00:00:01 → 00:00:04 ทำความรู้จักโรคกลัวหรือโฟเบียอาการทาง
00:00:04 → 00:00:08 จิตที่คุณอาจไม่รู้ตัวน่ากลัวกว่าที่คิด
00:00:08 → 00:00:10 เช็คอาการกลัวแค่ไหนที่เขาขายว่าเป็น
00:00:10 → 00:00:12 โฟเบีย
00:00:12 → 00:00:16 ประโยชน์ของไอศกรีมตัวช่วยชาร์จพลังเพิ่ม
00:00:16 → 00:00:19 ความสุขและความสดชื่นติดตามเรื่องราวทั้ง
00:00:19 → 00:00:23 หมดได้ในรายการ tn and Health วัน
00:00:23 → 00:00:26 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่ราย
00:00:26 → 00:00:30 การ TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:00:30 → 00:00:34 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ T นะคะ
00:00:34 → 00:00:37 และดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงสัตว์ดาวจังวังกร
00:00:37 → 00:00:40 แพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อม
00:00:40 → 00:00:43 ที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณ
00:00:43 → 00:00:51 ผู้ชมมาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:51 → 00:00:56 [เพลง]
00:00:56 → 00:01:00 ค่ะสำหรับสัปดาห์นี้นะคะเราจะมาพูดกัน
00:01:00 → 00:01:03 เรื่องของโรคกลัวอาการทางจิตที่เป็นภัย
00:01:03 → 00:01:07 ใกล้ตัวน่ากลัวกว่าที่คิดคุณผู้ชมคะเรา
00:01:07 → 00:01:09 อาจจะเป็นโรคนี้กันก็ได้เคยสังเกตตัวเอง
00:01:10 → 00:01:12 กันไหมคะว่าบางครั้งทำไมเราถึงรู้สึกกลัว
00:01:12 → 00:01:16 แปลกๆไม่ว่าจะเป็นกลัวบันไดเลือดกลัวลง
00:01:16 → 00:01:19 ลิฟต์บางท่านค่ะกลัวขึ้นเครื่องบินอย่าง
00:01:19 → 00:01:22 นี้เป็นต้นกลัวที่ว่าคืออย่างไรมาฟัง
00:01:22 → 00:01:26 พร้อมๆกันค่ะโรคกลัวหรือโฟเบียคืออะไรโรค
00:01:26 → 00:01:29 กลัวเป็นโรคที่ผู้ป่วยมักจะแสดงอาการหวาด
00:01:29 → 00:01:31 กลัวอย่างดุแรงต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือ
00:01:31 → 00:01:34 สถานการณ์เฉพาะซึ่งจะเป็นไปอย่างไร้เหตุ
00:01:34 → 00:01:37 ผลและจะกลัวเฉพาะสิ่งเร้าบางอย่างเท่า
00:01:37 → 00:01:41 นั้นเช่นโรคกลัวเจ้านายโรคกลัวที่ทำงาน
00:01:41 → 00:01:44 โรคกลัวความล้มเหลวโรคกลัวการลงโทษโรค
00:01:44 → 00:01:48 กลัวการตัดสินใจบางทีแค่พูดถึงค่ะก็ทำให้
00:01:48 → 00:01:51 มีอาการกลัวได้โรคเหล่านี้ล้วนเป็นโรคที่
00:01:51 → 00:01:55 ไม่น่ากลัวและคนทั่วไปไม่กลัวกันในกรณี
00:01:55 → 00:01:57 รุนแรงไม่เพียงแค่จะมีอาการหวาดกลัวเท่า
00:01:57 → 00:02:01 นั้นแต่ยังรวมถึงการเอเ่ยถึงหรือเห็นสิ่ง
00:02:01 → 00:02:03 ที่มีความใกล้เคียงกันจะทำให้รู้สึกกลัว
00:02:04 → 00:02:07 ด้วยแล้วโรคกลัวเกิดขึ้นได้อย่าง
00:02:07 → 00:02:11 ไรโรคกลัวเป็นโรคที่ผิดปกติทางจิตอย่าง
00:02:11 → 00:02:13 หนึ่งซึ่งทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่
00:02:13 → 00:02:16 เกิดขึ้นของโรคอย่างชัดเจนแต่เป็นไปได้
00:02:16 → 00:02:19 ว่าอาจเกิดจากปมในอดีตที่ฝังใจหรือติด
00:02:19 → 00:02:22 ค้างอยู่ในจิตใต้สำนึกที่อาจเคยพบเจอเหตุ
00:02:22 → 00:02:25 การณ์ไม่ดีกับสิ่งนั้นมาก่อนเช่นอาจเคย
00:02:25 → 00:02:29 ถูกตำหนิบ่อยๆอาจเคยมีปัญหากับที่ทำงาน
00:02:29 → 00:02:33 อย่างรุนแรงเป็นต้นนอกจากนี้ยังอาจเกิด
00:02:33 → 00:02:36 จากความไม่สมดุลกันของสารเคมีในสมองและ
00:02:36 → 00:02:39 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมอีกด้วยอย่างไรก็
00:02:39 → 00:02:42 ตามสาเหตุของการเกิดโรคจะขึ้นอยู่ราย
00:02:42 → 00:02:45 บุคคลที่แตกต่างกันไปสำหรับอาการของโรค
00:02:45 → 00:02:48 กลัวนั้นผู้ป่วยมักตอบสนองต่อสิ่งที่ทำ
00:02:48 → 00:02:52 ให้กลัวดังนี้กล้ามเนื้อตึงตัวรู้สึกชาวู
00:02:52 → 00:02:57 ขึ้นมาทั้งตัว 2 ปวดศีรษะ 3 ใจสั่นหายใจ
