00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:09 Voice สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจที่จะบอกเ
00:00:09 → 00:00:12 ตรงๆเพราะว่าบางคนเนี่ยคิดว่าการบอกแล้ว
00:00:12 → 00:00:14 มันจะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไอ้การแสดง
00:00:14 → 00:00:16 ความรักเนี่ยมันต้องค่อยๆก่อค่อยๆเกิดรา
00:00:16 → 00:00:19 นั้นก็จะมีเหตุการณ์อะไรที่เป็นตัวอย่างเ
00:00:19 → 00:00:21 เยอะแยะไปหมดว่าแล้วทำไมไม่บอกทำไมอย่าง
00:00:21 → 00:00:23 งั้นอย่างงี้อย่างงี้อย่างงั้นเพราะมัน
00:00:23 → 00:00:26 ยังไม่ถึงเวลาหรือว่ามันยังไม่ได้มั่นใจ
00:00:26 → 00:00:29 ว่าเอ๊ะเธอจะมีไมตรีตอบฉันมั้ยโดยปกติ
00:00:29 → 00:00:32 เนี่ยการบอกรักด้วยคำพูดดีๆมันมีเยอะแยะ
00:00:32 → 00:00:35 ถ้าเราไม่ใช้คำพูดเราจะใช้ภาษากายแทน
00:00:35 → 00:00:38 อย่างแรกค่ะสีหน้ามันแสดงออกผ่านทางสี
00:00:38 → 00:00:42 หน้าสายตาอะไรต่างๆเหล่านี้นะคะสายตา
00:00:42 → 00:00:45 เนี่ยถ้าเราชอบใครเนี่ยคนๆนั้นมักจะอยู่
00:00:45 → 00:00:47 ในสายตาเรา
00:00:47 → 00:00:51 เสมอฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทย
00:00:51 → 00:00:58 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรสร
00:00:58 → 00:01:03 ค่ะันนี้เราจะมาใช้วิธีการบอกรักแบบใช้
00:01:03 → 00:01:06 ภาษากายกันนะคะเอ๊ะภาษากายแบบไหนเป็นการ
00:01:06 → 00:01:09 บอกรักเราบ้างนะคะคือบางคนอาจจะไม่ชอบพูด
00:01:09 → 00:01:12 แต่ชอบแสดงออกหรือเปล่าเอ๊ะแบบนี้เขารัก
00:01:12 → 00:01:14 เราหรือเปล่าเดี๋ยววันนี้มาพูดคุยกับผู้
00:01:14 → 00:01:17 ช่วยศาสตราจารย์ดรจันท์วิพาดิลกสัมพันธ์
00:01:17 → 00:01:20 ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้าน
00:01:20 → 00:01:22 สมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:01:22 → 00:01:24 สัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:01:24 → 00:01:27 คะค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุก
00:01:27 → 00:01:30 ท่านค่ะอันนี้ไปเห็นในอินเทอร์เน็ตมาใน
00:01:30 → 00:01:33 Facebook นี่แหละเพราะว่าจะเจออยู่
00:01:33 → 00:01:37 เรื่อยๆว่าอืมวิธีการบอกรักโดยที่ไม่ต้อง
00:01:37 → 00:01:42 พูดอ่ามีอะไรบ้างนะคะเขาคก็จะมีแบบเอ่อ
00:01:42 → 00:01:44 คอมเมนต์มานะคะเวลาเข้าไปอ่านเราก็จะแบบ
00:01:44 → 00:01:47 เออบางอย่างเนี่ยบางคนอาจจะตีความหมายไม่
00:01:47 → 00:01:50 ออกว่านี่คือการบอกรักนะบางคนไม่ถนัดพูด
00:01:50 → 00:01:53 ไงคะอาจารย์เนาะหรือบางคนอาจจะแบบอก็
00:01:53 → 00:01:56 เนี่ยทำแล้วอ่ะแต่เรายังไม่รู้เลยว่าอ่ะ
00:01:56 → 00:01:59 ใช่หรอหรือยังไงหรือคำว่าภาษากายเนี่ยมัน
00:01:59 → 00:02:02 ไปในแง่มุมไหนได้บ้างนะคะเดี๋ยววันนี้ก็
00:02:02 → 00:02:06 ลองมาฟังกันว่ามีอะไรบ้างอันนี้ก็สำหรับ
00:02:06 → 00:02:10 คนที่ยังไม่มั่นใจที่จะบอกเ้าตรงๆเพราะ
00:02:10 → 00:02:12 ว่าบางคนเนี่ยบางทีคิดว่าการบอกแล้วมันจะ
00:02:12 → 00:02:15 ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงนึกออกมั้ยคะเพราะ
00:02:15 → 00:02:17 บางทีบอกไปแล้วสมมุติว่าฝ่ายชายเนี่ยแอบ
00:02:17 → 00:02:20 ชอบฝ่ายหญิงอยู่แหมมีคนเแอบมาเร็งคุณ
00:02:20 → 00:02:23 สุรีพรไว้ตั้งนานและอืแต่กลัวว่าพูดไป
00:02:23 → 00:02:26 แล้วคุณสิริพรไม่ได้ชอบตอบหรือไม่ได้มี
00:02:26 → 00:02:30 ไมตรีให้มันก็จะมองหน้ากันไม่ติดต่อไปอื
00:02:30 → 00:02:32 นะฮะเพราะฉะนั้นต้องไอ้ไอสิ่งเหล่าเนี้ย
00:02:33 → 00:02:35 ไอ้การแสดงความรักเนี่ยมันต้องค่อยๆก่อ
00:02:35 → 00:02:39 ค่อยๆเกิดนะคะแล้วก็ค่อยๆศึกษากันไปนะฮะ
00:02:39 → 00:02:41 เพราะนั้นก็จะมีเหตุการณ์อะไรที่เป็นตัว
00:02:41 → 00:02:44 อย่างเเยอะแยะไปหมดว่าแล้วทำไมไม่บอกทำไม
00:02:44 → 00:02:46 อย่างงั้นอย่างงี้อย่างงี้อย่างั้นเพราะ
00:02:46 → 00:02:49 มันยังไม่ถึงเวลานะคะหรือว่ามันยังไม่ได้
00:02:49 → 00:02:53 มั่นใจว่าเอ๊ะเธอจะมีไมตรีตอบฉันมั้ยเอาๆ
00:02:53 → 00:02:57 ยกตัวอย่างง่ายๆบางครั้งสาวที่เอ่อแปลง
00:02:57 → 00:03:00 เพศแล้วเนี่ยหลายคนนะคะสวยยิ่งกับผู้หญิง
00:03:00 → 00:03:04 อีกโอ้โหมากๆเลยถูกมั้ยคะเสร็จแล้วก็มี
00:03:04 → 00:03:06 ชายหนุ่มมาชอบนะคะเพราะเเข้าใจว่าเป็นผู้
00:03:07 → 00:03:11 หญิงอืแล้วก็คบกันไปคบกันไปคบกันไปเรื่อย
00:03:11 → 00:03:15 ๆกว่าที่จะผู้หญิงจะกล้าบอกว่าฉันไม่ใช่
00:03:15 → 00:03:18 ผู้หญิงแบบที่เธอคิดนะนะฮะฉันเป็นสาว
