00:00:01 → 00:00:10 [เพลง]
00:00:10 → 00:00:15 ส่วน Echo ไหมคะ ekg แล้วพบว่าหัวใจเต้น
00:00:15 → 00:00:18 ผิดจังหวะแพทย์จึงอัลตร้าซาวด์พบว่าหัวใจ
00:00:18 → 00:00:22 ทำงานดีมากลิ้นหัวใจปกติแต่มีอาการเจ็บ
00:00:22 → 00:00:27 หน้าอกเหมือนไฟช็อตควรพบแพทย์สาขาใดคะ
00:00:27 → 00:00:30 คำถามน่าจะเป็นแบบนี้นะฮะทนให้นิดนึงคือ
00:00:30 → 00:00:33 ทำคลื่นหัวใจแล้วเนี่ยมันผิดปกติพอทำ
00:00:33 → 00:00:36 คลื่นหัวใจซึ่งเป็นแผ่นกระดาษอะเนาะก็
00:00:36 → 00:00:40 ขึ้นหัวใจที่เป็นแผ่นกระดาษสีชมพูๆ
00:00:40 → 00:00:42 เสร็จปุ๊บการทำอัลตร้าซาวด์หัวใจเนี่ยเรา
00:00:42 → 00:00:44 เรียกว่า Eco
00:00:44 → 00:00:47 หัวใจเราเรียกว่า Echo Echo หัวใจคำว่า
00:00:47 → 00:00:49 Echo คือเสียงสะท้อน
00:00:49 → 00:00:51 Echo เวลาเราร้องเพลงใช่ไหมเวลาเราปรับ
00:00:51 → 00:00:54 Eco ก็จะมีเสียงสะท้อนเสียงสะท้อนเนี่ย
00:00:54 → 00:00:58 คือเทคนิคการใช้คลื่นเสียงเนี่ยยิงเข้าไป
00:00:58 → 00:01:02 ในหน้าอกแล้วสะท้อนหัวใจกลับมาให้เราแปล
00:01:02 → 00:01:06 ผลออกมาเป็นภาพ
00:01:06 → 00:01:11 แต่คลื่นเสียงเนี่ยมันมีชื่อภาษาอังกฤษ
00:01:11 → 00:01:15 แล้วเหมือนกันเพียงแต่ว่า Echo จะเป็น
00:01:15 → 00:01:17 อัลตร้าซาวน์จะเป็นรุ่นใหม่กว่า
00:01:17 → 00:01:21 อัลตร้าซาวด์ก็คือมันจะอัลตร้าซาวด์จะ
00:01:21 → 00:01:24 เห็นแค่โครงสร้างแต่ไอ้ข้อที่เห็นการทำ
00:01:24 → 00:01:25 งานของหัวใจด้วย
00:01:25 → 00:01:28 อันนี้คือความแตกต่างของ Echo กับ Ultra
00:01:28 → 00:01:30 Sound แต่ว่ามันคือใช้เทคโนโลยีคลื่น
00:01:30 → 00:01:34 เสียงสะท้อนเหมือนกันขึ้นเสียงคืออาจใช้
00:01:34 → 00:01:36 คลื่นเสียงเล้งระดับอัลตราซาวด์
00:01:36 → 00:01:38 Ultrasonic
00:01:38 → 00:01:41 แต่คำว่า Echo คือเทคนิคว่าใช้ Ultrasonic
00:01:41 → 00:01:43 ไปกระทบวัตถุและสะท้อนมาหาเราเรียกว่า
00:01:43 → 00:01:45 Echo
00:01:45 → 00:01:49 ส่วนขึ้นหัวใจคือการวัดเป็นกราฟออกมาพอ
00:01:49 → 00:01:51 การเรามักจะทำคลื่นก่อนเพราะคลื่นมันทำ
00:01:51 → 00:01:54 ถูกแล้วก็ทำง่ายกว่าพอมันเป็นการ
00:01:54 → 00:01:57 สกรีนนิ่งก็คือการตรวจคัดกรองพอตรวจคัด
00:01:57 → 00:01:59 กรองผิดปกติเขาก็จะมาส่งหาหมอเพื่อตรวจ
00:01:59 → 00:02:04 เอคโค่นะฮะทีนี้ถ้า Eco แล้วปกติอยู่
00:02:04 → 00:02:08 ส่วนใหญ่เนี่ยมันมักจะเป็นโรคที่ไม่ได้
00:02:08 → 00:02:09 อันตรายมาก
00:02:09 → 00:02:13 แต่ถ้ายังมีเก็บจี๊ดๆอยู่คำว่าเจ็บจี๊ดๆ
00:02:13 → 00:02:16 เนี่ยจะเห็นว่าถ้าผมพูดถึงเส้นเลือดตีบ
00:02:16 → 00:02:18 เนี่ยมันจะไม่มีคำว่าเจ็บจี๊ดๆอยู่ใน
00:02:18 → 00:02:20 อาการของเส้นเลือดตีบ
00:02:20 → 00:02:23 เพราะอาการของเส้นเลือดตีบเนี่ยเวลาเจ็บ
00:02:23 → 00:02:26 หน้าอกมันมักจะเจ็บแบบแน่นเหมือนช้าง
00:02:26 → 00:02:27 เหยียบ
00:02:27 → 00:02:31 เจ็บเหมือนมีอะไรมาทับที่หน้าอกเหมือนโดน
00:02:31 → 00:02:35 ช้างทับเหยียบที่หน้าอกและแน่นหายใจไม่
