00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีทุกคนนะครับยินดีต้อนรับเข้าสู่
00:00:02 → 00:00:05 บัตร Cash เรื่องเล่าจากร่างกายนะครับผม
00:00:05 → 00:00:07 หมอเร็วนายแพทย์จะพลเอกกะจอร์จธาดาครับ
00:00:07 → 00:00:11 สวัสดีค่ะหมอขวัญคะคือเพื่อนช่วงนี้มันนี
00:00:11 → 00:00:14 เกี่ยวหรือวัคซีนคอหวิดโดนแล้วจะมีคนพูด
00:00:14 → 00:00:17 ถึงคำว่าแพ้ยาหรือแพ้วัคซีนในกันมากขึ้น
00:00:17 → 00:00:21 ก็เลยคิดว่ามันดีคำนึงเนี่ยต้องบอกว่า
00:00:21 → 00:00:24 ปกติเนี่ยเราก็รู้มาอยู่แล้วว่าว่าจะมี
00:00:24 → 00:00:26 การใช้ที่คุณครับส่วนนิดนึงคือเรื่องของ
00:00:26 → 00:00:29 การแพ้อย่าวันนี้เนี่ยจะมาทำบุกข้อกันว่า
00:00:30 → 00:00:33 การแพ้ยากับผลข้างเคียงจากยาเนี่ยมันต่าง
00:00:33 → 00:00:35 กันอย่างไร
00:00:35 → 00:00:39 เพราะแค่ส่วนนี้นะคะก็ต้องขอขอบคุณ
00:00:39 → 00:00:43 สปอนเซอร์ของเรา OC แลนด์คอนแทคเลนส์ราย
00:00:43 → 00:00:46 วันตัวเลนส์ทำจากวัสดุ S กับฟิวค่อน a
00:00:46 → 00:00:48 ค่ะ
00:00:48 → 00:00:52 จะนี่ในทางปฏิบัติจะบอกว่าปกติโดยทั่วไป
00:00:52 → 00:00:55 เราก็ใช้ปนๆกันมานานเอ้อแล้วก็ไม่ใช่แต่
00:00:55 → 00:00:58 ไม่ถือว่าไม่ใช่แค่ผู้ป่วยเท่านั้นที่ที่
00:00:58 → 00:01:01 ใช้สลับกันไปมาอย่างหมอโรงพยาบาลเองนะคะ
00:01:01 → 00:01:03 แล้วก็ใช้ง่ายๆก็คือบอกว่าเธอมันเป็นการ
00:01:03 → 00:01:06 แพ้ยานะแต่ที่จริงแล้วในการพญากับผลข้าง
00:01:06 → 00:01:09 เคียงจากยาเนี่ยถ้ากันว่ากันตามตรงเลยมัน
00:01:09 → 00:01:12 คือคนละอย่างก็เลยมันมีกลไกในที่ต่างกัน
00:01:12 → 00:01:15 แล้วอาจจะว่ากันตามตรงในการเข้าใจตรงนี้
00:01:15 → 00:01:18 ว่ามันต่างกันยังไงก็มีความสำคัญในชีวิต
00:01:18 → 00:01:21 จริงด้วยโดยเฉพาะในช่วงที่ต้องมีช่วงฉีด
00:01:21 → 00:01:23 วัคซีนเนี่ยก็จะมีการใช้สำหรับการซึ่งบาง
00:01:23 → 00:01:26 ครั้งเนี่ยพอมีการใช้ศัพท์กันในสื่อต่างๆ
00:01:26 → 00:01:29 มันทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดได้แค่นี้โดย
00:01:29 → 00:01:31 ทั่วไปเนี่ยต้องบอกว่าว่าถ้าตามแบบ
00:01:31 → 00:01:33 วิชาการเลยฉันจะมีการแบ่งที่แบบเป็น
00:01:33 → 00:01:36 มาตรฐาน The Standard อยู่มีการแบ่งของ w
00:01:36 → 00:01:39 h o n o แต่เราจะไม่พูดถึงถูกตรงนั้น
00:01:39 → 00:01:42 ผู้ที่แบ่งเลนส์ทางเพศชายบีอะไรพวกนี้แต่
00:01:42 → 00:01:45 มันจะมาคุยกันแบบความต่างในแบบที่ใช้งาน
00:01:45 → 00:01:47 ในชีวิตจริงกันอยากให้ลองคนที่มาลอง
00:01:47 → 00:01:50 อธิบายนึงได้ไหมว่าไอ้ผลข้างเคียงกับการ
00:01:50 → 00:01:52 แพ้ยาที่เราใช้กันเนี่ยมันต่างกันยังไง
00:01:52 → 00:01:53 บ้าง
00:01:53 → 00:01:56 ก็เริ่มจากผลข้างเคียงก่อนนะคะง่ายๆเลย
00:01:56 → 00:02:00 เนี่ยก็คือตามที่ในลีฟเลทนะคะหรือว่าแผ่น
00:02:00 → 00:02:02 เล็กๆอ่ะที่เวลาเราซื้อยาอะไรมาในก็ตาม
00:02:02 → 00:02:05 เลยนะเปิดกล่องมาเพิ่มอยากจะเห็นมีกระดาษ
00:02:05 → 00:02:08 เนี่ยนะฮะแผ่นเล็กๆพับอัดแน่นอยู่ในนั้น
00:02:08 → 00:02:11 เขาจะระบุเลยนะคะว่ายาตัวนี้อาจจะมีผล
00:02:11 → 00:02:13 ข้างเคียงอะไรบ้างเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็
00:02:13 → 00:02:16 จะค่อนข้างรู้อยู่แล้วก็คาดเดาได้แล้วว่า
00:02:16 → 00:02:19 ถ้าเกิดว่ารับประทานยาตัวนี้นะคะมันจะมี
