00:00:00 → 00:00:02 อาจารย์คะหนูขอรบกวนสอบถามอาจารย์อย่าง
00:00:02 → 00:00:06 งี้ค่ะอาจารย์ว่าเอ่อตกลงแล้วเนี่ยค่ะ
00:00:06 → 00:00:10 อาจารย์ทำไมเถึงต้องบอกว่าการฟังเนี่ย
00:00:10 → 00:00:12 เป็นเรื่องที่ดีที่สุดนะคะ
00:00:12 → 00:00:15 อาจารย์ครับต้องเข้าใจอย่านนี่เหครับว่า
00:00:15 → 00:00:19 เวลาคนเราที่อยู่ในภาวะโศกเศร้านะครับก็
00:00:19 → 00:00:22 ต้องผ่านหลายอารมณ์เลยนะครับของตัวเาเองท
00:00:22 → 00:00:26 รู้สึกช็อกไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นโกรธแล้ว
00:00:26 → 00:00:28 ก็รู้สึกต่อรองแล้วก็ซึมเศร้าแล้วต่อมา
00:00:28 → 00:00:32 ถึงจะยอมรับได้ซึ่งอันเนี้ยใช้เวลานะครับ
00:00:32 → 00:00:35 เพราะฉะนั้นคนที่เข้าไปช่วยเนี่ยถ้าเกิด
00:00:35 → 00:00:37 ว่าเราไปยิ่งไปกระตุ้นเอ๊ะคุณเป็นยังไง
00:00:37 → 00:00:39 บ้างตอนนั้นเห็นยังไงบ้างอะไรอย่างเงี้ย
00:00:39 → 00:00:43 ยิ่งเราไปถามเมากเไปกระตุ้นข้างในขึ้นมา
00:00:43 → 00:00:46 บางทีเอาจจะยังไม่อยากที่จะพูดถึงสิ่ง
00:00:46 → 00:00:48 เหล่านี้หรืออย่างที่เเรียกว่าเป็นการไป
00:00:48 → 00:00:53 ซ้ำเติมกับภาวะสูญเสียที่เขาเป็นอยู่ครับ
00:00:53 → 00:00:56 ฉะนั้นการฟังการฟังด้วยหัวใจนะครับไม่ใช่
00:00:56 → 00:00:59 แบบฟังแบบเป็นฟังเพลงอย่าเงี้ยแต่ต้องฟัง
00:00:59 → 00:01:03 ด้วยความรู้สึกว่า concentrate ไปกับเค
00:01:04 → 00:01:06 ฟังด้วยความมีความรู้สึกว่าเรามีความ
00:01:06 → 00:01:09 เมตตากรุณาอยากจะช่วยเคอ่ะเพราะฉะนั้นการ
00:01:09 → 00:01:13 ฟังเนี่ยไม่ใช่เป็นเพียงการนั่งฟังเฉยๆ
00:01:13 → 00:01:15 มันจะเห็นปฏิกิริยาท่าทางของเราด้วย
00:01:15 → 00:01:18 สำหรับผู้ที่ผู้ที่เราไปรับฟังเนะครับ
00:01:18 → 00:01:21 เพราะฉะนั้นอันนึงเนี่ยเต้องมี E Contact
00:01:21 → 00:01:25 ก็คือต้องมีแบบสบตาแต่ไม่ใช่้องตาเขม็ง
00:01:25 → 00:01:28 แล้วเหมกจะนะจบตาด้วยความอ่อนโยนน่ะเขาก็
00:01:28 → 00:01:32 จะรู้แล้วว่าอ๋อคนเนี้ยอยากจะช่วยเราอื
00:01:32 → 00:01:35 เพราะฉนั้นถ้าเค้ามีอะไรที่เาอยากจะพูดเ
00:01:35 → 00:01:38 จะพูดหรือว่าเาอยากจะเงียบน่ะแต่อยู่เป็น
00:01:38 → 00:01:41 เพื่อนเนี่ยเขาก็จะเข้าใจเหมือนกับมีใคร
00:01:41 → 00:01:44 สักคนนะที่จะเข้าใจเแล้วก็มาอยู่เป็น
00:01:44 → 00:01:47 เพื่อนเขาได้อืค่ะการอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย
00:01:47 → 00:01:49 แล้วเราไม่พูดต่อได้หรอคะอาจารย์คือคน
00:01:50 → 00:01:52 ส่วนใหญ่จะต้องคิดว่าทุกครั้งของการเป็น
00:01:52 → 00:01:55 เพื่อนต้องแบบนะๆมีส่วนร่วมคือบางคนอยาก
00:01:55 → 00:01:58 มีส่วนร่วมอยากให้เขาหายเศร้าบางคนแบบไอ้
00:01:58 → 00:02:01 เซ้าซี้เน้านะถามนู่นน่ะไปจบอะไรอย่าง
00:02:01 → 00:02:03 เงี้ยมันจะช่วยให้เขาหายเศร้ามหรือยิ่ง
00:02:03 → 00:02:06 รำคาญนะค่ะอาจารย์อ่ะตคนบดเนี่ยเธอเนี่ย
00:02:06 → 00:02:09 ถ้าไม่พูดเดี๋ยวอาจตายเลยนะเธอต้องรีบพูด
00:02:10 → 00:02:13 มานะฉันน่ะยินดีรับฟังเธอนะอันนี้คือความ
00:02:13 → 00:02:17 ปรารถนาดีนะอือแต่เวลาเรารับฟังจริงๆอ่ะ
00:02:17 → 00:02:21 เราจะไม่ไม่ไม่ไปแบบบีบคันให้เค้าพูดอ่ะ
00:02:21 → 00:02:26 อืนะฮะอืเราจะบอกว่าเออเรายินดีรับฟัง
00:02:26 → 00:02:31 สิ่งที่เธอจะพูดนะเอยู่ข้างๆนี่แหละให้
00:02:31 → 00:02:34 เค้ารู้ว่าเรายินดีรับฟังทุกเรื่องอืนะ
00:02:34 → 00:02:37 ครับแต่ไม่ว่าไปแบบไปเฮ้ยเธอต้องพูดมานะ
00:02:37 → 00:02:40 แต่ในใจเราก็รู้อยู่แล้วว่าการที่เพูดออก
00:02:40 → 00:02:42 มาเนี่ยเป็นการระบายอย่างหนึ่งอันนเรารู้
00:02:43 → 00:02:46 แต่ไม่ไม่ไม่จำเป็นต้องต้องไปบีบคั้นที่เ
00:02:46 → 00:02:49 พูดเนี่ยเธอไม่พูดนี่แย่เลยนะแต่ว่าเธอ
00:02:49 → 00:02:51 ยังไม่ดีขึ้นนะอืเธอดีขึ้นเธอต้องพูดออก
00:02:51 → 00:02:54 มาอะไรอย่างเงี้ยอันอันนั้นมันนั้นเป็น
00:02:54 → 00:02:57 อีกอีกวิธีนึงที่เป็นห่วงแต่อันนั้นยิ่ง
00:02:57 → 00:03:02 ไปทำร้ายเยิ่งมากขึ้นอือืนะคะยิ่งทำร้าย
00:03:02 → 00:03:05 นอกจากการเอ่อเริ่มโดยเริ่มโดยประเด็น
00:03:05 → 00:03:08 อย่างเงี้ยนะครับตานนี้ยังมีอีกนะครับว่า
00:03:08 → 00:03:09 เราสามารถที่
00:03:09 → 00:03:15 จะช่วยเ้าได้นะครับในเรื่องของการที่รับ
00:03:15 → 00:03:18 ฟังแล้วระหว่างระหว่างรับฟังนี่ต้องมี
00:03:18 → 00:03:22 ปริยาตอบสนองด้วยนะครับไม่ใช่รับฟังไปดู
00:03:22 → 00:03:24 ข่าวเอ้ตอนนี้ข่าวถึงไหนแล้วอะไอย่าง
00:03:24 → 00:03:27 เงี้ยคือต้องมีไ Contact อยู่กับเค้าอื
00:03:27 → 00:03:31 แล้วก็อย่าไป urb เค้าเวดาเพูดโเสียใจ
00:03:31 → 00:03:33 เอ้ยเธออย่าไปคิดมากเลยเรื่องอย่างเนี้ย
00:03:33 → 00:03:37 ใครๆพูดก็เป็นกันนะอ่ามันเป็นวลีที่คนชอบ
