00:00:00 → 00:00:02 ก่อนอื่นต้องต้องให้คุณหมออธิบายให้เรา
00:00:02 → 00:00:06 ได้เข้าใจกันในเบื้องต้นก่อนก่อนที่จะไป
00:00:06 → 00:00:08 ดูถึงเรื่องของสาเหตุและเรื่องของอาหาร
00:00:08 → 00:00:11 การกินที่พี่นกว่าไปจังก์ฟู้ดไขมันพอกตับ
00:00:12 → 00:00:14 มันคือภาวะที่เกิดอะไรขึ้นกับตับของเรา
00:00:14 → 00:00:18 ครับคุณหมอครับค่ะครับก็คือว่าในตับเรา
00:00:18 → 00:00:20 เนี่ยนะครับมันก็จะมีเซลล์ตับอะไรอย่าง
00:00:20 → 00:00:23 นี้อยู่ครับทีนี้เวลามีไขมันพอกตับเนี่ย
00:00:23 → 00:00:26 ก็คือมันมีไขมันเนี่ยมันไปสะสมอยู่จริงๆ
00:00:26 → 00:00:29 มันอยู่ในเซลล์ตับเลยครับมากผิดปกติอื
00:00:29 → 00:00:32 ครับซึ่งในบางคนเนี่ยมันก็สะสมอยู่เฉยๆ
00:00:32 → 00:00:35 อาจจะทำให้ตับโตขึ้นนิดหน่อยบางคนก็จะบ่น
00:00:35 → 00:00:38 แน่นท้องอะไรเงี้ยนะครับแต่ว่าในบางคน
00:00:38 → 00:00:41 เนี่ยไอ้ไขมันที่มันไปสะสมอยู่ในเซลล์ตับ
00:00:41 → 00:00:43 เนี่ยมันจะไปกระตุ้นให้เซลล์ตับตรงนั้น
00:00:43 → 00:00:46 เนี่ยมันอักเสบด้วยนะครับซึ่งพวกนี้มันจะ
00:00:46 → 00:00:49 ไม่มีอาการนะครับมันจะค่อยๆเกิดพอไปนานๆ
00:00:49 → 00:00:52 เซลลตับมันอักเสบมันก็บาดเจ็บไปไปนานๆไป
00:00:52 → 00:00:55 เป็นหลายๆปีก็จะกลายเป็นตับอักเสบเรือรัง
00:00:55 → 00:00:58 จนในที่สุดเนี่ยอาในบางรายนะครับก็จะเกิด
00:00:58 → 00:01:01 พังผืดเกิดตับแข็งครับเกิดมะเร็งตัได้
00:01:01 → 00:01:05 ครับโอโหปกติเนี่ยตัวไขมันที่มันจะไปสะสม
00:01:05 → 00:01:08 ในเซลล์ตับมันมันมีเกาะกันอยู่เป็นเป็น
00:01:08 → 00:01:10 ปกติอยู่แล้วมั้ยครับคุณหมอครับหรือว่า
00:01:10 → 00:01:14 มันมันเกิดจากการสะสมของการใช้ชีวิตการ
00:01:14 → 00:01:17 รับประทานอาหารที่มันดูไม่ค่อยจะเหมาะไม่
00:01:17 → 00:01:20 ค่อยจะควรเท่าไหร่ฮคุณหมอคือจริงๆแล้ว
00:01:20 → 00:01:23 สาเหตุของการที่ไขมันไปสะสมในตับมากผิด
00:01:23 → 00:01:26 ปกติเนี่ยมันมีอยู่ 2 สาเหตุหลักๆนะครับ
00:01:26 → 00:01:28 อันที่ 1 เนี่ยคือการดื่มแอลกอฮอล์มาก
00:01:28 → 00:01:31 เกินไปครับซึ่งอันนี้ก็จะเป็นโรคตัดดจาก
00:01:31 → 00:01:33 แอลกอฮอล์แต่จริงๆถ้าไปดูเนี่ยอันนี้ก็ไข
00:01:33 → 00:01:35 มันเยอะเหมือนกันนะครับแต่กลุ่มโรคที่
00:01:35 → 00:01:38 ช่วงหลังเนี่ยจะพูดกันมากขึ้นเนี่ยก็คือ
00:01:38 → 00:01:42 ไขมันพอกตับจากอ่าการเผาผลาญที่ผิดปกติ
00:01:42 → 00:01:46 หรือการผิดปกติทางเบอิของร่างกายนะครับ
00:01:46 → 00:01:50 ซึ่งพวกนี้ก็คือคล้ายๆกับคนที่เกิดโรคเบา
00:01:50 → 00:01:54 หวานเกิดโรคอ้วนลงพุงเกิดโรคไขมันในเลือด
00:01:54 → 00:01:56 สูงความดันสูงอะไรแบบเนะครับมันจะเป็น
00:01:56 → 00:01:59 กลุ่มโรคคล้ายๆกันคือการเผ่าผ่านปกติแลไข
00:02:00 → 00:02:04 มันมันไปสะสมอยู่ในในอวัยวะภายในครับอค่ะ
00:02:04 → 00:02:08 ก่อนอื่นขอย้อนไปถึงเรื่องของเอ่อเค้า
00:02:08 → 00:02:11 เรียกว่าหน้าที่ของตับค่ะคุณหมอคะอตับของ
00:02:11 → 00:02:14 เราอ่ะทำไมมัน sensitive กับเอ่อเรื่อง
00:02:14 → 00:02:16 ของอาหารอะไรยังไงคะมันมีหน้าที่ยังไงคะ
00:02:16 → 00:02:20 คุณ่ะจริงๆตับมีหลายหน้าที่มากเลยครับ
00:02:20 → 00:02:22 ครับอซึ่งแต่หน้าที่ที่เกี่ยวกับอาหาร
00:02:22 → 00:02:25 เนี่ยที่สำคัญก็คือว่าเวลาอาหารเนี่ยทั้ง
00:02:25 → 00:02:28 หลายที่มันดูดซึมจากลำไส้ใช่มั้ยครับมัน
00:02:28 → 00:02:30 ก็ดูดซึมมาเป็นโมเลกุลเล็กๆมันก็ผ่านเข้า
00:02:30 → 00:02:32 มาทางเลือดเนี่ยจริงๆก่อนจะไปสู่ร่างกาย
00:02:33 → 00:02:35 เนี่ยมันต้องผ่านตับครับตับมันเหมือนเป็น
00:02:35 → 00:02:39 โรงงานที่จะแปรรูปว่าเฮ้ยสารอาหารนี้เอา
00:02:39 → 00:02:42 มาเก็บไว้สะสมตรงไหนบางส่วนก็สะสมอยู่ใน
00:02:42 → 00:02:44 ตับบางส่วนก็ผลิตเป็นสารอย่างอื่นออกไป
00:02:44 → 00:02:47 ใช้อะไรเงี้ยนะครับอันนี้เป็นหน้าที่ที่ั
00:02:47 → 00:02:50 จริงมันใช่ครับแต่ว่ามันก็มีหน้าที่กำจัด
00:02:50 → 00:02:54 สารพิษผลิตโปรตีนอะไรอย่างงีู้มคุ้มปัน
00:02:54 → 00:02:57 อะไรอื่นๆอีกมากมายครับอืโอเเป็นเเป็น
00:02:57 → 00:03:00 ภาวะเป็นเป็นเ้าเรียกว่าหน้าที่เเยอะนะ
00:03:00 → 00:03:03 เออต้องเกี่ยวกับอาหารด้วยตรงเลยอครับ
00:03:03 → 00:03:05 ครับก็คือถ้าสารอาหารมันมันเกินเนี่ยมีไข
00:03:05 → 00:03:08 มันส่วนเกินมีน้ำตาลส่วนเกินมันก็ไปสะสม
00:03:08 → 00:03:12 ที่ต่ตรงๆได้เลยครับครับอืทีนี้เรามาดู
00:03:12 → 00:03:14 เรื่องของสาเหตุกันหน่อยนะพี่นกนะคุณหมอ
00:03:14 → 00:03:17 ครับเมื่อกี้คุณหมอได้ได้พูดไปะ 1 สาเหตุ
00:03:17 → 00:03:21 หลักๆที่ทำให้เกิดไขมันไปไปสะสมในเซลล์
00:03:21 → 00:03:24 ตับเนี่ยจนทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ที่
00:03:24 → 00:03:26 อยู่ที่ตับเนาะนอกจากเรื่องของการดื่ม
00:03:26 → 00:03:28 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วครับคุณหมอครับ
00:03:28 → 00:03:31 มันมีปัจจัยอื่นๆที่ที่ทำให้เราเกิดภาวะ
00:03:31 → 00:03:35 ไขมันพ่อตับด้วยมครับครับก็คือมันก็จะ
00:03:35 → 00:03:38 คล้ายๆกับปัจจัยที่ทำให้เกิดพวกโรคเบา
00:03:38 → 00:03:41 หวานโรคความดันโรคอ้วนน่ะนะครับซึ่งส่วน
00:03:41 → 00:03:44 ใหญ่ก็เป็นการผสมผสานครับในเรื่องของอายุ
00:03:44 → 00:03:47 กรรมพันธ์แล้วก็พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็คือ
00:03:48 → 00:03:50 ถ้าเกิดเรากินอาหารที่ไม่ค่อยเช่น
00:03:50 → 00:03:52 จังก์ฟู้ดนี่แหละครับก็เป็นตัวหลักอันนึง
00:03:52 → 00:03:56 หรือว่ากินบางทีก็อาจจะไม่เป็นคือกินทัน
00:03:56 → 00:03:58 มากเกินไปอครับจนอุก็จะมีโอกาสเกิดได้
00:03:58 → 00:04:01 ครับโอหมายถึงว่าแต่ก็ไม่ค่อยออกกำลังกาย
00:04:01 → 00:04:05 อะไรแบบนี้ครับก็คือสาเหตุที่ที่เกิดอแน่