00:02:19 → 00:02:21 ผลข้างเคียงอะไรที่เจอบ่อยๆนะคะแล้วก็
00:02:21 → 00:02:24 อย่างเช่นเวลาที่ใครไปโรงพยาบาลวันนี้คุณ
00:02:24 → 00:02:28 หมอก็อาจจะมักจะพูดไก่อนเวลาจะยาไรว่ายา
00:02:28 → 00:02:30 ตัวนี้นะถ้าเกิดว่าสมุดว่ารับประทานแล้ว
00:02:30 → 00:02:32 เนี่ยอาจจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้างนะขึ้น
00:02:32 → 00:02:36 แบบพ่วงนอนกินยาล่ะอาจจะกัดกระเพาะอะไร
00:02:36 → 00:02:39 พรุ่งนี้ใช่ไหมถ้าใช่ประมาณนั้นเลยนะคะ
00:02:39 → 00:02:42 แล้วก็ผลข้างเคียงในก็จะมักจะสัมพันธ์กับ
00:02:42 → 00:02:46 ปริมาณอย่านะครับปรับปริมาณขนาดของยาหรือ
00:02:46 → 00:02:48 ว่า dose นะคะเพื่อเกิดว่าสมมติว่าทาน
00:02:48 → 00:02:50 เยอะทางเป็นเวลานานเนี่ยก็อาจจะมีอาการ
00:02:50 → 00:02:53 เยอะนะคะแล้วก็ส่วนใหญ่ในว่าจะขั้นตอนการ
00:02:53 → 00:02:57 ทำงานของยาเองนะคะเช่นอย่าถ้าเกิดว่าสว
00:02:57 → 00:03:00 เริ่มยาความดันใหม่ๆนะคะเวลาลุกนั่งมาที่
00:03:00 → 00:03:03 มีหน้าเมื่อเล่นหน่อยนะคะหรือว่ายากลุ่ม
00:03:03 → 00:03:05 ที่เป็นยาแก้ปวดที่แรงหน่อยนะคะพวก
00:03:05 → 00:03:08 ไอบูโปรเฟนอาร์ค็อกเซียอะไรพวกนี้นะคะ
00:03:08 → 00:03:11 เวลาถ้าเกิดว่าสมุดว่าทานติดต่อกันเป็น
00:03:11 → 00:03:14 ระยะเวลานานๆนะคะก็อาจจะมีระคายเคือง
00:03:14 → 00:03:16 กระเพาะอาหารปวดท้องนะคะหรือว่าในบางราย
00:03:16 → 00:03:19 ผู้สูงอายุหรือว่าผู้ที่มีโรคไตในก็ต้อง
00:03:19 → 00:03:22 ระวังผลข้างเคียงไตอะไรเนี่ยนะคะซึ่งถ้า
00:03:22 → 00:03:25 เกิดอาการในก็อาจจะพิจารณาลดปริมาณยาลง
00:03:25 → 00:03:28 หรือว่าอาญาตัวอื่นมาแทนนะคะแต่ในทางกลับ
00:03:28 → 00:03:31 กันค่ะอันเลยจิก reaction หรือว่ากลไกการ
00:03:31 → 00:03:34 แพ้มันเป็นคนละคนกันเลยนะคะมันไม่ได้เกิด
00:03:34 → 00:03:36 จากฤทธิ์ของยามันผลข้างเคียงแต่ว่าเกิด
00:03:36 → 00:03:39 จากภูมิคุ้มกันของเรานี่ล่ะค่ะที่ตอบสนอง
00:03:39 → 00:03:43 กับอย่านะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยกลไกการใช้ยา
00:03:43 → 00:03:46 นะคะมันก็จะต่างไปกับผลข้างเคียงของยา
00:03:46 → 00:03:49 ทั่วไปขึ้นหนึ่งคาดเดาไม่ได้ไม่รู้ว่าจะ
00:03:49 → 00:03:53 เกิดกับใครนะคะสองเนี่ยไม่สัมพันธ์ลดขนาด
00:03:53 → 00:03:56 ของยาเพราะฉะนั้นเนี่ยไม่ว่าจะทันมากทำ
00:03:56 → 00:03:58 น้อยทันสั้นอันยาวก็มีโอกาสที่จะเป็นได้
00:03:58 → 00:04:02 แล้วก็การแก้ไขในก็คือไม่สามารถแก้ด้วย
00:04:02 → 00:04:04 การลดขนาดยาแต่ว่าจะต้องหยุดยาหรือ
00:04:04 → 00:04:07 เปลี่ยนยาแล้วก็ห้ามให้ยาเจริญ 3 เพราะ
00:04:07 → 00:04:10 ว่าโอกาสที่จะเกิดการแพ้และแพ้รุนแรงมาก
00:04:10 → 00:04:14 ยิ่งขึ้นเนี่ยสูงมากเลยนะฮะคนไปนี้ก็จาก
00:04:14 → 00:04:17 เป็นกลไกแบบเดียวกับคนที่ที่แพ้อาหารนะ
00:04:17 → 00:04:20 เช่นแพ้อาหารทะเลแพ้ถั่วแท็กไข่นะคะแต่
00:04:20 → 00:04:22 แน่นอนค่ะรายละเอียดเรื่องการแพ้ในมันมี
00:04:22 → 00:04:24 หลายชนิดเหมือนกันนะคะแบบเฉียบพลันแบบที่
00:04:25 → 00:04:28 เหมือนกับอ่ะทานไปสักพักนึงอาจจะ 24 48
00:04:28 → 00:04:30 ชั่วโมงนะคะหรือว่าบางทีเป็นสัปดาห์ก็มี
00:04:30 → 00:04:33 หลายระยะแต่ว่าลักษณะการเกิดจากภูมิคุ้ม
00:04:33 → 00:04:37 กันเหมือนกันนะคะซึ่งเราคงจะแบบไม่ได้ลง
