00:00:00 → 00:00:02 เราจะไปพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใน
00:00:02 → 00:00:06 เรื่องของการรับมือโรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:00:06 → 00:00:09 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:00:09 → 00:00:10 เลยนะ
00:00:10 → 00:00:16 [เพลง]
00:00:16 → 00:00:20 คะอุบัติการณ์ของโรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็น
00:00:20 → 00:00:24 อย่างไรคะโรคนิ่วในถุงน้ำดีนะครับผมก็โดย
00:00:24 → 00:00:27 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเราจะพบในเ่อกลุ่มอายุ
00:00:27 → 00:00:30 ช่วงประมาณ 40-60 ปีครับผมแล้วก็อ่าโดย
00:00:30 → 00:00:33 สถิติแล้วเนี่ยเราจะเจอในคนไข้ที่อ่าเป็น
00:00:33 → 00:00:36 เพศหญิงมากกว่าเพศชายครับโดยอัตราส่วน
00:00:36 → 00:00:38 เนี่ยผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงในการ
00:00:38 → 00:00:41 เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเนี่ยมากกว่าผู้ชาย
00:00:41 → 00:00:44 ประมาณ 1.5 เท่าครับแล้วสาเหตุของโรคนิ่ว
00:00:44 → 00:00:47 ในถุงน้ำดีเกิดจากอะไรได้บ้างโดยส่วนใหญ่
00:00:47 → 00:00:49 แล้วเนี่ยนิ่วที่เราพบกันนะครับจะมีทั้ง
00:00:50 → 00:00:52 หมด 3 ชนิดใหญ่ๆครับชนิดที่เจอมากที่สุด
00:00:52 → 00:00:54 เลยก็คือเป็นนิ่วชนิดที่เป็นคอเลสเตอรอล
00:00:54 → 00:00:57 นะครับผมกลุ่มนี้เราเจอค่อนข้างเยอะครับ
00:00:57 → 00:01:00 ประมาณ 80% ของเคสทั้งหมดเลยนะครับส่วน
00:01:00 → 00:01:03 ใหญ่แล้วก็คือจะเกี่ยวข้องกับภาวะไขมันใน
00:01:03 → 00:01:05 เลือดสูงแล้วก็ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
00:01:05 → 00:01:08 เป็นเป็นส่วนใหญ่เลยครับผมรับประทานหมู
00:01:08 → 00:01:11 กระทะค่ะอาจารย์เพิ่มความเสี่ยงในการเป็น
00:01:11 → 00:01:13 โรคนิ่วในถุงน้ำดีใช่หรือไม่คะเราต้อง
00:01:13 → 00:01:16 กลับไปดูที่สาเหตุนะครับเพราะว่าอย่างที่
00:01:16 → 00:01:18 แจ้งไปครับว่าส่วนใหญ่แล้วเนี่ยตัวนิ่ว
00:01:18 → 00:01:20 ที่เราเจอเนี่ยเป็นนิ่วคอเลสเตอรอลเพราะ
00:01:21 → 00:01:23 ฉะนั้นเนี่ยอ่าสาเหตุอะไรก็ตามที่ทำให้
00:01:23 → 00:01:26 เกิดภาวะไขมันหรือว่าคอเลสเตอรอลในเลือด
00:01:26 → 00:01:28 ขึ้นสูงบ่อยๆหรือว่าเป็นเวลานานเนี่ยก็จะ
00:01:28 → 00:01:31 ส่งผลทำให้เกิดเกิดนิ่วได้เพราะะนั้น
00:01:31 → 00:01:33 เนี่ยตัวหมูกระทะเองเนี่ยอาจจะไม่ได้เป็น
00:01:33 → 00:01:36 ปัจจัยหลักนะครับที่ทำให้ให้เกิดเรื่อง
00:01:36 → 00:01:39 ของนิ่วได้ทีนี้เราอาจจะต้องไปดูเรื่อง