00:04:05 → 00:04:09 นอนก็คือสิ่งต่างๆที่มันจะทำให้เราเนี่ย
00:04:09 → 00:04:12 มีภาวะน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นคล้ายๆกับ
00:04:12 → 00:04:14 เหมือนเบาหวานอะไรประมาณนี้ใช่มั้ยครับ
00:04:14 → 00:04:16 คุณหมอครับที่ทำให้เกิดไขมันพ่อตับอะไร
00:04:16 → 00:04:19 อย่างเงี้ยฮะอืใช่ครับก็เปรียบเสมือนถ้า
00:04:19 → 00:04:22 ยกก็เช่นเหมือนเราลงพุงอ่ะครับคืออะไรที่
00:04:22 → 00:04:24 ทำให้เราเหมือนลงพุงเพียงแต่ว่าอันเนี้ย
00:04:24 → 00:04:27 มันเป็นพุงที่เหมือนอยู่ข้างในด้วยอะไร
00:04:27 → 00:04:30 อย่างเงี้ยครับครับเพราะฉะนั้นถ้าถ้าเรา
00:04:30 → 00:04:33 เราจะรู้ตัวของเราเองเลยใช่ไหมคะว่าเอ่อ
00:04:33 → 00:04:37 เราเนี่ยเป็นคนนิยมของหวานนะเรานิยมดื่ม
00:04:37 → 00:04:41 แอลกอฮอล์เอ่อเราทานอาหารที่แบบอืมทาน
00:04:41 → 00:04:44 แป้งทานน้ำตาลอะไรอย่างเงี้ยเราจะรู้ด้วย
00:04:44 → 00:04:46 ตัวเองเลยใช่ไมคะคุณหมอคะ
00:04:46 → 00:04:49 อ่าหมายถึงรู้ว่าเราเป็นไขมันของใช่ๆเรา
00:04:49 → 00:04:53 มีแนวโน้มอ๋อใช่ครับก็คือถ้าเราชอบทานพวก
00:04:53 → 00:04:56 นี้โดยเฉพาะถ้าเกิดเราทานพวกเนี้ยจนน้้ำ
00:04:56 → 00:04:59 หนักเราเกินคือถ้าเกิดน้ำน้้ำหนักเรา
00:04:59 → 00:05:01 เนี่ยเนี่ยดูดูเยอะกว่ามาตรฐานอือฮครับ
00:05:01 → 00:05:05 คือถ้าคิดเป็นดัชนีมวลกายก็คือเกิน 25
00:05:05 → 00:05:08 ที่มันที่เรียกว่า BMI อ่ะครับจากน้ำหนัก
00:05:08 → 00:05:10 ส่วนสูงอะไรอย่างเงี้นะครับหรือว่าเรารู้
00:05:10 → 00:05:12 สึกว่าพุงเราใหญ่แล้วอย่างเงี้ยครับก็มัน
00:05:12 → 00:05:15 ก็มีโอกาสที่จะมีไขมันพอกต่ำครับหรือว่า
00:05:15 → 00:05:19 เราอาจจะเป็นโรคเบาหวานเงี้ยครับอืนั่น
00:05:19 → 00:05:22 นั่นเป็นที่มาของคำถามว่าคนอ้วนลงพุงเท่า
00:05:22 → 00:05:25 นั้นมีแข็มันพอกตับหรือคนผอมก็เป็นได้
00:05:25 → 00:05:29 เพราะฉะนั้นก็คือได้ 2 อย่างอือ่าใช่ครับ
00:05:29 → 00:05:33 ก็อนมาแต่คนผอมก็มีโอกาสเกิดได้เหมือนกัน
00:05:33 → 00:05:36 ครับอือืคือถ้าคนผอมที่มันจะเกิดขึ้นนี่
00:05:36 → 00:05:39 ก็คือเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรก็คุณหมอครับ
00:05:39 → 00:05:43 ก็คืออ่ะถ้าถ้าอ้วนเนี่ยอ่าลงพุงอะไร
00:05:43 → 00:05:45 เงี้ยโอเคพอเข้าใจว่าไม่ว่ามันจะเกิดขึ้น
00:05:45 → 00:05:48 ได้กับกับคนที่มีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน
00:05:48 → 00:05:50 แต่ว่าถ้าเป็นคนผอมๆเนี่ยมันเป็นปัจจัย
00:05:50 → 00:05:53 อะไรครับคุณหมอครับครับมันก็อาจจะเป็น
00:05:53 → 00:05:56 ปัจจัยด้านการทานอาหารเหมือนกันหรือว่า
00:05:56 → 00:05:59 รวมๆกับกรรมพันธ์ที่มากหน่อยอย่างเช่นยก
00:05:59 → 00:06:01 ตัวอย่างอย่างคนที่เาเป็นไขมันสูงหรือว่า
00:06:01 → 00:06:03 เป็นเบาหวานนี่บางคนก็ไม่ได้อ้วนก็เป็น
00:06:03 → 00:06:05 ได้อะไรอย่าเงี้ยนะครับเก็บอกเก็ไม่ได้
00:06:05 → 00:06:08 อ้วนไม่ได้กินมากทำไมเไขมันสูงก็คือใน
00:06:08 → 00:06:10 กลุ่มไขมันกอตับก็จะมีกลุ่มนึงที่การเผา
00:06:10 → 00:06:13 ผาญมันผิดปกติแม้ว่าเราจะกินไม่เยอะก็ก็
00:06:13 → 00:06:17 ไปพอกที่ต่ำอะไรอย่างเงี้ยครับอืเออคนผอม
00:06:17 → 00:06:19 ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เหมือนกันนะ
00:06:19 → 00:06:21 ครับแต่ส่วนใหญ่ความรุนแรงจะไม่มากเท่า
00:06:21 → 00:06:25 กับคนอ้วนคนอ้วนอ๋อแต่คือคนที่เป็นดัชนี
00:06:25 → 00:06:27 ใหญ่อืออเป็นดัชนีใหญ่เนาะเป็นเป็นเป็น
00:06:27 → 00:06:31 ตัวการสำคัญทำให้เกไขพอกตับเอ่อนอกจากคน
00:06:31 → 00:06:33 อ้วนแล้วครับคุณหมอครับทีนี้เราอยากจะถาม
00:06:33 → 00:06:36 เลยว่าอาการเนี้ยไขมันพอกตับอ่ะครับเท่า
00:06:36 → 00:06:39 ที่คุณหมอมีมีข้อมูลอยู่ในมือเนี่ยส่วน
00:06:39 → 00:06:41 มากเนี่ยจะเกิดขึ้นในผู้หญิงหรือผู้ชาย
00:06:41 → 00:06:46 แล้วก็วัยไหนที่มักจะมีสถิติเกิดอาการไข
00:06:46 → 00:06:48 มันพอกตับเนี่ยในระดับที่ค่อนข้างจะน่า
00:06:48 → 00:06:52 เป็นห่วงฮะโอจริงๆแล้วเป็นโรคที่เจอบ่อย
00:06:52 → 00:06:56 มากครับในการสำรวจในเมืองไทยเนี่ยอเกือบ
00:06:56 → 00:07:00 20% ของผู้ใหญ่เนี่ยคือมีภาวะไขมันพอก
00:07:00 → 00:07:03 ตับผิดปกติในระดับหนึ่งครับเรียกว่าเป็น
00:07:03 → 00:07:07 10 ล้านคนนะครับคือถ้าไปสำรซึ่งใช่ครับ
00:07:07 → 00:07:10 ซึ่งซึตอนเนี้ยมันก็จะเริ่มเจอในอายุน้อย
00:07:10 → 00:07:13 ลงเรื่อยๆนะครับจริงๆแต่พอดีผมไม่ใช่หมอ
00:07:13 → 00:07:15 เด็กแต่เท่าที่ทราบก็อืก็เป็นปัญหาหมอ
00:07:16 → 00:07:18 เด็กเนี่ก็เจอเด็กมีปัญหาเด็กอ้วนมีไขมัน
00:07:18 → 00:07:21 พอกตับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันครับน่ากลัว
00:07:21 → 00:07:25 มากเลยคำเดี๋ยวผมขอให้คุณหมอช่วยอธิบายลง
00:07:25 → 00:07:27 รายละเอียดนิดนึงคำว่าผู้ใหญ่นี่มันต้อง
00:07:27 → 00:07:29 เป็นวัยตั้งแต่อายุกี่ปีขึ้นไปครับคุณหมอ
00:07:29 → 00:07:31 ครับที่ที่ที่เราจะเกิดตั้งแต่ 3 40
00:07:31 → 00:07:35 แล้วกันครับ 30 กว่า 40 ขึ้นไปจริงๆมัน
00:07:35 → 00:07:38 มันเกิดได้ทุกเพศทุกวัยครับแต่ว่ายิ่งๆ
00:07:38 → 00:07:41 ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะมีโอกาสที่จะเหมือนพอ
00:07:41 → 00:07:43 มันเป็นมานานมันก็อาจจะรุนแรงขึ้นจะกลาย
00:07:43 → 00:07:46 เป็นตับแข็งอะไรเงี้ยนะครับแต่ว่าถ้าอายุ
00:07:46 → 00:07:48 น้อยๆเมันก็จะเริ่มพอกแหละแต่ว่ามันอาจจะ
00:07:48 → 00:07:51 ยังไม่ได้เกิดพังผืนไม่ได้เกิดมะเร็งไม่
00:07:51 → 00:07:54 ได้เกิดตับแข็งครับเอาง่ายๆอย่างเราเดิน
00:07:54 → 00:07:57 ไปคือเห็นผู้คนในชีวิตประจำวันเนี่ยส่วน
00:07:57 → 00:07:59 มากเนี่ยเราก็จะเห็นคนที่ที่เคเรียกว่ามี
00:07:59 → 00:08:03 ห่วงยางเรารู้เลยว่าเนี่ยเขาจะเป็นเอ่อ
