00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับตอนนี้เนี่ยผมก็เห็นมีการโพสต์
00:00:03 → 00:00:05 เกี่ยวข้องกับเชื้อตัวนึงซึ่งกำลังระบาด
00:00:05 → 00:00:08 อยู่ชื่อว่าไมโครพลาสมานะครับแล้วหลายคน
00:00:08 → 00:00:11 ก็คงจะกังวลว่าไอ้เชื้อตัวนี้เนี่ยมันจะ
00:00:11 → 00:00:13 ติดได้ยังไงนะครับแล้วนานมยกว่าจะแสดง
00:00:13 → 00:00:17 อาการมันเป็นเชื้ออะไรกันแน่เรารักษายัง
00:00:17 → 00:00:19 ไงบ้างแล้วเราป้องกันมันได้หรือเปล่านะ
00:00:19 → 00:00:21 ครับวันนี้ผมจะเล่าให้ฟังเลยนะครับพบกับ
00:00:21 → 00:00:23 ผมนะครับนายแพทย์ธนีธนียวันเป็นอาจารย์
00:00:23 → 00:00:25 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญ
00:00:25 → 00:00:29 โรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:00:29 → 00:00:31 ก่อนอื่นนะครับผมต้องก่อให้ทุกคนเรียก
00:00:31 → 00:00:35 ชื่อเชื้อตัวนี้ให้ถูกเสียก่อนมันชื่อว่า
00:00:35 → 00:00:36 ไมโครพลาสมา
00:00:37 → 00:00:40 myco แล้วก็พลาสมาไม่ใช่
00:00:40 → 00:00:44 ไมโครพลาสมาคนละอย่างกันนะครับเชื้อ
00:00:44 → 00:00:47 ไมโครพลาสมามันมีคำแปลครับไมโครเนี่ยแปล
00:00:47 → 00:00:51 ว่าเชื้อรานะครับพลาสมาเนี่ยแปลว่ารูปแบบ
00:00:51 → 00:00:56 หรือฟอร์มนะครับรวมๆไมโครพลาสมาเนี่ยแปล
00:00:56 → 00:00:58 ว่าเชื้อที่มีรูปแบบการเจริญเติบโตเหมือน
00:00:58 → 00:01:01 ชราเหตุผลที่มันตั้งชื่อเป็นแบบนี้เพราะ
00:01:01 → 00:01:03 ว่าสมัยก่อนตอนที่เขาเพาะเชื้อไอ้ตัวนี้
00:01:03 → 00:01:06 ขึ้นมาครั้งแรกเนี่ยนะครับเไปเจอว่าเวลา
00:01:06 → 00:01:07 มันอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนเนี่ยมันมี
00:01:07 → 00:01:10 ลักษณะการเติบโตที่หน้าตาเหมือนเชราก็เลย
00:01:10 → 00:01:13 เรียกมันว่าไมโครพลาสมานั่นเองนะครับ
00:01:13 → 00:01:16 ไมโครพลาสมาเนี่ยมันเป็นแบคทีเรียที่ตัว
00:01:16 → 00:01:19 เล็กมากเลยเรียกได้ว่าจะเล็กที่สุดที่
00:01:19 → 00:01:21 สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นจะ
00:01:21 → 00:01:23 ต้องเข้าไปอาศัยเซลล์อื่นอยู่นะครับเรา
00:01:23 → 00:01:27 เรียกว่าเป็น fre Living แบคทีเรียนะ
00:01:27 → 00:01:30 ครับคือปกติแบคทีเรียที่เล็กมากๆเนี่ยบาง
00:01:30 → 00:01:32 ครั้งนะครับมันไม่สามารถจะอาศัยอยู่ได้
00:01:32 → 00:01:34 ด้วยตัวมันเองมันต้องเข้าไปอยู่ในเซลล์
00:01:34 → 00:01:37 ของสิ่งมีชีวิตนะครับอ่าแต่ว่า
00:01:37 → 00:01:38 ไมโครพลาสมาเนี่ยมันไม่ต้องอยู่ในเซลล์
00:01:39 → 00:01:41 ของสิ่งมีชีวิตมันก็สามารถที่จะมีชีวิต
00:01:41 → 00:01:44 รอดของมันได้นะครับมันเป็นแบคทีเรียชนิด
00:01:44 → 00:01:48 พิเศษนะครับอยู่ในคลาสที่มีชื่อน่ารักมาก
00:01:48 → 00:01:51 นะครับคลาสนี้ชื่อว่า molecules
00:01:51 → 00:01:54 molecules ใช่มันชื่อน่ารักขนาดนั้นละ
00:01:54 → 00:01:58 ครับแล้วใน molecules เนี่ยนะครับมันก็
00:01:59 → 00:02:00 แบ่งไปเป็น
00:02:00 → 00:02:03 5 ชนิดด้วยกันชนิดแรกก็คือไอ้
00:02:03 → 00:02:06 ไมโครพลาสมานี่แหละส่วนไอ้ 4 ชนิดที่
00:02:06 → 00:02:09 เหลือเนี่ยเค้าก็เรียกรวมๆว่าไมโครพลาสมา
00:02:09 → 00:02:11 นะครับแต่จริงๆเอาชื่อเฉพาะจริงๆเนี่ยมัน
00:02:11 → 00:02:15 ก็มีชื่อของมันนะครับตัวกลุ่มไมโครพลาสมา
00:02:15 → 00:02:17 ทั้งหมดเนี่ยนะครับมันแตกต่างจาก
00:02:17 → 00:02:20 แบคทีเรียอื่นๆตรงที่มันไม่มีผนังเซลล์
00:02:20 → 00:02:23 ผนังเซลล์ตัวเนี้ยเราเรียกว่าเซล์ Wall
00:02:23 → 00:02:25 มันมีส่วนประกอบหลักสำคัญอย่างหนึ่งชื่อ
00:02:25 → 00:02:28 ว่าเพปิไลแคนแล้วการที่มันไม่มีไอ
00:02:28 → 00:02:31 เซลล์วอลตรงนี้นี่แหละทำให้ไมโครพลาสมา
