00:00:00 → 00:00:03 ถ้าท่านมีความเครียดวิตกกังวลนอนไม่หลับ
00:00:03 → 00:00:06 ตื่นตระหนกหรือป่วยเป็นแพนิคท่านควรดู
00:00:06 → 00:00:09 คลิปนี้คลิปนี้เนี่ยเป็นคลิปสารคดีของ
00:00:09 → 00:00:13 ประเทศอเมริกาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดย
00:00:13 → 00:00:16 การใช้ยาแต่การแก้ไขดังกล่าวนั้นน่ะจะทำ
00:00:16 → 00:00:19 ให้เกิดปัญหามากขึ้นหรือน้อยลงมาฟังกันดู
00:00:19 → 00:00:25 นะ
00:00:25 → 00:00:28 ครับสวัสดีครับทุกท่านเพจหมอเฉพาะทางบาด
00:00:28 → 00:00:30 เดียวและ YouTube Channel หมอเฉพาะทาง
00:00:30 → 00:00:32 บาทเดียวนะครับกระผมหมอเกมนายแพทย์
00:00:32 → 00:00:35 อดุลชัยธรรมแสงเสิร์ชนะครับก็กลับมาอีก
00:00:35 → 00:00:37 ครั้งนึงนะครับในเรื่องของสารคดีเกี่ยว
00:00:37 → 00:00:40 กับ netflix netflix เนี่ยมีสารคดีดีๆนะ
00:00:40 → 00:00:42 ครับเกี่ยวกับสุขภาพมากมายวันนี้เนี่ยเรา
00:00:42 → 00:00:45 จะมาพูดในหัวข้อ Take your peel snack
00:00:46 → 00:00:49 สารคดีเนี้ยมันเริ่มจากการที่เขาบอกว่าคน
00:00:49 → 00:00:52 อเมริกันเนี่ยใช้ยาตัวเนี้ยเพิ่มสูงมาก
00:00:52 → 00:00:56 ขึ้นนะครับตั้งแต่ปี 2019 ใช้กว่า 44
00:00:56 → 00:00:59 ล้านเม็ดต่อปีเฮ้ยยาตัวนี้ทำไมมันถึงได้
00:00:59 → 00:01:03 มีการใช้มากมายขนาดนั้นเคก็พูดว่ามันเป็น
00:01:03 → 00:01:06 เพราะว่าเดี๋ยวเนี้ยสื่อโซเชียลมันมากไป
00:01:06 → 00:01:09 หรือเปล่าเราจะต้องกังวลข่าวของแผ่นดิน
00:01:09 → 00:01:14 ไหวของในอีกโลกนึงหรือในอีกทวีปนึงหรือ
00:01:14 → 00:01:17 บางทีเราโดนตามงานตอน 20:00 น 21:00 น
00:01:17 → 00:01:19 ซึ่งมันเลิกเวลางานไปแล้วอย่างเงี้ยมันก็
00:01:19 → 00:01:21 ทำให้เกิดความเครียดไม่ได้เกิดการพักผอด
00:01:21 → 00:01:24 เกิดขึ้นเก็เลยบอกว่านี่คือเหตุผลหรือ
00:01:24 → 00:01:26 เปล่าที่ทำให้คนอเมริกันเนี่ยมีความ
00:01:26 → 00:01:30 เครียดสูงขึ้นสารคดีเนี้ยเนี่ยจะพูด
00:01:30 → 00:01:33 เกี่ยวกับคนที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ยา
00:01:33 → 00:01:36 ก็คือผู้ป่วยเนี่ย 7 คนและคนที่เป็นคน
00:01:36 → 00:01:40 จ่ายยาซึ่งเป็นคุณหมอและเภสัชกรเนี่ย 4
00:01:40 → 00:01:43 คนเขาจะมีมุมมองในเรื่องของปัญหาเนี้ย
00:01:44 → 00:01:47 อย่างไรบ้างโดยหมอจะขอแนะนำตัวละครทั้ง 7
