00:00:01 → 00:00:04 [เพลง]
00:00:04 → 00:00:06 You're listening to Sad X Channel
00:00:06 → 00:00:07 podcast
00:00:07 → 00:00:11 >> สวัสดีครับและนี่คือรายการพcastสุขภาพดี
00:00:11 → 00:00:14 ชีวิตดีสร้างได้พื้นที่แบ่งปันความรู้
00:00:14 → 00:00:20 สำหรับคนรักสุขภาพทุกท่าน
00:00:20 → 00:00:23 คุณเคยเห็นฟองในปัสสาวะของตัวเองมั้ครับ
00:00:24 → 00:00:27 หรือเคยมีอาการบวมตามตัวไม่มีสาเหตุหลาย
00:00:27 → 00:00:30 คนอาจมองข้ามสัญญาณเล็กเล็กเหล่านี้แต่
00:00:30 → 00:00:34 รู้ไหมครับว่านี่อาจเป็นเสียงเตือนจากไต
00:00:34 → 00:00:37 อวัยวะสำคัญที่กำลังทำงานหนักเกินไปและ
00:00:37 → 00:00:40 ถ้าเรายังคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอาจนำ
00:00:40 → 00:00:45 ไปสู่ภาวะไตพังที่หลายคนกลัวเพราะเมื่อใด
00:00:45 → 00:00:48 ก็ตามที่ไตเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพสัญญาณ
00:00:48 → 00:00:51 เตือนที่สำคัญมักจะปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ
00:00:51 → 00:00:54 โดยสัญญาณแรกที่เรามักจะเห็นได้ชัดเจนคือ
00:00:54 → 00:00:57 ปัสสาวะมีฟองที่เกิดจากการมีโปรตีนรั่ว
00:00:57 → 00:00:59 ออกมาในปัสสาวะ
00:00:59 → 00:01:02 ซึ่งปกติแล้วไตที่มีสุขภาพดีจะไม่ปล่อย
00:01:03 → 00:01:06 ให้โปรตีนเล็ดลอดออกมาได้ง่ายๆนอกจากนี้
00:01:06 → 00:01:10 ยังอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วยเช่นตัวบวมโดย
00:01:10 → 00:01:14 เฉพาะที่หน้าแขนและเท้าอ่อนเพลียเหนื่อย
00:01:14 → 00:01:18 ง่ายและความดันโลหิตสูงซึ่งอาการเหล่านี้
00:01:18 → 00:01:21 เป็นสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาที่เราต้องหัน
00:01:21 → 00:01:25 มาดูแลไตอย่างจริงจังแล้ววันนี้ผมจะพาคุณ
00:01:25 → 00:01:28 ไปเจาะลึกเรื่องอาหารที่ส่งผลโดยตรงต่อ
00:01:28 → 00:01:31 สุขภาพภาพไตของเราโดยเฉพาะ 4 สิ่งที่คุณ
00:01:31 → 00:01:34 ควรต้องระวังอย่างยิ่งเพื่อลดภาระการทำ
00:01:34 → 00:01:37 งานของไตและช่วยให้ไตของเราแข็งแรงขึ้น
00:01:37 → 00:01:40 ได้เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมี
00:01:40 → 00:01:44 คุณภาพไปได้อีกนานแสนนานถ้าพร้อมแล้วไปดู
00:01:44 → 00:01:49 กันเลยครับ 1 โปรตีนกินอย่างฉลาดลดภาระ
00:01:49 → 00:01:52 ให้ไตเรามาเริ่มต้นกันที่เรื่องแรกเลย
00:01:52 → 00:01:56 ครับนั่นคือโปรตีนโปรตีนเป็นสารอาหารที่
00:01:56 → 00:01:59 จำเป็นต่อร่างกายเพราะมันช่วยในการสร้าง
00:01:59 → 00:02:02 กล้ามเนื้อซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเสริม
00:02:02 → 00:02:05 สร้างระบบภูมิคุ้มกันแต่สำหรับผู้ป่วยโรค
00:02:05 → 00:02:09 ไตแล้วการบริโภคโปรตีนที่มากเกินไปจะทำ
00:02:09 → 00:02:12 ให้ไตต้องทำงานหนักกว่าปกติลองนึกภาพว่า
00:02:12 → 00:02:15 โปรตีนเหมือนก้อนหินเมื่อไตของเรามีหน้า
00:02:15 → 00:02:19 ที่กรองก้อนหินจำนวนมากมันก็จะล้าและ
00:02:19 → 00:02:22 เสื่อมสภาพเร็วขึ้นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
00:02:22 → 00:02:25 ที่ยังไม่ได้ฟอกไตแพทย์มักจะแนะนำให้
00:02:25 → 00:02:27 จำกัดปริมาณโปรตีนให้เหมาะสมกับน้ำหนัก