00:02:35 → 00:02:38 ออกอึดอัดอย่างเงี้ยจะเป็นลักษณะอาการ
00:02:38 → 00:02:41 เจ็บที่เหมือนกับเส้นเลือดหัวใจตีบมากที่
00:02:41 → 00:02:44 สุดแต่ก็มีบ้างที่มันเจ็บแบบแปลกๆก็คือ
00:02:44 → 00:02:46 เจ็บแบบจี๊ดๆและดันไปตรวจว่าเป็นเส้น
00:02:46 → 00:02:50 เลือดตีบมันก็มีบ้างแต่พบน้อยกว่านะฮะดัง
00:02:50 → 00:02:53 นั้นถ้าเรายังสงสัยอยู่ตรวจ Echo แล้ว
00:02:53 → 00:02:55 ปกติ
00:02:55 → 00:02:59 ถ้าเรากลัวว่าจะมีเส้นเลือดตีบเจ็บแปล๊บๆ
00:02:59 → 00:03:04 ก็แนะนำว่าควรจะตรวจดูโดยการเดินสายพาน
00:03:04 → 00:03:08 ตรวจหัวใจว่าไม่มีเส้นเลือดตีบอยู่ซ่อน
00:03:08 → 00:03:11 อยู่แน่ๆการเดินสายพานโดยปกติก็คือพูด
00:03:11 → 00:03:13 ง่ายๆเหมือนกับ Echo เหมือนกับเช็ครถใน
00:03:13 → 00:03:13 อู่
00:03:13 → 00:03:16 เดินสายพานเหมือนกับว่าเอารถลงไปขับดู
00:03:16 → 00:03:18 เหยียบคันเร่งดูสัก 120 หรือว่าเครื่อง
00:03:18 → 00:03:21 มันสะดุดมันกระตุกไหมหรือพวกง่ายๆอีกแบบ
00:03:21 → 00:03:23 ก็คือว่าตรวจหัวใจตอนเราเหนื่อยนั่นเอง
00:03:23 → 00:03:26 ถ้าหัวใจตอนเราเหนื่อยเนี่ยแล้วมันยัง
00:03:27 → 00:03:29 ปกติอยู่โอกาสที่จะเป็นเส้นเลือดตีบจะ
00:03:29 → 00:03:33 น้อยมากนะครับยกเว้นถ้ายังมีอาการเหนื่อย
00:03:33 → 00:03:36 อยู่อีกลองปรึกษาคุณหมอเดี๋ยวเขาจะพูดโดย
00:03:36 → 00:03:37 ละเอียดให้ฟัง
00:03:37 → 00:03:39 ส่วนการตรวจเส้นเลือดตีบนอกจากเดินสาย
00:03:39 → 00:03:41 ผ่านแล้วมันก็จะมีอีกหลายวิธีนะแต่เรามัน
00:03:41 → 00:03:44 เอกชนเนี่ยบางทีเขาก็จะแนะนำให้เราทำตัว
00:03:44 → 00:03:46 คอมพิวเตอร์เราเลื่อนหัวใจ
00:03:46 → 00:03:50 ซึ่งตัวคอมพิวเตอร์ก็จะเป็นการตรวจเส้น
00:03:50 → 00:03:52 เลือดหัวใจได้แบบละเอียดดีเหมือนกันคล้าย
00:03:52 → 00:03:55 ๆการฉีดสีหรือเส้นเลือดหัวใจแต่ว่าข้อ
00:03:55 → 00:03:58 เสียคือมันก็ต้องฉีดสารทึบแสงเข้าไปใน
00:03:58 → 00:04:01 ร่างกายด้วยเขาต้องใส่น้ำเกลือซึ่งก็จะ
00:04:01 → 00:04:03 เป็นการฉีดคอนทราสเข้าไปมันก็จะไม่เหมือน
00:04:03 → 00:04:06 กับการเดินสายพานที่เราไม่ได้ใส่อะไรเข้า
00:04:06 → 00:04:09 ไปในร่างกายเลยเป็นการตรวจที่เขาเรียกว่า
00:04:09 → 00:04:13 ธรรมชาติมากที่สุดนะครับ
00:04:13 → 00:04:16 แต่อันนี้เขาบอกว่าอะไรนะเจ็บหน้าอก
00:04:16 → 00:04:19 เหมือนไฟช็อตอันนี้ก็ไม่แน่ใจว่ามันแค่
00:04:19 → 00:04:21 จี๊ดๆหรือว่า
00:04:21 → 00:04:24 คือถ้าเจ็บหน้าอกเนี่ยคำว่าหน้าอกก็คือ
00:04:24 → 00:04:27 หน้าอกหน้าอกไม่ได้แปลว่าหัวใจ
00:04:27 → 00:04:30 หน้าอกมีหลายอวัยวะ
00:04:30 → 00:04:33 คำว่าเจ็บเหมือนไฟช็อตเนี่ยมือเราไปแตะ
00:04:33 → 00:04:35 เพื่อนบางคนเป็นไฟฟ้าสถิตแล้วก็เหมือนไฟ
00:04:35 → 00:04:37 ช็อตได้เลยเราก็ไม่ได้อ่านไม่ได้เป็นโรค
00:04:37 → 00:04:38 ก็ได้
00:04:38 → 00:04:41 แต่ว่า
00:04:41 → 00:04:46 ไฟฟ้าในหัวใจเนี่ยคลื่นของไฟฟ้าที่เราผม
00:04:46 → 00:04:48 พูดให้ฟังตอนแรกว่าหัวใจมันสร้างไฟฟ้าได้