00:03:37 → 00:03:40 พูเนี้ยก็ไม่ได้นะครับเพราะฉะนั้นต้องรับ
00:03:40 → 00:03:43 ฟังด้วยด้วยเข้าใจแล้วก็มีการตอบสนองการ
00:03:43 → 00:03:48 ตอบสนองอืๆๆอ่าอะไรเงี้ยคืออมาอคือว่าเออ
00:03:48 → 00:03:51 เรายังอยู่ข้างๆเขานะไม่ใช่นั่งนิ่งอะไร
00:03:51 → 00:03:55 อย่างเงี้ยรับฟังเไม่ได้อืนะคะนะครับมี
00:03:55 → 00:04:01 เอ่อสบตาไม่ไป urb ไม่ไม่ไปที่จะไปเบรค
00:04:01 → 00:04:03 เค้าหรือไปรีบไปสวนเอุ้ยอย่างนั้นอย่าง
00:04:03 → 00:04:08 นี้รีบสอนอันนี้ไม่ไม่ได้นะครับแล้วก็มี
00:04:08 → 00:04:11 การเรียกว่าตอบสนองต่อสิ่งที่เค้าที่เพูด
00:04:11 → 00:04:16 ออกมาอืนะครับอืแล้วก็มีไม่จะมีเรื่อง
00:04:16 → 00:04:21 ของเวลาอืการที่เราอยู่กับเค้าเนี่ยเฮ้ย
00:04:21 → 00:04:24 ชันดีฉันต้องรีบไปก่อนนะอะไรเงี้ยไม่ได้
00:04:24 → 00:04:28 คือคือต้องรู้ว่าเรามีเวลาให้เค้านะอืใช่
00:04:28 → 00:04:31 มั้ให้เค้าให้เคเไม่ใช่ว่าเอ๊ะเรามีนัด
00:04:31 → 00:04:34 อยู่ 5 นาทีมาฟังหน่อยฮะเอ่อแล้วรีบไป
00:04:34 → 00:04:37 เงี้ยมันก็มันก็จะทำให้รู้สึกเอ๊ะเธอจะมา
00:04:37 → 00:04:40 ทำเลยฉันเนี่ยฉันยังรู้สึกไม่หมดเลยหรือ
00:04:40 → 00:04:42 ฉันอยากจะร้องไห้ยังไม่ได้ร้องไห้เลย
00:04:42 → 00:04:44 อย่างเงี้ยนะครับอันนี้ก็เป็นสิ่งที่
00:04:44 → 00:04:48 สำคัญอืค่ะหรือบางทีนั่งอยู่เป็นชั่วโมง
00:04:48 → 00:04:51 นานเกินไปก็ไม่ดีอืเพราะว่าจริงๆคนที่เค
00:04:51 → 00:04:54 ู้สูญเสียว่าาบางทีเขาก็เกรงใจคนที่มารับ
00:04:54 → 00:04:57 ฟังด้วยค่ะนะครับเพราะฉะนั้นต้องดูดูเวลา
00:04:57 → 00:05:01 ให้เหมาะสมอืเป็นเป็นสนที่เรียกว่าเป็น
00:05:01 → 00:05:06 คร่าวๆแต่ั้งนี้ครั้งนั้นเนี่ยในการที่
00:05:06 → 00:05:08 รับฟังเนี่ยอย่างที่บอกครับไอ้ความเมตตา
00:05:08 → 00:05:13 กรุณาเนี่ยคนตาบอดก็มองเห็นครับคหือหนวก
00:05:13 → 00:05:16 ก็ได้ยินอืนะเพราะนั้นก็จะรู้อ๋อเนี่ยเรา
00:05:16 → 00:05:19 มีเวลาให้เานะแต่ปรารถนาที่จะมาเช่วยเขา
00:05:19 → 00:05:22 จริงๆอันเนี้ยเป็นสิ่งที่เขาเจะรับรู้ได้
00:05:22 → 00:05:25 มากครับอืเออหนูชอบอาจารย์จังที่อาจารย์
00:05:25 → 00:05:28 บอกว่าคเมตตากรุณาแม้คุณตาบอดก็รับรู้คน
00:05:28 → 00:05:32 หูนก็ได้ยินเออเนาะมันมันสัมผัสได้จากการ
00:05:32 → 00:05:35 ที่เราอยู่ข้างๆเค้าใช่มั้ยคะเห็นทาทาง
00:05:35 → 00:05:39 อากกับกิริยาเอออาจารย์คะแต่ว่าคนส่วน
00:05:39 → 00:05:42 ใหญ่เนี่ยเขาบอกว่าช่วงของการสูญเสีย
00:05:42 → 00:05:45 เนี่ยไอ้ตอนช่วงงานศพเนี่ยอืเราเจอผู้คน
00:05:45 → 00:05:48 มากมายไม่น่าเป็นห่วงหรอกแต่พอหลังจาก
00:05:48 → 00:05:51 เนี้ยเ้าต้องอยู่ในบทบาทชีวิตจริงเค้าและ
00:05:51 → 00:05:54 เคไม่ได้มีคนไปห้อมล้อมไม่ได้มีญาติไม่
00:05:54 → 00:05:57 ได้มีผู้ปรารถนาดีแบบแบบที่แบบเอ่อส่ง
00:05:57 → 00:06:00 กำลังใจให้เา้าตลอดเพราะว่าเขาก็อาจจะ
00:06:00 → 00:06:02 ต้องกลับไปในที่ที่อยู่ของเขาหรือว่าเจ้า
00:06:02 → 00:06:05 หน้าที่ก็ต้องกลับไปเอ่อญาติก็ต้องกลับไป
00:06:05 → 00:06:07 อยู่ในภูมิลำเนาเดิมของตัวเองอย่าเงี้ย
00:06:08 → 00:06:10 ค่ะช่วงที่เขาต้องอยู่กับตัวเองนี่มันจะ
00:06:10 → 00:06:13 ผ่านไปได้ยังไงค่ะอาจารย์ครับอันนี้เป็น
00:06:13 → 00:06:18 อีกอีกจุดนึงนะครับที่จะต้องเกิดขึ้นคิด
00:06:18 → 00:06:21 ดูสิครับเอาแค่ว่าเราไม่ได้เป็นญาติกับ
00:06:21 → 00:06:25 พี่น้องกับทางเอ่อผู้สูญเสียนะครับเรา
00:06:25 → 00:06:29 เป็นแค่คนรับฟังข่าวอย่างที่คุณตรีนตีบอก
00:06:29 → 00:06:32 มานะครับหรือว่าอย่างพี่สาวผมอ่ะบอกว่า
00:06:32 → 00:06:35 ได้ข่าวข้างแรกนอนไม่หลับเลยอ่ะทั้งคืนออ
00:06:35 → 00:06:38 นะครับเพราะฉะนั้นผู้ที่สูญเสียเนี่ยเขาค
00:06:38 → 00:06:41 ก็ต้องมีคำปฏิกิริยาที่มากกว่านั้นอีก
00:06:41 → 00:06:44 ครับอืครับการที่เรามีพิธีต่างๆเนี่ย
00:06:44 → 00:06:48 อันเนี้ยเ้าบอกว่าเป็นวิธีนึงนะของการ
00:06:48 → 00:06:51 ค่อยเยียวยาความโศกเศร้าอืไม่ให้เค้าแไป
00:06:51 → 00:06:54 อยู่คนเดียวในช่วงต้นนะฮะคือมีคนมาหอร้อ
00:06:54 → 00:06:57 มีคนทำนู่นทำนี่ด้วยกันเแล้วเรู้สึกเค้า
00:06:57 → 00:07:01 ได้ทำอะไรเพื่อผู้ที่ที่จากไปแล้วค่ะนะ
00:07:01 → 00:07:04 ตามศาสนาเออเราได้เออเรายังมีชีวิตอยู่
00:07:04 → 00:07:07 เราก็ยังได้พู้ที่ที่พู้ที่จากไปแล้วแต่
00:07:07 → 00:07:12 ทีนี้ครับเวลาเไปอยู่คนเดียวอ่ะค่ะนะรับ
00:07:12 → 00:07:15 รองได้เลยจะต้องมีความรู้สึกหวนคิดถึงการ
00:07:15 → 00:07:19 สุดเียนนั้นครับจะต้องจับไปคิดถึงเอ๊ะ
00:07:19 → 00:07:21 ทำไมตอนนั้นวันนี้ไม่น่าส่งลูกไปเลยนะ
00:07:21 → 00:07:24 เห็นมั้คนอื่นเขฝนตกเถึงไม่ส่งลูกไปทำไม
00:07:24 → 00:07:29 ถึงส่งลูกไปก็จะมีการโทษตัวเองอืแล้วก็