00:02:57 → 00:03:01 ไม่ทันหายใจไม่ทั่วท้อง 4 มือสั่นปากสั่น
00:03:01 → 00:03:04 เหงื่อออก 5 อาจมีอาการรู้สึกวิงเวียนและ
00:03:04 → 00:03:07 หมดสติได้โรคกลัวนะคะแบ่งออกเป็น 3
00:03:07 → 00:03:10 ประเภทหลักๆได้แก่ 1 โรคกลัวเฉพาะอย่าง
00:03:10 → 00:03:13 หรือ specific fia เป็นโรคกลัวที่พบได้
00:03:13 → 00:03:17 บ่อยเช่นกลัวงูแมลงสาบผีเสื้อกลัวเลือด
00:03:17 → 00:03:21 กลัวความสูงกลัวความมืดเป็นต้น 2 โรคกลัว
00:03:21 → 00:03:22 สถานการณ์หรือ
00:03:22 → 00:03:25 agia โรคกลัวประเภทนี้ผู้ป่วยจะรู้สึก
00:03:25 → 00:03:28 กลัวเมื่อต้องอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์
00:03:28 → 00:03:31 ที่ตนคิดว่าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจาก
00:03:31 → 00:03:35 ใครได้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่สบายใจ
00:03:35 → 00:03:38 จึงทำให้ผู้ป่วยพยายามเลี่ยงและปลีกตัว
00:03:38 → 00:03:42 เองออกมาจากกลุ่มคน 3 โรคกลัวกิจกรรมทาง
00:03:42 → 00:03:46 สังคมหรือโชลบียผู้ป่วยจะรู้สึกกลัวและมี
00:03:46 → 00:03:48 อาการประม่าเมื่อตัวเองกำลังตกเป็นเป้า
00:03:49 → 00:03:52 สายตาหรือตกเป็นเป้าสนใจของผู้อื่นเช่น
00:03:52 → 00:03:55 การนำเสนอหน้าชั้นเรียนการพูดคุยกับคน
00:03:55 → 00:03:59 แปลกหน้าเป็นต้นการวินิจฉัยโรคกลัวในขั้น
00:03:59 → 00:04:02 แรกแพทย์จะสอบถามอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น
00:04:02 → 00:04:05 และซักประวัติทางการแพทย์เช่นประวัติการ
00:04:05 → 00:04:08 เจ็บป่วยประวัติการใช้ยารวมถึงตรวจร่าง
00:04:08 → 00:04:10 กายเบื้องต้นเพื่อประเมินความเป็นไปได้
00:04:10 → 00:04:13 ของการเกิดโรคโฟเบียหรือโรคชนิดอื่นนอก
00:04:13 → 00:04:16 จากนี้แพทย์อาจนำหลักเกณฑ์การวินิจฉัย
00:04:16 → 00:04:19 ความผิดปกติทางจิตที่เรียกว่า statistical
00:04:19 → 00:04:23 Manual of mental disorder หรือ dsm5
00:04:23 → 00:04:25 ซึ่งจัดทำโดยสมาคมจิตแพทย์แห่งสหรัฐ
00:04:25 → 00:04:28 อเมริกามาใช้เป็นแนวทางในการวินิจัยโรค
00:04:28 → 00:04:32 ควบคู่กับวิธีอื่นๆด้วยได้รู้จักกับโรค
00:04:32 → 00:04:35 กลัวกันไปแล้วนะคะเรายังอยู่ที่โรคกลัว
00:04:35 → 00:04:38 อาการทางจิตที่เป็นภายใกล้ตัวน่ากลัวกว่า
00:04:38 → 00:04:41 ที่คิดนะคะและในช่วงนี้ค่ะเราได้รับ
00:04:41 → 00:04:43 เกียรติจากอาจารย์หมอค่ะอาจารย์นายแพทย์
00:04:43 → 00:04:46 อภิชาติจริยาวิราชโฆษกกรมสุขภาพจิต
00:04:46 → 00:04:48 กระทรวง
00:04:48 → 00:04:51 สาธารณสุขสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำ
00:04:51 → 00:04:54 ถามแรกเลยนะคะอาจารย์โรคกลัวหรือว่า
00:04:54 → 00:04:57 โฟเบียคืออะไรคะโรคกลัวเนี่ยหรือโฟเบีย
00:04:57 → 00:05:00 เนี่ยจะเป็นหนึ่งโรคที่อยู่ในกลุ่มโรค
00:05:00 → 00:05:03 ใหญ่คือกลุ่มรควิตกกังวลนะครับกลุ่มโรค
00:05:03 → 00:05:05 วิตกกังวลเนี่ยหลายๆคนอาจจะแบบอุมันมี
00:05:05 → 00:05:07 ด้วยใช่มยมีครับแล้วจริงๆก็จะเป็นกลุ่ม
00:05:07 → 00:05:10 โลคที่เจอเยอะที่สุดในบรรดาคนไข้ทั้งหมด
00:05:10 → 00:05:13 ของจิตเวชนะครับซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เราได้
00:05:13 → 00:05:15 ยินบกว่าคือซึ้มเศร้าหรือใบโพล่าพวกนี้จะ
00:05:15 → 00:05:18 อยู่ในกลุ่มโรคทางอารมณ์นะครับแต่ส่วน
00:05:18 → 00:05:20 กลุ่มโรควิตกกังวลเนี่ยมันก็จะแบ่งออกมา
00:05:20 → 00:05:22 เป็นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นกังวลทั่วไป
00:05:22 → 00:05:24 เป็น gid หรือ General Life anxiety
00:05:24 → 00:05:27 disorder กลุ่ม Panic disorder โรค
00:05:27 → 00:05:30 Panic ที่เราเคยได้ยินนะครับย้ำคิดย้ำทำ