00:04:48 → 00:04:51 เนี่ยมันไม่ได้สร้างแรงพอที่จะช็อตออกมา
00:04:51 → 00:04:53 ข้างนอกให้เรารู้สึกได้
00:04:53 → 00:04:57 ดังนั้นเนี่ยการเจ็บแบบไฟช็อตเนี่ยมักไม่
00:04:57 → 00:04:59 ใช่หัวใจเต้นผิดจังหวะ
00:04:59 → 00:05:02 แล้วเราก็คอนเฟิร์มได้ด้วยการที่ถ้าเราทำ
00:05:02 → 00:05:04 ชีพจรเป็นแบบที่ผมสอนไป
00:05:04 → 00:05:08 ตอนที่ไฟช็อตชีพจรมันปกติไหมอ่ะถ้ามันยัง
00:05:08 → 00:05:11 เต้นปกติอยู่ตอนที่เรารู้สึกว่าไฟช็อตอัน
00:05:11 → 00:05:16 นี้ก็ไม่น่าใช่หัวใจเต้นผิดจังหวะ
00:05:16 → 00:05:19 อันนี้ขอถามด้วยอาการของของตัวหนูเองเนอะ
00:05:19 → 00:05:25 เมื่อก่อนที่อายุก็ไม่มากสัก 20 กว่าๆเลย
00:05:25 → 00:05:27 อยู่ในช่วง 30 อ่ะค่ะเมื่อก่อนนะคะคือมัน
00:05:27 → 00:05:31 เหมือนแบบเจ็บตรงบริเวณ
00:05:31 → 00:05:36 ใต้ราวนมแต่ว่ามันเจ็บแบบว่าเหมือนกระตุก
00:05:36 → 00:05:39 อ่ะที่แบบเราต้องงอตัวลงไปเลยอ่ะค่ะ
00:05:39 → 00:05:43 อันนั้นน่ะไม่ตอนนั้นก็ไม่ได้ตรวจนะคะแต่
00:05:43 → 00:05:46 ว่าจนปัจจุบันแล้วเลือดอ่ะเอาเรื่อยๆมา
00:05:46 → 00:05:50 ก่อนจะหายไปเองพอหายไปเองจนปัจจุบันก็มี
00:05:50 → 00:05:53 มีไปตรวจเรื่องหัวใจอะไรอย่างเงี้ยแต่ก็
00:05:53 → 00:05:55 ไม่เป็นไรอ่ะค่ะอันนี้เชื่อว่าไอ้ตรงที่
00:05:55 → 00:05:58 แบบกระตุกแล้วแบบจนตัวงอแล้วแบบเรายืดตัว
00:05:58 → 00:06:02 ทันทีไม่ได้เลยอ่ะอันนั้นน่ะเชื่อว่าหลาย
00:06:02 → 00:06:04 ๆคนน่ะน่าจะมีอาการแบบนี้เท่าที่เคยคุย
00:06:04 → 00:06:09 กันนะคะค่ะก็คือส่วนใหญ่เนี่ยถ้าอาการแบบ
00:06:09 → 00:06:11 ที่บอกนะฮะถ้ากระตุกจนตัวงอส่วนใหญ่เป็น
00:06:11 → 00:06:16 เส้นเอ็นกับกล้ามเนื้อยึดซี่โครงมันอาจจะ
00:06:16 → 00:06:18 กระตุกหรือว่าอักเสบนะฮะซึ่งเจอได้บ่อย
00:06:18 → 00:06:19 เหมือนกันนะ
00:06:19 → 00:06:25 แล้วก็อ่าอีกอันนึงก็คือว่าเป็นตัวเยื่อ
00:06:25 → 00:06:29 หุ้มปอดมันอักเสบซึ่งบางทีเป็นจากได้จาก
00:06:29 → 00:06:32 หลายอย่างซึ่งมันอยู่ด้านในแป๊บนึงมันก็
00:06:32 → 00:06:34 จะหายไปเองได้ครับอันนี้ก็เป็นภาวะที่ไม่
00:06:34 → 00:06:35 อันตราย
00:06:35 → 00:06:39 แต่ทีนี้ถ้าเราไม่มีความเสี่ยงอะไรยกตัว
00:06:39 → 00:06:41 อย่างเช่นเราไม่ได้เป็นเบาหวานเราไม่ได้
00:06:41 → 00:06:44 เป็นไขมันสูงเรายังอายุไม่เยอะอาจจะไม่
00:06:44 → 00:06:47 ต้องตรวจได้แบบแบบที่ผ่านมาเพราะโอกาสจะ
00:06:47 → 00:06:48 เป็นเส้นเลือดตีบมันน้อย
00:06:48 → 00:06:51 แต่ตรงข้ามถ้าเกิดว่าเราเจ็บต้องแบบเดียว
00:06:51 → 00:06:53 กันนั่นแหละนะเจ็บเหมือนกระตุกนั่นแหละ
00:06:53 → 00:06:56 แต่เรามีความเสี่ยงสูงเช่นเราอายุเยอะ
00:06:56 → 00:07:00 แล้วเรามีไขมันสูงอยู่หรือเราเป็นเบาหวาน
00:07:00 → 00:07:03 เราเป็นความดันสูงอยู่หรือมีประวัติ
00:07:03 → 00:07:05 ครอบครัวที่เป็นโรคหัวใจเรื่องเสียชีวิต
00:07:05 → 00:07:07 เฉียบพลันในอายุน้อย
00:07:07 → 00:07:11 อันนี้แม้จะเป็นแบบเดียวกันผมก็แนะนำให้