00:01:39 → 00:01:41 ของส่วนประกอบของอาหารที่เรารับประทาน
00:01:41 → 00:01:45 เข้าไปอาหารทุกชนิดที่มีไขมันสูงหรือให้
00:01:45 → 00:01:47 สารอาหารจากพวกคอเลสเตอรอลหรือไขมันสุก
00:01:47 → 00:01:49 เนี่ยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดนิ่วได้ครับ
00:01:49 → 00:01:51 โดยส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากพฤติกรรมการกิน
00:01:51 → 00:01:54 แล้วก็การบริโภคอาหารเป็นหลักใครคือกลุ่ม
00:01:54 → 00:01:57 เสี่ยงของการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเราก็
00:01:57 → 00:02:01 ยังเจออีกอ่าในคนไข้ในกลุ่มที่มีปัญหา
00:02:01 → 00:02:04 เรื่องของภาวะไขมันในเลือดสูงมีไขมันใน
00:02:04 → 00:02:06 เลือดสูงตลอดเวลาส่วนอีกกลุ่มนึงก็คือ
00:02:06 → 00:02:09 กลุ่มที่ใช้ยาจำพวกฮอร์โมนโดยเฉพาะอ่า
00:02:09 → 00:02:12 ฮอร์โมนพวกเอสโตรเจนนะครับทั้งในกลุ่มที่
00:02:12 → 00:02:16 ใช้ในการคุมกำเนิดแล้วก็ใช้เพื่อการรักษา
00:02:16 → 00:02:18 อย่างเช่นรักษาโรคมะเร็งเต้นมส่วมกลุ่ม
00:02:18 → 00:02:21 สุดท้ายเนี่ยคือกลุ่มที่ 3 เนี่ยก็คือ
00:02:21 → 00:02:25 กลุ่มที่พบว่ามันมีการบีบตัวของถูกดีลดลง
00:02:25 → 00:02:28 ซึ่งเราจะมักจะเจอในคนไข้ที่ 1 เป็นโรค
00:02:28 → 00:02:31 เบาหวานกลุ่มที่ 2 ก็คือคนไข้ที่มีการถือ
00:02:32 → 00:02:34 ศีลอดหรือว่ามีการอดอาหารเป็นเวลานานๆนะ
00:02:34 → 00:02:38 ครับผมแล้วกลุ่มสุดท้ายเนี่ยก็คือคนไข้ใน
00:02:38 → 00:02:40 กลุ่มที่มีการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกิน
00:02:41 → 00:02:44 ไปโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะมีอาการอย่างไรบ้าง
00:02:44 → 00:02:47 คะตัวอาการของภาวะนิ่วในถุงนดีอ่ะครับโดย
00:02:47 → 00:02:49 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยมักจะแสดงอาการเริ่มรก
00:02:49 → 00:02:52 ด้วยเรื่องของการปวดท้องเป็นหลักนะครับ
00:02:52 → 00:02:54 แต่ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยอาการเนี่ยจะ
00:02:54 → 00:02:57 ค่อนข้างจำแนกจากโรคอื่นๆได้ยากโดยเฉพาะ
00:02:57 → 00:03:00 โรคกระเพาะนะครับแต่ละักษณะเด่นที่สำคัญ
00:03:00 → 00:03:03 เลยของภาวะอ่าปวดท้องจากนิ่วในถุงน้ำดี
00:03:03 → 00:03:06 ที่เราเจอบ่อยๆเนี่ยก็คือคนไข้มักจะมี
00:03:06 → 00:03:09 อาการปวดจุกแน่นท้องโดยเฉพาะบริเวณตรงจุก
00:03:09 → 00:03:12 อ่าตรงใต้ลิ้นปี่นะครับหรือว่าตรงใต้ชาย
00:03:12 → 00:03:15 โคงขวาเป็นหลักอาการเนี่ยมักจะกำเริบหลัง