00:01:47 → 00:01:50 ท่านนะครับซึ่งเป็นผู้ป่วยทั้ง 7 คนในแต่
00:01:50 → 00:01:53 ละ 7 คนเนี่ยมีความเครียดคนละแบบหมอจะ
00:01:53 → 00:01:55 อธิบายไปทีละคนนะครับและชน่าเนี่ยเป็น
00:01:55 → 00:01:59 หญิงวัยกลางคนอายุ 40-50 ปีเป็นแม่เลี้ยง
00:01:59 → 00:02:00 เดียวนะ
00:02:00 → 00:02:03 ลูกกำลังอยู่ในวัยรุ่นเป็นวัยต่อต้านเลย
00:02:03 → 00:02:06 ก็เครียดเรื่องลูกแล้วก็พ่อแม่ก็สูงวัย
00:02:06 → 00:02:09 แล้วเริ่มป่วยไข้ไม่สบายนี่คือเรื่องของ
00:02:09 → 00:02:13 เจนคนที่ 2 เรื่องของฟี้ฟี้เนี่ยเป็นผู้
00:02:13 → 00:02:16 หญิงผิวสีโดนบุลลี่ตั้งแต่เด็กๆก็คือว่า
00:02:16 → 00:02:19 ตัวเองเนี่ยดันไปเรียนอยู่ในกลุ่มคนผิว
00:02:19 → 00:02:21 ขาวช่วงพักกลางวันเนี่ยเขาบอกเลยเป็นช่วง
00:02:21 → 00:02:25 ที่เขากลัวที่สุดเพราะว่าจะโดนแกล้งเฟบี้
00:02:25 → 00:02:28 แก้ปัญหาก็คือไปสมัครเป็นทหารสร้างความ
00:02:28 → 00:02:30 แข็งแกร่งให้ตัวเองปรากฏพอไปเป็นอาหารก็
00:02:30 → 00:02:34 ถูกล่วงละมิดทางเพศอีกส่วนคนที่ 3 คือ
00:02:34 → 00:02:37 จอห์นจอห์นเนี่ยเบอกว่าเเริ่มมีความ
00:02:37 → 00:02:39 เครียดตอนเข้ามหาวิทยาลัยมันเป็นช่วงที่
00:02:39 → 00:02:42 เขาต้องปรับตัวปรากฏช่วงที่ปรับตัวนั้น
00:02:42 → 00:02:45 น่ะเขาได้ไปเอ่อเค้าเรียกว่าไปปรึกษา
00:02:45 → 00:02:47 จิตแพทย์ของ
00:02:47 → 00:02:50 มหาวิทยาลัยหมอก็จ่ายยาแก้เครียดมาให้
00:02:50 → 00:02:53 หลังจากนั้นเกินแล้วรู้สึกดีเลยกินตั้ง
00:02:53 → 00:02:58 แต่มหาวิทยาลัยจนโตเป็นพ่อคนและ 30 ปียัง
00:02:58 → 00:03:00 กินยาอยู่เดี๋ยวเดี๋ยวมันจะเกิดปัญหากับ
00:03:00 → 00:03:03 จอห์เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังสกอตก็เหมือนกัน
00:03:03 → 00:03:05 สกอตเนี่ยเป็นโรคเครียดเบอกว่าเเกิดมา
00:03:05 → 00:03:08 เนี่ยเก็รู้สึกว่าตัวเองเครียดแล้วเวลา
00:03:08 → 00:03:11 เครียดก็ท้องไส้ปั่นป่วนใครเคยเป็นแบบนี้
00:03:11 → 00:03:13 บ้างเบอกว่าหมอวินิจฉัยว่าเ้าเป็นโรคลำ
00:03:13 → 00:03:17 ไส้แปรป่วนเขาก็กินยาแก้เครียดมาตลอดจน
00:03:17 → 00:03:19 ตอนเนี้ยจอห์นมีหน้าที่การงานดีเป็น
00:03:19 → 00:03:22 บันดาลพิการของหนังสือพิมพ์แบบยักษ์ใหญ่
00:03:22 → 00:03:25 แต่เขาก็ยังมีความเครียดต้องกินยาอยู่