00:07:11 → 00:07:14 อย่างน้อยควรต้องไปตรวจคลื่นหัวใจดูแต่ละ
00:07:14 → 00:07:16 คนความเสี่ยงไม่เหมือนกัน
00:07:16 → 00:07:20 มีอีกหนึ่งคำถามนะคะคือลิ่มเลือดที่อุด
00:07:20 → 00:07:24 ตันตรงไหนของร่างกายก็ได้ใช่ไหมคะที่จะทำ
00:07:24 → 00:07:27 ให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นลิ่มเลือดนะครับ
00:07:27 → 00:07:31 หลักๆเลยอ่ะในทางการแพทย์เนี่ยมันจะมี
00:07:31 → 00:07:35 อยู่ 2 ระบบคือลิ่มเลือดดำกับลิ่มเลือด
00:07:35 → 00:07:37 แดง
00:07:37 → 00:07:40 ตัวที่มีข่าวเสียชีวิตบ่อยๆ
00:07:40 → 00:07:44 ให้เราแบบให้เราเขาเรียกว่าตื่นเต้นกันก็
00:07:44 → 00:07:47 คือลิ่มเลือดดำอุดตัน
00:07:47 → 00:07:50 สาเหตุของลิ่มเลือดดำอุดตันจะเจอบ่อยๆก็
00:07:51 → 00:07:53 คือการที่มีลิ่มเลือดมันอยู่ที่ขาของเรา
00:07:53 → 00:07:57 มีขาบวมนะหรือบางคนเนี่ยไม่ได้ขยับตัวนาน
00:07:57 → 00:08:00 ๆเช่นนั่งเครื่องบินนานๆ 8 ชั่วโมง 10
00:08:00 → 00:08:02 ชั่วโมงเลยอย่างนี้เราไม่ได้ขยับไม่ได้
00:08:02 → 00:08:55 เข้าห้องน้ำเลยเนี่ย
00:08:55 → 00:09:03 [เพลง]
00:09:03 → 00:09:05 แต่ถ้าตรวจแล้วไม่เจออะไรเราก็จะมาโทษ
00:09:05 → 00:09:08 สาเหตุต่างๆกันไปนะครับอันนี้คือลิ่ม
00:09:08 → 00:09:10 เลือดดำเสียชีวิตเฉียบพลันได้ส่วนใหญ่อุด
00:09:10 → 00:09:12 ตันที่ปอดส่วนลิ่มเลือดที่เราคุยกันไป
00:09:12 → 00:09:16 เมื่อกี้นะฮะเกี่ยวกับหัวใจเนี่ยที่เรา
00:09:16 → 00:09:18 กลัวกันว่าหัวใจ AF แล้วมันบีบตัวไม่สม่ำ
00:09:18 → 00:09:21 เสมอพอหัวใจบีบตัวไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
00:09:21 → 00:09:24 เนี่ยหัวจะหัวใจก็บีบไม่สุดเนาะก็จะมี
00:09:24 → 00:09:27 เลือดตกค้างเป็นตะกอนในหัวใจได้
00:09:27 → 00:09:30 ลิ้มตะกอนนั้นน่ะจะเป็นลิ่มเลือดแดงซึ่ง
00:09:30 → 00:09:34 จะอยู่ทางด้านหัวใจซีกซ้ายแล้วมันก็จะลอย
00:09:34 → 00:09:37 ไปอุดในสมองนะมันจะเป็นคนละอันกับที่ปอด
00:09:37 → 00:09:39 เมื่อกี้นะถ้าหัวใจปกติมันจะเป็นแบบที่ผม
00:09:39 → 00:09:43 พูดใบอุ่นในสมองซึ่งตัวนี้มันจะทำให้เกิด
00:09:43 → 00:09:46 อัมพฤกษ์อัมพาตแล้วก็พอเป็นอัมพาตแล้วเรา
00:09:46 → 00:09:48 ก็จะอายุสั้นแต่ถ้าลิ่มเลือดมันใหญ่มาก
00:09:48 → 00:09:51 มันก็อาจจะเป็นอัมพฤกษ์แบบเฉียบพลันแล้ว
00:09:51 → 00:09:53 เสียชีวิตได้เหมือนกันนะครับแต่ส่วนใหญ่
00:09:54 → 00:09:57 อ่ะมันมักจะเป็นอำเภออัมพาตก่อนครับ
00:09:57 → 00:10:00 อันนี้ขอเพิ่มเติมจากที่คุณหมอพูดตะกี้
00:10:00 → 00:10:03 นี้นะคะว่าเอ่อการกินยาละลายลิ่มเลือด
00:10:03 → 00:10:07 เอ่อที่ที่ภาวะเอ่อสมองตีบอะไรอย่างเงี้ย
00:10:07 → 00:10:11 ค่ะคือมันจะต้องกินนานเท่าไหร่หรือว่า
00:10:11 → 00:10:15 ต้องระยะระยะเท่าไหร่ถึงจะไปหาคุณหมอ
00:10:15 → 00:10:19 เพื่อเช็คแล้วเช็คเนี่ยเช็คด้วยเอ่อ MRI
00:10:19 → 00:10:23 หรือว่า TC scan หรือว่าอะไรได้คะก็คือ