00:07:29 → 00:07:31 ปฏิกิยาด้านร่างกายจะมีความรู้สึกแน่นแ
00:07:31 → 00:07:36 ออกหายใจไม่ค่อยอิ่มปวดหัวไม่ค่อยมีแรง
00:07:36 → 00:07:39 หายใจลำบากอันเนี้ยยังเป็นปิญาที่ยังจะ
00:07:39 → 00:07:43 ต้องมีต่อเนื่องไปอืหรีว่ามากบ้างน้อย
00:07:43 → 00:07:46 บ้างในแต่ละคนไม่เหมือนกันอืบางคนรู้สึก
00:07:46 → 00:07:49 เห็นเมื่อกี้ที่บอกอยู่อ้างว้าอ้างโดด
00:07:49 → 00:07:52 เดี่ยวแม้ว่าจะมีคนอยู่ด้วยก็ตามออือแต่
00:07:52 → 00:07:54 เมื่อไหร่เราเข้าไปห้องนอนเนี่ยอยู่ห้อง
00:07:54 → 00:07:57 นอนเดี๋ยวเราบางคนก็ยังน้ำตาไหลมีอยู่ได้
00:07:57 → 00:08:00 ครับอันนี้เรียกว่าปฏิริยาเกิดจากความ
00:08:00 → 00:08:04 เศร้าโศกสูญเสียที่เกิดขึ้นอันเนี้ยครับ
00:08:04 → 00:08:08 ใช้เวลานิดนึงอืนะครับแต่มันเป็นปิาที่
00:08:08 → 00:08:12 เกิดขึ้นจริงของมนุษย์ของเราแต่ถ้าเกิดใน
00:08:12 → 00:08:15 คนที่เขาต้องแยกออกจากว่าสูญเสียแบบปกติ
00:08:15 → 00:08:18 ครับจะมารกนิดหน่อยกับสูญเสียแบบผิดปกติ
00:08:18 → 00:08:22 ไปเลยอือย่างผิดปกติเช่นว่าเ้ยฉันฆ่าตัว
00:08:22 → 00:08:25 ตายตามดีกว่าอันเนี้ยผิดปกติอันเนี้ยต้อง
00:08:25 → 00:08:29 รีบปพบแพทย์นะให้ช่วยยาวยาเดยๆนแต่สึง
00:08:29 → 00:08:33 เสียปปกติก็มีอาจะมีร้องไห้บ้างในบาง
00:08:33 → 00:08:35 ครั้งร้องไ้ทั้งวันทั้งคืนเลยอันนั้นถ้า
00:08:35 → 00:08:38 ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนก็ถือว่าเป็นอารมณ์
00:08:38 → 00:08:41 เศร้าที่เกิดมากกว่าปกติอันนั้นก็ต้องพบ
00:08:41 → 00:08:42 แพทย์พบ
00:08:42 → 00:08:48 จิตแพทย์นะครับานี้ทำอย่างไรล่ะสว่าเค้า
00:08:48 → 00:08:50 เนี่ยต้องไปอยู่คนเดียวจริงๆแล้วครับส่วน
00:08:50 → 00:08:55 นึงก็คือให้คิดถึงในสิ่งที่ดีในสิ่งที่
00:08:55 → 00:08:59 รู้สึกกับเอ่อผู้ที่พที่ 3 ไปแล้วแต่ก็ลด
00:08:59 → 00:09:02 ความที่โทษตัวเองหรือโกรธตัวเองหรือโกรธ
00:09:02 → 00:09:06 คนอื่นเพราะว่าเวลาเราสูญเสียเราจะรู้สึก
00:09:06 → 00:09:09 โกรธนะครับโกรธคนนี้ทำให้เกิดการสูญเสีย
00:09:09 → 00:09:13 อืแล้วโกรธตัวเองเอทำไม่ามีส่วนด้วยหรือ
00:09:13 → 00:09:15 เปล่าอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้นต้องละความ
00:09:15 → 00:09:18 โกรธนี้ให้ได้แต่ใช้เวลาครับไม่สามารถที่
00:09:18 → 00:09:21 จะบอกว่าอุ๊ยเรื่องอย่างนี้เราต้องมีอภัย
00:09:21 → 00:09:24 นะทุกคนรู้ครับว่าต้องมีอภัยแต่มันไม่ได้
00:09:24 → 00:09:28 ทำได้ง่ายๆครับครับเ่อคุณหมอครับผมเลย
00:09:28 → 00:09:31 อยากจะถามผมอยากจะยกกรณีการสูญเสียขึ้นมา
00:09:31 → 00:09:33 เนี่ยก็เลยอยากจะถามว่าความโศกเศร้าจาก
00:09:33 → 00:09:37 การสูญเสียเนี่ยลักษณะของมันนเป็นยังไง
00:09:37 → 00:09:41 ครับคุณหมอฮะความสงเศร้าจากความสุนเสียเ
00:09:41 → 00:09:44 ของ Elizabeth คูบ loss นะครับก็ถือว่า
00:09:44 → 00:09:48 เป็นเป็นคนที่ได้บอกไว้เลยมีอยู่ 5 ขั้น
00:09:48 → 00:09:52 ตอนนะครับปมือขั้นตอนแรกคือความรู้สึกว่า
00:09:52 → 00:09:55 ปฏิเสธว่าเอ๊ะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่อง
00:09:55 → 00:09:57 จริงหรอกมันไม่น่าจะเกิดขึ้นนะได้ข่าว
00:09:57 → 00:09:59 ครั้งแรกก็อุ้ยไม่ใช่หรอกไม่ใช่ไม่ใช่ลูก
00:09:59 → 00:10:02 ชันแน่เลยก็เป็นลูกคนอื่นช็อกไปด้วยนะ
00:10:02 → 00:10:06 ครับจากนั้นก็จะมีเรียกว่าความโกรธโกรธใน
00:10:06 → 00:10:09 สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่บอกไปครับคือโกรธ
00:10:09 → 00:10:13 คนที่ทำให้เรารู้สึกเสียโกรธตัว
00:10:13 → 00:10:17 เองนะครับแล้วก็จะมาก็ไปมีการรู้สึกต่อ
00:10:17 → 00:10:20 รองเอ้ยไม่ใช่มั้งหรือเป็นคนอื่นนะเอออาจ
00:10:20 → 00:10:23 จะฟังผิดอะไรหรือเปล่าเออหรือว่าเป็นแค่
00:10:23 → 00:10:26 เอ่อบาดเจ็บยังไม่ยังไม่ตายหรอกอย่าง
00:10:26 → 00:10:30 เนี้ยเขต้องช่วยได้แน่ๆเลยอมาก็รู้สึกซึม
00:10:30 → 00:10:34 เศร้าอืซึมเศร้าก็จะรู้สึกว่าเอ๊ไม่จำแยก
00:10:34 → 00:10:36 ตัวอย่างเมื่อกี้ที่บอกมีคามรู้สึกอ้าง
00:10:36 → 00:10:41 วางโดดเดี่ยวรู้สึกว่านอนหลับไม่ดีต่างๆ
00:10:41 → 00:10:45 แล้วสุดท้ายถึงมาเป็นเรียกว่ายอมรับได้
00:10:45 → 00:10:48 อืออืแต่แม้ว่ายอมรับได้มันไม่ได้เกิด 1
00:10:48 → 00:10:50 2 3 4 5 อย่างที่พูดนะครับอาจจะ 2
00:10:50 → 00:10:52 แล้วก็บอก 5 เ้ฉันยอมรับได้แล้วว่าเข้าไป
00:10:52 → 00:10:56 ในงานมีรู้สึกปุ๊กเออๆใช้ยอมรับได้แต่มัน
00:10:56 → 00:10:59 อาจจะกลับไปที่ 3 ไปที่ 1 อีกได้อครับไป
00:10:59 → 00:11:03 กลับม 5 อีกมันจะวนวิวแบบเนี้ยอือนะครับ
00:11:03 → 00:11:06 โดยในระยะแรกเนี่ยที่บอกว่าเราบว่ารู้สึก
00:11:06 → 00:11:08 ช็อกรู้สึกไม่เชื่อเ่ะมันจะเป็นระยะตอน
00:11:08 → 00:11:12 ต้นเลยถึงประมาณ 2-3 สัปดาห์อืเอตอฉาก