00:03:25 → 00:03:29 ส่วนเวียเป็นตัวแทนของสาวไทยเลยก็ได้ก็
00:03:29 → 00:03:30 คือ
00:03:30 → 00:03:35 1 มีแฟนเอ่อแฟนไปมีกิ๊กตัวเองมีความ
00:03:35 → 00:03:39 เครียดในที่ทำงานต้องพึ่งสายหมูจะเพิ่ง
00:03:39 → 00:03:43 หมอดูนี่หรือไม่ก็หมอทรงเจ้าเข้าผีนะส่วน
00:03:43 → 00:03:47 อดรเนี่ยคนล่างสุดเนี่ยเป่วยจริงๆเป็นโรค
00:03:47 → 00:03:50 แพนนิคคืออยู่ดีๆอาการมันเป็นเองหัวใจ
00:03:50 → 00:03:53 เต้นเร็วตัวร้อนเหมือนรู้สึกอยากจะตาย
00:03:53 → 00:03:57 ความดันขึ้นซึ่งมันเกิดขึ้นโดยไม่มี
00:03:57 → 00:04:01 สาเหตุส่วนแม
00:04:01 → 00:04:04 เป็นตัวแทนของ lq gbt ก็มีความเครียด
00:04:04 → 00:04:07 แม็กเนี่ยเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นเกยตอนเข้า
00:04:07 → 00:04:11 มหาวิทยาลัยแล้วเขาก็ทำตัวไม่ถูกปรับตัว
00:04:11 → 00:04:15 ไม่ถูกนี่คือความเครียดที่เขาคิดว่าครอบ
00:04:15 → 00:04:18 คลุมคนหมู่มากละส่วนท่านอื่นอาจจะมีความ
00:04:18 → 00:04:20 เครียดมากกว่าในเรื่องนี้เนี่ยที่ทำให้
00:04:20 → 00:04:24 ท่านนอนไม่หลับเดี๋ยวมาดู
00:04:24 → 00:04:29 กันคราวนี้เค้าก็จะพูดในส่วนของหมอ 3 คน
00:04:29 → 00:04:33 เพศัจกร 1 คนในฐานะผู้รักษาและผู้จ่ายยา
00:04:33 → 00:04:36 ว่าเอ้ยเป็นเพราะพวกคุณหรือเปล่าที่จ่าย
00:04:36 → 00:04:40 ยาให้คนไข้เพราะคนไข้เนี่ยไม่สามารถกินยา
00:04:40 → 00:04:42 ได้เองหรือซื้อยาได้เองนะพวกนี้ต้องมีใบ
00:04:42 → 00:04:46 สั่งจ่ายเคบอกโทษหมอหรือเปล่าว่าเป็นคน
00:04:46 → 00:04:50 จ่ายยาหมอเคพยายามพูดว่าเอ้ยจริงๆเนี่ยยา
00:04:50 → 00:04:53 เนี่ยมันก็เป็นตัวช่วยยาตัวเนี้ยยาสนก
00:04:53 → 00:04:56 เป็นยาที่ดีมากนะพูดให้ฟังก็คือว่าอย่าง
00:04:56 → 00:05:00 ที่บอกว่ายาสนกเป็นยาโบราณมีมาประมาณ 30
00:05:00 → 00:05:04 ปีและใช้กันอย่างแพร่หลายข้อดีของมันคือ
00:05:04 → 00:05:08 อะไรออกฤทธิ์เร็วและออกฤทธิ์สั้นไม่ออก
00:05:08 → 00:05:11 ฤทธิ์นานแต่ด้วยความที่มันออกฤทธิ์เร็ว
00:05:11 → 00:05:14 และออกฤทธิ์สั้นเนี่ยมันเลยทำให้คนติดใจ
00:05:14 → 00:05:17 คือตัวยาเนี่ยไม่ได้มีสารเสพติดนะตัวยา
00:05:17 → 00:05:21 ไม่ได้มีสารเสพติดแต่พอคนกินแล้วเนี่ยรู้
00:05:21 → 00:05:26 สึกเฮ้ยชอบติดใจก็เลยกินก็เลยติดหมอเค้า
00:05:27 → 00:05:31 ก็บอกว่าบางครั้งเนี่ยเคจะพยายามแนะนำคน
