00:05:33 → 00:05:36 ท้องเสียติดต่อกัน 3 วันหรือถ่ายมากผิด
00:05:36 → 00:05:40 ปกติคือมากกว่า 8-10 ครั้งต่อวันสำหรับ
00:05:40 → 00:05:43 นายเด็กอาจท้องเสียติดต่อกันตลอด 24
00:05:43 → 00:05:46 ช่วโมงโดยที่อาการไม่ดีขึ้นเลย 3 อาเจียน
00:05:46 → 00:05:49 ถี่หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12
00:05:49 → 00:05:53 ชมง 4 มีเลือดปนในอาเจียนหรืออุจจาระ 5
00:05:53 → 00:05:56 ตามัวหรือมองเห็นภาพไม่ชัดหากเป็นเด็ก
00:05:56 → 00:05:59 เล็กอาจมีอาการปากแห้งตาโหลร้องไห้แบบไม่
00:05:59 → 00:06:02 มีนน้ำตา 6 ปวดท้องอย่างรุนแรงโดยที่
00:06:02 → 00:06:05 อาการปวดท้องไม่ลดลงเลยหลังจากอุจจาระไป
00:06:05 → 00:06:10 แล้วท้องเสียร่วมกับมีไข้สูงเกิน 38 องศ
00:06:10 → 00:06:15 เซซสนับสนุนโดยแอปหมอดีหมอประจำบ้านในมือ
00:06:15 → 00:06:19 คุณในช่วงนี้นะคะเราจะไปพูดคุยกับอาจารย์
00:06:19 → 00:06:22 หมอจากแอปพลิเคชันหมอดีที่จะมาให้ความรู้
00:06:22 → 00:06:25 ความเข้าใจในเรื่องของอาหารเป็นพิษรวมถึง
00:06:25 → 00:06:28 วิธีการดูแลตัวเองกันสวัสดีค่ะ
00:06:28 → 00:06:31 อาจารย์อาจารย์คะขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะ
00:06:31 → 00:06:35 คะเมนูอาหารหรือว่ามื้ออาหารชนิดไหนคะที่
00:06:35 → 00:06:38 เสี่ยงต่อภาวะอาหารเป็นพิษค่ะอาหารเป็น
00:06:38 → 00:06:40 พิษเนี่ยต้องบอกว่ามีได้หลายอย่างค่ะจะ
00:06:40 → 00:06:42 เป็นการติดเชื้อเรื่องของไวรัสก็ได้หรือ
00:06:42 → 00:06:44 ว่าการเป็นการติดเชื้อพวกแบคทีเรียก็ได้
00:06:44 → 00:06:47 พวกเยจะซ่อนอยู่ในอาหารบางพวกเช่นอาหาร
00:06:47 → 00:06:50 แช่แข็งที่แบบเหมือนเราเก็บไว้นานๆมี
00:06:50 → 00:06:53 เชื้อแบคทีเรียพวกนี้อยู่นะคะหรือว่าอีก
00:06:53 → 00:06:55 อย่างนึงก็คือพวกอาหารที่ทำไว้นานแล้วจน
00:06:55 → 00:06:58 แบบเหมือนติดเชื้อแบคทีเรียบางอย่างหรือ
00:06:58 → 00:07:00 มันเริ่มบูดนั่นเองก็จะจะทำให้แบบมันมี
00:07:00 → 00:07:02 แบคทีเรียพวกเยโตได้มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ
00:07:02 → 00:07:05 อาจารย์คะแล้วอาหารเป็นพิษนั้นแตกต่างจาก
00:07:05 → 00:07:08 ท่องเสี่ทั่วไปอย่างไรบ้างคะจริงๆต้องบอก
00:07:08 → 00:07:10 ว่าอาการพวกเยค่ะมันแบ่งได้เป็น 2 อย่าง
00:07:10 → 00:07:13 ใหญ่ๆก็คือเรื่องของอาหารเป็นพิษกับอีก
00:07:13 → 00:07:16 อันนึงก็คือเรื่องของน้ำไส้อักเสบซึ่งถ้า
00:07:16 → 00:07:18 เป็นอาหารเป็นพิษโดยส่วนมากแล้วเนี่ยจะมี
00:07:18 → 00:07:20 เกี่ยวกับเรื่องของคลื่นไส้อาเจียนค่อน
00:07:20 → 00:07:22 ข้างเยอะแต่บางคนน่ะก็เจอเรื่องของท้อง
00:07:22 → 00:07:25 เสียได้บ้างค่ะส่วนในคนที่มันมีอาการ
00:07:25 → 00:07:28 เรื่องของแบบลลำไส้อักเสบเนาะพวกเนี้ยจะ
00:07:28 → 00:07:29 เป็นท้องเสียเป็นหลัก
00:07:29 → 00:07:32 แต่มันก็อาจจะเป็นการติดเชื้อไวรัสก็ได้
00:07:32 → 00:07:34 นะคะหรือว่าจะเป็นแบคทีเรียก็ได้เพราะ
00:07:34 → 00:07:36 ฉะนั้นทั้ง 2 อันนี้ไม่ว่าจะเป็นอาหาร
00:07:36 → 00:07:38 เป็นพิษหรือจะเป็นน้ำไส้อักเสบเนี่ยก็อาจ
00:07:38 → 00:07:41 จะมีอาการท้องเสียได้เหมือนกันค่ะแล้ว