00:03:15 → 00:03:18 จากที่ทานอาหารโดยเฉพาะอาหารมันๆหรือว่า
00:03:18 → 00:03:21 มื้อใหญ่ๆนะครับผมแล้วก็อาการเนี้ยมักจะ
00:03:21 → 00:03:24 คงอยู่นานเป็นชั่วโมงเลยจนกว่าจะอาการถึง
00:03:24 → 00:03:28 จะค่อยๆดีขึ้นนะครับแล้วจะวินิจฉัยโรค
00:03:28 → 00:03:30 นิ่วในถุงน้ำดีได้อย่างอย่างไรบ้างคะการ
00:03:30 → 00:03:34 วินิจฉัยภาวะนิ่วในถุงน้ำบดีครับเราก็จะ
00:03:34 → 00:03:37 เริ่มต้นจากอาการเป็นหลักนะครับผมอาการ
00:03:37 → 00:03:39 ที่สงสัยว่าน่าจะมีปัญหาเรื่องกับนิ่วใน
00:03:39 → 00:03:42 ถุงดำบีแล้วทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเนี่ย 1
00:03:42 → 00:03:45 ก็คืออาการปวดจุกแน่นท้องตรงบริเวณลิ้น
00:03:45 → 00:03:48 ปี่หรือว่าตงตรงใต้ชายโครงขวานะครับอาการ
00:03:48 → 00:03:51 เป็นหลังจากทานอาหารแล้วก็คงอยู่เป็นหลัก
00:03:51 → 00:03:55 ชั่วโมงขึ้นไปนะครับผมซึ่งลักษณะแบบเนี้ย
00:03:55 → 00:03:57 เป็นลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นอาการปวดจาก
00:03:57 → 00:04:00 นิ่วในถุงน้ำดีซึ่งจะต้องแยกออกจากโรค
00:04:00 → 00:04:03 กระเพาะหรือว่าโรคกดไหลย้อนนะครับผมถ้า
00:04:03 → 00:04:06 เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ป่วยนะครับมีอาการ
00:04:06 → 00:04:10 อย่างที่ที่กล่าวมาครับให้อ่าปรึกษาแพทย์
00:04:10 → 00:04:12 นะครับผมว่าสงสัยว่าอาจจะมีปัญหาเรื่อง
00:04:12 → 00:04:14 เกี่ยวกับนิ่วในถุงน้ำดีหรือเปล่าส่วน
00:04:14 → 00:04:17 เรื่องของการวินิจฉัยเนี่ยก็จะอาจจะมีการ
00:04:17 → 00:04:20 ตรวจเพิ่มเติมพิเศษด้วยการทำอัตซาวหรือ
00:04:20 → 00:04:23 ว่าทำ xray พวก CT สแกนหรือว่า MRI สแกน
00:04:23 → 00:04:26 อย่างนี้ได้เหมือนกันครับแต่ณปัจจุบัน
00:04:26 → 00:04:29 เนี่ยเอ่อตัวการตรวจที่สามารถช่วย
00:04:29 → 00:04:31 วินิจฉัยเรื่องของนิ่วในถุงน้ำดีดีได้
00:04:31 → 00:04:33 ค่อนข้างดีเลยคือการทำอัลตร้าซาวด์ช่อง
00:04:33 → 00:04:36 ท้องอาจารย์คะเมื่อเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:04:36 → 00:04:39 ทำไมถึงเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็ง
00:04:39 → 00:04:42 ในถุงน้ำดีได้คะตัวมะเร็งถุงน้ำดีอ่ะครับ
00:04:42 → 00:04:47 ผมเป็นโรคที่เราเจอได้ค่อนข้างน้อยแต่ว่า
00:04:47 → 00:04:49 เป็นโรคที่รุนแรงโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ย
00:04:49 → 00:04:51 เมื่อไหร่ก็ตามที่คนไข้เนี่ยได้รับการ
00:04:51 → 00:04:54 วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งถุงนดีเนี่ยมักจะมี