00:05:31 → 00:05:33 ไข้เรื่องเครียดให้แก้เครียดยังไงอะไร
00:05:33 → 00:05:36 เงี้ยแต่คนไข้ไม่รับฟังคนไข้บอกไม่อยาก
00:05:37 → 00:05:40 ฟังจายยามาเถอะซึ่งทำให้เกิดสังคม
00:05:40 → 00:05:43 อเมริกันเนี่ยเกิดมีปัญหาบางทีเด็กอายุ 20
00:05:43 → 00:05:47 เนี่ยกินยาวอร์ดสหรือกินไอ้ตัวยาตัวเนี้ย
00:05:47 → 00:05:50 ผสมกับยาตัวอื่นแล้วทำให้เกิดการเสีย
00:05:50 → 00:05:52 ชีวิตเกิดขึ้นอ่า
00:05:52 → 00:05:57 นะก่อนอื่นเราจะต้องเข้าใจก่อนว่าเฮ้ย
00:05:57 → 00:06:01 มนุษย์เราเนี่ยมีกลไกในการเกิดความเครียด
00:06:01 → 00:06:06 อย่างไรสำคัญมากสไลด์นี้สำคัญสุดๆเมื่อ
00:06:06 → 00:06:10 คุณมีวิความวิตกกังวลเกิดขึ้นในจิตใจดู
00:06:10 → 00:06:14 ภาพแรกนะสมมุติว่าคุณเห็นหมีเดินเข้ามา
00:06:14 → 00:06:17 เห็นหมีเดินเข้ามาสมองในส่วนที่ชื่อว่า
00:06:17 → 00:06:22 มดาเนี่ยมันจะตอบสนองว่าเฮ้ยนั่นคือหมี
00:06:22 → 00:06:28 นั่นคือหมีมันก็จะไปหลั่งสารบางตัวนะไปทำ
00:06:28 → 00:06:32 ให้สมเนี่ยมีการสื่อสารกันว่าเฮ้ยนั่นมัน
00:06:32 → 00:06:37 คือหมีหมีมันอาจจะมาทำร้ายเราก็ได้อันนี้
00:06:37 → 00:06:42 คือเลข 3 นะดูตามนะเมื่อมีความรู้สึกวิตก
00:06:42 → 00:06:46 กังวลอย่างนั้นนะร่างกายเราก็มีการหลั่ง
00:06:46 → 00:06:49 สารที่ชื่อว่าแอรีนหลายท่านรู้จักสาร
00:06:49 → 00:06:52 แอรีนอยู่แล้วก็คือหมายเลข 4 แอรีนเนี่ย
00:06:52 → 00:06:56 จะหลั่งไปทั่วร่างกายเลยเกิดอะไรขึ้นหลอด
00:06:56 → 00:06:59 เลือดหดหดตัวหัวใจบีบตัวเร็วหหัวใจเต้น
00:07:00 → 00:07:03 เร็วเลือดสูบฉีดโลหิตไปทั้งร่างกายนี่คือ
00:07:03 → 00:07:08 ผลของแดนีแดนีหลักเพื่ออะไรเพื่อเฮ้ยเรา
00:07:08 → 00:07:12 จะสู้กับหมีให้ดีหรือเราจะวิ่งหนีหมีให้
00:07:12 → 00:07:18 ดีนะไทหรือ Fight หรือเราจะอยู่นิ่งๆดี
00:07:18 → 00:07:21 นั่นคืออันที่ 5 ยาเนี่ยมันไปออกฤทธิ์ที่
00:07:21 → 00:07:26 ไหนร่างกายเราเนี่ยมันจะมีสารตัวนึงที่
00:07:26 → 00:07:30 ชื่อว่ากาบ้ามันจะออกฤทธิ์รับยับยั้งาร
00:07:30 → 00:07:34 สื่อประสาทคือเอาง่ายๆก็คือว่าพออมตเนี่ย
00:07:34 → 00:07:38 จดจำได้ว่าเฮ้ยหนีมามันจะไปกระตุ้นให้
00:07:38 → 00:07:42 เกิดการหลัแดนีใช่ป่ะปรากฏว่าถ้าเรามีสาร
00:07:42 → 00:07:45 ที่ชื่อว่ากาบ้ากาบ้าเนี่ยจะไปยับยั้งการ
00:07:45 → 00:07:46 สื่อ