00:02:31 → 00:02:35 ทั้งหมดเนี่ยยอมไม่ติดสีโดยปกติเวลาเราจะ
00:02:35 → 00:02:37 หาเชื้อโรคจากเสมหะจากบริเวณต่างๆเนี่ย
00:02:37 → 00:02:40 เราเอามาแล้วเราเอามาย้อมสีชื่อว่าแมสนนะ
00:02:40 → 00:02:42 ครับมันจะไปย้อมไอ้ตรงส่วนเซลล์วอลหรือ
00:02:42 → 00:02:44 ผนังเซลล์นี้แหละแต่เนื่องจากไมโครพลาสมา
00:02:44 → 00:02:46 มันไม่มีดังนั้นเนี่ยเอาเสมหะมาย้อมมันก็
00:02:46 → 00:02:49 ไม่เจอเชื้อครับแล้วมันก็เพาะขึ้นยากเสีย
00:02:49 → 00:02:52 ด้วยดังนั้นบางครั้งเนี่ยเสมหะเพาะเชื้อ
00:02:52 → 00:02:53 ก็ไม่เจอมองก็ไม่เห็นมันไม่ได้แปลว่าไม่
00:02:53 → 00:02:56 มีเชื้อครับมันอาจจะเป็นไมโครพลาสมาก็ได้
00:02:56 → 00:02:59 นะครับและการที่มันไม่มีเซลล์วอลเนี่ยมัน
00:02:59 → 00:03:02 จะยังมีปัญหาอีกอย่างนึงก็คือยาที่เอาไว้
00:03:02 → 00:03:06 ทำลายเซลล์วอลเช่นกลุ่มออกซินเพนิซิลินนะ
00:03:06 → 00:03:09 ครับออกเมนตินที่เรากินเนี่ยไม่ได้ผลครับ
00:03:09 → 00:03:11 เพราะว่าไอ้ยาพวกนี้เอาไว้ทำลายเซลล์วอล
00:03:11 → 00:03:13 ซึ่งแบคทีเรียตัวนี้ไม่มีเวออยู่แล้วนะ
00:03:13 → 00:03:17 ครับหรือจะเป็นยากลุ่มเาสปอินยาฉีด
00:03:17 → 00:03:20 เซนพวกเนี้ยก็ไม่มีผลต่อไมโครพลาสมานะ
00:03:20 → 00:03:23 ครับนี่คือความพิเศษของมันเลยทีเดียวว่า
00:03:24 → 00:03:26 มันจะใช้ยาพวกนี้ไม่ได้นะครับต้องไปใช้ยา
00:03:26 → 00:03:32 กลุ่มอื่นแทนนะฮะแล้วเมื่อกี้ผมขอไหนๆพูด
00:03:32 → 00:03:34 มาแล้วนะครับเราขอลงลึกไปเลยว่าไอ้
00:03:35 → 00:03:38 molecules เนี่ยมันมี 5 ชนิดมันอะไรบ้าง
00:03:38 → 00:03:40 นะตัวแรก
00:03:40 → 00:03:44 ไมโครพลาสมาตัวที่ 2 ยูเรียพลาสมายูเรีย
00:03:44 → 00:03:46 พลาสมาเนี่ยมันเป็นเชื้อซึ่งสามารถที่จะ
00:03:46 → 00:03:49 ย่อยสารยูเรียได้ยูเรียเราก็อยู่ใน
00:03:49 → 00:03:52 ปัสสาวะมันย่อยให้กลับมาเป็นแอมโมเนียได้
00:03:52 → 00:03:55 นะอันนี้คือคือเรียกว่ายูเรียพลาสมาทั้ง
00:03:55 → 00:03:58 คู่ลักษณะคล้ายกันตรงที่ว่ามันไม่มี
00:03:58 → 00:04:01 เซลล์วอลเหมือนกันแล้วก็ไอ้ 2 อย่างนี้
00:04:01 → 00:04:05 เนี่ยมันจะมีตัวหุ้มเซลล์ซึ่งทำมาจาก
00:04:05 → 00:04:08 คอเลสเตอรอลนะครับทำให้ลักษณะของมันเนี่ย
00:04:09 → 00:04:11 มันนุ่มนิ่มแล้วมันก็เปลี่ยนรูปได้นะครับ
00:04:11 → 00:04:13 เวลาที่เราไปดูมันจริงๆเนี่ยบางทีมันก็
00:04:13 → 00:04:16 กลมๆบางทีมันก็เป็นยาวๆนะครับซึ่งยาวๆ
00:04:16 → 00:04:17 แล้วเรียกว่า filamentous form อันเนี้ย
00:04:17 → 00:04:20 เจอเยอะที่สุดแล้วบางครั้งหน้าตาเหมือน
00:04:20 → 00:04:23 ไข่ดาวเออนี้ตลกดีนะครับเพราะว่าปกติ
00:04:23 → 00:04:25 เนี่ยแบคทีเรียตัวอื่นๆมันมีรูปร่างเฉพาะ
00:04:25 → 00:04:28 เพราะว่ามันมีเซลล์ Wall ผนังเซลล์ซึ่ง
00:04:28 → 00:04:30 มันเหมือนคอนกรีตแข็งๆคอยคอยจำกัดให้รูป
00:04:30 → 00:04:32 หน้าตามันเป็นแบบนั้นแต่การที่
00:04:32 → 00:04:36 ไมโครพลาสมาหรือลคิทั้งหมดเนี่ยมันไม่มี
00:04:36 → 00:04:39 ผนังเซลล์ก็คือทำให้ตัวของมันเนี่ยมันมัน
00:04:39 → 00:04:41 เปลี่ยนแปลงลักษณะร่างกายของมันไปได้
00:04:41 → 00:04:44 เรื่อยๆนะครับหรือเราเรียกว่า pleomorphic
00:04:44 → 00:04:46 มันแปลงร่างไปได้หลายๆรูปแบบแล้วแต่
00:04:46 → 00:04:51 สถานการณ์ที่มันเจอนะครับอ่ะ 2 ตัวนี้นะ
00:04:51 → 00:04:54 ครับตัวไมโครพลาสมาตัวยูเรียพลาสมา 2 ตัว
00:04:54 → 00:04:57 นี้เนี่ยมันจะต้องไปเอาคอเลสเตอรอลจากคน
00:04:57 → 00:05:00 อื่นเข้ามาตัวที่ 3 ที่อยู่ในกลุ่ม
00:05:00 → 00:05:04 molecules นะครับก็คือโคลีพลาสมาโคลี
00:05:04 → 00:05:06 พลาสมาเนี่ยไม่จำเป็นจะต้องไปเอาตัว
00:05:06 → 00:05:08 คอเลสเตอรอลมาจากที่อื่นมันสร้างของมัน
00:05:08 → 00:05:12 เองได้นะครับซึ่งอคิพลาสมานี่ไม่ได้น่า