00:03:18 → 00:03:21 ทรานซ์นะหรืออะไรอย่างเงี้ยนะคะผู้ชายก็
00:03:21 → 00:03:25 บอกแล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ต้นจะได้ถอนใจนะ
00:03:25 → 00:03:28 เพราะว่าหรือว่าคิดว่าจะทำยังไงอะไรเงี้ย
00:03:28 → 00:03:30 อันนี้ที่บอกว่าต้องต้องอย่างงี้นะเพราะ
00:03:30 → 00:03:32 ว่าบางคนเนี่เาตั้งเป้าไว้เลยว่าเอยากมี
00:03:32 → 00:03:35 ลูกเอางี้ะกันค่ะแต่เขามารักสาวทรานเนี่ย
00:03:35 → 00:03:38 มันก็ไม่ได้และถูกมั้ยคะเพราะว่ามดลูกมัน
00:03:38 → 00:03:40 ทำไม่ได้น่ะอย่างอื่นมันทำได้เหมือนหมด
00:03:40 → 00:03:43 แหละคืออันนี้ก็ไม่ได้เป็นความผิดของผู้
00:03:43 → 00:03:45 ชายที่เอาจจะมีเป้าหมายของเขาอะไเงี้ยแต่
00:03:45 → 00:03:48 แค่ว่าเขาไม่ได้รู้ว่านี่คือสาวทรานนั้นเ
00:03:48 → 00:03:50 ใช่ค่ะแล้วก็ไม่ใช่ความผิดของสาวทรานถูก
00:03:50 → 00:03:53 มั้ยคะเพราะว่าสาวทรานมาจีบทีแรกใครจะไป
00:03:53 → 00:03:55 บอกว่านี่เธอเข้ามาปั๊บบอกคำแรกเลยฉันไม่
00:03:55 → 00:03:58 ใช่ผู้หญิงนะมันก็ไม่ใช่ถูกมั้ยคะแต่ที
00:03:58 → 00:04:00 นี้มันรักไปแล้ว
00:04:01 → 00:04:04 อืเนี่ยค่ะเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่าเราต้อง
00:04:04 → 00:04:07 หัดสังเกตว่าเมีทีท่ากับเราว่าเรักหรือ
00:04:07 → 00:04:10 เปล่าอะไรหรือเปล่าเขาสนใจหรือเปล่าหรือ
00:04:10 → 00:04:13 ฝ่ายชายเองก็จะได้รู้ว่าเออถ้าผู้หญิงเขา
00:04:13 → 00:04:16 ทำอย่างเงี้นะแปลว่าเขารักเรานะเชอบเรานะ
00:04:16 → 00:04:19 หรือเราเป็นผู้ชายนะเราทำแบบนี้ผู้หญิง
00:04:19 → 00:04:22 เขาเริ่มจะรู้แล้วล่ะว่าเรามีไมตรีด้วยนะ
00:04:22 → 00:04:26 ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไปโอโหฟังู
00:04:26 → 00:04:30 แล้วแบบว่าเห็นใจเลยคือหลายคนบอกว่าเอ่อเ
00:04:30 → 00:04:33 อาจจะแบบบางคนเจ้าตัวเจ้าตัวบางทีจะมาดู
00:04:33 → 00:04:36 ไม่ออกแต่เพื่อนหรืออะไรคนรอบข้างก็จะรู้
00:04:36 → 00:04:39 แล้วว่าอีกฝ่ายนึงน่ะเข้าหาด้วยเพราะว่า
00:04:39 → 00:04:42 ชอบแล้วนะอะไรเงี้ยแต่เจ้าตัวก็จะแบบไม่
00:04:42 → 00:04:44 อะไรอย่างงี้ใช่มบางทีเรามองตัวเองเรามอง
00:04:44 → 00:04:47 ไม่ออกนะคะแต่คนรอบข้างเนี่ยเมองเมองออกอ
00:04:47 → 00:04:51 นะฮะใช่ๆอ่ะลองดูอ่านะคะเราลองมาดูว่าโดย
00:04:51 → 00:04:54 ปกติเนี่ยการบอกรักด้วยคำพูดดีๆเนี่ยมัน
00:04:54 → 00:04:57 มีเยอะแยะใช่มั้ยคะเช่นสมมุติว่าเจอหน้า
00:04:57 → 00:05:02 ก็เหนื่อยมยนะฮะมีอะไรเล่าให้ฟังได้นะนะ
00:05:02 → 00:05:05 คะหรือวันนี้เป็นไงบ้างนะคะห่วงนะให้
00:05:05 → 00:05:08 กำลังใจอยู่นะตรงเนี้ยอะไรเงี้ยนี้ก็คือ
00:05:08 → 00:05:11 การบอกสิ่งดีๆนะคะนี้ถ้าเราไม่ใช้คำพูด
00:05:11 → 00:05:14 เราจะใช้ภาษากายแทนมันเริ่มจากอะไรได้
00:05:14 → 00:05:18 บ้างนะคะเยอะแยะเลยอย่างแรกค่ะสีหน้าค่ะ
00:05:18 → 00:05:21 สีหน้าเราเนี่ยเคยได้ยินมั้ยคะโบราณเนี่ย
00:05:21 → 00:05:25 เวลาเบอกอเด็กคนนี้ชอบชักสีหน้านะฮะพอทำ
00:05:25 → 00:05:28 อะไรพอใจไม่พอใจเนแๆหน้ามันจึ๊กเลยนะฮะ
00:05:28 → 00:05:31 เพราะนั้นสีหน้าเนี่ยมันแสดงออกผ่านทางสี
00:05:31 → 00:05:35 หน้านะคะหรือท่าทางของของกิริยาในใบหน้า
00:05:35 → 00:05:40 เนี่ยการสายตาอะไรต่างๆเหล่าเนะคะเช่นสี
00:05:40 → 00:05:43 หน้าเนี่ยว่ากำลังตั้งใจฟังสนใจนะคะหรือ
00:05:43 → 00:05:47 ตื่นเต้นที่ได้พบหรือรอยยิ้มนะคะบางคน
00:05:47 → 00:05:50 เนี่ยพอหันมาแล้วอูตาเป็นประกายเลยนึกออก
00:05:50 → 00:05:52 มั้ยคะไอ้สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในเครื่อง
00:05:52 → 00:05:55 หน้าเราทั้งหมดเลยเกี่ยวกับสีหน้าแต่ถ้า
00:05:55 → 00:05:57 เกิดเป็นคนหน้าตายล่ะคะแบบว่าไม่ไม่ค่อย
00:05:57 → 00:06:01 แสดงออกซึ่งสีหน้าดแบบดูมันจะมีแวบนึงค่ะ
00:06:01 → 00:06:04 มันจะมีแวบนึงคนที่หน้าตายเนี่ยแต่เเหัน
00:06:04 → 00:06:06 มาเห็นอะไรที่เถูกใจเนี่ยตาเจะเป็นประกาย
00:06:06 → 00:06:10 ขึ้นมานิดนึงในเสี้ยววินาทีอะไรเงี้โอ
00:06:10 → 00:06:12 เสี้ยววินาทีต้องสังเกตสุดๆอันนี้อันนี้
00:06:12 → 00:06:14 มันต้องอ่าใช้คำว่าอะไรมันอยู่ที่การฝึก
00:06:14 → 00:06:17 ฝนการสังเกตด้วยนะคะแต่ไม่ได้แปลว่าทุกคน
00:06:17 → 00:06:19 จะต้องมาฝึกฝนเก่งมันไม่ได้มีเรื่องนี้
00:06:19 → 00:06:22 เรื่องเดียวอ้าต่อไปที่เห็นได้ชัดเลยสาย
00:06:22 → 00:06:27 ตาค่ะนะฮะสายตาเนี่ยถ้าเราชอบใครเนี่ยคนๆ
00:06:27 → 00:06:30 นั้นมักจะอยู่ในสายตาเราเสมออคือเขจะทำ
00:06:30 → 00:06:33 อะไรก็แอบมองอยู่เรื่อยอ่ะเห็นตลอดอ่านะ