00:11:12 → 00:11:15 นั้นก็จะเป็นระยะที่เรารู้สึกว่าระยะต่อๆ
00:11:15 → 00:11:18 มาเนี่ยเค้าให้เวลาถึงเป็นเป็นเดือนเลยนะ
00:11:19 → 00:11:22 ครับอันนี้ส่วนใหญ่เนี่ยจะไม่เกิน 6
00:11:22 → 00:11:24 เดือนถ้าเกิน 6 เดือนเราถือว่าเป็นเรียก
00:11:25 → 00:11:28 ว่าเป็นเรื้อรังละนะครับเรื้อรังก็ต้องมา
00:11:28 → 00:11:31 มาดูว่าเเดี๋ยวแล้วยังมีอาการนี้อยู่แต่
00:11:31 → 00:11:34 ต้องทำยังไงต่อนะครับอแต่ส่วนพอสัก
00:11:34 → 00:11:37 สัปดาห์เนี่ยเราก็สามารถที่ไปทำกิจกรรม
00:11:37 → 00:11:41 ต่างๆได้บ้างแล้วเช่นกลับไปทำงานได้ไปทำ
00:11:41 → 00:11:44 นู่นทำนี่ได้อืนะครับอเนี้ยเป็นเป็นขั้น
00:11:44 → 00:11:46 ตอนของมัน
00:11:46 → 00:11:50 อือันเนี้ยอาการลักษณะอย่างเงี้ยทั้งีซะ 5
00:11:50 → 00:11:53 ขั้นตอนที่คุณหมอว่ามานี่คือมันสามารถ
00:11:53 → 00:11:56 เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัยเลยมยครับ
00:11:56 → 00:11:59 หรือว่ามันอาจจะเกิดขึ้นกับ
00:11:59 → 00:12:06 คนที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปคนรัก
00:12:06 → 00:12:09 ไปคือการสูญเสียเนี่ยเกิดขึ้นอันเนี้ยเขา
00:12:09 → 00:12:13 บอกว่าเการสูญเสียไม่ใช่เป็นว่าแค่การสูญ
00:12:13 → 00:12:16 เสียเรื่องของการเสียคนรักนะฮะสูญเสีย
00:12:16 → 00:12:19 อวัยวะก็ได้อืหรือสูญเสียเรื่องของหน้า
00:12:19 → 00:12:22 ที่การงานที่เราคาดหวังไว้ก็ได้ก็จะเกิด
00:12:22 → 00:12:25 ากแ่แบบนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกันอือหรือการ
00:12:25 → 00:12:29 สูญเสียของคนที่อาจจะากจากการฆ่าตัวตายก็
00:12:29 → 00:12:31 ได้อือันเนี้ยมันจะเป็นกยาอันเนี้ยเป็น
00:12:31 → 00:12:35 เป็นโดยรวมแบบนี้แต่โดยโดยย่อยๆลงไปเนี่ย
00:12:35 → 00:12:39 ก็อาจจะมีบางอย่างที่แตกต่างกันออกไปอื
00:12:39 → 00:12:42 แต่ความสูญเสียเ่ะความรุนแรงน่ะก็ขึ้นกับ
00:12:42 → 00:12:45 ความสัมพันธ์ระหว่างกระหว่างตัวตัวของตัว
00:12:45 → 00:12:49 เรากับผู้ที่เสียชีวิตไปอเรายิ่งสัมพันธ์
00:12:49 → 00:12:51 แน่นเท่าไหร่มันก็จะมีความรู้สึกมากขึ้น
00:12:51 → 00:12:56 เท่านั้นค่ะแล้วก็การควากหวังต่อสังคมนะ
00:12:56 → 00:13:00 ครอบครัวการสนับสนุนคือคือมีคนคอยช่วย
00:13:00 → 00:13:03 เหลือมากน้อยแค่ไหนแล้วก็มีตัวมากระตุ้น
00:13:03 → 00:13:06 มากน้อยแค่ไหนเช่นโอ้โหทุกคนมากระตุ้น
00:13:06 → 00:13:09 ใหญ่เลยเอ้ยทำไมไหนเล่าซิอยากจะรู้จังเลย
00:13:09 → 00:13:12 อะไรอย่างเงี้ยนะนะอย่างที่ตอนเที่ทุกทุก
00:13:12 → 00:13:16 คนก็ต้องขอบคุณสื่อมลชนมากเลยครับที่ทุก
00:13:16 → 00:13:20 คนก็พยายามที่จะไม่ไปแบบไม่ไปจี้ไม่ไป
00:13:20 → 00:13:24 อะไรกับผู้ที่สูญเสียไปแล้วอ่ะนะครับก็ทำ
00:13:24 → 00:13:26 ให้เคสามารถที่มีอยู่ในความสงบได้อยู่กับ
00:13:26 → 00:13:30 ตัวเองได้นะเป็นสิ่งที่ดีอือนะครับแล้วก็
00:13:30 → 00:13:33 เรื่องของการลักษณะการเสียชีวิตอันนี้ก็
00:13:33 → 00:13:37 เป็นอีกอันนึงที่เป็นตัวที่เอ่อเช่นเสเส
00:13:37 → 00:13:40 ชีวิตด้วยการที่ค่อยๆฉากไปใช่มยฮะเเป็น
00:13:40 → 00:13:43 โรครู้ะเป็นมะเร็งเป็นมานานละอ่าอันนี้
00:13:43 → 00:13:46 ได้มีโอกาสอะไรอ่ะได้มีโอกาสสั่งเสียอ่า
00:13:46 → 00:13:49 เราก็จะรู้สึกเออเราโอเคทำให้ท่านสิ้นสุด
00:13:49 → 00:13:52 แล้วนะแต่สึงเสจากการอุบัติเหตุแล้วก็จะ
00:13:52 → 00:13:55 รู้สึกเ้ยยังไม่ได้ไม่ได้คุยอะไรกันเลย
00:13:55 → 00:13:57 อ่ะอนะยังไม่ได้นั่นเลยอ้าเมื่อเช้าเจอ
00:13:57 → 00:14:00 กันอยู่เลยยังไม่ได้บอกรักกันเลยอะไร
00:14:00 → 00:14:02 เงี้ยเอสมมติว่าบางคนทะเลาะกันหรือสูญ
00:14:02 → 00:14:06 เสียจากการเอ่อฆ่าตัวตายก็จะรู้สึกเฮ้ย
00:14:06 → 00:14:09 ฉันทำผิดอะไรไปด้วยหรือเปล่าแล้วหรือว่า
00:14:09 → 00:14:13 สูญเสียจากการที่โดนฆาตกรรมอืก็จะมีความ
00:14:13 → 00:14:17 แตกต่างกันออกไปบ้างเล็กๆน้อยๆอืถ้า
00:14:17 → 00:14:20 ปัจจุบันทันด่วนเนี่คือคนจะทำใจกันไม่ได้
00:14:20 → 00:14:23 เนาะส่วนจะเป็นแบบนี้ถ้าเกิดแบบรู้มานาน
00:14:24 → 00:14:26 ป่วยมานานมันเหมือนเป็นระยะเวลาทำใจก็อาจ
00:14:26 → 00:14:29 จะมีช่วงเวลาที่แบบว่าเออพอจะคิดทำเหมือน
00:14:29 → 00:14:33 ที่คุณหมอบอกไว้ได้ใช่มั้ยฮะใชนะคะอือคุณ
00:14:33 → 00:14:36 เพราะฉะนั้นการที่มีทำบุญ 7 วัน 50 วัน
00:14:36 → 00:14:40 100 วันน่ะเเรียกว่าเป็นทางสังคมที่
00:14:40 → 00:14:44 สร้างพิธีขึ้นมาหรือวิธีขึ้นมาทำให้เรา
00:14:44 → 00:14:47 สามารถรีฟได้ไปได้อ๋อมันเหมือนเป็นใช่มั้
00:14:47 → 00:14:51 เออพอรีฟเออมีครบรอบ 10 วันเลยเนี่ยก็มี
00:14:51 → 00:14:53 ญาติเยิดมาช่วยกันทำบุญทำอะไรเนี่ยเราก็
00:14:53 → 00:14:57 รู้สึกเออได้ี 50 วันก็มี 100 วันก็มีเย