00:04:37 → 00:04:39 รายละเอียดของการแพ้แต่ละชนิดในวันนี้นะ
00:04:39 → 00:04:42 คะส่วนใหญ่เนี่ยอาการทั่วๆไปนะที่เราเจอ
00:04:42 → 00:04:45 บ่อยๆของจากการแพ้ในก็คือว่าอาจจะเป็น
00:04:45 → 00:04:49 ผื่นคันนะคะหรือว่าบางทีเป็นผื่นลมพิษนะ
00:04:49 → 00:04:51 คะถ้าเกิดว่าสมมติว่ามีอาการมากๆในอาจจะ
00:04:51 → 00:04:55 ทำให้เกิดอาการบวมดูดวงตาปากว่าใบหน้านะ
00:04:55 → 00:04:58 คะถ้าสมุดว่าเป็นรุนแรงอาจจะทำให้เกิด
00:04:58 → 00:05:02 อาการบวมในทางเดินหายใจนะคะก็จนบางคนมี
00:05:02 → 00:05:05 ความดันโลหิตตกลงได้ในก็อาจจะเป็นรุ่นแดง
00:05:05 → 00:05:09 ต้องไปพบแพทย์นอกจากนี้เลยที่เจอมาให้คน
00:05:09 → 00:05:12 นี้ลงไปได้หน่อยนะก็คือว่าเป็นพวกที่มี
00:05:12 → 00:05:14 การอักเสบเกิดขึ้นที่อวัยวะภายในนะคะเช่น
00:05:14 → 00:05:17 ตับอักเสบแตก 4 อะไรแบบเนี้ยอ้ะ
00:05:17 → 00:05:19 ก็คือโดยสรุปก็คอร์ดที่สุกอีกทีนึงนะ
00:05:19 → 00:05:22 เพื่อให้เห็นภาพจะชัดมันก็จะมีถ้าเป็น
00:05:22 → 00:05:24 ลักษณะของผลข้างเคียงอันที่ 1 ก็คือเป็น
00:05:24 → 00:05:27 สิ่งที่เราค่อนข้างๆเดาไว้อยู่แล้วว่าอาจ
00:05:27 → 00:05:29 จะเกิดแล้วเราก็รู้เริ่มจะเกิดอะไรขึ้น
00:05:29 → 00:05:32 บ้างถูกแม่ถ้าเป็นลักษณะของการแพ้มันคือ
00:05:32 → 00:05:34 ต้องบอกว่ามันไม่มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้
00:05:34 → 00:05:38 คาดหวังเอาไว้เธอมันเกิดวันเกิดแบบที่เรา
00:05:38 → 00:05:41 ไม่รู้มาก่อนว่ามันจะเกิดและอาการที่เกิด
00:05:41 → 00:05:43 ขึ้นอย่างก็มีตั้งแต่น้อยถึงรุนแรงขึ้น
00:05:43 → 00:05:45 กับชนิดที่เป็นซึ่งตรงนี้เราก็ไม่ได้ลง
00:05:45 → 00:05:47 รายละเอียดของการแพ้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
00:05:47 → 00:05:50 อีกทีหนึ่งอย่างที่สองเนี่ยก็คือว่าถ้า
00:05:50 → 00:05:52 เป็นเรื่องของผลข้างเคียงหลายครั้งนี้มัน
00:05:52 → 00:05:55 สัมพันธ์กับ dose สัมพันธ์กับปริมาณยา
00:05:55 → 00:05:58 เพราะใช้วิธีแก้ปัญหานะหมอก็จะทำรายการ
00:05:58 → 00:06:01 ที่ที่บางครั้งใช้วิธีการลองรถยาดูจงแม้
00:06:01 → 00:06:04 แต่ถ้าเป็นเรื่องของการแพ้เนี่ยเอ่อเช่น
00:06:04 → 00:06:06 มีลักษณะเป็นพื้นเป็นมีอะไรต่างๆที่คุย
00:06:06 → 00:06:10 ป่ะเนี่ยหมอน่าจะไม่ค่อยกล้าให้สําเพราะ
00:06:10 → 00:06:13 ว่ามันมีความเสี่ยงที่เจอกันแพ้รุนแรงและ
00:06:13 → 00:06:16 อาจจะมีถึงขั้นเสียชีวิตได้เนาะมันดูได้
00:06:16 → 00:06:17 ถึงคันได้
00:06:17 → 00:06:19 หมู่บ้านที่ 3 จริงมันก็คือเป็นคนละกลไก
00:06:19 → 00:06:22 กันถูกไหมเรื่องของเวลาเป็นผลข้างเคียง
00:06:22 → 00:06:24 ส่วนอย่างส่วนหลายครั้งนี้มันเป็นผลจาก
00:06:24 → 00:06:29 ตัวยาเองเป็นจากกลไกของยาแต่ถ้าเป็นฝั่ง
00:06:29 → 00:06:31 ของการแพ้เนี่ยมันจะเป็นคนไกลของร่างกาย
00:06:32 → 00:06:35 เราเองที่ตอบสนองกับสิ่งที่กินเข้าไปจาก
00:06:35 → 00:06:39 ยาที่กินเข้าไปโอเคพอเห็นภาพเลยนะว่าผล
00:06:39 → 00:06:40 ข้างเคียงต่อการแพ้ต่างกันอย่างไรที่
00:06:40 → 00:06:42 เนื่องจากว่าช่วงนี้ในก็เป็นเรื่องของ
00:06:42 → 00:06:45 วัคซีนอยู่แล้วได้ฉีดวัคซีนคอวีกันก็เลย
00:06:45 → 00:06:49 จะขอคุยเจาะจงไปที่วัคซีนเลยที่วัคซีน
00:06:49 → 00:06:51 เนี่ยเค้าบอกว่ามันก็ต่างไปเพราะว่าจริงๆ
00:06:51 → 00:06:54 C เนี่ยมันไม่ใช่อย่าเดี๋ยวมันเป็นสาร