00:07:41 → 00:07:44 อาหารเป็นพิษรักษาได้อย่างไรคะอาหารเป็น
00:07:44 → 00:07:47 พิษเนี่ยเอ่อต้องแยกก่อนเลยนะคะว่าเป็น
00:07:47 → 00:07:49 เรื่องของไวรัสหรือว่าแบคทีเรียถ้าสมมุติ
00:07:49 → 00:07:52 ว่าเป็นเรื่องของไวรัสเนี่ยก็คืออาจจะทาน
00:07:52 → 00:07:55 พวกแบบคาร์บอนที่เอาไว้ดักจับกับเชื้อโรค
00:07:55 → 00:07:58 อย่างเดียวก็ได้แล้วก็ทานตามอาการได้ค่ะ
00:07:58 → 00:08:00 เช่นเรื่องของแบบเกลือแร่ทายะแก้เครื่อง
00:08:00 → 00:08:04 ไส้อาเจียนที่แบบตามอาการมากกว่าแต่ถ้า
00:08:04 → 00:08:06 เป็นการติดเชื้อพวกแบคทีเรียเนี่ยก็จะ
00:08:06 → 00:08:09 ต้องกินยาค่าเชื้อร่วมด้วยนะคะอาจจะเป็น
00:08:09 → 00:08:11 ทั้งยาทานก็ได้หรือในบางคนที่มีอาการ
00:08:11 → 00:08:14 รุนแรงมากๆอาจจะต้องแอดมิโรงพยาบาลให้สาร
00:08:14 → 00:08:17 น้ำแล้วก็ให้ยาฆ่าเชื้อทั้งเส้นก็มีได้
00:08:17 → 00:08:20 เหมือนกันค่ะอาจารย์คะแล้วถ้าเราเนี่ย
00:08:20 → 00:08:23 เกิดภาวะอาหารเป็นพิษแต่ไม่รุนแรงนะคะเรา
00:08:23 → 00:08:26 จะสามารถดูแลตัวเองได้อย่างไรบ้างคะต้อง
00:08:26 → 00:08:28 ดูก่อนเลยค่ะว่าอาหารเป็นพิษที่เราเป็น
00:08:28 → 00:08:31 เนี่ยรุนแรงหรือว่าไม่รุนแรงในกรณีที่
00:08:31 → 00:08:33 เป็นรุนแรงเนี่ยหมายถึงว่าบางคนถ่ายเยอะ
00:08:33 → 00:08:36 มากจนทำให้มีภาวะขัดน้ำสังเกตได้ง่ายๆเลย
00:08:36 → 00:08:39 ก็คืออาจจะมีเรื่องของปักแห้งแล้วก็มีแบบ
00:08:39 → 00:08:42 ชีพจรปลายมือปลายเท้าเบาลงหรือว่าแบบมี
00:08:42 → 00:08:45 มือเย็นเท้าเย็นบางคนมีอาการใจสั่นรวบ
00:08:45 → 00:08:48 ด้วยหรือว่าบางคนหมดสติเลยก็มีหรือว่าแบบ
00:08:48 → 00:08:51 เป็นลมก็มีด้วยภาวะขาดน้ำถ้าพวกเยค่ะมี
00:08:51 → 00:08:54 ภาวะขาดน้ำเยอะชีประจรเต้นเร็วแนะนำว่า
00:08:54 → 00:08:56 อาจจะต้องแอดมิที่โรงพยาบาลก็อาจจะต้อง
00:08:56 → 00:08:59 ให้สั่นน้ำหรือว่าให้ยาฆ่าเชื้อร่วมด้ว
00:08:59 → 00:09:02 ด้วยค่ะส่วนคนที่อาการเป็นไม่รุนแรงเช่น
00:09:02 → 00:09:04 มีแค่แบบขึ้นไส้อาเจียนถ่ายไม่ได้เยอะมาก
00:09:04 → 00:09:07 หรือว่ากินน้ำทันอือกินน้ำพอกับที่เสียบ
00:09:08 → 00:09:09 ไปพวกเนี้ยถือว่าเป็นอาการที่ไม่ได้รุน
00:09:09 → 00:09:13 แรงอะไรค่ะแนะนำว่าอย่างแรกเลยนะต้องฉีก
00:09:13 → 00:09:16 เกลือแร่ค่ะผสมน้ำกินเลยพวกเนี้ยก็คือจะ
00:09:16 → 00:09:18 ทดแทนกับสารหรือว่าเกลือแร่ที่เราเสียไป
00:09:18 → 00:09:22 ทางอุจจาระได้นะคะยิ่งทานน้ำเยอะแค่ไหน
00:09:22 → 00:09:25 โอกาสที่เราเสียน้ำมากจนถึงภาวะช็อกหรือ
00:09:25 → 00:09:28 ว่าเอ่อภาวะที่เราต้องไปแอดมิตที่โรง
00:09:28 → 00:09:30 พยาบาลเนี่ยก็จะน้อยลงเท่านั้นแนะนำว่า
00:09:30 → 00:09:32 อย่างแรกที่ต้องทำเนี่ยก็คือกินพวกเกลือ
00:09:32 → 00:09:36 แร่ค่ะส่วนอย่างอื่นแนะนำว่าซื้อผงถ่ากิน
00:09:36 → 00:09:38 ก็ได้ค่ะเราก็ต้องมาแยกก่อนว่าเราเป็น
00:09:38 → 00:09:41 เกี่ยวกับเรื่องของการติดเชื้อไวรัสหรือ
00:09:41 → 00:09:43 ว่าการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งถามว่าไวรัส
00:09:43 → 00:09:45 กับแบคทีเรียเนี่ยแยกกันได้ยังไงโดยส่วน