00:14:57 → 00:14:59 อันเนี้ยเป็นเป็นเป็น
00:14:59 → 00:15:02 เป็นกลไกหรือเป็นวิธีที่กุเราได้สร้าง
00:15:02 → 00:15:06 ขึ้นมาเออเป็นกุศโลบายะกันอืนะคะว่าแบบ
00:15:06 → 00:15:09 ว่าได้ได้มาพบปะได้พูดคุยได้ถ่ายถามแบบ
00:15:09 → 00:15:12 รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากอ้างวง
00:15:12 → 00:15:15 มาพักเออย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกว่ามันก็
00:15:15 → 00:15:18 ยังมีใครอยู่รอบรอบข้างเรารอบตัวเรานะนะ
00:15:18 → 00:15:22 ฮะอืคุณหมอครับก็เลยอยเชิญๆครับหมเอ่อ
00:15:22 → 00:15:25 เวลาเราที่สูญเสียคนที่เราไม่สามารถที่จะ
00:15:25 → 00:15:28 บอกเอะไรเได้ใช่มั้ยครับให้ใช้วิธีอย่าง
00:15:28 → 00:15:31 นี้ครับถ้าเราอยากจะคุยกับเ้าเนี่ยลอง
00:15:31 → 00:15:35 เขียนใส่กระดาษเอาไว้้อืืนะว่าเออเราเรา
00:15:35 → 00:15:38 รักเธอจะมากเลยเกิดมาคราวหน้ามาจากชั้นนะ
00:15:38 → 00:15:40 อะไรเงยมาเป็นลูกชั้นอีกอย่างเงี้ยนะแล้ว
00:15:40 → 00:15:43 ก็ทำพิธีเช่นเราเคยใส่บาตรใช่มั้เออก็เอา
00:15:44 → 00:15:47 เนี้ยให้พระหรือว่าทำแบบว่าถวายพระด้วยนะ
00:15:47 → 00:15:50 เอ่อเดี๋ยวพระท่านก็จะไปไปเผาเองอืหรือ
00:15:50 → 00:15:53 ไม่เราก็เผาเองเออนะครับอันนอันนั้นเป็น
00:15:54 → 00:15:56 อีกวิธีนึงเรว่าทำให้เราออกจาก unfinished
00:15:56 → 00:15:58 Business คืออะไรบางอย่างที่เรายังไม่
00:15:58 → 00:16:01 ยังไม่ได้พูดบอกเแต่เราอยากที่จะบอกอื
00:16:01 → 00:16:04 เหมือนให้พระเป็นเอ่อเป็นผู้นำสาเป็น
00:16:04 → 00:16:08 Messenger ใช่ๆอันนี้หยกเห็นทางนายข่าว
00:16:08 → 00:16:11 อ่ะค่ะว่าคุณพ่อเนี่ยไปนั่งพูดคุยกันหน้า
00:16:11 → 00:16:14 รูมเนาะอคือแบบใช้เวลานานมากในการสื่อสาร
00:16:14 → 00:16:17 แต่ว่าคือมันอาจจะเป็นวิธีที่ที่ที่ใช้ใน
00:16:17 → 00:16:19 การสื่อสารซึ่งซึ่งหยกก็ใช้กับคนที่
00:16:19 → 00:16:21 ครอบครัวเหมือนกันนะก็จะพูดคุยกับรูปเวลา
00:16:21 → 00:16:24 เราจุดธูปคุยเนาะแต่ว่าออวิธีของอาจารย์
00:16:24 → 00:16:28 ถ้าแบบเป็นวิธีแบบปลอบใจที่ดีหน่อยก็อ่ะ
00:16:28 → 00:16:32 คุณลองใช้วิธีนี้นะน่าจะดีนะคะอืแบบให้
00:16:32 → 00:16:35 พระเป็น Messenger เขียนข้อความเหมือนเรา
00:16:35 → 00:16:38 เหมือนเราเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะคะบังสกุล
00:16:38 → 00:16:41 หรือเปล่าคะหรือว่าเออนะคะแบบนั้นนอย่าง
00:16:41 → 00:16:45 นั้นน่ะครับอืถ้าถ้าใช้วิธีการเขียนอย่าง
00:16:45 → 00:16:48 นี้เนี่ยคือมันจะยิ่งเป็นการไปตอกย้ำมย
00:16:48 → 00:16:51 ครับคุณหมอครับยิ่งยิ่งเราไปนึกถึงเรื่อง
00:16:51 → 00:16:56 ราวโอ้โหความดีงามความสวยงามของบุคคลที่
00:16:56 → 00:16:59 เรารักแต่ว่าวันนึงเไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
00:16:59 → 00:17:02 คือมันจะยิ่งตอกย้ำบาดแผลมั้ยมันจะยิ่งทำ
00:17:02 → 00:17:06 ให้เราเนี่ยย้ำคิดย้ำทำอยู่มั้ยครับคุณ
00:17:06 → 00:17:09 หมอครับอือออันนี้อันนี้เป็นเป็นเอ่อคำ
00:17:09 → 00:17:12 ถามที่ดีครับตอนี้เพราะว่าอะไรเราถึงจะ
00:17:12 → 00:17:15 ต้องไปนึกถึงในสิ่งที่ดีกับเขาเป็นเพราะ
00:17:15 → 00:17:17 อย่างนี้เพว่าแม้ว่าเราไม่ึถึงสิ่งที่ดี
00:17:17 → 00:17:21 เนี่ยมันก็จะมีอย่างอื่นเข้ามาอีกอืเช่น
00:17:21 → 00:17:23 เราจะรู้สึกโกรธแค้นหรือรู้สึกอะไรต่อ
00:17:23 → 00:17:25 อะไรอีกหลายอย่างวันนี้เราไม่สามารถที่จะ
00:17:25 → 00:17:29 ลบว่าเอ้ยเราไม่คิดอะไรเลยนะมันยากอื
00:17:29 → 00:17:31 เพราะฉะนั้นก็เปลี่ยนจากไอ้ความที่เราจะ
00:17:31 → 00:17:34 คิดในแง่ลบอะไรก็แล้วแต่นะมาคิดในแง่บวก
00:17:34 → 00:17:37 อันนี้ซะก่อนแต่ไม่ใช่ว่าเราจะคิดอย่าง
00:17:37 → 00:17:40 นี้ไปตลอดเลยโหูแล้วงานการไม่ได้ทำไม่ใช่
00:17:40 → 00:17:43 แบบนั้นหลายคนจะบอกเออย่างนี้ยิ่งเราคิด
00:17:43 → 00:17:46 ถึงแง่ดีเค้าเนี่ยเราก็ยิ่งเสียดายสิอือๆ
00:17:46 → 00:17:49 หลายคนจะต้องคิดแบบนี้ก็เป็นส่วนนึงแต่
00:17:49 → 00:17:51 จริงๆแล้วทำให้เรารู้สึกชุ่มชื่นขึ้น
00:17:51 → 00:17:54 เหมือนว่าเออเรามีความรู้สึกดีๆกับเคนะ
00:17:54 → 00:17:56 แทนที่ไอความรู้สึกโกรธแค้นอย่างอื่นมัน
00:17:56 → 00:17:59 จะวิ่งเข้ามาหาเราไงอือืมันเป็นการเบี่ยน
00:17:59 → 00:18:02 เบนออกไปอันนเป็นอีกวิธีหนึที่ที่ช่วยได้
00:18:02 → 00:18:05 ครับแล้วก็ไม่ไม่ได้ไม่ทำให้รู้สึกว่าโอ
00:18:05 → 00:18:08 อย่างนี้เรายิ่งสูญเสียเคเรายิ่งผูกพัน
00:18:08 → 00:18:11 กับเอะไรอย่างเงี้ยมันผูกพันน่ะเป็นสิ่ง
00:18:11 → 00:18:13 เป็นสิ่งที่ดีแต่แล้วเราก็สามารถที่จะ
00:18:13 → 00:18:19 ปล่อยเเไปได้อืนะคะก็เป็นอีกวิธีการนึง
00:18:19 → 00:18:23 อาจารย์คะแต่เออสงสัยนิดนึงค่ะอาจารย์