00:06:33 → 00:06:35 ฮะเพราะเขาบอกว่าสายตาเนี่ยเป็นหน้าต่าง
00:06:35 → 00:06:39 ของหัวใจเราลองดูซิคะว่าคนที่เขาคส่งสาย
00:06:39 → 00:06:42 ตามาเนี่ยมันเป็นสายตาของความห่วงใยมยรัก
00:06:42 → 00:06:46 ใคร่มยนะฮะหรือว่ามันเป็นสื่อรักมั้ยส่ง
00:06:46 → 00:06:50 สายตามาแบบอ่อนโยนมั้ยคอยสบตาเราพอเราหัน
00:06:50 → 00:06:53 ไปเห็นปั๊บหลบทันทีอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:06:53 → 00:06:57 หรือว่าจ้องจนเราแทบจะละลายเลยนะฮะหรือ
00:06:57 → 00:07:00 ว่าแอบมองบ่อยๆหันไปทีไรก็แอบแอบมองอีก
00:07:00 → 00:07:02 แล้วแอบมองอีกแล้วคือแสดงว่าหันไปปหันไป
00:07:02 → 00:07:05 นรเนี่ยเห็นเขามองเราตลอดเกือบอย่างนั้น
00:07:05 → 00:07:08 เลยล่ะค่ะเเท่าที่ทำได้แต่สนใจแบบไหนอีก
00:07:08 → 00:07:11 เรื่องนึงแต่ว่าสายตามันสื่อมาแล้วอ่านะ
00:07:11 → 00:07:14 ฮะว่ามันอยู่ในสายตาเจึงบอกว่าขอให้ได้
00:07:14 → 00:07:16 มองเหอะก็มีความสุขแล้วอะไรอย่างเงี้ยใน
00:07:16 → 00:07:19 บางคนน่ะเพราะฉะนั้นอันเนี้ยมันเห็นได้
00:07:19 → 00:07:22 ชัดนะฮะในเรื่องของสายตาซึ่งถึงบอกว่าตัว
00:07:22 → 00:07:25 เราเองเนี่ยพอเราหันไปทีไรเาก็หลบแต่คน
00:07:25 → 00:07:27 อื่นเห็นไงคะนึกออกมั้ยที่บอกว่าคนรอบ
00:07:28 → 00:07:31 ข้างเราเนี่ยจะรู้ก่อนเราใช่ๆเพเราหันไป
00:07:31 → 00:07:34 ทีเก็มองเราแล้วอะไรอย่าเงี้หรือว่าแบบ
00:07:34 → 00:07:36 สายตาที่เามองอ่ะมองไม่ได้เหมือนกับมอง
00:07:36 → 00:07:41 เื่อนใช่ใช่มันมีสายตาอีกแบบหนึ่งนะฮะค่ะ
00:07:41 → 00:07:45 อันต่อจากสายตาคือน้ำเสียงนะฮะน้ำเสียง
00:07:45 → 00:07:47 เนี่ยเราจะเห็นว่าเวลาที่เราชอบใครเนี่ย
00:07:47 → 00:07:50 เห็นมยมันมีเสียง 1 เสียง 2 พูดกับเพื่อน
00:07:50 → 00:07:52 เสียงนึงพอคนนี้ปั๊บกลายเป็นเสียงหวาน
00:07:53 → 00:07:55 ขึ้นมาเลยบางคนมีเสียง 3 เสียง 4 อะไร
00:07:55 → 00:07:58 เงี้ยนะคะเพราะฉะนั้นน้ำเสียงเนี่ยมันก็
00:07:58 → 00:08:01 แสดงความห่วงใยได้
00:08:01 → 00:08:04 อื
00:08:04 → 00:08:08 ก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาทันทีใช่ค่ะนะฮะอันต่อ
00:08:08 → 00:08:11 ไปค่ะอ่าการแสดงออกเป็นภาษากายอย่างหนึ่ง
00:08:11 → 00:08:15 ก็คือเราจะต้องเอามือไปทำใช่มคะเช่นภาษา
00:08:15 → 00:08:20 กายก็คือการใช้บทเพลงนะฮะเดี๋ยวนี้มัน
00:08:20 → 00:08:22 เป็นยุคของอิเล็กทรอนิกส์ใช่ั้ยคะอาจจะ
00:08:22 → 00:08:24 ส่งเพลงให้ทาง Line ที่จะบอกความในใจอะไร
00:08:24 → 00:08:27 บางอย่างเนี่ยเพลงประเภทแอบมองเธอมาตั้ง
00:08:27 → 00:08:31 นานหรือรู้มว่าอะไรทำนองเนี้ยก็มีความ
00:08:31 → 00:08:34 หมายดีๆค่านะคะก็ส่งไปตามเสียงเพลงหรือ
00:08:34 → 00:08:37 บางทีบางคนก็อาจจะถ้าเป็นคนที่ร้องเพลง
00:08:37 → 00:08:40 เป็นหรือว่าเล่นดนตรีเป็นก็อาจจะสื่อรัก
00:08:41 → 00:08:43 ด้วยเสียงเพลงอะไรพวกนี้ก็ได้โหสุด
00:08:43 → 00:08:47 โรแมนติกค่ะอันต่อไปค่ะรอยยิ้มนะฮะรอย
00:08:47 → 00:08:50 ยิ้มที่ส่งมาเนี่ยมันแสดงความอบอุ่นจริง
00:08:50 → 00:08:54 ใจนะฮะเหมือนกับพูดเป็นภาษาคำพูดก็คือ
00:08:54 → 00:08:59 เหนื่อยมั้ยอ่ะนี่ให้กำลังใจอยู่นะออย
00:08:59 → 00:09:03 อยากจากไปไหนเลยอ่ะนะโอ้โหดีต่อใจมากๆนะ
00:09:03 → 00:09:06 คะในสิ่งที่รอยยิ้มพวกเนี้ยนะคะที่มันส่ง
00:09:06 → 00:09:09 มาแบบนั้นน่ะไม่ใช่ยิ้มแบบหรือโหดหรือ
00:09:09 → 00:09:13 ยิ้มแบบเี่ยมเกรียมอะไรอย่างเงี้ยนะคะค่ะ
00:09:13 → 00:09:16 อันต่อไปค่ะอันนี้ก็จะใช้กันอยู่บ่อยๆเลย
00:09:16 → 00:09:20 ก็คือพยายามอยู่ใกล้ๆนะฮะเดินผ่านไปผ่าน
00:09:20 → 00:09:22 มาอยู่เรื่อยแหละอเดี๋ยวก็มาหาเดี๋ยวก็มา
00:09:22 → 00:09:24 หาเดี๋ยวก็หาเรื่องมาแถวๆนี้อีกแล้วอะไร
00:09:24 → 00:09:28 อย่างเงี้ยนะคะหาโอกาสมาพบนะคะคอยแอบมอง
00:09:28 → 00:09:31 แอบดูสสบตาอะไรอย่างเงี้ยนะคะเดินผ่าน
00:09:31 → 00:09:35 บ่อยๆนะคะอ่ะอันต่อไปก็คือพยายามเข้ามา
00:09:36 → 00:09:38 ใกล้ๆนอกจากเดินผ่านแล้วนะพยายามเข้ามา
00:09:38 → 00:09:41 ใกล้ๆมาหยิบนู่นหยิบนี่นะคะหรือเวลายืน
00:09:41 → 00:09:44 คุยกันก็พยายามจะโน้มตัวมาใกล้ๆอะไรทำนอง
00:09:44 → 00:09:47 เนี้ยนะคะให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ใน
00:09:47 → 00:09:50 ปกตินะคะอ่าอาจารย์แล้วถ้าเกิดสมมุติแบบ
00:09:50 → 00:09:54 มาแนวแบบหยอกๆมาแกล้งๆอย่างงี้อ่ะจะด้วย
00:09:54 → 00:09:57 ด้วยอันนี้ก็ใช่แต่ว่าต้องดูให้ดีนะฮะ
00:09:57 → 00:09:59 ต้องดูให้ดีมันบางทีมันเข้าเร็วเกไปนี้