00:06:54 → 00:06:56 ที่ให้เข้าไปเพื่อไปกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
00:06:56 → 00:07:00 ให้ทำงานมากขึ้นเพราะฉันกลไกของมันเนี่ย
00:07:00 → 00:07:04 มันจะเหมือนกับเป็นก็คือเป็นไปที่ผลจะ
00:07:04 → 00:07:07 ร่างกายเราเนี่ยตอบสนองกับกับสิ่งที่ฉีด
00:07:07 → 00:07:12 เข้าไปโดดก็คือตัววัคซีนที่นี่วัคซีนไอ
00:07:12 → 00:07:14 ปกติในก่อนที่จะออกมาอย่างที่คุยกันไปใน
00:07:14 → 00:07:17 แต่พิโสดที่คุยว่ามันจะมีขั้นตอนอย่างไร
00:07:17 → 00:07:19 บ้างอยู่ในการทำงานวิจัยกันหรือวัคซีนอ้ะ
00:07:19 → 00:07:22 มันจะมีเครื่องดูความปลอดภัยต่างๆมันก็จะ
00:07:22 → 00:07:24 ทำให้เหมาะได้สามารถรู้อยู่แล้วว่าเมื่อ
00:07:24 → 00:07:27 จะฉีดวัคซีนเนี่ยมันจะมีผลข้างเคียงอะไร
00:07:27 → 00:07:30 บ้างจะมีผลข้างเคียงวัคซีนเนี่ยปกติเพราะ
00:07:30 → 00:07:32 พูดถึงคำว่าผลข้างเคียงหรืออาการข้าง
00:07:32 → 00:07:35 เคียงมันก็จะมีที่มักจะเกิดขึ้นในบอกว่า
00:07:35 → 00:07:38 จะเรื่องของเจ็บหน่อยดิฉีดหรือบางครั้งมี
00:07:38 → 00:07:42 อาการปวดกล้ามเนื้อมีไข้ในวันถัดไปหรือ
00:07:42 → 00:07:45 ว่ารู้สึกอ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้นซึ่งพวก
00:07:45 → 00:07:47 สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอบอกว่าเราคาด
00:07:47 → 00:07:50 ว่าอยู่แล้วเล่าจริงๆที่น่าสนใจก็คือว่า
00:07:50 → 00:07:53 บางครั้งเนี่ยหลายครั้งและอาการที่เกิด
00:07:53 → 00:07:55 ขึ้นเนี่ยมันดีแต่ที่เรามีอาการพวกนี้มัน
00:07:55 → 00:07:58 ดีเพราะว่าอะไรเพราะว่าเมื่อเราฉีดวัคซีน
00:07:58 → 00:08:00 ไปเนี่ยเราต้องการที่ให้ร่างกายมันตอบ
00:08:00 → 00:08:04 สนองแล้วอาการพรุ่งนี้อาการเจ็บปวดเมนส์
00:08:04 → 00:08:07 ที่ฉี่ปวดกล้ามเนื้อมีไข้เนี่ยะมันเป็น
00:08:07 → 00:08:10 สิ่งที่เหมือนกับบอกให้เรารู้ว่าภูมิคุ้ม
00:08:10 → 00:08:12 กันของเราเนี่ยตอบสนองต่อสิ่งที่ฉีดเข้า
00:08:12 → 00:08:15 ไปซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีตัวไหมหลายครั้ง
00:08:15 → 00:08:18 เนี่ยเข็มที่ 2 ตัวเดียวมีสิทธิ์ไม่ต้อง
00:08:18 → 00:08:20 หลับมากกว่า 1 เข็มเนี่ยเข็มที่ 2 บังคับ
00:08:20 → 00:08:22 จะมีอาการมากกว่าครั้งแรกด้วยเพราะว่า
00:08:22 → 00:08:24 อะไรเพราะมโนฉีดครั้งแรกไปแล้วนี่มัน
00:08:24 → 00:08:27 เหมือนภูมิคุ้มกันเนี่ยมันตื่นตัวและมัน
00:08:27 → 00:08:30 ถูกปลุกขึ้นมาแล้วมันจำได้ว่าถ้าตัวนี้
00:08:30 → 00:08:33 เข้ามามันต้องตอบสนองยังไงแล้วบางครั้ง
00:08:33 → 00:08:34 ฉีกครั้งที่ 2 และมีอากาศมากกว่าครั้งแรก
00:08:34 → 00:08:37 เนี่ยมันก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าร่างกายใน
00:08:37 → 00:08:39 มันตอบสนองได้มากขึ้น
00:08:39 → 00:08:43 ดำจะดีกรณีบางกรณีจริงที่การตอบสนองใน
00:08:43 → 00:08:47 บ้านดูแรงมากๆจนถึงขั้นที่เรียกว่าต้อง
00:08:47 → 00:08:50 รักษาหรือว่าเลวร้ายมากๆเนี่ยอาจจะเร็ว
00:08:50 → 00:08:53 ถึงขั้นเสียชีวิตได้ฉันโดยทั่วไปเนี่ย
00:08:53 → 00:08:56 กว่าที่วัคซีนจะผ่านงานวิจัยออกมาใช้กับ
00:08:56 → 00:08:58 ประชาชนได้เนี่ยต้องบอกว่ามันพบน้อยมากๆ
00:08:58 → 00:09:01 เลยว่าเป็นประมาณพวกหลักหนึ่งในล้านอะไร
00:09:01 → 00:09:04 ประมาณนี้เลยและหนึ่งในหลายล้านแล้วการ