00:18:23 → 00:18:26 ทำไมแต่ละคนเนี่ยเวลาเขาเสียเนี่ยบางคน
00:18:26 → 00:18:29 เนี่ยลุกเร็วเนาะฟื้นเร็วอ้อคนก็จมนานจัง
00:18:29 → 00:18:31 เลยมันขึ้นอยู่อะไรคะเวลาหรือว่า
00:18:31 → 00:18:33 ประสบการณ์ในชีวิตของเขาหรือว่าความผูก
00:18:33 → 00:18:36 พันหรือว่าอะไรเพราะบางคนก็ผูกพันมากเนาะ
00:18:36 → 00:18:40 แต่บางคเก็บ่นจะตัดเก็อือ่าตัดขาดได้บาง
00:18:40 → 00:18:44 คนก็แบบอืมยังไม่ขาดใช่ๆครับเพราะว่า
00:18:44 → 00:18:47 อย่างที่บอกว่าคือเอ่อขึ้นกับการตอบสนอง
00:18:47 → 00:18:51 หรือการความสิสมหรับคนที่คนที่เสียเสียไป
00:18:51 → 00:18:53 ด้วยอืแม้ว่าอาจจะเป็นลูกเหมือนกันรัก
00:18:54 → 00:18:56 เหมือนกันหมดแล้วก็เกับตัวเองที่เคยผ่าน
00:18:56 → 00:19:00 การสูเสียนนมาก่อนหรือเปล่าอืนะฮะแล้วก็
00:19:00 → 00:19:02 เราสามารถที่จะิกับสิ่งนั้นได้หรือเปล่า
00:19:02 → 00:19:05 จัดการกับความสุเสียนั้นได้มากน้อยแ่ไหนเ
00:19:05 → 00:19:08 เรียกว่าเป็นความยึดหยุ่นของจิตใจค่ะหรือ
00:19:08 → 00:19:14 เเรียกว่าเป็นเรียกรีซี่นั่นเองอืมีคนเคย
00:19:14 → 00:19:18 บอกว่าเราจะไม่สามารถเป็นมนุษย์ที่แท้ได้
00:19:18 → 00:19:22 จนกว่าเราจะสูญเสียคนที่เรารักไปโอหัก
00:19:22 → 00:19:25 เชือจจังแต่ก่อนแต่ก่อน่านดูแล้วก็แปลกๆ
00:19:25 → 00:19:29 ทำไมต้องสต้องอย่างนั้นนี่หรอกุที่แท้ได้
00:19:29 → 00:19:31 อเพราะว่ามันทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บ
00:19:31 → 00:19:34 ประวัติใช่ความสูญเสียอย่างมากอือ
00:19:34 → 00:19:38 อันเนี้ยอันเนี้ยเออเราเข้าใจเหมือนกันอื
00:19:38 → 00:19:41 โอ้โหเราเราจะเป็นมนุษย์ที่แท้จริงต้อง
00:19:41 → 00:19:44 สูญเสียตเมเราเจ็บดูสาดิตยังไงก็ไม่รู้
00:19:44 → 00:19:48 คุณหมอครับผมอยากจะถามว่ารูปแบบของการสูญ
00:19:48 → 00:19:53 เสียเนี่ยถ้าถ้าในแง่ถ้าถ้าถามคือสูญเสีย
00:19:53 → 00:19:56 คนในครอบครัวอย่างออาจจะเป็นคุณพ่อหรือ
00:19:56 → 00:19:59 คุณแม่หรือลูกเนี่ยอือือันไหนมันมันเจ็บ
00:19:59 → 00:20:03 ปวดมันมันจะสามารถจมกับความเศร้าได้มาก
00:20:03 → 00:20:08 กว่าในในแง่ของทางทางจิตแพทย์อ่ะครับคือ
00:20:08 → 00:20:13 บางทีมันก็ยากที่จะไปอะไรอ่ะไปเปรียบ
00:20:13 → 00:20:16 เทียบครับนะครับว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ดีหรือ
00:20:16 → 00:20:20 ว่าลูกก็ดีแต่อันนึงครับเอ่อคือคุณพ่อคุณ
00:20:20 → 00:20:23 แม่คือคนที่เลี้ยงดูเรามาค่ะแต่ลูกน่ะ
00:20:23 → 00:20:26 เป็นคนที่เราได้เลี้ยงดูออได้คลอดมาจาก
00:20:26 → 00:20:29 ตัวอย่างแม่เนี่ยอเองเลยอ่ะจะต้องคิดถึง
00:20:30 → 00:20:32 วันที่เราคลอดออกมาเพราะฉะนั้นแน่นอนเรา
00:20:32 → 00:20:36 ก็รักเคารพแล้วก็นึกถึงบุญคุณของคุณพ่อ
00:20:36 → 00:20:39 คุณแม่เนาแต่สังเกตเราจะเห็นสังเกตว่าคน
00:20:39 → 00:20:41 จะเป็นห่วงลูกมากกว่า
00:20:41 → 00:20:45 อืนะเพราะฉะนั้นมันก็อาจจะเป็นอันว่าเวลา
00:20:45 → 00:20:48 เราจะสิสมนจะกลับสู้ที่รเราอยู่กับเตลอด
00:20:48 → 00:20:51 เวลาไงนะเห็นเขาโตๆโตๆขึ้นมาเลยแต่สมัย
00:20:51 → 00:20:54 ที่เราเป็นลูกเนี่ยเราอาจช่วงได้อาจจะ
00:20:54 → 00:20:57 อยู่คุณพ่อคุณแม่แต่หังหลังเราเจอให้จออก
00:20:57 → 00:20:58 มาละอื
00:20:58 → 00:21:03 อืนะคะมันก็จะเป็นอีกแบบนึงเหมือนสเกลวัด
00:21:03 → 00:21:06 หน้าที่เอ่อความบทบาทหน้าที่ของความเป็น
00:21:06 → 00:21:10 แม่ความเป็นลูกก็คือเราก็มักจะได้ยินคำ
00:21:10 → 00:21:12 พูดเรื่องของความเศร้าะคุณหมอพิหยกฮะคือ
00:21:12 → 00:21:16 อ่ะถ้าพ่อแม่เสียเนี่ยในช่วงเวลาที่ลูก
00:21:16 → 00:21:19 เนี่ยอาจจะแบบอ้าโอเคพอจะดูแลตัวเองด้วย
00:21:19 → 00:21:23 ลำแข้งตัวเองได้ะก็คงอาจจะไม่มีปัญหาแต่
00:21:23 → 00:21:26 ว่าถ้าคนเป็นพ่อเป็นแม่เนี่ยต้องเห็นลูก
00:21:26 → 00:21:30 เนี่ยเสียไปก่อนที่ตัวเองจะจะโอ้โหจะต้อง
00:21:30 → 00:21:32 อยู่ในวัยที่แบบอาจจะต้องจากไปเนี่ยโอโห
00:21:32 → 00:21:34 มันมันดูเศร้ามากกว่านั้นนะฮะคุณหมออืม
00:21:34 → 00:21:37 อ่าครับก็ส่วนใหญ่จะจะเป็นแบบนั้นนะครับ
00:21:37 → 00:21:40 เพราะว่าอย่างที่บอกครับคือความผกพันธที่
00:21:40 → 00:21:43 เอ่อแหมแม่นี่คลอดรูปมามามากับตัวเองอ่ะ
00:21:43 → 00:21:47 เฝ้าดูอืก็มันก็จะรู้สึกผูกพันมากอืนะคะ
00:21:47 → 00:21:52 ครับอันนี้ครับของของเราอืนะพ่อแม่ก็หมอ
00:21:52 → 00:21:55 เออคุณหมอคะพอดีมีคุณผู้ฟังทางบ้านถาม
00:21:55 → 00:21:58 อย่างงี้ค่ะรบกวนถามคุณหมอค่ะเรียนถามว่า
00:21:58 → 00:22:01 วิธีการปลอบนะคะหลังจากเกิดเหตุสูญเสีย
00:22:01 → 00:22:04 ที่ไม่อาจลืมเรือนได้แม้ใช้เวลาเป็นนาน
00:22:04 → 00:22:07 เป็นปีครับคือคนที่จมอยู่กับความสูญเสีย