00:08:03 → 00:08:06 BMI เกินนะค่ะคุณหมอคะอย่างเงี้ยเรามี
00:08:06 → 00:08:10 การวัดเอ่อเขาคตระหนักมัเส้นเส้นรอบรอบ
00:08:10 → 00:08:13 สะดือของเขารอบที่บอกว่าไม่ให้เกินกี่เซน
00:08:13 → 00:08:16 กี่เซนยังไงเนี่ยก็เท่าที่เห็นก็อายุ
00:08:16 → 00:08:18 ประมาณน่าจะสัก 30 ขึ้นอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:08:18 → 00:08:21 คุณหมอคนในวัยทำงานเนี่ยอย่างเงี้ยถ้าเอา
00:08:21 → 00:08:25 มาตรวจเนี่ยจะเจอประมาณกี่เปอร์เซ็นต์นะ
00:08:25 → 00:08:29 คุณหมออโอ้ก็ขึ้นอยู่กับเห็นรูปร่างอ้วน
00:08:29 → 00:08:33 เลยครับใช่ก็คือถ้าถ้าเกิดอ้วนเยอะ dmi
00:08:33 → 00:08:37 เกิน 30 ขึ้นไปอย่างงี้เรียกว่ามี 80 90%
00:08:37 → 00:08:40 เลยครับโอ้โหแต่ว่าถ้าเกิดอ้วนนิดหน่อย
00:08:40 → 00:08:43 อันนี้ก็คงแล้วแต่คนนะครับอันนี้คืออือ
00:08:43 → 00:08:46 แค่กอตัดแต่ว่าจริงๆมันก็มีหลายความรุน
00:08:46 → 00:08:48 แรงนะครับอาจจะไม่ได้แบบเดี๋ยว๋จะฟังน่า
00:08:48 → 00:08:51 กลัวเกินไปได้ว่ารุนแรงมากมีอาการอะไรใช่
00:08:51 → 00:08:54 มั้ยคะอืแต่ว่าจากข้อมูลเมื่อกี้ที่คุณ
00:08:54 → 00:08:57 หมอเล่าให้ฟังก็คือผู้ใหญ่ในยุคปัจจุบัน
00:08:57 → 00:09:00 เนี่ยที่มีโอกาสเจอก็คือคืออย่างน้อยเ 20%
00:09:00 → 00:09:03 เหรือว่าถ้าคิดเป็นจำนวนเประมาณ 10 10
00:09:03 → 00:09:06 กว่าล้านคนเลยที่ที่มีอืเยอะจังคือใช้คำ
00:09:06 → 00:09:08 ว่าเป็นมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นหรือว่าเป็น
00:09:08 → 00:09:11 เป็นกลุ่มที่เกิดภาวะอันนี้ในร่างกายแล้ว
00:09:11 → 00:09:14 ่ะฮะคุณหมอเกิดเกิดแล้วเลยนะคือก็คือเไป
00:09:14 → 00:09:17 สำรวจทางระบาดวิทยาแล้วก็คำนวณกลับกัน
00:09:17 → 00:09:21 อะไรเงี้ยนะครับอูในในคนทั่วๆไปสุ่มอ่ะ
00:09:21 → 00:09:24 ครับโหนี่ถ้า 70 ล้านคนคนไทยนี่มีเป็น
00:09:24 → 00:09:28 ภาวะไขมันพกตับ 10 ล้านนี่ก็ถือว่าน่า
00:09:28 → 00:09:29 กลัวมาก
00:09:29 → 00:09:31 เพะว่าเงียบอยู่ใช่ครับก็คือมันจะเป็นโรค
00:09:31 → 00:09:34 ตับที่ช่วงเนี้ยเกลัวคือสมัยก่อนเนี่ยเรา
00:09:34 → 00:09:37 ก็จะตัวพวกไวรัสตับอักเสบ B ตัอักเสบ C
00:09:37 → 00:09:39 ครับแต่ปัจจุบันมันเริ่มมียาแล้วมันอาจจะ
00:09:39 → 00:09:42 พบเคสใหม่น้อยลงแต่ว่าตอนเนี้ยโรคตับยุค
00:09:42 → 00:09:45 ใหม่ึ่งเป็นไทยจริงๆเลยเนี่ยก็คือไขมัน
00:09:45 → 00:09:48 พอกตับนี่แหละครับซึ่งมันก็เยอะไปกับพวก
00:09:48 → 00:09:50 กลุ่มเบาหวานกลุ่มความดันอะไรอย่างเงี้ย
00:09:50 → 00:09:54 ครับออดูแนวโน้มจะเยอะขึ้นตามการใช้ชีวิต
00:09:54 → 00:09:57 ของคนปัจจุบันครับโอแดงแล้วเมื่อเเป็นมา
00:09:57 → 00:10:02 ถึงระดับไหนที่จะกอส่งผลให้รู้สึกว่าอื
00:10:02 → 00:10:06 เราเริ่มจะแบบอึดอัดนะเอ่อเราต้องไปตรวจ
00:10:06 → 00:10:08 หาหาคุณหมอแล้วมันจะมีอาการยังไงคะคุณหมอ
00:10:08 → 00:10:14 คะอ๋อพวกนี้ก็จริงๆไขมันพอกตับถ้าระยะแรก
00:10:14 → 00:10:16 ๆมันก็ไม่มีอาการนะครับแต่บางคนก็รู้สึก
00:10:16 → 00:10:19 อึดอัดแน่นซึ่งบางทีมันก็ปนปนไปกับคนอ้วน
00:10:19 → 00:10:21 ก็รู้สึกอึดอัดก็ไม่ได้รู้สึกอะไรครับแต่
00:10:21 → 00:10:26 ว่าถ้าเกิดเราไปตรวจเลือดเนี่ยก็อาจจะ
00:10:26 → 00:10:30 อ่าว่าของตัเนี่ยมันผิดปกติหรือไปตรวจ
00:10:30 → 00:10:33 อัลตร้าซาวก็เจอว่าอ่ะมันมีไขมันมามันจะ
00:10:33 → 00:10:37 เห็นขาวขึ้นเป็นไขมันมากผิดปกติครับอก็
00:10:37 → 00:10:39 คือในระยะแรๆก็จะไม่มีอาการอะไครับจนไป
00:10:39 → 00:10:41 ถึงคือพวกนี้ถ้าเราไม่ไปเช็คเลือดเช็ค
00:10:41 → 00:10:45 อัลตร้าซาวเนี่ยเราจะไปรู้ถ้าดูจากอาการ
00:10:45 → 00:10:48 ทีนี่ก็คือแบบโอ้ยตัแข็งไปแล้วอะไรอย่าง
00:10:48 → 00:10:50 เงี้ยนะครับซึ่งอันนั้นก็จะอาการชัดนะ
00:10:50 → 00:10:53 ครับตาเหลืองตัวเหลืองท้องโตมีน้ำในท้อง
00:10:53 → 00:10:58 อะไรเงี้ยครับอืโอคือมันจะแบ่งเป็นระยะ
00:10:58 → 00:11:01 ของอาการเนี่ยได้ประมาณกี่ระยะครับคุณหมอ
00:11:01 → 00:11:05 ครับไอ้เจ้าเจ้าอาการไขมันพอกตับเนี่ยฮะ
00:11:05 → 00:11:08 ก็ครับก็ถ้าแบ่งใหญ่ๆก็จะมีกลุ่มที่ไขมัน
00:11:08 → 00:11:13 พอกอยู่เฉยๆโดยตับยังไม่อักเสบอครับครับอ
00:11:13 → 00:11:17 แล้วก็เป็นกลุ่มที่ไขมันพอกแล้วก็อักเสบ
00:11:17 → 00:11:20 ร่วมด้วยอครับทีนี้พอมันอักเสบไปแล้ว
00:11:20 → 00:11:23 เนี่ยมันก็จะมีพังผืดขึ้นเรื่อยๆก็อยู่
00:11:23 → 00:11:25 อยู่ที่ว่ามันอักเสบไปนานเท่าไหร่ก็ตั้ง
00:11:25 → 00:11:28 แต่น้อยพังผืดน้อยพังผืดมากจนถึงปับแข็ง
00:11:28 → 00:11:30 อะไรเงี้ยครับซึ่งปกติใช้เวลาหลาย10บปีนะ
00:11:30 → 00:11:34 ครับยกเว้นว่าเราแบบอ่าแบบอาจจะโอโหอ้วน
00:11:34 → 00:11:36 มากจริงๆเป็นเบาหวานที่ควบคุมไม่ดีอะไร
00:11:36 → 00:11:38 หือมีปัจจทางพันธุกรรมบางอย่างอนี้ก็จะทำ
00:11:38 → 00:11:42 ให้มันการดำเนินโลกมันเร็วขึ้นครับออเออ
00:11:42 → 00:11:44 ถ้างั้นมันก็เป็นภาวะที่พอกเฉยๆยังไม่
00:11:45 → 00:11:47 อักเสบชะลอได้เป็น 10 ปีเพราะฉะนั้นถ้า
00:11:47 → 00:11:51 เขารู้ตัวเอ่อเขาคก็ลดพฤติกรรมเช่นหันมา
00:11:51 → 00:11:54 ออกกำลังกายแล้วก็ทำให้ BMI ดีขึ้นอย่าง
00:11:54 → 00:11:57 เงี้ยเก็จะไม่เกิดผลใช่มั้ยคุณมใส่วนใหญ่
00:11:57 → 00:12:01 ยังมีเวลาให้ป้องกันใช่อืรู้ตัวเร็วก่อน
00:12:01 → 00:12:04 ที่จะตับแข็งเนี่ยอืแต่เพียงแต่ว่าก็ต้อง
00:12:04 → 00:12:06 มันก็ต้องปฏิบัติตัวเหมือนกันครับก็คือ
00:12:06 → 00:12:09 ต้องต้องควบคุมอาหักต้องลดน้ำหนักซึ่ง
00:12:09 → 00:12:13 หลายครั้งก็อาจจะทำยากออๆๆใช่ๆ่แน่นอนเลย
00:12:13 → 00:12:16 ไอ้การที่จะเอาเข้าแล้วทำให้มันขึ้นเนี่ย
00:12:16 → 00:12:20 มันง่ายมากมันง่ายมากแต่ว่ากว่าที่ลดแต่
00:12:20 → 00:12:22 ละขีดเลยนะโอหแต่ละขีดแต่ละกรันี่มันก็
00:12:22 → 00:12:25 เลยโอโหยากวุ่นวายจริงๆนะครับคุณหมอทีนี้