00:09:45 → 00:09:48 มากเราจะดูอาการเป็นหลักค่ะถ้ามีอาการ
00:09:48 → 00:09:51 เรื่องของเอ่อท้องเสียเยอะๆหรือว่าบางคน
00:09:51 → 00:09:54 เนี่ยมีอาการถ่ายเป็นมูกหรือว่าเป็นเลือด
00:09:54 → 00:09:57 หรือบางคนเนี่ยถ่ายเป็นฟองลักษณะเนี้ยจะ
00:09:57 → 00:09:59 บ่งบอกถึงว่าเป็นการติดเชื้อแบคที
00:09:59 → 00:10:02 แต่ว่าถ้าบางคนถ่ายเยอะถ่ายปริมาณมากแต่
00:10:02 → 00:10:05 ถ่ายเป็นน้ำอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้มีมูก
00:10:05 → 00:10:07 เลือดอะไรพวกเยค่ะส่วนมักจะเป็นการติด
00:10:07 → 00:10:09 เชื้อไวรัสเนาะแล้วก็ถ้าเป็นการติดเชื้อ
00:10:09 → 00:10:12 ไวรัสส่วนมากจะถ่ายน้อยกว่า 3 วันค่ะถ้า
00:10:12 → 00:10:14 ถ่ายมากกว่า 3 วันพวกเนี้ยก็จะเป็นการติด
00:10:14 → 00:10:16 เชื้อแบคทีเรียมากกว่าแนะนำว่าต้องกินยา
00:10:16 → 00:10:19 ฆ่าเชื้อร่วมด้วยค่ะถึงจะถ้าเป็นการติด
00:10:19 → 00:10:21 เชื้อพวกไวรัสพวกเนี้ยค่ะเราสามารถกินยา
00:10:21 → 00:10:23 ตามอากันได้หรือว่าบางคนแนะนำว่าให้กิน
00:10:23 → 00:10:26 ตัวผงถ่านเนาะตัวคาร์บอนตัวเนี้ยจะเอาไว้
00:10:26 → 00:10:30 ดักจับกับพวกเอ่อสารพของไวรัสนั้นๆอะไร
00:10:30 → 00:10:33 อย่างเงี้ยค่ะเพื่อที่จะไม่ให้โรคมันเป็น
00:10:33 → 00:10:37 ไปมากกว่าเดิมเนาะแล้วก็กินยาตามอาการ
00:10:37 → 00:10:39 อย่างอื่นได้เช่นเนื่องของเกลือแร่หรือ
00:10:39 → 00:10:41 ว่ามีอาการลึนไส้อาเจียนแนะนำเป็นพวกยา
00:10:41 → 00:10:44 แก้ครึนไส้อาเจียนหรือว่ายาแก้ปวดปบิด
00:10:44 → 00:10:46 ร่วมด้วยได้นะคะส่วนเรื่องถ้าเป็นเรื่อง
00:10:46 → 00:10:48 ของการติดเชื้อแบคทีเรียเนี่ยอาจจะต้อง
00:10:48 → 00:10:51 กินยาฆ่าเชื้อร่วมด้วยแล้วก็เป็นยาตาม
00:10:51 → 00:10:53 อาการอื่นๆได้ค่ะเช่นเรื่องของเกลือแร่
00:10:53 → 00:10:56 เหมือนกันยาแก้ขึ้นไส้อาเจียนหรือว่ายา
00:10:56 → 00:10:59 แก้ปวดบิดเหมือนกันอาจารย์คะคนกลุ่มไหน
00:10:59 → 00:11:01 ไหนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเสีย
00:11:01 → 00:11:04 ชีวิตจากอาหารเป็นพิษได้คะจริงๆเสียชีวิต
00:11:04 → 00:11:06 จากอาหารเป็นพิษเนี่ยเจอได้ไม่บ่อยค่ะแต่
00:11:06 → 00:11:09 ว่าจะเจอในได้ในกรณีที่มีบางกลุ่มก็คือ
00:11:09 → 00:11:12 เรื่องของภูมิคุ้มกันที่มีภาวะบกพร่องคือ
00:11:12 → 00:11:14 เรื่องของคนที่เป็น HIV พวกเยค่ะอาจจะมา
00:11:15 → 00:11:17 ด้วยเรื่องของท้องเสียเรื้อรังเยอะๆจนทำ
00:11:17 → 00:11:20 ให้ลำไส้อักเสบนานๆพวกเนี้ยอาจจะมีเสี่ยง
00:11:21 → 00:11:22 ต่อเรื่องของติดเชื้อในกระแสเลือดร่วม
00:11:22 → 00:11:25 ด้วยได้หรือที่เจอได้บ่อยๆอีกอันนึงก็คือ
00:11:25 → 00:11:28 คนที่เป็นมะเร็งแล้วก็ให้เคโมอยู่พวก
00:11:28 → 00:11:30 เนี้ยภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะต่ำลงมี
00:11:30 → 00:11:32 โอกาสที่จะติดเชื้อเข้ากระแสเลือดได้มาก
00:11:32 → 00:11:35 ขึ้นเพราะฉะนั้นคนในกลุ่มเนี้ยอาจจะมี
00:11:35 → 00:11:37 ภาวะเรื่องของแบบเสียชีวิตตามมาได้ค่ะแต่
00:11:38 → 00:11:40 ว่าถ้าในคนที่มีภูมิคุ้มกันดีอยู่แล้ว
00:11:40 → 00:11:42 หรือว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงทั่วไปอ่ะค่ะ