00:10:23 → 00:10:26 การที่เรากินยาและในเลือดเนี่ยยาแล่บ
00:10:26 → 00:10:29 เลือดก็มีหลายกลุ่มเหมือนกันยาเริ่มเลือด
00:10:29 → 00:10:32 สำหรับหัวใจเต้นผิดจังหวะเนี่ยก็จะเป็น
00:10:32 → 00:10:36 แบบหนึ่งแต่มันมีอีกกลุ่มนึงที่บางคนเข้า
00:10:36 → 00:10:38 ใจผิดว่าเป็นยาละลายลิ่มเลือดแต่จริงๆ
00:10:38 → 00:10:41 แล้วมันเป็นยาต้านเกร็ดเลือดในคนไข้ที่
00:10:41 → 00:10:44 เป็นโรคหัวใจตีบเส้นเลือดหัวใจตีบก็คือ
00:10:45 → 00:10:48 พวกแอสไพริน
00:10:48 → 00:10:51 เรียกว่ากลุ่มต้านเก็บเลือดซึ่งพวกนั้น
00:10:51 → 00:10:54 น่ะพอเรามีเส้นเลือดตีบเราก็จะต้องกินเอา
00:10:54 → 00:10:57 ไว้เพื่อให้เลือดเนี่ยมันไหลเวียนดีเลือด
00:10:57 → 00:10:59 ไม่ข้นไม่เกาะเป็นก้อนไม่อุดตันง่ายก็ทำ
00:10:59 → 00:11:02 ให้คนไข้อายุยืนขึ้นถ้าเป็นเส้นเลือดตีบ
00:11:02 → 00:11:05 หรือเคยทำบอลลูนเนี่ยแนะนำให้กินตลอดต่อ
00:11:05 → 00:11:08 เนื่องเลยจะทำให้อายุยืนขึ้น
00:11:08 → 00:11:10 ทีนี้ถ้ามาอยู่ในกลุ่มกินยาแล้วเลือด
00:11:10 → 00:11:14 เนี่ยก็มีอยู่ 2 กลุ่มก็คือยาและเมื่อ
00:11:14 → 00:11:16 สูตรมาตรฐาน
00:11:16 → 00:11:19 ตัวนี้ต้องเจาะเลือดทุก 1-3 เดือนเพื่อ
00:11:19 → 00:11:21 ที่จะดูว่าระดับยาในเลือดเนี่ยมันอยู่ใน
00:11:21 → 00:11:24 ช่วงที่กำลังพอเหมาะหรือเปล่าตัวที่เจาะ
00:11:24 → 00:11:27 เราเรียกว่า i n r ต้องอยู่ในระดับ
00:11:27 → 00:11:31 ประมาณ 2-3 ก็คือถ้าต่ำกว่า 2 เนี่ยคือ
00:11:31 → 00:11:35 ต่ำเกินไปยาก็จะไม่ได้ผลถ้าสูงกว่า 3 ยา
00:11:35 → 00:11:37 มันก็จะเกิดเรื่องโอกาสที่จะเกิดเลือดออก
00:11:37 → 00:11:40 ก็จะง่ายขึ้นดังนั้นเราก็ไม่ควรจะต้อง
00:11:40 → 00:11:43 อยู่ในช่วงที่เหมาะซึ่งตัวนี้
00:11:43 → 00:11:46 ยาววาฟารีนเป็นยามาตรฐานมันใช้ได้หลาย
00:11:46 → 00:11:49 อย่างมากโดยเฉพาะคนที่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้น
00:11:49 → 00:11:52 หัวใจยาตัวนี้ดีที่สุดเลยนะครับ
00:11:52 → 00:11:55 และอีกกลุ่มหนึ่งเขาเรียกว่ายารุ่นใหม่
00:11:55 → 00:11:57 ตัวนี้กินง่ายกว่าเดิมคือไม่ต้องเจาะ
00:11:57 → 00:12:00 เลือดเลยการออกฤทธิ์มันจะคงที่สามารถกิน
00:12:00 → 00:12:03 ได้ไปเรื่อยๆเลยคล้ายๆกลุ่ม astraline
00:12:03 → 00:12:05 คือไม่ต้องเช็คเลือดอะไรเยอะอันนี้ไม่
00:12:05 → 00:12:08 ต้องเช็คบ่อยก็กินไปเพื่อที่จะ
00:12:08 → 00:12:11 ป้องกันลิ่มเลือดซึ่งมันไม่รู้จะเกิดขึ้น
00:12:11 → 00:12:13 เมื่อไหร่ถ้าเราเคยเป็น AF แล้วเนี่ยแนะ
00:12:13 → 00:12:15 นำว่า
00:12:15 → 00:12:19 โดยส่วนใหญ่แนะนำให้กินตลอดไปเลยเพราะว่า
00:12:19 → 00:12:22 ต่อให้เราหายจาก AF แล้วเราก็ไม่รู้ว่า
00:12:22 → 00:12:24 ตอนกลางคืนมันเกิดหรือเปล่าตอนที่เราใจ
00:12:24 → 00:12:26 ไม่สั่นเนาะแต่มันมี AF หรือเปล่าเพราะ
00:12:26 → 00:12:28 เราไม่ได้ทำมอเตอร์ตลอดถ้ามันมีตอนกลาง
00:12:28 → 00:12:29 คืนมันก็มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้นได้