00:12:25 → 00:12:28 มาถามวันนี้หัวข้อที่เราจะมาคุยกันสืบ
00:12:28 → 00:12:30 เนื่องจากเรื่องของอาหารการกินในยุคนี้
00:12:30 → 00:12:34 สมัยนี้นะคนยุคปัจจุบันรวมทั้งน้องๆหนูๆ
00:12:34 → 00:12:37 นี่เรียกว่าเป็นขวัญใจเลยนะฮะอาหารเหล่า
00:12:37 → 00:12:39 นี้เป็นพวกแหมก็ไม่อยากจะใช้คำนี้แต่ว่า
00:12:39 → 00:12:41 เขาเรียกกันว่าจังฟอะไรอย่างเงี้ยคุณหมอ
00:12:42 → 00:12:45 ครับมันเป็นสาเหตุที่ทำให้มีโอกาสเกิดไข
00:12:45 → 00:12:50 มันพอกตับได้มากขนาดไหนถ้าเทียบกับสาเหตุ
00:12:50 → 00:12:52 หรือว่าอาหารอื่นๆในท้องตลาดที่เราเห็น
00:12:52 → 00:12:57 กันอยู่ฮะโหก็ได้เยอะเลยครับคือจริงๆไม่
00:12:57 → 00:13:00 ใช่แค่กับไขมันพอกตับนะครับโรคหล่อเลือด
00:13:00 → 00:13:03 หัวใจอื่นๆครับแต่ว่าถ้ากับโรคตับไขมัน
00:13:03 → 00:13:06 พอกตับเองเนี่ยก็คือจังฟเนี่ยเท่าที่ผม
00:13:06 → 00:13:08 เข้าใจก็คือมันจะเป็นอาหารพวกที่กลุ่มที่
00:13:08 → 00:13:12 มันมีแคลอรี่สูงครับมีปริมาณของไขมันทั้ง
00:13:12 → 00:13:16 กับตัวของอาหารเองแล้วก็การคือเอาไปทอด
00:13:16 → 00:13:18 มันก็ยิ่งไขมันเยอะเข้าไปอีกอาจจะมีการ
00:13:18 → 00:13:22 ใส่น้ำตาลอะไรอย่างเงี้ยครับมีไขมันพอาจ
00:13:22 → 00:13:25 จะมีใส่ปรุงเกลือเป็นความดันอีกอะไรเงี้ย
00:13:25 → 00:13:28 ครับมันก็จะยิ่งส่งเสริมให้เกิดแคลอรี่
00:13:28 → 00:13:31 ที่ที่เกินครับแล้วก็น้ำำตาลที่เกินไขมัน
00:13:31 → 00:13:33 ที่เกินเนี่ยก็จะมาสะสมในตับได้ง่ายกว่า
00:13:34 → 00:13:37 อาหารอื่นๆที่มันมีปริมาณพลังงานเท่ากัน
00:13:37 → 00:13:40 ครับอืยกยกตัวอย่างที่อรดอร่อยเฟรนช์ฟราย
00:13:40 → 00:13:45 ที่ทุกคนคิดว่าอื้อหือเนชไก่ทอด
00:13:45 → 00:13:47 แฮมเบอร์เกอร์อะไรอย่าเงี้ยมีทั้งแบบ
00:13:47 → 00:13:49 สำเร็จมีทั้งแบบสดๆด้วยออย่างงี้ทานแค่
00:13:49 → 00:13:51 ไหนยังไงดีคะคุณ
00:13:52 → 00:13:53 หมอ
00:13:53 → 00:13:55 โอ
00:13:55 → 00:13:58 ก็ูยากครับมันก็ต้องไปวัดแคลลอรี่ไปไว่า
00:13:58 → 00:14:01 ก็คือคือถ้าเราทานในระดับที่อ่ะอย่างน้อย
00:14:01 → 00:14:06 ก็ก็ไม่ให้อ้วนอ่ะครับคือไม่ต้องถึงขนาด
00:14:06 → 00:14:10 ประจำใช่มั้ยคะนานๆทีได้อืใช่ครับคือจิ
00:14:10 → 00:14:13 จริงๆมันก็ไม่ได้ถึงกับทานเลยไม่ได้ครับอ
00:14:13 → 00:14:15 แต่เพียงแต่ว่าถ้าเกิดเราทานพวกนี้จนเรา
00:14:15 → 00:14:18 อ้วนแล้วเราก็ต้องต้องพยายามลดแล้วอ่ะ
00:14:18 → 00:14:20 ครับแต่ถ้าเกิดสมมุติเราแบบเป็นคนดูแล
00:14:20 → 00:14:22 สุขภาพแบบโหสินใจจ Healthy ออกกำลังกาย
00:14:22 → 00:14:25 อะไรแบบนั้นอันนั้นเราก็ค่อยว่ากันก็อาจ
00:14:25 → 00:14:27 จะต้องไปลดไอ้พวกเนี้ยเพราะมันก็จะเป็น
00:14:27 → 00:14:29 อาหารที่แบบต่อให้เกิดเนี่ยแหละครับความ
00:14:29 → 00:14:32 อ้วนสารอนุมูลอิสระคือมันก็มีการศึกษาว่า
00:14:33 → 00:14:35 คนที่ทานพวกเนี้ยนานๆมันก็เพิ่มทดีๆไม่
00:14:35 → 00:14:37 ใช่แค่ไขมันพอกตักแต่อาจจะเกี่ยวกับพวก
00:14:37 → 00:14:39 หลอดเลือดหัวใจอะไรอย่าเงี้ยนะครับเทียบ
00:14:39 → 00:14:43 กับอาหารที่มันไขมันมันเป็นไขมันประเภท
00:14:43 → 00:14:46 ที่ดีกว่าอะไรอย่างเงี้ยครับอืคุณหมอถ้า
00:14:46 → 00:14:51 ถ้าให้ให้ลองเทียบจัดอันดับกันอาหารจัง
00:14:51 → 00:14:56 ฟู้ดประเภทไหนที่ถ้าคุณหมอแนะนำหรือว่า
00:14:56 → 00:14:59 บอกคุณผู้ฟังหรือว่าน้องๆหนูๆวัยรุ่นวัย
00:14:59 → 00:15:02 ทำงานได้ที่แบบชื่นชอบเหลือเกินถ้าลดได้
00:15:02 → 00:15:05 ลถเลิกได้เลิกเพราะว่ามันเป็นอะไรที่มัน
00:15:05 → 00:15:08 ค่อนข้างน่ากังวลหน้าหน้าห่วงว่ามันจะนำ
00:15:08 → 00:15:11 ไปสู่ภาวะโรคภัยไข้เจ็บต่างๆฮะคุณหมอฮะ
00:15:11 → 00:15:15 ใช่ค่ะค่ะก็ก็ในส่วนของแงฟู้ดผมแล้วก็พวก
00:15:15 → 00:15:19 กลุ่มทอดเฟรนช์ฟรายอะไรพพวกเยครับทอดพวก
00:15:19 → 00:15:23 เฟรนช์ฟรายเว่าถ้าเกิดใช้น้ำมันซ้ำๆอะไร
00:15:23 → 00:15:26 แบบเยครับแล้วก็ๆอีกอันนึงที่ที่สำคัญก็
00:15:26 → 00:15:30 คือพวกกลุ่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลครับ
00:15:30 → 00:15:34 พวกอ่อน้ำหบัดลมชาเย็นนมเย็นกาแฟเย็นที่
00:15:34 → 00:15:37 แบบกลุ่มๆที่มันใส่น้ำตาลอ่ะนะครับใส่นม
00:15:37 → 00:15:42 ใส่น้ำก็ดีเลยครับครับน้ำชมก็ก็จะเป็นแบบ
00:15:42 → 00:15:45 มันดูเป็นที่นิยมของสังคมไทยอ่ะครับกิน
00:15:45 → 00:15:49 กันเป็นปกติทุกคนถือปลาแก้วอัดลมกับน้ำ
00:15:49 → 00:15:53 น้ำชงนมเอ่อหวานมันเนี่ยอันไหนแรงกว่ากัน
00:15:53 → 00:15:57 นะคุณหมอน้ำอัดลมที่ซ่ากับเอ่อกับหวานมัน
00:15:57 → 00:16:01 เนี่ยค่ะพอๆกันผมว่าถ้าก็ใกล้เคียงนะครับ
00:16:01 → 00:16:03 แต่ถ้าหวานอาจจะแคลอรี่มากกว่าน้ำอัลมไป
00:16:03 → 00:16:08 นิดนึงครับออือืแต่ว่าก็คืออาหารเหล่านี้
00:16:08 → 00:16:11 ที่มีน้ำตาลอาหารทอดอหอาหารแช่แข็งอะไร
00:16:11 → 00:16:14 อย่างเงี้ยนคุณหมอก็ไม่ก็ก็ก็เลี่ยงได้ก็
00:16:14 → 00:16:17 เลี่ยงดีกว่าไปกินอาหารที่ปรุงสดที่มัน
00:16:17 → 00:16:19 ไม่ต้องทอดเออะไรอย่างเงี้ประมาณนี้ดี
00:16:19 → 00:16:21 กว่าใช่มั้ยครับคุณหมอครับตอใช่ครับโดย
00:16:21 → 00:16:24 เฉพาะถ้าเกิดเราเรามีโรคแล้วเนี่ยเรายิ่ง
00:16:24 → 00:16:28 ต้องระวังมีแต่ว่ามันก็คงแล้วแล้วแต่โรค
00:16:28 → 00:16:30 ที่เราเป็นแต่โดยภาพรวมเนี่ยไอ้โรคกลุ่ม
00:16:30 → 00:16:33 เนี้ยครับต้องระวังพวกนี้ครับถ้าเราลด
00:16:33 → 00:16:36 อาหารพวกเนี้ยจังก์ฟู้ดลงงไปเนี่ยเราจาก
00:16:36 → 00:16:39 ที่เคยทาน 10 ชิ้นไปเหลือ 5 ชิ้นเลยเราทำ
00:16:39 → 00:16:42 ได้อย่างเงี้ยเราจะทำให้ภาวะไขมันพอกตับ
00:16:42 → 00:16:46 เราคงที่หรือมันแบบดีขึ้นเป็นนัยยะสำคัญ
00:16:47 → 00:16:51 ยังไงมั้ยคะลดครึ่งนึงเลยคุณหมอคือจริงๆ
00:16:51 → 00:16:54 ถ้าเอาตามครับแต่ว่าหลักๆก็คือว่าถ้าเกิด