00:11:42 → 00:11:44 โอกาสที่จะติดเชื้อเข้ากระแสเลือดเนี่ย
00:11:45 → 00:11:48 ค่อนข้างน้อยมากนะคะหรือโอกาสที่จะแบบ
00:11:48 → 00:11:50 เป็นเยอะเป็นรุนแรงเนี่ยก็ไม่ได้เยอะอยู่
00:11:50 → 00:11:52 แล้วเพราะฉะนั้นในคนที่แข็งแรงทั่วไป
00:11:52 → 00:11:56 เนี่ยทานยาทั่วไปหรือว่าทานพวกเกลือแร่
00:11:56 → 00:11:58 พวกพวกอะไรก็พอแล้วค่ะอืโอกาสเสียชีวิตตำ
00:11:58 → 00:12:02 อยู่แล้วค่ะอาจารย์คะยาสามัญประจำบ้าน
00:12:02 → 00:12:05 อะไรคะที่ช่วยรักษาเรื่องของภาวะอาหาร
00:12:05 → 00:12:08 เป็นพิษอ๋อข้อนี้สำคัญเลยค่ะอยากจะให้ทุก
00:12:08 → 00:12:10 คนที่ฟังอยู่เนี่ยจดได้เลยนะคะว่าควรจะมี
00:12:10 → 00:12:13 ยาอะไรติดบ้านบ้างอย่างแรกที่มีเลยก็คือ
00:12:13 → 00:12:16 ผงถ่านค่ะผงถ่านเนี่ยทานได้เลยค่ะ 2 เม็ด
00:12:16 → 00:12:19 3 เวลานะคะกิน 3 วันตัวเนี้เอาไว้ดักจับ
00:12:19 → 00:12:22 กับเชื้อโรคนะคะส่วนอย่างที่ 2 ที่หมอ
00:12:22 → 00:12:24 อยากให้มีก็คือเรื่องของเกลือแร่เวลาที่
00:12:24 → 00:12:27 เราเสียน้ำเยอะๆอย่างที่หมอบอกไปตอนต้น
00:12:27 → 00:12:29 เนาะอยากให้กินเกลือแร่เพื่อให้แบบทดแทน
00:12:29 → 00:12:32 น้ำที่เสียไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
00:12:32 → 00:12:34 บางคนไม่ชอบกินเกลือแร่ค่ะซื้อเป็นแบบพวก
00:12:35 → 00:12:37 ส่วนผสมของเกลือแร่ร่วมด้วยเนาะพวกเยจะทด
00:12:37 → 00:12:40 แทนอุจจาระที่แบบมันเสียเกือแร่ไปบางส่วน
00:12:40 → 00:12:42 ได้ยาอย่างอื่นสามารถมีติดได้ค่ะเช่น
00:12:42 → 00:12:45 เรื่องของยาแก้คึ้นไส้อาเจียนหรือว่ายา
00:12:45 → 00:12:48 แก้ปวดบิดท้องแต่ยังไงถ้าจะต้องกิน 2 ตัว
00:12:48 → 00:12:50 เนี้ยถ้านายหญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ค่อยแนะนำ
00:12:50 → 00:12:52 นะคะรบกวนทำนัดเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมก่อน
00:12:52 → 00:12:56 ดีกว่าค่ะอาจารย์คะเราจะมีวิธีการอย่างไร
00:12:56 → 00:12:59 ในการดื่มน้ำเกลือแร่นะคะโอ ors ที่เรา
00:12:59 → 00:13:02 เนี่ยรับประทานเพื่อช่วยในเรื่องของท้อง
00:13:02 → 00:13:05 เสียมันมีวิธีการดื่มอย่างไรบ้างคะโอจริง
00:13:05 → 00:13:07 ๆต้องบอกว่ากินได้ทั้งวันเลยค่ะตัวเกลือ
00:13:07 → 00:13:10 แร่กินให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้จะเป็นคำ
00:13:10 → 00:13:13 พูดที่หมอพูดบ่อยมากเช่นถ่ายสมมุติว่าบาง
00:13:13 → 00:13:16 คนบอกว่าถ่ายวันนึง 10 ครั้งเลย 20 ครั้ง
00:13:16 → 00:13:18 เลยต้องไปแอดมิที่โรงพยาบาลไมจริงๆก็ยัง
00:13:18 → 00:13:21 ไม่ได้จำเป็นนะคะถ้าเรากินเกลือแร่ได้พอ
00:13:21 → 00:13:24 บางคนกินน้ำเก่งกินได้เป็น 2 ลิตร 2 ลิตร
00:13:24 → 00:13:26 3 ลิตรถ้ากินพอค่ะไม่ได้จำเป็นต้อง
00:13:26 → 00:13:29 แอดมิตโรงพยาบาลเลยก็กินผสมเกือแร่ได้เลย
00:13:29 → 00:13:32 ค่ะวันนึงกี่ซองก็ได้อาจารย์คะในระหว่าง
00:13:32 → 00:13:34 ที่เราเนี่ยยังเป็นอาหารเป็นพิษอยู่ค่ะ
00:13:34 → 00:13:38 อาหารอะไรที่เรากินได้อาหารอะไรที่เราควร
00:13:38 → 00:13:41 เลี่ยงคะอาจารย์เอ่อคนที่มีภาวะเรื่องของ