00:04:54 → 00:04:56 อาการค่อนข้างรุนแรงแล้วก็เข้าสู่ระยะ
00:04:56 → 00:04:59 ท้ายๆแล้วนะครับส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้
00:04:59 → 00:05:02 คุณไข้ที่มีเรื่องของนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว
00:05:02 → 00:05:04 มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งถุงน้ำดีมาก
00:05:04 → 00:05:07 ขึ้นเนี่ย 1 เนื่องจากตัวนิ่วในถุงน้ำดี
00:05:07 → 00:05:10 เนี้ยอาจจะมีปัญหาเรื่องของการกระตุ้นให้
00:05:10 → 00:05:13 เกิดการอักเสบบริเวณทางเดินน้ำดีอาจจะทำ
00:05:13 → 00:05:15 ให้เกิดถุงน้ำดีอักเสบก็ได้นะครับท่อน้ำ
00:05:15 → 00:05:18 ดีอักเสบหรือว่าบริเวณตับอ่อนอักเสบได้
00:05:18 → 00:05:21 เหมือนกันซึ่งการที่มีการอักเสบบริเวณดัง
00:05:21 → 00:05:24 กล่าวอยู่เรื่อยๆอ่าบ่อยๆครับก็จะเป็น
00:05:24 → 00:05:26 ปัจจัยนึงที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยน
00:05:26 → 00:05:28 แปลงของเซลล์และกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้
00:05:28 → 00:05:31 อยากให้อาจารย์ารอธิบายว่าโรคนิ่วในถุง
00:05:31 → 00:05:34 น้ำดีค่ะรักษาได้อย่างไรบ้างคะการรักษา
00:05:34 → 00:05:36 นิ่วในถุงน้ำดีนะครับณปัจจุบันเนี่ยเราก็
00:05:36 → 00:05:40 จะมีอ่า 3 วิธีหลักๆนะครับนะ 1 วิธีที่
00:05:40 → 00:05:43 เป็นมาตรฐานที่สุดเลยก็คือการผ่าดตัดเอา
00:05:43 → 00:05:46 ถุงน้มดีออกพร้อมกับนิ่วนะครับการที่เรา
00:05:46 → 00:05:49 ตัดถุงน้ำดีออกไปแล้วเนี่ยในช่วงแรกเนี่ย
00:05:49 → 00:05:52 ก็อาจจะทำให้อ่าปริมาณน้ำดีที่ลงมาย่อย
00:05:52 → 00:05:54 อาหารเนี่ยค่อนข้างช้าอาจจะทำให้ย่อยยาก
00:05:54 → 00:05:57 ในช่วงระยะเวลานึ่งแต่พอผ่านไปสักประมาณ
00:05:57 → 00:05:59 2-3 เดือนเนี่ยร่างกายก็จะเริ่มเริ่ม
00:05:59 → 00:06:02 ปรับตัวมากขึ้นทำให้สามารถย่อยอาหารอ่า
00:06:02 → 00:06:06 จำพวกไขมันหรือคอเลสเตอรอลเนี่ยได้ดีขึ้น
00:06:06 → 00:06:10 ตัวนิ้วในถุงน้ำดีอ่ะครับก็อ่าถ้าลักษณะ
00:06:10 → 00:06:13 ภายนอกลักษณะของสีเนี่ยก็คือจะแปรผันกับ
00:06:13 → 00:06:16 ชนิดของนิ่วเลยโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยนิวใน
00:06:16 → 00:06:19 ถุงน้ำดีที่เป็นชนิดคอเลสเตอรอลเนี่ยมัก
00:06:19 → 00:06:23 จะมีสีเหลืองแล้วก็ออกไปทางสีนวลๆมากกว่า
00:06:23 → 00:06:25 ครับแต่ว่าถ้าเป็นนิ่วในกลุ่มที่เป็นนิ่ว
00:06:25 → 00:06:29 ชนิดเม็ดสีที่เกิดจากภาวะที่มีบีรรูบิน
00:06:29 → 00:06:31 หรือคเหลืองในเลือดสูงเนี่ยมักจะเป็นสี