00:16:54 → 00:16:57 เรารู้ว่าเราเป็นไขมันพอกตับใช่มครับแล้ว
00:16:57 → 00:17:02 เราน้ำหนักเกินอืครับเราก็จะต้องลดน้ำ
00:17:02 → 00:17:04 หนักครับก็คือลดลดอาหารพวกนี้มันก็ทำให้
00:17:04 → 00:17:07 น้ำหนักลดแต่ว่าเป้าเราเราอาจจะไม่ใช่แค่
00:17:07 → 00:17:09 ว่าลดอาหารคือเราต้องเป้าเราคือต้องลดน้ำ
00:17:09 → 00:17:13 หนักคืออย่างน้อยก็คือ 5% - 10% ของน้ำ
00:17:13 → 00:17:16 หนักตัวครับอ๋อน้ำหนักเราจะเป็นอจะไม่ได้
00:17:16 → 00:17:20 ว่าต้องจับปกติครับใช่ครับหลักึ่งวิธีดด
00:17:20 → 00:17:24 น้ำหนักทำได้โดยอืมใช่นอกจากอาหารแล้วยัง
00:17:24 → 00:17:27 มานำมาถึงซึ่งการออกกำลังกายที่เราคุณหมอ
00:17:27 → 00:17:31 พูดถึงอยู่บ่อยๆยด้วยใช่มั้ยคะอมันมัน
00:17:31 → 00:17:35 ช่วยยังไงคะกลไกของการออกกำลังในระบบที่
00:17:35 → 00:17:39 เผาผลาญยังไงคะอืครับก็ก็ก็มันก็เผาผลาญ
00:17:39 → 00:17:43 เป็นการใช้พลังงานนี่แหละครับอืใช้คือคือ
00:17:43 → 00:17:46 เราก็ต้องการให้พลังงานเราเหมือนติดลบอ่ะ
00:17:46 → 00:17:48 ครับเพื่อให้น้ำหนักลดการออกกำลังมันก็
00:17:48 → 00:17:51 ช่วยเหมือนทำให้แคลอรีมันลบมันก็เหมือน
00:17:51 → 00:17:54 ดึงไขมันออกไปจากตับอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:17:54 → 00:17:56 อันนี้คือประโยชน์แค่กับตับนะครับแต่จริง
00:17:56 → 00:17:58 ออกกำลังกายมันก็มีประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อ
00:17:58 → 00:18:02 หัวใจปอดอะไรด้วยครับอืคือพอพูดถึงเรื่อง
00:18:02 → 00:18:05 ของไขมันแล้วครับคุณหมอครับทีนี้มันก็จะ
00:18:05 → 00:18:09 มีไขมันที่เค้าเรียกว่าไขมันจากจากจาก
00:18:09 → 00:18:12 ธรรมชาติเนี่ยไขมันจากปลาอะไรอย่างเงี้ย
00:18:12 → 00:18:14 จากเรื่องของน้ำมันหมงน้ำมันหมูที่เค้า
00:18:14 → 00:18:17 ว่าเออก็ดีต่อสุขภาพร่างกายน้ำมันมะพร้าว
00:18:17 → 00:18:19 อะไรอย่าเงี้ยไอ้พวกเยถือว่ามันมันเป็นไข
00:18:19 → 00:18:22 มันที่มันมันโอเคกับร่างกายอยู่มั้ยครับ
00:18:22 → 00:18:25 สามารถทานได้มั้ยแล้วมันจะมีผลต่อต่อตับ
00:18:25 → 00:18:27 ของเราด้วยมั้ยครับคุณหมอครับอชนิดของไข
00:18:27 → 00:18:32 มันครับชนิดของไขมันใช่มั้ยครับอก็คือ
00:18:32 → 00:18:37 ครับก็คือมันอันอันนี้เราคือไขมันที่ที่
00:18:37 → 00:18:40 ดีอ่ะครับก็คือไขมันจากพวกน้ำมันมะกอก
00:18:40 → 00:18:44 อะไรอย่างเงี้ยครับอืแต่แต่แต่ว่าถ้าเกิด
00:18:44 → 00:18:47 ไขมันจากคล้ายๆพืชอื่นๆอย่างเช่นน้ำมัน
00:18:47 → 00:18:50 พืชที่เราใช้หรือน้ำมันหมูอะไรเงี้ยน้ำ
00:18:50 → 00:18:52 มันสัตว์เนี่ยสมัยก่อนเขาก็ถกเถียงกัน
00:18:52 → 00:18:54 เยอะครับว่าอะไรมันดีอะไรไม่ดีอะไรอย่าง
00:18:54 → 00:18:57 เงี้ยครับแต่ว่าภาพรวมก็คือมันมีทั้งข้อ
00:18:57 → 00:18:59 มูลว่าอันนี้ดีกว่าอะไรเงี้ยภาพรวมคือ
00:18:59 → 00:19:02 สรุปน้ำมันอย่าใช้เยอะดีที่สุดครับน้ำมัน
00:19:02 → 00:19:05 ที่ที่ที่แบบจะไม่ได้มีโทษก็คือจะเป็นน้ำ
00:19:05 → 00:19:08 มันมะกองอันเดียวแต่ว่ามันเอามาใช้ปรุง
00:19:08 → 00:19:12 อาหารหญ้าครับครับใช่ั้นน้ำมันเราก็ไม่
00:19:12 → 00:19:15 ได้นำให้ทานเยอะครับอ่าแล้วสมมุติถ้า
00:19:15 → 00:19:18 อย่างเอ่อกินพวกท้องปลาแซลมอนอ่าอะไร
00:19:18 → 00:19:21 อย่างเงี้ยที่มันบอกว่าไขมันดีเอเป็นไข
00:19:21 → 00:19:25 มันดีอะไรเงี้ยมันมันมันจะสามารถทาได้อัน
00:19:25 → 00:19:27 นี้มันก็ทำนองเดียวกับน้ำมันมะกอกครับมัน
00:19:27 → 00:19:30 มันก็จะเป็นกลุ่มที่แบบเป็นกลุ่มโอเมก้า 3
00:19:30 → 00:19:33 เป็นกลุ่มอะไรอย่างเงี้ยครับมันทานได้ทาน
00:19:33 → 00:19:37 ได้อืทานได้ดีไม่มีปัญหาเพราะฉะนั้นก็คือ
00:19:37 → 00:19:40 ไอ้พวกบรรดาน้ำมันต่างๆพวกน้ำมันจากพืช
00:19:40 → 00:19:43 ไม่ว่าจะปาล์มถั่วเหลืองหรือแม้แต่น้ำมัน
00:19:43 → 00:19:46 หมูก็ตามเนี่ยอืถ้าลดได้ก็ลดเลี่ยงได้ก็
00:19:46 → 00:19:50 เลี่ยงคุณหมอจะประมาณนี้ฮะอย่างครับแต่
00:19:50 → 00:19:55 อย่างปลาแซลมอนทอดก็ไม่ได้มันก็จะเป็นทอด
00:19:55 → 00:19:58 จากน้ำมันอปลาเล็กปลาน้อยทอดก็ไม่ได้
00:19:59 → 00:20:02 จะไปทานแคลเซียมน้ำมันเต็ม
00:20:02 → 00:20:06 เลยครับก็พลมันไม่ได้ถึงกับไม่ได้เลยอื
00:20:06 → 00:20:10 เบาได้ก็เบาอ่ะทีนี้มาถึงเรื่องของการการ
00:20:10 → 00:20:14 การที่เราจะมาสังเกตอาการครับเราจะสามารถ
00:20:14 → 00:20:17 สังเกตตัวเองได้อย่างไรว่าตอนนี้เนี่ยเรา
00:20:17 → 00:20:21 เริ่มจะมีภาวะไขมันพอกตัแล้วครับคุณหมเออ
00:20:21 → 00:20:23 ใช่ครับนอกจากเรื่องของอาการอึดอัดมันจะ
00:20:23 → 00:20:26 มีอาการภาวะทางร่างกายอื่นๆที่แสดงออกมา
00:20:26 → 00:20:29 ให้เราได้ทราบมยครับว่าเฮ้ยตอนเนี้ยเรา
00:20:29 → 00:20:32 ไม่ปกติแล้วนะเราควรจะต้องไปรีบพบแพทย์
00:20:32 → 00:20:35 หรือว่าไปไปทำการรักษาเป็นการเร่งด่วน
00:20:35 → 00:20:38 แล้วฮะคุณหมอฮะคือคือส่วนใหญ่มันจะไม่มี
00:20:38 → 00:20:41 ครับยกเว้นว่าระยะแบบปับแข็งแล้วอะไร
00:20:41 → 00:20:43 อย่างเงี้ยครับมันก็อาจจะอ่อนเียตาเหลือง
00:20:43 → 00:20:45 อะไรอย่างงั้นครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรา
00:20:45 → 00:20:47 คิดว่าเราแบบเให้มีความเสี่ยงอะไรเงี้ยนะ
00:20:47 → 00:20:50 ครับก็คือเราก็น่าจะไปตรวจสุขภาพอะไร
00:20:50 → 00:20:53 เงี้ยครับก็ก็อันนี้ถึงจะเราถึงจะบอกได้
00:20:53 → 00:20:55 ตั้งแต่ตอนแรกๆครับเราดูอาการยากครับโรค
00:20:55 → 00:21:01 ตับเหือรังอืโอ้โหโอนี่แสดงว่ามันจะอยู่
00:21:01 → 00:21:05 มันจะอยู่กับเราจนกระทั่งถ้าเราปล่อยปะละ
00:21:05 → 00:21:08 เลยเนี่ยคือร่างกายเรามันก็จะคือไปจนถึง
00:21:08 → 00:21:11 ภาวะตับแข็งอาการหนักแล้วใชโดยที่เราไม่
00:21:11 → 00:21:13 รู้อย่างที่เขาเป็นเป็นนำไปสู่อย่างที่