00:13:41 → 00:13:43 ท้องเสียอยู่หรือว่าขึ้นไส้อาเจียนอยู่
00:13:43 → 00:13:45 แนะนำว่าให้กินอาหารอ่อนๆก่อนค่ะแล้วก็
00:13:45 → 00:13:48 เป็นอาหารที่ย่อยง่ายไม่ใช่อาหารมันเช่น
00:13:48 → 00:13:50 คนที่ทั่วไปที่เราจะกินกันบ่อยๆเลยก็คือ
00:13:50 → 00:13:54 เรื่องของโจ๊กเนาะกินนโจ๊กกินก๋วยเตี๋ยว
00:13:54 → 00:13:57 พอได้นะคะแต่ว่าเอาแบบไม่เผ็ดไม่ปรุงเยอะ
00:13:57 → 00:13:59 เอาอาหารที่มันย่อยได้ง่ายๆที่ไม่ค่อยแนะ
00:13:59 → 00:14:02 นำให้ทันเลยก็คือจะเป็นอาหารจำพวกนมหรือ
00:14:02 → 00:14:05 ว่าเป็นผักบางอย่างพวกผักเนี่ยก็อาจจะทำ
00:14:05 → 00:14:07 ให้แบบเหมือนท้องเสียได้มากขึ้นหรือบางคน
00:14:07 → 00:14:10 อ่ะไปกินน้ำดีท็อกซ์ซึ่งอาจจะทำให้แย่
00:14:10 → 00:14:13 กว่าเดิมได้ค่ะอาจารย์คะผักและผลไม้ชนิด
00:14:13 → 00:14:17 ไหนคะที่ช่วยลดบรรเทาอาการอาหารเป็นพิษ
00:14:17 → 00:14:20 ให้เราได้บ้างคะอืมอันนี้ต้องบอกว่าอาจจะ
00:14:20 → 00:14:22 เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านเนาะว่าแบบสมัยกร
00:14:22 → 00:14:25 เขาทานอะไรมากกว่าค่ะโดยส่วนมากเขาก็จะ
00:14:25 → 00:14:27 แนะนำให้ทานพวกกล้วยน้ำว้าที่สามารถช่วย
00:14:27 → 00:14:31 ได้นะคะหรือว่าทานพวกขิงแต่ว่าขิงเนี่ย
00:14:31 → 00:14:33 อาจจะช่วยในแง่เรื่องของแบบการระบายลมมาก
00:14:33 → 00:14:35 กว่าเพื่อไม่ให้อึดแน่นทองมากกว่าค่ะคำ
00:14:35 → 00:14:38 ถามข้อสุดท้ายค่ะอาจารย์เราจะมีวิธีการ
00:14:38 → 00:14:42 ป้องกันภาวะอาหารเป็นพิษได้อย่างไรบ้างคะ
00:14:42 → 00:14:44 ป้องกันได้ง่ายๆค่ะอย่างแรกคือทานอาหาร
00:14:44 → 00:14:48 ที่ใหม่ทำใหม่หรือว่าสุกเท่านั้นถ้าเป็น
00:14:48 → 00:14:51 ทานพวกแบบอาหารแช่แข็งหรือว่าแบบอาหารที่
00:14:51 → 00:14:53 ทำมานานแล้วเก็บไว้ครั้งคืนอย่างเงี้ยค่ะ
00:14:53 → 00:14:56 พวกนี้มันจะมีพวกเชื้อแบคทีเรียอยู่เพราะ
00:14:56 → 00:14:58 ฉะนั้นอาจจะทำให้เราอ่ะเป็นได้ง่ายมาก
00:14:58 → 00:15:01 ขึ้นนะคะแล้วก็ทานอาหารสะอาดเนาะถ้าทำเอง
00:15:01 → 00:15:03 ได้ก็ดีเพราะว่าเราก็จะปรุงสุกปรุงอะไร
00:15:03 → 00:15:06 อยู่แล้วในคนบางคนนะคะที่ไม่แน่ใจว่าเรา
00:15:06 → 00:15:08 เป็นการติดเชื้อไวรัสหรือการติดเชื้อ
00:15:08 → 00:15:10 แบคทีเรียหรือว่าเอ๊ะหรือเราจำเป็นที่จะ
00:15:10 → 00:15:12 ต้องไปโรงพยาบาลหรือยังถ้าเราไม่แน่ใจ
00:15:12 → 00:15:15 เนี่ยสามารถทำนัดมาที่แอปหมอดีได้เลยนะคะ
00:15:15 → 00:15:17 สามารถดาวน์โหลดที่ app store แล้วก็
00:15:17 → 00:15:20 Play Store ได้เลยค่ะขอบพระคุณอาจารย์
00:15:20 → 00:15:23 จากแอปพลิเคชันหมอดีที่มาให้ความรู้ความ
00:15:23 → 00:15:26 เข้าใจในเรื่องของภาวะอาหารเป็นพิษรวมถึง
00:15:26 → 00:15:30 วิธีการดูแลตัวเองนะคะสนับสนุนโดยแอปหมอ
00:15:30 → 00:15:32 ดีหมอประจำบ้านในมือ
00:15:32 → 00:15:36 คุณช่วงนี้นะคะหมอดาวนำเรื่องของสัญญาณ
00:15:36 → 00:15:40 เตือนจากภาวะขาดน้ำมาฝากคุณผู้ชมกันค่ะ
00:15:40 → 00:15:43 ตลอดทั้งวันร่างกายของเราใช้และสูญเสีย
00:15:43 → 00:15:45 น้ำไปตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการขับ
00:15:45 → 00:15:49 เหงื่อปัสสาวะหายใจเข้าและออกและแน่นอน
00:15:49 → 00:15:51 ว่าร่างกายไม่สามารถผลิตน้ำได้ด้วยตัวเอง
00:15:51 → 00:15:54 เมื่อร่างกายของเราสูญเสียน้ำไปมากกว่า
00:15:54 → 00:15:57 ที่รับเข้าไปร่างกายจะถือว่าอยู่ในช่วง
00:15:57 → 00:16:00 สภาวะขาดน้ำและร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณ
00:16:00 → 00:16:03 เตือนบางอย่างมาดูกันดีกว่าว่าเมื่อร่าง
00:16:03 → 00:16:07 กายของเราขาดน้ำส่งสัญญาณเตือนอะไรบ้าง 1
00:16:07 → 00:16:10 ปวดศีรษะบ่อยๆถ้ามีอาการปวดศีรษะบ่อยๆโดย
00:16:10 → 00:16:13 ไม่ทราบสาเหตุแถมยิ่งขยับร่างกายก็ยิ่ง
00:16:13 → 00:16:16 ปวดให้รู้ไว้เลยค่ะว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำ
00:16:16 → 00:16:19 แล้วเพราะสมองของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง
00:16:19 → 00:16:22 ร้อยละ 80 เมื่อร่างกายขาดน้ำเนื้อเยื่อ
00:16:22 → 00:16:24 ในสมองก็จะขาดความชุ่มชื้นและหดตัวลงจึง
00:16:25 → 00:16:27 ไปกระตุ้นตัวรีซอร์สั่งการให้เรารู้สึก
00:16:27 → 00:16:31 ถึงความเจ็บปวดรอบๆสมองทำให้ปวดศีรษะนั่น
00:16:31 → 00:16:35 เองนอกจากนี้การที่ร่างกายขาดน้ำยังทำให้
00:16:35 → 00:16:38 ระดับเลือดในร่างกายลดลงทำให้ระบบไหล
00:16:38 → 00:16:41 เวียนเลือดทำงานไม่ดีส่งผลไปยังการส่ง
00:16:41 → 00:16:44 ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอทำให้เส้น
00:16:44 → 00:16:47 เลือดในสมองขยายจนเกิดการบวมและอักเสบและ
00:16:47 → 00:16:50 ยิ่งทำให้อาการปดศีรษะแย่ลงไปอีก 2 มี
00:16:50 → 00:16:53 กลิ่นปากและริมฝีปากแห้งเป็นสัญญาณที่บ่ง
00:16:53 → 00:16:56 บอกอาการขาดน้ำอย่างชัดเจนเลยค่ะยิ่งถ้า
00:16:56 → 00:16:59 ริมฝีปากแห้งทาลิบมันเท่าไหร่ก็ก็ไม่หาย
00:16:59 → 00:17:01 และรู้สึกเจ็บริมฝีปากตลอดเวลาขอให้มั่น
00:17:01 → 00:17:04 ใจได้เลยค่ะว่าร่างกายขาดน้ำแล้วมีกลิ่น
00:17:04 → 00:17:07 ปากมีสาเหตุมาจากหลายประการซึ่งการขาดน้ำ
00:17:08 → 00:17:10 ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
00:17:10 → 00:17:13 ได้เนื่องจากน้ำลายมีคุณสมบัติในการช่วย
00:17:13 → 00:17:15 ต้านเชื้อแบคทีเรียและในกระบวนการสร้าง
00:17:15 → 00:17:18 น้ำลายนั้นต้องใช้น้ำเมื่อร่างกายขาดน้ำ
00:17:18 → 00:17:21 การผลิตน้ำลายก็จะลดลงและทำให้ความสามารถ
00:17:21 → 00:17:24 ในการต่อสู้กับเชื้อโรคที่ก่อให้เกิด
00:17:24 → 00:17:27 กลิ่นในปากของเรานั้นไม่มีประสิทธิภาพและ
00:17:27 → 00:17:30 ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ 3 ระบบขับถ่ายผิด
00:17:30 → 00:17:33 ปกติการดื่มน้ำน้อยทำให้เกิดอาการท้องผูก
00:17:33 → 00:17:36 เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
00:17:36 → 00:17:38 ถึงแม้จะรับประทานอาหารที่มีกากใหญ่มาก
00:17:38 → 00:17:41 แต่ถ้าไม่ดื่มน้ำก็ทำให้ร่างกายไม่ขับ
00:17:41 → 00:17:44 ถ่ายอยู่ดีค่ะอีกทั้งยังทำให้ระบบปัสสาวะ
00:17:44 → 00:17:47 รวนอีกด้วย 4 ผิวยึดหยุ่นน้อยลงและน้ำ
00:17:47 → 00:17:50 หนักมากขึ้นอาการผิวแห้งอาจเกิดขึ้นได้
00:17:50 → 00:17:53 ทั้งจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือเกิดได้