00:07:46 → 00:07:50 ประสาททำให้แดนีเนี่ยมันไม่ไปทั่วตัว
00:07:50 → 00:07:55 เราไอ้ตัวซาคคือยาเนี่ยมันไปกระตุ้นการ
00:07:55 → 00:07:58 หลั่งสารที่ชื่อว่ากาบ้าเนี่ยให้ยับยั้ง
00:07:58 → 00:08:01 การสื่อประสาทให้เราอยู่อยู่นิ่งๆท่าน
00:08:01 → 00:08:04 เชื่อมว่าที่หมอพูด 1 2 3 4 5
00:08:04 → 00:08:09 เนี่ยท่านรู้จักดีอยู่แล้วนั่น
00:08:09 → 00:08:11 คือขันธ์
00:08:11 → 00:08:15 5 เมื่อกี้เนี้ยท่านฟังเรื่องขันธ์ 5
00:08:15 → 00:08:19 แต่ขันธ์ 5 ทางการแพทย์เนี่ยจะเป็นอีกรูป
00:08:19 → 00:08:22 แบบนึงท่านรู้แล้วขันธ์ 5 อะไรนะรูปเวทนา
00:08:22 → 00:08:25 สัญญาสังขารวิญญาณใช่มั้ยท่านท่องจำตั้ง
00:08:25 → 00:08:27 แต่เด็กๆใช่มั้ยรูปเวทนาสัญญาณสังขาร
00:08:27 → 00:08:31 วิญญาณแต่คาวเนี้ยหมอจะพูดในมุมมองของทาง
00:08:31 → 00:08:32 การ
00:08:32 → 00:08:36 แพทย์วิญญาณหมอเริ่มจากวิญญาณก่อนนะ
00:08:36 → 00:08:40 วิญญาณก็คือเนสการรับรู้ประสาทสัมผัสทั้ง
00:08:40 → 00:08:45 5 ถ้าท่านลืมตาท่านถึงจะมองเห็นใช่มั้ย
00:08:45 → 00:08:48 ถ้าท่านได้ยินเสียงท่านถึงจะได้ยินหูท่าน
00:08:48 → 00:08:51 ทำงานใช่มั้อ่ะถ้าท่านเห็นหมีนะดูเลืออีก
00:08:51 → 00:08:53 1 นะท่านเห็น
00:08:53 → 00:08:56 หมีตาท่านรับรู้
00:08:56 → 00:09:00 ะสัญญาหมอจะข้ามไปเลข 2 เลยสัญญาคือท่าน
00:09:01 → 00:09:06 จำได้ว่านั่นคือหมีใช่มย 3
00:09:06 → 00:09:09 สังขารจิตท่านจะปรุงแต่งว่าไอ้หมีนี่มัน
00:09:09 → 00:09:12 จะมาทำร้ายฉันหรือเปล่าหรือจริงๆหมีมันจะ
00:09:12 → 00:09:16 เดินผ่านไปแต่เราจะจิตปรุงแต่งก่อนว่าหมี
00:09:16 → 00:09:19 นั้นน่ะจะมาทำร้ายเราซึ่งมันจะอยู่ในส่วน
00:09:19 → 00:09:23 ของทรีทแล้วใช่มยข้อ 3 เหมือนกันนะคราว
00:09:23 → 00:09:27 นี้ 4 ร่างกายเราก็คือรูปรูปเนี่ยจริงๆ
00:09:27 → 00:09:30 หลายคนอาจจะบอกว่ารูปคือสิ่งที่จับต้อง
00:09:30 → 00:09:33 ได้รูปบอดี้ร่างกายเราก็คือรูปแต่รูปใน
00:09:33 → 00:09:39 ที่นี้คือบอของเรามันตอบสนองอย่างไรมัน
00:09:39 → 00:09:43 ตอบสนองอย่างไรการตอบสนองก็คือมีการหลั่ง
00:09:43 → 00:09:47 แอรีนเกิดขึ้นหัวใจท่านเต้นเร็วใช่มยร่าง
00:09:47 → 00:09:52 กายสูบฉีดโลหิตใช่ป่ะคราวนี้ข้อสุดท้าย
00:09:52 → 00:09:56 คือข้อ 5 ท่านจะทำยังไงกับสถานการณ์นั้น
00:09:56 → 00:10:00 จะสู้หรือจะหนีหรือจะอยู่นิ่งๆก็คือ