00:05:30 → 00:05:33 หรือว่า ocd แล้วก็มีเรื่องของโฟเบียนะ
00:05:33 → 00:05:36 ครับโฟเบียคือโรคกลัวแล้วโรคกลัวเกิดขึ้น
00:05:36 → 00:05:39 ได้อย่างไรคะครับโรคกัวเนี่ยก็จะคล้ายๆ
00:05:39 → 00:05:42 กับกลุ่มโรคทางจิตเวทอื่นนะครับซึ่งจริงๆ
00:05:42 → 00:05:44 เราปัจจุบันเนี่ยเราคิดว่ามันอาจจะเป็น
00:05:44 → 00:05:46 เรื่องของพันธุกรรมเข้ามาส่วนนึงแล้วก็
00:05:46 → 00:05:49 อาจจะเกิดจากเรื่องของสารเคมีในสมองเนี่ย
00:05:49 → 00:05:52 มีการหลังมาไม่สมดุลนะครับทำให้เกิดอาการ
00:05:52 → 00:05:55 ทางความคิดอารมณ์หรือพฤติกรรมของมนุษย์
00:05:55 → 00:05:58 ได้โดยของโฟเบียเนี่ยเราเจอว่ามันมันเกิด
00:05:58 → 00:06:01 เป็นอาการที่อยู่ๆอยู่คนก็จะกลัวจะเห็น
00:06:02 → 00:06:04 บางอย่างที่เา้าเจอหรือกระทบหรือรู้สึก
00:06:04 → 00:06:07 ไม่โอเคเนี่ยเาจะกลัวขึ้นมาแบบที่ควบคุม
00:06:07 → 00:06:10 ไม่ได้บางทีอาจจะหาเหตุผลได้ไม่ไม่ได้
00:06:10 → 00:06:13 หรือบางทีอาจจะพอนึกออกเราๆหรือบางทีอาจ
00:06:13 → 00:06:15 จะนึกไม่ออกเลยก็ได้นะครับอาการของโรค
00:06:16 → 00:06:19 กลัวค่ะอาจารย์เป็นอย่างไรคะโรคกลัวเนี่ย
00:06:19 → 00:06:21 เอาเริ่มต้นจากถ้าเกิดว่าเราต้องดูก่อน
00:06:21 → 00:06:24 ว่าเค่ะกลัวอะไรก่อนนะครับซึ่งถามว่า
00:06:24 → 00:06:26 สาเหตุว่าทำไมแต่ละคนกลัวไม่เหมือนกัน
00:06:26 → 00:06:29 เนี่ยเรายังไม่รู้นะครับแต่เราคิดว่าอาจ
00:06:29 → 00:06:31 จะเป็นส่วนของสารเคมีบวกกับเรื่อง
00:06:31 → 00:06:34 ประสบการณ์ในอดีตนะครับซึ่งบางครั้ง
00:06:34 → 00:06:36 ประสบการณ์ในอดีตเนี่ยบางทีเอาจจะนึกออก
00:06:36 → 00:06:38 เลยบางทีอาจจะนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
00:06:38 → 00:06:40 ซึ่งมันทำให้จำเพาะเจาะจงกับของบางอย่าง
00:06:40 → 00:06:42 อย่างเช่นสมมุติว่าเมื่อก่อนเมื่อก่อน
00:06:42 → 00:06:45 เด็กๆเคยถูกหมากัดอ่าจากนั้นก็เลยกลัวหมา
00:06:45 → 00:06:47 มาตลอดอันนี้เราเข้าใจเรามีที่มาที่ไปคือ
00:06:47 → 00:06:51 เวลาควกครั้งที่เจอหมาเคจะกลัวมากหรือว่า
00:06:51 → 00:06:54 บางคนกลัวที่สูงอาจจะเคยตกต้นไม้ปีนต้น
00:06:54 → 00:06:57 ไม้ตกต้นไม้หรืออาจจะตกบันไดหรืออาจจะเคย
00:06:57 → 00:07:01 เห็นข่าวที่คนตกมาก็ได้ดังนั้นประสบการณ์
00:07:01 → 00:07:03 ในอดีตเนี่ยมันอาจจะเกิดกับเาเองหรือทาง
00:07:03 → 00:07:07 ตรงหรือทางอ้อมก็ได้นะครับหรือหรืออาจจะ
00:07:07 → 00:07:09 เป็นความเชื่อก็ได้นะครับอย่างเช่นกลัว
00:07:09 → 00:07:13 ที่มืดถูกพ่อแม่คอยบอกว่าเนี่ยมันมีผีนะ
00:07:13 → 00:07:14 หรืออะไรเงี้ยก็เลยกลายเป็นแต่ลืมเรื่อง
00:07:14 → 00:07:16 ผีไปแล้วแหละแต่ก็ยังกลัวที่มืดอยู่
00:07:17 → 00:07:19 อันเนี้ยก็มีได้ดังนั้นมันเป็นสาเหตุที่
00:07:19 → 00:07:21 เกิดจากได้หลายอย่างนะครับแต่คิดว่าสาร
00:07:22 → 00:07:25 เคมีเนี่ยมันมันทำงานที่มากเกินไปในส่วน
00:07:25 → 00:07:27 ของความกังวลด้วยแล้วก็ประสบการณ์ในอดีต
00:07:27 → 00:07:30 ด้วยนะครับนี้อาการกลัวเนี่ยมันจะเป็น
00:07:30 → 00:07:33 อาการกลัวที่ควบคุมไม่ได้จะไม่ใช่กลัวแบบ
00:07:33 → 00:07:35 อกลัวนิดนึงอาจจะไม่ใช่นะครับกลัวที่จะ
00:07:35 → 00:07:39 เป็นกลัวรุนแรงคือกลัวมันจะแบบเกิดขนลุก
00:07:39 → 00:07:42 ตัวสั่นใจสั่นคือเหมือนคนตกใจมากๆอ่ะครับ
00:07:42 → 00:07:45 แล้วก็กลัวแบบไม่สามารถจะคุมตัวเองได้คือ
00:07:45 → 00:07:48 ถ้าเป็นมากๆเนี่ยคือจะวิ่งออกมาเลยถ้าเจอ
00:07:48 → 00:07:51 แล้วจะวิ่งหนีเลยนะครับแล้วก็รู้สึกว่า
00:07:51 → 00:07:54 บางคนถ้าเป็นมากๆแคแค่นึกถึงหรือพูดถึงก็
00:07:54 → 00:07:57 ยังรู้สึกไม่โอเคแล้วนะครับอันนี้ก็คือจะ
00:07:57 → 00:08:00 เป็นกลุ่มอาการที่จะเห็นชัดๆแล้วโรคกลัว