00:02:27 → 00:02:30 ตัวเพื่อควบคุมการทำงานของไตไม่ให้
00:02:30 → 00:02:33 เหนื่อยเกินไปโดยสามารถคำนวณง่ายๆได้ด้วย
00:02:33 → 00:02:37 การปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเช่นผู้
00:02:37 → 00:02:40 ใหญ่ที่น้ำหนัก 50 กกัอาจต้องการโปรตีน
00:02:41 → 00:02:44 ประมาณ 0.6-0.8 8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1
00:02:44 → 00:02:48 กกัต่อวันซึ่งถือว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับ
00:02:48 → 00:02:51 การทำงานของไตโปรตีนที่ดีสำหรับผู้ป่วย
00:02:51 → 00:02:55 โรคไตควรเป็นโปรตีนคุณภาพสูงที่ร่างกายนำ
00:02:55 → 00:02:58 ไปใช้ได้ดีและมีกากของเสียต่ำเช่นเนื้อ
00:02:59 → 00:03:02 ปลาเนื้อไก่ส่วนที่ไม่ติดหนังและไข่ขาว
00:03:02 → 00:03:06 โดยเฉพาะไข่ขาวนั้นมีโปรตีนคุณภาพสูงและ
00:03:06 → 00:03:09 มีปริมาณฟอสฟอรัสต่ำกว่าไข่แดงจึงเหมาะ
00:03:09 → 00:03:13 อย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคไตในทางกลับกัน
00:03:13 → 00:03:16 อาหารประเภทโปรตีนที่ควรเลี่ยงคือเนื้อ
00:03:16 → 00:03:20 แดงและเนื้อสัตว์แปรรูปเช่นไส้กรอกแฮม
00:03:20 → 00:03:23 หรือหมูยอเพราะนอกจากจะมีโปรตีนสูงแล้ว
00:03:23 → 00:03:26 ยังมีโซเดียมและฟอสฟอรัสสูงอีกด้วยซึ่ง
00:03:26 → 00:03:29 การสะสมของแร่ธาตุเหล่านี้จะเพิ่มภาระให้
00:03:29 → 00:03:32 ไต่มากยิ่งขึ้นการเลือกกินโปรตีนอย่าง
00:03:32 → 00:03:35 เหมาะสมจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดใน
00:03:35 → 00:03:40 การดูแลไต่ครับ 2 โซเดียมศัตรูตัวร้ายของ
00:03:40 → 00:03:42 ความดันโลหิตและไต
00:03:42 → 00:03:45 เมื่อพูดถึงโซเดียมหลายคนอาจจะนึกถึงแค่
00:03:45 → 00:03:48 เกลือหรือความเค็มแต่ความจริงแล้วโซเดียม
00:03:48 → 00:03:51 เป็นแร่ธาตุที่แฝงตัวอยู่ในอาหารเกือบทุก
00:03:51 → 00:03:54 ชนิดที่เรากินในชีวิตประจำวันและการ
00:03:54 → 00:03:57 บริโภคโซเดียมที่มากเกินไปเป็นสาเหตุหลัก
00:03:57 → 00:04:00 ที่ทำให้ความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นสาเหตุ
00:04:00 → 00:04:04 สำคัญที่นำไปสู่โรคไตแหล่งโซเดียมที่ซ่อน
00:04:04 → 00:04:07 อยู่ไม่ได้มีแค่ในอาหารรสเค็มจัดเท่านั้น
00:04:07 → 00:04:11 แต่ยังรวมถึงอาหารแปรรูปเช่นไส้กรอกเบคอน
00:04:11 → 00:04:15 อาหารสำเร็จรูปอาหารกระป๋องขนมขบเคี้ยว
00:04:15 → 00:04:18 บะหมี่กึงสำเร็จรูปไปจนถึงเครื่องปรุงรส
00:04:18 → 00:04:22 ต่างๆอย่างซอสมะเขือเทศซอสพริกผงชูรสและ
00:04:22 → 00:04:26 ซุปก้อนซึ่งบางครั้งเราอาจไม่รู้ตัวว่า
00:04:26 → 00:04:30 เรากำลังบริโภคโซเดียมมากเกินไปเคล็ดลับ
00:04:30 → 00:04:33 ง่ายๆในการลดโซเดียมคือการฝึกอ่านฉลาก
00:04:33 → 00:04:36 โภชนาการบนบรรจุพันธุ์อาหารเพราะจะช่วย
00:04:36 → 00:04:39 ให้เราทราบปริมาณโซเดียมที่แท้จริงนอกจาก
00:04:39 → 00:04:42 นี้การเลือกใช้เครื่องปรุงสูตรลดโซเดียม
00:04:42 → 00:04:44 หรือหันมาใช้สมุนไพรและเครื่องเทศแทน
00:04:44 → 00:04:48 เกลือก็เป็นวิธีที่ดีเช่นการใช้พริกไทย
00:04:48 → 00:04:52 หอมใหญ่กระเทียมหรือขิงเพื่อเพิ่มรสชาติ