00:05:12 → 00:05:15 กลัวอะไรนะมันไม่ไม่ค่อยเจอในคนเท่าไหร่
00:05:15 → 00:05:17 นะครับแล้วก็ไม่ได้ก่อโรคในคนด้วยนะครับ
00:05:17 → 00:05:19 อีก 2 ตัวสุดท้ายตัวนึงคือ
00:05:19 → 00:05:23 แอสมาแอร Plasma มีลักษณะพิเศษก็คือมัน
00:05:23 → 00:05:26 ไม่ต้องการออกซิเจนมันเป็นแบคทีเรีย
00:05:26 → 00:05:29 แอโรบินะครับแล้วมันก็อยู่ในพวกกระเพาะ
00:05:29 → 00:05:32 ของพวกวัวนะพวกสัตว์เคี้ยวเอื้องทั้ง
00:05:32 → 00:05:34 ไหลายแหละอยู่ในพวกนั้นนะฮะอยู่ในกระเพาะ
00:05:34 → 00:05:36 อยู่ในลำไส้ของมันนะฮะก็ไม่ติดมาที่คนดัง
00:05:37 → 00:05:40 นั้นไม่จำเป็นต้องสนใจตัวสุดท้ายคืออสตร
00:05:40 → 00:05:42 พลาสมานี่ก็เหมือนกันเป็นแบคทีเรียชนิด
00:05:42 → 00:05:45 แอโรบินะครับไม่ต้องการออกซิเจนแล้วก็
00:05:45 → 00:05:47 อยู่ในพวกลำไส้วัวเป็นโปรไบโอติกของพวก
00:05:48 → 00:05:49 วัวพวกควายพวกเนี้ยนะครับดังนั้นเราก็ไม่
00:05:49 → 00:05:53 ต้องสนใจทีนี้มาถึงแล้วอะไรที่ต้องสนใจ
00:05:53 → 00:05:57 ต้องบอกก่อนเลยครับว่าในคนเนี่ยมันมี
00:05:57 → 00:06:00 กลุ่มลคิอยู่ 4 ตัวเท่านั้นที่ติดเชื้อ
00:06:00 → 00:06:03 เข้าไปในคนได้จริงๆแล้วก็เกิดโรคนะครับ
00:06:03 → 00:06:05 ตัวที่เจอบ่อยที่สุดแล้วที่กำลังเป็นข่าว
00:06:05 → 00:06:07 เนี่ยชื่อว่า
00:06:07 → 00:06:11 ไมโครพลาสมานมนตัวเนี้ยเจอเยอะที่สุดบ่อย
00:06:11 → 00:06:13 ที่สุดแล้วเดี๋ยวเราจะลงลึกไปว่าไอ้นี่
00:06:13 → 00:06:15 มันคืออะไรนะครับ 3 ตัวที่เหลือมีอะไร
00:06:15 → 00:06:18 บ้างตัวแรกคือไมโครพลาสมา hominis พวกนี้
00:06:18 → 00:06:22 เนี่ยอยู่ในพวกช่องทางเดินทางช่องคลอดนะ
00:06:22 → 00:06:25 ครับอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบใน
00:06:25 → 00:06:28 อุ้งเชิงกรานได้หรือถ้าเกิดว่าท่าน
00:06:28 → 00:06:31 บังเอิญไปเจอคนไข้ปลูกถ่ายปอดพวกเนี้ยเรา
00:06:31 → 00:06:34 จะไม่ชอบมากเลยเพราะว่ามันจะทำให้เกิดโรค
00:06:34 → 00:06:37 หนึก็คือแอมโมเนียเนี่ยในร่างกายมันจะสูง
00:06:37 → 00:06:40 มากๆแล้วก็คนไข้เสียชีวิตได้เลยซึ่งจริงๆ
00:06:41 → 00:06:43 เรื่องเนี้ยผมเคยเอามาเล่าให้ฟังจาก
00:06:43 → 00:06:45 ประสบการณ์ที่ผมรักษาคนไข้ปลูกไถ่ปอดคน
00:06:45 → 00:06:47 นึงเขาเป็นแอมโมเนียเป็นพิษนะครับจาก
00:06:47 → 00:06:51 เชื้อไมโครพลาสมาฮิสไปแล้วนะครับอ่าเมื่อ
00:06:51 → 00:06:52 กี้ 2 ตัวแล้วนะ
00:06:52 → 00:06:56 ไมโครพลาสมานิมนไมโครพลาสมาโมนิต่อมาคือ
00:06:56 → 00:07:02 ยูเรียพลาสมายูริมนะครับกับยูร Plasma
00:07:02 → 00:07:04 พวมนะครับ 2 ตัวนี้มันคล้ายกันเราก็เรียก
00:07:04 → 00:07:07 เหมือนๆกันน่ะนะครับตัวสุดท้ายคือ
00:07:07 → 00:07:09 ไมโครพลาสมา genitalium
00:07:09 → 00:07:12 ไมโครพลาสมาเนี่ยเมื่อกี้ที่พูดไปทั้งหมด
00:07:12 → 00:07:14 4-5 ตัวนะครับมีแค่ตัวเดียวที่ติดเชื้อ
00:07:14 → 00:07:16 ในทางเดินหายใจที่เหลือเนี่ยมันอยู่ในทาง
00:07:16 → 00:07:18 เดินปัสสาวะอาจจะมีการเกิดอาการอักเสบของ
00:07:18 → 00:07:21 อุ้งเชิงกรานอ่าท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ
00:07:21 → 00:07:24 ซึ่งพวกนั้นน่ะไม่ได้อะไรน่ากลัวแต่ไอตัว
00:07:24 → 00:07:27 ที่มันมีปัญหาเี่คือไมโครพลาสมานวนนะครับ
00:07:27 → 00:07:31 อาการของมันนะครับบอกเลยหลังจากที่เราติด
00:07:31 → 00:07:33 มาแล้วเนี่ยมันใช้ระยะเวลาประมาณ 1
00:07:33 → 00:07:36 สัปดาห์ถึง 4 สัปดาห์กว่าคุณจะแสดงอาการ
00:07:37 → 00:07:39 โดยเฉลี่ยประมาณสัก 1-2 สัปดาห์มันจะแสดง
00:07:39 → 00:07:43 อาการนะครับแต่หลายคนครับไม่แสดงอาการ
00:07:43 → 00:07:45 ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าดีนะครับเพราะว่าไม่