00:08:00 → 00:08:03 นั้นมีกี่ประเภทคะอาจารย์โรคกลัวเนี่ยมัน
00:08:03 → 00:08:05 จะแบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่มนะครับจริงๆจะ
00:08:05 → 00:08:07 เป็นหลักๆ 2 กลุ่มคือกลุ่มแรกเนี่ยคือ
00:08:07 → 00:08:10 เป็นโซเชียล fia คือกลัวเวลาที่ไปเจอออก
00:08:10 → 00:08:14 ไปพูดคุยกับคนเยอะๆหน้าห้องใช่มั้ยครับ
00:08:14 → 00:08:16 พูดหน้าชั้นเนี่ยเราคุยกับเพื่อนแล้วก็
00:08:16 → 00:08:19 ปกติดีนะเฮฮากับเพื่อนรู้จักเพื่อนแต่พอ
00:08:19 → 00:08:21 กดออกไปพูดหน้าชั้นทั้งๆที่เรารู้จักทุก
00:08:21 → 00:08:24 คนแต่ว่ามันจะประมาทมันจะกลัวมันจะคุมตัว
00:08:24 → 00:08:26 เองไม่ได้มันรู้สึกว่าพูดตะกุกตะกะไปหมด
00:08:26 → 00:08:29 แล้วกลัวจะอับไายขายหน้ากลุ่มถัดมาที่เจอ
00:08:29 → 00:08:32 เยอะมากๆเลยก็คือ specific fobia ก็คือ
00:08:32 → 00:08:34 จะเป็นโฟเบียที่เฉพาะซึ่งมันจะแยกออกเป็น
00:08:34 → 00:08:38 อันย่อยอย่างเช่นกลัวที่สูงอ่ากลัวความ
00:08:38 → 00:08:41 มืดกลัวที่แคบกลัวสิ่งมีชีวิตอย่างเช่น
00:08:41 → 00:08:44 กลัวสัตว์อ่ากลัวสุนัขกลัวแมวกลัวหนูกลัว
00:08:44 → 00:08:48 แมงสาวหรือบางทีอาจจะกลัวสิ่งที่เป็นข้าว
00:08:48 → 00:08:51 ของก็ได้อย่างเช่นบางคนกลัวตุ๊กตาบางตัว
00:08:51 → 00:08:54 ตุ๊กตาตัวตลกอย่างเงี้ยคนไข้ก็จะเวลาเป็น
00:08:54 → 00:08:56 อย่างเงี้ยปุ๊บอใช้ชีวิตอย่างอื่นปกติแต่
00:08:56 → 00:08:58 ว่าพอไปเจอสถานการณ์เหล่านั้นเคจะกลัวเจะ
00:08:58 → 00:09:01 วิ่งออกมาเจะทนไม่ได้เจะเครียดมากกลัวมาก
00:09:01 → 00:09:04 นะครับแบบที่ทั้งๆที่เารู้ว่ามันไม่ควรจะ
00:09:04 → 00:09:06 ต้องกลัวแต่มันคุมไม่ได้กลุ่มที่ 3 ก็คือ
00:09:06 → 00:09:09 เป็นกลุ่มที่เป็นโฟเบียคืออาจจะกลัวเวลา
00:09:09 → 00:09:12 ที่ออกไปเจอคนเยอะๆที่เจอในโรคแพนิคนะ
00:09:12 → 00:09:15 ครับในแพนิคเนี่ยจะมีกลุ่มที่มีกับไม่มี
00:09:15 → 00:09:18 โฟเบียคือเวลาที่ไปออกไปข้างนอกบางคนไม่
00:09:18 → 00:09:21 กล้าออกไปที่คนเยอะๆเพราะกลัวเดี๋ยวเป็น
00:09:21 → 00:09:24 แพนิคหรือเป็นอะไรขึ้นมาไม่มีคนช่วยนะ
00:09:24 → 00:09:26 ครับอันนี้เป็นต้นแต่ว่าอันหลักใหญ่ก็จะ
00:09:26 → 00:09:27 เจอ Social fobia แล้วก็เรื่องของ
00:09:27 → 00:09:30 specific fobia คือเเป็นการกลัวที่
00:09:30 → 00:09:33 เฉพาะเจาะจงกลัวแค่ไหนที่เข้าขายว่าเป็น
00:09:33 → 00:09:37 โรคกลัวคะกลัวแค่ไหนเนี่ยอย่างที่เรียนไป
00:09:37 → 00:09:40 ว่ามันจะไม่ใช่กลัวนิดๆหน่อยๆนะครับคือคน
00:09:40 → 00:09:42 เราบางอย่างที่เจอสิ่งไม่คุ้นเคยหรือของ
00:09:42 → 00:09:45 ไม่ไม่ิมันอาจจะเกิดความไม่แน่ใจเราอาจจะ
00:09:45 → 00:09:47 กังวลหรือคววามกลัวนิดๆหน่อยๆอย่างเงี้ย
00:09:47 → 00:09:49 คือฟังเมาอุ๊ยคพูดมาเบอกว่าอันนี้มันน่า
00:09:50 → 00:09:53 กลัวนะหรือไม่ค่อยอยากมันน่ากลัวมากเลย
00:09:53 → 00:09:56 อ่ะแต่ว่าใจมันก็อาจจะอยากลองอ่ะไอ้การ
00:09:56 → 00:09:58 อยากลองลองดูเออมันก็ไม่ได้แย่หรือลอง
00:09:58 → 00:10:00 แล้วมันก็ก็เอ้ยมันก็น่ากลัวนิดหน่อย
00:10:00 → 00:10:03 อันเนี้ยคือคนปกติเนาะแต่กลัวที่เป็นโรค
00:10:03 → 00:10:06 กลัวเนี่ยบางทีมันจะบางทีใจเจะรู้ว่าจริง
00:10:06 → 00:10:08 ๆมันไม่ควรจะกลัวขนาดนั้นมันไม่มีอะไรแต่
00:10:08 → 00:10:11 มันหยุดกลัวไม่ได้และอาการทางกายมันจะ
00:10:11 → 00:10:13 พุ่งขึ้นมาเลยเวลาที่เขาเจอหรือเขาต้อง
00:10:13 → 00:10:17 เผชิญอาการมันจะเยอะมากขนาดที่เขาจะต้อง
00:10:17 → 00:10:19 อยากจะหนีออกมาจากตรงนั้นซึ่งบางคน
00:10:19 → 00:10:22 อันตรายด้วยนะครับเพราะว่าจริงๆเราก็แนะ
00:10:22 → 00:10:24 นำว่าถ้าเกิดกรณีแบบนี้อย่าคิดว่าเป็น
00:10:24 → 00:10:26 เรื่องล้อเล่นเพราะว่าคนอื่นทั่วไปเนี่ย