00:21:13 → 00:21:16 เขาบอกว่าอาจจะมีอาการอักเสบ้าคุณหมอบอก
00:21:16 → 00:21:19 พ่อเยๆพ่อจนเชออักเสบและกลายเป็นตับแข็ง
00:21:19 → 00:21:22 นั่นนำไปสู่มะเร็งได้ใช่มั้คะคุณหมอคะโอ
00:21:22 → 00:21:24 ใช่ครับก็คือที่ว่าภัยเงียบนี่แหละครับ
00:21:24 → 00:21:26 แล้วจริงๆมันไม่ใช่แค่ตับแข็งคือปัจจุบัน
00:21:26 → 00:21:30 เนี่ยมะเร็งตับจากไขมันปอกตับเนี่ยคือเจอ
00:21:30 → 00:21:32 เยอะขึ้นเรื่อยๆเลยครับแล้วปัจจุบัน
00:21:32 → 00:21:35 มะเร็งตับนี่เป็นสาเหตุการยะขึ้นเสีย
00:21:35 → 00:21:38 ชีวิตสำคัญครับพุ่งขึ้นมาแล้วนำๆนำขึ้นมา
00:21:38 → 00:21:41 เรื่อยๆใช่ครับแต่ครับแต่ว่ามะเร็งตับ
00:21:41 → 00:21:44 เนี่ยมันจะเกิดในตับอ่าไขมันพอกตับที่แบบ
00:21:44 → 00:21:47 เหมือนใกล้ๆตับแข็งแล้วนะครับระยะแรกๆมัน
00:21:47 → 00:21:50 ก็จะไม่เกิดครับมันจะไม่ได้นอ่า
00:21:50 → 00:21:54 ครับจะเฉพาะในลายที่เป็นรุนแรงอืเออทีนี้
00:21:54 → 00:21:59 ก็มันอย่างมะเร็งที่เราเจอคนเป็นมะเรงตับ
00:21:59 → 00:22:02 เนี่ยมันมักจะมาจากภาวะของเอ่อไวรัสตับ
00:22:02 → 00:22:04 อักเสบซะส่วนมากใช่มคะคุณหมอมันไม่ได้
00:22:04 → 00:22:06 เกี่ยวกับอใช่ๆครับใช่ครับถ้าถ้าณ
00:22:06 → 00:22:10 ปัจจุบันเนี่ยอ่าไวัสตับ
00:22:10 → 00:22:13 อักเสบหลักของมะเร็งตับทั่วโลกครับแต่ว่า
00:22:13 → 00:22:17 จริงๆแล้วในยุโรปอเมริกาเนี่ยมะเร็งปับ
00:22:18 → 00:22:21 จากไขมันพอกตับเนี่ยจะแซงแล้วครับออแต่
00:22:21 → 00:22:25 ทั้งเอแต่ว่าบ้านเรามาพอดีมันิระบาดของ
00:22:25 → 00:22:28 ไวรัสฟรีใช่มันก็จะเยอะกว่าแต่ในอนาคตไม่
00:22:28 → 00:22:31 แน่อาจจะมาคู่ตีคู่กันก็ได้เนื่องจากว่า
00:22:31 → 00:22:36 การกินอาหารจังก์ฟู้ดใช่่มั้ยคะมันครับ
00:22:36 → 00:22:40 มันไปทั่วพมการใช้ชีวิตโดยรวมๆจังฟเบาได้
00:22:40 → 00:22:43 เบาอย่างที่โดฟู้ดก็เป็นเป็นอีกหนึ่ง
00:22:43 → 00:22:46 สาเหตุแล้วก็แต่ว่าคือพฤติกรรมโดยรวม
00:22:46 → 00:22:50 เนี่ยก็คืออยู่ในภาวะเนื่อยนิ่งละเการออก
00:22:50 → 00:22:53 กำลังกายละเลการดูแลตัวเองไม่ค่อยจะควบ
00:22:53 → 00:22:56 คุมอาหารเหล่านี้คือปัจจัยทั้งหมดที่นำมา
00:22:56 → 00:22:58 สู่เรื่องของภาวะไขมันเพะตัดได้ใช่มั้ย
00:22:58 → 00:23:02 ครับคุณหมอครับถูกต้องครับโอ้โหทั้งหมด
00:23:02 → 00:23:05 ทั้งมวลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเราล้วนๆ
00:23:05 → 00:23:07 เพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังที่ฟังอยู่นะครับใคร
00:23:07 → 00:23:11 ที่อาจจะละเลการดูแลสุขภาพคิดว่าเราแข็ง
00:23:11 → 00:23:15 แรงดีเนี่ยบางทีเนี่ยภัยร้ายมันอาจจะซ่อน
00:23:15 → 00:23:18 อยู่เพราะว่าคุณหมอบอกว่าคือไอ้ภาวะไขมัน
00:23:18 → 00:23:21 ที่มันไปสะสมอยู่ตามเซลล์ตับเนี่ยมันอยู่
00:23:21 → 00:23:24 กับเราเป็น 10 ปีจนจนกว่ามันจะแบบแสดง
00:23:24 → 00:23:28 อาการใช่มั้ยฮะคุณหมอฮะใช่ครับเป็น 10
00:23:28 → 00:23:30 คือคือคือถ้าถ้ามันเกิดอาการปั๊บแสดง
00:23:30 → 00:23:32 อาการปั๊บเนี่ยคือเราเราหนักแล้วนะฮะคุณ
00:23:32 → 00:23:35 หมออย่างนั้นเลยใช่มั้ครับใช่ครับส่วนใช่
00:23:35 → 00:23:38 ครับถ้ารออาการนี้คือหนักอย่ารออย่ารอถ้า
00:23:38 → 00:23:41 รู้ว่าเกิดอึดอัดแล้วก็ไปตรวจในค่าของตดั
00:23:42 → 00:23:44 ที่เราตได้ครับได้ใช่มั้ยคะเรู้ตรวจ
00:23:44 → 00:23:48 สุขภาพประจำปีเอ้อเ้าจะแสดงค่ายังไงครับ
00:23:48 → 00:23:52 เลือดแบบพื้นฐานเลยครับแล้วก็อัตซาวก็ไม่
00:23:52 → 00:23:57 ได้เจ็บปวดอะไรราคาก็ไม่ได้แพงอือันตสาว
00:23:57 → 00:23:59 ที่บอกว่าช่องท้องอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยคะ
00:23:59 → 00:24:03 คุณหมอใช่ครับอต้าซาวช่องท้องมันก็พอเห็น
00:24:03 → 00:24:05 แล้วครับแต่แต่เพียงแต่ว่าถ้าเกิดสมมุติ
00:24:05 → 00:24:08 ว่าเราจะมาดูว่ามันเป็นโหรุนแรงหรือเปล่า
00:24:08 → 00:24:09 อะไรมันอาจจะมีการตรวจที่ละเอียดขึ้นแต่
00:24:09 → 00:24:11 ว่าถ้าบอกว่าเป็นไม่เป็นเนี่ยแค่ตรวจ
00:24:12 → 00:24:16 เลือดอตรวจเลือดจะราเอซาวครั้งเดียวก็พอ
00:24:16 → 00:24:19 บอกได้แล้วครับเออตรวจไม่ยากนะคือเพราะ
00:24:19 → 00:24:21 ฉะนั้นก็คือการตรวจสุขภาพประจำปีเนี่ยมัน
00:24:21 → 00:24:25 ก็อาจจะเพียงพอกับการที่เราจะพอทราบได้
00:24:25 → 00:24:29 ว่าเราเนี่ยมีภาวะเสี่ยงกับอืไขมันพอกตับ
00:24:29 → 00:24:33 แล้วหรือไม่ประมาณนี้ใช่มั้ยคุณหมออืใช่ๆ
00:24:33 → 00:24:35 ครับในในเบื้องต้นเนี่ยได้เลยครับอ๋อ
00:24:35 → 00:24:37 เบื้องต้นได้เลยนะเจาะเลือดแล้วก็ไป
00:24:37 → 00:24:39 เหมือนกับตรวจเราตรวจสุขภาพประจำปีก็จะ
00:24:39 → 00:24:42 บอกค่าตับเรามาเออใช่มันอแล้วบอกเออคุณไป
00:24:42 → 00:24:45 ตรวจซ้ำนะเพราะว่าค่าตับคุณดูผิดปกติจาก
00:24:45 → 00:24:48 ค่ามาตรฐานอค่าตับเราจะมีปัญหาหรือเปล่า
00:24:48 → 00:24:50 คือถ้าเป็นแล้วคุณหมอครับไอ้เรื่องของ
00:24:50 → 00:24:52 วิธีการรักษาเนี่ยมันจะต้องรักษากันยังไง
00:24:52 → 00:24:55 บ้างครับสมมุติถ้าถ้าอ่ะถ้าอย่างเจอเนี่ย
00:24:55 → 00:24:57 อย่างที่ผมถามไปคือถ้าเจอปั๊บเนี่ยคือมัน
00:24:57 → 00:24:59 แน่นอนว่าอยู่ในภาวะที่มันค่อนข้างจะ
00:24:59 → 00:25:03 รุนแรงและทีนี้การรักษาเนี่ยถ้าถึงมือหมอ
00:25:03 → 00:25:07 แล้วเนี่ยโอกาสที่จะหายเนี่ยมันมีสักกี่
00:25:07 → 00:25:10 เปอร์เซ็นต์มีกี่มากน้อยฮะคุณหมอ
00:25:10 → 00:25:14 ครับคือถ้าเกิดลดน้ำหนักได้คืออันเนี้ย
00:25:14 → 00:25:16 ต้องอยู่ที่คนใกล้ด้วยครับก็คือถ้าเกิด
00:25:16 → 00:25:19 สมมุติว่าเราลดน้ำหนักได้เยอะๆเนี่ยเกิน
00:25:19 → 00:25:22 10% ขึ้นไปเนี่ยนะครับหรือทำให้ BMI มัน
00:25:22 → 00:25:25 กลับเป็นปกติเนี่ยเนี่ยก็เรียกว่าแล้วเรา
00:25:25 → 00:25:27 ทำให้คงอยู่อย่างนั้นได้เนี่ยไม่ว่าจะ