00:07:45 → 00:07:49 แสดงอาการมันติดได้ครับมันติดผ่านทาง
00:07:49 → 00:07:53 droplet เช่นการไอการจามพวกเนี้ยสามารถ
00:07:53 → 00:07:57 ติดไปได้แล้วนะครับคุณไม่มีอาการคนอื่นก็
00:07:57 → 00:07:59 อาจจะมีอาการได้การที่คุณอยู่บ้านเดียว
00:07:59 → 00:08:01 กันเนี้ยนะครับหรืออยู่ห้องเดียวกันโรง
00:08:01 → 00:08:04 เรียนเดียวกันก็จะสามารถแพร่กระจายเชื้อ
00:08:04 → 00:08:07 ไมโครพลาสมาได้ง่ายนะครับแต่สำหรับคนที่
00:08:07 → 00:08:10 มันมีอาการขึ้นมาอาการเป็นอย่างไรบ้างนะ
00:08:10 → 00:08:14 ครับอาการเนี่ยเราจะแบ่งเป็น 2 อย่างหลัก
00:08:14 → 00:08:17 ๆก่อนนะครับอย่างแรกก็คืออาการของทางเดิน
00:08:17 → 00:08:19 หายใจส่วนบนนะครับหรือที่เรียกว่าเรียก
00:08:19 → 00:08:22 ว่า Upper respiratory tract Infection
00:08:22 → 00:08:25 นะฮะพวกนี้เนี่ยจะเหมือนหวัดนะครับมีน้ำ
00:08:25 → 00:08:29 มูกนะครับเจ็บคอจามได้นะครับแล้วก็มีไอนะ
00:08:29 → 00:08:33 ฮะมักจะเป็นไอแห้งๆนะครับและอาจจะมีไข้
00:08:33 → 00:08:36 ต่ำๆแต่จะไม่เหนื่อยจะไม่เหนื่อยนะครับ
00:08:36 → 00:08:39 พวกนี้นะะมันสามารถทำให้เกิดอาการแบบนี้
00:08:39 → 00:08:41 ขึ้นมาได้นะครับไม่เหนื่อยแล้วก็มีอีก
00:08:41 → 00:08:43 อย่างนึงก็คือมันเริ่มลงไปในหลอดลมถ้า
00:08:43 → 00:08:45 เมื่อไหร่มันเริ่มลงหลอดลมได้เนี่ยพวกนี้
00:08:45 → 00:08:50 ไอเยอะเลยนะครับไอมหาศาลนะฮะไอแบบเรียก
00:08:50 → 00:08:53 ได้ว่าบางคนไอจนเจ็บหน้าอกอ่ะไอจนเจ็บ
00:08:53 → 00:08:55 หน้าอกแล้วไอนานด้วยนะครับบางคนไออยู่
00:08:55 → 00:08:58 ประมาณซักโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 สัปดาห์ก็
00:08:58 → 00:09:00 คือเกือบเดือนน่ะกว่าคุณจะหายไอไม่ว่าคุณ
00:09:00 → 00:09:03 ทำยังไงมันก็ไม่หายนะครับอันนี้คือปัญหา
00:09:03 → 00:09:06 ของมันนะแล้วมันก็ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ
00:09:06 → 00:09:09 หรือ acute องคิด้วยนะครับภาวะหลอดลม
00:09:09 → 00:09:11 อักเสบเนี่ยมักจะไม่ค่อยมีไข้เท่าไหร่อาจ
00:09:11 → 00:09:14 จะมีก็ต่ำๆนะครับแล้วจะไม่เหนื่อยมีข้อยก
00:09:14 → 00:09:16 เว้นข้อเดียวเลยก็คือถ้าคุณมีโรคปอดอยู่
00:09:16 → 00:09:19 แต่เดิมมีโรคหอบหืดแล้วคุณดันติดไอ้นี่
00:09:19 → 00:09:21 เข้าไปเนี่ยแล้วเป็นหลอดโลมอักเสบคุณจะ
00:09:21 → 00:09:24 เหนื่อยเพิ่มขึ้นได้นะครับเพราะว่าแต่
00:09:24 → 00:09:25 เดิมคุณมีโรคอยู่แล้วมันก็จะเหนื่อยเพิ่ม
00:09:26 → 00:09:30 มากขึ้นนะครับกลุ่มอาการที่เกิดจากพวกอ่า
00:09:30 → 00:09:33 มีคัดจมูกน้ำมูกไหลเจ็บคอหรือหลอดลง
00:09:33 → 00:09:36 อักเสบและไอเยอะๆเนี่ยนะครับบางคนมีเสมหะ
00:09:36 → 00:09:38 บางคนไม่มีเสมหะแต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีนะ
00:09:38 → 00:09:41 ครับพวกนี้เนี่ยไม่ใช้ยาหายมั้ยหายครับ
00:09:41 → 00:09:45 หายเองด้วยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรแต่ปัญหาคือ
00:09:45 → 00:09:47 คุณจะเอาไปแพร่ให้คนอื่นเขาได้ตลอดเวลาตบ
00:09:47 → 00:09:50 ใดที่คุณยังไออยู่นะครับและถึงแม้ว่า
00:09:50 → 00:09:54 อาการคุณดีขึ้นแล้วบางคนนะครับจะยังมี
00:09:54 → 00:09:56 ไมโครพลาสมาอยู่ในทางเดินหายใจแล้วก็ยัง
00:09:56 → 00:09:58 ไอแล้วก็แพร่คนอื่นได้ทั้งๆที่อาการคุณ
00:09:58 → 00:10:02 หายไปหมดแล้วนะครับเชื้อโรคมันจะอยู่ได้
00:10:02 → 00:10:05 นานไม่นานมันบอกไม่ได้แล้วแต่คนนะครับแต่
00:10:06 → 00:10:08 ว่าผมจะบอกไว้ว่าคนที่มีความเสี่ยงต่อการ
00:10:09 → 00:10:12 แสดงอาการคือคนสูบบุหรี่พวกที่สูบบุหรี่
00:10:12 → 00:10:14 นะครับหรือพวกที่ภูมิต้านทานอ่อนแอเนี่ย
00:10:14 → 00:10:16 ไม่ว่าจะเป็นคนสูงอายุคนที่กินยากดภูมิ