00:10:27 → 00:10:29 ที่เป็นเพื่อนหรือเป็นเป็นคนรู้จักเนี่ย
00:10:29 → 00:10:32 ก็จะมองเห็นมันไม่มีอะไรบางทีชอบแกล้งคือ
00:10:32 → 00:10:34 คนที่เขาเป็นโรคเหเหล่านี้จริงๆอ่ะเขาจะ
00:10:34 → 00:10:36 รู้สึกแย่มากเลยนะคะเขาจะรู้สึกกลัวมาก
00:10:36 → 00:10:39 แล้วมันจะทำทำผลกระทบต่อสุขภาพจิตเารุน
00:10:39 → 00:10:41 แรงมากขึ้นบางทีทำให้ความกลัวเหล่านั้น
00:10:41 → 00:10:43 มันมากขึ้นไปอีกนะครับอย่าเห็นว่าเรื่อง
00:10:43 → 00:10:45 เหล่านี้เป็นเรื่องล้อเล่นนะครับดังนั้น
00:10:45 → 00:10:47 ให้มองว่าถ้าเกิดคนเลยก็กลัวอะไรมากๆ
00:10:47 → 00:10:50 เนี่ยก็คือให้กำลังใจดีกว่าแล้วถ้าเกิด
00:10:50 → 00:10:53 มันมีปัญหาต่อการใช้ชีวิตเนี่ยให้เพบคุณ
00:10:53 → 00:10:55 หมอดีกว่าเพราะว่าในกลุ่มโฟเบียเหล่านี้
00:10:55 → 00:10:58 จริงๆรักษาได้โรคกลัวที่พบได้บ่อยในป
00:10:59 → 00:11:01 ปัจจุบันค่ะมีอะไรบ้างอยากให้อาจารย์ยก
00:11:01 → 00:11:04 ตัวอย่างให้เห็นหน่อยค่ะอ่าจริงๆที่ต้อง
00:11:04 → 00:11:06 เห็นบ่อยๆนะครับโซเชียล fobia อันเนี้ย
00:11:06 → 00:11:08 อันนี้คือกลัวไปพูดหน้าห้องหรืออะไรเงี้
00:11:08 → 00:11:10 แล้วทุกวันนี้ก็ยังเจอแล้วก็มีคนมารักษา
00:11:10 → 00:11:12 อยู่เยอะนะครับเจอได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย
00:11:12 → 00:11:16 เลยนะครับก็ก็จะเจอค่อนข้างเยอะแล้วก็ถัด
00:11:16 → 00:11:18 มาก็จะเป็นกลุ่มที่เป็นกลุ่มจำเพาะเจาะจง
00:11:18 → 00:11:21 เนี่ยก็เจอเยอะเหมือนกันแต่ว่าบางคนไม่
00:11:21 → 00:11:24 ได้มารักษาเพราะว่าบางทีเขาไปกลัวในสิ่ง
00:11:24 → 00:11:26 ที่มันไม่ค่อยเจออ่าอย่างเช่นถ้าเกิดไป
00:11:26 → 00:11:29 กลัวยีราฟอ่ะสมมุติมีคนกลัวยีราฟจริงๆนะ
00:11:29 → 00:11:31 ครับกลัวฮิปโปอย่างเงี้ยอ่ะต้องไปสวน
00:11:31 → 00:11:33 สัตว์ถึงจะเจออย่างเงี้ยดังนั้นในชีวิต
00:11:33 → 00:11:34 จริงเค้าไม่เจอเค้าก็ไม่ค่อยเดือดร้อน
00:11:34 → 00:11:37 อะไรแต่ว่าถ้าเกิดว่าคนที่เขาจะต้องมีการ
00:11:37 → 00:11:39 เดินทางเป็นนักธุรกิจอย่างเงี้ยแล้วจะ
00:11:39 → 00:11:41 ต้องเดินทางนั้เครื่องบินอย่างเงี้ยอ่า
00:11:41 → 00:11:43 แล้วกลัวที่สูงกลัวเครื่องบินกลัวที่แคบ
00:11:43 → 00:11:45 อย่างเงี้ยอ่ะเต้องมารักษาแล้วเพราะไม่
00:11:45 → 00:11:48 งั้นปัญหาชีวิตก็จะเยอะเลยหรืออาชีพบาง
00:11:48 → 00:11:51 อาชีพอย่างเงี้ยเป็นลูกเรืออ่ะเป็นลูก
00:11:51 → 00:11:53 เรือสสายการบินอย่างเงี้ยขึ้นเครื่องไม่
00:11:53 → 00:11:56 ได้ก็ทำงานไม่ได้อันนี้ก็ต้องมารักษานะ
00:11:56 → 00:12:00 ครับแต่หลหลังจากรักษาก็จะดีดีขึ้นนะครับ
00:12:00 → 00:12:03 อาจารย์คะแล้วโรคกลัวสามารถที่จะถ่ายทอด
00:12:03 → 00:12:06 ทางพันธุกรรมได้หรือไม่คะเราเจอว่าหลายๆ
00:12:06 → 00:12:08 กรณีเนี่ยมีพันธุกรรมในบ้านโดยเฉพาะื่อง
00:12:08 → 00:12:12 วิตกกังวลนะครับแล้วก็จะมีพันมีพันธุกรรม
00:12:12 → 00:12:14 ที่ชัดเจนว่าผ่านทางทางพันธุกรรมแน่ๆเลย
00:12:14 → 00:12:17 คืออย่างเช่นกรณีของกลัวเลือดนะครับบางที
00:12:17 → 00:12:19 เห็นเลือดแล้วก็อาจจะกลัวมากเลยคือเป็นลม
00:12:19 → 00:12:22 อย่างเงี้ยก็ก็มีนะครับแต่ปัจจุบันเราก็
00:12:22 → 00:12:24 เชื่อว่าโรคทางเกี่ยวโฟเบียหรือโรคทาง
00:12:24 → 00:12:26 จิตเวชเนี่ยส่วนใหญ่ก็จะมีเกี่ยวพเกี่ยว
00:12:26 → 00:12:29 ข้องสัมพันธ์กับเรื่องของพันธุกรรมอยู่
00:12:29 → 00:12:31 แล้วผู้ที่เป็นโรคกลัวส่วนใหญ่นั้นได้รับ
00:12:31 → 00:12:35 ผลกระทบอย่างไรบ้างคะ 1 ความมั่นใจจะลดลง
00:12:35 → 00:12:38 นะครับเวลาที่เอ่อต้องเผชิญกับสิ่ง
00:12:38 → 00:12:40 สถานการณ์นั้นแล้วเทำไม่ได้อย่างเงี้ย
00:12:40 → 00:12:43 ความมั่นใจจะลดลงหรือบางทีบุคลิกภาพอาจจะ
00:12:43 → 00:12:46 เสียบุคลิกภาพได้นะครับแล้วก็เพราะว่าบาง