00:04:52 → 00:04:55 อาหารการทำอาหารทานเองจึงเป็นวิธีที่ดี
00:04:55 → 00:04:58 ที่สุดในการควบคุมปริมาณโซเดียมให้เหมาะ
00:04:58 → 00:05:02 สมสำหรับผู้ป่วยโรคไตการจำกัดโซเดียมไม่
00:05:02 → 00:05:05 เพียงแต่ช่วยลดความดันโลหิตแต่ยังช่วยลด
00:05:05 → 00:05:07 อาการบวมน้ำที่เกิดจากการสะสมของโซเดียม
00:05:07 → 00:05:11 ในร่างกายอีกด้วยดังนั้นหากคุณต้องการดู
00:05:11 → 00:05:14 แลไตให้แข็งแรงการลดโซเดียมจึงเป็นสิ่ง
00:05:14 → 00:05:18 ที่สำคัญมาก 3 โพแทสเซียมเสี่ยงอันตราย
00:05:18 → 00:05:21 ถึงชีวิตถ้าไม่ระวังมาถึงแร่ธาตุที่
00:05:21 → 00:05:25 อันตรายมากๆสำหรับผู้ป่วยโรคไตระยะท้าย
00:05:25 → 00:05:28 นั่นคือโพแทสเซียมครับโพแทสเซียมเป็นแร่
00:05:28 → 00:05:31 ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
00:05:31 → 00:05:34 และระบบประสาทแต่เมื่อไตเสื่อมสภาพมันจะ
00:05:34 → 00:05:37 ไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินออกไปได้
00:05:37 → 00:05:41 ทำให้เกิดการสะสมในเลือดสูงภาวะนี้เรียก
00:05:41 → 00:05:42 ว่าไฮเปอร์คารีเมีย
00:05:42 → 00:05:45 ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิด
00:05:45 → 00:05:49 จังหวะหรือหัวใจหยุดเต้นได้ดังนั้นการควบ
00:05:49 → 00:05:52 คุมปริมาณโพแทสเซียมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
00:05:52 → 00:05:54 อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงที่เราควรหลีก
00:05:54 → 00:05:59 เลี่ยงได้แก่ผลไม้เช่นกล้วยส้มทุเรียน
00:05:59 → 00:06:03 ลำไยแก้วมังกรมะม่วงสุกและผลไม้แห้งรวม
00:06:03 → 00:06:08 ถึงผักบางชนิดเช่นหน่อไม้มะเขือเทศฟักทอง
00:06:08 → 00:06:11 มันฝรั่งแลและผักใบเขียวเข้มบางชนิดแต่
00:06:11 → 00:06:14 ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยจะต้องงดผัก
00:06:14 → 00:06:17 ผลไม้ทั้งหมดนะครับยังมีตัวเลือกที่ดีอีก
00:06:17 → 00:06:21 มากมายเช่นผลไม้อย่างชมพู่แอปเปิ้ลองุ่น
00:06:21 → 00:06:25 เขียวแตงโมและผักอย่างกะหล่ำปลี่ผักกาด
00:06:25 → 00:06:29 ขาวบวบฟักเขียวหรือแตงกวานอกจากนี้การนำ
00:06:29 → 00:06:33 ผักมาต้มหรือลวกในน้ำร้อนก็สามารถช่วยลด
00:06:33 → 00:06:36 ปริมาณโพแทสเซียมได้บางส่วนครับ 4
00:06:36 → 00:06:40 ฟอสฟอรัสภัยเงียบทำร้ายกระดูกและหัวใจแร่
00:06:40 → 00:06:44 ธาตุสุดท้ายที่เราจะพูดถึงก็คือฟอสฟอรัส
00:06:44 → 00:06:46 ครับฟอสฟอรัสเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อ
00:06:47 → 00:06:50 กระดูกแต่เมื่อไตทำงานได้ไม่ดีมันจะไม่
00:06:50 → 00:06:53 สามารถขับฟอสฟอรัสส่วนเกินออกได้การสะสม
00:06:53 → 00:06:56 ของฟอสฟอรัสในเลือดสูงจะทำให้ร่างกายดึง
00:06:56 → 00:06:59 แคลเซียมออกจากกระดูกมาปรับสมดุลซึ่งทำ
00:06:59 → 00:07:02 ให้กระดูกเปราะบางและอ่อนแอลงในระยะยาว
00:07:02 → 00:07:05 และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้ม
00:07:05 → 00:07:08 เหลวอีกด้วยอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูงที่ควร
00:07:08 → 00:07:13 จำกัดได้แก่ผลิตภัณฑ์จากนมเช่นนมชีส