00:10:16 → 00:10:19 ต่างๆอยู่พวกเนี้ยโอกาสที่เขาติดเชื้อไป
00:10:19 → 00:10:23 แล้วจะเกิดอาการขึ้นมาเนี่ยสูงนะครับสูง
00:10:23 → 00:10:26 เลยต่อมาอันที่อันตรายขึ้นมาหน่อยนึงก็
00:10:26 → 00:10:29 คือการเกิดปอดอักเสบหรือภาวะนิมโมเนียนะ
00:10:29 → 00:10:33 ครับยังโชคดีตรงที่ว่าไอ้การเกิดปอด
00:10:33 → 00:10:36 อักเสบจากเชื้อไมโครพลาสมาเนี่ยมันมักจะ
00:10:36 → 00:10:38 ไม่รุนแรงครับมันมักจะไม่รุนแรงหรือเรา
00:10:39 → 00:10:41 ยังมีชื่อเรียกว่า Walking pia หมายความ
00:10:41 → 00:10:43 ว่าคุณเป็นปอดอักเสบโดยทั่วไปเนี่ยมันนอน
00:10:43 → 00:10:46 ซมกับเตียงแล้วแหละมันไปไหนไม่ได้แล้วมัน
00:10:46 → 00:10:49 เหนื่อยมันเพลียมันล้านะครับแต่ว่าถ้าติด
00:10:49 → 00:10:51 เชื้อไมโครพลาสมาเข้าไปในร่างกายแล้วเกิด
00:10:51 → 00:10:54 ปอดอักเสบขึ้นมาเนี่ยส่วนใหญ่นะครับมัน
00:10:54 → 00:10:56 อาการไม่ได้รุนแรงคุณยังสามารถเดินไปไหน
00:10:56 → 00:10:59 มาไหนได้โดยแรกเริ่มเนี่ยมันเริ่มจากการ
00:10:59 → 00:11:01 ที่คุณอ่อนเพลียก่อนอ่อนเพลียมีไข้ต่ำๆนะ
00:11:01 → 00:11:05 ครับแล้วมีปวดหัวนะมีอาการคล้ายหวัดนำมา
00:11:06 → 00:11:08 ก่อนเลยประมาณซัก 3-4 วันหรือบางคนก็
00:11:08 → 00:11:10 เกือบอาทิตย์อ่ะหลังจากนั้นก็จะเริ่มมี
00:11:11 → 00:11:13 อาการไอและไอเนี่ยจะเริ่มมาที่ประมาณสัก 1
00:11:13 → 00:11:16 อาทิตย์แล้วไอเนี่ยมันจะไม่หายไปไหนอ่ะจน
00:11:16 → 00:11:18 กว่าประมาณสักเดือนนึงอ่ะไอมันถึงจะเริ่ม
00:11:19 → 00:11:21 หายนะครับนี้มันใช้เวลานานแล้วก็ถ้าเป็น
00:11:21 → 00:11:24 นิวโมเนียขึ้นมาหรือเป็นปอดอักเสบเนี่ย
00:11:24 → 00:11:27 มันจะมีไข้สูงกว่าแล้วก็จะมีเหนื่อยมาก
00:11:27 → 00:11:31 กว่ากรณีที่เป็นแค่หลอดลมอักเสบนะครับอัน
00:11:31 → 00:11:33 นี้ต้องแยกให้ชัดเจนนะครับคือบางคนอาจจะ
00:11:33 → 00:11:35 ไม่เข้าใจว่าหลอดลมกับปอดอักเสบเี่มันต
00:11:35 → 00:11:37 ต่างกันยังไงมันก็หลอดลมก็อยู่ในปอดต้อง
00:11:37 → 00:11:39 บอกอย่างนี้ครับเวลาที่เราหายใจเข้าไป
00:11:39 → 00:11:42 เนี่ยเข้าสู่จมูกนะครับลงไปในช่องคอตรง
00:11:42 → 00:11:44 นี้จะมีหลอดลมซึ่งหลอดลมมันจะแยกเป็นข้าง
00:11:44 → 00:11:47 ซ้ายและข้างขวานะครับถ้ามันอักเสบเฉพาะ
00:11:47 → 00:11:50 หลอดลมเนี่ยมันจะอักเสบเฉพาะไอ้ทางเดิน
00:11:50 → 00:11:52 หายใจตรงนี้นี่แหละนะครับแต่ถ้าเป็นปอด
00:11:52 → 00:11:56 อักเสบก็คือปกติตรงปลายของหลอดลมพวกเนี้ย
00:11:56 → 00:11:58 มันจะเป็นถุงลมเล็กๆๆๆเต็มไปหมดเลยถ้า
00:11:58 → 00:12:00 เชื้อโรคสามารถเข้าตรงนั้นแล้วทะลุเข้าไป
00:12:01 → 00:12:03 เลยตรงนั้นไปได้เนี่ยก็จะเป็นเนื้อปอดอัน
00:12:03 → 00:12:05 นั้นน่ะเราเรียกว่าปอดอักเสบหรือ
00:12:05 → 00:12:09 นิวโมเนียนะครับอ่ะทีนี้พอเรารู้แล้วว่า
00:12:09 → 00:12:12 มันมีการติดเชื้อได้หลักๆ 2 แบบก็คือแบบ
00:12:12 → 00:12:14 ด้านบนเป็นคล้ายๆวัตต์กับแบบด้านล่างคือ
00:12:14 → 00:12:17 ลงไปในหลอดลมแล้วก็ปอดมันยังมีสิ่งที่
00:12:17 → 00:12:20 พิเศษไปมากกว่าเชื้อตัวอื่นๆเราเรียกว่า
00:12:20 → 00:12:23 Extra respiratory manifestation นะ
00:12:23 → 00:12:27 ครับก็คือมีการอักเสบหรือบางทีเป็นการติด
00:12:27 → 00:12:29 เชื้อบริเวณที่แปลกๆไปกว่าคนอื่นได้นะ
00:12:29 → 00:12:32 ครับประมาณซัก 60% ของคนที่เป็น
00:12:32 → 00:12:35 ไมโครพลาสมาเนี่ยจะมีภาวะโลหิตจางร่วม
00:12:35 → 00:12:38 ด้วยนะครับมันเกิดจากการที่ไอ้ตัวเชื้อ
00:12:38 → 00:12:41 ไมโครพลาสมาเนี่ยมันไปเปลี่ยนแปลงผิวของ
00:12:41 → 00:12:44 เม็ดเลือดแดงของเรานะครับเปลี่ยนแปลงให้
00:12:44 → 00:12:47 เกิดเป็นตัวเรียกว่าตัว i แอนติเจนตัว I