00:09:59 → 00:10:02 เราจักไกลๆเราค่อยๆเข้ามาแล้วนะค่อยๆเข้า
00:10:02 → 00:10:06 มาแล้วนะนะฮะโน้มตัวมาใกล้ๆนะคะอันต่อไป
00:10:06 → 00:10:09 คือแสดงความใส่ใจแม้แต่เรื่องเล็กน้อยนะ
00:10:09 → 00:10:13 ผิดปกติกว่าท่วไปเอาใจใส่เช่นเอ่อมันแสดง
00:10:13 → 00:10:16 ถึงความแคร์เช่นพอเห็นแล้วมาเหนื่อยๆอ่ะ
00:10:16 → 00:10:19 มาแล้วกาแฟเย็นมาและนะคะหรือพอรู้ว่าเรา
00:10:19 → 00:10:22 หาก้มหานั่นหานี่อยู่อ่ะทิชชู่มาแลอะไร
00:10:22 → 00:10:25 อย่างเงี้ยรู้ไปหมดว่าอยากได้อะไรเือเรา
00:10:25 → 00:10:28 เขียนๆอยู่อ่ะหมึกหมดเราสลัดๆอ้าปากกา
00:10:28 → 00:10:31 วิ่งมาะอย่างเงี้ยก็ไม่ทำงานหรอคะนี่คือ
00:10:31 → 00:10:33 เนี่ยแหละค่ะมันก็พยายามจะใสใจกับเรื่อง
00:10:33 → 00:10:35 เล็กๆน้อยๆหรือสิ่งที่เราพูดไว้ว่าเราได้
00:10:35 → 00:10:38 ยินเสียงแล้วเพะว่าแหมวันนี้เปรี้ยวปาก
00:10:38 → 00:10:40 อยากกินฝรั่งดองจังเลยอะไรอย่างเงี้ยอ่า
00:10:40 → 00:10:43 บ่ายฝรั่งดองมาและอะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
00:10:43 → 00:10:47 ทำนองนั้นน่ะค่ะค่ะนะคะอันต่อไปก็คือจับ
00:10:47 → 00:10:50 มือนะคะอันนี้ใกล้เข้ามาอีกแล้วนะการจับ
00:10:51 → 00:10:54 มือเนี่ยยิ่งยิ่งการจับมือแบบประสานนิ้ว
00:10:54 → 00:10:57 กันน่ะสอดนิ้วกันแน่นๆเนี่ยนะคะมันจะเป็น
00:10:57 → 00:11:01 ลักษณะที่บอกความหมายลึกซึ้งนะคะการจับ
00:11:01 → 00:11:03 มือเนี่ยที่เราเคยรู้สึกเราเคยออกอากาศไป
00:11:03 → 00:11:07 แล้วนะนะคะว่ามันมันจะบอกว่าจับหลวมๆหรือ
00:11:07 → 00:11:09 จับอะไรแต่เนี่ยมันจะจับแบบรักสุดใจอ่ะ
00:11:09 → 00:11:12 นึกออกมั้ยคะประสานนิ้วกันอยากปกป้องดูแล
00:11:12 → 00:11:15 อยากเดินไปด้วยกันไม่ทอดทิ้งกันนะคะจะ
00:11:15 → 00:11:18 อยู่เคียงข้างกันหรือเสริมพลังใจให้ดีมาก
00:11:18 → 00:11:21 ขึ้นอะไรอย่างเงี้ยซึ่งการจับมือเนี่ยบาง
00:11:21 → 00:11:25 ทีนะมันก็จะมาแบบมุกเนียนๆเช่นจะเดินข้าม
00:11:25 → 00:11:30 ถนนอ่าก็มาคว้ามือทันทีเลยเป็นประมา
00:11:30 → 00:11:34 ขแต่พอถึงถนนแล้วไม่ปล่อยไงไม่ปล่อยไงแอบ
00:11:34 → 00:11:38 จับต่อนะคะแล้วก็ปิดสอดนิ้วแน่นๆอะไร
00:11:38 → 00:11:40 อย่างเงี้ยดูซิว่าผู้หญิงเขาจะว่ายังไง
00:11:40 → 00:11:43 อะไรทำนองเอ่าถ้าผู้หญิงเไม่ว่าไงก็สอด
00:11:43 → 00:11:47 นิ้วให้แน่นขึ้นอะไรอย่างเงี้ยนะฮะค่ะอัน
00:11:47 → 00:11:50 ต่อไปนะฮะการให้นะคะอย่างที่บอกว่าใส่ใจ
00:11:50 → 00:11:53 แล้วเราก็รู้ว่าเขาอยากได้อะไรใช่มั้ยคะ
00:11:53 → 00:11:56 ก็ให้แบบตามใจบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแต่
00:11:56 → 00:11:58 ไม่ใช่ว่าให้ฝ่ายนึงเป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว
00:11:58 → 00:12:01 หรือเป็นฝ่ายให้ฝ่ายเดียวนะคะเพราะฉะนั้น
00:12:01 → 00:12:04 ต้องให้รักให้ใจให้ของเล็กๆน้อยๆในบาง
00:12:04 → 00:12:07 โอกาสอันนี้มันก็จะทำให้เกิดความซับบซึ้ง
00:12:07 → 00:12:09 เกิดความซึ้งใจยิ่งรู้ว่าของไหนที่อยาก
00:12:09 → 00:12:13 ได้เนี่ยมันมีค่าทางใจไม่ใช่จำนวนราคาแต่
00:12:13 → 00:12:17 มันแสดงถึงความใส่ใจนะฮะของกันและกันนะฮะ
00:12:17 → 00:12:19 แล้วก็แสดงถึงว่าเออโชคดีเลยที่เราได้
00:12:19 → 00:12:23 เป็นแฟนกันอะไรทำนองเนี้ยนะคะอันต่อไปค่ะ
00:12:23 → 00:12:27 ก็คือการให้ความสำคัญให้ยังไงคะปฏิบัติ
00:12:27 → 00:12:29 เหมือนเเนี่ยเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
00:12:29 → 00:12:33 เรานะคะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเอ่อไม่แบ่ง
00:12:33 → 00:12:36 ว่าเป็นของเธอเป็นของฉันนะฮะจะมีแต่คำว่า
00:12:36 → 00:12:39 ของเราอยู่ตลอดเวลาอะไรอย่างเงี้ยนะฮะนี่
00:12:39 → 00:12:43 คือให้ความสำคัญค่ะนะคะอันต่อไปเบอกว่า
00:12:43 → 00:12:46 ต้องอ้อนนิดๆนะฮะภาษากายที่แสดงความอ้อน
00:12:46 → 00:12:49 นิดๆไม่ว่าเธอหรือเค้าเนี่ยจะจะได้รู้สึก
00:12:49 → 00:12:53 ถึงความสำคัญแล้วก็การพึ่งพิงกันถ้าผู้
00:12:53 → 00:12:55 หญิงอ้อนผู้ชายเนี่ยผู้ชายจะรู้สึกหัวใจ
00:12:55 → 00:12:59 พองโตเลยนะฮปลื้มที่รู้สึกว่าเอ่อเป็นที่
00:12:59 → 00:13:02 พึ่งหรือว่าเป็นที่ยอมรับของผู้หญิงค่ะ
00:13:02 → 00:13:04 แต่อันนี้ต้องระวังนิดนึงถ้ามากเกินไปนะ
00:13:04 → 00:13:06 คะมันก็จะทำให้รำคาญนะคะเพราะฉะนั้นไม่
00:13:07 → 00:13:10 ใช่ว่าอ้อนทุกเรื่องแต่อ้อนเป็นอ่าอะไร
00:13:10 → 00:13:13 อ่ะพอเป็นกระสัยนะคะให้รู้สึกว่าแหมมัน
00:13:13 → 00:13:15 น่ารักอ่ะมันน่าเอ็นดูไม่ใช่อะไรก็อ้อน