00:10:00 → 00:10:05 เวทนาการเวทนาก็คือความรู้สึกว่าชอบไม่
00:10:05 → 00:10:09 ชอบเฉยไม่เฉยท่านเห็นหมีถ้าท่านเห็นหมีก็
00:10:09 → 00:10:13 คิดว่านั่นคือหมีแล้วก็จบแค่นั้นจิตท่าน
00:10:13 → 00:10:16 ไม่ต้องปรุงแต่งทุกอย่างก็จะจบแต่ถ้าท่าน
00:10:16 → 00:10:20 เห็นหมีจิตท่างปรุงแต่งไปเรื่อยๆว่าเฮ้ย
00:10:20 → 00:10:23 หมีมันจะมาทำร้ายฉันหรือเปล่าคราวนี้สมอง
00:10:23 → 00:10:26 ท่านก็จะต้องมีการหลั่งสารแอนลีนให้ร่าง
00:10:26 → 00:10:31 กายท่านตอบสนองท่านจะสู้หนีอันนี้ก็คือ
00:10:31 → 00:10:34 สิ่งที่ท่านจะต้องตัดสินใจหรือท่านจะอยู่
00:10:34 → 00:10:41 เฉยๆขันธ์ 5 ก็เช่นกันท่านจะหยุดตรงไหนนะ
00:10:41 → 00:10:45 บรรลุธรรมมบรรลุธรรมมมที่สอนเนี่ยคือ
00:10:45 → 00:10:48 เรื่องที่สามารถจัดการกับความเครียดของ
00:10:48 → 00:10:53 ท่านได้นะให้คิดดีๆโดยที่ช่านไม่ต้องใช้
00:10:53 → 00:10:57 ยาเพราะถ้าท่านใช้ยาการใช้ยามันไปกระตุ้น
00:10:57 → 00:10:59 กาบ้าให้ยับยั้งใช่มั้ยทุกทุกอย่างก็จะ
00:10:59 → 00:11:04 หยุดแต่ท่านจะไม่ได้เรียนรู้ว่าเมื่อมัน
00:11:04 → 00:11:07 มีสิ่งมากระตุ้นท่านเนี่ยท่านจะหยุดยั้ง
00:11:07 → 00:11:11 ยังไงท่านจะสงบยังไง
00:11:11 → 00:11:15 อ่ะทั้งหมดเนี่ยอย่างที่บอกว่าชนเนี่ย
00:11:15 → 00:11:17 เค้าก็มีความเครียดในเรื่องครอบครัวเค้า
00:11:17 → 00:11:20 ทั้งลูกทั้งพ่อแม่เแล้วก็ตัวเองทำให้เค้า
00:11:20 → 00:11:25 นอนไม่หลับส่วนคนผู้ชายเนี่ยเค้าก็มีความ
00:11:25 → 00:11:29 เครียดที่ทำให้เค้าตื่นตระหนกส่วนคุณผู้
00:11:29 → 00:11:33 หญิงเนี่ยเขาก็เป็นโรคแพนนิคนะคุณผู้ชาย
00:11:33 → 00:11:35 คนข้างล่างก็เป็น stress and anxiety
00:11:35 → 00:11:41 ทั้งหมดเนี่ยเขาใช้ยาและและใช้ยาเนี่ยจน
00:11:41 → 00:11:45 จนติดด้วยนะจนติดด้วยคนข้างล่างเนี่ยเขา
00:11:45 → 00:11:48 ใช้ยาแล้วถ้ามุไปรดโนดยาของเขาเนี่ยเขาจะ
00:11:48 → 00:11:51 มีอาการ withdraw ทันทีเลยนะเหมือนมีอะไร
00:11:51 → 00:11:55 ร้อนๆทั่วร่างกายเลยพวกเนี้ยเขจำเป็นต้อง
00:11:55 → 00:12:01 ใช้ยาเใช้ยาไปจนจบนะแต่จิตแพทย์เบอกว่า
00:12:01 → 00:12:04 ถ้าคุณใช้ยาเนี่ยมันจะทำให้คุณเสียโอกาส
00:12:04 → 00:12:07 ในการพยายามฝึกจิตในการปรับตัวกับความ
00:12:07 → 00:12:10 เครียดหรือสร้างความเข้มแข็งเห็นมยนั่น