00:12:46 → 00:12:48 ทีเกิดอยู่ๆแล้วมันคุมตัวเองไม่ได้ตกใจ
00:12:48 → 00:12:51 หรือต้องวิ่งออกมาอย่างเงี้ย 3 ก็อาจจะ
00:12:51 → 00:12:52 เกิดประสิทธิภาพในการเรียนหรือการทำงาน
00:12:52 → 00:12:55 แย่ลงเพราะว่าอย่างเช่นสมมุติว่าถ้าทำงาน
00:12:55 → 00:12:57 ที่อย่างที่บอกไปถ้าทำงานที่สูงออฟฟิศ
00:12:57 → 00:13:00 อยู่ที่สูงแล้วกลัวที่สูงอย่างเงี้ยความ
00:13:00 → 00:13:03 สมาธิก็จะไม่ดีแล้วถ้าเกิดว่าถูกแกล้งถูก
00:13:03 → 00:13:06 ล้อหรืออะไรมากๆเข้าแล้วมันต้องเผชิญแล้ว
00:13:06 → 00:13:08 ความมั่นใจมันน้อยลงเรบางคนอาจจะเสี่ยง
00:13:08 → 00:13:11 ต่อภาวะวิตกกังวลอื่นๆหรือภาวะซึมเศร้า
00:13:11 → 00:13:14 ตามมาด้วยนะครับอาจารย์ขามีข้อสงสัยเขา
00:13:14 → 00:13:17 ว่าความกลัวกับโรคกลัวนั้นแตกต่างกัน
00:13:18 → 00:13:21 อย่างไรคะแรกเริ่มเนี่ยจริงๆหลายคนบอกว่า
00:13:21 → 00:13:24 กลัวฉันก็เคยกลัวนะฉันต้องเป็นโรคหรออ่า
00:13:24 → 00:13:27 ต้องบอกว่าคนเราปกติเนี่ยสมองมนุษย์สิ่ง
00:13:27 → 00:13:29 สิมีชีวิตหลายๆสิ่งมีชีวิตนะนะครับที่
00:13:29 → 00:13:33 พัฒนาสมองพัฒนาเนี่ยมันจะมีสิ่งทำให้สิ่ง
00:13:33 → 00:13:35 มีชีวิตนั้นน่ะเกิดความอารมณ์หรือความรู้
00:13:35 → 00:13:38 สึกที่เรียกว่ากลัวขึ้นมาลากฐานจริงๆตรง
00:13:38 → 00:13:40 นี้มันเป็นประโยชน์นะครับจริงๆความกลัว
00:13:40 → 00:13:42 เหล่าเนี้ยมันจะทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่า
00:13:42 → 00:13:44 นั้นน่ะปลอดภัยคือหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่
00:13:44 → 00:13:47 อันตรายต่อกายหรือใจแต่เมื่อสถานการณ์
00:13:47 → 00:13:49 หรือสิ่งเหล่านั้นมันจากไปความกลัวก็จะ
00:13:49 → 00:13:53 หายไปนะครับแล้วก็เราก็จะรู้สึกว่ามันสม
00:13:53 → 00:13:56 เหตุสมผลคือความกลัวปกติแต่ความกลัวที่
00:13:56 → 00:13:58 มันเป็นความกลัวแบบโลกเนี่ยนะครับบางที
00:13:58 → 00:14:00 โช่ตัวจะรู้สึกมันไม่ปกติอ่ะมันไม่ควรจะ
00:14:01 → 00:14:03 กลัวแต่มันหยุดกลัวไม่ได้แล้วบางทีมันก็
00:14:03 → 00:14:07 อาจจะดูความกลัวเนี่ยมันมันมากเกินกว่า
00:14:07 → 00:14:11 ที่ที่ควรจะต้องเป็นนะครับแล้วก็มักจะไป
00:14:11 → 00:14:14 เป็นอย่างเงี้ยกับของหรือสิ่งสถานการณ์
00:14:14 → 00:14:15 อะไที่จำเพาะ
00:14:15 → 00:14:18 อ่าบางอย่างซึ่งมันก็จะแตกต่างกับความ
00:14:18 → 00:14:23 กลัวตามปกตินะครับแล้วโรคกลัวสามารถรักษา
00:14:23 → 00:14:25 ให้หายได้หรือไม่และมีวิธีการรักษาอย่าง
00:14:25 → 00:14:28 ไรบ้างคะอาจารย์การรักษานะคะปัจจุบัน
00:14:28 → 00:14:31 เนี่ยมีคนมาหาหมอเยอะมากนะครับเบื้องต้น
00:14:31 → 00:14:33 เราก็จะมีการประเมินก่อนว่าเคกลัวอะไร
00:14:33 → 00:14:36 แล้วก็จะออกแบบการรักษาให้เหมาะกับคนคนๆ
00:14:36 → 00:14:38 นั้นเลยซึ่งการรักษาเนี่ยสามารถปัจจุบัน
00:14:38 → 00:14:41 รักษาให้ดีขึ้นได้บางคนหายขาดและหายใช้
00:14:41 → 00:14:44 ชีวิตได้ได้ปกติเลยก็มีนะครับซึ่งก็จะ
00:14:44 → 00:14:47 แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1 เรื่องของการักปรับ
00:14:47 → 00:14:49 เรื่องความคิดอาจจะมีการทำจิตบำบัดปรับ
00:14:49 → 00:14:52 พฤติกรรมนะครับอาจจะมีใช้เทคนิคได้หลาย
00:14:52 → 00:14:55 เทคนิคอย่างเช่นค่อยๆเผชิญนะครับอ่าอย่าง
00:14:56 → 00:14:58 เช่นกนสุนัขเนี่ยอาจจะให้เห็นภาพสุนัข
00:14:58 → 00:15:00 ก่อนแล้วคค่อยเป็นแบบเจอสุนัขตัวเล็กๆ
00:15:00 → 00:15:02 อยู่ห่างๆค่อยๆเข้าใกล้มันก็จะมีวิธีฝึก
00:15:02 → 00:15:06 จากจากลูกลูกลูกสุนัขจนถึงสุนัขตัวที่
00:15:06 → 00:15:08 ใหญ่ขึ้นอย่างเงี้ยแต่ว่าขบวนการก็จะอยู่
00:15:08 → 00:15:11 ในที่เรียกว่ามีความปลอดภัยไม่ทำให้อาการ