00:13:15 → 00:13:18 ตลอดเงี้มันก็มากไปสำหรับผู้หญิงรุ่นใหม่
00:13:18 → 00:13:22 นะคะค่ะอันต่อไปเห็นมยกระเถิบเข้ามาใกล้
00:13:22 → 00:13:25 เรื่อยๆเรื่อยๆๆๆนะการกอดค่ะอืการกอด
00:13:25 → 00:13:28 เนี่ยมันแปลว่าพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง
00:13:28 → 00:13:31 หรือจะช่วยเหลือนะเพราะฉะนั้นในเวลาเช่น
00:13:31 → 00:13:33 เวลาที่เราเครียดหรือเวลาที่เรากำลังมี
00:13:33 → 00:13:36 ปัญหานะคะมันจะแสดงถึงความห่วงใยความอบ
00:13:36 → 00:13:40 อุ่นมันจะช่วยผ่อนคลายนะคะทำให้ใจเย็น
00:13:40 → 00:13:43 ขึ้นเพราะฉะนั้นมันก็จะมีแล้วก็ข้อสำคัญ
00:13:43 → 00:13:46 มันจะแสดงถึงการปกป้องดูแลนะคะเพราะ
00:13:46 → 00:13:50 ฉะนั้นไม่ว่าเขาจะโอบกอดรูบหัวกอดไหล่นะ
00:13:50 → 00:13:53 คะหรือโอบเอวมันแสดงถึงการปกป้องดูแลทั้ง
00:13:53 → 00:13:56 สิ้นเลยอืนะคะเพราะฉะนั้นการกอดเนี่ยแต่
00:13:56 → 00:13:59 ว่าใหม่ๆเนี่ยอย่างที่บอกนะคะยังเข้าถึง
00:13:59 → 00:14:02 ตัวไม่ยังเพิ่งรู้จักใหม่ๆมาก่อดเลยเนี่ย
00:14:02 → 00:14:04 มันไม่ได้นะถูกมั้ยคะอันนี้หมายถึงความ
00:14:04 → 00:14:08 สัมพันธ์ที่ค่อยๆขยับเข้าไปอ๋อออและสุด
00:14:08 → 00:14:11 ท้ายเลยนะคะที่จะเป็นภาษากายที่ชัดเจน
00:14:11 → 00:14:14 เนี่ยคือการแตะต้องสัมผัสคือคุณสุรีพร
00:14:14 → 00:14:17 ทำไมถึงเอาข้อนี้มาไว้หลังการกอดเนี่ยบาง
00:14:17 → 00:14:19 ทีมันไปยืนแล้วโอบไหล่อย่างเงี้ยมันนิด
00:14:19 → 00:14:22 หน่อยถูกมั้ยคะแต่ว่าการแตะต้องสัมผัส
00:14:22 → 00:14:27 เนี่ยมันมีตั้งแต่การจับมือให้กำลังใจนะ
00:14:27 → 00:14:30 แตะนิดแตะหน่อยอาจะไปแตะแตะศอกแตะสะโพก
00:14:30 → 00:14:32 อะไรก็แล้วแต่มันก็ขึ้นอยู่ความใกล้ชิด
00:14:32 → 00:14:34 หรือความสัมพันธ์ไม่ใช่ว่าเจอกันครั้งแรก
00:14:34 → 00:14:37 บังอาจมาแตะสะโพกเราได้หันไปโดนตบแน่
00:14:37 → 00:14:40 อย่างงี้มันไม่ใช่ถูกมั้ยคะมันต้องค่อยๆ
00:14:40 → 00:14:42 คืบความสัมพันธ์รวมไปจนถึงในเรื่องของการ
00:14:43 → 00:14:46 จุ๊บเบาๆด้วยอุยนะอันนี้มันก็ต้องขั้นที่
00:14:46 → 00:14:48 ยอมรับกันและกันและถูกมั้ยคะเพราะนั้นจะ
00:14:48 → 00:14:51 บอกว่าเป็นการบอกรักที่ค่อนข้างนุ่มนวน
00:14:51 → 00:14:53 แล้วอบอุ่นทีเดียวในเรื่องของการจู่จุ๊บ
00:14:53 → 00:14:56 กันเนี่ยนะคะแต่อย่างที่บอกว่าไม่ใช่เจอ
00:14:56 → 00:14:59 หน้าครั้งแรกแล้วก็ไปจุ๊บเเลยนะพุ่งเหลาว
00:14:59 → 00:15:02 เข้าไปหาเค้าเลยนี่โดนตบแน่นะคะนะฮะเพราะ
00:15:02 → 00:15:05 ฉะนั้นสิ่งเหล่าเนี้ยที่จะใช้ระดับไหนมาก
00:15:05 → 00:15:06 น้อยแค่ไหนเนี่ยมันก็ขึ้นอยู่กับความ
00:15:06 → 00:15:09 สัมพันธ์ว่าเรามีความสัมพันธ์กันระดับใด
00:15:09 → 00:15:12 ถ้าเป็นแฟนหรือคู่รักกันแล้วเนี่ยการบอก
00:15:12 → 00:15:15 ภาษากายบ่อยๆเงี้ยนะฮะมันก็จะแสดงถึงความ
00:15:15 → 00:15:18 ดีงามที่มีต่อความสัมพันธ์กันแล้วก็เพิ่ม
00:15:18 → 00:15:21 พูนความรักขึ้นเรื่อยๆจะมากจะน้อยที่ไหน
00:15:21 → 00:15:25 ก็ขึ้นอยู่กับสถานะที่เราคบหากันค่ะนะคะ
00:15:25 → 00:15:27 เพราะอย่างที่บอกว่าพอเริ่มคบกันแล้ว
00:15:27 → 00:15:29 เริ่มเริ่มรู้แล้วว่าเชอบเราอย่างที่บอก
00:15:29 → 00:15:32 เมื่อกี้นี้ว่าจูงมือเนี่ยข้ามถนนเนี่ย
00:15:32 → 00:15:35 ค่ะพอพอถึงปลายถนนแล้วไม่ปล่อยค่อยๆขยับ
00:15:35 → 00:15:38 ซิว่ามาจับมือถ้าผู้หญิงเยอมจับด้วยอ่ะก็
00:15:38 → 00:15:41 แสดงว่าสัมพันธ์มันคืบอ่าจากจับมือธรรมดา
00:15:41 → 00:15:44 ก็สอดนิ้วประสานกันเลยแล้วไม่ปล่อยเลย
00:15:44 → 00:15:47 เงี้ยอ่ามันก็ค่อยๆเขยิบเข้าไปเขยิบเข้า
00:15:47 → 00:15:50 ไปเขยิบเข้าไปให้เหมาะกับการละเทศะและ
00:15:50 → 00:15:52 จังหวะด้วยกลัวว่าพอข้ามถนนไปเสร็จปุ๊บ
00:15:52 → 00:15:57 ปล่อยมืออ้าอ้าวฉันคิดไปเองอ่านะฮะก็ต้อง
00:15:57 → 00:15:59 ดูเห็นมั้ยฮะเห็นมคุณสุยังบอกเลยว่าถ้า
00:15:59 → 00:16:03 ปล่อยมือฉันก็แปลว่าฉันคิดไปเองอ่าก็ดู
00:16:03 → 00:16:06 กันต่อไปนะไม่รู้อย่างบางคนนี่มาแนวแบบ
00:16:06 → 00:16:08 ว่าเอ๊ะยังไงเอ๊ะยังไงแต่สุดท้ายไม่มี
00:16:08 → 00:16:12 อะไรเฉยก็มีนะคะก็ใช่ค่ะเพราะว่าเค้าเอง
00:16:12 → 00:16:14 ต้องต้องใช้คำว่าผู้ชายเองเค้าก็ยังอยู่
00:16:14 → 00:16:18 ในวัยก้ำกึ่งถูกมั้ยคะอาจจะดูท่าทีเราอาจ
00:16:18 → 00:16:21 จะดูท่าทีเราแล้วก็บางทีก็ไม่แน่ใจตัวเอง
00:16:21 → 00:16:24 เหมือนกันว่าจะใช่มั้ยอ่ามันก็ต้องค่อย
00:16:24 → 00:16:27 ค่อยๆเขยิบเข้าไปเขยิบเข้าไปแต่ยังไงก็