00:09:04 → 00:09:06 ที่มีเกิดขึ้นเนี่ยมันก็ไม่ได้บอกว่า
00:09:06 → 00:09:09 ปัญหาอยู่ที่วัคซีนอันนี้ประเด็นที่สำคัญ
00:09:09 → 00:09:11 มากเลยเนี่ยถือว่ามีการค้นความจริงเนี่ย
00:09:11 → 00:09:15 มันไม่ได้บอกว่าอาการนี้มันเกิดจากพวก 4
00:09:15 → 00:09:17 จะมีปัญหาทำไมเป็นเรื่องของคนคนนั้นที่จะ
00:09:17 → 00:09:20 มีปฏิกิริยาร่างกายนิ้วจักรยานตอบสนอง
00:09:20 → 00:09:23 อย่างซึ่งรุนแรงกว่าคนทั่วไป
00:09:23 → 00:09:26 มันเหมือนกันอย่างนี้มันก็ว่าเวลาไปกิน
00:09:26 → 00:09:28 อาหารทะเลนะเราคุ้นเคยใช้บางคนแพ้ถั่ว
00:09:28 → 00:09:31 ลิสงมาคนแพ็คกุ้งแพ้อะไรเนี่ยการที่คนคน
00:09:31 → 00:09:33 นั้นแพ้ถั่วลิสงเนี่ยมันไม่ได้บอกว่า
00:09:33 → 00:09:36 ปัญหาอยู่ที่ตัวนิสงฆ์แต่ไม่อยู่ที่ร่าง
00:09:36 → 00:09:39 กายของเขาในตอบสนองกับธุลี 2 นาคเป็น
00:09:39 → 00:09:42 พิเศษชายในกรณีก็คือว่าสุราษฎร์บางคนบอก
00:09:42 → 00:09:44 ว่าเป็นคนที่แพ้ง่ายอยู่แล้วเนี่ยฉีด
00:09:44 → 00:09:47 วัคซีนได้ไหมฉันจะเสี่ยงที่จะแพ้รุนแรง
00:09:47 → 00:09:49 ออกคนอื่นหรือเปล่าคำตอบก็คือจริงๆก็อาจ
00:09:49 → 00:09:52 จะไม่เกี่ยวโดยตรงเพราะว่ามันเป็นคราวแพ้
00:09:52 → 00:09:54 ถั่วลิสงเนี่ยก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไปกิน
00:09:54 → 00:09:57 กุ้งไม่ได้ถึงแม้เพราะว่าการที่แพ้มันมี
00:09:57 → 00:09:59 ความเฉพาะกำลังอย่างการที่เราแพ็คกุ้งก็
00:10:00 → 00:10:01 ไม่ได้แปลว่าเราจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะ
00:10:01 → 00:10:03 รับวัคซีนไม่ได้
00:10:03 → 00:10:07 ค่ะก็จริงๆช่วงนี้คนจะสนใจเรื่องวัคซีนโค
00:10:07 → 00:10:11 วิชนะคะอ่าข้อมูลตอนนี้นะคะถ้า
00:10:11 → 00:10:13 the black ส่ิงที่เรามีข้อมูลเกี่ยวกับ
00:10:13 → 00:10:16 เรื่องผลข้างเคียงมากที่สุดในก็คงเป็นตัว
00:10:16 → 00:10:18 ไฟเซอร์กับโมเดน่าหน้าซึ่งเป็น ami ใน
00:10:18 → 00:10:21 ทั้งคู่ก็เพราะฉีด 2 ตัวนี้ไปเยอะมากเลย
00:10:21 → 00:10:24 โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกานะคะก็ 2 ตัวนะก็
00:10:24 → 00:10:28 คือเพราะว่าประมาณค่ะอัตราโอกาสการเกิด
00:10:28 → 00:10:31 การแพ้แบบรุนแรงนะคะตอนนี้อยู่ที่ประมาณ
00:10:31 → 00:10:34 3-5 Case ตอนล้านคนฉีดไปล้านคนถึงมี 3-5
00:10:34 → 00:10:38 คนที่จะแพ้เยอะๆนะคะซึ่ง 3-5 คนนี้ถามว่า
00:10:38 → 00:10:40 เป็นอันตรายมั้ยเนี่ยไม่เป็นนะคะเพราะว่า
00:10:40 → 00:10:42 หลังจะชี้ในถ้าเราสังเกตอาการในโรงพยาบาล
00:10:42 → 00:10:45 แล้วเนี่ยผสมว่ามีปัญหาอะไรปุ๊บเน็ตก็คือ
00:10:45 → 00:10:48 สามารถดูแลฉีดยาเพิ่มแก้ไขได้ทันท่วงทีนะ
00:10:48 → 00:10:51 คะค่ะเค้านี้มันก็จะมี 2 ตัวนะเท่ากับว่า
00:10:51 → 00:10:54 สมุดว่าเป็นข่าวว่าซิงโควิชเนี่ยก็จะมี
00:10:54 → 00:10:56 สองอย่างที่คนกังวลกันนะคะอันแรกเลยก็
00:10:56 → 00:10:59 เป็นเรื่องของเบลล์พาวซี่หรืออันที่พูด
00:10:59 → 00:11:01 กันไว้ฉีดยาและมีปักเดียวนะคะ Bell palsy
00:11:01 → 00:11:03 เน็ตจริงๆเป็นโรคของเส้นประสาทที่ไป
00:11:03 → 00:11:07 เลี้ยงใบหน้าเค้านี้โรคนี้นะคะบางครั้งใน
00:11:07 → 00:11:09 เพราะเส้นภาษาที่ใบหน้านะเกิดการหนังสือ
00:11:09 → 00:11:11 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสนะคะก็จะขอ
00:11:12 → 00:11:13 ให้เกิด