00:15:11 → 00:15:15 เแย่ลงแล้วก็ร่วมกับการใช้ยาซึ่งการใช้ยา
00:15:15 → 00:15:18 เนี่ยก็อาจจะช่วยกรณีที่บางคนน่ะมาถึงหมอ
00:15:18 → 00:15:20 ด้วยความซึมเศร้าไปแล้วอ่ะอ่ากลายเป็นแบบ
00:15:21 → 00:15:24 ชีวิตแย่รู้สึกไม่มั่นใจก็ทำิบัตเพิ่ม
00:15:24 → 00:15:26 แล้วก็มีททำยะต้านเศร้าได้หรือบางคนมี
00:15:26 → 00:15:29 ความกังวลมากๆเราก็มียาที่ใช้ลดความกังวล
00:15:30 → 00:15:33 เพื่อให้ปรับตัวหรือฝึกได้ง่ายขึ้นนะครับ
00:15:33 → 00:15:35 ผู้ที่เป็นโรคกลัวมานานหากไม่ได้รับการ
00:15:35 → 00:15:39 รักษาค่ะจะส่งผลให้มีภาวะแทรกซ้อนโรคอื่น
00:15:39 → 00:15:42 หรือไม่อย่างไรคะก็ที่เราเจอกันบ่อยๆเลย
00:15:42 → 00:15:45 ความมั่นใจลดลงมากๆนะครับแล้วก็อาจจะกลาย
00:15:45 → 00:15:48 เป็นเรื่องของภาวะวิตกกังวลอื่นๆตามมาอาจ
00:15:48 → 00:15:51 จะบางคนอาจจะมีความเครียดหรือมีความรู้
00:15:52 → 00:15:54 สึกว่ากังวลเรื่องนู้นเรื่องเนี้ยบวกเข้า
00:15:54 → 00:15:57 มาได้นะครับนอกเหนือจากตัวที่จะเป็น
00:15:57 → 00:16:00 เรื่องของเบียแล้วหรือว่าความโลกกลัวแล้ว
00:16:00 → 00:16:02 นะครับนอกจากนั้นที่เจอบ่อยๆคือถ้าถ้าสูญ
00:16:02 → 00:16:05 เสียคามมั่นใจหรือว่าเอ่อทำอะไรลำบากมาก
00:16:05 → 00:16:08 ขึ้นบางคนก็กลายเป็นซึมเศร้านะครับเมื่อ
00:16:09 → 00:16:11 เป็นโรคกลัวค่ะอาจารย์ควรจะต้องทำตัว
00:16:11 → 00:16:13 อย่างไรบ้างคะถ้าเรารู้ว่าเรากลัวแล้วมี
00:16:13 → 00:16:16 อะไรบ้างเงี้ยนะครับเราอาจจะต้องตั้งสติ
00:16:16 → 00:16:19 นะครับนะสมมตว่าในการดูแลตัวเองทั่วไป
00:16:19 → 00:16:21 เนี่ยเราอาจจะต้องบอกคนรอบข้างก่อนด้วย
00:16:21 → 00:16:23 เรื่องของเป็นเป็นเรื่องที่ซีเรียสนะครับ
00:16:23 → 00:16:26 ว่าเราจะมีปัญหาตรงนี้คือทำความเข้าใจ
00:16:26 → 00:16:29 ก่อนมันซีเรียสจริงๆนะอย่าแก้กันขอความ
00:16:29 → 00:16:33 กรุณาว่ามันไม่ตลกหรือมันไม่สนุกอ่าเรา
00:16:33 → 00:16:35 เราทมันเป็นความทุกข์ทรมานถ้าเป็นไปได้
00:16:35 → 00:16:39 เนี่ยหาคำปรึกษานะครับไปพบจิตแพทย์รักษา
00:16:39 → 00:16:42 ให้รู้แล้วรู้รอดไปเนี่ยน่าจะดีกว่าคือ
00:16:42 → 00:16:44 แก้ไปเลยดีกว่านะครับเพราะว่าบางทีการ
00:16:44 → 00:16:46 เก็บเอาไว้เรื่อยๆบางทีมันอาจจะแย่ลงหรือ
00:16:46 → 00:16:49 บางทีอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสในชีวิตหลายๆ
00:16:49 → 00:16:52 อย่างได้นะครับบอกคนรอบข้างแล้วก็บอกเลย
00:16:52 → 00:16:55 อย่าแกล้งเรานะครับแล้วก็ไปหาหมอรักษาไป
00:16:55 → 00:16:58 ดูแลอย่างเงี้ยหลายๆคนก็ดีขึ้นแล้วก็บาง
00:16:58 → 00:17:01 ทีก็กำจัดปัญหาที่เกิดขึ้นไปได้นะครับ
00:17:01 → 00:17:04 ขอบพระคุณอาจารย์หมอค่ะที่มาให้ความรู้
00:17:04 → 00:17:06 ความเข้าใจในเรื่องของโรคกลัวกันในช่วง
00:17:07 → 00:17:10 นี้นะคะเราจะมารู้จักของว่างแสนอร่อยนั่น
00:17:10 → 00:17:13 ก็คือไอศกรีมค่ะว่าช่วยเราชาร์จพลังและมี
00:17:13 → 00:17:17 คุณประโยชน์อย่างไรบ้าง 1 ช่วยลดอาการปวด
00:17:17 → 00:17:20 ศีรษะทำให้สดชื่นผ่อนคลายอารมณ์ดีเพราะ
00:17:20 → 00:17:23 ไอศกรีมมีฤทธิ์กระตุ้นให้ระบบประสาทและ
00:17:23 → 00:17:26 สมองผ่อนคลาย 2 ช่วยลดความเครียดป้องกัน
00:17:26 → 00:17:29 ภาวะเครียดเรื้อรังกระตุ้นให้การทำงานของ
00:17:29 → 00:17:33 สมองค่อยๆลดระดับความเครียดลง 3 ช่วย
00:17:33 → 00:17:35 เสริมสร้างแคลเซียมบำรุงสุขภาพของกระดูก
00:17:35 → 00:17:38 และฟันเนื่องจากในไอศกรีมมีน้ำนมเป็นส่วน
00:17:38 → 00:17:41 ผสมอยู่ 4 ช่วยเสริมสร้างพลังงานเพราะ
00:17:41 → 00:17:43 ไอศกรีมเป็นแหล่งอาหารที่ให้พลังงานสูง
00:17:43 → 00:17:46 อุดมไปด้วยโปรตีนไขมันและคาร์โบไฮเดรต
00:17:46 → 00:17:48 สามารถฟื้นฟูร่างกายที่เหนื่อยร้ายและ