00:16:27 → 00:16:29 ตามเี่ใช้ภาษากายยังไงก็ตามเนี่ยผู้หญิง
00:16:30 → 00:16:32 ส่วนใหญ่ก็ยังต้องการความมั่นใจโดยการให้
00:16:32 → 00:16:36 ใช้คำพูดด้วยในที่สุดเข้าใจมั้ยคะไม่ใช่
00:16:36 → 00:16:39 ว่าออผู้ชายตามดูแลแต่ไม่เคยพูดสักคำว่า
00:16:39 → 00:16:42 รักไม่รักอ่ะเออนึกออกมั้ยฮะค่ะก็ทำให้
00:16:42 → 00:16:46 ผู้หญิงไม่มั่นใจอยู่นั่นแหละอนะฮะก็แล้ว
00:16:46 → 00:16:48 ผู้ชายก็จะบอกว่าก็รู้อยู่แล้วว่าทำทั้ง
00:16:48 → 00:16:50 หมดเนี้ยก็แปลว่ารักก็ไม่เคยพูดตรงๆสักคำ
00:16:50 → 00:16:54 นึงอ่ะคำว่ารักนี่ออกมายากผู้หญิงก็จะจะ
00:16:54 → 00:16:56 จะกังวลอยู่ตลอดเวลาหรือไม่มั่นใจอยู่
00:16:56 → 00:16:59 ตลอดเวลาเออว่าเครักเราหรือเปล่าใช่มคะ
00:16:59 → 00:17:01 เพราะฉะนั้นคือจริงๆภาษากายอ่ะถ้าแสดงออก
00:17:01 → 00:17:05 ได้ด้วยก็ดีมีคำพูดด้วยก็ดีแต่ทั้งนี้
00:17:05 → 00:17:07 ทั้งนั้นคือเหมือนกับว่าก็ต้องดูว่าความ
00:17:07 → 00:17:10 จริงใจจากคำพูดหรือการกระทำเนี่ยใช่เพราะ
00:17:10 → 00:17:12 ว่าผู้ชายบางคนก็บอกคำว่ารักง่ายเหลือ
00:17:12 → 00:17:16 เกินถูกมั้ยคะนะคะโดยเฉพาะพวกที่ขี้หลอก
00:17:16 → 00:17:19 ทั้งหลายอ่ะอ่าฟันแล้วทิ้งอ่ะนะฮะประเภท
00:17:19 → 00:17:22 หลอกฟันแล้วทิ้งเนี่ยจะพูดคำรักง่ายเหลือ
00:17:22 → 00:17:25 เกินคนประเภทเนี้ยค่ะแล้วเราเราก็จะไปอ่า
00:17:25 → 00:17:29 นับความสำคัญกับคำว่ารักของเขาคข้างมาก
00:17:29 → 00:17:31 เลยนะถึงแม้แต่แบบอย่างบางคนจริงใจการ
00:17:31 → 00:17:34 กระทำก็มีนะแต่แบบแค่ไม่ได้พูดเราก็ค่ะ
00:17:34 → 00:17:38 บางคนแบบว่าอยากให้พูดมากกว่าบอกกชัดๆใช่
00:17:38 → 00:17:42 ค่ะก็ต้องการความมั่นใจเห็นมั้ยคะอแต่ว่า
00:17:42 → 00:17:44 อันนี้เราก็เป็นลักษณะของการสังเกตได้
00:17:44 → 00:17:47 อยู่ตลอดใช่มยคะใช่ค่ะระดับนึงระดับนึง
00:17:47 → 00:17:50 ระดับนึงแต่แหมคบกันมาสมมุติ 3 ปี 5 ปี
00:17:50 → 00:17:52 แล้วยังไม่เคยพูดคำว่ารักเนี่ยแล้วจะเอา
00:17:52 → 00:17:55 ยังไงเพราะผู้หญิงสมัยนี้ต้องการสถานะถูก
00:17:55 → 00:17:58 มั้ยคะนี่เราเป็นแฟนกันหรือยังล่ะเราเป็น
00:17:58 → 00:18:00 อะไรกันหรือยังล่ะถ้ายังไม่ใช่เธอก็คือ
00:18:00 → 00:18:03 เพื่อนนะอะไรอย่างเงี้ยเอ๋อคือมันจะต่าง
00:18:03 → 00:18:06 กับในในยุคของสุรีพรหรรือเปล่าเพราะว่า
00:18:06 → 00:18:09 เด็กสมัยนี้คืออ่าชัดเจนค่ะครบก็ครบไม่
00:18:09 → 00:18:13 ครบก็คือไม่ครบการการให้เกียรติกันอันนี้
00:18:13 → 00:18:15 มันมันเป็นส่วนสำคัญมากเพราะูคุณแสดงท่า
00:18:15 → 00:18:18 ทีออกมาแบบนี้เพื่อนฉันดูออกทั้งหมดและ
00:18:18 → 00:18:22 แต่ปรากฏว่าอ้าอไม่บอกว่าไม่มีอะไรไม่มี
00:18:22 → 00:18:25 อะไรอะไรแบบนี้ก็มีหรือแบบอันนี้ถาม
00:18:25 → 00:18:27 อาจารย์เลยเพราะว่าก็ไม่รู้ว่าเป็นความ
00:18:27 → 00:18:29 กลุ้มกริ่มหรือเปล่าเพราว่าเราเป็นคนนอก
00:18:29 → 00:18:32 ที่ดูเพื่อนเราอะไรแบบนี้นะคะก็จะมีคนค
00:18:32 → 00:18:35 นึงแบบอ่ะเขาคเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัย
00:18:35 → 00:18:38 เรียนแล้วแหละนะคะแต่ว่าก็อ่าฝ่ายหญิงก็
00:18:38 → 00:18:41 มีครอบครัวและนะคะฝ่ายชายอันนี้ไม่แน่ใจ
00:18:41 → 00:18:45 นะแต่ก็มาหาอยู่เรื่อยๆเดี๋ยวก็เอาอัน
00:18:45 → 00:18:47 นู้นมาฝากเอาอันนี้มาฝากอะไรอย่าเงี้ยเรา
00:18:47 → 00:18:50 ก็รู้สึกว่าเอ๊ะยังไงเค้าคิดอะไรหรือ
00:18:50 → 00:18:54 เปล่าเพราะมันแบบเรารู้สึกว่ามันดูผิด
00:18:54 → 00:18:57 ปกติแต่แต่ฝั่งฝั่งเพื่อนเราก็จะบอกว่า
00:18:57 → 00:19:01 เอ้ยไม่นะไม่ได้มีอะไรก็รุ่นพี่รุ่นน้อง
00:19:01 → 00:19:03 กันมาตั้งแต่สมัยเรียนสนิทกันอะไรเงี้ย
00:19:03 → 00:19:07 แต่แต่เรารู้สึกว่าอือืยังไงอะไรอย่าง
00:19:07 → 00:19:10 เงี้ยคคือถ้าแค่เอาของมาฝากเนี่ยมันก็
00:19:10 → 00:19:14 เป็นเป็นเอ่อมิตรสหายที่ที่ที่รักกันมา
00:19:14 → 00:19:18 ก่อนมากๆได้นะฮะแต่เค้ามีท่าทีอื่นมั้ย
00:19:18 → 00:19:21 ล่ะนะต้องดูท่าทีอื่นประกอบด้วยเช่นสายตา
00:19:21 → 00:19:23 ที่เค้ามองหรือคำพูดหรืออะไรอย่างเนี้ย
00:19:23 → 00:19:27 ว่ามาแนวไหนนะคะหรือถ้าคนของเราที่
00:19:27 → 00:19:30 ครอบครัวเราเนี่ยสามีเราเริ่มไม่สบายใจ
00:19:30 → 00:19:32 เริ่มไม่พอใจก็ต้องพูดกันตรงๆถ้าเป็น
00:19:32 → 00:19:34 เพื่อนสนิทกันจริงๆต้องพูดกันได้ค่ะออ่า
00:19:34 → 00:19:37 ว่าแบบอันนี้ก็ดูแบบอาจจะไม่ค่อยเหมาะ
00:19:37 → 00:19:40 เท่าไหร่นะอะไรอย่างเงี้แล้วอย่างถ้าเกิด
00:19:40 → 00:19:42 ว่าในกรณีที่เราอยู่กันมานานแล้วค่ะ