00:11:13 → 00:11:16 เส้นภาษาที่มาเลี้ยงในหน้าเนี่ยไม่ทำงาน
00:11:16 → 00:11:19 ก็เลยทำให้กล้ามเนื้อที่ใบหน้าเหล่านี้
00:11:19 → 00:11:21 มันอ่อนแรงไปข้างนึงนะคะก็เลยทำให้ปากใน
00:11:21 → 00:11:23 ดูเหมือนเมียไปข้างหนึ่งนั้นส่วนใหญ่แล้ว
00:11:23 → 00:11:27 ก็อาการดีขึ้นได้นะคะตอนแรกยังมีมีความ
00:11:27 → 00:11:30 กลัวเพราะว่าตอนที่ฉีดวัคซีนไปมีรายงาน
00:11:30 → 00:11:32 เคสที่เป็นเบลเพลาซี่เนี่ยขึ้นมาบ้างนะคะ
00:11:32 → 00:11:37 แต่ว่าหลังจากที่อ่าการศึกษาวิจัยในเฟส 3
00:11:37 → 00:11:39 นะคะไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์โมนาในทำจนครบ
00:11:39 → 00:11:41 แล้วเนี่ยเพราะว่าจำนวนเคสค่ะที่เป็น
00:11:41 → 00:11:45 เบลพาซี่เนี่ยไม่ต่างกับในประชากรทั่วไป
00:11:45 → 00:11:48 นะคะสมมุติว่าเราแบบที่ง่ายๆคือว่าถ้า
00:11:48 → 00:11:50 สมมติเราไม่ฉีดวัคซีนอะไรเลยนะจำนวนคนที่
00:11:50 → 00:11:52 เป็นเบลพาซี่ขึ้นมาทุกวันทุกวันที่มาโรง
00:11:52 → 00:11:54 พยาบาลไม่ได้เยอะกว่านี้คุณที่ฉีดวัคซีน
00:11:54 → 00:11:58 สวยแล้วจริงๆนี้ก็อาจจะรวมไปถึงการอื่น
00:11:58 → 00:12:00 ด้วยนะเช่นอาจจะมีเรื่องบางคนพอฉีดเสร็จ
00:12:00 → 00:12:02 อีกหน่อยพอชินมากเรื่อยๆจะมีคนที่ฉี่
00:12:02 → 00:12:04 เสร็จปุ๊บแล้วก็มีข่าวว่าเช่นเล่นในสมอง
00:12:04 → 00:12:07 แตกหรือว่ามีอาการเจ็บหน้าอกอะไรว่าได้
00:12:07 → 00:12:11 หรือว่าตกบันไดปวดหัวปวดท้องเลยเนี้ยนะคะ
00:12:11 → 00:12:13 หน่อยซึ่งก็พรุ่งนี้ก็บอกว่ามันอาจจะไม่
00:12:13 → 00:12:15 ไม่ได้ความเกี่ยวข้องกันมันแคบมันไม่ว่า
00:12:15 → 00:12:17 มันจะเกิดของมันอยู่แล้วแล้วบังเอิญว่า
00:12:17 → 00:12:20 เขาฉีดวัคซีนเลขวันต่อมามันเกิดพอดีพูด
00:12:20 → 00:12:23 ง่ายๆคือมันไม่เกี่ยวข้องกันค่ะแต่ว่ายัง
00:12:23 → 00:12:26 ไงก็ตามเนี่ยมันไม่ได้หมายความว่าเราจะ
00:12:26 → 00:12:28 เลยตรงนี้นะคะเพราะว่าอย่างที่เราคุยกัน
00:12:28 → 00:12:32 ตอนที่ตอนที่เรื่องของการพัฒนาวัคซีนนะคะ
00:12:32 → 00:12:35 ถึงแม้ว่าจะจบการศึกษาในเฟส 3 แล้วนะคะ
00:12:35 → 00:12:37 เราก็ยังมีอีกเฟสหนึ่งที่เรียกว่าเป็น
00:12:37 → 00:12:41 โพสต์ Marketing สบายแลนด์สหก็คือหลังจาก
00:12:41 → 00:12:43 การที่วัคซีนได้นำไปใช้แล้วเนี่ยะก็ยังมี
00:12:43 → 00:12:46 การติดตามข้อมูลนี้อยู่โดยเฉพาะชินโควิช
00:12:46 → 00:12:48 เนี่ยเป็นแลคซีนที่มันออกมาเร็วอ่ะเพราะ
00:12:48 → 00:12:50 อยากให้มันออกมาเร็วเพราะไม่มีผลกระทบกับ
00:12:50 → 00:12:52 ทั่วทั้งโลกจะใช้มันออกมาเร็วกว่าและสิ่ง
00:12:52 → 00:12:54 ที่ทั่วไปมาเพราะเช่นการติดตามตรงเนี้ย
00:12:54 → 00:12:57 แน่นหนาว่าเพราะใช้เวลามีข่าวอะไรเนี่ย
00:12:57 → 00:13:00 ไม่ให้ตกใจค่ะนะคะอยากจะโอเคถ้าเรามั่นใจ
00:13:00 → 00:13:04 เราพอร์ชก่อนนะคะแล้วเรารอดูนะคะซัก
00:13:04 → 00:13:06 ประมาณ 1-2 สัปดาห์ว่าจากการสอบสวนแล้ว
00:13:07 → 00:13:08 เนี่ยมันมีความเกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง
00:13:08 → 00:13:11 ยังไงนะคะอันต่อไปเลยก็คงจะเป็นอันที่ขา
00:13:11 → 00:13:14 เอ่อออกเลยก็คือเกี่ยวกับลิ่มเลือดลิ่ม
00:13:14 → 00:13:16 เลือดเนี่ยที่เราเจอบ่อยๆแล้วก็คงเป็น
00:13:16 → 00:13:18 ลิ่มเลือดในเส้นเลือดดำที่ขานะคะแล้วก็