00:25:27 → 00:25:29 ด้วยการปฏิบัติตัวหรือเดี๋ยวนี้มันก็มียา
00:25:29 → 00:25:34 ที่ช่วยนะครับมันก็มันก็อาจจะหายได้ครับ
00:25:34 → 00:25:36 โอ๊มียาแล้วดีถ้าเกิดสมมุติว่าลดน้ำหนัก
00:25:36 → 00:25:40 ไม่ได้ก็ก็มันก็จะมียาที่ช่วยชะลอหรือ
00:25:40 → 00:25:42 ช่วยอะไรอย่างเงี้ได้อ่ะครับเพียงแต่ว่า
00:25:42 → 00:25:45 ยาพวกนี้บางทีก็หยุดไม่ได้ครับมันก็จะ
00:25:45 → 00:25:47 เป็นโรคเรื้อรังที่แบบต้องรักษาไปคล้ายๆ
00:25:47 → 00:25:49 พวกเบาหวานความดันนะครับคือถ้าเราไม่
00:25:49 → 00:25:52 สามารถลดน้ำหนักปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้
00:25:52 → 00:25:56 มากๆอ่ะครับอืแต่ถ้าเราไม่ใช้ยาเราลดด้วย
00:25:56 → 00:25:59 พฤติกรรมออกกำลังกายลดอาหารจังฟลงไปแล้ว
00:25:59 → 00:26:03 ก็น้ำหนักเราลงเอ่อเป็น BMI ที่ปกติอย่าง
00:26:03 → 00:26:08 งั้นเนี่ยมั่นใจได้เลยใช่มคะว่าโอเคเอ่อ
00:26:08 → 00:26:11 ร่างกายเราอยู่สูปกตินี่ได้ผลอเพียงแต่
00:26:11 → 00:26:14 ว่าในกลุ่มที่แบบอาจจะมีโรคประจำตัวเยอะ
00:26:14 → 00:26:18 อายุมากอย่างเงี้ยบางทีเขาลดน้ำอันนี้อา
00:26:18 → 00:26:22 จะต้องใช้ยาช่วยใช่อไม่ๆหมายถึงใช้ยาช่วย
00:26:22 → 00:26:24 จริงๆเดี๋ยวนี้มันก็จะมียาเบาหวานบางตัว
00:26:24 → 00:26:26 ที่ทำให้น้ำหนักลดหรือว่ามันก็จะมียาที่
00:26:26 → 00:26:29 แบบต้านการอักเสบของปับอะไรอย่างเงี้ย
00:26:29 → 00:26:32 ครับที่ช่วยชะลออะไรในส่วนนี้แล้วก็ใน
00:26:32 → 00:26:34 ต่างประเทศก็ยังมีการวิจัยยาใหม่ๆอีกเยอะ
00:26:34 → 00:26:36 เลยครับแต่จะยังไม่ได้ออกมาใช้ครับเออ
00:26:37 → 00:26:39 เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามียาต้านการอักเสบ
00:26:39 → 00:26:43 แล้วก็ยาบำรุงตับด้วยบางคนไปหาทานอาหาร
00:26:43 → 00:26:47 เสริมดีมั้ยคะอ๋อๆไม่ดีเอต้องดูมันมัน
00:26:47 → 00:26:49 ต้องดูไปตัวๆครับเพราะว่าเดี๋ยวนี้มัน
00:26:49 → 00:26:52 เยอะจนแบบคนไข้มาถามก็ไม่รู้จะพูดยังไง
00:26:52 → 00:26:56 เพราะว่าเขคก็พูดมามีผสมนู่นผสมนี่แล้วก็
00:26:57 → 00:26:59 ข้อมูลมันก็ไม่ได้มีที่ชัดเจนแล้วก็ไอ้
00:26:59 → 00:27:02 สิ่งที่เขาเคลมมาเนี่ยว่ามีอย่างงั้น
00:27:02 → 00:27:05 อย่างนี้เนี่ยเอาจริงๆเราก็ไม่รู้เนาะว่า
00:27:05 → 00:27:07 ในส่วนผสมของยามันเป็นอย่างนั้นจริงๆอะไร
00:27:07 → 00:27:10 เงี้ยครับมันก็จะพูดยากครับอันนี้แต่มัน
00:27:10 → 00:27:13 ก็จะมียาบางอย่างที่แบบเป็นบำรุงักที่เขา
00:27:13 → 00:27:15 สกัดมาเป็นยาจริงๆที่แพทย์เขาใช้ในโรง
00:27:15 → 00:27:17 พยาบาลมันก็มีนะครับอไอ้แบบนั้นมันก็มี
00:27:17 → 00:27:20 ข้อมูลบ้างคือต้องหาคุณหมอปรึกษาดูดีกว่า
00:27:20 → 00:27:24 อย่าไปซื้อมาเองนะคะโอนใช่มั้ยคุณหมอครับ
00:27:24 → 00:27:26 พอดีว่ามีคุณผู้ฟังทางบ้านเนี่ยสอบถามมา
00:27:26 → 00:27:31 นิดนึงครับว่าเรื่องของเอ่อสิ่งที่มันจะ
00:27:31 → 00:27:34 ไปสร้างปัญหาให้กับตับเนี่ยนอกจากไขมัน
00:27:34 → 00:27:37 แล้วเนี่ยบรรดาผักผลไม้ที่เรารับประทาน
00:27:37 → 00:27:41 กันอยู่เป็นประจำเนี่ยไอ้สารเคมีที่เรา
00:27:41 → 00:27:46 อาจจะล้างไม่ไม่หมดล้างแล้วมันอแอบมีตก
00:27:46 → 00:27:49 ค้างอยู่บ้างเนี่ยมันจะไปมีปัญหากระตับใน
00:27:49 → 00:27:51 ท้ายที่สุดด้วยมครับคุณหมอ
00:27:51 → 00:27:55 ครับอืไม่ไม่น่าจะมีนะครับถ้าเกิดเป็นสาร
00:27:55 → 00:27:58 เคมีที่เกี่ยวกับพวกอะไรอย่างงั้นนะครับ
00:27:58 → 00:28:01 มันก็อาจจะมีอันนึงคือสารที่เรียกว่าแต่
00:28:01 → 00:28:03 อาจจะไม่ได้อยู่ในผักผลไม้นะครับก็คือไอ้
00:28:03 → 00:28:05 ถ้าสารเคมีเธรรมชาติอีกอันนึงคือเอฟ
00:28:05 → 00:28:07 ท็อกซินนะครับไม่แน่ใจเคี่หรือเปล่ามัน
00:28:07 → 00:28:10 เป็นสารพิษจากเชื้อราที่ว่าอฟท็อกซินใน
00:28:10 → 00:28:13 ถั่วลิสงอะไรพวกนั้นใช่มั้ยคะคุณหมออืใช่
00:28:13 → 00:28:16 ครับในพวกถสงอาหารปากแห้งพิกปดอะไรเงี้ย
00:28:16 → 00:28:19 ครับที่อาจจะหรือแปลรูปแต่ว่าโรงงานไม่
00:28:19 → 00:28:21 ได้คุณภาพอย่าเงี้ยคือถ้าทานเยอะๆมันก็
00:28:21 → 00:28:26 อาจจะเพิ่มความเสี่ยงครับอืช่วยลชอๆๆๆๆที
00:28:26 → 00:28:30 นี้ก็ก็พอจะสบายใจได้เนาะมีคุณผู้ฟังฝาก
00:28:30 → 00:28:32 รบกวนถามมาเพิ่มเติมหน่อยครับคุณหมอครับ
00:28:32 → 00:28:35 เอ่อคุณพี่ท่านนี้ออายุ 65 ปีแล้วฮะคุณ
00:28:35 → 00:28:40 หมอครับดัชนีมวลกายเนี่ย 22 ดนีเส้นรอบ
00:28:40 → 00:28:43 เอวเนี่ยมากกว่า 80 ซมนะอ่าแต่ว่าอันอัน
00:28:43 → 00:28:45 นี้ถือว่าเกินค่ามาตรฐานเหมือนกันนะเพราะ
00:28:45 → 00:28:48 ว่าถ้าเป็นผู้หญิงเนี่ยไม่ควรเกิน 80 เท
00:28:48 → 00:28:50 ผู้ชายไม่ควรเกิน 90 มากกว่านี่ไม่รู้มาก
00:28:50 → 00:28:53 กว่าเท่าไหร่นะแต่คุณพี่เนี่ย BMI C2
00:28:53 → 00:28:56 นี่ดีนะใช่มั้ยคะอาจารย์ไปตรวจอัลตร้าซาว
00:28:56 → 00:28:58 แล้วไม่พบไขมันพอกตับแล้วไอ้กรณีแบบนี้
00:28:58 → 00:29:01 เนี่ยใช่ถ้าปล่อยไว้คุณหมอครับพบหรือไม่
00:29:01 → 00:29:03 พบนะครับไม่พบครับไม่พบไปอัลตร้าซาวแล้ว
00:29:03 → 00:29:06 ไม่พบข้อตช่องทองคุณพี่ท่านนี้ก็เลยกังวล
00:29:06 → 00:29:10 ว่าถ้าถ้าเรายัง stable ไอ้เรื่องของเอ่อ
00:29:10 → 00:29:13 รอบเอวประมาณนี้ดัชนจระดับนี้อะไรอย่า
00:29:13 → 00:29:16 เงี้ยมันจะมีโอกาสเกิดไขมันพอกตับในอนาคต
00:29:16 → 00:29:20 อันใกล้มไม่มีโรคประจำตัวด้วยอืก็ก็ไม่
00:29:20 → 00:29:24 น่านะครับเพราะว่าก็ BMI ก็ไม่เกินแค่แค่
00:29:24 → 00:29:26 รอบเอวอย่างเดียวมันก็ไม่ได้เป็นความ
00:29:26 → 00:29:32 เสี่ยงที่มากมายก็ดูแลตัวเองอครับอืคุณ
00:29:32 → 00:29:35 พี่อย่าวิตกกังวลนะคะด้านอื่นๆครับใช่
00:29:35 → 00:29:37 ครับเช็กมะเร็งครับเช็กมะเร็งหมายถึงว่า
00:29:37 → 00:29:39 เช็กมะเร็งตามอายุ