00:12:47 → 00:12:49 ใหญ่แอนติเจนนะครับแล้วทำให้ร่างกายของ
00:12:49 → 00:12:51 เราเนี่ยตอบสนองผิดปกติโดยการสร้าง
00:12:51 → 00:12:53 อิมมูโนโกลบูลิน M หรือแอนติบอดี้ตัว
00:12:53 → 00:12:56 ประหลาดขึ้นมาไปจัดการไอ้เมเลือดแดงตัว
00:12:56 → 00:12:59 เนี้ยทำให้เกิดภาวะนึงเรียกว่าโกลูเตนิน
00:12:59 → 00:13:02 ไม่เลือแดงมันจะเกาะๆเป็นเป็นตั้งๆตั้งๆ
00:13:02 → 00:13:05 เลยนะครับพวกนี้หายเองไม่ค่อยต้องทำอะไร
00:13:05 → 00:13:07 ไม่ต้องรักษาด้วยเดี๋ยวพอไมโครพลาสมาหาย
00:13:07 → 00:13:09 ไอ้นี่ก็หายไม่ต้องให้เลือดด้วยนะครับอาจ
00:13:09 → 00:13:11 จะมีข้อยกเว้นคือคนที่เป็นโรคเลือดอยู่
00:13:12 → 00:13:13 แล้วหรือว่ามีเม็ดเลือดแดงแตกง่ายอยู่แต่
00:13:14 → 00:13:16 เดิมพวกนี้ก็อาจจะรุนแรงได้นะครับนี่คือ
00:13:16 → 00:13:19 ที่เจอบ่อยๆนะฮะต่อมาที่เจออีกก็คือบางคน
00:13:19 → 00:13:22 เนี่ยมีอาการผืนขึ้นตามร่างกายนะครับไม่
00:13:22 → 00:13:25 ว่าจะเป็นผื่นคันเล็กๆน้อยๆนะครับหรือบาง
00:13:25 → 00:13:29 กรณีที่เจอได้แต่ว่าน้อยมากๆจริงๆคือก
00:13:29 → 00:13:31 กลายไปเป็นผื่นที่น่ากลัวอย่างหนึ่งเรียก
00:13:31 → 00:13:33 ว่า sten Johnson Syndrome นะครับ
00:13:33 → 00:13:38 ไมโครพลาสมาเนี่ยมันเป็นเหตุผลนึงซึ่งทำ
00:13:38 → 00:13:40 ให้เกิด Steven Johnson Syndrome ได้นะ
00:13:40 → 00:13:42 ครับที่เกิดจากโรคติดเชื้อปกติ sten
00:13:42 → 00:13:45 Johnson Syndrome เนี่ยจะเกิดจากการใช้
00:13:45 → 00:13:48 ยาบางตัวเข้าไปเช่นยารักษาเก๊าท urinal
00:13:48 → 00:13:53 นะครับยาอ่ากลุ่มเสนะครับยากลุ่มอ่าที่
00:13:53 → 00:13:55 เราเป็น Black trim พวกเนี้ยจะทำให้เกิด
00:13:55 → 00:13:57 ได้นะครับแต่ว่าโรคติดเชื้อก็ทำให้เกิด
00:13:57 → 00:13:59 steen Johnson Syndrome ได้ในที่นี้ก็
00:13:59 → 00:14:02 คือไมโครพลาสมานี่แหละนะครับมันยังอาจจะ
00:14:02 → 00:14:05 ทำให้เกิดการปวดข้อทำให้เกิดการเกิดสมอง
00:14:05 → 00:14:08 อักเสบหรือเฟติสได้นะครับซึ่งพวกนี้เนี่ย
00:14:08 → 00:14:11 ถ้าอยู่ๆมีอาการสมองอักเสบบางทีเราซัก
00:14:11 → 00:14:12 ประวัติไปเราจะเจอว่าคนๆเนี้ยเคยมีอาการ
00:14:13 → 00:14:15 ทางระบบทางเดินหายใจมาก่อนนะครับถ้ามี
00:14:15 → 00:14:18 อาการทางระบบเิหายใจมาก่อนเช่นมีไข้มีไอ
00:14:18 → 00:14:20 ไอไๆอย่างเงี้เยอะๆแล้วผ่านมาสักประมาณ
00:14:20 → 00:14:22 2-3 อาทิตย์แล้วรู้สึกว่ามันเกิดอาการ
00:14:22 → 00:14:25 สมองอักเสบหมายความว่าการรับรู้สติเนี่ย
00:14:25 → 00:14:29 เปลี่ยนแปลงไปนะครับหรือบางคนมันมีอาการ
00:14:29 → 00:14:32 ชักมีอาการไม่รู้สติพวกเนี้ยนะครับแล้ว
00:14:32 → 00:14:34 เราเจอว่าซักประวัติไว้แล้วเจออาการทาง
00:14:34 → 00:14:36 ดังเดือหายใจเนี่ยเราต้องสงสัยโรค
00:14:36 → 00:14:39 ไมโครพลาสมานะครับอ่าเมื่อกี้เราพูดเรา
00:14:39 → 00:14:42 พูดเรื่องของผื่นไปแล้วเรื่องของปวดข้อ
00:14:42 → 00:14:44 เรื่องของเลือดจางนะครับอ่ามีอีกเรื่อง
00:14:44 → 00:14:47 นึงซึ่งสมัยก่อนเนี่ยเราคิดว่ามันเกี่ยว
00:14:47 → 00:14:49 ข้องกันนะครับนั่นก็คือเรื่องของแก้วหู
00:14:49 → 00:14:52 อักเสบที่เรียกว่าบั mining itis นะครับ
00:14:52 → 00:14:55 อันเนี้ยถ้าใครเรียนแพทย์เนี่ยสมัยก่อน
00:14:55 → 00:14:57 ท่องกันตลอดเวลาเลยนะครับแต่ว่าเดี๋ยว
00:14:57 → 00:14:59 เนี้ยเพบว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวข้องข่องกับ
00:14:59 → 00:15:02 เชื้อไมโครพลาสมาแล้วก็อาจจะต้องท่องใหม่
00:15:02 → 00:15:03 นะครับหรือถ้าตำราไหนยังเขียนอยู่ก็อาจจะ
00:15:03 → 00:15:05 ต้องเปลี่ยนตำราแล้วนะว่าเดี๋ยวนี้โลกมัน
00:15:05 → 00:15:08 เปลี่ยนไปแล้วนะครับไเอ่อบั martis หรือ