00:12:30 → 00:12:32 เช่นกันคือไม่งั้นวิจัยว่า AF แม้ว่าจะ
00:12:33 → 00:12:35 หายแล้วนี่มันก็ยังเกิดขึ้นได้เพราะมัน
00:12:35 → 00:12:37 ไม่รู้ว่าเป็นซ้ำตอนไหน
00:12:37 → 00:12:40 ดังนั้นเนี่ยการกินยาแล้วในเมื่อจะทำให้
00:12:40 → 00:12:42 เราอายุยืนขึ้นเพราะว่าเราไม่เป็นอัมพาต
00:12:42 → 00:12:47 มันช่วยป้องกันโดยอ้อมนะครับแต่ถ้า
00:12:47 → 00:12:50 อ่ากินยาลดบางกลุ่มก็ไม่ต้องไปหาหมอบ่อย
00:12:50 → 00:12:53 นะครับไม่ต้องมาหาหมอบ่อยมันมียาหลายแบบ
00:12:53 → 00:12:56 ยาแล้วเลือดหลายแบบ
00:12:56 → 00:12:58 อันนี้ต้องถามคุณหมอแต่ละท่านอีกทีนึงว่า
00:12:58 → 00:13:01 จะนัดห่างแค่ไหนแล้วก็ของเราเนี่ยหยุดได้
00:13:01 → 00:13:04 ไหมแต่ส่วนใหญ่เนี่ยแนะนำว่ากินต่อเนื่อง
00:13:04 → 00:13:08 ถ้าเป็น AF ครับจะทำให้เราอายุยืนขึ้น
00:13:08 → 00:13:11 แล้วก็โดยส่วนใหญ่ก็คือถ้าเราไม่แพ้ยาก็
00:13:11 → 00:13:13 ไม่มีผลกระตับไตนะครับกินแล้วไม่มีผลกับ
00:13:13 → 00:13:16 ตับไต
00:13:16 → 00:13:20 ถ้าหัวใจรั่วแต่ไม่มากจะเป็นอันตรายไหมคะ
00:13:20 → 00:13:23 ถ้าเป็นอันตรายจะรักษาอย่างไร
00:13:23 → 00:13:28 ถ้าหัวใจรั่วตัวลิ้นๆของหัวใจเนี่ยเวลา
00:13:28 → 00:13:33 มันรั่วเนี่ยมันก็จะมีหลายความรุนแรงเนาะ
00:13:33 → 00:13:36 ลิ้นหัวใจของเรามีอยู่ 4 ลิ้นนะครับตัว
00:13:36 → 00:13:39 ลิ้นแต่ละแต่ละลิ้นเนี่ยหน้าที่ของมันน่ะ
00:13:39 → 00:13:41 มันก็จะไม่เหมือนกัน
00:13:41 → 00:13:45 ลิ้นของหัวใจฝั่งขวามันก็จะมีความสำคัญ
00:13:45 → 00:13:48 น้อยกว่าเรียนวิทยาศาสตร์อยู่บ้างนะ
00:13:48 → 00:13:49 แล้วก็การรั่วของมันเนี่ย
00:13:49 → 00:13:52 มันก็
00:13:52 → 00:13:56 มีเขาเรียกว่าหลายระดับความรุนแรงก็คือมี
00:13:56 → 00:13:59 ทั้งรั่วระดับน้อยรั่วระดับปานกลางรั่ว
00:13:59 → 00:14:03 ระดับเยอะนะฮะดังนั้นเนี่ยถ้าเกิดว่ามัน
00:14:03 → 00:14:06 รั่วระดับน้อยนะครับส่วนใหญ่เราจะรู้ว่า
00:14:06 → 00:14:08 รั่วหรือน้อยหรือมากจะรู้จากการทำ Echo
00:14:08 → 00:14:12 หัวใจนะครับถ้ามันรั้วระดับน้อย
00:14:12 → 00:14:16 มักจะใช้การติดตามอาการนะครับหมายความว่า
00:14:16 → 00:14:19 อาจจะอีกประมาณ 6 เดือนเรา Echo ซ้ำมา
00:14:19 → 00:14:22 ตรวจซ้ำดูสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไหมอีก 6
00:14:22 → 00:14:25 เดือนถ้ามันยังดีเหมือนเดิมอยู่เราทำอีก
00:14:25 → 00:14:28 ทีที่ปีนึงนะครับดูว่ามันรั่วเยอะขึ้น
00:14:28 → 00:14:31 หรือเปล่าถ้าการรั่วเนี่ยสมมุติว่าการ
00:14:31 → 00:14:33 รั่วมี 4 ระดับระดับ 1 คือน้อยใช่ไหม 2
00:14:33 → 00:14:36 คือเยอะขึ้น 3 คือเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วก็ 4
00:14:36 → 00:14:38 คือมากที่สุดเนี่ยสมมุติว่ามันรั่วระดับ
00:14:38 → 00:14:41 หนึ่งคือน้อยพอปีนึงผ่านไปเราตรวจ Echo
00:14:42 → 00:14:44 ซ้ำมันก็ยังรั่วระดับหนึ่งเหมือนเดิมอัน
00:14:44 → 00:14:46 นี้โดยที่เราไม่มีอาการอะไร