00:29:39 → 00:29:42 ครับออถ้าเป็นผู้หญิงก็อาจจะตรวจเรื่อง
00:29:42 → 00:29:46 ของมันมีคัดกองลกใช่ครับพวกเต้าโนมผู้ชาย
00:29:46 → 00:29:49 ก็ลำไส้อะไรอย่างเงี้ยครับครับออ๋อก็คือ
00:29:49 → 00:29:53 พ่ออยู่ในายพ่ออยู่ในช่วงวัยที่เราเรา
00:29:53 → 00:29:56 สามารถไปตรวจเรื่องของโรคประจำตัวต่างๆ
00:29:56 → 00:30:00 ได้เพิ่มเติมแล้วนะฮะคุณหมอครับครับๆแต่
00:30:00 → 00:30:01 อันนี้นอกเรื่องตับครับแต่ถ้าเรื่องตับ
00:30:01 → 00:30:05 นี่ก็ถือว่าความเสี่ยงน้อยครับถอ๋อโอเค
00:30:05 → 00:30:08 โอเคโอเคือคุณหมอปัจจัยหลักเนี่ยคุณหมอ
00:30:08 → 00:30:11 มุ่งไปที่เรื่องของน้ำหนักใช่มั้ยคะคิด
00:30:11 → 00:30:15 ว่าดัชนีมวลกายตรงนี้อืมน่าจะไม่น่ามี
00:30:15 → 00:30:18 ปัญหาที่ไขงบหวานไม่อก็คือจริงๆปัจจัยที่
00:30:18 → 00:30:20 แบบมันจะทำให้ไขมันก่อตัดเยอะและรุนแรง
00:30:20 → 00:30:22 เนี่ยที่สำคัญก็คืออันนึงคือน้ำหนักอีก
00:30:22 → 00:30:25 อันนึงคือเบาหวานอันนี้จะออคุณพี่ไม่มี
00:30:25 → 00:30:29 โรคด้วยอือืไม่มีโรคด้วยเอออันนี้ก็ขอให้
00:30:29 → 00:30:32 สบายใจได้นะครับว่าก็ดำเนินการเอ่อ
00:30:32 → 00:30:36 ปฏิบัติตัวที่ไม่ทานจังกฟู้ดแล้วก็ออก
00:30:36 → 00:30:39 กำลังกายพอประมาณ BMI น่าจะดูดีแล้วนะคะ
00:30:39 → 00:30:42 คุณพี่อังคนาเนๆๆๆๆครับผมอ่าคุณหมอครับ
00:30:42 → 00:30:47 ช่วงท้ายะคุณหมออยากจะให้คุณหมอฝากเอ่อ
00:30:47 → 00:30:51 สิ่งที่ควรจะต้องทำในช่วงเออดูแลตัวเอง
00:30:51 → 00:30:55 ยังไงเพื่อที่จะให้ห่างไกลภาวะไขมันพอก
00:30:55 → 00:30:58 ตับที่คุณหมอเนี่ยใช้คำว่าเป็นภยเงียบตอน
00:30:58 → 00:31:00 นี้ที่ที่น่ากลัวมากถ้าดูจากถแมจะก่อตัว
00:31:00 → 00:31:02 นานช้านะโอแต่ถ้าดูจากตัวเลขนะตอนนี้
00:31:03 → 00:31:05 เนี่ยคนที่เป็นแล้วมีภาวะเนี่ย 10 ล้าน
00:31:05 → 00:31:08 แล้วนะถ้าตีกลมๆว่าคนไทยมีประมาณ 70 ล้าน
00:31:08 → 00:31:10 คนน่ะใชเราไม่รู้ตัวกันโอโหเยอะแล้วนะ
00:31:10 → 00:31:12 เยอะแล้วนะคุณหมออยากจะฝากอะไรเิ้ง้า
00:31:12 → 00:31:16 หน่อยครับเท่าไหร่ตรวจยังไงดีคุณหมอคะ
00:31:16 → 00:31:20 ครับก็ถ้าถ้าในคนที่ยังคิดว่าไม่มีความ
00:31:20 → 00:31:23 เียคือถ้าคนที่มีความเสี่ยงครับครับเช่น
00:31:23 → 00:31:26 ว่าอายุเยอะแล้วอาจจะอวดลงพุงมีโรคพวก
00:31:26 → 00:31:29 กลุ่มเบาหวานไขมัดอย่างเงี้ยครับคือก็อาจ
00:31:29 → 00:31:32 จะเข้าเข้าไปตรวจเชคสุขภาพหรือว่าถ้าเกิด
00:31:32 → 00:31:35 อาจจะตรวจกับคุณหมออยู่แล้วแต่ว่าคุณหมอ
00:31:35 → 00:31:38 อาจจะไม่เคยเช็คตับเลยเพราะก็บางทีคุณหมอ
00:31:38 → 00:31:41 บางอาจจะลืมลืมบ้างอย่าเงี้ยนะครับก็อาจ
00:31:41 → 00:31:44 จะลองถามคุณหมอเเช็คดูบ้างอะไรอย่างเงี้ย
00:31:44 → 00:31:46 ครับแล้วก็เพื่อเพื่อจะวินิจฉัยอะไรอย่าง
00:31:47 → 00:31:50 เงี้ยนะครับก็คือซึ่งนั่นแต่ถ้าเกิดในราย
00:31:50 → 00:31:52 ที่ยังไม่เดมีความเสี่ยงน้ำหนักไม่เกิน
00:31:52 → 00:31:56 เนี่ยก็เราก็ดูแลตัวเองครับก็คืออย่างที่
00:31:56 → 00:31:59 บอกว่าอ่ะอาหารเนี่ยที่จะทำให้โอกาสอ้วน
00:31:59 → 00:32:02 ง่ายก็คือก็คือจังก์ฟู้ดที่อย่างที่ว่า
00:32:02 → 00:32:04 เลยครับก็คือแต่จริงๆนอกจากจังก์ฟู้ด
00:32:04 → 00:32:10 เนี่ยอาหารแบบเป็นพวกแป้งเยอะๆของทอดอะไร
00:32:10 → 00:32:12 อย่างเงี้ยครับคือพยายามเขาก็แนะนำว่า
00:32:12 → 00:32:15 ปรุงอาหารด้วยพยายามแบบลวกต้มนึ่งก็จะดี
00:32:15 → 00:32:18 กว่าทอดหรือข้าวผัดอะไรเงี้ยครับมันก็จะ
00:32:18 → 00:32:21 มีน้ำมันอะไรอย่างเงี้ยครับก็คือให้ให้
00:32:21 → 00:32:23 พยายามลดตรงนี้แล้วก็ออกกำลังแล้วก็
00:32:23 → 00:32:25 เครื่องดื่มอันเนี้ยสำคัญครับเครื่อง
00:32:25 → 00:32:27 เครื่องดื่มพวกเครื่องดื่มที่มีน้ำหวาน
00:32:27 → 00:32:31 ซึ่งของเราตอนนี้ขายหครับก็พยายามจำกัด
00:32:31 → 00:32:35 ให้น้อยที่สุดน้ำ้หวานครับอืโอเคนี่ก็คือ
00:32:35 → 00:32:39 จริงๆมันเป็นมันเป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าทุก
00:32:39 → 00:32:41 คนที่ฟังรายการของเราหรือว่าต่อให้ไม่ฟัง
00:32:41 → 00:32:43 รายการก็พอจะทราบกันอยู่แล้วนะว่าสิ่ง
00:32:43 → 00:32:47 เหล่านี้เนี่ยมันดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว
00:32:47 → 00:32:49 เพียงแต่ว่าจริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรเฉพาะ
00:32:49 → 00:32:53 นั่นน่ะสิครับคุณหมอครับครับก็ก็คือหมาย
00:32:53 → 00:32:55 ถึงว่าถ้าถ้าจะป้องกันนะครับแต่ว่าถ้า
00:32:55 → 00:32:57 เป็นแล้วอันเนี้ยมันอาจจะมีราละเอียดละ
00:32:57 → 00:33:00 โดยเฉพาะถ้าเกิดเป็นแบบแรงๆอะไรเงี้ยครับ
00:33:00 → 00:33:03 มันก็จะมีสิ่งที่จะให้ทำเป็นพิเศษอะไร
00:33:03 → 00:33:06 เงี้ยนะครับอือืครับแต่ว่าเบื้องต้นเนี่ย
00:33:06 → 00:33:11 คือถ้าใครที่เอ่อเริ่มที่จะหันมาดูแลใส่
00:33:11 → 00:33:15 ใจสุขภาพก็คือลองนำสิ่งที่คุณหมอเนี่ยได้
00:33:15 → 00:33:18 แนะนำเอาไปปฏิบัติกันหน่อยไม่ช้าก็เร็ว
00:33:18 → 00:33:20 เนี่ยสุขภาพร่างกายของคุณเนี่ยจะกลับมา
00:33:20 → 00:33:23 รู้สึกฟิตแล้วก็ดีขึ้นอย่างแน่นอนนะยังไง
00:33:23 → 00:33:26 ก็ตรวจสุขภาพกันดีที่สุดทุกปนะเอทุกปีดี
00:33:26 → 00:33:28 ที่สุดนะครับผมวันนี้ต้องขอขอบพระคุณคุณ
00:33:28 → 00:33:31 หมอมากๆนะครับที่มาให้ความรู้กับเราในค่ำ
00:33:31 → 00:33:33 คืนวันนี้นะครับคุณหมอครับขอบพระคุณมากๆ
00:33:33 → 00:33:36 นะครับขอบระคุณสวัสดีค่ะครับครับขอบคุณ
00:33:36 → 00:33:39 ครับสวัสดีครับครับสวัสดีครับนะครับรอง
00:33:39 → 00:33:41 ศาสตราจารย์พิเศษนายแพทย์เฉลิมรัตนนะครับ
00:33:41 → 00:33:44 บันชรเทวกุลนะครับกลุ่มงานนายแพทย์กลุ่ม
00:33:45 → 00:33:47 งานอายุรศาสตร์จากโรงพยาบาลราชวิถีกรมการ
00:33:48 → 00:33:52 แพทย์กระทรวงสาธารณสุขอื