00:22:07 → 00:22:09 แล้วมีวิธีที่จมแบบนานนะค่ะมีการปลอบยัง
00:22:09 → 00:22:13 ไงค่ะตอนนี้ถ้าเกิดจริงๆแล้วเนี่ยนะครับ
00:22:13 → 00:22:16 เรื่องของการสูญเสียน่ะถ้าเกิดในวันแรกๆ
00:22:16 → 00:22:19 เลยก็ได้นะการปอบนี่ไม่ใช่เพียงอย่าไป
00:22:19 → 00:22:22 Active Listening นะอืค่ะมีอะไรที่เรา
00:22:22 → 00:22:26 ช่วยเหลือเขาได้เช่นหาข้าวหาปลาให้เขากิน
00:22:26 → 00:22:29 อใช่มฮะหรือหรือมีอะไรเอาจจะมีลูกอีกคน
00:22:29 → 00:22:34 นึงที่ไม่มีใครได้คอยดูแลก็ไปช่วยหารอง
00:22:34 → 00:22:36 เท้าหาอะไรนะคืออันนั้นเป็นการช่วยเหลือ
00:22:36 → 00:22:40 เขาด้วยอันนี้พอมาในระยะยาวเนี่ยก็ต้อง
00:22:40 → 00:22:43 สังเกตแล้วอย่างที่บอกครับว่าปกติเี่มัน
00:22:43 → 00:22:46 อยู่จะอยู่ได้ไม่นานเกิน 6 เดือนแต่จริงๆ
00:22:46 → 00:22:49 2 3 เดือน 4 เดือนก็จะค่อยดีขึ้นละถ้า
00:22:49 → 00:22:53 เกิดเป็นประเภทที่ว่าเป็นเรื้อรังแล้วก็
00:22:53 → 00:22:58 ไม่ดีขึ้นค่ะอาจจะต้องให้ผู้ที่มีความช
00:22:58 → 00:23:01 ชานกว่าเช่นเป็นแพทย์จิตแพทย์หรือถึงบาง
00:23:01 → 00:23:04 ครั้งอาจจะต้องใช้ยาช่วยอือนะครับยาพวกยา
00:23:04 → 00:23:07 ต้านซึมเศร้าครับเพราะว่าหลายคนเข็นนี้
00:23:07 → 00:23:11 ครับหังจากซึมเศร้าไปแล้วเนี่ยมันมีกล
00:23:11 → 00:23:13 กกายของทางด้านสารสืบสาตในสมองที่มัน
00:23:13 → 00:23:16 เปลี่ยนแปลงไปแล้วบางทีมันยังไม่กลับมา
00:23:16 → 00:23:20 สู่สมดุลสักทีเดียววันนั้นยาก็จะช่วยแต่
00:23:20 → 00:23:24 ้าเป็นเราธรรมดาเราก็ไปช่วยเ้าดูแลเค้า
00:23:24 → 00:23:26 ปลอบใจเอันเนี้ยอันนี้อันนี้พอหลังจาก
00:23:26 → 00:23:32 นั้นมาแล้วเราก็ช่วยเขาได้เหมือนกันค่ะอื
00:23:32 → 00:23:34 อาจารย์คะแต่ว่าอย่างที่อาจารย์บอกไปก็
00:23:34 → 00:23:37 คือว่าต้องนานแบบเกินแบบ 6 เดือนเป็นปี
00:23:37 → 00:23:39 ถ้าอย่างงี้ยังอยู่แบบว่าคุณไปหาหมอเถอะ
00:23:39 → 00:23:42 อย่างงี้ใช่มั้ยคะอถ้าถ้าถ้าเกิน 6 เดือน
00:23:42 → 00:23:45 น่ะหรือว่ามันเริ่มเริ่มเลื้อหลังละอืนะ
00:23:45 → 00:23:49 ครับแต่ไม่ใช่ว่าพอ 6 เดือนปั๊บมันจะไม่
00:23:49 → 00:23:53 คิดถึงไม่เลยไม่ใช่นะอืยังมีอยู่บ้างนะ
00:23:53 → 00:23:58 ครับเธรรมดาหรือว่าครบรอบ 1 ปีของของเหตุ
00:23:58 → 00:24:01 การณ์ก็ต้องรับรองต้องมีความสูญเสียสโศก
00:24:01 → 00:24:04 เศร้าอือพอดีตรงกับวันเกิดของเค้าอีก 2
00:24:04 → 00:24:07 เดือนข้างหน้าอันนี้ก็ก็เป็นอืเต้องดู้
00:24:07 → 00:24:10 ว่าความรุนแรงว่ามันรุนแรงมากน้อยแค่ไหน
00:24:10 → 00:24:13 นะครับแต่คนเราก็ยังอาจจะมีส่วนหลงเหลือ
00:24:13 → 00:24:16 อยู่ได้บ้างอือนะครับแต่ถ้าเป็นช่วงแรที่
00:24:16 → 00:24:19 บอกว่าโอโหมีความคิดอยากจะฆ่าตัวตายเลย
00:24:19 → 00:24:22 อือหรือในช่วงหลังจากที่ 1 อาทิตย์ไปแล้ว
00:24:22 → 00:24:25 2 อาทิตย์ไปแล้วยังมีร้องไห้ตลอดไม่ยอม
00:24:25 → 00:24:28 ไปทำงานทำงานไม่ไหวเลยอันเนี้ยในช่วงต้น
00:24:28 → 00:24:33 ก็อาจต้องพาไปพบแพทย์แล้วอืนะคะอืคือก็
00:24:33 → 00:24:37 คือจะปล่อยนานนั่นเองใช่คุณหมอครับเอ่อผม
00:24:37 → 00:24:42 ถามในแง่ของคนรอบข้างะกันครับคุณหมอครับ
00:24:42 → 00:24:45 การที่จะดูแลเยียวยาอยากให้คุณหมอช่วยช่ว
00:24:45 → 00:24:50 ย้ำอีกทีนึงว่าเราควรจะใช้วิธีการปลอบปรม
00:24:50 → 00:24:53 คนที่อยู่ในภาวะการสูญเสียไม่ว่าจะเป็น
00:24:53 → 00:24:58 สูญเสียคนที่รักสูญเสียสิ่งของที่ชอบไป
00:24:58 → 00:25:01 อะไรอย่างเงี้ยเราเราควรจะต้องปฏิบัติตัว
00:25:01 → 00:25:03 ยังไงครับอยให้คุณหมอช่วยๆย้ำอีกนิดนึงฮะ
00:25:03 → 00:25:08 อืครับก็คืออยู่ใกล้ๆเค้าอืแล้วก็ไม่บีบ
00:25:08 → 00:25:10 บังคับให้เค้าต้องรีบพูดออกมาในสิ่งที่
00:25:10 → 00:25:13 เค้ารู้สึกค่ะบอกเคว่าเราอยู่ข้างๆยินดี
00:25:13 → 00:25:17 รับฟังอืแล้วก็มีปิดสัมพันธ์ณีเรียกว่า
00:25:17 → 00:25:22 การบตาแต่ไม่ใช่มุงตึงตาเนาะสบตาด้วยความ
00:25:22 → 00:25:26 มีความเมตตากรุณาเก็จะรับทราบได้เมื่อเขา
00:25:26 → 00:25:30 พูดมาก็ไม่รีบไปด่วนสรุปว่าเอ้ยเธออย่าไป
00:25:30 → 00:25:32 คิดอย่างนี้น่ะคิดยไม่ยิ่งเศร้าเข้าไป
00:25:32 → 00:25:35 ใหญ่เลยอย่างเงี้ย็นเไม่เอารับฟังเ้าด้วย
00:25:35 → 00:25:38 ความจริงใจค่ะแต่ให้เรู้ว่าเราอยู่ข้างๆเ
00:25:38 → 00:25:40 นะก็คืออาจจะพยักหน้าอือๆอะไรอย่าเงี้ย
00:25:40 → 00:25:45 ให้ๆให้เรับทราบแล้วเราอยู่ข้างๆเแล้วก็
00:25:45 → 00:25:49 อย่ารีบไปสอนหรือสั่งอย่างที่บอกไปแล้วนะ
00:25:49 → 00:25:54 ครับแล้วก็เวลาต้องมีเวลาให้เค้าคือตอนเ
00:25:54 → 00:25:56 เราไม่ใช่เอ๊ะเดี๋ยวจะมีโทรศัพท์มาเดี๋ยว
00:25:56 → 00:26:00 เยือเต้องรู้ด้วยว่าเรามีเวลาให้สำหรับเ
00:26:00 → 00:26:03 อืแล้วก็ไม่สั้นไปแล้วก็ไม่ยาวจนเกินไป