00:19:42 → 00:19:45 อาจารย์อยู่เป็นครอบครัวมานานละค่ะสมัย
00:19:46 → 00:19:49 จิบใหม่ๆน่ะมีค่ะสัมผัสเนื้อแตะตตัวความ
00:19:49 → 00:19:52 ห่วงใยใดๆมีค่ะอยู่กันมานานแล้วก็เริ่ม
00:19:52 → 00:19:55 หายๆไปค่ะตรงเนี้ยค่ะเราเราควรจะบอกคู่
00:19:55 → 00:19:59 ของเรามั้ยคะหรือแบบสื่อสารโดยตรงไปเลย
00:19:59 → 00:20:02 ว่าเออช่วงนี้ไม่ค่อยได้กอดกันเลยนะเออ
00:20:02 → 00:20:04 ไม่ค่อยแบเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อนได้ค่ะใน
00:20:05 → 00:20:07 กรณีที่เป็นสามีภรรยากันเนี่ยอยู่เหมือน
00:20:07 → 00:20:10 กันมานานเนี่ยนะฮะก็อาจจะเราเนี่ยแหละ
00:20:10 → 00:20:13 เป็นฝ่ายเริ่มเช่นไปกอดเอวเค้าก่อนหรือไป
00:20:13 → 00:20:15 อะไรไปแตะเนื้อต้องตัวเค้าก่อนก็ได้ใน
00:20:15 → 00:20:18 เมื่อเราเป็นสามีภรรยากันเจะสะบัดมั้ย
00:20:18 → 00:20:21 เนี่ยกลัวก็ได้รู้กันว่าเค้าจะสะบัดมั้ย
00:20:21 → 00:20:24 ใช่มั้ยคะแต่ว่าแต่ว่าโดยปกติแล้วเนี่ย
00:20:24 → 00:20:27 ไม่เอ่อการบอกเฉยๆเนี่ยบางทีผู้หญิงแล้ว
00:20:27 → 00:20:29 ไม่ค่อยกล้าบอก
00:20:29 → 00:20:32 ด้วยคำพูดแต่เราทำด้วยการกระทำได้เช่นเข
00:20:32 → 00:20:35 ยืนอยู่เนี่ยเราก็ไปกอดแขนเ้าหรือไปกอด
00:20:35 → 00:20:38 เอวเขาจากด้านหลังหรืออะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
00:20:38 → 00:20:42 บอกแล้วก็คือระหว่างสามีภรรยามันจะมีโค้ช
00:20:42 → 00:20:45 กันอะไรกันเนี่ยอยู่ในหลายๆคู่นะคะเช่นสต
00:20:45 → 00:20:48 ว่าเราไปกอดเสร็จเออนานๆได้กอดพ่อทีนึง
00:20:48 → 00:20:52 ดี๊ๆอะไรอย่างเงี้ยนะคะเออเราไม่ได้กอด
00:20:52 → 00:20:54 กันมานานแค่ไหนแล้วเนาอะไรอย่าเงี้ยนะคะ
00:20:54 → 00:20:57 มันก็จะมีเทคนิคอะไรกันระหว่างสามีภรรยา
00:20:57 → 00:21:00 นะคะแต่บอกบอกได้เลยว่าเราเริ่มได้นะฮะ
00:21:00 → 00:21:02 ฝ่ายหญิงเองก็เริ่มได้แต่ถ้าไปใช้เป็นคำ
00:21:03 → 00:21:06 พูดหรือบางทีเนี่ยเอาจจะรู้สึกเขินพออายุ
00:21:06 → 00:21:09 เยอะขึ้นอะไรเงี้ยนะคะรู้สึกเขินที่มัน
00:21:09 → 00:21:11 ไม่เหมือนเดิมอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าเราก็
00:21:12 → 00:21:15 เริ่มได้ค่ะเพราะอย่างหลายคู่ที่ันไม่ิพา
00:21:15 → 00:21:19 เอ่อเห็นนะคะแล้วก็ทำอยู่หรือประจักษ์
00:21:19 → 00:21:21 อยู่เนี่ยก็คือเขาคก็จะมีการแตะเนื้อต้อง
00:21:21 → 00:21:24 ตัวกันมันเหมือนเป็นการแสดงความรักเพราะ
00:21:24 → 00:21:28 ว่าพอเวลาที่เราอายุมากขึ้นเนี่ยกิจกรรม
00:21:29 → 00:21:31 บนเตียงเนี่ยมันน้อยลงแต่การที่เราแตะ
00:21:31 → 00:21:33 ต้องสัมผัสกันเนี่ยมันก็เหมือนกับการเป็น
00:21:33 → 00:21:36 การแสดงความรักโดยที่ไม่ต้องมีเซ็กซ์กัน
00:21:36 → 00:21:39 นะฮะเรียกว่าเป็น outer C เหมือนกันนะฮะ
00:21:39 → 00:21:42 มันไม่ได้ต้องเป็นอคสคือการมีเพศสัมพันธ์
00:21:42 → 00:21:46 โดยการสอดใส่เอาเอาอวัยวเพศกันหรอกนะคะ
00:21:46 → 00:21:49 แต่ว่าเราสามารถแตะต้องสัมผัสได้เนี่ยก็
00:21:49 → 00:21:52 ทำให้มีความสุขแล้วนะฮะเพราะฉะนั้นก็
00:21:52 → 00:21:55 เริ่มที่เราก่อนค่ะนะคะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็
00:21:55 → 00:21:57 ได้ค่ะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนได้แม้กระทั่งจะ
00:21:57 → 00:22:00 ไม่เคยแสดงออกอะไรกันมาเลยแบบก็เป็นกัน
00:22:00 → 00:22:03 อย่างงี้มาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยพูดไม่เคย
00:22:03 → 00:22:06 แสดงออกของขวัญก็ไม่มีอะไรพิเศษก็ไม่ให้
00:22:06 → 00:22:08 อะไรอย่างเงี้ยก็ก็เริ่มก่อนได้ก็เริ่ม
00:22:08 → 00:22:12 ก่อนค่ะแล้วก็ค่อยๆขยับไปเรื่อยๆหรือมัน
00:22:12 → 00:22:14 มันต้องเติมความหวานให้กับชีวิตเราบ้าง
00:22:14 → 00:22:16 อะไรอย่างนี้เป็นต้นอก็เขินๆดีเหมือนกัน
00:22:16 → 00:22:19 นะคนไม่เคยทำอะไรอย่างเงี้ยนะแต่คิดว่าคน
00:22:19 → 00:22:22 หนุ่มสาวสมัยเนี้ยจนกระทั่งไปจนถึงอายุ
00:22:22 → 00:22:24 เยอะๆแล้วเนี่ยเป็นคนรุ่นใหม่แล้วนะคะก็
00:22:24 → 00:22:28 คือเข้าใจสิ่งเหล่านี้มากขึ้นแล้วก็กล้า
00:22:28 → 00:22:31 ที่จะแสดงออกมากขึ้นนะมันไม่เหมือนยุคเรา
00:22:31 → 00:22:34 ที่แม้แต่ผู้หญิงเนี่ยจะมารักผู้ชายเนี่ย
00:22:34 → 00:22:37 จะเอ่ยปากนี่ยังดูไม่ดีแล้วเลยนะเดี๋ยว
00:22:37 → 00:22:40 เนี้ยเถามกันตรงๆได้เลยว่าคิดอะไรกับเราึ
00:22:40 → 00:22:43 เปล่าอ่าถูกมั้ยคะเพราะฉะนั้นก็คือให้
00:22:43 → 00:22:46 โอกาสที่จะพูดกันแฟรงๆแฟรๆได้มากขึ้นที่