00:17:48 → 00:17:52 อ่อนเพลียได้ 5 ช่วยป้องกันการแข็งตัวของ
00:17:52 → 00:17:56 หลอดเลือดเนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามิน K 6
00:17:56 → 00:17:59 มีงานวิจัยค่ะบอกว่าไอศกรีมีมช่วยให้นอน
00:17:59 → 00:18:02 หลับได้ง่ายสำหรับผู้ที่นอนหลับยากแต่แนะ
00:18:02 → 00:18:05 นำว่าไม่ควรกินก่อนนอนนะคะ 7 ช่วยเสริม
00:18:05 → 00:18:08 สร้างภูมิคุ้มกันเนื่องจากไอศครีมมีฟารีน
00:18:08 → 00:18:12 และไซคเป็นส่วนประกอบอยู่จึงมีส่วนช่วยใน
00:18:12 → 00:18:15 การต่อต้านเชื้อโรคเชื้อไวรัสไขหวาดใหญ่
00:18:15 → 00:18:18 ได้ 8 ช่วยกระตุ้นให้มีบุตรได้ง่ายมีการ
00:18:18 → 00:18:21 ศึกษาพบว่าการบริโภคไอศกรีมจะช่วยลดความ
00:18:21 → 00:18:26 เสี่ยงของการมีบุตรยากได้มากถึงร้อยละ 38
00:18:26 → 00:18:29 9 ช่วยลดความดันโลหิตเนื่องจากในไอศกรีม
00:18:29 → 00:18:32 มีโพแทสเซียมเป็นส่วนประกอบอยู่ 10 ซ่อม
00:18:32 → 00:18:34 แซมส่วนที่สึกหร้อของร่างกายเนื่องจากใน
00:18:34 → 00:18:37 ไอศกรีมอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอย่าง
00:18:37 → 00:18:40 ไรก็ตามมีข้อพึงระวังนะคะเพราะการบริโภค
00:18:40 → 00:18:43 ไอศกรีมในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลเสีย
00:18:43 → 00:18:47 ทำให้เกิดโรคอ้วนได้ข้อมูลจากสำนัก
00:18:47 → 00:18:50 โภชนาการกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขเปิด
00:18:50 → 00:18:54 เผยว่าไอศกรีมดัดแปลง 1 แท่งคือ 50-70
00:18:54 → 00:18:59 กรัมนั้นให้พลังงานถึง 150 -230 กแคลอรี
00:18:59 → 00:19:03 มีไขมันอิ่มตัว 12-15 กรัมมีน้ำตาล 4-5
00:19:03 → 00:19:07 ช้อนชาไอศกรีม 1 สกูปหรือประมาณ 100 กรัม
00:19:07 → 00:19:12 ให้พลังงานถึง 250 -350 กแคลอรีมีไขมัน
00:19:12 → 00:19:17 อิ่มตัว 7-11 กรัมน้ำตาล 6-9 ช้อนชาโดยใน
00:19:17 → 00:19:21 1 วันนะคะไม่ควรรับประทานไขมันและน้ำตาล
00:19:21 → 00:19:23 เกิน 6 ช้อนชาค่ะและควรแบ่งรับประทานเป็น
00:19:23 → 00:19:26 ครั้งคราวด้วยนะคะอย่าลืมว่าถ้าเราอยาก
00:19:26 → 00:19:28 รับประทานไอศกรีมก็เน้นไอศกรีมไม่ควร
00:19:28 → 00:19:32 เพิ่มผลไม้ผลไม้แช่อิ่มหรือแม้กระทั่งโคน
00:19:32 → 00:19:34 ที่แสนอร่อยนะคะเพราะจะกลายเป็นว่า
00:19:34 → 00:19:36 แคลอรี่หรือว่าพลังงานที่ได้รับมากเกิน
00:19:36 → 00:19:39 ควนอีกด้วยเป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ
00:19:39 → 00:19:42 สาระดีๆที่ทาง TNN Health นำมาฝากคุณผู้
00:19:42 → 00:19:45 ชมกันในวันนี้หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณ
00:19:45 → 00:19:48 ผู้ชมจะสามารถนำสาระดีๆที่ได้ไปดูแล
00:19:48 → 00:19:51 สุขภาพตัวเองและครอบครัวกันค่ะและขอบคุณ
00:19:51 → 00:19:54 คุณผู้ชมนะคะที่ติดตามรับชมรายการ TNN
00:19:54 → 00:19:57 Health เป็นประจำทุกวันเสาร์เวลาดี 15:00
00:19:57 → 00:20:02 น- 15 930 นที่นี่ TNN ช่อง 16 และอย่า
00:20:02 → 00:20:05 ลืมติดตามรับชม TNN Health ทางโซเชียล
00:20:05 → 00:20:08 Media ต่างๆไม่ว่าจะเป็น YouTube tiktok
00:20:08 → 00:20:11 Facebook Instagram และ LINE official
00:20:11 → 00:20:14 นะคะอย่าลืมกดไลคกดแชร์กด Subscribe กด
00:20:14 → 00:20:16 กระดิ่งติดตามเป็นกำลังใจให้หมอดาวและทีม
00:20:17 → 00:20:20 งาน TNN กันด้วยเพื่อที่จะเข้าถึงสาระ
00:20:20 → 00:20:23 สุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปด้วย
00:20:23 → 00:20:25 กันค่ะและสำหรับวันนี้ tn and Health
00:20:25 → 00:20:28 กับหมอดาวต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไปก่อนนะคะ
00:20:28 → 00:20:30 สวัสดี
00:20:30 → 00:20:57 [เพลง]
00:20:57 → 00:21:16 ค่ะ
00:21:16 → 00:21:19 แ