00:14:46 → 00:14:50 มันก็อัตราความเสื่อมของลิ้นน่ะมันก็ไม่
00:14:50 → 00:14:53 เร็วถูกไหมฮะดังนั้นเนี่ยบางคนเนี่ยก็ยัง
00:14:53 → 00:14:55 รั่วระดับหนึ่งไปแบบนี้ทั้งชีวิตก็ได้ไม่
00:14:55 → 00:14:58 ได้อันตรายอะไรเลยก็คือมันมันรั่วของมัน
00:14:58 → 00:15:01 เพราะสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:15:01 → 00:15:04 คุมความดันให้ดีแล้วก็ไม่มีสาเหตุของการ
00:15:04 → 00:15:06 รั่วไม่มีติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจแล้วเนี่ย
00:15:06 → 00:15:09 บางทีมันก็รั่วแค่ระดับหนึ่งเนี่ยไปจนเรา
00:15:09 → 00:15:14 ไปจนเราเสียชีวิตจากโรคอื่นมันก็อ่าโดย
00:15:14 → 00:15:15 มันก็ไม่ได้รั่วมากขึ้นแล้วเราก็ไม่ต้อง
00:15:15 → 00:15:18 ผ่าตัดเปลี่ยนดินก็เป็นไปได้แต่ในบางคน
00:15:18 → 00:15:21 บางกลุ่มที่สาเหตุเขายังอยู่หรือว่าการ
00:15:21 → 00:15:25 รั่วเนี่ยมันมีโรคของเขาที่อาจจะเป็น
00:15:25 → 00:15:27 genetic เป็นกรรมพันธุ์ที่ลิ้นหัวใจมัน
00:15:27 → 00:15:30 รั่วแล้วมันรั่วมากขึ้นเพราะลิ้นหัวใจมัน
00:15:30 → 00:15:33 แบบผิดปกติเนื้อเยื่อมันผิดปกตินะครับ
00:15:33 → 00:15:37 อันเนี้ยถ้าอ่าครั้งแรกทำเป็นระดับ 1 พอ 6
00:15:37 → 00:15:40 เดือนผ่านไปเป็นระดับ 2 นะอีก 6 เดือนรวด
00:15:40 → 00:15:43 เป็นระดับ 3 เอ้าตายแล้วเริ่มมีอาการ
00:15:43 → 00:15:45 เหนื่อยมากขึ้นอันเนี้ยคุณหมอเขาก็จะ
00:15:45 → 00:15:49 พิจารณาเพิ่มเติมเช่นนอกจากการทำ Echo
00:15:49 → 00:15:51 บริเวณหน้าอกแล้วอาจจะต้องทำงานเอคโค่แบบ
00:15:51 → 00:15:53 ส่องกล้องเข้าไปทางหลอดอาหารหรือเปล่า
00:15:53 → 00:15:56 หรือว่าตรวจอื่นๆเพิ่มเติมด้วยเพราะว่า
00:15:56 → 00:16:00 อัตราการรั่วมันเร็วมันรั่วเสื่อมมากขึ้น
00:16:00 → 00:16:04 มันถ้าเป็นระดับ 3 แบบมีอาการแล้วก็หรือ
00:16:04 → 00:16:06 ว่าเป็นลวดถึงระดับ 4 อันนี้ก็อาจจะต้อง
00:16:06 → 00:16:11 พิจารณาเรื่องผ่าตัดซึ่งอันนี้การทำ Echo
00:16:11 → 00:16:13 เป็นระยะการสังเกตอาการแล้วก็การไปหา
00:16:13 → 00:16:16 แพทย์เป็นระยะก็จะสามารถช่วยบอกเราได้ว่า
00:16:16 → 00:16:19 โลกของเรามันเป็นมากขึ้นหรือเปล่าเราต้อง
00:16:19 → 00:16:22 รักษาเพิ่มเติมหรือเปล่านะครับ
00:16:22 → 00:16:26 ก็คือว่าพบแพทย์นะคะแล้วก็ติดตามอาการไป
00:16:26 → 00:16:30 เรื่อยๆแต่ถ้าแพทย์บอกว่าปีนึงผ่านไปมัน
00:16:30 → 00:16:32 ยังเหมือนเดิมเดี๋ยวหมอนัดอีกทีปีหน้า
00:16:32 → 00:16:34 หรืออีก 2 ปีแล้วนะอะไรเงี้ยอันนี้ก็สบาย
00:16:34 → 00:16:37 ใจได้ก็ไม่น่าที่จะร่วมแบบเยอะผิดปกติ
00:16:37 → 00:16:38 ครับ
00:16:38 → 00:16:42 คนที่มีภาวะเสี่ยงยังสามารถขับขี่ยาน
00:16:42 → 00:16:47 พาหนะได้ไหมคะคือถ้าเกิดว่าโรคหัวใจเนี่ย
00:16:47 → 00:16:49 อยู่ในช่วงสงบ
00:16:49 → 00:16:53 หมายความว่าเราตรวจกับคุณหมอแล้วคุณหมอ
00:16:53 → 00:16:56 เขารักษาให้ยากินแล้วเราดีหมดเลยเราไม่ใจ
00:16:56 → 00:16:58 สั่นแล้วไปตรวจ ekg ตรวจ horter คุณหมอ