00:13:18 → 00:13:21 เส้นเลือดดำที่ปอดที่เจอบ่อยนะคะก็บอกว่า
00:13:21 → 00:13:24 มีรายงานเนี่ยตั้งแต่วัคซีนเอดส์ทุกตัว
00:13:24 → 00:13:27 เลยนะคะแต่ว่าทั้งหมดจริงๆแล้วเนี่ยไม่
00:13:27 → 00:13:31 ได้ปริมาณของคนที่มีทั้งเส้นเลือด
00:13:31 → 00:13:34 ที่ขาเออหรือว่าเสื้อดำที่ปอดเลยเนี่ยมี
00:13:34 → 00:13:36 เรื่อยๆนะไม่ได้สูงกว่าประชากรทั่วไป
00:13:36 → 00:13:38 เหมือนกันนะฮะไอ้ตัวนี้น่าจะไม่สัมพันธ์
00:13:38 → 00:13:43 ระแต่ว่าคราวนี้มันดันมีกรณีพิเศษก็คือ
00:13:43 → 00:13:45 ที่ละมันนะคะเพราะว่าที่เรามาเนี่ยเขาเจอ
00:13:45 → 00:13:47 เคสว่ามีลิ้นอุดตันในที่จะเลื่อนดำเหมือน
00:13:47 → 00:13:50 กันแต่ว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งที่เราเจอบ่อยๆ
00:13:50 → 00:13:54 แบบที่ขายว่าที่ปอดนะอันเนี้ยไปเจอในเส้น
00:13:54 → 00:13:57 เลือดดำในสมองซึ่งเราเรียกว่าคาวานัด
00:13:57 → 00:14:00 sinus นะประกอบว่าไปเจอตรงนี้นะคะตอนแรก
00:14:00 → 00:14:03 7 เคสลาเป็นก้าว Case นะก็ซึ่งอันเนี้ย
00:14:03 → 00:14:06 เจอถือว่าค่อนข้างถี่อันนี้เป็นที่มาที่
00:14:06 → 00:14:09 ทำให้ไอ้ emar นะคะแล้วก็ทางยุโรปอะไร
00:14:09 → 00:14:12 ประเทศเนี่ยขอพรการใช้วัคซีนเสือชั่วคราว
00:14:12 → 00:14:15 เพื่อที่จะ investigate ตอนนี้นะคะตอนนี้
00:14:15 → 00:14:17 จริงๆแล้วทั้ง wto แล้วก็ ema ไหนก็
00:14:17 → 00:14:20 ประกาศว่าอย่างให้ฉีดวัคซีนต่อเพราะว่า
00:14:20 → 00:14:22 คุณนะประโยชน์ของวัคซีนเนี่ยมันเมื่อ
00:14:22 → 00:14:24 เทียบกับความเสี่ยงแล้วเนี่ยคุณนะ
00:14:24 → 00:14:26 ประโยชน์ของวัคซีนในการป้องกันครบเนี่ย
00:14:26 → 00:14:28 มันสูงเขามากๆนะคะแต่อย่างไรก็ตามเนี่ย
00:14:28 → 00:14:32 ทุกคนติดตามเรื่องนี้อยู่ลืมเลือนนี้ก็
00:14:32 → 00:14:34 คือภาวะที่เหมือนมันเป็นมีเลือดแข็งตัว
00:14:34 → 00:14:36 เป็นลิ่มอยู่ในเส้นเลือดแล้วเผื่อใครไม่
00:14:36 → 00:14:41 คุ้นเคยซึ่งมันถ้าหลายปีก่อนหน้าจะมีคน
00:14:41 → 00:14:43 ได้ยินคำว่า economy Syndrome เอ็กคอนมี
00:14:43 → 00:14:45 คลาส physically Class Syndrome ก็คือ
00:14:45 → 00:14:48 คนที่ขึ้นเครื่องบินและเขาบอกว่านั่งนานๆ
00:14:48 → 00:14:51 ไม่ได้ขยับใครเห็ดแทบเธอมันก็เลยทำให้
00:14:51 → 00:14:54 เกิดตันแข็งตัวของลิ่มเลือดขึ้นมาได้เป็น
00:14:54 → 00:14:56 ๆไม่ได้แต่ว่าไม่ค่อยพบในคนเอเชียมากเท่า
00:14:56 → 00:15:00 คนทดตะวันตกถ้าจะเป็นคนเอเชียก็จะเป็นคน
00:15:00 → 00:15:03 ที่มีภาวะบางอย่างนำมาก่อนเช่นพวกโรค
00:15:03 → 00:15:05 มะเร็งบางอย่างเนาะมันทำให้กินเลือดแข็ง
00:15:05 → 00:15:08 ตัวได้ง่ายขึ้นแล้วคนที่ขาหักสะโพกหักเรา
00:15:08 → 00:15:11 ไม่ได้ขยับคานๆสมัยก่อนแต่วันนี้หมอก็จะ
00:15:11 → 00:15:14 มีการป้องกันให้คะอันนี้ก็เป็นภาวะทุกข์
00:15:14 → 00:15:16 ซึ่งหมายถึงว่าพวกนี้ก็เจอได้ในเป็นปกติ
00:15:16 → 00:15:18 เป็นประจำวันอยู่แล้วไม่ได้ต่างไปจากคน
00:15:18 → 00:15:22 ที่รับวัคซีนโอเคจริงๆมันก็ค่อนข้างมีแค่
00:15:22 → 00:15:24 นี้แหละเนาะแต่สุดท้ายในๆแล้วคุยเรื่อง
00:15:24 → 00:15:26 นี้แล้วในยาสระ cos tan มีเรื่องหนึ่ง
00:15:26 → 00:15:27 ที่
00:15:27 → 00:15:30 ต้องบอกว่ามันทำให้คนเข้าใจผิดเหมือนกัน
00:15:30 → 00:15:33 คือคำว่าแพ้นมวัวอันนี้ของเข้าใจผิด