00:12:10 → 00:12:13 คือเวทนานะอย่างที่บอกก็คือว่าเฮ้ยถ้า
00:12:13 → 00:12:17 ท่านทำจิตให้สงบได้หรือดับมันได้เนี่ย
00:12:17 → 00:12:20 ท่านโอเคแต่ถ้าสมมุติท่านไปใช้ยาท่านจะ
00:12:20 → 00:12:23 ไม่สามารถฝึกจิตของท่านได้ท่านเสียโอกาส
00:12:23 → 00:12:25 นั้น
00:12:25 → 00:12:30 ไปหน้าที่ของจิตแพทย์เบอกว่า
00:12:30 → 00:12:32 หน้าที่ของเราไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดและ
00:12:32 → 00:12:36 ความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยหายไปแต่ฝึกให้
00:12:36 → 00:12:39 คนไข้ทนความทุกข์นั้นได้เพื่อให้เขาคยัง
00:12:39 → 00:12:43 อยากมีชีวิตอยู่นะจิตแพทย์เค้าก็พูดแบบ
00:12:43 → 00:12:46 นั้นนะแล้วเบอกว่าใช่ชีวิตมันยากชีวิตทุก
00:12:46 → 00:12:49 ท่านยากหมดแหละแต่ท่านจะต้องฝึกจิตของ
00:12:49 → 00:12:52 ท่านที่สามารถผ่านความทุกข์นั้นและสามารถ
00:12:53 → 00:12:56 ทนอยู่กับความทุกข์นั้นได้ก็คือปล่อยวาง
00:12:56 → 00:12:57 หรือ
00:12:57 → 00:13:01 เฉยการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมนั้นคือ
00:13:01 → 00:13:05 คำตอบเขาบอกให้ฝึกหายใจเข้าออกนอนหลับให้
00:13:05 → 00:13:08 เพียงพอออกกลังกายและออกไปใช้ชีวิตข้าง
00:13:08 → 00:13:10 นอกให้มากที่สุดจะเยเล่นโยคะหรือนั่ง
00:13:10 → 00:13:14 สมาธิก็ได้การรักษาที่ได้ผดีที่สุดเนี่ย
00:13:14 → 00:13:17 ก็คือการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมเห็น
00:13:17 → 00:13:22 มั้ยก็คือท่านก็กลับมานั่งสมาธิการนั่ง
00:13:22 → 00:13:26 สมาธิทำไมถึงได้เป็นการหยุดยั้งขันธ์ 5
00:13:26 → 00:13:31 ได้ก็คือถ้าสมมุติว่าวินญาณหูตาคอจมูก
00:13:31 → 00:13:35 ลิ้นกายใจนะเอาแค่หูตาคอจมูกก่อนวิญญาณก็
00:13:35 → 00:13:39 คือถ่ามุดท่านหลับตามันจบแล้วไงท่านก็ไม่
00:13:39 → 00:13:43 เห็นหนีถูกมท่านก็ไม่ต้องตื่นตกท่านไม่
00:13:43 → 00:13:47 ต้องหนีหรือสู้เพราะฉะนั้นการนั่งสมาธิ
00:13:47 → 00:13:52 มักจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสุดท้ายละอย่าง
00:13:52 → 00:13:55 ที่บอกก็คือว่าเขาก็มักจะแนะนำคนไข้เนี่ย
00:13:55 → 00:13:58 ให้ออกไปทำกิจกรรมออกไปทำข้างไปทำอะไร
00:13:58 → 00:14:01 ข้างนอกอย่ามามัวแต่กังวลหรือมาเศร้าหรือ