00:16:58 → 00:17:01 แล้วก็พบว่าหัวใจมันเต้นสม่ำเสมอเป็นปกติ
00:17:01 → 00:17:05 ดีก็คืออยู่ในช่วงที่รักษาแล้วแล้วรักษา
00:17:05 → 00:17:08 ได้ผลดีด้วยอันนี้ไม่ใช่ข้อห้ามในการที่
00:17:08 → 00:17:11 จะทำอะไรก็ตามออกกำลังกายก็ออกได้กินกาแฟ
00:17:11 → 00:17:14 ในบางคนในบางโรคก็ยังกินได้ถามคุณหมอเขา
00:17:14 → 00:17:16 เนอะ
00:17:16 → 00:17:19 แต่ถ้าเกิดว่ายังอยู่ในช่วงที่กำเริบ
00:17:19 → 00:17:22 เช่นช่วงนี้อาการมันเป็นเยอะขึ้นไม่รู้
00:17:22 → 00:17:25 เพราะอะไรต้องไปตรวจกับคุณหมอก่อนนะหรือ
00:17:25 → 00:17:28 ว่าอยู่ในช่วงที่ยังไม่ได้ตรวจอะไรเลยยัง
00:17:28 → 00:17:31 มีอาการอยู่ตอนนี้แบบเจ็บแน่นหน้าอกหรือ
00:17:31 → 00:17:33 ใจสั่นอยู่บ่อยๆเหนื่อยง่ายอยู่แล้วยัง
00:17:33 → 00:17:36 ไม่ได้ตรวจอะไรเลยเนี่ยแนะนำว่าให้ไปตรวจ
00:17:36 → 00:17:39 ก่อนที่จะออกกำลังกายหรือขับรถเพราะว่า
00:17:39 → 00:17:42 มันมีเรื่องผู้หมดสติที่จะเกิดขึ้นได้ถูก
00:17:42 → 00:17:44 ไหมฮะเดี๋ยวมันจะอันตรายเนาะ
00:17:44 → 00:17:49 ก็ขอขอบพระคุณอาจารย์นะคะพันเอกนายแพทย์
00:17:49 → 00:17:54 กิจจาจำปาสีนะคะที่มาให้ข้อมูลแล้วก็
00:17:54 → 00:17:59 ตอบคำถามที่บางท่านเนี่ยอาจจะไม่เป็นแต่
00:17:59 → 00:18:02 ว่าถามเผื่อเพื่อนถามอะไรอย่างนี้ได้เห็น
00:18:02 → 00:18:05 นะคะว่าเออมันมีประโยชน์อย่างมากเลยซึ่ง
00:18:05 → 00:18:09 ภาวะเรื่องโรคหัวใจเนี่ยตอนนี้ที่จัดทำ
00:18:09 → 00:18:12 เรื่องนี้ขึ้นมาเนี่ยเรื่องนี้มันน่าจะ
00:18:12 → 00:18:17 แบบทำให้คนได้รับทราบในเรื่องภัยเงียบตรง
00:18:17 → 00:18:22 นี้ได้มีการสังเกตตัวเองแล้วก็สังเกต
00:18:22 → 00:18:26 เพื่อนรอบข้างหรือว่าคนในครอบครัวเพราะ
00:18:26 → 00:18:30 ว่าบางทีเรื่องความรู้ทางด้านนี้มันอาจจะ
00:18:30 → 00:18:34 น้อยสำหรับคนทั่วๆไปนะคะก็เลยทำเรื่องนี้
00:18:34 → 00:18:35 ขึ้นมาเพราะว่า
00:18:35 → 00:18:38 มันก็ไปเกี่ยวกับความเสี่ยง
00:18:38 → 00:18:41 ความเสี่ยงที่ที่เป็นระดับสูงสุดของคนเรา
00:18:41 → 00:18:47 ด้วยนะคะก็เลยได้มีโอกาสเชิญอาจารย์มาให้
00:18:47 → 00:18:50 ความรู้นะคะถ้าอย่างนั้นก็
00:18:50 → 00:18:54 เอ่อทางทางผู้ผิดชอบอ่าทางคณะดีกว่าค่ะ
00:18:54 → 00:18:57 ทางคณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ขอกราบขอบพระคุณ
00:18:57 → 00:19:01 นะคะที่อาจารย์ได้ให้ความรู้แล้วก็เอ่อ
00:19:01 → 00:19:06 โอกาสหน้าถ้ามีโอกาสอีกก็จะเชิญคุณหมอมา
00:19:06 → 00:19:09 เอ่อให้ความรู้ในด้านที่ที่คุณหมอบอกว่า
00:19:09 → 00:19:14 เอ่อเรื่องโรคหัวใจมันจะมีประมาณ 4 4 ใน
00:19:14 → 00:19:17 กลุ่มโรคของมันอะไรอย่างนี้ค่ะก็มันก็
00:19:17 → 00:19:22 เป็นเรื่องสำคัญกับมนุษย์ทั่วๆไปนะคะก็ขอ
00:19:22 → 00:19:26 กราบขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ
00:19:26 → 00:19:31 [ปรบมือ]
00:19:31 → 00:19:39 [เพลง]
00:19:39 → 00:19:59
00:19:59 → 00:20:11 [เพลง]
00:20:11 → 00:20:17