00:06:31 → 00:06:35 คล้ำหรือว่าสีดำได้นะครับหรือว่าถ้านิ่ว
00:06:35 → 00:06:38 เป็นนิ่วชนิดโคนเนี่ยก็อาจจะเป็นทั้งนิ่ว
00:06:38 → 00:06:41 ที่เป็นน้ำโคลนสีดำหรือว่าสีน้ำตาลได้
00:06:41 → 00:06:44 เหมือนกันส่วนขนาดของนิ่วเนี่ยอ่าสามารถ
00:06:44 → 00:06:46 เป็นได้ตั้งแต่เป็นเม็ดเล็กๆเหมือนเม็ด
00:06:46 → 00:06:49 ทรายหรือว่าขนาดใหญ่ขนาดถึง 2-3 ซมได้
00:06:49 → 00:06:53 เหมือนกันและถ้าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะ
00:06:53 → 00:06:56 ต้องดูแลตัวเองอย่างไรและห้ามกินอาหาร
00:06:56 → 00:06:59 อะไรค่ะหลังจากที่เรารักษาเรื่องของอ่า
00:06:59 → 00:07:02 นิ่วในถุงำดีไปแล้วอ่ะครับด้วยวิธีการผ่า
00:07:02 → 00:07:05 ตัดเนี่ยก็แนะนำว่า 1 ก็คือทานอาหารให้
00:07:05 → 00:07:07 ได้สารอาหารครบถ้วนนะครับแล้วก็ออกกำลัง
00:07:07 → 00:07:12 กายให้สม่ำเสมอเพื่อป้องกันอ่าตัวโรคแทรก
00:07:12 → 00:07:15 ซ้อนอื่นๆอย่างเช่นภาวะไขมันได้เลือดสูง
00:07:15 → 00:07:18 โรคอ้วนโรคหัวใจพวกเนี้ยครับแนะนำว่าให้
00:07:18 → 00:07:20 ตรวจติดตามกับแพทย์ที่รักษาอย่างต่อ
00:07:20 → 00:07:23 เนื่องหรือว่าตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1
00:07:23 → 00:07:26 ครั้งอยากให้อาจารย์ฝากถึงการป้องกันรค
00:07:26 → 00:07:29 นิ่วในถุงน้ำดีค่ะวิธีการป้องกันการที่
00:07:29 → 00:07:32 เราแนะนำครับ 1 ก็คือเรื่องของการบริโภค
00:07:32 → 00:07:35 อาหารเป็นหลักนะครับนะพยายามทานอาหารให้
00:07:35 → 00:07:38 หลากหลายให้ได้สารอาหารครบถ้วนนะครับแล้ว
00:07:38 → 00:07:41 ก็หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารจำพวกไขมัน
00:07:41 → 00:07:43 หรือว่ามีคอเลสเตอรอลสูงติดต่อกันเป็น
00:07:43 → 00:07:45 เวลานานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ
00:07:45 → 00:07:48 คอเลสเตอรอลในเลือดสูง 2 ก็คือพยายามออก
00:07:48 → 00:07:52 กำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อลดการสะสมไขมัน
00:07:52 → 00:07:56 ในร่างกาย 3 ควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
00:07:56 → 00:08:00 หรือว่าตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
00:08:00 → 00:08:03 ขอบคุณนะคะสำหรับการรับชมรายการ TNN
00:08:03 → 00:08:06 Health ค่ะและอย่าลืมค่ะกด Subscribe กด
00:08:06 → 00:08:10 ไลคกดแชร์ในทุกช่องทางออนไลน์ของ TNN
00:08:10 → 00:08:13 ช่อง 16 ค่ะเพื่อที่จะไม่พลาดการรับชมราย
00:08:13 → 00:08:17 การสดคลิปวีีดีโอที่น่าสนใจของทาง TNN นะ
00:08:17 → 00:08:20 คะ