00:14:01 → 00:14:04 มาเครียดหรือยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดออกไปทำ
00:14:04 → 00:14:08 กิจกรรมอื่นๆเดี๋ยวจะมีเรื่องนึงเรื่อง
00:14:08 → 00:14:10 เล่าให้ฟังเรื่องเกี่ยวกับเรื่อง
00:14:10 → 00:14:14 ani คนไข้เนี่ยมาหาแพทย์คนนึงได้ยเรื่อง
00:14:14 → 00:14:18 ว่าหายใจไม่อิ่มมาหาตลอด 3 เดือนเลยหมอ
00:14:18 → 00:14:22 จ่ายยานอนหลับให้ตอนแรกก็เป็นพวกดามีกุ้ง
00:14:22 → 00:14:25 ธรรมดาคนไข้ก็ยังหายใจไม่อิ่มอยู่รู้สึก
00:14:25 → 00:14:28 หายใจไม่อิ่มอ่ะมาหาครั้งที่ 2 ครั้งที่
00:14:28 → 00:14:33 ที่ 3 หมอก็ทำการเยเยแล้วก็ปกติไม่เห็น
00:14:33 → 00:14:36 ไม่เจออะไรเบอกคนไข้เครียดคิดไปเองหายใจ
00:14:36 → 00:14:41 ไม่อิบท่านเคยมีอาการแบบนี้มยปรากฏว่าคน
00:14:41 → 00:14:44 ไข้ก็เพียรหา 3 เดือนเลยเพราะคนไข้เนี่ย
00:14:44 → 00:14:50 ก็ยังไม่หายหมอก็จ่ายยาซาแกให้คนไข้ก็เออ
00:14:50 → 00:14:55 รู้สึกดีขึ้นแต่ก็ยังมีอาการหายใจไม่อิ่ม
00:14:55 → 00:14:58 ก็กลับมาหาหมอคนไข้กลับมาหาหมอครั้งเนี้ย
00:14:58 → 00:15:03 เยืนยันเลยบอกหมอผมเนี่ยมีความผิดปกติ
00:15:03 → 00:15:08 จริงๆในร่างกายมันบอกผมว่ามันผิดปกติคุณ
00:15:08 → 00:15:11 หมอเชื่อผมเถอะหมอฟังดันนั้นก็บอกเอ๊ะแต่
00:15:11 → 00:15:13 เเรแล้วมันปกติ
00:15:14 → 00:15:19 นะคุณหมอช่วยทำการ CT หน่อยได้มยไปขอร้อง
00:15:19 → 00:15:23 หมอหมอก็บอกผมฟังปอดคุณคุณก็หายใจเข้า
00:15:23 → 00:15:29 เต็มอิ่มเซเรย์ก็ปกติอ่ะแต่จะยอมทำการ CT
00:15:29 → 00:15:30 สแกน
00:15:30 → 00:15:36 ปรากฏ CT สแกนเจอก้อนเนื้อที่ปอดคนไข้คน
00:15:36 → 00:15:38 นั้นเป็นมเร็ง
00:15:38 → 00:15:42 ปอดที่พูดเนี่ยไม่ใช่อะไรนะที่พูดก็คือ
00:15:42 → 00:15:45 ว่าตัวท่านเนี่ยจะรู้ตัวท่านเองว่ามันมี
00:15:45 → 00:15:49 ความผิดปกติเกิดในตัวท่านต่อให้หมอเนี่ย
00:15:49 → 00:15:53 เขาบอกว่าท่านปกติท่านก็อย่า
00:15:53 → 00:15:57 เชื่อท่านต้องยืนยันว่าท่านมีความผิด
00:15:57 → 00:16:01 ปกติแต่ต่อเมื่อท่านตรวจหาทุกสิ่งทุก
00:16:01 → 00:16:02 อย่างแล้วมันไม่เจออย่าง
00:16:03 → 00:16:07 เงี้ยถ้าทางกายไม่เจอถึงจะบอกว่าเป็นทาง
00:16:07 → 00:16:10 ใจสาระความรู้ดีๆจากเพจหมอเฉพาะทางบาด
00:16:10 → 00:16:12 เดียวและ YouTube Channel หมอเฉพาะทาง
00:16:12 → 00:16:16 บาดเดียวนะครับขอบคุณครับสวัสดีครับ