00:15:08 → 00:15:10 เยื่อแก้วหูมันบวมอักเสบเนี่ยจาก
00:15:10 → 00:15:13 ไมโครพลาสมาไม่ค่อยเจอแล้วนะครับส่วนอีก
00:15:13 → 00:15:16 อย่างนึงซึ่งอาจจะมีคนเคยได้ยินก็คือเกิด
00:15:16 → 00:15:18 หัวใจอักเสบจาก
00:15:18 → 00:15:21 ไมโครพลาสมานะครับไมโครพลาสมา carditis
00:15:21 → 00:15:24 carditis คือการอักเสบของหัวใจนะครับอัน
00:15:24 → 00:15:27 นี้เนี่ยบางคนอาจจะเคยได้ยินมาก่อนเพราะ
00:15:27 → 00:15:31 ว่ามันมีการกล่าวถึงอ่าบางคนเนี่ยเป็นจาก
00:15:31 → 00:15:34 ตัวนี้นะครับงั้นเราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็น
00:15:34 → 00:15:36 ก็คือจะต้องตรวจหาไอ้เชื้อไมโครพลาสมานี่
00:15:36 → 00:15:38 แหละแล้วก็มีอาการของหัวใจอักเสบซึ่งอาจ
00:15:38 → 00:15:40 จะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติก็ได้นะครับหรือ
00:15:40 → 00:15:43 มีการบีบตัวที่มันแย่ไปก็ได้นะครับตรง
00:15:43 → 00:15:45 นั้นคืออาการของหัวใจอักเสบที่เกิดจาก
00:15:45 → 00:15:47 เชื้อไมโครพลาสมาแต่มันเจอได้ยากมาก
00:15:47 → 00:15:50 เหมือนกันนะครับอ่าบางคนอาจจะมีการอักเสบ
00:15:50 → 00:15:54 ของทางเดินอาหารนะฮะตับอักเสบได้เนี่ยดัง
00:15:54 → 00:15:56 นั้นไอ้ไมโครพลาสมาเนี่ยเป็นเชื้อที่แปลก
00:15:56 → 00:15:59 ประหลาดมากนะครับมันไม่เพียงแต่ว่าเเกิด
00:15:59 → 00:16:01 อาการทางทางเดินหายใจจที่เราสูดดมมันเข้า
00:16:01 → 00:16:04 ไปแต่ว่ามันยังไปก่อให้เกิดปฏิกิริยาทาง
00:16:04 → 00:16:07 ภูมิคุ้มกันบางอย่างที่ทำให้มีปัญหากับ
00:16:07 → 00:16:10 ส่วนต่างๆนอกเหนือไปจากทางเดินหายใจได้นะ
00:16:10 → 00:16:13 ครับอ่ะตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันทำอะไรได้
00:16:13 → 00:16:15 บ้างนะครับต้องบอกอย่างนี้ครับถ้าคนที่
00:16:15 → 00:16:17 แข็งแรงแล้วเป็นไมโครพลาสมาอาการไม่เยอะ
00:16:17 → 00:16:20 เนี่ยเผลอๆคุณไม่ต้องกินยาอะไรมันก็หาย
00:16:20 → 00:16:23 แต่ส่วนใหญ่มักจะต้องกินเพราะว่ามันไอ
00:16:23 → 00:16:26 เยอะไอจนเจ็บหน้าอกแล้วบางคนรู้มั้ครับไอ
00:16:26 → 00:16:29 จนซี่โครงหักเลยก็มีนะตอนแรกๆไปหาหมอ
00:16:30 → 00:16:32 เนี่ยไอแล้วมันเจ็บสมมุติตรงนี้ซิโครงหัก
00:16:32 → 00:16:35 เนี่ยมันเจ็บมากเลย xray ครั้งแรกก็อาจจะ
00:16:35 → 00:16:37 ไม่เห็นอะไรนะต้องอาจจะไป xray ซ้ำแล้ว
00:16:37 → 00:16:40 มันมันจะเห็นเป็นรอยบางๆบางคนไอจนซี่โครง
00:16:40 → 00:16:43 มันหักไปเลยอ่ะก็เจอได้นะครับพวกนี้ยาที่
00:16:43 → 00:16:46 ได้ผลนะครับก็อย่างที่บอกไปเพราะว่าเซลล์
00:16:46 → 00:16:48 Wall หรือผนังเซลล์ของเชื้อมันไม่มียา
00:16:48 → 00:16:51 ที่ทำลายเซลล์วอลเนี่ยไม่ได้ผลยาที่ได้ผล
00:16:51 → 00:16:55 มีอะไรบ้างกลุ่มแมคโคนนะครับแอซิดโมซิน
00:16:55 → 00:16:57 ตัวเนี้ยก็จะเป็นยาที่เราใช้ได้นะครับ
00:16:57 → 00:17:00 ส่วนใหญ่ก็จะกินประมาณ 5-7 วันนะฮะแต่ถ้า
00:17:00 → 00:17:02 อาการรุนแรงก็อาจจะต้องนานกว่านั้นก็ได้
00:17:02 → 00:17:05 นะครับอ่ายาตัวที่ 2 ที่ได้ผลก็คือยา
00:17:05 → 00:17:08 กลุ่ม doxy ไซคลินนะครับยาตัวที่ 3 ก็คือ
00:17:08 → 00:17:13 ยากลุ่มโคนนนะครับเช่นเลว floxin หรือิอก
00:17:13 → 00:17:15 Sin นะครับระยะเวลาก็ประมาณเดียวกันนะ
00:17:15 → 00:17:17 ครับ 5-7 วันถ้าเป็นไม่เยอะถ้าเป็นเยอะ
00:17:17 → 00:17:19 มากๆก็อาจจะต้องนานกว่านั้นอาจจะต้องนาน
00:17:19 → 00:17:22 ถึง 2 อาทิตย์เลยด้วยซ้ำไปนะครับอันนี้
00:17:22 → 00:17:25 คือวิธีในการรักษาถ้าวิธีในการตรวจมันไม่
00:17:25 → 00:17:27 ได้ยากอะไรมากมายส่วนมากนะครับถ้าอาการ
00:17:27 → 00:17:30 คล้ายเราไม่ต้องตรวจเรากินยาไปเลยนะครับ
00:17:30 → 00:17:33 เสียเวลาไปตรวจแต่ถ้าจะตรวจจริงๆการทำ pcr