00:22:46 → 00:22:49 ไม่ได้ดูว่าผู้หญิงเนี่ยโอไม่ใช่กุลสตรี
00:22:49 → 00:22:51 เลยอะไรเงี้ยอันนี้ไม่ได้พูดถึงการแรด
00:22:51 → 00:22:54 หรือการไปอ่อยเหยื่อเคนะฮะแต่แต่การที่มี
00:22:54 → 00:22:56 คนเข้ามาแล้วเราพูดกันตรงๆเนี่ยก็ไม่ใช่
00:22:57 → 00:22:59 เรื่องเสียหายในปัจจุบันได้ไม่ต้องเสีย
00:22:59 → 00:23:03 เวลาด้วยคือถ้าเกิดว่าเธอจะจีบก็จีบว่าไป
00:23:03 → 00:23:05 ฉันก็มีคนคุยอยู่หลายคนนะว่าไปอะไรงี้ใช่
00:23:05 → 00:23:08 มั้ยคะเออหรือแม้กระทั่งการระวังตัว
00:23:08 → 00:23:10 เกี่ยวกับเรื่องของคนที่อาจจะเข้ามาแล้ว
00:23:10 → 00:23:12 แบบแตะเนื้อต้องตัวเดี๋ยวแตะเดี๋ยวแตะ
00:23:12 → 00:23:15 เดี๋ยวแตะเอ๊ะแบบดูผิดอชักจะเริ่มว่าเอ๊ะ
00:23:15 → 00:23:18 มันจะเป็นการคุกคามทางเพศหรือเปล่าอ่ามัน
00:23:18 → 00:23:21 ก็ต้องดูไปใช่ดูหลายๆส่วนนะคะก็ต้องใช้
00:23:21 → 00:23:25 เวลาเนาะในการที่จะดูว่าแบบหัดสังเกตค่ะ
00:23:25 → 00:23:27 หัดสังเกตแล้วก็ดูปฏิกิริยาดูอะไรหลายๆ
00:23:27 → 00:23:29 อย่าง
00:23:29 → 00:23:34 เป็นวิธีรักแบบภาษกายในหลหรปแบบจอยู่วง
00:23:34 → 00:23:38 นอกแล้วก็ค่อยยิบเข้ามาวงในนะคะพิจารณาดู
00:23:38 → 00:23:40 แล้วกันนะคะคุณผู้ฟังแต่ถ้าใครไม่เคยบอก
00:23:40 → 00:23:43 รักด้วยภาษากายเลยก็ลองดูค่ะขอบคุณ
00:23:43 → 00:23:47 อาจารย์ค่ะสวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้
00:23:47 → 00:23:49 ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้านะคะวันนี้ลาไปก่อน
00:23:49 → 00:23:51 สวัสดี
00:23:51 → 00:23:55 ค่ะ to PS บางครั้งคนเราก็มีอารเบื่อ
00:23:55 → 00:23:59 อาหารได้แต่มีออะไบงที่หาหมอเพื่อประเมิน
00:23:59 → 00:24:01 อาการเบื้องต้นก่อนแพทย์หญิงกิตยาศรีเลิศ
00:24:01 → 00:24:04 ฟ้าแพทย์อายุรกรรมฝ่ายการแพทย์ AIA มา
00:24:05 → 00:24:08 เล่าให้ฟังครับเบื่ออาหารหรือว่า loss of
00:24:08 → 00:24:11 appetite เนี่ยนะอาจจะอาการไม่รู้สึก
00:24:11 → 00:24:15 อยากอาหารนะหรือความต้องการรับประทานลดลง
00:24:15 → 00:24:19 บางครั้งก็หิวแหละแต่ไม่อยากทานอะไรเลยนะ
00:24:19 → 00:24:22 คะไม่อยากกินหรือปฏิเสธอาหารที่เคยชอบ
00:24:22 → 00:24:25 หรือปฏิเสธการกินอาหารในปริมาณปกติโดยที่
00:24:25 → 00:24:27 ไม่ได้เกิดจากการเบื่ออาหารที่รู้สึกว่า
00:24:27 → 00:24:30 เกิดจากการกินกินซ้ำกินบ่อยหรือจำเจจนไม่
00:24:30 → 00:24:32 อยากกินผู้ที่เบื่ออาหารเนี่ยอาจจะมี
00:24:32 → 00:24:35 อาการอื่นๆร่วมด้วยเช่นน้ำหนักลดหรือขาด
00:24:35 → 00:24:38 สารอาหารได้อาการเบื่ออาหารเนี่ยเป็น
00:24:38 → 00:24:41 อาการที่ไม่ควรมองข้ามนะอาจจะเป็นน้อยๆ
00:24:41 → 00:24:45 หรืออาจจะเป็นนานจนร่างกายมีการเปลี่ยน
00:24:45 → 00:24:49 แปลงอาจจะเป็นเรื่องของโรคร้ายที่มีอยู่
00:24:49 → 00:24:52 ก็ได้อืเพราะฉะนั้นถ้าอยู่ๆคุณเกิดเบื่อ
00:24:52 → 00:24:55 อาหารขึ้นมาทั้งที่ปกติเป็นคนชอบกินเนี่ย
00:24:55 → 00:24:59 ก็ต้องหาสาเหตุแล้วแหละควรจะต้องพบแพทยนะ
00:24:59 → 00:25:02 เพื่อปรึกษาหรือว่ารับการรักษานะเช่นมี
00:25:02 → 00:25:04 คลื่นไส้ร่วมด้วยนะเบื่ออาหารแล้วคลื่น
00:25:04 → 00:25:08 ไส้รับประทานอาหารไม่ได้หลายวันค่ะนะคะ
00:25:08 → 00:25:12 น้ำหนักลดลง 2 กกหรือมากกว่าหรือน้ำหนัก
00:25:12 → 00:25:15 ลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุนะคะ
00:25:16 → 00:25:18 ซึ่งในทางการแพทย์เนี่ยหมายความว่าน้ำ
00:25:18 → 00:25:20 หนักที่ลดลงเนี่ยใน 1 เดือนเนี่ยลดมาก
00:25:20 → 00:25:24 กว่า 5% เนี่ยถือว่าผิดปกติหรือใน 3
00:25:24 → 00:25:27 เดือนลดลงมากกว่า 10% ปัสสาวะออกน้อยหรือ
00:25:27 → 00:25:30 ปัสสาวะวกระปิบกระปอยกลิ่นแรงรวมทั้ง
00:25:30 → 00:25:33 ปัสสาวะสีเข้มนะเพราะว่าเบื่อหาแล้วก็ไม่
00:25:33 → 00:25:37 ไม่ไม่ไม่ทานน้ำด้วยไงเจียนมากกว่า 24 ชม
00:25:37 → 00:25:41 ไม่สามารถดื่มน้ำหรือคืนของเหลวได้อ่ามี
00:25:41 → 00:25:43 ภาวะขาดประจำเดือนอาจจะต้องปรึกษาคุณหมอ
00:25:43 → 00:25:44 แล้ว
00:25:44 → 00:25:46 [เพลง]
00:25:46 → 00:25:50 แหละ This Is Toy PBS
00:25:50 → 00:25:54 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:25:54 → 00:25:58 แอปพลิเคชันของไย PBS podcast spotify
00:25:58 → 00:26:01 CL Google podcast Apple podcast
00:26:01 → 00:26:04 และ YouTube Channel Thai PBS podcast
00:26:04 → 00:26:07 Thai PBS podcast View the world
00:26:07 → 00:26:09 via The
00:26:09 → 00:26:17 [เพลง]
00:26:17 → 00:26:20 Voice