00:26:03 → 00:26:07 อ่าอันนเป็นวิธีการที่จะช่วยเขาได้ในการ
00:26:07 → 00:26:11 ที่เเรู้สึกว่าเออมีคนรับฟังเนะมีคนที่
00:26:11 → 00:26:13 อยากจะช่วยเขานะถ้าเขาคยังไม่พร้อมไม่
00:26:13 → 00:26:17 จำเป็นต้องรีบไปบังคับเค้าอืนะครับแล้วก็
00:26:17 → 00:26:22 ใช้คำถามที่กว้างๆคำถามที่เราอ่อนโยนอย่า
00:26:22 → 00:26:27 ที่จะรับฟังเค้าอืครับนะคะอืก็อยู่ด้วย
00:26:27 → 00:26:30 กันอเป็นอยู่เป็นเพื่อนกันเนาะคอยรับฟัง
00:26:30 → 00:26:33 กันนะครับอาจจะไม่ต้องไปขยั้นคยอไปถามเ
00:26:33 → 00:26:36 เนาะใช่ค่ะอาจจะไม่ต้องเบกอาจจะตบมือบ้าง
00:26:36 → 00:26:39 เล็กๆน้อยๆอวจนภาษาเนาะร่วมๆร่วมกันใช่
00:26:39 → 00:26:41 มั้ยคะอาจารย์อคุณหมอครับเดี๋ยวผมอยากจะ
00:26:41 → 00:26:44 ถามทิ้งท้ายครับในฐานะของคนที่ติดตามข่าว
00:26:44 → 00:26:47 สารแล้วก็โอโหรู้สึกซึมๆเศร้าๆรู้สึกน้อย
00:26:47 → 00:26:50 ๆไปกับมันอยากให้คุณหมอช่วยแนะนำนิดนึง
00:26:50 → 00:26:52 ครับไม่ใช่แค่เฉพาะข่าวนี้นะอาจจะมีข่าว
00:26:52 → 00:26:55 อื่นในอดีตหรือว่าในอนาคตอาจจะมีลักษณะ
00:26:55 → 00:26:57 ที่แบบมันอาจจะไม่รุนแรงขนาดนี้แต่แต่ว่า
00:26:57 → 00:26:59 มันไปกระทบกระเทือนจิตใจของคนที่ติดตาม
00:26:59 → 00:27:03 ข่าวเนี่ยเราควรจะต้องดูแลตัวเองยังไงติด
00:27:03 → 00:27:07 ตามกันยังไงครับคุณหมอครับก็โดยที่เราจะ
00:27:07 → 00:27:10 ต้องถ้าเกิดรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้วนะ
00:27:10 → 00:27:14 ก็ต้องต้องต้องงดดูแล้วล่ะครับอบเราเราโ
00:27:14 → 00:27:17 คนไม่ไหวล่ะนะครับแต่พอรู้สึกกับเคเช่น
00:27:17 → 00:27:20 รู้สึกเอ๊ะเมีมีความรู้สึกสูญเสียโศก
00:27:20 → 00:27:25 เศร้าอยู่ก็มีอันนึงครับคือแผ่เมตตาอืนะ
00:27:25 → 00:27:28 ครับทำแบบสวดมนต์แผ่เมตตาให้เไปเลยเออเขา
00:27:28 → 00:27:31 จะได้ไปดีนะด้วยบุญกุศลที่เราได้ทำแล้ว
00:27:31 → 00:27:34 แผ่ให้เค้าเยเราก็จะรู้สึกดีไปด้วยได้มี
00:27:34 → 00:27:38 ส่วนส่วนนึงได้ได้ได้ช่วยเหลือเหลือเไปอื
00:27:38 → 00:27:41 ครับอเยเป็นส่วนที่ที่ช่วยได้แต่เราเป็น
00:27:41 → 00:27:45 คนข้างนอกแล้วอยากจะไปพูดให้คนอื่นฟัง
00:27:45 → 00:27:47 ด้วยว่าเอ๊ตอนนี้เราเป็นอะไรไม่รู้เรารู้
00:27:47 → 00:27:51 สึกเราเราอึดอัดเหลือเกินกับให้มีคนรับ
00:27:51 → 00:27:54 ฟังค่ะนะครับแล้วก็มีคนนึงก็มารับฟังสิ่ง
00:27:54 → 00:27:58 ที่เราที่เรารู้สึกอึดอัดได้อยสำคัญอยาก
00:27:58 → 00:28:00 เก็บให้ความรู้สึกอึดอัดไว้คนเดียวเนาะอ
00:28:00 → 00:28:03 เื่อเราเก็บไว้คนเดียวเราจะรู้สึกคิดไปวน
00:28:03 → 00:28:07 ไปเวียนมาอย่างเงี้ยนะครับการระบายออก
00:28:07 → 00:28:11 ผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆนี่ยังทำได้
00:28:11 → 00:28:15 อยู่มั้ยคุณหมอทำได้ในเรียกว่าต้องดูนิด
00:28:15 → 00:28:19 นึงครับพอทีเวลาเราออกโซเชียลมีเดียเรา
00:28:19 → 00:28:22 ลืมไปแล้วเราออกด้วยความโกรธก็มีนะครับ
00:28:23 → 00:28:26 โกรธด่าเคอย่างเงี้ยอือๆหรือเราเขียนว่า
00:28:26 → 00:28:29 อุ๊ยไม่อยากอยู่เลยอย่างเงี้ยคนก็จะตกตก
00:28:29 → 00:28:32 ใจนะเพราะหหลายคนอย่าที่บอกครับว่าอาจจะ
00:28:32 → 00:28:36 มีความคิดได้ว่าไม่อยากอยู่แล้วค่ะมันคละ
00:28:36 → 00:28:40 อันกับว่าความคิดอยากจะฆ่าตัวตายนะอืนะ
00:28:40 → 00:28:43 บางคนจะตกใจคนเราเพะว่าไปอย่างนั้นคนรีบ
00:28:43 → 00:28:46 มาตกใจมาหาเราอย่าเลยเพราะฉะนั้นถ้าดีที่
00:28:46 → 00:28:49 สุดเเราอยู่กับตัวเราหรือว่าคุยกับคนข้าง
00:28:49 → 00:28:54 ๆดีกว่านะครับเราอาจจะลงในพเออขอแสดงความ
00:28:54 → 00:28:58 เสียใจกับครอบครัวด้วยนะขอให้น้องเไปอยู่
00:28:58 → 00:29:01 ที่อยู่สู่สุกติกอะไรเงี้ยโอเคได้งั้น
00:29:01 → 00:29:03 ต้องระวังนิดนึงเวลาเราจะโพสต์ไปใน
00:29:03 → 00:29:09 โซเชียลมีเดียอือืนะครับผมวันนี้เรียกว่า
00:29:09 → 00:29:12 หลายคนที่ฟังอยู่น่าจะได้แนวทางนะในการ
00:29:12 → 00:29:15 ที่จะเตรียมรับมือเรื่องราวที่ไม่วันใด
00:29:16 → 00:29:17 วันนึงมันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วเรื่องของ
00:29:17 → 00:29:22 การสูญเสียคนที่เรารักไปออืจะได้พอ
00:29:22 → 00:29:25 จะนึกถึงสิ่งที่คุณหมอพูดให้ฟังวันนี้ว่า
00:29:25 → 00:29:28 เออควรจะต้องปฏิบัติตัวยังไงบ้างรวมทั้ง
00:29:28 → 00:29:31 คนที่อาจจะต้องเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้าง
00:29:31 → 00:29:33 กับคนที่อยู่ในภาวะสูญเสียนะจะต้อง
00:29:33 → 00:29:35 ปฏิบัติตัวยังไงบ้างนะครับผมวันนี้ต้องขอ
00:29:35 → 00:29:38 ขอบพระคุณหมอมากๆนะขออาารครับยินดีครับ
00:29:38 → 00:29:41 สวัดีครับคุณรีมคุณเครับขอบพระคุณมากๆ
00:29:41 → 00:29:46 ครับคุณหมอครับขอบคุณค่ะอาจารย์สวัสดีค่ะ