00:17:53 → 00:17:56 จากสภาพผิวทั่วไปแต่ความยืดหยุ่นของผิว
00:17:56 → 00:17:58 ต่างหากที่จะเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าเรา
00:17:58 → 00:18:01 กำลังอยู่ในสภาวะขาดน้ำแล้วและเมื่อเรา
00:18:01 → 00:18:04 ดื่มน้ำน้อยไตจะทำงานหนักมากขึ้นทำให้ตับ
00:18:04 → 00:18:07 ซึ่งปกติจะทำหน้าที่เร่งการเผาผลาญไขมัน
00:18:07 → 00:18:11 ที่สะสมในร่างกายต้องมาทำหน้าที่แทนไตจึง
00:18:11 → 00:18:13 ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลงและ
00:18:13 → 00:18:16 ยิ่งเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากยิ่ง
00:18:16 → 00:18:19 ขึ้นเพราะน้ำส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่าง
00:18:19 → 00:18:22 กายโดยตรงอีกทั้งเมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำ
00:18:22 → 00:18:25 ให้หิวตลอดเวลาและรับประทานอาหารมากขึ้น
00:18:25 → 00:18:28 อีกด้วย 5 อ่อนเพลียทั้งวันแม้ว่าจะนอน
00:18:29 → 00:18:31 หลับพักผ่อนเพียงพอแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่า
00:18:31 → 00:18:34 ร่างกายอ่อนเพลียอยู่อาจจะเป็นเพราะร่าง
00:18:34 → 00:18:36 กายขาดน้ำเพราะน้ำจะเป็นตัวลำเลี้ยง
00:18:36 → 00:18:39 ออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดและไปหล่อ
00:18:39 → 00:18:42 เลี้ยงตามร่างกายเมื่อร่างกายขาดออกซิเจน
00:18:42 → 00:18:45 ที่เพียงพออีกทั้งยังเลือดข้นหนืดเพราะ
00:18:45 → 00:18:48 ขาดน้ำจึงยิ่งส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย
00:18:48 → 00:18:50 ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเยอะๆเพื่อให้ร่าง
00:18:50 → 00:18:53 กายสดชื่นค่ะรีบสังเกตตัวเองกันตั้งแต่
00:18:54 → 00:18:56 วันนี้ถ้าเริ่มมีอาการใดอาการหนึ่งเกิด
00:18:56 → 00:18:59 ขึ้นให้รีบไปดื่มน้ำเพื่อเติมความสดชื่น
00:18:59 → 00:19:02 ให้กับร่างกายด่วนๆเลยค่ะและอย่าลืมดื่ม
00:19:02 → 00:19:05 น้ำเป็นประจำให้ได้วันละ 1.5 -2 ลิตร
00:19:05 → 00:19:08 เพื่อร่างกายที่แข็งแรงนะ
00:19:08 → 00:19:12 คะนอกจากนี้ค่ะหมอดาวยังมีวิธีช่วยให้คุณ
00:19:12 → 00:19:16 ผู้ชมสามารถดื่มน้ำได้ถึง 2 ลิวมาฝากกัน
00:19:16 → 00:19:20 ค่ะ 1 ลองดื่มน้ำประเภทต่างๆถึงแม้ว่าการ
00:19:20 → 00:19:23 ดื่มน้ำเปล่าจะดีที่สุดกับร่างกายแต่น้ำ
00:19:23 → 00:19:26 ดื่มบรรจุขวดยี่ห้อต่างๆก็สามารถให้รส
00:19:26 → 00:19:28 ชาติที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่
00:19:28 → 00:19:31 มาไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าธรรมดาหรือน้ำแร่
00:19:31 → 00:19:34 รสชาติก็สามารถทำให้เราดื่มได้อย่างสม่ำ
00:19:34 → 00:19:38 เสมอ 2 วางน้ำดื่มไว้ใกล้ตัวบางครั้งวิธี
00:19:38 → 00:19:40 ที่ง่ายที่สุดในการดื่มน้ำก็คือการมีน้ำ
00:19:41 → 00:19:43 ดื่มติดตัวเพราะเมื่อไหร่ที่เรามองเห็นก็
00:19:43 → 00:19:47 จะได้เป็นการเตือนให้เราดื่ม 3 เพิ่มรส
00:19:47 → 00:19:51 ชาติเล็กน้อยการผสมน้ำกับมะนาวเลมอนรวม
00:19:51 → 00:19:54 ถึงผลไม้และผักอื่นๆลงในน้ำเปล่าไม่เพียง