00:07:13 → 00:07:16 โยเกิร์ตถั่วและเมล็ดพืชทุกชนิดเครื่องใน
00:07:16 → 00:07:20 สัตว์และที่สำคัญคืออาหารแปรรูปที่มีการ
00:07:20 → 00:07:24 เติมฟอสเฟตเพื่อยืดอายุอาหารเช่นขนมปัง
00:07:24 → 00:07:28 โดนัทไส้กรอกและน้ำอัดลมสีดำวิธีดูแลตัว
00:07:28 → 00:07:31 เองง่ายๆคือการเลือกดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก
00:07:31 → 00:07:34 และเลี่ยงอาหารแปรรูปรวมถึงการเลือกแหล่ง
00:07:34 → 00:07:37 โปรตีนที่ดีอย่างไข่ขาวหรือเนื้อปลาก็จะ
00:07:37 → 00:07:41 ช่วยลดลดการบริโภคฟอสฟอรัสได้ด้วยเช่นกัน
00:07:41 → 00:07:44 อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยาลด
00:07:44 → 00:07:47 ฟอสฟอรัสเพื่อช่วยควบคุมระดับฟอสฟอรัสใน
00:07:47 → 00:07:49 เลือดซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความ
00:07:49 → 00:07:53 เหมาะสมท่านผู้ฟังครับเราได้เรียนรู้กัน
00:07:53 → 00:07:56 ไปแล้วนะครับว่าการควบคุมปริมาณโปรตีน
00:07:56 → 00:08:00 โซเดียมโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสในอาหารนั้น
00:08:00 → 00:08:03 สำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพไตของเรามันไม่
00:08:03 → 00:08:05 ใช่เรื่องของการอดอาหารแต่เป็นการเรียน
00:08:05 → 00:08:08 รู้ที่จะเลือกอย่างฉลาดและปรับพฤติกรรม
00:08:08 → 00:08:11 ให้เข้ากับสภาพร่างกายของเราการดูแล
00:08:11 → 00:08:15 สุขภาพไตไม่ใช่ภาระแต่เป็นการลงทุนที่
00:08:15 → 00:08:18 คุ้มค่าที่สุดในชีวิตเพราะเมื่อไตของเรา
00:08:18 → 00:08:21 แข็งแรงเราก็จะมีพลังที่จะใช้ชีวิตได้
00:08:21 → 00:08:23 อย่างเต็มที่ไม่ต้องกังวลกับอาการเจ็บ
00:08:23 → 00:08:27 ป่วยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจำไว้เสมอว่า
00:08:27 → 00:08:30 อาหารคือยาการเลือกสิ่งดีๆให้กับร่างกาย
00:08:30 → 00:08:33 ตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้เราได้ใช้ชีวิตที่
00:08:33 → 00:08:37 มีคุณภาพได้อย่างมีความสุขในระยะยาวครับ
00:08:37 → 00:08:39 และอย่าอย่าลืนนะครับว่าข้อมูลในวันนี้
00:08:39 → 00:08:42 เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นคุณควรปรึกษา
00:08:42 → 00:08:45 แพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำที่
00:08:45 → 00:08:48 เหมาะสมกับสุขภาพของคุณมากที่สุดครับก่อน
00:08:48 → 00:08:51 จะปิดรายการในวันนี้ขอเรียนให้คุณผู้ฟัง
00:08:51 → 00:08:55 ทราบว่าเนื้อหาในพcสนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้
00:08:55 → 00:08:58 ข้อมูลและความรู้ทั่วไปเท่านั้นและหากมี
00:08:58 → 00:09:01 ข้อสงสัยหรือปัญหาด้านสุขภาพควรปรึกษา
00:09:01 → 00:09:03 แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทุก
00:09:03 → 00:09:08 ครั้งนะครับหากคุณชื่นชอบพcสอย่าลืมกดติด
00:09:08 → 00:09:11 ตามและแชร์ให้เพื่อนๆหรือคนในครอบครัวที่
00:09:11 → 00:09:13 คุณรักนะครับเพราะการแบ่งปันความรู้เป็น
00:09:13 → 00:09:17 สิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่งขอบคุณที่รับฟัง
00:09:17 → 00:09:23 แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าสวัสดีครับ