00:17:33 → 00:17:36 ก็สามารถตรวจได้นะครับการทำการเพาะเชื้อ
00:17:36 → 00:17:39 ก็สามารถทำได้แต่มันใช้เวลานานกว่าจะเพาะ
00:17:39 → 00:17:41 เสร็จดังนั้นไม่ค่อยคุ้มค่ากับการที่ต้อง
00:17:41 → 00:17:43 ไปนั่งทำไอ้ของพวกที่มันราคาแพงขึ้นนะ
00:17:43 → 00:17:47 ครับอันนี้คือวิธีตรวจทีนี้มาถึงแล้วเรา
00:17:47 → 00:17:50 ป้องกันยังไงนะครับโชคดีครับเชื้อตัวเมัน
00:17:50 → 00:17:52 ทำลายได้ด้วยแอลกอฮอล์ครับดังนั้น
00:17:52 → 00:17:54 แอลกอฮอล์ที่คุณใช้ล้างมือนี่แหละสามารถ
00:17:54 → 00:17:56 ที่จะจัดการกับเชื้อได้นะครับแล้วการใส่
00:17:56 → 00:17:59 หน้ากากป้องกันได้ครับต้องระวังไม่ให้พวก
00:17:59 → 00:18:02 ละอองฝอยมันเข้าไปในปากในจมูกหรือโดนตา
00:18:02 → 00:18:04 ของเรานะครับมันจะทำให้ติดเข้าไปได้ถ้า
00:18:04 → 00:18:08 เราใส่หน้ากากนะครับล้างมือนะฮะด้วยน้ำ
00:18:08 → 00:18:11 เปล่าสบู่หรือไม่ก็ใช้แอลกอฮอล์ล้างมือ
00:18:11 → 00:18:13 เนี่ยมันยังสามารถฆ่าเชื้อโรคไมโครพลาสมา
00:18:13 → 00:18:16 ได้ดีอยู่นะครับตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนของ
00:18:16 → 00:18:19 ไมโครพลาสมานะครับคือมีคนทดลองแล้วแต่ว่า
00:18:19 → 00:18:22 ผลการป้องกันของมันเนี่ยไม่ค่อยดีดังนั้น
00:18:22 → 00:18:25 เนี่ยก็เลยไม่มีใครเขใช้กันนะฮะงั้นตอน
00:18:25 → 00:18:28 นี้เนี่ยโดยสรุปนะครับไมโครพลาสมาเนี่ยขอ
00:18:28 → 00:18:31 ให้เรียกให้ถูกนะครับ myco ไมโครไม่ใช่
00:18:31 → 00:18:35 ไมโครพลาสมานะครับเรียกว่าไมโครพลาสมานะ
00:18:35 → 00:18:38 แล้วตัวที่สำคัญที่สุดในคนที่ที่ทำให้
00:18:38 → 00:18:42 เกิดก่อโรคในแกล่งข่าวเนี่ยก็คือตัว
00:18:42 → 00:18:45 ไมโครพลาสมานิวโมเนียนะครับทำให้เกิดการ
00:18:45 → 00:18:48 ติดเชื้อทางทางเดินหายใจนะฮะอาการหลักๆก็
00:18:48 → 00:18:50 คืออาการไอเรื้อรังไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน
00:18:50 → 00:18:52 อ่ะมันมักจะไออยู่สักเดือนนึงเลยแหละนะ
00:18:52 → 00:18:55 ครับมันติดกันง่ายมากดังนั้นคนที่ไม่มี
00:18:55 → 00:18:57 อาการก็สามารถแพร่คนอื่นได้คนที่หายแล้ว
00:18:57 → 00:19:00 ก็ยังมีเชื้อโรคอยู่แล้วก็สามารถแพร่คน
00:19:00 → 00:19:02 อื่นได้ดังนั้นต้องระวังนะครับส่วนใหญ่
00:19:02 → 00:19:04 มันจะระบาดในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆเช่น
00:19:04 → 00:19:07 โรงเรียนนะครับถ้าใครเป็นจากโรงเรียนเอา
00:19:07 → 00:19:10 กลับบ้านไปก็ไปติดได้ทุกคนนะฮะงั้นอันนี้
00:19:10 → 00:19:12 ก็ต้องระวังไว้นิดนึงถ้าเป็นมันก็ไม่ได้
00:19:12 → 00:19:14 รักษายากอะไรแล้วมันก็ไม่ได้อันตรายจนน่า
00:19:14 → 00:19:16 กลัวขนาดนั้นนะครับดังนั้นไม่ได้อยากให้
00:19:16 → 00:19:19 กลัวไมโครพลาสมาขนาดนั้นอัตราการที่ป่วย
00:19:19 → 00:19:22 หนักเนี่ยมันน้อยมากนะครับแต่บางคนก็เป็น
00:19:22 → 00:19:26 ก็ต้องไปรักษาแล้วที่สำคัญก็คือมันทำให้
00:19:26 → 00:19:28 บางคนเนี่ยมีอาการนอกเหนือไปจากทางเดิน
00:19:28 → 00:19:30 หายใจได้อย่างที่เมื่อกี้เล่านะครับก็คือ
00:19:30 → 00:19:33 อาการทางสมองเป็นผื่นอาการทางทธเดินอาหาร
00:19:33 → 00:19:35 มีหัวใจอักเสบหรืออะไรพวกนี้ได้แต่ว่ามัน
00:19:35 → 00:19:37 เจอน้อยหน่อยนะครับดังนั้นก็ไม่ค่อยมี
00:19:37 → 00:19:40 ความจำเป็นจะต้องไปกังวลอะไรขนาดนั้นนะ
00:19:40 → 00:19:42 ครับโอเควันนี้ผมเล่ามาค่อนข้างที่จะลึก
00:19:42 → 00:19:44 เลยทีเดียวนะครับแต่หวังว่ามันจะเป็น
00:19:44 → 00:19:46 ประโยชน์กับหลายๆคนที่เข้ามาฟังในคลิปนี้
00:19:46 → 00:19:48 นะครับวันนี้ก็เท่านี้นะครับถ้าใครมีอะไร
00:19:48 → 00:19:50 สงสัยก็สอบถามมานะครับขอบคุณมากครับ
00:19:50 → 00:19:54 สวัสดีครับ