00:19:54 → 00:19:57 แต่ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการแต่ยังช่วย
00:19:57 → 00:19:59 เพิ่มรสชาติให้กับน้ำน้ำดื่มของเราอีก
00:19:59 → 00:20:03 ด้วย 4 ทำให้เกี่ยวข้องกับกิจวัตรประจำ
00:20:03 → 00:20:07 วันเช่นดื่มน้ำก่อนและหลังการออกกำลังกาย
00:20:07 → 00:20:09 ดื่มน้ำก่อนเวลารับประทานอาหารแต่อย่าง
00:20:09 → 00:20:12 น้อยต้องเป็นครึ่งชั่วโมงก่อนรับประทาน
00:20:12 → 00:20:15 อาหารนะคะหรือดื่มน้ำเมื่อคุณตื่นนอนความ
00:20:15 → 00:20:18 พยายามเชื่อมโยงการดื่มน้ำเข้ากับชีวิต
00:20:18 → 00:20:20 ประจำวันแบบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้าง
00:20:20 → 00:20:23 นิสัยเท่านั้นแต่ยังช่วยให้เราดื่มน้ำได้
00:20:23 → 00:20:26 อย่างเพียงพอโดยที่ไม่ต้องฝืนร่างกายมาก
00:20:26 → 00:20:30 เกินไป 5 กินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
00:20:30 → 00:20:33 หากความต้องการที่จะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8
00:20:33 → 00:20:36 แก้วนั้นทำให้คุณรู้สึกว่าฝืนจนเกินไปลอง
00:20:36 → 00:20:40 เพิ่มอาหารที่มีน้ำสูงสิคะเช่นเมลอนผัก
00:20:40 → 00:20:44 สลัดมะเขือเทศแตงโมและแตงกวาทั้งนี้เพื่อ
00:20:44 → 00:20:47 ให้ร่างกายได้รับทั้งสารอาหารและน้ำใน
00:20:47 → 00:20:51 ปริมาณที่เพียงพอต่อวันแต่ต้องระวังว่า
00:20:51 → 00:20:53 ไม่เป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูงจนเกินไป
00:20:53 → 00:20:56 เดี๋ยวจะกลายเป็นเบาหวานนะ
00:20:56 → 00:20:59 คะเป็นอย่างอะไรกันบ้างคะคุณผู้ชมกับสาระ
00:20:59 → 00:21:03 สุขภาพดีๆที่วันนี้ทีมงาน t&n นำมาฝากกัน
00:21:04 → 00:21:06 หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมนะคะจะนำ
00:21:06 → 00:21:09 ความรู้ความเข้าใจสาระดีๆไปใช้ดูแลสุขภาพ
00:21:09 → 00:21:13 ตัวเองและคนที่คุณรักค่ะและขอบคุณคุณผู้
00:21:13 → 00:21:16 ชมนะคะที่ติดตามรับชมรายการ TNN He มา
00:21:16 → 00:21:19 โดยตลอดค่ะสามารถติดตามรับชมรายการ TNN
00:21:19 → 00:21:22 Health ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์ค่ะเวลา
00:21:22 → 00:21:27 ดี 15 น- 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 นอก
00:21:27 → 00:21:29 จากนี้นะคะคะยังสามารถติดตามรับชมรายการ
00:21:29 → 00:21:34 ทุกบ่ายวันจันทร์ค่ะ 14:30 น - 15:00 น
00:21:34 → 00:21:36 นอกจากนี้นะคะอย่าลืมกดไลค์กดแชร์กด
00:21:36 → 00:21:39 Subscribe รวมถึงกดกระดิ่งด้วยเพื่อเป็น
00:21:39 → 00:21:41 กำลังใจให้หมอดาวและทีมงาน tn and
00:21:41 → 00:21:44 Health ในช่องทางโซเชียล Network ไม่ว่า
00:21:44 → 00:21:47 จะเป็น YouTube tiktok Facebook Line
00:21:47 → 00:21:51 official และ Instagram อีกด้วยค่ะเพื่อ
00:21:51 → 00:21:53 ที่จะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้ม
00:21:53 → 00:21:57 กันรู้ทันโรคไปด้วยกันและสำหรับวันนี้หมอ
00:21:57 → 00:22:00 ดาวและทีมงานเ And He ต้องขอตัวลาคุณผู้
00:22:00 → 00:22:04 ชมไปก่อนนะคะสวัสดี
00:22:04 → 00:22:26 [เพลง]
00:22:26 → 00:24:28 ค่ะ
00:24:28 → 00:24:31 L