00:15:33 → 00:15:36 เดี๋ยวมาเลยอ่ะเออมันมีสองภาวะเนาะอะไรก็
00:15:36 → 00:15:38 คือเป็นภาวะที่แพ้จริงๆเหมือนที่เราคุย
00:15:38 → 00:15:40 กันไปก็คือภาวะที่ร่างกายมาตอบสนองขนมบัว
00:15:40 → 00:15:43 แล้วมันมีอาการเกิดขึ้นในหลายอย่างเช่น
00:15:43 → 00:15:46 บางคนก็จะมีเรื่องของเป็นผื่นแบบผื่นลม
00:15:46 → 00:15:50 พิษขึ้นมีอาการหลายๆระบอบแบบปวดท้องท้อง
00:15:50 → 00:15:54 เสียถ่ายเป็นเลือดนอนแล้วก็บางคนถึงขณะมี
00:15:54 → 00:15:58 ระดับเกาะอาการที่มันจะหายใจขอบเหนื่อย
00:15:58 → 00:16:01 หลอดลมเคยว่านอนลมเนี่ยมันก็นั่งติดตัน
00:16:01 → 00:16:05 อันนั้นเคืองแพซึ่งจริงๆก็บอกว่าพบน้อย
00:16:05 → 00:16:08 มากตัวเร่งจริงในเมืองไทยเนี่ยพี่ไม่รู้
00:16:08 → 00:16:10 แต่ว่าอย่างในต่างประเทศเองนะครับเพราะ
00:16:10 → 00:16:12 ว่ามันก็มีแค่แบบที่ 5 เปอร์เซ็นต์อะไร
00:16:12 → 00:16:16 ประมาณนี้ของประชากรในเด็กเนาะแต่การ
00:16:16 → 00:16:20 หนึ่งคือภาวะที่คนที่ชอบใช้คำว่าแพ้นมวัว
00:16:20 → 00:16:23 ยภาวะหนึ่งที่เป็นภาวะที่ผู้ใหญ่ขาดเอ็น
00:16:23 → 00:16:26 ไซม์จะย่อยนมชื่อว่าเอนไซม์แลคเตสค่ะ
00:16:26 → 00:16:29 อย่างนี้อธิบายแบบย่อๆก็คือว่าโดยปกติใน
00:16:29 → 00:16:32 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไปเนี่ยจะสามารถ
00:16:32 → 00:16:36 ย่อยน้ำนมได้ย่อยน้ำตาลน้ำในน้ำนมในชื่อ
00:16:36 → 00:16:39 ว่ารักโตได้เพราะว่ามีเอนไซม์แต่เมื่อใส่
00:16:39 → 00:16:41 ลูกด้วยนมทุกชนิดโตขึ้นเนี่ยเอนไซม์ดูน่า
00:16:41 → 00:16:45 จะหยุดทำงานหยุดสร้างขึ้นมาทำให้ฉันรู้
00:16:45 → 00:16:47 ได้นมเมื่อโตขึ้นเนี่ยไม่สามารถย่อยนมได้
00:16:47 → 00:16:50 ดีปลากินนมเข้าไปเนี่ยมันก็จะมีอาการที่
00:16:50 → 00:16:53 เหมือนกับย่อยนมได้ดีก็คือมีท้องอื่นอาจ
00:16:53 → 00:16:56 จะมีเรื่องของปวดท้องบ้าแล้วก็ท้องเสีย
00:16:56 → 00:16:59 บ้างได้อันนี้คืออาการที่ผู้ใหญ่หลายคนคน
00:16:59 → 00:17:03 กินนมไม่ได้แต่ว่ามันไม่ใช่ภาวะแพ้แบบที่
00:17:03 → 00:17:06 กระตุ้นภูมิคุ้มกันมันคือเราไม่มี M3
00:17:06 → 00:17:09 ย้อยนมเพราะฉะนั้น 2 ภาวะเด็กต่างกันหาก
00:17:09 → 00:17:11 ก็จะต้องแยกว่ามีการอักเสบเกิดขึ้นรึอา
00:17:11 → 00:17:14 การแพ้นะคะกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือว่าจริง
00:17:14 → 00:17:17 ๆแล้วเป็นออกแนวย่อยไม่ได้นะมากกว่าการ
00:17:17 → 00:17:21 ใช่โอเคทั้งหมดจริงๆก็มีเท่านี้นะครับ
00:17:21 → 00:17:23 เรื่องของการแพ้เนาะคำว่าแพ้ที่เราชอบใช้
00:17:23 → 00:17:26 กันก็หวังว่าจะช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับคำ
00:17:26 → 00:17:28 ว่าแพ้เนี่ยมากขึ้น
00:17:28 → 00:17:32 ผ่านแค่พี่ส่วนนี้นะคะก็ต้องขอขอบคุณ
00:17:32 → 00:17:36 สปอนเซอร์ของเราโอซีแลนซ์คอนแทคเลนส์ราย
00:17:36 → 00:17:39 วันตัวเลนส์ทำจากวัสดุ S กับฟิวค่อน a
00:17:39 → 00:17:42 ค่ะ
00:17:42 → 00:17:45 แล้วก็เช่นเคยนะครับก็จะจากกันไปก็ฝากนิด
00:17:45 → 00:17:48 นึงนะครับชอบเนื้อหาแบบนี้นะครับก็อยากจะ
00:17:48 → 00:17:50 ขอให้ช่วยกดไลค์กดแชร์นะครับก็ Supply
00:17:50 → 00:17:52 เป็นคอมเม้นท์เขียนรีวิวให้หน่อยนะครับ
00:17:52 → 00:17:55 ฉันวันนี้เราสองคนก็ขอลาไปก่อนนะครับ
00:17:55 → 00:18:00 สวัสดีครับแค่นี้ฮ่าๆ
00:18:00 → 00:18:11 [เพลง]
00:18:11 → 00:18:14 ม.ค